กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ  (อ่าน 296981 ครั้ง)

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #300 เมื่อ11-11-2010 18:03:57 »

ออ แบบนี้นี่เอง
ว่าแต่ว่า เอาหวานๆ น๊า เค้าชอบ
ไม่เอามาม่านะตัวเอง เรื่องใหม่ก็ด้วยอ่า
เด๋วตามไปอ่านจ้า  :L2: :L2:

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #301 เมื่อ11-11-2010 18:14:42 »

ขอบคุณคร้าบ...จาจบแย้ว  :really2:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #302 เมื่อ11-11-2010 18:18:46 »

ออ เป็นเพื่อนกันนี้เอง
แอบคิดว่าเป็นคู่รักที่พลัดพรากกันซะอีก :เฮ้อ:
จะจบแล้ว แอบใจหาย ขอตอนพิเศษหวานๆด้วยคน

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #303 เมื่อ11-11-2010 19:34:09 »

ฮว้ากกกกกกกกกก กกก  :serius2:
ตอนนี้ไม่ค้างแฮะ!!  o22
แต่ยังไงก็...
อัพไวๆๆ  :call:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #304 เมื่อ11-11-2010 19:47:37 »

 :L1:

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #305 เมื่อ11-11-2010 19:50:49 »

รอตอนต่อไปโล๊ดๆๆๆๆ

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #306 เมื่อ11-11-2010 20:43:11 »

ออ เป็นเพื่อนกันนี้เอง
แอบคิดว่าเป็นคู่รักที่พลัดพรากกันซะอีก :เฮ้อ:
จะจบแล้ว แอบใจหาย ขอตอนพิเศษหวานๆด้วยคน

จริงค่ะ เห็นด้วย
นึกว่ามีความวายฝังใจมาแต่รุ่นคุณพ่อคุณตา
ที่แท้เป็นเพื่อนกัน

แบบนี้ไม่มีอุปสรรคแล้วสินะ

คุณริวยะ แอบน่ารัก ตอนที่ยูคิกลับถึงบ้านปลอดภัย แต่..
ยูคินี่สิ ผิดคาดจริง
 :-[

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #307 เมื่อ11-11-2010 20:44:01 »

อ้อ..ญาติผู้ใหญ่มีความผูกพันทีดีต่อกันมาแต่หนหลังนั่นเอง เลยมีอานิสงส์ส่งผลมายังรุ่นหลาน
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อจ้ะ

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #308 เมื่อ11-11-2010 20:57:47 »

ใกล้จะจบแล้วสินะคะ

เห็นบอกว่าเป็นผลงานแรกๆที่แต่ง
แต่ฝีมือสุดยอดเลยค่ะ เหมือนแต่งมาหลายเรื่องแล้ว
ขอบคุณนะคะ ที่ให้ได่อ่านกัน

มารอตอนหวานๆนะคะ

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #309 เมื่อ11-11-2010 21:00:52 »

 :call: :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
« ตอบ #309 เมื่อ: 11-11-2010 21:00:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #310 เมื่อ11-11-2010 21:23:11 »

เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
+1 นะคะ

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #311 เมื่อ11-11-2010 21:25:00 »

ปาดน้ำตากระซิกๆ...ซึ่งจัด

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #312 เมื่อ11-11-2010 21:46:22 »

มิตรภาพระหว่างเพื่อน มันช่างซาบซึ้งตรึงใจจริง  :monkeysad:



ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #313 เมื่อ11-11-2010 21:55:15 »

เพื่อนแท้หายาก :a1:
แต่จะจบแล้วเหรอคะ...อย่าลืมตอนพิเศษด้วยน้าาา :man1:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปเน้อ :impress2:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #314 เมื่อ11-11-2010 22:30:48 »

อ่านจุใจหลายตอน
ว่าแล้วก็นั่งรอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #315 เมื่อ11-11-2010 23:07:04 »

แล้วคุณพ่อของริวยะ กับคุณตาของยูคิ มีเรื่องอะไรกันนี่
ทำไมคุณตาของยูคิถึงได้โกรธเคืองกันไป
ไม่มีความหลังลึกซึ้งฝังใจกันจริงๆรึ

รอลุ้นตอนจบนะคะ

บวกเพิ่มอีก 1 แต้มยังไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ
ถึงจะเป็นนิยายที่แต่งตอนยังมือใหม่ แต่คุณภาพก็คับแก้วค่ะ  o13


tawan

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #316 เมื่อ11-11-2010 23:16:24 »

ความหลังยาวไปไหนอะ

ขอแบบสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ

 :call:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #317 เมื่อ11-11-2010 23:26:05 »

งานนี้ น้องยูคิทางโล่งมากเรย
ฮ่าๆๆๆ
อนาคตสดใสแน่ๆเลย

lolilo

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #318 เมื่อ12-11-2010 01:20:58 »

 :m25: :m25:

ว่าแล้วว่าทำไมคุ้นๆ เค้าเคยอ่านแว้ว !!!!
แต่อ่านที่ไหนจำไม่ได้ 555 +

ขอบคุณมากจร้า ที่แต่งออกมาให้อ่าน คิกๆ

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #319 เมื่อ12-11-2010 11:05:39 »

อ่อ เรื่องเป็นเช่นนี้เอง มาเป็นกำลังใจให้ สำหรับตอนต่อไป สู้ๆ o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
« ตอบ #319 เมื่อ: 12-11-2010 11:05:39 »





ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
«ตอบ #320 เมื่อ12-11-2010 15:45:15 »

เป็นอดีตที่เศร้าจังเลยนะ
ตอนที่กินบะหมี่กันอ่ะ
น้ำตาคลอเลยนะ

รอตอนต่อไปนะ
เป็นกำลังใจจ้ะ
สู้ๆ นะจ้ะ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21
«ตอบ #321 เมื่อ12-11-2010 21:59:41 »

มาแปะแล้วค่า ~ (เกือบไม่ได้มา วันนี้ออกไปข้างนอกทำธุระยุ่งทั้งวันเลย ^ ^")

----------------------------------------------

======
บทที่ 21
======

 
    นับจากวันนั้น ฉันกับพ่อก็พูดคุยกันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันตัดสินใจเลือกเรียนบริหารตามที่พ่อคาดหวังไว้  ทั้งนี้ฉันรู้แล้วว่า เพราะท่านเป็นห่วงจึงอยากให้ฉันเลือกทางเดินที่มีอนาคตมั่นคง จริงอยู่ฉันรักการวาดรูป แต่พ่อก็ไม่ได้ห้ามฉันเหมือนอย่างเคย ฉันจึงตัดสินใจเลือกสิ่งนั้นเป็นเพียงงานอดิเรกที่ฉันรักแค่นั้น
    “ดีแล้วล่ะ ที่ตัดสินใจได้แบบนี้ บางครั้งความฝัน กับความเป็นจริง มันก็ร่วมทางเดินกันลำบากสักหน่อย”
    โคบายาชิบอกกับฉันหลังจากที่ฉันเล่าเรื่องของพ่อ และการตัดสินใจของฉันในการเลือกเรียนต่อให้เขาฟัง
    “แล้วนายล่ะ ฉันยังไม่เห็นนายสนใจและพูดถึงคณะที่อยากเรียนเลยสักครั้ง ตกลงนายจะเข้าเรียนคณะอะไรงั้นหรือ?”
    ฉันถามซึ่งหมอนั่นก็ยิ้มให้ พร้อมคำตอบที่ฉันคาดไม่ถึงว่าจะได้รับฟัง
    “ฉันไม่เรียนต่อหรอก จบ ม.ปลาย แล้วก็จะทำงานเลย”
    “ทำไมล่ะ น่าเสียดายออก!” ฉันโพล่งออกไปด้วยความตกใจ ซึ่งโคบายาชิกลับเห็นเป็นเรื่องตลก เขาหัวเราะให้กับฉัน
    “ก็เป็นธรรมดานี่ ฉันตัวคนเดียว ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาวิทยาลัย มันมากโขเอาการ ฐานะอย่างฉันมันไม่มีปัญญาส่งเสียตัวเองเรียนต่อหรอก”
    “ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ฉัน...”  ฉันยังไม่ทันพูดจบประโยคหมอนั่นก็ยกมือให้ฉันหยุดพูด พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังกล่าวกับฉันผิดเคย
    “ฉันรู้ นายยินดีช่วยฉัน  แต่คนอย่างฉันไม่ได้หัวดี เป็นอัจฉริยะ ถึงจะเรียนจบปริญญาไป ก็เท่านั้น ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทรัพยากรบุคคลอันล้ำค่าของประเทศนี้ขึ้นมาหรอก”
    “แต่...” ฉันเตรียมจะแย้งต่อ ทว่าโคบายาชิ กลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฉันพูดขัดเขาเลย
    “อีกอย่าง ฉันมีความฝันของฉัน  ฝันที่ไม่จำเป็นต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของใบปริญญามาค้ำประกัน ฝันที่แค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งใฝ่ฝันจะเป็น”
    ฉันเงียบ ฟังเขาพูดต่อ เพราะโคบายาชิไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังมาก่อน
    “ฉันอยากมีครอบครัวธรรมดา  มีภรรยาที่เข้าใจในตัวฉัน มีลูกน่ารัก ๆ  และพอแก่ตัวไปก็กลายเป็นตาแก่ เลี้ยงหลานตัวเล็ก ๆ  อยู่กับบ้าน”
    เขาเล่าพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข  มันช่างเป็นสีหน้าที่ดูดีมากเหลือเกิน มันทำให้ฉันมองแล้วรู้สึกอิจฉาที่เขาสามารถมีความฝันเป็นของตัวเอง โดยที่ฉันตอนนี้ ยังไม่ได้คิดไปถึงอนาคตไกลขนาดนั้นมาก่อน
    “แล้วฉันก็จะเปิดโรงเรียนสอนเคนโด้ ให้เด็ก ๆ แถวนั้น และให้หลานของฉันได้เรียน”
    มาถึงตอนนี้ฉันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจในเรื่องใหม่ที่รู้มา
    “นายเล่นเคนโด้ด้วยงั้นหรือ?”
    โคบายาชิมองฉันด้วยความแปลกใจก่อนอุทานอย่างลืมตัว
    “อ้าว? นี่ฉันไม่เคยบอกนายมาก่อนหรือนี่  จริงสิ พอขึ้นม.ปลายปี 3 ฉันก็ทำงานพิเศษหนักขึ้น ไม่มีเวลาซ้อมเลยลาออกจากชมรมน่ะ พวกสมาชิกเขาก็ไม่อยากให้ลาออกหรอก แต่พวกนั้นเข้าใจความจำเป็นส่วนตัวฉันดีเลยไม่รั้งไว้”
    “นายเล่นเก่งหรือเปล่า?” ฉันรู้สึกสนใจ และอยากรู้ในสิ่งที่หมอนั่นทำ ก็มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่หรือ หากเราเป็นเพื่อนกัน แล้วเป็นฉันที่ไม่รู้เรื่องของหมอนั่นอยู่ฝ่ายเดียว
    “เอ่อ...ก็ไม่เก่งหรอก แค่เคยได้เป็นแชมป์ของภูมิภาคคันโตเท่านั้นเอง”
    โคบายาชิบอกด้วยสีหน้าเขิน ๆ ส่วนฉันอ้าปากค้าง ก็คิดอยู่บ้างว่าอาจจะเก่ง แต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีดีกรีแชมป์ห้อยท้ายแบบนี้
    “นายเก่งถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เรียนต่อ ขอทุนนักกีฬาก็ได้นี่นา มันต้องมีมหาวิทยาลัยสักแห่งออกทุนให้อยู่แล้ว”
    ฉันบอกออกไป พยายามกล่อมให้หมอนั่นนึกอยากเรียนต่อ ส่วนเรื่องทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันคิดว่าจะติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยที่หมอนั่นเลือกอีกทีโดยไม่บอกให้เขารู้  แต่โคบายาชิก็ยังยืนกรานคำเดิม
    “ฉันเล่นเคนโด้ เพราะฉันรักในกีฬาชนิดนี้  ฉันไม่คิดจะใช้สิ่งที่ฉันรักเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์เข้าตัวเอง อีกอย่าง ฉันบอกนายแล้วว่า มหาวิทยาลัยไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน  ขอแค่ชีวิตมีความสุขไปวัน ๆ ฉันก็พอใจแล้ว”
     “สรุปว่ายังไงนายก็ไม่คิดจะเรียนต่อ”
    ฉันถามเขาอย่างนึกเสียดาย ความจริงแล้ว ฉันอยากให้เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับฉันด้วยซ้ำไป
    “อืม...หรือว่าถ้าฉันไม่ใช่นักศึกษา ไม่ใช่พวกบัณฑิตมีความรู้ แล้วจะคบหากับนายไม่ได้เหมือนเดิม”
    โคบายาชิย้อนถาม เล่นเอาฉันโพล่งกลับไปอย่างลืมตัว
    “จะบ้าหรือไง! ฉันไม่เคยแคร์ว่านายจะเป็นใคร มีฐานะอะไร คนที่ฉันถือว่าเป็นเพื่อนมีนายแค่คนเดียวเท่านั้นนะ!”
    หมอนั่นยิ้มกว้างให้ฉัน และตบบ่าฉันเบา ๆ
    “ก็นั่นล่ะ ฉันก็เหมือนกัน ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เรียนต่อ หรือเลือกทางเดินคนละทางกับนาย แต่เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมตลอดไปได้นี่นา”
    “อืม...ใช่ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่มีวันหักหลังนายเด็ดขาด”
    ฉันให้สัญญากับเขา โคบายาชิยิ้มให้ฉัน ใช่แล้วฉันตั้งใจไว้ สักวันฉันจะตอบแทนบุญคุณของเขาที่เขาทำให้ฉันเข้าใจกับพ่อ สักวันฉันจะทำเพื่อเขาบ้าง  ฉันจะไม่มีวันทำให้เขาผิดหวัง  ฉันจะไม่มีวันทรยศต่อเขาเด็ดขาด ...ไม่มีวัน
    
    ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวได้ตามคาดหมาย บางทีฉันก็เคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของพ่อ แต่เรื่องนั้นโคบายาชิกลับบอกว่า คนเราถ้าลองไม่มีความสามารถ แสร้งทำเก่งยังไงก็ไม่อาจปิดส่วนด้อยของตนได้มิด  แต่ถ้ามีความสามารถ ก็แสดงออกมาให้คนรอบข้างเห็น พวกที่นินทาหาว่าเราใช้เส้น ก็จะได้ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นอีก
    “นายคิดว่าฉันเก่งจริงงั้นเหรอ?” ฉันเคยถามหมอนั่น ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
    “จะไปรู้นายเหรอ? แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดว่านายห่วยหรอก!”
     ฉันหัวเราะด้วยกันกับเขา แต่ก็ต้องแปลกใจที่หมู่นี้โคบายาชิ ดูเหม่อ ๆ ไปในยามที่เราไม่มีอะไรคุยกัน
    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า โคบายาชิ ฉันว่านายดูแปลกไปนะ”
    ฉันถามด้วยความสงสัย โคบายาชิสะดุ้ง เจ้าตัวอึกอักก่อนสั่นหน้าปฏิเสธ
    “โธ่! เซจัง ไม่รู้หรอกเหรอว่า เรียวจังน่ะมันไปแอบหลงรักสาวเข้าให้แล้ว!”
    คุณทามะ ที่เป็นพ่อครัวร้านบะหมี่ที่โคบายาชิยังคงมาช่วยงานอยู่ แทรกขัดขึ้นมา ฉันถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหมอนั่นหน้าแดงด้วยความเขินและฉุนที่ถูกเปิดเผยความลับ
    “ฮ้า! จริงน่ะเหรอ! สาวที่ไหนล่ะ! บอกฉันมั่งสิ เผื่อฉันจะช่วยได้ เห็นแบบนี้เรื่องผู้หญิงน่ะ ฉันเชี่ยวชาญมากเลยนะ!”
    ฉันรีบเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก แถมแกล้งคุยทับไปอีกต่างหาก ดูเหมือนโคบายาชิจะเชื่อที่ฉันพูด เพราะเขาเริ่มหันมามองฉันด้วยความสนใจ บางทีหากหมอนั่นมานึกทีหลังได้ว่าฉันเองจบมาจากโรงเรียนชายล้วน ไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน เขาคงฉุนฉันน่าดู
    ในที่สุด โคบายาชิก็ยอมเล่าเรื่องสาวที่เขาแอบปิ๊งให้ฉันฟัง ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าพวกเรา 3 ปี และขณะนี้กำลังเรียนอยู่ ม.ปลายปี 1  สาเหตุที่ทำให้โคบายาชิต้องมานั่งเหม่อลอยด้วยความกลุ้มใจ ก็เพราะ ผู้หญิงที่เขาแอบหลงรักนั้น เป็นคุณหนูของตระกูลมีชื่อ และร่ำรวย เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นดอกฟ้า สำหรับเจ้าตัวเลยจริง ๆ
    “เอาน่า อย่างน้อยถ้ายัยคุณหนูนั่นเห็นเรื่องฐานะสำคัญ มากกว่าความเป็นคน ฉันนี่ล่ะจะเชียร์ให้นายเลิกสนใจหล่อนเอง”
    ฉันปลอบ ซึ่งคำปลอบของฉันคงแย่มาก เพราะฉันไม่ถนัดให้คำปรึกษาคนอื่น มีแต่คอยปรึกษาเขาเสียมากกว่า
    “เธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เธอเป็นคนใจดีมาก วันที่ฉันเจอเธอครั้งแรก  ฉันไปส่งบะหมี่ตามบ้าน แล้วรถของเธอตัดหน้ารถจักรยานของฉัน ทั้ง ๆ ที่คนขับรถลงมาดูแล้ว แต่เธอกลับลงมาด้วยตัวเอง และสอบถามฉันด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ แถมยังให้ผ้าเช็ดหน้าฉันมาเช็ดแผลถลอกด้วย และยังจะพาฉันส่งโรงพยาบาลอีกด้วยนะ”
    โคบายาชิเล่าด้วยสีหน้าชื่นชม แวบหนึ่งฉันรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้น ที่เห็นหมอนั่นสนใจคนอื่นมากกว่าตัวฉัน อาจเป็นเพราะฉันมีหมอนี่เป็นเพื่อนคนเดียวก็ได้
    “แล้วนายเป็นอะไรมากไหม?” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “จะเป็นอะไรได้เล่า นายก็รู้ว่าฉันอึดจะตาย ก็แค่แผลถลอก เลียเอาก็หายแล้ว”
   “คงจะไม่บอกกับผู้หญิงคนนั้นแบบนี้หรอกนะ” ฉันเดา แล้วก็เป็นจริง
    “เอ๋? รู้ได้ยังไงกัน ใช่ฉันบอกไปแบบนั้น แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักใหญ่เลย  แต่ก็นั่นล่ะ เวลาเธอหัวเราะน่ารักดี ฉันก็เลย รู้สึกว่าตัวเอง...ชอบเธอเข้าแล้ว”
    ท้ายประโยคเขาเกาแก้มอย่างเขิน ๆ ซึ่งฉันก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตัดสินใจช่วยเหลือให้ความรักของหมอนี่สมหวัง อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เพื่อนสมควรทำให้เพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนที่ดีอย่างเขา
    “แล้วผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรล่ะ”
    ฉันเริ่มถามข้อมูล ซึ่งโคบายาชิ ก็อ้ำอึ้งก่อนตอบ
    “ซายูริ...เธอชื่อ โทริคาวะ  ซายูริ”

   เซอิจิ หยุดพักเล่าเรื่อง ก่อนจะรับน้ำชาที่ ทาคาอิ ลูกน้องของตนส่งให้ขึ้นจิบ
    “แล้วไงอีกล่ะครับ!”
    ยูคิถามอย่างกระตือรือร้น เมื่อเห็นชายชรานิ่งเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็หันมาทางเด็กหนุ่ม พลางเหลือบมองลูกชายที่ลอบถอนหายใจ หลังจากที่ได้ฟังมาถึงตรงนี้
    เซอิจิยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าวของริวยะ แล้วจึงหันมาถามเด็กหนุ่มแทน
    “อยากฟังต่องั้นหรือ?”
    “ครับ อยากฟังครับ” ยูคิรีบตอบทันทีซึ่งชายชราก็หัวเราะเบา ๆ กับท่าทีเช่นนั้น แล้วจึงเล่าเรื่องในอดีตของตนต่อไป

   ไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่ฉันจะพาโคบายาชิ เข้าพบคุณหนูตระกูลโทริคาวะถึงบ้านของหล่อนได้ แค่ทางนั้นรู้ว่าฉันเป็นคนของมุราคามิ ก็ยินดีต้อนรับ และเชื้อเชิญฉันเข้าบ้านแทบไม่ทัน และดูเหมือน โทริคาวะ ยามาโตะ เจ้าบ้านโทริคาวะ จะนึกว่าฉันมาจีบลูกสาวเขาเสียด้วยซ้ำ  ฉันเองก็ขี้เกียจแก้ข้อเข้าใจผิด และถือโอกาสนี้ให้โคบายาชิทำความรู้จักกับซายูริเสียเลย
    ความจริงแล้ว เด็กสาวคนนี้ก็เป็นคนดีใช้ได้ หล่อนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีโดยสายเลือด กิริยาวาจาที่แสดงออกนั่นสุภาพกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่กับโคบายาชิ  ที่สำคัญก็ค่อนข้างจิตใจดี และมองโลกในแง่ดี เหมือนกันอีกต่างหาก
    พวกเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนเสมอ บางทีฉันกับซายูริก็ให้โคบายาชิซ้อมเคนโด้ให้ดู บางทีทั้งคู่ก็เป็นแบบให้ฉันวาดรูปให้ ซึ่งแน่นอนว่าพักหลังพ่อของซายูริเริ่มผิดสังเกต และเรียกฉันมาพูดเรื่องหมั้นกับซายูริให้เป็นจริงเป็นจัง เล่นเอาฉันถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี

    “คุณเซอิจิ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ลูกสาวผมเลี้ยงดูมาอย่างดี การที่ปล่อยให้ไปไหนมาไหนกับผู้ชาย หรือให้ผู้ชายมาหาถึงบ้าน ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่เพื่อน คนอื่นเขาจะนินทาลูกสาวของผมลับหลังได้  ถ้ายังไงเสียหมั้นกันให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างน้อยก็รักษาชื่อเสียงของซายูริไว้ได้บ้าง อีกอย่างเรื่องนี้ผมได้คุยกับคุณพ่อของคุณแล้ว ท่านเองก็เห็นควรให้หมั้นหมายให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเช่นกันน่ะครับ”
    ฉันเงียบกริบ ลองตกลงกับพ่อของฉันเรียบร้อยแล้วฉันจะมาปฏิเสธโดยอ้างว่าที่ทำไปเพราะเพื่อน มีหวัง มุราคามิ กับ โทริคาวะคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ อีกอย่างถ้าเกิดเรื่องขึ้นอาจจะกระทบกระเทือนหัวใจของพ่อก็เป็นได้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด ทว่า...แล้วฉันจะบอกโคบายาชิยังไงกันดี
    ฉันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก หลังจากคุยกับคุณพ่อของซายูริแล้ว ฉันก็เดินเรื่อยเปื่อยลงมายังสวนพักผ่อนของบ้านโทริคาวะ เลือกนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ยาวที่สวนด้วยความเหนื่อยอ่อน โชคดีที่วันนี้โคบายาชิไม่ได้มาด้วยกัน เพราะยามาโตะ เจาะจงเรียกตัวฉันมาพบเพียงลำพังเท่านั้น
   “คุณเซอิจิคะ วันนี้มาคนเดียวหรือคะ”
    ซายูริทักทายฉัน ซึ่งเจ้าหล่อนมาอยู่ที่สวนตอนไหนฉันเองก็ไม่อาจรู้ได้ คงเพราะฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย
    “อืม...มาคุยธุระกับคุณพ่อเธอเล็กน้อยน่ะ”
    ฉันเลือกเลี่ยงตอบ ไม่แน่ใจว่าซายูริเองจะรู้อยู่ล่วงหน้าหรือเปล่า
    “ดูคุณสีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรกลุ้มใจก็บอกกับฉันได้นะคะ ถึงฉันจะเป็นที่ปรึกษาได้ไม่ดีเท่าคุณโคบายาชิ แต่ก็ยินดีรับฟังค่ะ”
    ประโยคหลังเจ้าหล่อนรีบบอกต่ออย่างกระตือรือร้น ฉันยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ความจริงแล้วฉันยังไม่เคยคุยกับซายูริตรง ๆ แบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่ฉันจะคุยผ่านโคบายาชิมากกว่า หรือจะว่าไปแล้ว โคบายาชิ จะเป็นคนทำให้การสนทนาระหว่างเราเกิดขึ้นต่างหาก
    “ไม่มีอะไรหรอก ...จริงสิ ซายูริ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
    ซายูริชะงัก ยิ้มเอียงอายน้อย ๆ จะว่าไปแล้วเวลาเธอคุยกับฉันก็มักเป็นแบบนี้ตลอด ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดด้วยเสมอ
    “อะไรหรือคะ”
    “เธอคิดยังไงกับโคบายาชิ เธอชอบหมอนั่นไหม?”
    ซายูริเงียบกริบ ฉันเองก็ผิดสังเกตที่เห็นเธอเงียบไปนาน ฉันนึกทวนคำพูดของตัวเอง บางทีฉันคงถามอะไรตรงเกินไปก็ได้
    “เอ่อ...ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่ก็แค่อยากรู้ เพราะหมอนั่นชอบเธอนะ”
    เธอเงียบอีก ฉันเองก็เงียบเพราะเพิ่งนึกได้ว่าดันไปเผลอบอกความในใจของเพื่อนรักให้เธอรับรู้แทนเจ้าตัวไปเสียแล้ว
    “แล้วคุณ...” ซายูริ กระซิบเสียงแผ่วซึ่งฉันจับใจความไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ยิ้มให้ฉัน เป็นรอยยิ้มที่ฉันมองแล้วทำไมถึงดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้มากกว่า
    “ฉันก็ชอบคุณโคบายาชิค่ะ เขาเป็นคนดี... ดีมากเลย”
    “งั้นหรือ! ดีจริง หมอนั่นรู้เข้าคงจะดีใจ เธอตัดสินใจถูกแล้วล่ะ หมอนั่นถึงจะจนแต่เป็นคนดีนะ ฉันเองก็ชอบหมอนั่นมากเขาเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด เป็นเพื่อนคนสำคัญคนเดียวที่ฉันยอมรับ”
    ฉันบอกอย่างยินดี แล้วก็พูดถึงโคบายาชิในความคิดฉันให้เธอฟัง แต่ฉันคงดีใจแทนเพื่อนไปหน่อย เลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของซายูริในตอนนั้น
    “แล้วฉันล่ะคะ...”
    ซายูริเอ่ยขึ้น ซึ่งก็ทำให้ฉันหันมามองเธออย่างงง ๆ
    “แล้วฉันล่ะคะ คุณเซอิจิคิดยังไงกับฉันกันแน่”
    คำถามของหล่อนทำให้ฉันขมวดคิ้ว แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแววตาจริงจังแฝงความหมายที่มองมา
    “แต่เมื่อครู่เธอบอกว่าเธอชอบโคบายาชิไม่ใช่งั้นหรือ...”
    ฉันถามด้วยความสับสน ซายูริคนนี้ดูผิดแปลกไปจากซายูริขี้อายที่ฉันรู้จักราวคนละคน
    “ใช่ค่ะ ฉันชอบคุณโคบายาชิ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกชอบที่ฉันมีต่อคุณนี่คะ!”
    ซายูริโพล่งใส่ฉัน เป็นครั้งแรกที่เธอขึ้นเสียงใส่ฉัน ไม่ใช่สิ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณหนูผู้เรียบร้อยอย่างเธอขึ้นเสียงใส่คนอื่นแบบนี้
    “แต่ฉัน...”
    ฉันอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก ฉันจะปฏิเสธออกไปว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอดีไหมนะ แต่ถ้าฉันทำแบบนั้นเธอจะเสียใจไหม ถ้าผู้หญิงที่ตัวเองรักเสียใจ โคบายาชิล่ะ...หมอนั่นจะเสียใจด้วยไหม?

    แล้วตัวฉันก็ต้องตัวชาทั้งตัว เมื่อหันไปพบว่ามีสายตาของคน ๆ หนึ่งจ้องมองมาทางพวกเรา ...โคบายาชินั่นเอง หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ข้าง ๆ มี โทริคาวะ ยามาโตะยืนอยู่ด้วย ใบหน้าของชายวัยกลางคนเหยียดยิ้มน้อย ๆ ซึ่งฉันมองปราดเดียวก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
    “โคบายาชิคุง เธอว่าสองคนนั่นเหมาะกันดีไหมล่ะ ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณเซอิจิ ในงานหมั้นของทั้งสองคน ฉันขอเชิญเธอเป็นแขกในงานนี้ด้วยแล้วกันนะ”
    ยามาโตะเปรยขึ้นดัง ๆ ซึ่งซายูริเองก็หน้าเสียไปเมื่อหันไปเห็นพ่อของตนกับโคบายาชิ  ส่วนฉันกำหมัดน้อย ๆ เพราะความโมโห ตอนนั้นคิดแต่เพียงว่า เป็นไงเป็นกัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทว่า...
    “ขอบคุณครับที่เชิญผม  แล้วก็ยินดีด้วยนะเซอิจิ  ซายูริจัง”
     โคบายาชิกล่าวกับทั้งฉันและซายูริด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ฉันกลับรู้สึกเจ็บแปลบในอก รอยยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มเศร้า ๆ ของโคบายาชิที่ฉันไม่เคยได้เห็น และไม่คิดปรารถนาจะเห็นมันเลยสักนิด แต่ยามนี้เขากลับส่งรอยยิ้มเช่นนั้นให้ฉัน
    “แล้วเรื่องธุระ...”
    โคบายาชิหันไปทางยามาโตะ ยังคงรักษาสีหน้าให้เป็นปกติเช่นเคย
    “อืม...นั่นสิ ถ้าเป็นแบบนี้ ธุระนั่นคงไม่ต้องคุยกันแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าขอโทษที่รบกวนเวลาเธอนะ โคบายาชิคุง”
    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวลากลับก่อนนะครับ”
    โคบายาชิโค้งให้ยามาโตะ โดยที่หันชำเลืองมองมาทางฉันและซายูริแวบหนึ่ง  จากนั้นเขาก็เดินออกไป โดยไม่มีแม้แต่คำอำลา ฉันรีบวิ่งตามเขาไปทันทีที่ตั้งสติได้  โดยไม่ได้สนใจพ่อลูกโทริคาวะ  แต่ฉันก็ตามไม่ทัน หมอนั่นไปแล้ว เขาวิ่งหนีไป ไม่รอให้ฉันตามมาเพื่ออธิบายเลยแม้แต่น้อย

    ฉันตามไปที่ทำงานที่หมอนั่นทำอยู่แต่ละแห่ง ทว่ากลับได้รับคำตอบเดียวกันหมดคือโคบายาชิโทรมาขอลางาน ฉันตามไปที่ห้องพักของหมอนั่น เคาะประตูห้องอยู่ตั้งนานแต่ก็เงียบ เขาไม่ยอมเปิดให้ฉันเข้าไป
    “โคบายาชิ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
    ฉันเฝ้าพึมพำขอโทษอยู่หน้าห้องเช่นนั้นเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แต่ภายในห้องยังคงเงียบสนิท แต่ฉันรู้ว่าหมอนั่นอยู่ข้างใน
    “ฉันจะไปปฏิเสธการหมั้น  ฉันจะบอกความจริงกับโทริคาวะ ยามาโตะ  จะบอกความจริงกับซายูริ ว่าฉันไม่ได้ชอบเขา ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดนี่ก็เพื่อนายเท่านั้น”
   “...อย่าทำแบบนั้นนะ”
    เสียงของโคบายาชิดังขึ้นเป็นครั้งแรก ฉันดีใจมากทุบประตูรัวให้เขาเปิดห้องให้ฉันเข้าไป
    “โคบายาชิ นายอยู่ในห้องจริง ๆ สินะ เปิดให้ฉันเข้าไปได้ไหม ขอร้องล่ะ!”
    ประตูห้องเปิดออก โคบายาชิเปิดประตูออกมา ฉันกอดเขา และพร่ำขอโทษ หมอนั่นลูบหลังปลอบฉัน พร้อมคำพูดอ่อนโยนเหมือนดังเช่นทุกครั้งยามที่ฉันมีทุกข์และต้องพึ่งพาเขา
    “ฉันขอโทษ โคบายาชิ นายอย่าโกรธฉันได้ไหม นายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมีนะ”
    “บ้าน่ะ ฉันไม่เลิกคบกับนายเพราะเรื่องแบบนี้หรอก”
    โคบายาชิปลอบ เรานิ่งเงียบสักพัก หมอนั่นจึงพูดต่อ
    “เซอิจิ...ซายูริจังชอบนายจริง ๆ นะ เวลาที่อยู่ด้วยกันเธอก็มักแอบมองนายเสมอ ด้วยสายตาที่ฉันรู้ดีว่ามันแฝงไว้ด้วยความรัก ...ใช่ฉันรู้ แต่ฉันมันขี้ขลาด ฉันมันไม่กล้ายอมรับความจริง  ฉันมันไม่ใช่เพื่อนที่ดีของนายหรอกเซอิจิ คนที่ควรจะขอโทษน่าจะเป็นฉันมากกว่า”
    คำสารภาพของโคบายาชิทำให้ฉันตกตะลึง  หมอนั่นรู้มาตลอดถึงความรู้สึกของซายูริ  แล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ...ถ้าเขาบอกให้ฉันรับรู้ ฉันจะรีบพาเขาออกให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น  ฉันจะไม่ทำให้เขาเจ็บเพราะตัวฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้เด็ดขาด
    “โคบายาชิ...นายมันบ้า! บ้าที่สุด!”
    ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี ฉันมันปลอบคนไม่เก่ง เพื่อนฝูงที่คบหา นอกจากหมอนี่แล้ว ฉันก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับใคร โลกส่วนตัวของฉันมีแต่เขาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนี้ ฉันยังทำให้เขาต้องเจ็บโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัวแบบนี้อีก
    “พวกนายทั้งคู่เหมาะสมกันนะ”
   โคบายาชิบอกพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่ฉันไม่อยากเห็นนั่นอีกครั้ง
   “นายโกหก! บอกออกมาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนายสิ! นายโกรธฉันใช่ไหม นายเสียใจใช่ไหม ที่คนที่ซายูริชอบเป็นฉันไม่ใช่นาย! อย่ามาทำเป็นเสียสละหลีกทางให้แบบนี้ แล้วแอบไปเสียใจคนเดียวได้ไหม ฉันเป็นเพื่อนของนายไม่ใช่หรือไง!”
    ฉันระเบิดอารมณ์ กระชากคอเสื้อเขามาใกล้และตะคอกใส่หน้า เพราะไม่อยากเห็นโคบายาชิคนนี้  ฉันรู้ว่าเขาเสียใจ แต่ต่อหน้าฉันเขากลับไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เห็นเลยสักนิด แล้วเขาจะมีฉันไว้เป็นเพื่อนทำไมกัน
    โคบายาชิชะงัก เขาเงียบไป และค่อย ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปวดร้าว อย่างที่ไม่เคยให้ใครได้ยินมาก่อน
    “ใช่...ฉันเสียใจ ...ฉันเสียใจที่ซายูริไม่ชอบฉัน...ฉันเจ็บใจที่ฉันมันไม่เจียมตัวเอง....คนจนอย่างฉัน ดันใฝ่สูงไปรักดอกฟ้าแบบนั้น...มันก็ต้องพบกับจุดจบแบบนี้อยู่แล้ว ...”
      เขาเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นจึงปัดมือฉันที่กุมคอเสื้อเขาออกไป แววตาเย็นชาที่ไม่เคยได้เห็นมองมายังฉัน น้ำเสียงห้วนที่ไม่เคยฟังเอ่ยชัดเจน
    “ไปให้พ้นจากห้องของฉัน แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ...ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!”
    ฉันตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ...ใช่แล้วฉันเองที่บังคับให้เขาพูดออกมา แต่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำตัดขาดจากเขา ...เพื่อนคนเดียวของฉัน  เพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉัน
    “โคบายาชิ...นายพูดเล่นใช่ไหม...”
    เขาดันร่างฉันให้พ้นประตูห้องและปิดประตูกระแทกใส่ฉันแทนคำตอบ ไม่ว่าฉันจะเคาะประตูเรียกเขานานเพียงใด ก็ไม่มีเสียงตอบมาจากข้างในนั้น
    “โคบายาชิ...เราเคยสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ใช่หรือไง...”
     ฉันทิ้งท้ายก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้าน วันนี้หมอนี่อาจจะเสียใจมากจนไม่อยากรับฟังอะไร  บางทีหากเป็นพรุ่งนี้ เราคงจะทำความเข้าใจกันได้เหมือนเดิม  เพราะเราเป็นเพื่อนกัน...เพื่อนรักคนสำคัญตลอดกาล

    ทว่าวันพรุ่งนี้ของเราก็ไม่อาจมาถึง  วันรุ่งขึ้นฉันรีบมาหาโคบายาชิแต่เช้า แต่ก็พบกับความว่างเปล่า สอบถามเจ้าของบ้านเช่า ได้ความว่าเมื่อคืนจู่ ๆ โคบายาชิก็ขอย้ายออกกะทันหัน เขาจ่ายค่าเช่าที่ค้างไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเก็บข้าวของที่มีอยู่ไม่มากออกไป พอฉันถามเขาว่าโคบายาชิย้ายไปไหน เจ้าของบ้านเองก็ไม่รู้เช่นกัน
    ฉันไปถามเจ้าของร้านที่โคบายาชิไปทำงานพิเศษแต่ละแห่ง ก็พบคำตอบเดียวกัน คือไม่รู้ หมอนั่นไปลาพวกเขา และผลุนผันออกไป ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ซักถาม ซึ่งคนสนิทอย่างคุณทามะเองก็ซักไซ้ไล่เรียงฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดไม่ออกเช่นกัน
    หลังจากนั้นอีกเพียงหนึ่งเดือน ฉันจำต้องเข้าพิธีหมั้นกับซายูริ เพราะพ่อของฉันออกหน้าเร่งรัดฉันกลาย ๆ ซึ่งฉันก็พอจะเดาได้ว่า โทริคาวะ ยามาโตะ  ต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้  พ่อเชิญแขกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในวงการที่มีชื่อเสียง ฉันไม่อยากให้พ่อเสียใจ จึงจำต้องยอมตกลงโดยไม่ขัดขืน ...แต่ความจริงแล้ว อาจเป็นเพราะฉันในตอนนี้ ใครจะให้ฉันทำอะไร ให้อยู่ในสถานะไหน ฉันก็ไม่มีจิตใจจะแข็งขืนใครอีก ไม่อยากคิดอะไรมากให้มันรกสมองอีกแล้ว ... นับตั้งแต่วันที่หมอนั่นจากไป

    หลังจากนั้น ฉันกับซายูริ ก็แทบไม่ค่อยได้พบปะกัน แม้จะหมั้นกันแล้ว แต่ฉันกลับมุ่งในด้านการเรียนมากขึ้น พอจบออกมาก็ยุ่งวุ่นวายกับงานธุรกิจ ไม่คิดจะไปสู่ขอเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว และยิ่งหลังจากพ่อฉันเสีย ฉันก็ได้ครอบครองอำนาจทุกอย่างของมุราคามิ ฉันไม่จำเป็นต้องเกรงใจโทริคาวะ ยามาโตะอีกต่อไป
    บางทีฉันอาจจะทำไปเพื่อแก้แค้นแทนเพื่อนของฉันก็ได้ ฉันรู้ว่าเขาไม่ต้องการ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่อาจยอมรับว่าหมอนั่นหนีไปเพราะฉันเป็นต้นเหตุได้
    แต่ซายูริเองก็อดทนรอฉัน  เธอไม่เหมือนพ่อของเธอ ฉันรู้ เธอรักฉันจากใจจริง...และแล้ว หลังจากเราหมั้นกัน นับจากวันนั้นก็ผ่านมาสิบปี วันที่ฉันได้คิดถึงโคบายาชิอีกครั้ง  
    “บางที...ฉันเองก็อยากย้อนเวลากลับไปตอนที่พวกเราทั้งสามคนยังอยู่ด้วยกัน เที่ยวเล่นด้วยกัน เวลานั้นเป็นเวลาที่ฉันมีความสุขที่แท้จริง  มากกว่าวันที่ฉันได้คนที่รักมาครอบครอง แต่ก็ได้เพียงร่างกายของเขา ส่วนหัวใจไม่ได้ตามมาด้วยเลย”
    ซายูริพูดกับฉัน หลังจากที่เธอคืนแหวนหมั้นให้ฉัน เธอทำให้ฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง  ฉันมันโง่เอง  ฉันเสียเพื่อนไปแล้ว แต่นี่ฉันกำลังจะเสียคนที่รักฉันไปอีกคนแล้วสินะ
    ฉันนึกถึงความผิดพลาดของตัวเองเมื่อครั้งอดีต ฉันไม่อยากทำผิดอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงไม่ยอมเสียซายูริไป ฉันอาจจะเห็นแก่ตัวก็ได้ ที่ยึดเธอไว้เป็นที่พึ่ง เธอเองก็รู้แต่เพราะรัก เธอถึงไม่ทิ้งฉันไป
    แล้วเราก็แต่งงานกัน จนมีริวยะ และริวจิ ทว่าทุกวันนี้ ฉันเองก็ยังคงไม่ลืมหมอนั่น ฉันอยากเจอเขาอีกสักครั้ง อยากจะขอโทษเขาในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เหนืออื่นใด ฉันอยากให้เขาอภัยให้ฉัน อยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมอีกครั้ง...

 


=====
TBC
=====


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แปะตอนสุดท้ายแล้วนะคะ ถ้ามีโอกาส ก็จะมาเขียนตอนพิเศษให้อ่านนะคะ

ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และคอมเมนต์เป็นกำลังใจ พูดคุย แนะนำ แสดงความคิดเห็นต่อนิยายเรื่้องนี้  ได้อ่านทุกคอมเมนต์นะคะ ถึงจะไม่ได้ตอบหรือพูดคุยด้วยตลอดก็ตาม สำหรับนิยายเรื่องที่อัพค้างอยู่ก็จะมาต่อเรื่อย ๆ ค่ะ (ตั้งแต่วันจันทร์นี้ไปก็เริ่มว่างแล้วค่ะ)



--------------------------

======
บทที่ 22 (จบ)
======


            เซอิจิถอนหายใจเบา ๆ หลังจากเล่าจบ เขามองยูคิซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา โดยมีริวยะลูบหัวปลอบโยนอยู่ข้าง ๆ เพราะไม่คิดว่าตาของตัวเองและอีกฝ่ายจะมีอดีตอันน่าเศร้าแบบนี้มาก่อน
    “นี่ล่ะเรื่องของฉันกับตาของเธอ  เธอคงไม่รู้เลยสินะ ตาของเธอคงไม่อยากพูดถึงคนอย่างฉันให้หลานอย่างเธอได้ฟังล่ะสิ”
    น้ำเสียงเศร้า ๆ ทำให้ยูคิเช็ดน้ำตาของตนให้แห้ง แล้วรีบแย้งกลับไปทันที
    “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ!”
    คนอื่น ๆ สะดุ้งโหยงกับเสียงตะโกนของเด็กหนุ่ม ยูคิรู้สึกตัว จึงก้มหัวขอโทษค่อย ๆ 
    “เอ่อ... คือผมอยากบอกว่า คุณตาเองคงไม่โกรธคุณหรอกครับ”
    คำพูดของยูคิทำให้ทั้งเซอิจิ และริวยะหันมามองด้วยความสนใจ เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ถูกจ้องมอง แต่ก็ยังกล่าวต่อไปอีก
    “คุณตาของผมไม่ใช่คนที่จะอาฆาตแค้นใครกับเรื่องแค่นี้แน่ โดยเฉพาะคน ๆ นั้นได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของคุณตาด้วยแล้ว”
    เซอิจิเงียบไปเมื่อได้ฟัง ก่อนเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
    “แต่การที่เขาหนีหน้าหายไปจากฉันแบบนั้นล่ะ จะให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
    “ผมก็ไม่แน่ใจ...”
   ยูคิบอกไม่เต็มเสียง เขาเงียบไปสักพัก แล้วก็ทำท่าฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
    “บางทีนะครับ ถ้าได้อ่านสมุดบันทึกของคุณตาอาจจะรู้ก็ได้!”
    “สมุดบันทึก?”  เซอิจิทวนคำ และก็ต้องแปลกใจที่จู่ ๆ คนที่ทำท่าดีใจ กลับสลดลงไปอีกรอบ
    “ครับ ...คุณตาชอบเขียนบันทึกส่วนตัวยามว่าง แต่ว่า...บันทึกของคุณตา ไม่อยู่แล้ว เพราะ...”
   ยูคิลอบชำเลืองมองไปทางริวยะ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสบตาอีกฝ่าย เจ้าตัวก้มหน้ามองพื้น บอกต่ออุบอิบ
    “ของทุกอย่างของคุณตา ไม่สิ ของทุกอย่างที่บ้านเก่า มัน...”
    ริวยะถอนหายใจเบา ๆ  และหันไปทางทาคุซึ่งอยู่ในห้องด้วย
    “ทาคุ พายูคิไปที่ห้องนั้นทีสิ”
    ทาคุโค้งรับคำสั่ง และหันมากล่าวกับยูคิอย่างสุภาพ
    “คุณยูคิ เชิญตามมาทางนี้ครับ”
    ยูคิลุกขึ้นเดินตามทาคุไปอย่างงง ๆ  โดยมีริวยะยิ้มอย่างอ่อนโยน มองต่างร่างบางไป  ฝ่ายเซอิจิเมื่อชำเลืองมอง เห็นสีหน้าเช่นนั้นของบุตรชาย จึงลอบถอนหายใจกับตัวเอง แล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ เช่นกัน

    ทาคุพายูคิมาหยุดยืนหน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง และเมื่อชายหนุ่มยิ้มพร้อมเปิดประตูห้องให้ ยูคิก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อข้าวของ เครื่องใช้ ของส่วนตัวที่บ้านเก่านั้น ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่ภายในห้อง
   “ของ ๆ ฉัน ที่บ้านโน้นนี่นา!”
   ยูคิอุทานด้วยความประหลาดใจ ปนตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นของเหล่านี้อีก เนื่องจากคิดว่าริวยะทำลายทิ้งไปพร้อมบ้านเก่าแล้ว เจ้าตัววิ่งไปสำรวจ สิ่งของต่าง ๆ อย่างดีใจ จนทาคุต้องเอ่ยปากเตือน
   “คุณยูคิครับ ไว้ค่อยมาสำรวจของเหล่านี้ทีหลังก็ได้ครับ แต่ตอนนี้เราไม่ควรให้คุณริวยะ และท่านเซอิจิต้องรอนานนะครับ”
   ยูคิชะงัก ก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้ จากนั้นเจ้าตัวก็ลงมือค้นหาบันทึกของโคบายาชิ เรียว ซึ่งก็ใช้เวลาสักพัก ในที่สุดก็เจอ
   “นี่ไง ของ ๆ คุณตาทั้งหมด!”
   ยูคิหยิบลังไม้ลังใหญ่ ยกออกมาจากด้านล่างตู้โชว์ซึ่งตั้งอยู่ในห้อง พอเปิดลังดูก็พบว่า ข้างในนั้นมีสมบัติส่วนตัวของโคบายาชิ และสมุดบันทึกเล่มหนา ๆ  อยู่ราว 10 เล่ม
    “นี่ไง ทาคุ...”
    ยูคิเรียกชายหนุ่มมาดู พร้อมกับหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกไปมา พลางมองอย่างรำลึกความหลัง
   “คุณตาของฉันน่ะชอบเขียนบันทึก เวลาตอนฉันเด็ก ๆ ฉันเคยถามท่านว่าเขียนไปทำไม ท่านก็หัวเราะ แล้วบอกว่า สมุดบันทึกเหล่านี้ คือตัวแทนของท่าน เป็นความทรงจำอันล้ำค่า ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษร  ตัวตนของท่านทั้งหมดจะคงอยู่ตราบเท่าที่สมุดบันทึกเหล่านี้ยังอยู่...”
    “เป็นคุณตาที่น่านับถือนะครับ”
    ทาคุเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ซึ่งยูคิก็ยิ้มรับ
    “ใช่ ฉันรักคุณตาของฉันมากที่สุด และเชื่อเถอะ คุณตาต้องไม่หนีหน้าไปเพราะโกรธคุณเซอิจิด้วยเรื่องแค่นั้นแน่นอน ต้องมีเหตุผลที่มากกว่านั้นแน่ ฉันเชื่อมั่นอย่างนั้น!”
    ชายหนุ่มยิ้ม และอาสาช่วยถือสมุดบันทึก ซึ่งยูคิก็ส่งให้ครึ่งหนึ่ง ทั้งที่ทาคุบอกว่าจะถือให้ทั้งหมด แต่เด็กหนุ่มยืนกรานไม่ยอม ลงท้ายคนที่มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัว ก็ต้องยอมรับข้อเสนอ ให้อีกฝ่ายช่วยถือครึ่งหนึ่งแต่โดยดี
   
    “ขอโทษครับที่ทำให้รอนาน”
   ยูคิกล่าว พร้อมกับเดินคุกเข่ามานั่งข้างหน้าเซอิจิ และส่งยื่นสมุดบันทึก ทั้งหมดที่เขาและทาคุถือมาให้
    “ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมเชื่อว่า ในบันทึกของคุณตา ต้องมีเรื่องของคุณอยู่ด้วยแน่นอน”
    เซอิจิซึ่งหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง มาลองเปิดอ่านผ่าน ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
   “ทำไมเธอมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
   คำถามที่ทำให้คนฟังยิ้ม และบอกตอบอย่างอ่อนโยน
   “เพราะผมเคยถามคุณตาอยู่ครั้งหนึ่ง ว่าคุณตาเขียนอะไรลงไปบ้าง  คุณตาก็บอกว่า เขียนเรื่องสิ่งที่คุณตาชอบ เขียนเรื่องคนที่คุณตารัก พอผมถามต่อว่า คนที่คุณตารักมีใครบ้าง ตอนนั้นคุณตาก็ไล่ชื่อ คุณย่า คุณแม่ คุณพ่อ  แล้วก็ผม และคนอื่น ๆ ที่ท่านรู้จัก แต่คนสุดท้ายที่ผมจำได้เสมอไม่มีวันลืม แม้เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อสมัยผมยังเด็กมากก็ตาม…”
    ระหว่างที่ยูคิกำลังกล่าวให้ชายสูงอายุฟัง  ริวยะเองที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องก็เริ่มสังเกตได้ว่า เด็กหนุ่มหายหวาดกลัว และเริ่มชินกับพ่อของตน เห็นได้จากการที่เจ้าตัวไปนั่งคุยกับอีกฝ่ายใกล้ ๆ เหมือนดังเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
    “คุณตาทำหน้าระลึกความหลังอยู่สักพัก แล้วก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ท่านบอกว่า ท่านเขียนถึงเพื่อนรักของท่านคนหนึ่ง คนที่แม้ชีวิตนี้ไม่อาจไปพบกันได้อีก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คน ๆ นั้นก็ยังเป็นเพื่อนรักที่สุดตลอดกาลสำหรับท่าน”
    เซอิจินิ่งเงียบ รู้สึกจุกแน่นในอกขึ้นมาเฉียบพลัน เมื่อได้ยินประโยคบอกกล่าวถึงความรู้สึกอันแท้จริงของเพื่อนรัก จากเด็กหนุ่มผู้เป็นหลานชายเพื่อนตรงหน้า
    “มาถึงตอนนี้ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับว่า เพื่อนรักคนที่คุณตาหมายถึง คือใคร”
    ยูคิบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาจากกองสมุดตั้งนั้น มันเป็นสมุดบันทึกที่มีปกเป็นสีดำมีกรอบนูนทองตรงหน้าปก
    “และที่ผมจำได้ดีก็คือสมุดเล่มนี้ครับ...สมุดที่คุณตาเขียนเป็นเล่มสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต”
    เซอิจิจ้องมองสมุดเล่มนั้น และเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่กล่าวต่อไป
   “คุณตาบอกกับผมในวันนั้นว่า... สักวันหนึ่งอยากจะให้คน ๆ หนึ่งได้อ่าน ซึ่งพอผมถามว่าเป็นใคร ท่านก็ไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้ และในคืนนั้น ท่านก็จากไปอย่างสงบ...”
   ยูคิยื่นส่งให้กับมือของชายชรา และจับมือของอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งให้รับมันไว้
   “ผมส่งต่อให้แล้วนะครับ ผมเชื่อเหลือเกินว่า เพื่อนที่คุณตาท่านบอก ก็คือคุณนั่นเองครับ”
    เซอิจิไม่พูดอะไร นอกจากเปิดบันทึกดู เขาเปิดไปหน้าหลัง ๆ แล้วก็ต้องสะดุดกับข้อความ ๆ หนึ่ง

   [ถึง เซอิจิ เพื่อนรักของฉัน]
    ชายชราชะงัก มือสั่นเทา และตัดสินใจอ่านข้อความในหน้านั้นต่อ โดยมีคนอื่น ๆ มองดู อย่างเอาใจช่วย
   [ฉันหวังเหลือเกินว่าจะมีปาฏิหาริย์ใดก็ตาม ทำให้นายได้มีโอกาสอ่านสมุดบันทึกของฉันเล่มนี้  ฉันรู้ตัวดี ว่าคงเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก ฉันรู้สึกผิดที่ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีนี้ ฉันไม่เคยโผล่หน้ากลับไปหานายเลยสักครั้ง  ฉันรู้ วันนั้นที่ฉันจากนายมา มันทำให้นายเจ็บปวด ทำให้นายไม่เข้าใจในตัวฉัน นายคงคิดสินะ ว่าฉันโกรธนาย เกลียดนาย อยากตัดความสัมพันธ์กับนาย...
   แต่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพื่อนรัก...ฉันไม่เคยนึกโกรธนาย เกลียดนาย แต่อย่างใด นายกับซายูริ เหมาะสมกันมากที่สุดแล้ว  ฉันดีใจที่นายสองคนหมั้นกัน ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่เอาแต่ใจ และใจร้อน ซายูริ เป็นคนใจเย็น มีเหตุผล ถ้านายเป็นไฟ ซายูริ ก็เหมือนเป็นน้ำคอยดับไฟ ฉันมั่นใจว่าชีวิตคู่ของพวกนายจะต้องราบรื่นเป็นแน่
     เพราะอย่างนั้น ฉันจึงจำต้องจากมา ...ฉันรู้ ถ้าฉันยังอยู่ นายย่อมไม่มีวันจะลงเอยกับซายูริได้  นายคงจะเกรงใจฉัน และพยายามหาทางทำให้ฉันกับซายูริ ลงเอยกันให้ได้แทน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันปรารถนาจะให้เกิดขึ้นเลย
    เพื่อนรัก ... นายไม่ต้องแก้ตัวหรอกนะ ว่านายจะไม่ทำดังเช่นฉันว่า  ฉันติดตามข่าวคราวของพวกนายตลอด โชคดีที่พวกนายทั้งคู่เป็นคนของสังคม คนธรรมดาอย่างฉันจึงสามารถตามข่าวคราวได้ไม่ยาก  ฉันรู้สึกเสียใจมาก ที่การจากมาของฉัน ทำให้นายเย็นชากับซายูริจนเกือบจะเลิกกัน และดีใจที่พวกนายทั้งคู่ได้แต่งงานกันแม้จะใช้เวลายาวนานหลังจากหมั้นกันเกือบสิบปี
    พอถึงเวลานั้นฉันควรจะไปอวยพรกับพวกนายได้แล้ว แต่เจ้าความคิดบ้า ๆ บางอย่างของฉัน ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า คนอย่างฉันยังจะมีหน้าไปพบนายได้อีกอย่างนั้นหรือ  เวลาเปลี่ยน คนอาจเปลี่ยนแปลง คนที่มีพร้อมทุกอย่างเช่นนาย ยังจะรับฉันเป็นเพื่อนอีกไหม
    มาถึงตอนนี้ ตอนที่มันสายไปแล้ว ฉันถึงได้คิดว่า ฉันมันบ้าไปเอง...เซอิจิ ฉันไม่น่าดูหมิ่นน้ำใจของนายเลย นายคนที่ยอมรับคนอย่างฉันเป็นเพื่อนรัก นายคนที่ไม่เคยแคร์ว่าฉันจะยากดี มีจน ยอมคบหากับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฉัน  แล้วทำไมแค่เวลาไม่กี่สิบปี จะทำให้คนอย่างนายเปลี่ยนไปได้ล่ะ
    เซอิจิ...ฉันขอโทษ  แม้ไม่อาจได้พูดต่อหน้านาย แต่จงรับรู้ไว้เถิด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  คนที่ฉันนับเป็นเพื่อนรักตลอดกาล มีเพียงนายคนเดียวเท่านั้น....
    โคบายาชิ  เรียว ....เพื่อนของนาย]


    มือสั่นเทาถือสมุดบันทึกค้างไว้อย่างนั้น หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินจากดวงตาทั้งสอง จนหยดลงบนกระดาษสมุด โดยคนอ่านไม่รู้ตัว
    “หมอนั่น ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน บ้าจริง ๆ”
   เสียงพึมพำจากปากของชายสูงอายุ ก่อนจะปิดสมุดบันทึกเล่มนั้น และจ้องมองใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานของเพื่อนรัก คนที่ถอดพิมพ์ความกล้าหาญ ความซื่อตรง และความอ่อนโยน มาจากเพื่อนสนิทของเขาได้เกือบหมด
    “ฉันขอบใจเธอมากนะ...ยูคิ ที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสอ่านสมุดบันทึกเล่มนี้”
    คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ยูคิแย้มยิ้มรับอย่างยินดีเป็นที่สุด
   “ตกลงคุณตาไม่ได้โกรธคุณใช่ไหมครับ คุณตายังคิดกับคุณเป็นเพื่อนรักเหมือนเดิมใช่ไหมครับ!”
    เด็กหนุ่มซักถามพลางจับมืออีกฝ่ายเขย่าเบา ๆ อย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้ง พลางดึงมือกลับ พร้อมก้มศีรษะโค้งให้อย่างสำนึกผิด
   “เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน”
    เซอิจิยิ้มน้อย ๆ และใช้มือลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ภาพที่ทำให้ทุกคนในห้องที่เกี่ยวข้องถึงกับไม่อยากเชื่อสายตา แม้แต่ริวยะผู้เป็นลูกชายแท้ ๆ ก็ตาม
    “ไม่เป็นไร หลานของโคบายาชิ ก็เหมือนหลานของฉัน ต่อไปนี้เธอเรียกฉันว่า ตาแทนก็ได้”
   ยูคิอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่ส่วนลึกก็แอบดีใจ ที่ตัวเองได้รับการยอมรับจากคนตรงหน้า
   “เรียกแบบนั้นไม่ได้สิครับคุณพ่อ”
   เสียงขัดจากคนที่นั่งเงียบอยู่นานทำให้คนอื่น ๆ หันไปมองแทบพร้อมกัน
   “มีอะไรขัดข้องงั้นหรือริวยะ”
    น้ำเสียงของชายชราเข้มขึ้นทันที จนยูคิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งเล็กน้อย
   “ก็...ความจริงยูคิมีศักดิ์เป็นสะใภ้คุณพ่อด้วยซ้ำ จะให้เรียกตาได้ยังไงล่ะครับ”
    ริวยะเฉลยต่อมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ชายชราอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะลั่นดังตามมา
   “ฮ่า ๆ เออ! มันก็จริงของแก! เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันรับเด็กนี่เป็นลูกสะใภ้ เธอก็เรียกฉันว่า พ่อ เหมือนที่ริวยะเรียกก็แล้วกันนะยูคิ!”
    ยูคิหัวเราะแห้ง ๆ รับคำพูดอะไรไม่ออก  ทาคุเองก็อมยิ้ม ฝ่ายทาคาอิ ที่เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเซอิจิหัวเราะในลำคอเบา ๆ ไม่คิดมาก่อนว่าพ่อลูก ตระกูลมุราคามิ จะหัวเราะร่าเริงให้เห็นได้แบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้  ที่ค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนคนในตระกูลมุราคามิ ผู้เคยได้ชื่อว่า เย็นชา เจ้าเล่ห์ ไม่สนใจใคร ให้อ่อนโยนลง และยอมรับในตัวคนอื่นมากขึ้นก็ได้

    เซอิจิกลับไปพร้อมกับสมุดบันทึกของโคบายาชิ  เรียว ที่ยูคิยกให้ทั้งหมด เด็กหนุ่มให้เหตุผลว่า คุณตาของตนคงดีใจ ถ้าได้ถ่ายทอดตัวตนทั้งหมด หลังจากแยกทางกัน ให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักได้รับรู้
   ฝ่ายเซอิจิ ก็ชักชวนยูคิให้ไปเที่ยวที่บ้านใหญ่ เพราะอยากให้เจอกับซายูริภรรยาของตน ทว่าริวยะแย้งไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้มันปุบปับกะทันหันเกินไป
    แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่า ที่คนรักต้องเหนี่ยวรั้งตนเอาไว้ก่อน เกิดจากสาเหตุใด
    “ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพังสักทีนะยูคิ”
   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมน้ำเสียงทุ้มกล่าว กับร่างบางที่เจ้าตัวดึงมากอดแนบอก
   “คุณต้องไปทำงานที่บริษัทไม่ใช่หรือครับ”
   ยูคิพยายามบ่ายเบี่ยง ทั้งนี้เพราะพอจะคาดเดาได้ว่า หากปล่อยให้ริวยะนัวเนียอยู่แบบนี้ คงไม่แคล้วโดนอีกฝ่ายลากขึ้นเตียงเป็นแน่
    “ไม่เป็นไร อากิระคอยดูแลให้แล้ว ไปช้าสักชั่วโมง สองชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา”
   ริวยะไม่พูดเปล่า เขารั้งร่างบางเดินไปด้วยกันยังห้องนอนของตน ไม่สนใจว่ายูคิจะทั้งดิ้น ทั้งร้องขออ้อนวอน หรือยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง
   “เลิกพยายามหาเรื่องอ้างได้แล้วยูคิ  รู้ไหมว่าวันนี้ฉันดีใจขนาดไหน ที่ความรักของเราสองคน หมดสิ้นซึ่งอุปสรรคสักที ลองพ่อฉันยอมรับทั้งคนแบบนี้ เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหาอีกแล้ว”
    คำพูดของริวยะทำให้ร่างบางในอ้อมแขนชะงักนิ่ง ใบหน้าแดงน้อย ๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ
   “ผมเองก็ดีใจนะครับ...ที่คุณพ่อของคุณริวยะยอมรับในตัวผมได้แบบนี้”
     ริวยะโน้มใบหน้าไปจูบแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่อย่างอดใจไม่อยู่
   “เห็นไหม เธอเองก็ดีใจใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกอ้างโน้นอ้างนี่ได้แล้ว”
   ใบหน้าหวานแดงก่ำเงยหน้าขึ้นสบกับอีกฝ่ายทันที
   “มันคนละเรื่องกันนี่ครับ อีกอย่างเมื่อคืนก็...”
   บอกแล้วก็ต้องก้มหน้างุด ๆ ด้วยความเขินอาย ทำให้ริวยะหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
   “นั่นสิ พูดถึงเมื่อคืนก็นึกได้ ยังจำสัญญาของเราได้ใช่ไหมล่ะ หนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ เธอต้องยอมเชื่อฟังฉันในเรื่องนั้นไม่ใช่หรือไง”
   ยูคิรีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
   “อ๊ะ! แต่นั่นหมายถึงตอนกลางคืนอย่างเดียวนี่ครับ ไม่ใช่เวลาไหนก็ได้ แบบนี้สักหน่อย”
   “ใครบอกเธอแบบนั้นล่ะ”  คำตอบของริวยะทำให้ยูคิอ้าปากค้าง
   “ฉันบอกว่าทั้งอาทิตย์ ก็คือ ทั้งอาทิตย์ ไม่ได้จำกัดเวลาสักหน่อยว่ากลางวันหรือกลางคืน มันขึ้นกับว่าฉันอยากจะกอดเธอขึ้นมาตอนไหนต่างหาก”
    บอกแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ทำเอาคนฟังต้องโอดครวญประท้วงทันที
   “ขี้โกงนี่ครับ!”
   “เพิ่งรู้เหรอ” คนเจ้าเล่ห์บอกหน้าตาย และไม่รอฟังคำประท้วงที่ตามมา เจ้าตัวก็ช้อนร่างบางอุ้มขึ้นและพาเข้าห้องไป จากนั้นเพียงไม่นาน เสียงเอะอะโวยวายก็เงียบหาย เหลือเพียงแต่เสียงครวญครางกระเส่าดังแผ่วเบารอดมาเท่านั้น




=====
..End...
=====

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ขอบคุณค่าสำหรับเรื่องราวน่ารักๆของ ยูคิกับริวยะ  :L2: บอกตรงๆว่าเรื่องของคุณพ่อเซจิ กับเพื่อนรักคุณตาของยูคิ และซายูริ มาแย่งซีนตอนท้ายซะงั้น เป็นดราม่าที่ยอดเยี่ยมมาก เรื่องราวแนวเราสามคนที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนมาเอี่ยว อ่านแล้วแอบน้ำตาซึมที่สุดท้ายทั้งสองคนก็ต่างเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนมากกว่าความสุขของตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าคนเขียนชอบแนว yaoi มากกว่า อยากแนะนำให้เพิ่มรายละเอียด และพัฒนาการของความสัมพันธ์ของทั้งสามคน เขียนเป็นเรื่องยาวลงเว็บนิยายปกติท่าจะดี

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
โห...........เรื่องของคุณตากับคุณพ่อสามีของยูคิจังมากินพื้นที่ช่วงท้ายเรื่องไปซะจนโทนต้นเรื่องเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ
แต่ๆๆ ในที่สุดก็กลับมาจบที่ความหวานปนหื่นได้ในที่สุด :m20:

ขอบคุณคุณปัทม์มากค่ะ จะรออ่านเรื่องของคุณอารากิกับอาจารย์คนนั้นเมื่อคุณปัทม์มีเวลานะคะ

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
จบซะแล้วววว

ตอนจบสามารถเรียกน้ำตาจากคนอ่านได้จริงๆ มันไม่เศร้านะ แต่มันซึ้งมากกว่า :monkeysad:
"เพื่อน" คำคำนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ นะ จะมีซักกี่คนที่มีเพื่อนแท้อย่างนี้ เสียสละ เพื่อให้เพื่อนได้มีความสุข
แม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวดซักแค่ไหนก็ตาม

ซาบซึ้งจริงๆ กับ 2 บทสุดท้ายของเรื่องนี้

ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆ มาให้ได้อ่าน  :กอด1:

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
แอบซึ้งนะเนี่ยะ เรื่องของคุณตา แต่นับศักดิ์กันไปๆมาๆ
เรียกตาหรือว่าเรียกพ่อ เนี่ยะแอบขำนะ ทำหน้าไม่ถูกเลย
น่ารักดีอ่า ขอฉากหวานแหวว๋แบบไปฮันนีมูนไรงี้ได้ป่าวค๊า
 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

tawan

  • บุคคลทั่วไป
จบแบบเสียน้ำตาอะ :m15:

สงสารคุณตาของยูคิ

ยังไม่อยากให้จบ

 :pig4:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
เรื่องของคุณพ่อเนี่ย ดราม่าได้ทีเลย
แอบโดนแย่งซีนเล็กน้อยนะ
ว่าแต่พ่อของริวยะเนี่ยรุ่นตาของยูคิ
ริวยะก็รุ่นพ่อเลยจิ  :a5:
เลี้ยงต้อยนะเราน่ะ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด