-22-
แสงสว่างที่แยงตาทำให้เปลือกตาบางค่อยๆเปิดรับก่อนจะหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตา ความอบอุ่นที่มือทำให้ต้องหันหน้าไปมองก่อนจะเห็นคนคุ้นเคยฟุบหน้านั่งหลับอยู่ข้างๆ แต่มือเล็กก็ขยับเพื่อจะเอามืออกมาจากการเกาะกุมแต่นั่นกลับทำให้อีกคนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“มินทร์เป็นไงบ้าง”
เสียงทุ้มรีบเอ่ยถามก่อนจะแตะลงบนผืนผ้ากอซที่พันอยู่ที่ข้อมืออย่างแผ่วเบาแต่เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมพูดยอมจาแถมยังเบี่ยงมือหนี
ดวงตาคู่สวยมองมายังผู้เป็นอาด้วยแววว่างเปล่าก่อนจะที่ค่อยๆรื้นน้ำตา ทันทีที่หยดน้ำร่วงหล่นลงต้องผิวแก้มปลายนิ้วยาวก็เกลี่ยเช็ดให้
“มินทร์ไม่ตายง่ายๆหรอก”
“อย่าพูดเรื่องความตายอีกนะรู้ไหม หืม…อาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเรา”
“ไม่จริงมั้งครับ ไม่มีผมอาวัตรก็ยังมีคนอื่นนี่ คุณฟ้าไงครับ อาวัตรจะแต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มไม่ยอมตอบอะไรแต่กลับรวบร่างโปร่งเข้ามาไว้ในวงแขน ปลายจมูกกดลงบนเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมล แม้ว่าอีกฝ่ายจะขืนตัวออกแต่เรวัตรกลับตรึงเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมกอด
“ฟังอาอธิบายก่อนนะครับ คนดี…อาขอร้องให้ฟ้ามาช่วยทำเป็นว่าจะแต่งงานกันเพราะไม่อยากให้คุณหญิงพามินทร์ไป แต่ยังไม่ทันจะอธิบายให้มินทร์ฟังก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน”
“คุณฟ้า รู้เรื่องเราแล้วเหรอ”
“อืม…เธอรู้แล้ว”
“แล้วเธอ…”
“อาบอกเธอทุกอย่างแล้วและบอกกับเธอด้วยว่า…อารักมินทร์”
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปก่อนจะโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนกว้างทันที ท่อนแขนทั้งสองข้างรวบกอดแผ่นหลังกว้างเสียแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดลอยไปไหน ใบหน้าอ่อนเยาว์เปื้อนทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความดีใจ
“มินทร์ก็รักอาวัตร รักมากที่สุดในโลกเลย
เมื่อผละตัวออกมือใหญ่ก็คว้ามือข้างที่มีผ้าพันแผลขึ้นมาจรดริมฝีปากก่อนจะเป่าเบาๆราวกับร่ายมนต์ให้คนตรงหน้าหายเจ็บ
“อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ สัญญากับอาได้ไหม”
“ครับ มินทร์สัญญา แล้วก็ขอโทษที่ทำลงไปโดยไม่ได้คิดให้รอบคอบเสียก่อน”
“อานึกว่าจะต้องเสียมินทร์ไปแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของคนสำคัญเด็กหนุ่มก็ประคองใบหน้าคมเข้มให้เงยขึ้นสบตาก่อนจะแนบเรียวปากลงบนริมฝีปากสีจัด ออกแรงกดย้ำปรับเปลี่ยนองศาให้ลึกซึ้งขึ้น เมื่อละริมฝีปากออกก็กลับมาโอบกอดกันและกันอีกครั้ง
“ว่าแต่…คุณย่า…”
“คุณหญิงกลับไปอเมริกาแล้วล่ะ”
“หมายความว่า…”
“เราสองคนจะไม่พรากจากกันไปไหนไงครับ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ภายในหัวใจถูกความสุขเติมเต็มในทุกช่องว่าง ตอนนี้ทุกเรื่องก็ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางทั้งหมดแล้ว
“เดี๋ยวพอมินทร์หายแล้ว อาทิตย์นี้เราไปกรุงเทพฯกันนะ ดูเหมือนสองคนทางโน้นเขาคิดถึงมินทร์จะแย่อยู่แล้ว”
“ครับ”
หลังจากที่เด็กหนุ่มหายดีแล้วผู้เป็นอาก็พาไปยังเมืองหลวงเพื่อไปเยี่ยมอีกสองคนที่หายเงียบไปในพักหลัง แม้ว่าจะมีโทรคุยกันบ้างแต่ก็แค่เพียงประโยคไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบสั้นๆเท่านั้น
“ทุกทีอาดลจะโทรมาหามินทร์บ่อยๆแต่ช่วงนี้หายเงียบไปเลยนะครับ อาวีก็เหมือนกัน”
“หรือว่าสองคนนั้น…”
“อาวีกับอาดลอาจจะยุ่งเรื่องงานก็ได้ครับ อาวัตรนี่ชอบตีตนไปก่อนไข้ทุกที”
“ก็ใครกันล่ะครับที่ทำให้อาเป็นแบบนี้ หืม…”
ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วบีบปลายจมูกของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“อาวัตร มินทร์ไม่ใช่เด็กแล้วนะ มาทำแบบนี้อ่ะ”
“งั้น…”
เมื่อเอ่ยจบก็ฉกฉวยความหวานจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว ตีเล็กตีลงบนท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามโทษฐานที่มาทำรุ่มร่าม มือใหญ่คว้าข้อเล็กเพื่อจะกุมไว้แต่อยู่ๆเด็กหนุ่มกลับสะบัดมือหนีและรวบมากุมไว้เอง
“เจ็บแผลเหรอ อาขอโทษนะ”
เรวัตรเอ่ยก่อนจะค่อยๆจับข้อมือข้างที่เป็นรอยแผลเป็นมาสัมผัสอย่างแผ่วเบาและยกขึ้นมาจรดริมฝีปากเหมือนที่เคยทำเวลาที่อีกฝ่ายเจ็บ
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ว่าแต่…เราจะไปหาอาดลกับอาวีที่ไหนล่ะครับ ในเมื่อทั้งคู่ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย”
“ไปที่อพาร์ทเม้นต์ของดลก่อนแล้วกัน”
ตอนนี้ทั้งเรวัตรและภูมินทร์กำลังยืนอยู่หน้าประตูไม้เนื้อหนาก่อนที่ชายหนุ่มจะกดกริ่งหลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดเสียงปลดล็อคประตูก็ดังขึ้น
“วัตร น้องมินทร์”
ปฐวีเอ่ยเมื่อเห็นคนคุ้นเคยก่อนจะเปิดประตูให้กว้างและเชื้อเชิญคนทั้งสองเข้าไป
“ไงไอ้ดล เดี๋ยวนี้เอาอ่าวกับเขาแล้วเหรอวะ”
เรวัตรทักทายเมื่อเห็นเพื่อนคนสนิทนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังจนปล่อยให้ตัวเองดูโทรม แม้แต่หนวดยังไม่ได้โกนด้วยซ้ำแล้วไหนจะจาน ชาม แก้วกาแฟที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบตัวอีก
“ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านนะ ข้าไม่ว่างเทคแคร์”
ระหว่างที่พูดดวงตาก็แทบไม่ละจากหน้าจอ
“เออ…”
ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะหยิบน้ำผลไม้ที่แช่อยู่ในตู้เย็นมาส่งให้ภูมินทร์
“เกิดอะไรขึ้นเหรอวี ทำไมอยู่ๆไอ้ดลถึงหันมาเอาการเอางานซะได้”
“ก็ดลปฏิเสธการดูแลแองจี้แม่ของเธอเลยถอนหุ้นออกจากบริษัท ดลเลยเสนอจะหาหุ้นส่วนด้วยตัวเองและถ้าได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการให้เป็นประธานเมื่อนั้นคุณแม่ถึงจะยอมให้เราคบกันจริงๆจังๆ”
“อ่อ…มิน่า ถึงได้ฮึกเหิมลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันขัดแย้งกับตัวเอง”
ปฐวีเดินเข้ามานั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นไงบ้างเรา สบายดีนะ อาขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับอาวี มินทร์รู้ว่าอาวีมัวแต่ยุ่งอยู่กับคนแถวนี้”
เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้จนคนมองต้องแอบแซว
“มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่ไหม”
“ครับ”
“อาดีใจด้วยนะ”
“ผมก็ดีใจกับอาวีด้วยนะครับ ที่อย่างน้อยคุณแม่ของอาดลก็ยอมรับระดับหนึ่งแล้ว”
ปฐวียิ้มให้แต่เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนข้อมือของเด็กหนุ่มก็หน้าซีดทันที
“แผลนั้น เกิดอะไรขึ้นน่ะมินทร์”
“นิดหน่อยน่ะครับ แต่แผลนี้ก็แลกกับการที่ผมกับอาวัตรไม่ต้องพรากจากกัน”
ชายหนุ่มร่างโปร่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเมื่อเงยหน้ามองนาฬิกาก็รีบลุกไปที่ห้องครัวทันที
“วัตรกับน้องมินทร์กินอะไรไหม เดี๋ยวจะทำให้”
“นอกจากเค้กส้มแล้ว อาหารที่อาวีทำได้อร่อยที่สุดก็…สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ตามนั้นนะครับ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
ปฐวีพยักหน้าตอบรับก่อนจะกวักมือเรียกให้ภูมินทร์ไปเป็นผู้ช่วย ทั้งคู่อยู่ในชุดกันเปื้อนซึ่งดูแปลกตาไปจากทุกครั้งแต่ก็ทำให้น่ามองอยู่ไม่น้อยจนเรวัตรอดมองไม่ได้
“แม่บ้านของแกนี่น่ารักดีว่ะ จ้างเดือนละเท่าไหร่เนี่ย”
เรวัตรเอ่ยแซวเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเอาแต่คร่ำเคร่งกับงาน
“จ้างด้วยหัวใจทั้งดวงแล้วก็ทั้งชีวิตด้วย”
นภดลละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เพื่อเงยหน้ามาคุยกับเพื่อน เรวัตรขยิบตาให้หันไปมองสองบุคคลที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหาร
“ข้านับถือเลยว่ะที่แกละสายตาไม่มองวีได้”
“ขืนมองสิ งานการได้ไม่ต้องทำกันพอดี”
เรวัตรหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตอบก่อนทั้งคู่จะเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแทน
“กินมื้อนี้เสร็จแล้วก็ขอเชิญคุณนภดลไปอาบน้ำแล้วก็โกนหนวดให้เรียบร้อยด้วย”
“ดลกะจะไว้นะเนี่ย จะได้เซอร์ๆ”
“อย่างดลน่ะเหรอ ซกมกมากกว่าน่ะสิ”
“งานเสร็จเมื่อไหร่นะปฐวี นายโดนครบทั้งต้นทั้งดอกแน่”
ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเอ่ยก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากิน เมื่ออิ่มก็เตรียมตัวอาบน้ำแต่เข้าห้องน้ำไปได้เพียงครู่ก็โผล่หน้าออกมาเรียกให้คนสำคัญไปหา
“มีอะไรให้รับใช้มิทราบครับ คุณชาย”
นภดลยิ้มหวานก่อนจะรั้งตัวอีกคนเข้ามาอยู่ภายในห้องน้ำ
“นี่…วัตรกับน้องมินทร์ก็อยู่ จะทำอะไรก็หัดคิดถึงคนอื่นเขาซะบ้าง”
“แค่โกนหนวดเอง คิดไปถึงไหนน่ะ…หรือว่า…เมื่อคืนยังไม่พอ”
“คนลามก”
อ้อมแขนกว้างรั้งอีกฝ่ายเข้ามาระยะประชิดก่อนจะส่งครีมโกนหนวดและอุปกรณ์ให้ ปฐวีบ่นพึมพำแต่ก็ยอมทำให้แต่โดยดี ร่างโปร่งเดินมายืนเผชิญหน้าก่อนจะค่อยๆป้ายครีมสีขาวไปตามไรหนวดและบรรจงใช้มีดโกนที่แสนคมทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเกลี้ยงเกลา
นภดลอดมองท่าทางตั้งอกตั้งใจของอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่สุดก็เป็นได้ที่เขามีปฐวีอยู่เคียงข้างในทุกวันนี้ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าจนคนตรงหน้าต้องชะงักมือ
“ยิ้มอะไร เดี๋ยวก็โดนบาดเข้าหรอก”
“รักนายจัง วี”
ปฐวีแอบยิ้มเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ได้รับฟังคำหวาน ใบหน้าหมดจดร้อนและแดงก่ำจนคนมองต้องเอ่ยแซว
“เขินล่ะสิ”
“ทำไมต้องเขินด้วย”
“รักดลเหมือนกันใช่ไหมล่ะ รู้หรอก”
“รู้แล้วจะถามทำไม คนบ้า”
ชายหนุ่มร่างโปร่งเขินอาย เมื่อเห็นว่าอ้อมแขนกว้างจะรวบเข้าไปกอดก็พลิกตัวหลบได้อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องน้ำปล่อยให้อีกคนคว้าลมเข้ากอดแทนแถมยังยิ้มค้างกับกระจกที่สะท้อนภาพของตัวเอง
หวังว่าความรัก…จะหวานแบบนี้เรื่อยไป
2BCon…
(มาอัพแล้วคับ ฉากหวานๆของทั้งสองคู่ หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบกันนะคับ ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนว่าถ้ามาอัพช้าในบางตอนต้องขออภัยนะคับช่วงนี้ไนท์ต้องทำรายงานน่ะคับ แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่จะเอามาลงให้ทันที ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ :call:ปล เรื่องนี้ใกล้จบแล้ววววว…
ปล อีกครั้ง หนังเรื่อง SkyLine สำหรับไนท์คิดว่าเอฟเฟคอะไรโอเคหมดคับ ยกเว้นตอนจบและเนื้อเรื่องบางช่วง ชวนให้สับสน แต่ถ้าใครชอบแนวมนุษย์ต่างดาวบุกโลกก็คงชอบแหละคับ
ปล สุดท้ายจริงๆ ต้องขออภัยด้วยนะคับที่มุขเก่าทำให้ใครหลายต่อหลายคนใจหาย แหะๆ แซวเล่นกันขำๆคับ หวังว่าตอนนี้คงจะทำให้บางคนที่เครียดลงตับ ลงพุงดีขึ้นนะคับ เตรียมเป็นเบาหวานกันต่อไป)