http://www.hermitandmomiji.com/เปิดจองเเล้วค่ะ ดูรายละเอียดที่เว็บข้างบนค่ะ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0Step 1
กลุ่มควันสีเทาจางลอยตัดผ่านท้องฟ้าโปร่งยามเย็น ชายหนุ่มร่างสูงขาวเหม่อมองกลุ่มควันนั้นค่อยๆ ลอยห่างจนจางหายไปในอากาศ ก่อนจะหันกลับมามองดูแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเผาศพบิดาเขาทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน
ก้องภพมองดูเพื่อนสนิทตนยืนส่งแขกกลับบ้านด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรย ใบหน้าที่เคยขาวนวลซีดเซียวผิดเป็นคนละคนกับเมื่อสองเดือนก่อนที่รับปริญญาบัตรด้วยกัน
วนัสเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา พวกเขาโชคดีที่พอเรียนจบปุ๊บก็ได้ทำงานที่สำนักพิมพ์มีชื่อแห่งหนึ่งทันที การเริ่มงานกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น หากวนัสไม่ถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิดเพราะบิดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันตามภรรยาที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้เพื่อนเขาต้องลาออกจากงานด้วยความจำเป็นบางอย่าง
ร่างโปร่งของวนัสสวมใส่อาภรณ์สีดำ ยิ่งทำให้แลดูเพรียวบางในสายตาของผู้คนที่พบเห็น ก้องภพเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนส่งแขกคนสุดท้ายกลับ
“ขอบใจน่ะก้อง อยู่ช่วยงานจนวันสุดท้ายเลย” ร่างโปร่งบางหันมายิ้มอ่อนระโหยโรยแรงให้เมื่อเขาเดินไปถึง
เสียงแหบแห้งของวนัสทำให้เพื่อนสนิทเข้ามาสวมกอดพร้อมกับโยกตัวไปมา ด้วยรู้สึกเสียใจกับเพื่อนที่ต้องเสียบิดาไปกระทันหันแบบนี้
“ฉันก็ช่วยได้แค่นี้ละนัส”
“แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว ลางานมาเป็นอาทิตย์เลย”
“ช่างเถอะ แต่นายจองตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพให้ฉันเที่ยวหกโมงเย็นไว้ใช่มั้ย”
“ใช่ ขอโทษนะ ที่ให้คนอื่นไปส่งที่ท่ารถ”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงละ อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิ คิดซะว่าพ่อนายไปสบายแล้วเถอะ”
ผู้เป็นเพื่อนมองใบหน้าซีดขาวของวนัสพยักหน้าอย่างเข้าใจ และก็ใจหายในคราวเดียวกัน นับจากนี้พวกเขาต้องแยกจากกันแล้ว ด้วยหน้าที่การงาน ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่แปรเปลี่ยนไปตามเวลา
“คงต้องลากันตรงนี้แล้วสินะ” วนัสบอกลาเพื่อนสนิทด้วยแววตาชุ่มชื้น
“เฮ้ย…..ชุมพรแค่นี้ พูดซะยังกับอยู่ไกลสุดขอบโลกไปได้ ไว้ฉันจะแวะมาหาให้เบื่อหน้ากันไปเลย” ก้องภพรีบพูดปลอบใจเพื่อนตนทันที
“ให้มันจริงเถอะ ที่นี่ยินดีตอนรับนายทุกเวลา”
“อืม….ขอบใจ ไม่นานเกินรอฉันจะมาฝากท้องสักอาทิตย์แน่นอน โชคดีเพื่อน”
“โชคดี บ๊ายบาย”
วนัสมองเพื่อนสนิทเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่เคลื่อนจากไป พร้อมกับรู้สึกโหวงเหวงในอก แต่ก็พยายามเรียกกำลังใจกลับคืนให้ตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“นัส…………………เหนื่อยละสิเรา”
เสียงเรียกอย่างอ่อนโยนของวนารี ผู้เป็นพี่สาวส่งเสียงทักมาจากข้างหลัง ทำให้ศีรษะทุยหันกลับไปก็พบดวงตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยเป็นล้น
พ้นสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้น วนัสยิ้มรับความรู้สึกที่พี่สาวถ่ายทอดมาให้เสมือนดังมารดาเขาอีกคน ด้วยอายุที่ห่างกันเกือบสิบปีทำให้วนัสรักและเคารพพี่สาวพียงคนเดียวคนนี้มาก
“พี่ก็เหมือนกันนั้นละ” วนัสเข้าไปจับมือพี่สาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่แล้วก็ต้องรู้สึกตกใจกับแรงปะทะที่บริเวณช่วงขา
“อะ!…………”
ร่างโปร่งตัวเซก่อนจะขยับเท้าตั้งหลักได้อีกครั้ง
“ตายแล้ว! เจ็บรึป่าวหนู”
พี่สาวเขาร้องตกอกตกใจเมื่อสิ่งที่เข้ามาชนขาเขาคือเด็กชายวัยประมาณหกขวบล้มหน้าคะม่ำอยู่แทบเท้า ดูท่าจะเจ็บมาก เด็กชายถึงได้ทำท่าแบะปากตั้งท่าจะร้องไห้ วนัสจึงก้มลงไปฉุดเด็กน้อยลุกขึ้นยืน พลางสำรวจเนื้อตัวเด็กว่ามีบาดแผลเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีบาดแผลร่างเพรียวบางจึงยกยิ้ม
“ชนเอง ล้มเอง แผลก็ไม่มี แล้วจะร้องไห้ทำไมครับ”
เขาคงแปลกหน้าสำหรับเด็ก ดวงตากลมโตคลอขังด้วยน้ำใสๆเจียนหยาดหยดจึงเอาแต่จ้องมองหน้าเขาเขม็ง ลืมเรื่องตัวเองเจ็บไปสนิท
“มากับใครครับ”
เมื่อเห็นเด็กเอาแต่จ้องมองเขาไม่ยอมพูดจาจึงคิดจะชวนคุย เพื่อหันเหความสนใจของเด็กชาย แต่เด็กชายแก้มป่องตรงหน้ายังนิ่งเงียบทำหน้างง เขาจึงงัดไม้เด็ดที่เคยใช้กับหลานตัวเองบ่อยออกมา
“ไงครับ พ่อรูปหล่อมากับใครเอ่ย”
“มากับพ่อคร๊าบ” เหมือนจะถูกใจในคำถามเด็กชายจึงส่งเสียงใสตอบอย่างชัดเจน พลางยืนบิดตัวไปมาส่งยิ้มหวานให้วนัสอีกต่างหาก
เด็กนี่บ้ายอแฮะ ตลกชะมัด แต่เด็กๆทำมันก็ดูน่ารักน่าหยิกดีนะ
“อิฐ! พ่อบอกว่าอย่าวิ่งไงลูก”
เสียงเฉียบขาดดังมาจากข้างหลัง วนัสจึงหันไปมอง
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมุ่งหน้ามาทางเขา พร้อมจูงเด็กชายตัวเล็กๆอีกคนหนึ่งตามติดมาด้วย ทำให้เขามีโอกาสลอบสำรวจผู้มาใหม่ได้ถนัด ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ขนาดยืนบังเขามิดทั้งตัว ใบหน้าครามแดดคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันช่างเข้ากับทรงผมที่เจ้าตัวตัดสั้นดูแลสะดวกนี้เสียจริง ลำคอใหญ่หนารับกับช่วงไหล่กว้าง กอรปกับลำตัวที่สอบเข้าหาสะโพกดูเหมาะเจาะยังกะรูปปั้นช่างแกะ มองรวมๆแล้วเป็นผู้ชายที่สะดุดตาน่ามองเหลือเกินในความรู้สึกเขา ชายหนุ่มผู้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ คงจะเป็นแขกที่มาร่วมงานแต่เขาไม่คุ้นหน้าเลย
เมื่อรู้ว่าผู้ที่เข้ามาใหม่เป็นบิดาของเด็กที่หกล้ม เขาจึงรีบอธิบายให้ฟัง
“เขาหกล้มนะครับ แต่ดูแล้วไม่มีแผลตรงไหน” วนัสเงยหน้าคุยพลางส่งยิ้มบางๆให้
“เหรอครับ ต้องขอบคุณมากๆเลยที่ช่วยดูให้” ชายหนุ่มยิ้มตอบทำให้ใบหน้าแลดูอบอุ่นในสายตาของร่างโปร่ง “แล้วก็เสียใจด้วยเรื่องคุณพ่อนะครับ”
“ขอบคุณครับ” วนัสยิ้มรับคำพูดอ่อนโยนนั้นด้วยความรู้สึกจากใจ ก่อนจะละสายตามองเด็กที่หกล้มเดินไปหาเด็กชายอีกคนที่เกาะมือผู้เป็นพ่อไว้แน่น
“อิฐ ขอบคุณน้าเขารึยังลูก” ร่างสูงก้มหน้าพูดกับลูกชาย
“ขอบคุณครับ” เด็กชายทำตามอย่างว่าง่ายแล้วเข้าไปเกาะขาพ่อตัวเองด้วยอีกคน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกกันได้ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน”
ร่างสูงเอ่ยลาพร้อมน้ำใจที่หยิบยื่นให้คนแปลกหน้าอย่างเขา แล้วช้อนแขนอุ้มเด็กชายตัวเล็กไว้กับอก อีกมือก็จูงเด็กที่ชนเขาล้มเดินจากไปอย่างไม่ใคร่สะดวกนัก ดูมันเก้ๆกังๆยังไงพิกล วนัสจึงหันมาถามพี่สาว
“ใครหรือครับ”
“คุ้นๆหน้าอยู่น่ะ แต่ตอนนี้พี่นึกชื่อเขาไม่ออก ถ้าไม้คิดจะอยู่ที่นี่คงได้เจอกันอีกแน่ๆ” วนัสอมยิ้มเมื่อพี่สาวเรียกชื่อเล่นที่ไม่ค่อยจะได้ใช้สักเท่าไร เพราะพวกเพื่อนๆถนัดเรียกว่านัสซะมากกว่า จึงเลยตามเลยเรียกตามๆกันไป
“…………..ครับ” วนัสรับคำพลางกวาดสายตามองภายในศาลาวัดที่แทบไม่เหลือแขกเหลื่ออยู่แล้ว
“ที่วัดนี่พี่จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
ร่างโปร่งบางพยักหน้ารับคำพาพี่สาวกลับไปยังบ้านที่พวกเขาเกิดเติบโตมา
สองพี่น้องกลับมาถึงบ้านที่เคยอาศัยอยู่ ทั้งคู่มองดูสภาพบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงประมาณหนึ่งเมตร มีระเบียงรอบตัวบ้าน ลานหน้าบ้านมีซุ้มไม้เลื้อยต้นพวงแสด กำลังออกดอกชูช่อสีส้มสดประชันกันดารดาษ รอบบริเวณบ้านร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และถัดจากตัวบ้านไปเป็นสวนมะพร้าวแซมด้วยพืชผลไม้หลายชนิด รวมเนื้อที่ประมาณ 400 กว่าไร่
“ตัดสินใจดีแล้วหรือไม้” พี่สาวถามเสียงเบาหลังจากจมอยู่ในภวังค์ความคิด
“ครับ ผมไม่อยากปล่อยที่นี่ทิ้งร้างไว้” ร่างบางสูดอากาศเย็นๆเข้าเต็มปอด
“แต่ไม้ต้องอยู่คนเดียวน่ะ ถึงจะเป็นผู้ชายพี่ก็ห่วง ถ้ายังไงเราให้คนอื่นเช่าก็ได้ แล้วไม้ไปอยู่กับพี่ที่เชียงใหม่เถอะ” วนารีส่งสายตาขอร้องให้น้องชายเปลี่ยนใจ
“โธ่………พี่ก็………..ผมโตจนเรียนจบปริญญาตรีแล้วนะครับ”
“ก็นั้นละ พี่ไม่อยากให้ไม้ต้องฝืนตัวเองมาอยู่เฝ้าไร่เฝ้าสวน ทิ้งฝันทิ้งสิ่งที่อยากทำ” พี่สาวเว้นจังหวะนิด มองหน้าน้องชายแล้วจึงพูดต่อ
“อยากทำงานด้านแปลหนังสือไม่ใช่หรือ อุตส่าห์ได้ทำงานที่สำนักพิมพ์แล้วทั้งที”
วนัสสบตากับพี่สาวชั่วครู่แล้วหันมองไปรอบๆอาณาเขตที่ดินที่บิดาทิ้งไว้เป็นมรดกให้เขา
“ก็ใช่นะพี่ แต่จะให้ผมทิ้งที่นี่ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมเลือกที่จะอยู่ที่นี่ มันมีความทรงจำของครอบครัวเราอยู่ครับ ไม่ว่าภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะยอมรับมัน”
วนารีมองแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในความคิดของตน แล้วต้องยอมตัดใจเลิกโน้มน้าวให้น้องชายไปอยู่กับตน
“ผมจะขึ้นไปเยี่ยมพี่บ่อยๆ” วนัสรีบพูดเอาใจเมื่อเห็นพี่สาวมีท่าทีอ่อนลง
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักที่นี่นะไม้” วนารีก้มมองพื้นดินที่ตนยืนอยู่
“พี่…………..อย่าคิดมากสิ พี่ก็ลูกสองแล้วนา อยู่ดูแลเจ้าลิงทโมนสองตัวนั้นให้ดีเถอะ ถ้าพี่มาอยู่ที่นี่กับผมพี่ยศคงปวดหัวแย่” ร่างโปร่งครางเสียงอ่อน
วนัสพูดพาดพิงไปถึงพี่เขยที่ตอนนี้ติดไปราชการที่ต่างประเทศจึงไม่ได้มาร่วมงานศพบิดาของภรรยา ก็คือพี่สาวเขานั้นเอง พี่สาวเขาแต่งงานกับพี่ยศเมื่อ 8 ปีก่อน แต่งเสร็จก็ย้ายตามสามีไปอยู่เชียงใหม่ มีบุตรด้วยกัน 2 คน วัยกำลังซนทีเดียว
“จะไหวมั้ยนี่ ตั้งแต่เล็กจนโตก็เรียนอย่างเดียว ไร่สวนไม่เคยเข้ากับเขาเลย พี่ละห่วงจริงๆ” ผู้เป็นพี่พูดแล้วก็ถอนอกถอนใจไปด้วย
“หึๆ ก็ต้องลองดูพี่” ร่างโปร่งสูดลมหายใจก่อนจะระบายออกช้าๆ
“พี่จะกลับเชียงใหม่วันไหนครับ”
“พี่ว่าจะอยู่กับเราอีกซักสองสามวันแล้วค่อยกลับ จะอยู่ช่วยดูอะไรๆให้ด้วย”
“ขอบคุณครับ”
สองพี่น้องต่างคนต่างมองใบหน้าของกันและกัน ตั้งแต่นี้ไปก็เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้องแล้ว ถึงจะรู้สึกโหวงเหวงกับการจากไปของบิดา แต่ก็ยังอุ่นใจที่ยังมีคนที่มีสายเลือดเดียวกันให้ค่อยห่วงหาอาทร ถึงจะต้องอยู่เพียงลำพังเขาก็จะพยายาม พยายามแทนส่วนของพ่อกับแม่ที่จากไปแล้วด้วย
TBC
เรื่องนี้พี่สาเกเเต่งจบเเล้วไม่ต้องกลัวค้างค่ะ
อ่านเรื่องอื่นๆได้ที่หน้านิยายจบเเล้วนะคะ
เรื่องใหม่พี่เค้าเเต่งได้ครึ่งเรื่องเเล้ว จะเอาลงที่นี่เเน่นอนจ้า
Thx ja!!
Link นิยายพี่สาเก ลงจบเเล้วสามเรื่องเรื่อง Untitle -----> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=11513.0
เรื่อง Eternal Sunshine ------> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14766.0
เรื่องสั้น Secret of Love ------> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17676.0