กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ  (อ่าน 301996 ครั้ง)

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
อ้ากกกกกกยูคิจะถูกกดแล้ววววววว

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
แอะ อารายง่ะ

อย่ารุนแรงนักสิ

ครั้งแรกของยูคิเชียวนะ :z1:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
จะหวานแหววน้ำตาลกระจายจริง ๆ ใช่มั้ยคะ

อย่าหลอกันนะค่า อิอิ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไหนคะน้ำตาล ไหนของหวาน นี่มันมาม่าชัดช้าดดดดดดด :serius2:

ทั้งบ้าน ทุกอย่าง กระทั่งอัฐของพ่อก็มาเอาไปนี่มันเกินไปแล้วนะ  :m31:

อดคิดไม่ได้แห๊ะว่าทุกๆอย่างมันเร็วไปซะไอ้คุณริวยะนี่มันดำเนินการตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยรึเปล่าแว๊ะ(ถ้าใช่จริงถึงขั้นฆ่าคนก็เกินไปนะ)

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3


อ่านแล้วปลื้ม อ่านแล้วชอบ...แนวมาเฟียกะเด็กมัธยมเนี่ย...ของโปรดเค้าเลยนะตะเอง...คริคริ


แม้ว่าจะเดาเรื่องได้บ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง...แต่ก็น่าติดตามและน่าลุ้นอยู่ดี...

หลายคนคิดว่ามันมาม่า...แต่เค้าว่าเค้ารู้นะว่ามันจะหวานยังไงอ่ะ...อร๊ายยยยยยยยย ยยยยยย...ขอเขิลล่วงหน้าก่อนได้ป่ะ...อุคิอุคิ


นี่ยังไม่ทันพันธนาการใจกันเลย...พ่อพระเอกมาดดุก็ดันจะมาพันธนาการกายกันก่อนเลยเหรอ

แล้วอย่างนี้ยูคิน้อย(?)จะเหลืออะไรหล่ะเนี่ย...ไรท์เตอร์ทำค้างอย่างแรงนะฮะ...รีบมาต่อไว ๆ นะฮะ...เค้ารออยู่นะ...งุงิงุงิ >///////<

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
ใกล้ละ :man1:
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
มาแล้วค่า สำหรับคนที่กำลังหาความหวานในเรื่องนี้.... ใกล้แล้วค่า  ...ใกล้แล้ว  คนเขียนไม่โกหกแน่นอน หุ ๆ
และสำหรับตอนนี้ก็อย่างที่หลายคนเดาได้ล่วงหน้า ว่าจะต้องมีการ....เกิดขึ้น    :o8:  ดังนั้นคนแต่งขอแจกทิชชูไว้ให้ก่อนล่วงหน้าเลยนะคะ ซับเลือดเสร็จแล้วจะใช้ปาหัวริวยะต่อก็ไม่ว่ากัน  หึ ๆ

หลายท่านที่คลางแคลงใจ ในบุคลิกของ ริวยะ  อยากให้ลองตามอ่านเองแล้วก็จะพบว่าตัวตนของเขาเป็นคนยังไง เพราะถ้าคนแต่งบอกหมด มันจะสปอยส์แล้วพาลไม่ลุ้นไป แต่ส่วนเรื่องความหวานนี่ต้องบอกก่อนเดี๋ยวคนอ่านจะกลัวมาม่าไม่กล้าอ่าน หุ ๆ ไม่มาม่าแน่นอนค่ะ เพราะคนเขียนชอบแฮปปี้   :impress2:

มาอ่านต่อกันดีกว่าค่ะ


=======================================================


บทที่ 4

 
    ร่างบางถูกกระชากตัวปลิว เข้าสู่อ้อมอกของร่างสูง เด็กหนุ่มพยายามดิ้นรน ต่อต้านสุดฤทธิ์ ทว่าก็ไร้ประโยชน์ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแรงกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า
    “อื๊อ! ….อืม!....”
    ริมฝีปากของเด็กหนุ่มถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง จนรับรู้ได้ถึงรสเลือดจากปากที่แตกนั่น กลีบปากบางถูกบดเบียดบังคับให้เผยอออก และจากนั้นฝ่ายรุกรานจึงทำการสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปแสวงหาความหวานซ่านภายใน  ลิ้นของชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัด พัวพัน หยอกล้อ ลิ้นของอีกฝ่าย คล้ายหิวกระหาย  มันเนิ่นนานเสียจนยูคิ รู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนั้น
    “…อา ...”
    ริมฝีปากได้รูปค่อย ๆ ถอนออกไปช้า ๆ  ทันทีที่เป็นอิสระ  ร่างบางก็อ่อนแรง ทรุดฮวบ ลงภายในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่ม
    “อืม...ยูคิ  เธอวิเศษกว่าที่ฉันเคยคิดไว้อีกนะ”
    ริวยะพึมพำด้วยความพอใจ ก่อนที่เขาจะจับร่างบางในอ้อมแขน กดราบลงไปกับเตียงนอนช้า ๆ
    “...มะ...ไม่…ทำแบบนี้ ทำไมกัน”
    ยูคิถามด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น พยายามบ่ายเบี่ยง ขัดขืน เมื่อร่างสูงทาบทับลงมาซุกไซ้บริเวณซอกคอขาวเนียนของตน
     “เพราะฉันต้องการให้เธอเป็นของฉันน่ะสิ!”
    คำตอบง่าย ๆ แต่มันกรีดแทงเข้าไปในหัวใจให้ปวดแปลบ ร่างบางพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนแข็งแกร่งที่จับกดเขาสุดชีวิต ใบหน้าหวานราวหญิงสาว อาบนองไปด้วยน้ำตา นึกเสียใจที่ตัวเองเคยช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ แต่กลับต้องมาได้รับผลตอบแทนที่น่าเจ็บช้ำเช่นนี้
      "ฆ่าผมให้ตายเสียยังดีกว่า ที่จะให้ผมยอมตกเป็นของคุณ!"
    ยูคิตวาดใส่เสียงแข็ง ดวงตาที่วาววับไปด้วยหยาดน้ำตา จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งโดยไม่คิดจะหลบ เรียกรอยแย้มยิ้มจากริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่ม จากนั้นน้ำเสียงทุ้มนุ่มจึงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
     "ฆ่างั้นหรือ...ทำไมฉันจะต้องทำเรื่องที่เปล่าประโยชน์แบบนั้นด้วยเล่า ในเมื่อฉันสามารถทำให้เธอเต็มใจเป็นของฉันได้อยู่แล้วน่ะ"
    นัยน์ตาคมกริบที่กวาดมองทั่วร่างของเขา ทำให้ยูคิรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออก ความกล้าหาญที่พยายามเค้นมันออกมาเพื่อต่อต้านเมื่อสักครู่ หายไปเกือบหมด ความหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเข้ามาแทนที่  
    “มะ...ไม่ ...ช่วยด้วย ...ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
    เด็กหนุ่มตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนเจ็บคอ ทว่าไม่ปรากฏแม้แต่เงาของมนุษย์คนใดในบริเวณนี้ ทั้ง ๆ ที่มีคนอยู่ในบ้านราวยี่สิบชีวิตด้วยซ้ำไป
    “เปล่าประโยชน์ ต่อให้เธอตะโกนเท่าไหร่ ถ้าฉันไม่อนุญาต ก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
    น้ำเสียงเย็นชากล่าว พลางนั่งคร่อมกดทับร่างบางไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ส่วนตัวเขาจัดการปลดเนคไทของตนออก และมัดมือของเด็กหนุ่มที่ยังคงพยายามดิ้นรนหนีสุดชีวิต
     “ฮึก ... ไม่นะ...”
    ยูคิสะอื้น มองเห็นอนาคตของตัวเองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ร่างบางตัวสั่นระริก  เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้น ๆ
    “...อา...”
    เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของร่างสูง เมื่อเห็นเรือนร่างอันงดงามปราศจากอาภรณ์ปกปิดกาย ใบหน้าหวาน ๆ อาบนองไปด้วยน้ำตา  น้ำเสียงสั่นเครือ เริ่มเปลี่ยนมาใช้วิธีร้องขอความเห็นใจแทน
    “...ได้โปรด...ปล่อยผมไปเถอะ...”
    “สายไปแล้วล่ะ ... ยูคิ ฉันตอนนี้หยุดตัวเองไว้ไม่ได้อีกแล้ว”
    น้ำเสียงทุ้มแหบพร่า แฝงไว้ด้วยความปรารถนาเด่นชัด จากนั้นร่างสูงจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว
     ผู้ชายดูดีที่สุดในร่างเปลือย...มุราคามิ  ริวยะ เองก็เป็นแบบเดียวกับคำกล่าวนั้น
    “อะ... อา...”
    ยูคิครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อมือใหญ่สากของอีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วผิวกาย สัมผัสของชายหนุ่มช่างรู้สึกดี จนเขายากที่จะปฏิเสธ ความต้องการตามธรรมชาติลุกผงาดขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับไหว
    “..อือ...อา...”
    ปลายลิ้นอุ่นลากไล้บริเวณซอกคอขาวเนียน และเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ยอดอกสีชมพู ชวนมอง  
    “อะ...อา...”
    มือใหญ่บีบเค้นยอดอกข้างหนึ่งเล่นราวกลั่นแกล้ง ส่วนอีกข้างก็ถูกขบเม้น ด้วยริมฝีปากได้รูป ช่วยให้ความสุขแก่ร่างบางอย่างทัดเทียมกัน
    ยูคิสะดุ้งเฮือก แอ่นร่างรับสัมผัสที่ตามมา  เมื่อมือใหญ่ข้างที่ว่างย้ายมาหยอกเย้ากลางหว่างขาของตน ... ร่างกายของผู้ชายโกหกไม่เป็น เด็กหนุ่มรู้สึกดี จนต้องเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างพอใจ
    “...อะ...อ๊า!..”
    “...รู้สึกดีมากใช่ไหม...”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามข้างหู ยูคิหอบหายใจหนัก ทั้งสุข ทั้งเสียวซ่าน จนแทบจะขาดใจ
    “...อื้อ...อืม...”
    ร่างบางรับคำในลำคอ แต่แล้วก็ต้องผวาเฮือก เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอม ที่ล่วงล้ำเข้ามาภายในร่างกายจากเบื้องหลัง
    “...จะ...เจ็บ...อย่า...”
    ร่างกายเกร็งบีบรัด นิ้วเรียวยาวที่เข้ามาทำการเปิดทางเพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อน ยูคิรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็ได้รับรู้ว่า ความเจ็บดังกล่าวยังคงน้อยกว่า เมื่อริวยะจัดการพลิกร่างของเขาให้คว่ำลง และพยายามจะสอดดันความเป็นชายของตนเข้ามาภายในช่องทางคับแคบของเขานั่น  
    “อ๊า!!  พะ..พอ...ได้โปรด ...คุณริวยะ...ผมเจ็บ…”
    น้ำเสียงสะอื้นปานจะขาดใจ เนื่องจากความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต  
    “...ฮึก...อา...ไม่...อย่า...”
    ปากพยายามจะปฏิเสธ แต่ก็ทำได้ยากเย็น เมื่อริวยะใช้มือใหญ่ข้างหนึ่งช่วยเร่งความสุขให้กับส่วนหน้าของเขา เพื่อให้ลืมความทรมานที่เกิดขึ้นนี้เสีย โดยที่ชายหนุ่มเองก็ขยับสะโพกเร่งจังหวะจากเบื้องหลังไปด้วย เวลาทั้งความสุขและทุกข์จากคนทั้งคู่ ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตราบจนกระทั่งพายุอารมณ์แห่งความปรารถนาเริ่มดำเนินมาถึงปลายทาง  
    “อะ...อา...ผม...ไม่ไหวแล้ว…อ๊า!”
    ยูคิปลดปล่อยความปรารถนาของตัวเองอย่างไม่อาจกลั้นไว้อยู่ ร่างกายเกร็งบีบรัด ตัวตนของอีกฝ่ายที่ยังคงคาค้างจากเบื้องหลัง  สีหน้าของร่างสูงแสดงออกถึงความปวดร้าว ความต้องการที่จะปลดปล่อยของเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเช่นกัน
    “...อา...ยูคิ ...”
    เสียงครางทุ้มต่ำ ประสานกับเสียงหอบหายใจระรวยของร่างบาง ซึ่งฟุบลงบนเตียงทันที ที่ชายหนุ่มถอนกายออกมา
    แผ่นหลังเปลือยขาวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ซึ่งเจ้าของร่างยามนี้สลบไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย  
     ริวยะก้มลงจูบที่แผ่นหลังขาวเนียนอย่างอ่อนโยน เขาจัดการปลดเนคไท ที่ผูกข้อมือของร่างบางออก และจึงหยิบผ้าห่มมาปิดคลุมร่างกายเปลือยเปล่าชวนมองนั้นเสีย
    จากนั้นร่างสูงจึงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย  สักพักจึงกลับออกมาหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าสวมใส่  ชายหนุ่มเหลือบมามองร่างบางบนเตียงด้วยแววตาอ่อนโยนวูบหนึ่ง  พลางถอนหายใจเบา ๆ และเดินตรงออกจากห้องไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองอีก

    ริวยะ เดินออกมาจากห้องได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พบว่ามีร่างสูงของชายผู้หนึ่งกำลังยืนถือแฟ้มเอกสารรอเขาอยู่เบื้องหน้า
    “รออยู่แถวนี้ตลอดเลยหรือไง อากิระ”   น้ำเสียงทุ้มเรียบถามออกไปคล้ายดังจะไม่ใส่ใจ คนตรงหน้าลอบยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนตอบ
    “ผมเพิ่งจะมายืนรอคุณเมื่อสิบนาทีที่แล้วเองครับ ตอนแรกผมคิดว่าคงจะมาทันเวลาพอดี แต่กลายเป็นว่าผมกะเวลาพลาดไปหน่อย”
    ริวยะถอนหายใจเบา ๆ ให้กับถ้อยคำอันแฝงไว้ด้วยความนัย ของมือขวาคนสนิท
    “ไปตอนนี้ยังทันประชุมไหม?”
    อากิระก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนตอบ
    “ถ้าเร่งหน่อย ก็คงถึงก่อนเริ่มประชุมสักสิบนาทีครับ”
    ริวยะพยักหน้ารับรู้ และจึงก้าวนำหน้าไป โดยที่มือขวาหนุ่มก็แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า แล้วจึงเดินตามร่างสูงนั้นไปติด ๆ

    ยูคิกระพริบตาขึ้นถี่ ๆ เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเย็นสบายตามร่างกาย เด็กหนุ่มขยับปากจะพูด แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากของเขา ทั่วร่างก็หนักอึ้ง จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย
    “อ๊ะ! คุณยูคิ ฟื้นแล้วหรือคะ”
    น้ำเสียงคุ้นเคยฟังใจดี อุทานออกมาอย่างยินดี  ยูคิพยายามปรับภาพของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเบลอเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้
    “คุณมีไข้ขึ้นสูงมากเลยค่ะ ตอนนี้คุณทาคุกำลังไปพาคุณหมอมารักษาคุณอยู่นะคะ”
    หญิงวัยกลางคนพยายามอธิบายให้ร่างบางฟัง แต่คำพูดนั้นก็เหมือนลอยผ่านไปมา เพราะพิษไข้ที่รุมเล่นงาน ทำให้สมองของเด็กหนุ่มไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์รอบข้างได้เท่าที่ควรนัก
    เสียงเลื่อนประตูเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูง ผู้มีบุคลิกสง่างาม ทาคาคุระ ทาคุ  ซึ่งด้านหลังของเขา มีชายหนุ่มในชุดกาวน์ ท่าทางดูเป็นคนอารมณ์ดี เดินตามมาติด ๆ
    “โฮ่ ๆ ไหน ๆ  นี่น่ะเหรอ ลูกแมวของเจ้าริวยะมัน อืม...รสนิยมดีเหมือนเดิมเชียวนะ!”
    “คุณหมอคะ”  ชิโนะทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความกังวล จนคนฟังต้องยิ้มให้อย่างปลอบโยน
    “ชิโนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะรักษาเจ้าหนูนี่เอง ขอค่าจ้างเป็นซุปปลาไท ฝีมือชิโนะสักถ้วยก็พอแล้ว”
    หญิงวัยกลางคนฟังดังนั้น จึงยิ้มออกมาได้ในที่สุด
    “ดิฉันทำให้ทั้งหม้อเลยก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหมอมานาเบะ รักษาคุณยูคิให้หายดีได้”
    “ตกลง! อย่างนี้ฉันค่อยมีกำลังใจทำงานหน่อย ส่วนค่ารักษาพยาบาลจริง ๆ ค่อยไปขูดเลือดเจ้าริวยะมันทีหลัง”
    เจ้าตัวบอกออกไปทีเล่นทีจริง พลางจ้องมองร่างบางบนเตียง ที่นอนเหม่อลอยเพราะพิษไข้อย่างพิจารณา รับรู้ได้เองว่า คนตรงหน้าคงสำคัญจริง ๆ เพราะไม่เช่นนั้น ทาคุคงจะไม่ไปรับเขามาจากโรงพยาบาล เพื่อมารักษาถึงบ้านเป็นแน่
    “เดี๋ยวขอตรวจคนไข้ก่อนแล้วกัน...หือ?”
    มานาเบะ เหลือบมองร่างสูงที่ขยับเข้ามายืนข้าง ๆ ขณะที่เขากำลังปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายเพื่อตรวจร่างกาย
    “มีอะไรงั้นหรือทาคุ?”
    “ผมได้รับคำสั่งจากคุณริวยะ ให้อยู่เฝ้าคุณยูคิ ตลอดเวลาครับ”
    ชายหนุ่มบอกเรียบ ๆ ซึ่งพอมานาเบะได้ฟัง ก็อ้าปากค้างอย่างลืมตัว
    “แม้แต่ตอนที่ฉันทำการรักษาคนไข้นี่นะ!”
    “ครับ คุณริวยะสั่งให้ผมเฝ้า...เอ่อ โดยเฉพาะตอนที่คุณหมอทำการรักษาคุณยูคิ ยิ่งต้องเฝ้าอย่าให้คลาดสายตาครับ”
    ทาคุตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงด้วยความเกรงใจอีกฝ่าย  มานาเบะ เกาหัวแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ กับพฤติกรรมขี้หึงเกินขีดจำกัดของเพื่อนสนิท
    “ไอ้บ้านั่น! ฉันเป็นหมอนะ จะเผลอไปมีอารมณ์อย่างว่ากับคนไข้ได้ยังไงกัน แถมคนไข้ยังเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้อีก มันอย่าเอามาตรฐานตัวมันมาวัดกับฉันสิวะ!”
    แพทย์หนุ่มสบถอย่างหงุดหงิด จนชิโนะและทาคุ ที่อยู่ด้วย ต่างมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
    ทว่าแม้จะไม่สบอารมณ์กับริวยะยังไง แต่จรรยาบรรณของแพทย์ ก็ทำให้เขายังคงทำการรักษาต่ออย่างเต็มความสามารถ ชายหนุ่มจัดการฉีดยาให้ร่างบางเข็มหนึ่ง ใบหน้าที่แดงเพราะพิษไข้ ก็เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    “เอายานี่ให้กินหลังอาหารทุกมื้อ กินติดต่อกันสักสองสามวันก็ค่อยยังชั่วแล้ว”
    มานาะเบะยื่นยาส่งให้ชิโนะ ซึ่งหญิงวัยกลางคนก็รับมาพร้อมโค้งขอบคุณอีกฝ่าย
    “อ้อ! แล้วนี่ค่าจ้างฉัน ฝากให้ริวยะด้วย”
    แพทย์หนุ่มหันไปทางทาคุ และยื่นนามบัตรเล็ก ๆ ให้ ซึ่งพอทาคุรับมาดู ก็เห็นว่ามันเป็นนามบัตรของไนต์คลับชื่อดังแห่งหนึ่ง
    “บอกหมอนั่นให้มาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นยาที่ฉันฉีดให้เจ้าหนูนี่ อาจจะกลายเป็นยาพิษขึ้นมาทีหลังก็ได้!”
 เจ้าตัวบอกพลางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งทาคุก็สั่นศีรษะช้า ๆ อย่างระอา และจึงอาสาช่วยแพทย์หนุ่มถือของ พร้อมกับเดินไปส่งอีกฝ่ายที่รถด้วยกัน



------
TBC
------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2010 10:54:03 โดย Xenon »

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ชอบคนขี้หึง  ยิ่งแอบหึงคนที่เค้าก็ไม่รู้ตัวด้วยแล้ว น่ารักสุดๆ  :-[

tawan

  • บุคคลทั่วไป
เล่นซะไข้ขึ้นเลย :z1:

เบา ๆ หน่อย ๆ ก็ได้

รอตอนต่อไปอยู่นะ
 :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3


รุนแรงไปหรือเปล่าเนี่ยริวยะ...เล่นเอายูคิสลบเหมือดคาที่...แถมยังเป็นไข้อีกต่างหาก -*-


แต่แหมะ...เค้าว่ากันวัน ยิ่งโหดยิ่งรัก ยิ่งรัก ก็ยิ่งหวง...คงจะเห็นได้จากการที่ให้ทาคุตามติดหมอมานะเบะซะขนาดนี้

ไม่พกติดตัวไปดูแลเองเลยหล่ะริวยะ...ทำกันซะขนาดนี้แล้วหน่ะ...คริคริ >////////<

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
หึงกระทั่งหมอ

เป็นเอามากนะเนี่ย

สนุกดีจ้า ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ใจเย็นนะริวยะ ทำซะหนูยูคิไข้ขึ้นเลย :z1:
แล้วหมอมานาเบะนี่ท่าทางจะเจ้าเล่ห์น่าดูเลยน้า :o8:

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
ตามมาอ่านแล้วค่ะคุณปัทม์ (ขอเรียกชื่อเลยละกันนะคะ หลังจากเรียกuserมาระยะนึง ฮ่าๆ)
 :a1:


โฮ่ๆๆๆ แค่4ตอนก็ได้ :m25:แล้วหรือนี่
เริ่มสงสัย ริวยะรู้จักยูคิกับพ่อมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย?

ตามอ่านตอนต่อไปค่ะ(พร้อมคุณตำรวจสามคู่ด้วยนะคะ)
 :กอด1:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ชอบเมะขี้หึงจังเลย คริ ๆ แต่อย่าหึงแบบงี่เง่า ๆ นะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ริวยะ
น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดเลย
 :sad4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
อะกริ๊ววววววว คุณหนูยูคิมีเสี่ยเลี้ยงซะง้านนนน  :impress2:
ทำไมพระเอกเหมือนหื่นๆ?? 555+ ;P
ติดตามค่า~=]
 :bye2:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ริวยะ นายเล่นแรงไปปะ จนน้องไข้ขึ้นเลยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
ชอบแนวนี้อ่ะ  หวานๆชิมิ ไม่ดราม่าแน่น่ะ 55  ริวยะเบาๆหน่อยจิ  55

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ขี้หึงได้อีกนะคุณริวยะ
แอบปลื้มคุณหมอซะแล้วอ่ะ ดูเจ้าเลห์ดีจัง

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
รุนแรงกะน้องซะจนไข้ขึ้นเลยเนอะคนเรา

 :กอด1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ่าแค่ ตอนที่สี่ก็รวมร่างซะแล้ว  :haun4: ต่อจากนี้จะหวานมั้ยน้า หรือหวานอมขมกลืน  :pigha2:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
แหมอะไรจะหึงขนาดนั้นต้องคอยเฝ้าทุกฝีก้าวอิอิ

taniyone

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2: ออกแนวคล้ายๆโอคาเนะกะไนเลยเค่อะ

อร๊ายยยยย พระเอกแบบนี้ (ริวยะเมะโหด)

เคะแบบนี้ (แบบน้องยูคิอะ) ชวอบบบบค่ะ

เอาอีกๆ :haun4:

ชอบเคะไม่มีทางสู้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

รอดูอ่านตอนต่อไปค่ะ อะฮั้งงงง

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
มาแปะต่อแล้วค่า แถมให้สองตอนเลยนะคะ เพื่อความต่อเนื่อง~
หวังว่าคงจะถูกใจนักอ่านนะคะ~



=====
บทที่ 5
=====


    ยูคินอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลากว่า 2 วัน และเมื่อล่วงเข้าสู่เย็นวันที่ 3 เด็กหนุ่มก็สะลึมสะลือตื่นขึ้น เนื้อตัวเมื่อยล้าไปหมด ขยับเขยื้อนกายแทบไม่ไหว แต่ก็ยังดีกว่าวันแรก ๆ ที่เขาเริ่มจับไข้
    “อือ...หิวน้ำ...”  เสียงเล็ก ๆ อ่อนแรงพึมพำแผ่วเบาในลำคอ ยังผลให้ร่างสูงที่นั่งเฝ้าอยู่ชะงัก และจึงเดินตรงมาหาร่างบางที่เตียงเพื่อถามไถ่อาการ
    “ฟื้นแล้วหรือครับคุณยูคิ รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”
    ยูคิกระพริบตามองคนตรงหน้าอย่างเบลอ ๆ  ก่อนจะพึมพำบอกเสียงแหบแห้ง
    “อา...หิวน้ำ...”
    “น้ำหรือครับ สักครู่นะครับ”   ร่างสูงกล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง สักพักก็กลับมาพร้อมเหยือก และแก้วน้ำ
    “ดื่มช้า ๆ นะครับ...ระวังสำลัก”
    ทาคุประคองร่างบางให้กึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วจึงป้อนน้ำให้เด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง
    “...อา...” เสียงครางเบา ๆ ด้วยความพอใจจากร่างบาง น้ำแก้วนั้นเรียกความสดชื่นคืนสู่ร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้ได้เป็นอย่างดี
    “ผมจะโทรไปรายงานคุณริวยะนะครับ ว่าคุณฟื้นแล้ว”  ชายหนุ่มบอกและกำลังจะลุกจากไป  แต่แขนผอมเพรียวของยูคิ ก็ดึงรั้งเสื้อของอีกฝ่ายไว้ก่อน
    “อย่านะครับ...อย่าบอกเขา...”
    ทาคุชะงัก เก็บแก้วน้ำในมือวางบนโต๊ะ และจึงดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียง พลางเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทุ้มแลดูอ่อนโยน
    “ทำไมล่ะครับ คุณริวยะเป็นห่วงคุณมากนะครับ เขาแวะมาดูคุณตลอดเวลาที่คุณนอนซมเพราะพิษไข้ ...”
    “โกหก!”  ยูคิกล่าวสวนทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มยังคงพูดไม่จบประโยค
    “คน ๆ นั้น น่ะหรือจะมาเป็นห่วงผม ...ก็ในเมื่อเพราะเขานั่นล่ะ ที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้!”   เด็กหนุ่มบอกออกไปด้วยความคับแค้นใจ หยาดน้ำใส ๆ วาววับคลอเบ้าตา
    “คุณยูคิ...”   ทาคุเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเวทนา ใจหนึ่งคิดอยากจะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจ แต่ก็ต้องชะงักไว้ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น จึงทำได้แต่เพียงกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้เด็กหนุ่มขบคิดด้วยตนเอง
    “คุณริวยะ แคร์ความรู้สึกของคุณมากกว่าที่คุณคิดนะครับ คุณยูคิ”
    จากนั้นชายหนุ่มจึงยืนขึ้นโค้งศีรษะให้ และขอตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้ยูคิมองตามหลังร่างสูงไปด้วยความรู้สึกสับสน ต่อคำพูดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

    เสียงทอดถอนหายใจเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาถึงทักทายอย่างอดแหย่ไม่ได้
    “ไง ทาคุ เป็นอะไรไปอีกล่ะ หรือว่าเบื่อจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กเสียแล้ว”
    คนฟังไม่ได้ใส่ใจต่อคำทักทายนั่น แต่กลับถามหาอีกคนแทน
    “อากิระ…แล้วคุณริวยะล่ะ”
     “คุณหมอมานาเบะ มาที่บริษัทแล้วลากตัวไปดื่มด้วยกันแล้วล่ะ”
    เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จึงทำให้อากิระ ถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยจริง ๆ
    “มีอะไรงั้นหรือ ทาคุ”
    “นายคิดว่า คุณริวยะ จะปล่อยให้เด็กนั่นเข้าใจตัวเองผิดไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน?”
    อากิระเลิกคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะย้อนถามด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
    “สงสาร?”
    “แล้วไม่น่าสงสารอย่างนั้นรึ” ทาคุตอบสวนกลับด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ไม่นึกสนุกไปกับคนตรงหน้าด้วยแม้แต่น้อย
    “ไม่เอาน่า นายก็รู้ว่าคุณริวยะคิดยังไงกับเด็กนั่น มันไม่ใช่แค่การคบอย่างฉาบฉวยเหมือนคู่ควงคนก่อน ๆ ของเขาสักหน่อย”
    ชายหนุ่มพยายามพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ดูเหมือนจะยังคงไม่ได้ผล
    “แต่อย่างน้อยก็น่าจะอธิบายความจริง ... คุณริวยะเลือกทำแบบนี้มันไม่ดีทั้งต่อตัวเอง และเด็กคนนั้นเลยสักนิด”
    อากิระถอนหายใจยาว พลางตบบ่าเพื่อนสนิทเบา ๆ
    “นายก็รู้นิสัยคุณริวยะดีนี่ทาคุ  คน ๆ นั้น  ไม่มีวันยอมพูด หรือแสดงความในใจที่แท้จริงต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด...ถึงต่อให้อยากบอกขนาดไหนก็ตามเถอะ”
    “หัวดื้อล่ะสิ”
    คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้อากิระชะงัก ก่อนจะเผลอหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว
    “ฮ่า ๆ อย่าไปพูดต่อหน้าเจ้าตัวเชียว ฉันยังไม่อยากทำงานคนเดียวหรอกนะ”
    เจ้าตัวบอกอย่างยากลำบาก เพราะพยายามกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นสาวใช้ ซึ่งทำงานอยู่แถวนั้น เหลือบมามองเขาด้วยความสนใจ
    “ว่าแต่ฉันไม่อยู่ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
    ทาคุเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคุมอารมณ์ให้กลับเป็นปกติเรียบร้อยดีแล้ว
    “ทำยังไงได้ ขาดโปรแกรมเมอร์มือดี ฉันก็วุ่นวายนิดหน่อย แต่คนใหม่ที่มาแทนนาย ก็ทำงานใช้ได้  ถึงฉันจะต้องเหนื่อยในการสอนงานเขาบ้างก็ตามเถอะ”  
    อากิระกล่าวพลางยักไหล่ ซึ่งเมื่อได้ฟัง ทาคุก็แย้มยิ้มที่มุมปากให้อีกฝ่าย
    “เหนื่อยแย่ล่ะสิ”
    “ก็งั้น แต่ก็ยังดีกว่าเป็นพี่เลี้ยงเด็กนั่นล่ะ”
    อากิระบอกออกไปแล้ว ก็เหมือนกับจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง เขาจึงถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย
    “จริงสิ ทาคุ แล้วเด็กคนนั้นเห็น ‘นั่น’ หรือยังล่ะ”
    “ยัง...ก็เพิ่งฟื้นไข้ จะมีแรงเดินไปสำรวจดูรอบบ้านได้ยังไงกัน”
    ทาคุตอบเรียบ ๆ พอได้ฟังดังนั้น อากิระจึงยิ้มขึ้นอย่างพอใจ และกล่าวกับอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเจ้าเล่ห์นิด ๆ
    “อืม...น่าจะให้ได้เห็นนะ เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้นมาก็ได้”
    “ไม่กลัวโดนคุณริวยะโกรธเอาทีหลังหรือไง”
     ใบหน้าคมเข้มถามอย่างระอา ซึ่งคนฟังก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอพลางเหยียดยิ้มตอบ
    “ก็ถ้าเด็กคนนั้นเป็นฝ่ายไปเจอด้วยตัวเอง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราไม่ใช่หรือไงล่ะ”
    ทาคุถอนหายใจเบา ๆ กับความคิดของชายตรงหน้า คนส่วนใหญ่มักจะมองภาพพจน์ของอากิระ เป็นคนอ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนฉลาด ซึ่งติดจะเจ้าเล่ห์เสียด้วยซ้ำ ช่างคิด ช่างวางแผน เป็นมือขวาที่ ริวยะไว้วางใจให้ทำงานสำคัญ ๆ อยู่เสมอ
    “เอาเถอะน่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันจัดการเอง”
    อากิระตบบ่าเพื่อนของตน และมองไปยังประตูห้องของยูคิ ด้วยแววตาที่ ทาคุต้องถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง

    ยูคิฟุบนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย ยามนี้เขาไม่อยากจะคิด หรือทำอะไรทั้งสิ้น เด็กหนุ่มนอนอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงในกระเพาะร้องประท้วงลั่นเพราะความหิว
    “เฮ่อ... ต่อให้โลกจะแตก แต่ท้องก็ยังคงหิว อยู่ดีล่ะนะ”
    เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองเบา ๆ  เพราะเจ้าเสียงครวญครางในกระเพาะมันทำลายบรรยากาศสลดหดหู่ภายในใจไปเกือบสิ้นเชิง
    ยูคิขยับกายลุกขึ้น แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ยังคงหลงเหลือจากเบื้องล่าง เจ้าตัวกัดฟันกรอด พยายามยันกายอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกแต่อย่างใด
    “หือ?”
    เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนโงนเงนเดินมาที่ประตู แต่พอเปิดมันออก ก็ต้องสะดุดเอาเข้ากับความรู้สึกลื่น ๆ ที่ปลายเท้า ก้มลงไปก็พบว่าตนกำลังเหยียบผ้าบางผืนหนึ่งอยู่  ผ้าที่เขาต้องเพ่งพิจารณา เพราะรู้สึกว่ามันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นจากไหนมาก่อนสักแห่ง  
    “ผ้าที่ห่อกล่องอัฐิพ่อนี่นา!”
    ยูคิอุทานด้วยความตกใจ ก้มลงเก็บมันขึ้นมาพิจารณาดูอีกครั้ง ก็พบว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปแต่อย่างใด
    “ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้ ก็ในเมื่อวันนั้น ก็ไม่เห็นมี...”
    เจ้าตัวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางย้อนไปนึกถึงเมื่อ 3 วันก่อนที่เขาค้นหาในห้องแทบเป็นแทบตาย ก็จำได้ว่าไม่เคยเห็นผ้าผืนนี้เลยแม้แต่น้อย
    เด็กหนุ่มกำผ้าผืนนั้นแน่น บางทีอัฐิพ่ออาจจะยังอยู่ในบ้านหลังนี้ แม้ความหวังอาจจะดูเลือนราง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีเสียเลย
     จากนั้นร่างบางจึงเหลือบมองซ้าย มองขวา พอไม่เห็นมีใครก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และค่อย ๆ เดินย่องไปตามทางเดินระเบียงหน้าห้อง เพื่อสำรวจดูรอบ ๆ บ้าน โดยหวังว่าจะเจออัฐิของบิดาอยู่ในไม่ห้องใดก็ห้องหนึ่ง
    ทันทีที่ลับหลังร่างบางไปแล้ว ร่างสูงสองร่างที่ยืนหลบอยู่ ก็ปรากฏกายออกมาจากที่ซ่อน ร่างหนึ่งยืนยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ส่วนอีกร่างถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
    
    ยูคิเดินไปเรื่อย ๆ ตามระเบียงทางเดิน พลางมองซ้าย มองขวาอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าคนในบ้านจะโผล่ออกมาให้เห็นเอาเข้าเมื่อไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็รู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย เพราะความที่ร่างกายเพิ่งจะฟื้นจากพิษไข้ ประกอบกับยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด
    ท่าทางโซเซเหมือนจะเป็นลมนั้น ทำให้ร่างสูงที่แอบตามมา แทบจะจ้ำพรวดออกไปหาด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่ถูกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันรั้งตัวเอาไว้ก่อน
    “เด็กนั่นไม่ไหวหรอก เพิ่งจะฟื้นไข้ อาการยังไม่ค่อยดีเลยนะ”
    ทาคุบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ซึ่งอากิระก็พยายามอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจอย่างใจเย็น
    “รออีกหน่อยน่า ห้องข้างหน้านั่นก็ถึงแล้ว นายคงจะไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดมือไปหรอกนะ”
    ทาคุยืนมองอย่างลังเล แต่พอเห็นยูคิ เริ่มออกเดินต่อ และหยุดชะงักตรงหน้าห้องที่เลื่อนประตูเปิดแง้มเอาไว้ ก็ทำให้เขาอดทนยอมยืนรออยู่ห่าง ๆ ตามคำบอกของอากิระ

    ยูคิเลื่อนประตูที่แง้มเอาไว้ แล้วก้าวเข้าไปในห้อง  มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ โล่ง ๆ  ธรรมดา  เพียงแต่สิ่งที่ดึงดูดให้เขาต้องก้าวเข้ามา มันคือป้ายวิญญาณ ซึ่งวางอยู่หน้าตู้บูชาเล็ก ๆ ที่ในนั้นมีกล่องบรรจุอัฐิของบิดาเขาตั้งประดับไว้อย่างดี
    “กล่องใส่อัฐิ....ทำไม?”
    เจ้าตัวพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน จากที่เคยคิดว่าคงจะโดนอีกฝ่ายทำลายทิ้งไปแล้ว แต่กลับได้รับการดูแลรักษาอย่างดีแบบนี้แทน
    ...ทำไม ถึงไม่บอก ...ทำไมต้องทำให้เข้าใจผิด...แล้วทำไมต้องทำแบบนั้น...กับเรา
    คำถามสารพัดที่ประดังเข้ามาในใจ หากไม่มีใครตอบให้ได้ ยกเว้นคนเพียงคนเดียว
    “ทุกอย่างที่คุณทำ มันเพื่ออะไรกันแน่ ...คุณริวยะ”
    ยูคิพึมพำกับตัวเองแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกับการปรากฏกายของร่างสูง ที่จับจ้องมายังตนด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความในใจ
    “ทำไมไม่อยู่ที่ห้อง ออกมาเดินเล่นแบบนี้ หายดีแล้วอย่างนั้นหรือไง”
    ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ โดยไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใดที่เห็นอีกฝ่ายมาปรากฏกายอยู่ภายในห้องนี้
    “กลับห้องได้แล้ว”  เจ้าตัวออกคำสั่ง พลางเดินมาฉุดแขนร่างบางให้ไปด้วยกัน แต่เพียงแค่ออกแรงเบา ๆ คนที่ยืนใบหน้าซีดเซียว ก็แทบจะเซถลาไปตามแรงดึงนั่น
    ริวยะขมวดคิ้วมองร่างบางอย่างพิจารณา ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมายังบุรุษสองคนที่ยืนคอยอยู่นอกห้อง
    “ทั้งสองคน เดี๋ยวตามไปพบฉันที่ห้องด้วย”
    บอกด้วยน้ำเสียงห้วนจนคนฟังต้องลอบกลืนน้ำลาย จากนั้นก็อุ้มช้อนร่างบางที่ยังคงยืนตกตะลึง ขึ้นแนบอก พลางอุ้มกลับห้องไปด้วยกันทั้งแบบนั้น

    “ปะ...ปล่อยเถอะครับ”
    ยูคิพยายามขอร้องอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เหตุการณ์เมื่อสักครู่ยังคงสร้างความสับสนให้กับเด็กหนุ่มอยู่ไม่หาย
    “เดินไม่ไหวไม่ใช่หรือไง”
    น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจต่อคำขอร้องนั่น
    “เดินไหวครับ... ปล่อยผมลงเถอะ”
    เด็กหนุ่มตอบอึกอัก รู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของร่างสูงแบบนี้
    “โกหก หน้าซีดเป็นกระดาษแบบนี้นี่นะเดินไหว”
    ริวยะดุร่างบางในอ้อมแขนเบา ๆ และเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งผ่านหน้าห้องของเด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมหยุด ส่งผลให้ร่างในอ้อมแขนอุทานขึ้นอย่างหวาดระแวง
    “อ๊ะ... เอ่อ...จะพาผมไปไหนครับ”
    “ห้องฉัน”  คำตอบสั้น ๆ ง่าย  ๆ เรียกความหวั่นวิตกให้อีกฝ่ายเป็นเท่าตัว
    “คือ...”
    “ทำไม....กลัวงั้นหรือ”
    ใบหน้าคมเข้มก้มลงมากระซิบถาม ซึ่งยูคิก็รู้สึกวูบวาบที่ใบหน้าอย่างประหลาด
    “มะ...ไม่ครับ... แต่”
    “ไม่กลัว ก็เลิกพูดได้แล้วน่า”
    ริวยะตัดบท แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ฟังประโยคถัดมาของเด็กหนุ่ม
    “ไม่ได้กลัวครับ...แต่หิวข้าว...”
    “หือ?” ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ฟังนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำถ้อยคำเดิมมาอีกครั้ง เขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
    “หิว...แล้วทำไมไม่ไปที่ห้องอาหารแต่แรก ทางไปห้องอาหารเธอก็รู้จักแล้วไม่ใช่หรือ”
    “ก็ผม...” ยูคิอึกอัก ในขณะที่ตัดสินใจจะถามถึงเรื่องอัฐิของบิดา ริวยะก็พาเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องอาหารพอดี
    “ถึงแล้ว”
    “ท่านริวยะ... อ้าว คุณยูคิ ฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
    ชิโนะแม่บ้าน ซึ่งกำลังเตรียมอาหารเย็นให้ริวยะ อุทานด้วยความประหลาดใจที่เห็นยูคิมาด้วยกันกับชายหนุ่ม  
    “ชิโนะ ช่วยเตรียมอาหารอ่อน ๆ ให้ที่หนึ่งนะ เร็วด้วยล่ะ”
    “ค่ะ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ  รอสักครู่นะคะคุณยูคิ”
    หญิงวัยกลางคนรีบรับคำ และผลุบหายไปในครัว จากนั้นริวยะจึงอุ้มร่างบางเข้ามาในห้อง และประคองวางลงบนพื้นอย่างอ่อนโยน
    “อะ...เอ่อ...”
    ยูคิกล่าวขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้จะเริ่มถามอีกฝ่ายยังไงดี
    “มีอะไร” น้ำเสียงวางอำนาจกล่าว  เล่นเอาคนตั้งท่าจะถามใจฝ่อ แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าถามออกไปได้ในที่สุด
    “เรื่องอัฐิพ่อของผมน่ะครับ ... ทำไมคุณถึงไม่บอก”
    ริวยะเงียบไปสักพัก และจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฉยชา
    “ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องบอกนี่”
    ทว่าคำกล่าวนั้น กลับทำให้ร่างบางที่นั่งฟังอยู่ทนไม่ไหว ความรู้สึกคับแค้น สับสน และน้อยใจ มันประดังประเด ถาโถมเข้ามาหาเขาแทบจะพร้อมกัน
    “ไม่มีหรือครับ! คุณทำให้ผมเข้าใจคุณผิด ทำให้ผมโมโหคุณ จน...เกิดเรื่องแบบนั้น ...แล้วยังบอกว่าไม่มีความจำเป็น...”
    ชายหนุ่มร่างสูงนิ่งเงียบไม่กล่าวตอบอะไรออกไป ยิ่งทำให้ความอดทนของเด็กหนุ่มถึงขีดจำกัด เจ้าตัวโพล่งออกไปเสียงดังอย่างสุดกลั้น
    “ทำไมไม่พูดล่ะครับ ทำไมไม่อธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกันล่ะ!”
    “ทานข้าวเสร็จแล้ว ก็กลับห้องเองแล้วกัน ฉันมีธุระต้องจัดการนิดหน่อย”
    ริวยะกล่าวเรียบ ๆ และลุกเดินออกจากห้องนั้นไปในทันที  โดยที่มียูคิตะโกนเรียกชื่อของตนตามไปติด ๆ
    “คุณริวยะ!”
   “ทำไมกันล่ะครับ...”
    เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ กับตนเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกแปลก ๆ เช่นนี้  ความรู้สึกที่เขาก็บอกกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร...
    

===
TBC
===
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2010 15:59:51 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
 


=====
บทที่ 6
=====


   ริวยะเดินกลับมายังห้องส่วนตัวของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอา ทาคุและอากิระ ซึ่งยืนคอยอยู่หน้าห้องต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างหวาด ๆ
    “เข้ามาสิ”
    ชายหนุ่มกล่าวห้วน ๆ ขณะเปิดประตูห้องและตัวเขาเองก้าวนำไปก่อน
    ทาคุและอากิระ เดินเข้ามาเงียบ ๆ และนั่งคุกเข่าต่อหน้าริวยะซึ่งทรุดนั่งลงบนเตียงนอนของตนเอง
    “ทาคุ”  น้ำเสียงทรงอำนาจเรียกชื่อชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่เบื้องหน้า
    “ครับ”
    “บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลยูคิให้ดี และเมื่อครู่นั่นทำไมถึงปล่อยให้ออกไปเดินคนเดียวแบบนั้น”
    สีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ทาคุก้มหน้านิ่ง ยอมรับผิดแต่โดยดีโดยไม่คิดจะตอบโต้ ซึ่งก็ทำให้อากิระที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบแย้งขัดขึ้นมาทันที
    “เอ่อ คุณริวยะครับ ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นความคิดของผมเองครับ ทาคุก็แค่ถูกบังคับให้ร่วมมือด้วยเท่านั้น”
    ริวยะตวัดสายตากลับมาหาชายหนุ่มอีกคน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ว่าเป็นแผนการของนาย แต่ที่ฉันตำหนิทาคุ เพราะเขาละทิ้งหน้าที่ที่ฉันสั่ง ซึ่งฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นเพราะสาเหตุใด”
    “ตะ...แต่”  อากิระพยายามอธิบาย แต่ทาคุห้ามเอาไว้เสียก่อน
    “ไม่ต้องแล้วอากิระ คุณริวยะพูดถูกฉันบกพร่องต่อหน้าที่ สมควรถูกลงโทษ”
    ริวยะมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะเหยียดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากได้รูปนั่น
    “อืม ไว้เรื่องทำโทษนายฉันจะพิจารณาทีหลัง ว่าแต่อากิระ!”
    หันมาทางอีกคนซึ่งสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
    “คะ...ครับ!”
    “เยี่ยมมากเลยนะ  ถ้าฉันไม่หนีเจ้ามานาเบะกลับมาก่อน และเห็นพวกนายสองคนยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวนั้นล่ะก็   ฉันคงคิดว่ายูคิเจอห้องนั้นด้วยตัวเองไปแล้ว”
    คำพูดแฝงการประชดประชันนิด ๆ ทำเอาอากิระกลืนน้ำลายลงคอ แต่ก็พอจะใจชื้นหน่อย ๆ  เพราะหาก ริวยะโกรธจริง ชายหนุ่มจะเงียบกว่านี้  ...ไม่สิ เจ้าตัวจะเงียบชนิดที่ทำเอาคนรอบข้างเสียวสันหลังวาบทีเดียว  มันเป็นความเงียบที่เปรียบเสมือนทะเลก่อนจะเกิดพายุใหญ่ยังไงยังงั้น
    “เอ่อ ...แล้วเรื่องลงโทษ”
    อากิระอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถาม  ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับอย่างหนักแน่น จนคนฟังใจเสีย
    “อ๋อ! ทำแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก!”
    “อะ...เอ่อ อะไรหรือครับ พอจะบอกให้เตรียมใจก่อนได้หรือเปล่า”
     อีกฝ่ายยังคงต่อรอง ซึ่งทาคุที่ฟังอยู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ เห็นการพูดคุยต่อปากคำกันลักษณะนี้ ก็พอจะรู้แล้วว่า ผู้เป็นเจ้านายไม่ได้โกรธเคืองอะไรพวกเขาแล้ว
     คนที่รู้จัก มุราคามิ  ริวยะ แต่เพียงผิวเผิน  มักจะคิดไปเองว่า ชายหนุ่มเป็นคนชอบวางตัวเย็นชา สวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นอยู่เสมอ จะมีก็แต่เพียงครอบครัว  เพื่อนสนิทบางคน  เขา อากิระ และคนงานเก่าแก่ภายในบ้าน  ถึงจะได้มีโอกาสเห็นตัวตนที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเย็นชาของชายหนุ่มเท่านั้น
    “เอ่อ...คุณริวยะครับ”
    ทาคุกล่าวขัดขึ้นเบา ๆ ระหว่างการสนทนาของริวยะ และอากิระ
    “มีอะไรหรือทาคุ”
    ริวยะหันถามชายหนุ่ม แต่พออีกฝ่ายบอกถึงเรื่องที่ต้องการจะสนทนาด้วย เขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที
    “เรื่องคุณยูคิน่ะครับ”
    “มีอะไร!”  ริวยะถามเสียงห้วน
    “ทำไมถึงไม่บอกคุณยูคิถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคุณล่ะครับ”
    “เฮ่ย! ทาคุ”  อากิระพยายามจะบอกให้เพื่อนสนิทหยุด เพราะเรื่องที่ชายหนุ่มจะพูด มันเฉียดเข้าขั้นคอขาดบาดตายเลยทีเดียว
    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายเลยนะทาคุ”
    ริวยะกล่าวเสียงเรียบ สีหน้าและแววตากลับกลายมาเป็นเย็นชาอีกครั้ง อากิระกลืนน้ำลายลงคอพยายามสะกิดให้เพื่อนสนิทหยุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะทาคุเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วเช่นกัน
    “คิดจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่กัน ไหนคุณเคยบอกกับพวกเราว่าคุณยูคิเป็นคนสำคัญไงครับ แล้วนี่หรือครับการกระทำกับคนสำคัญของคุณ!”
    “ทาคุ!” ริวยะตวาดขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ ทว่าคนพูดก็ยังคงไม่ยอมหยุดและยังพูดต่อไป
    “ผมทราบครับว่าผมไม่มีสิทธิ์จะมาพูดใส่หน้าคุณแบบนี้ ผมยินดีรับโทษหลังจากนี้ทุกประการ แต่ตอนนี้ผมต้องพูด เพราะผมทนดูคุณเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!”
    “นาย!” ใบหน้าคมเข้มชะงัก รู้ดีว่าคนตรงหน้าเองก็คงถึงที่สุดเหมือนกัน มิเช่นนั้นจะไม่มีวันได้เห็นทาคุผู้สงบเสงี่ยม เจียมตัวเสมอ กล้าขึ้นเสียงต่อเขาเป็นอันขาด
    “คุณริวยะ รู้ตัวเองบ้างไหม สีหน้าของคุณตอนไปดูแลคุณยูคิที่นอนซมเพราะพิษไข้นั่นน่ะ มันทำให้คนที่เป็นห่วงคุณเจ็บขนาดไหน  ผม  อากิระ คุณชิโนะ…ทุก ๆ คนในบ้าน ไม่มีใครต้องการเห็นสีหน้าแบบนั้นของคุณหรอกนะครับ ...สีหน้าที่เจ็บปวด และสำนึกผิดแบบนั้นน่ะ”
    ทาคุกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คำพูดนั้นมันทำให้อากิระต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกับที่ชายหนุ่มพูดมานั่นเอง
    “แล้วยังเด็กคนนั้นอีก...จู่ ๆ ก็ถูกพามาในที่ ๆ ตัวเองไม่รู้จัก หวังว่าคนที่รับตัวเองมาอยู่ด้วยจะเป็นที่พึ่งพาได้ แต่กลับถูกกระทำในสิ่งที่เหมือนโดนหักหลัง แถมยังโดนเย็นชาใส่แบบนี้ เป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงล่ะครับ”
    อากิระถอนหายใจอีกครั้ง  เพื่อนผู้เถรตรงต่อความรู้สึกของเขาคนนี้ ลองปล่อยให้พูดในสิ่งที่ตนคิด ก็จะพูดออกมาเสียหมดเปลือก โดยที่ไม่แคร์เลยสักนิดว่าคนฟังจะรับได้ไหม...แต่ดูเหมือน เขาคงจะไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่แล้วล่ะมั้ง  ก็ในเมื่อสีหน้าของริวยะตอนนี้ มันไม่ใช่สีหน้าของคนที่โกรธเกรี้ยวยามถูกพูดแทงใจดำเอาเข้าเต็ม ๆ เลยนี่นะ บางทีการพูดแบบเปิดอกครั้งนี้ของทาคุ อาจจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วก็เป็นได้
    “นี่เป็นความหวังดีของ ‘พี่ชาย’ ที่มีต่อ ‘น้องชาย’ ที่เคยเล่นด้วยกันในสมัยเด็ก ๆ นะครับ คุณริวยะ”
    อากิระเอ่ยกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายในปัจจุบัน ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ซึ่งริวยะก็ถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนจะสั่งให้คนทั้งคู่ลุกขึ้นยืนได้
    “เอาเถอะ ฉันรู้ว่านายหวังดีกับฉัน หึ...จะว่าไปก็ไม่ได้โดนทาคุสั่งสอนยาว ๆ แบบนี้มานานแล้วนะ จริงไหมอากิระ?”
    หันไปถามชายหนุ่มซึ่งยืนยิ้มมองมาพลางพยักหน้าให้ ในขณะที่อีกคนถอนหายใจเบา ๆ แม้จะมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ระบายด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
    “คุณริวยะ...”  ทาคุเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ  ซึ่งร่างสูงก็เหยียดยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนกล่าว
    “อืม! ฉันจะลองดู แต่ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จไหมนะ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนขี้อาย แถมยังพูดไม่เก่ง”
    อากิระแทบจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา เมื่อได้ฟังประโยคนั้น ส่วนทาคุสั่นศีรษะอย่างระอา ให้กับคนที่ออกตัวว่าขี้อาย พูดไม่เก่ง ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงโดยสายเลือด และรู้จักการใช้คำพูดจนสามารถเจรจาธุรกิจยาก ๆ ให้ประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว
    “ขอบใจ สำหรับคำแนะนำนะทาคุ”
    ริวยะหันมากล่าวกับชายหนุ่มก่อนออกจากห้องไป ซึ่งทาคุก็ก้มศีรษะให้กับอีกฝ่ายน้อย ๆ และเมื่อริวยะออกไปแล้ว อากิระก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
    “นึกว่าจะตายจริง ๆ เสียแล้วสิ”
    ทาคุหันมามองเพื่อนสนิท แล้วก็สั่นศีรษะอย่างระอา แต่ก็อดนึกขอบใจอีกฝ่ายไม่ได้ว่า หากไม่เป็นเพราะแผนที่อากิระคิด ยูคิก็คงไม่ได้มองริวยะในแง่ดีขึ้นมาหน่อยแบบนี้หรอก

    ยูคิกลับมาจากทานอาหารเย็น และตรงเข้านอนทันที  แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อช่วงเย็น มันยังคงรบกวนจิตใจเขาไม่จางหายไป
    ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อน และการก้าวเข้ามาของฝีเท้าหนัก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นหลับตาลงทันทีเมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักที่ยุบตัวลงมาของเตียงนอน
    “ยูคิ...”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำเอาคนฟังใจเต้นตึกตัก
    “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ ลืมตาขึ้นมาคุยกันหน่อยสิ”
   ทว่ายูคิยังคงนอนนิ่ง แถมหลับตาปี๋ ไม่ยอมลืม จนคนมองหมั่นไส้ระคนเอ็นดู
    “ถ้าไม่ตื่น จะปล้ำนะ”
    คำขู่กึ่งเอาจริงของร่างสูงทำให้ เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง ลุกขึ้นพรวด ใบหน้าแดงวาบ พลางถอยกรูดหนีไปอีกมุมเตียง
    “กลัวฉันนักหรือไง หือ?”  น้ำเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน ราวดังเป็นคนละคนกับเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ประกอบกับเรื่องอัฐิพ่อ ทำให้ยูคิเริ่มลังเลในความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้า
    “ผม...เอ่อ”
    “ฉันจะมาตอบคำถามเธอเรื่องเมื่อตอนเย็นยังไงล่ะ”
    คำบอกนั้นเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มได้อย่างชะงัด เจ้าตัวเริ่มสบตาตรง ๆ กับอีกฝ่ายได้บ้าง
    “เข้ามาใกล้ ๆ สิ อยู่ตั้งไกลอย่างนั้น จะให้ตะโกนคุยกันหรือไง”
    ริวยะแสร้งบอกดุ ๆ ความจริงแล้ว ตำแหน่งที่เขาและยูคิอยู่ไม่ได้ห่างกันไกลเท่าไหร่เลย ก็แค่หัวเตียงกับปลายเตียงเท่านั้น
    แต่ด้วยความที่อยากรู้คำตอบ ทำให้ยูคิขยับเข้ามาใกล้ อย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว ซึ่งริวยะก็ลอบยิ้มในสีหน้าเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว
    “เอ่อ...คือคำตอบล่ะครับ”
    “อยากรู้จริงหรือ?”  ร่างสูงย้อนถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
    “ครับ”
    “บอกก็ได้...”  พูดแค่นั้นแล้วก็โน้มใบหน้าเข้ามาจู่โจมร่างบาง ซึ่งนั่งนิ่งตกตะลึง เพราะจู่ ๆ ก็ถูกขโมยจูบเอาดื้อ ๆ แบบนั้น
    “อื้ม…คุณ ริ…อืม..”
    จูบครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และอีกหลาย ๆ ครั้งตามมา จูบเร่าร้อน อ่อนโยน และดุดัน คละเคล้าสลับกันไป จนคนถูกจูบทรุดฮวบลงกับอ้อมอกกว้างทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
    “นี่ยังไงล่ะ คำตอบของฉัน ...ยูคิ”
    ชายหนุ่มบอกพลางจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง และเดินออกไปจากห้อง โดยมีร่างบางที่ยังคงนั่งอึ้ง แต่ก็เริ่มจะเรียกสติกลับคืนมาได้บ้างแล้ว
    ...ก็ไหนบอกว่าจะตอบคำถามเมื่อตอนเย็นไงล่ะ  แต่นี่มาถึงก็จูบเอา จูบเอาแบบนี้ ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่ มุราคามิ ริวยะ!
    ยูคิคิดในใจอย่างสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำแม้แต่น้อย แต่ที่รู้เพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้ ใบหน้าของเขามันร้อนวูบวาบอย่างประหลาด ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากลองไปส่องกระจกดู มันจะแดงก่ำขนาดไหน



===
TBC
===

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด