PART 1PART 2PART 3PART 4PART 5PART 6PART 7PART 8Part 9.1
อาหารค่ำวันนี้ที่บ้านสีน้ำยังอร่อยเหมือนที่เคยได้มาฝากท้อง แต่ทำไมเหนือดินกลับรู้สึกได้ถึงเมฆหมอกที่ปกคลุมโต๊ะอาหาร จากสายตาของมารดาคนรัก ที่ถึงแม้จะถกถามพูดคุยเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ในวันนี้มันมี แววตาของความสงสัยและคลางแคลงใจ หรือว่าเขาจะคิดมากไปเองแบบพวกวัวสันหลังหวะ ในใจคิดไปถึงว่าหรือว่าแม่ของสีน้ำจะรู้ความสัมพันธ์พิเศษของเขากับสีน้ำ
“ทานแค่นี้หรอสีน้ำ แม่ว่าเดี๋ยวนี้เราผอมไปนะ”
“ไม่ผอมแล้วฮะแม่ ไปดูคีย์ สไปรท์ โชนสิ ตัวเล็กกว่าผมทั้งนั้นเลย”
“เราก็เป็นเรา จะไปเทียบกับใครทำไม ถ้าใครมาชอบลูกแม่ก็ต้องชอบที่ลูกแม่เป็นแบบนี้ ว่าอย่างนั้นไหมจ๊ะ เหนือดิน”
“อ่ะ ครับ”
เหนือดินที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่แทบสำลัก ตอบรับคำแล้วรีบหาน้ำดื่มลงไปทันที
“ทำไมละจ๊ะ ฝืดคอหรือยังไง”
“ป..เปล่าครับ คุณแม่”
ทั้งที่อากาศช่วงเย็นก็กำลังสบาย แต่ยิ่งนั่งกินข้าวไปเหนือดินรู้สึกหนาวสั่นจับขั้วหัวใจ แม้แต่ซุปร้อนๆ ที่ดื่มยังไม่ช่วยบรรเทาอาการเย็นยะเยือกนี้ไปได้เลย
“สีน้ำทานเสร็จแล้วไม่ต้องช่วยแม่เก็บโต๊ะหรอกนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ให้ เหนือดินช่วย ลูกไปอาบน้ำแล้วก็พาเจ้าพุดดิ้งไปอาบด้วยไป อาบแต่หัววันจะได้ไม่เป็นไข้”
“ครับแม่”
“เหนือดินช่วยแม่ได้ไหม”
“ได้ครับ ยินดีเลยครับ”
เมื่อทานอิ่มแล้วสีน้ำจึงขึ้นไปบนห้องพร้อมกับเจ้าพุดดิ้งที่ตามต้อยๆ ไม่ห่าง เมื่อสีน้ำเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว คุณแต้วก็เริ่มเก็บจานชามโดยมี เหนือดินเป็นลูกมือคอยยกไปไว้ที่ล้าง
“ขอโทษทีนะจ๊ะ ต้องให้มาช่วย”
“ไม่เลยครับ”
“เหนือดิน อายุเท่าไรแล้วนะจ๊ะ”
“ปีนี้ยี่สิบห้าครับ”
“อืม ก็ห่างกับตาสีน้ำหกปีสินะ ปีนี้ตาสีน้ำสิบเก้า”
“ครับ”
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ละจ๊ะ ไม่เห็นเคยพูดถึง”
“ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้วครับ แต่ก่อนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครับ ตอนนี้ก็ให้คุณน้าดูแลธุรกิจไปแล้วก็พักพ่อนท่องเที่ยวไปเรื่อยครับ”
“อย่างนั้นเอง แล้วพี่น้องละจ๊ะ”
คุณแต้วล้างคราบอาหารและล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ก่อนส่งให้ เหนือดินไปล้างน้ำสะอาดแล้วคว่ำไว้
“ผมมีน้องสาวอยู่คนนึงครับ ตอนนี้เรียนอยู่ที่อเมริกา”
“แล้วเหนือดินต้องไปช่วยดูแลธุรกิจหรือเปล่า แม่จำได้ว่าจบบริหารมาจากอเมริกาเหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่ครับ ก็มีพูดๆ บ้างครับ แต่ผมยังสนุกกับงานทางนี้อยู่”
จานใบสุดท้ายถูกส่งมาให้เหนือดิน แล้วคุณแต้วก็ล้างมือแล้วเดินนำไปที่ห้องนั่งเล่น เหนือดินรู้ตัวว่านั่นเป็นสัญญาณให้เขาตามไปคุยต่อ จึงรีบจัดการล้างและนำไปคว่ำ แล้วเดินตามไป
“เหนือดินคิดยังไงกับตาสีน้ำจ๊ะ เห็นเหมือนน้องชายเลยมาคอยช่วยดูแลอย่างนั้นใช่ไหม”
“เอ่อ...”
เหนือดินตกใจกับคำถามที่ฮุกตรงจนเขามึนไปทีเดียว คำตอบนี้จะให้เขาตอบไปอย่างไรดี ตอบไปตามจริงว่าเขารักสีน้ำ หรือจะตอบเลี่ยงไปเพราะไม่รู้ท่าทีของมารดาคนรักว่าจะขัดขวางหรือเปล่า
“เราเป็นลูกชายคนเดียวที่ต้องไปดูแลธุรกิจของทางบ้านแถมยังเป็นคนดังที่ใครๆ ต่างก็จับตามอง ถ้าทำอะไรผิดแปลกไปมันก็คงจะเป็นข่าวเสียๆ หายๆ ติดตัวไปอีกนาน จริงไหมจ๊ะ”
เมื่อเห็นเหนือดินนิ่งไป คุณแต้วเลยพูดต่อไป
“คนเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองซะหมดคงไม่ได้ ไหนจะพ่อแม่ ไหนจะแวดวงสังคมที่เราอยู่อีก จะทำอะไรก็ต้องคิดใคร่ครวญให้ดีๆ จะปล่อยให้ความคิดชั่ววูบมาทำลายสิ่งที่สร้างสมมาพังไปในพริบตาก็คงไม่ได้ แม่พูดถูกไหม”
“คุณแม่...”
“แม่อยากให้เราไปคิดดีๆ คิดให้รอบคอบ ความรู้สึกหลายๆ อย่างมันเปลี่ยนไปเพราะความใกล้ชิดหรือเปล่า ถ้าหยุดไว้ซะตรงนี้จะทำให้เสียใจกันน้อยกว่าที่จะไปรับศึกในอนาคตที่มีทั้งคนรอบข้างและสังคมหรือเปล่า”
“ผม...”
“แต่อย่าเข้าใจแม่ผิดนะ แม่เป็นคนใจกว้าง ถ้าลูกแม่รักใคร ไม่ว่าคนนั้นเป็นยังไง แม่ก็จะรักเหมือนที่ลูกแม่รัก แต่แม่จะไม่ยอมให้ลูกแม่ต้องเสียใจในอนาคตเด็ดขาด อย่างที่รู้นะจ๊ะว่าตาสีน้ำน่ะโตมาโดยเจ้าตัวแทบจะอยู่โรงพยาบาลมากกว่าบ้าน เขาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านทางหนังสือ ทีวี แล้วก็ตามอินเตอร์เน็ตเท่านั้น เรื่องจิตใจของคนน่ะ สีน้ำของแม่แทบจะเหมือนผ้าขาวเลยก็ว่าได้ มองโลกในแง่ดีไปซะทุกเรื่อง ยังดีที่ได้เพื่อนๆ อย่างสไปรท์ โชนแล้วก็คีย์คอยดูแล ลูกแม่โตแต่ตัวเท่านั้นแหละ”
คุณแต้วเลื่อนมือมาตบหลังมือเหนือดินที่นั่งนิ่งงันไปเบาๆ
“ช่วงนี้แม่อยากให้เหนือดินไปคิดใคร่ครวญดูทุกเรื่อง ถามความรู้สึกตัวเองให้ดีว่าความรู้สึกที่มีตอนนี้ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงหรือเปล่า หรือเพราะอยากลองของใหม่ๆ แปลกๆ ถ้ายังไงแม่จะให้พ่อเขากับคีย์คอยรับส่งสีน้ำไปก่อน ถ้าเรามีคำตอบให้แม่เมื่อไรเราค่อยมาคุยกันอีกที ดีไหมจ๊ะ”
เหนือดินไม่สามารถพูดโต้ตอบอะไรออกไปได้เลย ในเมื่อสิ่งที่มารดา คนรักเป็นกังวลนั้นก็เป็นสิ่งที่มารดาของทุกคนน่าจะเป็นห่วงเช่นกัน หากลูกจะออกนอกลู่นอกทางจากสิ่งที่ควรจะเป็น เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ได้เห็นว่าความรู้สึกที่มีต่อสีน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย และเขาพร้อมที่จะดูแลสีน้ำได้
“ครับคุณแม่ ผมจะขอพิสูจน์ให้คุณแม่ได้ทราบว่าความรู้สึกของผมในตอนนี้เป็นความรู้สึกจากใจจริง ผมรักสีน้ำจริงๆ”
คุณแต้วสบตาเหนือดินที่มองตรงมา สายตาของหนุ่มน้อยตรงหน้ามีทั้งความมั่นคงและความจริงใจ
“จ๊ะ แม่จะรอดูความจริงใจของเรา”
คุณแต้วยิ้มน้อยๆ ถ้าเธอเองไม่ได้รับรู้ว่าลูกชายคนโตนั้นดูมีความสุขและร่าเริงขึ้นตั้งแต่มีนายแบบดังคนนี้มาคอยรับส่ง และวันไหนไม่ได้เจอกันสีน้ำก็จะดูซึมไป อาการแบบนี้คือคนที่เริ่มมีความรักเพียงแต่สีน้ำยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง เธอจึงพร้อมที่จะปกป้องลูกชาย ไม่อยากให้มีบาดแผลที่ใจเท่านั้นเอง ความรักไม่ว่ารูปแบบไหนก็คือความรัก ถ้าเหนือดินแสดงให้ได้เห็นว่าจริงใจกับสีน้ำจริงๆ แล้ว เธอย่อมจะไม่ขัดขวางอย่างแน่นอน
“แม่ฮะ คุยอะไรกันอยู่เงียบเชียว”
สีน้ำที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินลงมาพร้อมองครักษ์ตัวน้อยที่วิ่งนำลงมาก่อนแล้วทำท่าจะกระโดดขึ้นไปบนตักของคุณแม่ยังสาว
“แม่ก็ชวนเหนือดินคุยไปเรื่อยล่ะ งั้นสีน้ำมานั่งคุยกับพี่เขาแทนแม่ละกัน แม่ขึ้นก่อนนะจ๊ะ”
ประโยคท้ายเหมือนหันไปบอกนายแบบหนุ่มมากกว่าที่ลุกขึ้นยืนตามเมื่อผู้ใหญ่ลุกขึ้น
“ขอบคุณมากนะครับสำหรับมื้อเย็น”
“จ๊ะ วันหลังมาทานอีกสิ แม่กินกับสีน้ำสองคนประจำเลย”
อย่างน้อยเหนือดินก็รู้ว่าบ้านนี้เปิดรับเขาเสมอ มารดาคนรักมิได้กีดกันแต่อย่างใด เหนือดินยกมือไหว้คุณแต้วเสียงดงามจนสีน้ำประหลาดใจ
“ขอบคุณครับ”
คุณแต้วเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้คุยกัน เธอได้พูดสิ่งที่จำเป็นต้องพูดในฐานะมารดาไปแล้ว ส่วนในฐานะของคนที่เคยมีความรักมาก่อนก็เข้าใจและเปิดโอกาสให้เด็กทั้งสองได้คุยกัน
“พุดดิ้งมานี่มา อยู่นี่ก็กวนนายเราเปล่าๆ”
“บ๊อกๆ”
เจ้าหมาจอมแสบเดินสะบัดก้นใส่เหนือดินแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กตามมารดาของสีน้ำขึ้นไปชั้นสอง สักวันเหนือดินจะจับไปโกนขนให้หมดตัวเลยน่าหมั่นไส้นัก
“คุยอะไรกับแม่หรอฮะ หน้าตาเครียดเชียว”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็ว่าจะขอลูกชายท่านไปเป็นลูกสะใภ้น่ะ”
“ขอลูกชายไปเป็นลูกสะใภ้?”
“สีน้ำ”
เหนือดินลุกไปนั่งข้างสีน้ำที่โซฟาแล้วกุมมือขาวจัดเอาไว้ ดวงตาเข้มมองดวงหน้าเรียวที่ไม่ได้สวมแว่นสายตาหนาเพราะว่าอยู่ในบ้านและเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ด้วยความรักที่มีเต็มหัวใจ
“พี่จริงใจกับสีน้ำจริงๆ นะ รู้ไหม ไม่ได้ล้อเล่น ไม่ได้มาหลอกลวงที่ผ่านมา พี่อาจจะเป็นคนที่แย่ในสายตาของใครๆ เป็นคนที่เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าก็จริง แต่ต่อจากนี้ไปพี่จะมีสีน้ำคนเดียว เชื่อพี่ได้ไหม ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้สีน้ำรู้ไว้ว่าพี่รักสีน้ำนะ”
สีน้ำมองหน้าคนตรงหน้าอย่างรับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งมาถึง ความกังวลใจเล็กๆ กับคำพูดของรุ่นพี่สมาร์ทนั้นหายไปจนหมด
“ผมไม่รู้หรอกนะฮะว่า รักคือความรู้สึกแบบไหน ผมขอโทษที่ต้องบอกแบบนี้ แต่ผมอยากให้พี่ดินเข้าใจ ผมโตมาแบบที่มีเพื่อนสนิททั้งชีวิตแค่สามคน โลกของผมที่ผ่านมาก็มีแต่ห้องสี่เหลี่ยมขาวๆ ในโรงพยาบาล กับที่บ้าน ผมมีแค่คนในครอบครัวแล้วก็เพื่อนเท่านั้นเอง ถ้าพี่ดินไม่รังเกียจที่จะให้เวลาผมค่อยๆ เรียนรู้มันไป สอนผมว่ารักของพี่ดินคือแบบไหน ผมก็ยินดีครับ”
สีน้ำส่งยิ้มหวานจากเรียวปากสีแดงของตัวเองให้กับเหนือดิน ร่างหนาดึงเด็กหนุ่มตรงหน้ามากอดกระชับแน่น แต่ก่อนเส้นทางที่เขาผ่านมานั้นวกวนและสับสน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเส้นทางที่เขาจะเดินต่อไปนั้นขอให้มีสีน้ำอยู่เคียงข้างก็เพียงพอแล้ว
“บ๊อก บ๊อก”
เจ้าพุดดิ้งที่วิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นส่งเสียงเห่าดังจนสีน้ำขืนตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นเพื่อหันไปดู
“อ้าว ลงมาแล้วหรอพุดดิ้ง”
“บ๊อก”
ลูกพุดเดิ้ลเดินหางกระดิกมาหาเจ้านายแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของสีน้ำ พลางหันไปแยกเขี้ยวขู่เหนือดินอีกครั้ง
“แฮ่ แฮ่”
“พุดดิ้ง ไม่เอาน่า บอกแล้วว่าห้ามขู่พี่ดิน”
“สงสัยจะอิจฉา หมาขี้อิจฉา”
“แฮ่ๆ”
“พอแล้วฮะ อย่าไปยั่วมันสิ”
ท่าทางสีน้ำคงต้องปวดหัวไปอีกนานเพราะเจ้าลูกหมาตัวดีกับคุณแฟนตัวใหญ่ที่ไม่ยอมญาติดีกันง่ายๆ
คุณแต้วที่ยืนอยู่เชิงบันไดถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก เธอเป็นคนปล่อยเจ้าพุดดิ้งให้ลงมาเอง อย่างน้อยก็เพื่อขวางไม่ให้ลูกชายคนใหม่ทำอะไรรุ่มร่าม แต่จากความจริงใจที่สื่อมาและคำพูดต่างๆ ที่พูดกับสีน้ำ ก็คงจะไว้ใจได้ระดับหนึ่งที่จะให้ดูแลสีน้ำ แต่นั่นคงต้องค่อยๆ ดูกันไปในระยะยาว
*****************************************************
หลังจากนอนคิดมาหนึ่งคืนเต็มแล้วเหนือดินก็ตัดสินใจที่จะขอปฏิเสธงานในครั้งนี้ ถึงมันจะเป็นโอกาสดีที่คงไม่มีมาอีกครั้งก็ตาม แต่เรื่องของสีน้ำเขาเองก็ปล่อยมือไปไม่ได้เช่นกัน ความรักที่กำลังจะค่อยๆ ปลูกให้เจริญเติบโตนั้นต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วยังเป็นสีน้ำที่ต่างกับคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิงยิ่งแล้ว ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เขายิ่งผละออกห่างไปไม่ได้ เมื่อคิดได้แล้วนายแบบหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะคว้ากุญแจรถแล้วขับออกไปยังบริษัททันที
“ไม่ได้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด พี่ไม่เคยว่าเราที่ปฎิเสธงานอื่นๆ เลย แต่กับงานยักษ์แบบนี้พี่ไม่ยอม”
“พี่เมย์”
“เหนือดิน เราไม่ใช่เด็กๆ นะ จะมาทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้ได้ที่ไหน ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว ยกเลิกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น พี่จะถือว่าพี่ไม่เคยได้ยินเธอพูดเรื่องนี้ อาทิตย์หน้าจะออกเดินทาง ไปเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่านะ ระยะเวลาทั้งหมดในตอนนี้อยู่ที่สองเดือน”
“แต่ว่าผมมีความจำเป็นจริงๆ นะครับ”
“โอกาสนี้เป็นสิ่งที่เธอรอคอยมันอยู่ไม่ใช่หรอ การร่วมงานกับต่างชาติโปรเจคใหญ่แบบนี้ ทั้งหน้าตารูปร่างตอนนี้กำลังอยู่ในท็อปฟอร์มนะ ถ้าพ้นช่วงนี้ไปแล้ว มันก็คงยาก ทำอะไรคิดให้ดีๆ คิดให้มากๆ หน่อย เธอเป็นนายแบบมืออาชีพนะ”
“ผม...”
“ทุกอย่างจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามนี้ พี่ขอตัวทำงานก่อนนะ”
คุณเมย์บอสสาวตัดบทแล้วหันไปอ่านเอกสารตรงหน้า เหนือดินได้แต่ ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน เขาเหลือเวลาอาทิตย์เดียวก่อนจะต้องไปทำงานต่างประเทศ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี
****************************************************************
“ไอ้น้ำ วันนี้พ่อแกไม่มารับใช่ป่ะ ไปกินไรกันเหอะ”
“พ่อ? พ่อจะมารับได้ไง ไม่เคยมารับเลย”
“โธ่ ไอ้น้ำ ไอ้ไป๊มันหมายถึงพ่อทูนหัวของแกไง เมื่อเช้าวันนี้ก็ไม่ได้มาส่ง ให้ปะป๊าตัวจริงมาส่งแทนนี่หว่า”
“อ่อ พี่ดินนะหรอ เห็นแม่บอกว่าช่วงนี้งานยุ่งเลยไม่อยากให้ไปรบกวนน่ะ”
“คุณแม่สีน้ำบอกว่าให้สีน้ำติดรถกลับกับฉันแทน ช่วงนี้”
“อืม พ่อพูนหัวไม่ว่าง แม่ทูนหัวเลยดูแลแทน โอ๊ย เจ็บนะเว้ยไอ้คีย์ ฟาดลงมาได้ เท็กซ์เล่มนึงหนาตั้งหลายร้อยหน้า”
“ไม่ฟาดปากห้อยๆ ของแกก็ดีเท่าไรแล้วโชน”
“สมน้ำหน้าไอ้ห้อย โดนซะมั่ง”
“อ้าว ไอ้ไป๊ แกก็คิดเหมือนฉันนั่นแหละ เดี๋ยวฉันฟาดแกต่อเอง”
“แกลองดิ ถ้าแกฟาดมาคืนนี้ฉันจะจับชากีไปกร้อนขน”
“หาเรื่องลูกฉันหรอ แกตายแน่ไอ้ไป๊”
คีย์และสีน้ำส่ายหน้าระอากับเพื่อนคู่หูที่สนิทกันจนทะเลาะกันได้ในทุกเรื่อง จะว่าไปสีน้ำก็รู้สึกเหงาลึกๆ ในใจ กับการไม่เห็นหน้าคนบางคนในตอนเช้าอย่างที่เคยเห็นมาตลอดทุกวัน ทำไมรู้สึกปวดหน่วงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก
“ทำหน้าเหมือนกินยาขมๆ เป็นอะไรไปสีน้ำ”
“เปล่าหรอก”
“คิดถึงคุณเหนือดินหรอ”
สีน้ำหันไปมองหน้าเพื่อนร่างเล็กด้วยความตกใจ
“ทำไมรู้ล่ะ”
“เดาถูกสินะ”
คีย์รั้งสีน้ำให้นั่งลงที่เก้าอี้ประจำของพวกเขา ทั้งสองวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วปล่อยให้โชนกับสไปรท์ที่ยังบ้าพลังเล่นและโต้เถียงกันต่อไป
“ไหน รู้สึกอะไรยังไง เล่ามาสิ”
“คีย์?”
“ถ้ารอให้สีน้ำค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง ฉันว่ากว่าสีน้ำจะรู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรก็คงอีกสักยี่สิบปี แน่ๆ”
“ขอบใจนะ คีย์”
“แค่ขอบใจก็พอ ไม่ต้องมาทำหน้าซาบซึ้ง ขนลุก”
คีย์จิ้มที่หน้าผากของเพื่อนรักเบาๆ เรียกรอยยิ้มบางๆ จากเรียวปากแดงอิ่มได้ดี
“อ่ะ ว่ามา เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นหรอ ทำไมคุณแม่นายถึงได้โทรมาบอกให้ช่วงนี้นายติดรถฉันกลับบ้าน เมื่อวานตอน
รับโทรศัพท์ก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะไปกล้าถาม”
“อืม... ฉันก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่เหมือนแม่จะคุยอะไรกับ พี่ดินนะ ท่าทางจริงจังทั้งคู่”
“หรอ แล้วหลังจากคุณแม่ขึ้นไปแล้วท่าทางคุณเหนือดินเป็นไง”
“ก็มีพูดจาแปลกๆ พี่เขาบอกให้ฉันเชื่อใจเขาว่าเขาจริงจัง ไม่หลอกอะไรแบบนั้นล่ะ”
“ก็เป็นไปได้ที่คุณแม่รู้แล้วเรื่องที่พวกนายคบกัน”
“แต่แม่ก็ไม่ได้พูดอะไร”
“ไม่ได้พูดกับสีน้ำไง แต่ไปพูดกับคุณเหนือดิน”
สีน้ำคิดตามที่คีย์บอก ใบหน้าที่เคร่งขรึมของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขาเมื่อวานนี้สะกิดใจอยู่เหมือนกัน
“แล้วทำไงดีล่ะคีย์”
“ก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยไปแบบนี้แหละ คุณเหนือดินเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็คงมีวิธีการคิดและทำในแบบผู้ใหญ่นั่นแหละ สีน้ำจะคิดมากทำไม”
“นั่นสินะ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“สีน้ำเอ๋ย นี่แหละเรียกว่าความรักแหละ”
“ความรัก?”
“ค่อยๆ เรียนรู้ไปในแบบของสีน้ำแหละดีแล้ว พยายามเข้า นี่สไปรท์ โชน จะเลิกทำตัวงี่เง่าซะทีได้ไหม จะไปกันหรือยังเดี๋ยวให้ไปเองเลย”
คีย์ปล่อยให้สีน้ำค่อยๆ คิดไป เขาเดินออกไปเรียกเพื่อนสองคนที่จะเล่นแหย่กันไม่เลิก
“คีย์ชอบขู่ว่ะ”
“เออ เห็นด้วย”
“แล้วไม่ขู่จะมาไหม พวกแกนั่นแหละที่ชอบให้ฉันดุอยู่เรื่อย”
“เอาน่า ไหนๆ แกก็เป็นแม่ทูนหัวให้ไอ้น้ำมันแล้ว มาเป็นพี่เลี้ยงให้พวกฉันไปด้วยเลยดิ”
“งั้นขอเป็นในเรื่องซินเดอเรลล่าละกัน จะได้เป็นพี่เลี้ยงใจร้ายเอาให้กระอักเลือดเลย”
“ใจร้าย”
“ขอร้องเหอะ ถ้าหน้าตาน่ารักก็ว่าไปอย่าง อย่าพูดแบบนั้นด้วยหน้าตาดิบเถื่อนได้ไหมวะ”
“โชนจ๋า ดูสิ ไป๊โดนรังแก”
“อ้วก ไอ้ไป๊ไปไกลๆ ตีนเลยไป”
สีน้ำหันไปมองเพื่อนทั้งสามคนที่คุยเสียงดังกันอยู่ไม่ไกล โทรศัพท์ที่ใส่ในกระเป๋ากางเกงสั่น เจ้าตัวจึงล้วงออกมาดู ก็เห็นว่าเป็นข้อความจากคนที่ยังไม่ได้เห็นหน้าเลยในวันนี้
“คิดถึง...ดูแลตัวเองด้วย แล้วคืนนี้คุยกัน”
ข้อความสั้นๆ แต่สีน้ำรู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ บางทีก็คงจะเป็นอย่างที่คีย์บอกเอาไว้ ให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มันก็คงจะดีเอง ความรู้สึกแปลกๆ ที่นับวันจะมาจู่โจมเขาก็คงจะทำให้เขาได้รู้จักความรักในแบบที่พี่ดินบอกเอาไว้ในสักวัน มือขาวจัดกดพิมพ์ข้อความสั้นๆ แล้วส่งกลับไปบ้าง
“พี่ดินก็เช่นกัน แล้วคุยกันครับ”
*********************************
เหนือดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเปิดข้อความอ่าน รอยยิ้มเหมือนหนุ่มน้อยที่อยู่ในห้วงความรักทำให้เหล่าทีมงานที่คุ้นเคยต่างพากันสงสัยว่าใครกันคือเจ้าของข้อความที่เรียกรอยยิ้มกระจ่างเช่นนั้นจากนายแบบดังคนนี้ได้
“ยิ้มแบบนี้จะฆ่าสาวๆ แถวนี้ให้ตายหรือไงเหนือดิน”
“อ๊ะ ขอโทษทีครับ”
ช่างภาพที่สนิทกันเป็นคนแซวขึ้นมา ที่จริงเขาแอบเก็บภาพนั้นเอาไว้แล้วว่าจะลงในคอลัมภ์ภาพหลุด คงเรียกเสียงตอบรับจากแฟนๆ ได้พอสมควร
“ยินดีด้วยนะกับงานใหญ่ มะรืนจะเปิดแถลงข่าวนิ”
“ขอบคุณมากครับ ก็เห็นว่าแบบนั้นนะครับ”
“ทำไมกัน ทำหน้าไม่เหมือนคนดีใจที่ได้งานใหญ่โกอินเตอร์เลย”
“นั่นสิครับ ผมควรจะดีใจกับงานนี้อยู่หรอก...”
ช่างภาพหนุ่มใหญ่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ นายแบบหนุ่ม เขาถ่ายแบบ เหนือดินมานานหลายปีจนจะเรียกได้ว่าสนิทกันไปโดยปริยายก็ว่าได้
“โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะมาบ่อยๆ ได้มาแล้วก็แสดงฝีมือให้เต็มที่ ทำให้สมกับที่ได้รับเลือกหน่อยสิ คนอื่นๆ ที่เขาอยากได้ยังมีอีกเยอะนะเหนือดิน มาทำหน้าซังกะตายแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลย”
“ขอบคุณครับ แต่ผมมีเรื่องที่หนักใจอยู่นิดหน่อย ไม่ค่อยอยากไปจากเมืองไทยตอนนี้สักเท่าไรน่ะครับ”
“เรื่องของเจ้าของข้อความที่ทำให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่นหรือเปล่า”
เหนือดินยิ้มน้อยๆ ก่อนพยักหน้ารับ
“ผมก็พอจะเข้าใจนะ ความรักที่เพิ่งเริ่มต้นมักจะบอบบางจนอยากจะประคองไว้ในมือ แต่การที่เราไม่ได้อยู่ดูแลใกล้ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะดูแลอยู่ไกลๆ ไม่ได้นิ จริงไหม บางทีการที่เรามัวแต่คอยประคับประคองมากไปก็ใช่ว่าจะดีนะ”
“ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำดีๆ”
“ไม่หรอก ผมอยากได้ภาพเพอร์เฟคของนายแบบนัมเบอร์วันเท่านั้นเอง เดี๋ยวขอสีหน้าที่แบบพอลงปกแล้วทุกคนต้องเหลียวมามองเลยนะ หน้าตาเหมือนปลาขาดน้ำแบบนี้ไม่ผ่าน”
“ได้เลยครับ”
เหนือดินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทั้งที่เขาผ่านความรักมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มที่มีรักแรกเช่นนี้เลย นี่คงเป็นรักแท้ที่เขารอคอยมานาน แล้วเขาจะกลัวไปทำไมกัน ในเมื่อทุกคนต่าง เอาใจช่วยเขาไม่ว่าจะเป็นแม่ของสีน้ำเองหรือเพื่อนของสีน้ำก็ด้วย เขาควรจะทำตัวให้สมเป็นมืออาชีพในการทำงาน ทำให้สีน้ำได้เห็นความเท่ของเขามากกว่าการงอแงและเอาแต่ใจเหมือนเด็ก
“เอาวะ สู้กันสักตั้ง แค่สองเดือนเอง”
****************************
เช้าวันที่สามของการให้สามีไปส่งลูกชายคนโตไปมหาวิทยาลัยก็ผ่านพ้นไปด้วยดี จะมีก็แต่อาการซึมไปของสีน้ำที่เกิดจากการหายหน้าไปของนายแบบหนุ่มที่เคยมารับส่งทุกวัน ใช่ว่าเธอจะไม่สงสารลูกชาย แต่ถ้าเป็นการทำเพื่อปกป้องลูกชายของเธอไม่ให้ต้องเจ็บปวดกับสายตาของสังคมและความรักที่ไม่มั่นคง เธอจะทำทุกทางเพื่อให้สีน้ำไม่ต้องเสียใจ แม้จะดูเหมือนใจร้ายแต่ถ้าเพื่อลูกชายของเธอแล้ว เธอผู้เป็นแม่ก็ต้องใจแข็งเข้าไว้
“นั่นรถใครมาจอดหน้าบ้าน”
คุณแต้วที่กำลังจะเดินไปยังห้องครัวได้ยินเสียงรถที่ดับเครื่องยนต์ลงที่หน้าบ้าน เจ้าพุดดิ้งวิ่งนำหน้าไปเห่าอยู่หน้าประตูเรียบร้อยแล้วก่อนที่เสียงออดหน้าบ้านจะดังขึ้น
“พุดดิ้งถอยไปก่อน”
คุณแต้วสั่งให้ลูกหมาแสนรู้ถอยไปจากหน้าประตูเพื่อเปิดออกดูว่าใครคือแขกที่มาเยือนแต่เช้า
“สวัสดีค่ะ บ้านหนูสีน้ำหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ มาพบใครหรือคะ”
“มาพบกับคุณแม่ของสีน้ำ ใช่คุณหรือเปล่าคะ”
คุณแต้วมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ คนที่มากดออดนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่เครื่องรูปบนใบหน้ายังบ่งบอกว่าสมัยสาวๆ คงเป็นคนที่สวยมาก แต่งกายในชุดสูทที่ตัดเย็บประณีต ด้านหลังเป็นรถยนต์หรูคันใหญ่จอดอยู่ และมีคนขับรถที่ยืนคอยอยู่ข้างๆ รถ ทำไมถึงมีคนลักษณะแบบนี้มาหาลูกชายของเธอได้
“ขอโทษทีนะคะ ลืมแนะนำตัวไป ดิฉันเป็นแม่ของตาเหนือดินน่ะค่ะ”
“อ๊ะ คุณแม่ของเหนือดินหรอคะ ขอโทษทีคะ ดิฉันเป็นแม่ของตาสีน้ำน่ะค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เชิญในบ้านก่อนดีไหมคะ”
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แต่ว่าคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวเลยวันนี้”
คุณแต้วเดินนำมารดาของนายแบบหนุ่มแขกประจำของบ้านมานั่งในห้องรับแขกแล้วแยกไปจัดน้ำและของว่างมาให้
“ทานน้ำกับขนมก่อนนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
มารดาของเหนือดินจิบน้ำพอเป็นพิธีแล้ววางแก้วลง เธอสบตากับคนตรงหน้าแล้วแย้มยิ้มออกมาช้าๆ พร้อมกับแจงวัตถุประสงค์ที่มาถึงที่นี่ในวันนี้
“ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ ดิฉันมาคุยกับคุณเรื่องตาดินกับหนูสีน้ำน่ะค่ะ”
“เรื่องของทั้งสองคน?”
“ค่ะ เรื่องที่เขากำลังคบหากันอยู่นี่แหละค่ะ ดิฉันมาเพื่อ...”
*******************************