ผมกลั้นลมใจอีกอึกหนึ่ง ตาจ้องหน้าซีดขาวของมัน ดูแล้วมันเองก็กำลังตั้งสติรอคำที่จะหลุดจากปากสั่นๆเช่นกัน.
“.ปาล์มคิดก่อนพูดนะลูก ไม่งั้นจะเสียใจทีหลัง”
เสียงทุบสติให้ผมยั้งคิดอีกครั้ง.
“.นั่นนะสิปาล์ม ถ้าอะไรที่มันไม่หนักหนาสาหัส ให้อภัยกันได้ ปาล์มก็อย่าไปยึดติดนะ ไม่งั้นคนที่เสียใจก็คือตัวปาล์มเอง”
เสียงพี่หนึ่งทะลุผ่านมาจากด้านหลัง เกรงมันจะซ้ำรอย..
“.น้าปาล์ม พ่อเก่งสำนึกผิดแล้วนะ พ่อบอกเมื่อวาน”
นั่น... มันจะขอเกี่ยวกับเขาทุกอย่าง รู้ดีไปทุกเรื่อง ครั้งหน้าถ้าจะบอกอะไรมัน ผมคงต้องตบหัวตัวเอง 10 ครั้ง ถ้าคิดจะเล่าให้มันฟัง
“.พูดมาสิ กูรอฟังจนขาเกร็งแล้ว”มันอ้าปากว่า
กูก็จะพูดอยู่ แต่มีแต่คนแย่งซีนกูนี่หว่า เลยทำให้กูไม่ได้พูดซักที..
“..ผมอยากให้วิญญาณของพี่ใบปอไปสู่คติ....”ผมบอกพ่อกับแม่
“..เห้ยย...”ไอ้เก่งร้องลั่น มันจะร้องทำไม..
“.ใบปอ ไม่ใช่ไปผุดไปเกิดแล้วเหรอลูก เราก็ทำบุญให้บ่อยนะ”
แม่รีบแย้งขึ้น พ่อเองก็เหมือนจะพูดบ้าง..
“.ยังหรอกครับแม่..”ผมหน้าเศร้า แต่น้ำตาไม่ตก
“.ปาล์มรู้ได้ยังไง...”
“เมื่อคืนพี่ใบปอมาหาปาล์ม...”
“..บรื๋อ.”
ไม่รู้มันจะร้องทำไมอีก แถมยังมองซ้ายขวาหน้าหลัง ทั้งที่มันกลางวันแสกๆแท้ๆ มันจะกลัวเกินเหตุไปหรือเปล่า อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองก็ยังแอบขนลุกขนาดไอ้ปอมมันเห็น มันยังเป็นลม นี่แหละผู้ชายแมนแค่ไหน ก็จะได้เห็นตอนเจอผีนี่แหละ ไอ้ที่ว่าแมนเกินร้อย มักจะเผ่นก่อนพวกผ้องตลอด
“หา ละ แล้ว บะใบปอว่าไงมั่ง..”
แม่ผมเหมือนร้องไห้ ผมรีบเข้าไปประคองแม่ เกรงจะลมใส่
ไอ้เก่งหน้าซีดลงกว่าเดิม พี่หนึ่งทำหน้าไม่ถูก มีเพียงพ่อกับคุณราเชนที่ผมเดาไม่ออก พ่อเงียบกริบ..
“เพราะใบปอฆ่าตัวตายไง มันจึงไปผุดไปเกิดไม่ได้ เพราะบุญที่พวกเราทำให้ไปไม่ถึง”พ่อมองไอ้เก่ง เหมือนจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
“..ใบปอจะไปผุดไปเกิดได้ ก็ต่อเมื่อได้รับผลบุญกุศลใหญ่”
“นั่นก็คือ ...การบวช...”ผมจ้องหน้ามันอีกครั้ง
“อืมม น่าอะหล่อย.”
หลานแสบมันเอ่ยขึ้น ผมจะหัวเราะได้มั้ย
“..ไม่ใช่อย่างงั้น ไม่ใช่ของกิน..”
ผมเสียงแข็งตะคอกใส่หน้า
“.อ่ะ ยายยังบวชฟักทอง บวชกล้วยเลย”มันเท้าเอวสู้ผม
“โอะ ไม่ใช่แบบนั้น คนละเรื่องแล้วหลานยาย”
แม่ผมอมยิ้มให้ความใสไร้เดียงสา
“.แล้วไงอ่ะ ตกลงกินไม่ได้ใช่มั้ย”มันบิดตัวไปมาท้าสายตาผม
“ชินก็ว่าอยู่ ว่าไม่น่าจะใช่.”
“การบวชก็คือการทำบุญใหญ่ ลูกผู้ชายทุกคนควรได้ทำหน้าที่นี้”
พี่หนึ่งอธิบายต่อ
“..เป็นพระไงลูก พระที่ยายพาใส่บาตรอ่ะ”
แม่ผมชี้ให้เด็กๆเห็นภาพ
“ อ๋อ...ปุ๊บปั๊บ อยากบวชมั่ง.”เอากับหลานผมสิ.
“.ชินก็อยากบวช”
ว่าแล้ว ..ใครคนหนึ่งจะทำอะไร อีกคนก็มักจะทำตาม
“.ให้น้องชินกับปุ๊บปั๊บ เข้าใจอะไรกว่านี้ก่อนลูก”แม่ผมบอกหลาน
“แล้วการบวชทำไง...”
“ยายจะอธิบายให้ฟังวันหน้านะ. แต่การบวชก็คือการทำบุญยิ่งใหญ่ ผลบุญที่เกิด ก็จะมหาศาลเช่นกัน.”แม่ตอบเสียงเรียบ
“เป้าหมาย เป็นใบ้”พี่หนึ่งพูดขึ้น
มันเงียบลงถนัดตา เหมือนจะครุ่นคิดหนัก มันจะรับข้อแลกเปลี่ยนผมได้หรือไม่ ผมก็เดาไม่ออก แต่ถ้ามันบอกว่าไม่ ผมก็ตัดใจจากมัน.
“.พ่อเก่ง การบวชก็คือการทำบุญ พ่อบวชให้แม่ใบปอนะ แม่ใบปอจะได้เป็นนางฟ้าแสนสวย”
“.รู้ความหมายด้วยเหรอ”ผมถามไอ้คนช่างเจรจา
“ก็ยายเคยบอกไงว่า ทำบุญ ผู้ชายก็จะได้เป็นเทวดา ผู้หญิงก็จะได้เป็นนางฟ้า..”
แม่ผมยิ้มและพยักหน้าในการช่างจด ช่างจำ...
“.มันจำเป็นขนาดนั้นเลยรึ..”มันกล้าที่จะถาม
“..แต่ความคิดของปาล์ม ผมสนับสนุนนะ”
พี่หนึ่งชูจักแร้มาดมั่น
“ผม ก็เห็นด้วย ถ้าเราเปรียบว่าการปลูกต้นอะไร ก็ได้ผลเช่นนั้น ก็ให้มองในด้านกลับกัน ที่ใบปอต้องทำแบบนั้นเพราะอะไรเช่นกันครับ..”
คุณราเชนเงียบไปนาน แต่แกก็คิดตามสิ่งที่ทุกคนพูด..
“..พ่อว่า พ่อก็เห็นด้วยนะ ใบปอจะได้เลิกทุกข์ทรมานเสียที”พ่อผมทำหน้าขอร้องคนผิด แต่แม่เงียบ แต่ผมคิดว่าแม่พูดไม่ออกมากกว่า.
“..ถ้าไม่ทำ กูกับมึงจบแค่นี้ไอ้เก่ง”
ทั้งๆที่รู้ว่าคนห่างวัดอย่างมัน ไม่เชื่อเรื่องกรรมเวร แต่ผมก็ยังด้านขอ ผมไม่รอคำตอบ บางทีมันอาจจะต้องคิด ผมก็เลยเดินหนีไม่รอท่า...
แต่เพียงก้าวออกมาไม่ถึงสิบก้าว มือหนาๆของมันก็คว้าเอาไว้..
“..ข้อแรกกูจะไปทำวันนี้ ส่วนข้อที่สองถ้ากูไม่ตกลง มึงกับกูจบงั้นเหรอ”
“.ใช่..”ผมตอบปากสั่น แต่หนักแน่น
หน้ามันเหมือนจะชั่งใจ รอสัญญาณอะไรบางอย่าง
“.ให้เวลากูคิดมั้ย”
“มันไม่มีเวลาต้องคิดแล้ว บางเรื่องมันรอไม่ได้ หรือถ้าจะรอต้องรอไปอีกนานแค่ไหน”
“.มึงเอาจุดสามแปดมาจี้หัวกูนี่หว่า..”
“แล้วแต่มึงจะคิด กูไม่คิดว่าคือการบังคับ”ผมไม่ได้บังคับ จริง จริ๊ง..
“..ปาล์ม มันหนักไปมั้ย..”พ่อผมคงเห็นใจมัน
“.ทำเถอะเก่ง ลบล้างบาปที่เคยทำไว้มั่งก็ดี”พี่หนึ่งสนับสนุนสุดขีด
“.แม่ค้าบ แม่อยู่ไหนปุ๊บปั๊บคิดถึง”
หลานตะโกนขึ้นฟ้า แต่มันกลับเจ็บปวดที่ใจผม
“.น้าปาล์ม แม่จะได้ยินปุ๊บปั๊บพูดบางมั้ย..”คุณอุ่นรักถามซื่อ
“..แม่ใบปอ ได้ยินสิ่งที่ปุ๊บปั๊บบอกแน่นอนครับ”
ทำไมเวลาพูดกับหลาน แล้วผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไม่นะผมไม่อยากอ่อนให้มันเห็น แต่ผมอยากให้มันทำจากใจ
“..งั้นปุ๊บปั๊บจะบอกแม่อีกอย่างได้มั้ย.”
“..ได้สิครับ หลายๆอย่างก็ได้..”
ผมปาดน้ำตาให้ตัวเอง พลางกอดหลานเอาไว้
“.แม่ฮะ ปุ๊บปั๊บรักแม่นะ ปุ๊บปั๊บจะไม่ดื้อ และจะเป็นเด็กดีของน้าปาล์ม รวมทั้ง จะดูแลตากับยายแทนแม่ด้วยนะฮะ แล้วนี่ก็ น้องชินเพื่อนของปุ๊บปั๊บคับ น่ารักมั้ย แต่น้องชิน น่ารักน้อยกว่าปุ๊บปั๊บนิดหน่อย จริงม่ะ..”
“.เช็ดน้ำตาให้นะ..”มันยื่นมือเล็กๆมาซับน้ำตา
“.แม่ได้ยินมั้ยฮะ..”
“..จ๊ะ แม่ใบปอต้องได้ยินแน่นอน..”ผมเห็นพ่อเช็ดน้ำตาให้แม่
ไอ้เก่งมันยืนน้ำตาเอ่อไร้เสียงสะอื้น มันเข้ามากอดลูกแน่นรวบผมเข้าไปอีกคน พอดีน้องชินก็อยู่ด้วยมันก็เลยกอดที่เดียวสามคน ไม่มีคำตอบเช่นเคย จะมีก็เพียง ใบหน้าปนคราบน้ำตา มุมปากยิ้มให้ผม
พี่หนึ่งกอดคอคุณราเชน จ้องผมกับมัน ส่วนพ่อก็กอดแม่มองไปยังท้องฟ้า เผื่อจะมีเสียงอะไรตอบหลานตัวจิ๋วมาบ้าง
ภาพชายห่มผ้าเหลืองอร่ามตรงหน้า สยบความคิดเดิมๆทิ้งไปจนสิ้น ท่าทางนิ่งสงบเสงี่ยมน่าเลื่อมใส กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นต้องกัน หลังจากที่เข้ามาฝึกฝน ท่องบทสวดมนต์ต่างๆ เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ วันที่ทุกคนได้เห็นพระใหม่อีกครั้งก็เป็นวันบวชเรียบร้อย แน่นอนคนที่ปลาบปลื้มที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้เป็นพ่อกับแม่..
“พระงามมากเลยนะพ่อ”คุณชมดาวอดชมลูกตัวเองไม่ได้
“ใช่แม่ แถมยังดูน่าเลื่อมใสมากๆ”
“..แม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ดูสำรวมกายวาจาผิดหูผิดตาไปเลย.”
“.พ่อครับแม่ครับ ผมเข้าไปกราบพระนะ”พี่หนึ่งบอก ก่อนจะเดิน และก้มลงคลานไปหา ก้มลงกราบในเวลาถัดมา
“.เอาสิ ปุ๊บปั๊บ ไปกราบพ่อสิหลานยาย..”แม่ผมยิ้มไม่หุบ
“.หะ หึ ปุ๊บปั๊บ...”
ใจเล็กๆกำลังสั่นคลอน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไร นั่นคือสิ่งที่ทำให้ขาเขาไม่ขยับเขยื้อน มันยังถูกตรึงที่เดิม ผมพอจะเดาออก ตั้งแต่เขารู้ว่าพ่อเขาจะไม่ได้อยู่บ้าน แถมยังมาว่าไล่พ่อเก่งของมันออกจากบ้านอีก เป็นไงละหลานผม อย่างนี้เขาเรียกว่าหลงแล้วไม่ใช่รัก ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด แต่กลับได้ความรักน้อยกว่าคนมาทีหลัง ....ก็ใช่นะสิ.... ตามใจกันขนาดนั้น ผมก็เลยกลายเป็นน้าปาล์มเน่าใน ที่ใครๆก็ไม่ต้องการ..
น้องชินเห็นดังนั้น จึงเข้าไปดุนหลังเพื่อนให้ไปข้างหน้า..
“.พูดเข้าใจยากแฮะ พี่ปุ๊บปั๊บนี่”
“.กลัวอะไรละ ตามลุงไปสิครับ”คุณเอดึงแขนหลานที่เอาแต่ยืนแข็ง
“.พูดไม่รู้เรื่อง..”น้องชินเริ่มบ่นยาว
“..เบื่อ อยากจะร้องก็ร้องไปเลย ขี้แยไม่เข้าท่า....”
น้องชินหยุดดันหลังคนดื้อ หันไปเดินตามลุงหนึ่งที่กราบพระแทน หวังจะให้ทำดูเป็นตัวอย่าง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ทำไมปุ๊บปั๊บขี้ขลาดซะงั้น...
“..ทำอย่างงี้...”
น้องชินก้มกราบแทบเท้า พระที่ยืนนิ่งเป็นเสาหลัก มือน้อยกราบแบๆได้อย่างหน้าชัง ใครเห็นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ขณะที่ลูกชายแท้ๆกลับเบ้หน้าเหมือนจะขอกลับบ้านไปกินนม
“.ชินไม่เข้าใจ ยากตรงไหน.”เด็กน้อยบอกผู้ใหญ่ที่นั่งข้างๆ
กราบพระ พี่หนึ่งก็นั่งคุย ดึงน้องชินมานั่งบนตัก..
ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากคนอื่น เรียกว่าโยนความคิดเก่าๆทิ้งก็ว่าได้ ไม่อยากจะเชื่อสายตาเช่นกัน ว่าพระองค์นี้ คือคนเดียวกันกับคนที่ ที่เอ่อ ผมจะเรียกอะไรดีเล่า เอาเป็นว่า มันนั่นแหละ น้ำใสๆไหลหลั่งล้นขอบจอเพราะตื้นตันจนอั้นไม่อยู่ ป่านนี้พี่ใบปอจะรับรู้สิ่งเหล่านี้หรือยัง..
“..ไปกราบพ่อสิ...”ผมไล่
“..ไม่เอา ปุ๊บปั๊บจะอยู่วัดกับพ่อ..”มันชักจะอ้าปากกว้างขึ้น
“..อ้าว เป็นงั้นไป..”ราเชนหัวเราะ
“.งอแง ไม่น่ารักเอาเสียเลย”น้องชินสบถว่าแบบเบื่อหน่าย
“นั่นนะสิ เมื่อกี้ก็ยังเล่น หัวเราะแสบแก้วหูอยู่เลย พอเห็นพ่อแค่นั้น อึ้ง อึ้ง..”หนึ่งหัวเราะกับน้องชินสองคน
“..ปุ๊บปั๊บจะอยู่กับพ่อ พ่อจะต้องอยู่กับน้าปาล์ม”
“มีเรียงลำดับให้ด้วย”คุณปูทำหน้าไปไม่เป็น
“..งอแงทำไม.”คุณราเชนปลอบ
“..อย่าดื้อสิลูก ถึงพ่อไม่ได้อยู่ด้วยก็ต้องเชื่อฟังน้าปาล์ม”
เสียงของพระ ราบเรียบไม่มีเส้นสะดุด
“..หึหึ ใครก็ไม่รักปุ๊บปั๊บ ทุกคน ทุกคนทิ้งไปหมด หึหึ”
มันเหวี่ยงแหโทษคนอื่นนี่...
“โถ โถ หลานย่า นี่มันงานบุญนะลูก จะร้องหาไม้เรียวหรือไงลูก”
“...อย่า....”
ปุ๊บปั๊บวิ่งปร๊าดด มาข้างหลังผมให้ปกป้อง เพราะเขารู้อิทธิฤทธิ์มันเป็นอย่างดี แต่มันสร้างความตื่นตะลึงให้อีกคู่..
“..นี่คุณตีหลานด้วยเหรอ...”
“.ยามรั้นขึ้นมา ใครเอาอยู่มั่งละ ถ้าไม่ใช่ไม้เรียว”แม่ผมเล่นบทแรง
“นี่มัน โหดร้ายกันขนาดนี้เลยเหรอ กับเด็กตัวแค่นี้เนี๊ยะ.”
ย่ารีบเข้าข้างหลาน ปู่ก็อึ้ง คงยังไม่รู้จักคุณยุพินดี..
“..ก็แค่บางครั้ง..”ผู้เป็นยายตอบลอยๆ ไอ้เมื่อกี้แค่ขู่.
“หน่อย หลานน่ารักแค่ไหน ยังทำได้ลงคอ..”
“..ก็ให้ถึงเวลาที่เขาดื้อสิ เทวดายังเอาไม่อยู่เลย”
หลานแสบแอบซุกหน้าไปร้องกับขาผม ตอนนี้กลับกลายเป็นกลัวยายด้วย มันจะทำให้มันมากเรื่องทำไมนะ ผมก็ลูบหัวอย่างสงสาร..
“.พี่ปุ๊บปั๊บ แอบดื้อ”น้องชินหัวเราะ
“.น้องชินดื้อหรือเปล่า..”
“ไม่ น้องชินน่ารักอย่างเดียว ไม่น่าดื้อคับ”
พูดจบเขาก็เดินไปหาเพื่อน พร้อมกับเข้าไปกอดข้างหลัง อย่างปลอบประโลม นี่แหละมั้งความหมายของคำว่าเพื่อน มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ
ผมปล่อยให้ปุ๊บปั๊บอยู่กับน้องชิน ส่วนตัวเองก็เข้าไปกราบพระบ้าง ผมบอกได้คำเดียวว่าอิ่ม อิ่มที่เห็นพระเป็นผู้เป็นคน พระเปลี่ยนกระทั่งแววตาล๊อกแล๊ก เป็นดวงตาจริงจังน่าเชื่อถือ การพูดการจาดูสำรวม ตั้งแต่วันที่มันเข้ามาฝากตัวที่วัดเกือบอาทิตย์ มันก็ตั้งข้อเรียกร้องให้ผม นำอาหารมาถวายวัดเช้าและเพลทุกวัน หลายครั้งที่พระเหมือนจะรู้เวลาผมมา พระก็จะมาดักรอ เพื่อไต่ถามทุกข์สุก ใหม่ๆพระก็บอกว่าทรมาน แต่อีกสองสามวันถัดมา ก็บอกเริ่มชินปรับตัวได้ดีขึ้น ตอนนั้นพระยังใสชุดขาวอยู่เลย จนถึงวันนี้..
..สายตาที่ประสานกัน ราวกับผมอยู่กันคนละโลก แต่ก็ต่างเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี ผมยิ้มนิดๆสื่อให้รู้ว่าปลื้มแค่ไหน สุดท้ายคำขอร้องของผมก็ประสพผลสำเร็จ แม้การตอบรับ พระจะสร้างเงื่อนมาต่อรองเล็กน้อย พอแค่คันคอ แต่เพื่อผลอันยิ่งใหญ่กว่า ผมย่อมเสียสละเสมอ..
“.เป็นอะไร เอาแต่งอแง...”พระอดถามคนเลี้ยงไม่ได้
“.ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆแค่เห็นท่าน เขาก็เปลี่ยนอารมณ์ คงอิน.”
“.ฮึ ฝากด้วยนะ เหมือนจะต้องใช้เวลาอีกหน่อยถึงปานกลาง”
“ครับ ฮึฮึ...”
ดีใจที่เห็นพระอมยิ้ม.
“..อาตมาจะตั้งใจปฏิบัติธรรม เหมือนที่เคยสัญญาเอาไว้”
แววตาที่เคยเหลาะแหละ แปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น
“.อย่าห่วงทางนี้เลยครับ ปะ ปาล์มจะดูแลให้ทุกอย่าง”
“..ขอบใจ อาตมาจะมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย..”
“.ขอบคุณหลวงพี่มากครับ ที่เข้าใจ”
“.เข้าใจผิดแล้ว ใครผูกคนนั้นต้องเป็นคนแก้ต่างหาก”
“.ครับ.”ผมตื้อจุกอกสามศอกนิดๆ
ผมหน้าก้มกราบด้วยความศรัทธา
“..มาหาพ่อหน่อยสิลูก ให้พ่อกอดซักนิด..”
เสียงพระบอกเจ้าตัวเล็กที่ยังยืนเกร็ง แขน ขา ราวกับยังกลัวไม่หาย..
“..ปุ๊บปั๊บไม่รักพ่อเหรอ..”น้องชินกระซิบข้างหู
ชินปาดน้ำตาที่หลั่งอาบแก้มให้เพื่อน แล้วเช็ดเสื้อเจ้าตัวต่อแบบไม่แคร์สื่อ ก็มันไม่ใช่น้ำตาเขานี่ จะเช็ดเสื้อตัวเองได้ไง น้ำตาใครก็น้ำตาใครดิ..
“ไม่ไหว..”ชินส่ายหัว
“.น้องชินไม่ใช่พี่ปุ๊บปั๊บนี่ ไม่เข้าใจหรอก”
“.เป็นงั้นไป..”
“..ไปกราบพระสิลูก เดี๋ยวท่านจะต้องเข้าไปจำวัดแล้ว..”
“เร็วดิ ไม่งั้นโดนนะ”
น้องชินเตะขาเพื่อนเบาๆ คงจะขู่ก็แล้วปลอบก็แล้ว ยังเล่นตัวนั่นแหละ
เล่นเอาฮาทั้งกอง แต่คนโดนเตะกลับฮาไม่ออก ใจมันวนเวียนไม่อยากให้เป็นแบบนี้ น้ำตาเลยยังหยดติ๋งๆไม่แห้งเหือด
“หลานปู่ ไปเร็วคนเก่ง ไม่งั้นจะไม่ได้ทันเวลากลับนะ เดี๋ยวเครื่องบินหมดอดกลับบ้านนะครับ”
“จริงด้วย เชื่อย่าดิ”
นั่นเป็นไฟท์บังคับ ทำให้เจ้าตัวน้อย ค่อยย่างขาเข้าไปลงกราบผู้เป็นพ่อที่ครองผ้าเหลืองเต็มตัวและเต็มใจ..
“.จะร้องทำไมละลูก พ่อไม่ได้ไปตายซักหน่อย”
สิ่งที่เอ่ยเพราะความคะนองปาก แต่ก็ทำให้ปาล์มจ้องพระตาโต.
“..เออ ขอโทษ แค่จะหยอกลูกเล่นเท่านั้นเอง ฮึ”
“.อย่าพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลแบบนี้อีกนะพระ แม่ฟังแล้วใจหาย”
“.ครับ..”
หลังได้กอดลูกชายจนชื่นใจ มันเป็นเหมือนกันเติมพลังยิ่งใหญ่ให้กับการตัดสินใจเดินทางสายธรรม แน่นอนมันไม่ง่ายเหมือนตั้งวงเหล้าเมานารี มันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยสุก แต่ด้วยจิตใจแน่วแน่ พระใหม่ก็พร้อมที่จะขจัดกรรม ที่เขาเอง ก็มีส่วนร่วมในการกระทำของผู้ที่ล่วงลับ..
หลังเห็นพระเดินเข้าไปกุฏิเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างอิ่มบุญไปตามๆกัน ผมสูดธรรมมะเข้าให้เต็มปอด แสดงให้ถึงความศรัทธาที่มีต่อศาสนาที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซักวันหนึ่ง เมื่อผมพร้อม ผมจะทำเพื่อพ่อกับแม่บ้าง
“..พ่อ ต่อไปมาทำบุญที่วัดบ่อยๆนะ เราจะได้ทำบุญให้น้องใบปอด้วย”
“ดีครับแม่ หวังว่าบุญนี้จะส่งดวงวิญญาญของลูกใบปอ ไปสู่ที่ยิ่งขึ้นๆ ตอนนี้พ่อก็คิดว่า เขาคงรับรู้แล้วละ”
“นั่นนะสิครับพ่อ พระให้สัจจะจริงจังขนาดนั้น เราก็ควรจะอนุโมทนา”
“.ปาล์มละ จะกลับไปอยู่กับแม่ หรือว่าเลือกที่จะอยู่ที่นี่”
“ให้ปาล์มอยู่ที่นี่ดีกว่าครับแม่ เพราะพระบวชตั้ง 1 ปี พ่อกับแม่อย่าชี้ทางกันดีกว่า ปาล์มเป็นคนขอ จนพระเห็นด้วย ก็ให้ปาล์มทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำเถอะครับ”พี่หนึ่งกอดผมเหมือนจะเข้าใจ
“..ก็ดี..”พ่อจำเป็นของผมตอบ
“..เอาเป็นว่า พ่อกับแม่จะหมั่นแวะมาทำบุญด้วยแล้วกันนะ”
“.นั่นนะสิ พ่อก็ว่าจะบอกแบบนั้น”
“.ถ้ามา อย่าลืมเอาเหล้ามาฝากผมด้วยนะ”พ่อผมนี่ไม่ได้เลยจริงๆ
“.คงต้องจับบวชอีกคน หึ ไอ้ปู..”
แม่ผมว่าพ่อซะหัวหดหางลีบ พ่อก็รีบถอยห่างจากแม่เอาผมเป็นโล่แทน
“..พ่อ รักษาสุขภาพมั่งก็ได้ เกรงมันจะปลอดโรคหรือไง”ผมถาม
“.โรคมันกลัวพ่อ เอ็งก็รู้ไอ้ปาล์ม”
“.คนอย่างพ่อ มีโรคเดียว คือโรคกลัวยัยยุพิน”
“.หือ ไอ้ปู...”
“พ่อครับแม่ครับ ไปทะเลาะกันที่บ้านดีมั้ยครับ ที่นี่วัดครับ ไม่เหมาะจะส่งเสียงดัง”
ทุกคนต่างก็หัวเราะกันครื้นเครง และสุขใจกันถ้วนหน้า ยกเว้นคุณอุ่นรัก ที่ปรีด์เปรมด้วยน้ำตา เพราะขาดพ่อไปชั่วขณะ จะว่าไปก็น่าจะเห็นใจเขา ในเมื่อเขาเองก็ได้อยู่กับพ่อจริงๆ ไม่กี่เดือน พอทุกอย่างลงตัว พ่อก็ต้องห่มจีวรค้นหาทางธรรม เส้นครอบครัวจึงปะติดปะต่อ ขาดๆหายๆตลอดทาง..