Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1059612 ครั้ง)

TO.EYEz

  • บุคคลทั่วไป
การี๊ดดดดดดดด กว่าจะได้มาตามอ่าน อยากบอกว่าคอมมันบ่จิ๊(?)มาก
ตอนนี้อาศัยจิ้มมือถืออย่างลำบากลำบน T^T
โอ๊ยยย คือตอนนี้มาแบบน่ารัก น่าข่มขืน น่าปล้ำ  :z1:
เพิ่งจะรู้ว่าคาวี่นี่มัน.... อ๊ากกก (ซับเลือด) ร้อนแรงจริง อะไรจริง หุหุ
อ่านะ.. "คาวี่... ชื่อนี้เป็นของผมคนเดียว" แอร๊ยย ไม่จริง ไม่ให้ ไม่ได้นะที่รัก
 :serius2:ชื่อน่ารักน่ากินแบบนี้ต้องแบ่งกันกินแบ่งกันใช้เฟ้ย
ปล.ตอนนี้แซ่บสะเดิดมากฮ่ะ (ยกนิ้ว แอร๊ยย)
เหนื่อยจัง จิ้มจนกล้ามขึ้นเป็นมัดละ :z2:

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
เป็นปลื้มมมม!!!! :sad4:
ค่อยยังชั่วหลังจากที่เครียดมาหลายตอน...หรือจะบอกว่าเกือบทั้งเรื่องเลยดีล่ะ
หลาย ๆ ตอนได้เลยค่ะ...ชอบคาวี่โหมดแมวขี้อ้อน  :o8:
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกหลายตอนข้างหน้า...ก็ขอให้อัลดูแลและเชื่อใจคาลด้วยนะ ยิ่งชอบคิดอะไรในแง่ร้ายอยู่ ในขณะที่คาลก็ตรงจนไม้บรรทัดยังอาย...แต่ชอบนะ ไม่รักก็บอกไม่รัก แต่เลือกใช้คำว่า จะพยายามรัก แทน...ความรู้สึกมันอาจใช่แต่ถ้ายังไม่แน่ใจหนูคาวี่แค่ไม่อยากล้อเล่นกับความรู้สึกของใครทั้งที่ยังไม่แน่ใจหัวใจตัวเองแค่นั้นเอง   o13

 :กอด1:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     อ้ากกกกก ตอนนี้คาวี่น่ารักอ๊ะ มีหวาน มีอ้อนด้วย
      :-[  :-[  :-[
     
     ในที่สุดความพยายามของอัลชาก็สัมฤทธิ์ผลสินะ หลังจากเจ็บหนักไปหลายยก ก็เลยต้องเอาคืนหนักๆหลายๆยกงั้นสิ หึๆๆ
     แต่ไอ้ที่ว่าขอให้ชื่อมีไว้ให้ตัวเองเรียกคนเดียวน่ะ สายไปซะละ พ่อยกแม่ยกหนูคาวี่ทั้งบอร์ดเรียกกันหมดแว้ววว




ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

 :oo1:




ในที่สุด ฉากที่รอค่อยก็มาถึง    :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:


ท่านชีคครับ  จับคาวีฉีดยาเยอะๆๆ เลย จะได้หายป่วยไวๆๆๆ 




ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
อยากจะแซวทั่นชีคอยู่นะ
"คาี่วี่" น่ะ พวกเราเรียกกันก่อนแระ คริๆ
กลับบ้านที่กระบี่มา กลับมาเจอบทนี้เข้าไปก็ต้องบอกว่า
ร้องไห้ตามคาวี่เพราะความกดดันที่ได้รับเหมือนกัน
ก่อนหน้าี่เพราะเจอกับหลายเรื่อง อารมณ์เลยค่อนข้างอ่อนไหว
แต่พอเคลียร์ความรู้สึกแล้วก็คงจะดีขึ้นแล้วเนอะ คาวี่
+1 ให้นะคะ่

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
หุ หุ หุ
ไม่ได้อ่านซะนานเลย
มาอ่านอีกที่ก็อืม..หลากหลายอารมณ์มาก
แต่ที่ดีใจที่สุดคือพระเอก-นายเอกรักกันแล้ว
เฮ้อ...ลุ้นมานาน  รักกันได้ซะที
แล้วเรื่องที่แก็งค์จะเป็นไงต่อเนี่ย
ลุ้นตออีกและ ...

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
:pighaun: สุดยอดดดดด เลือดแทบหมดตัวกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
ในที่สุดทั้งคู่ก็คบกันแว้ววว รอเวลานี้มานาน ฮุฮุฮุ

love_y

  • บุคคลทั่วไป
ท่านชีคเรียกได้คนเดียวซ่ะที่ใหน เราก็เรียกคาวีนะ 555
อ่อยยยย เลือดหมดตัวแล้วววววว เป็นเอ็นซีที่กินกันไม่ลงจริงๆ
แต่ยกนี้ ให้ท่านชีควินนะคะเพราะชั่วโมงบินเค้าสูงกว่าคาวีจริงๆ
แต่ ไม่นานเกินรอ คิดว่าคู่นี้คงวินวิน 555 ก็คาวีนะใช่เล่นซ่ะที่ใหน
กร๊ากกกกกกกกกก ขอบคุณสำหรับNCที่รอมานานนะคะ :z1:

kumaichill

  • บุคคลทั่วไป
อิ อิ อิ ปรับความเข้าใจเคล้าน้ำตาเสร็จ
ท่านชีคก็หื่นเลย :-[

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
«ตอบ #1389 เมื่อ19-04-2011 19:23:47 »

หลังจากซดดร่าม่ามานาน  ก้อถึงฉากที่รอคอย กริ๊ด อัลซาลหื่นจริงๆสงสัยเก็บกดมานานเเล้ว หนูคาวี่เลยโดนเล่นทั้งคืนเเน่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2011 19:52:57 โดย gumrai3 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
« ตอบ #1389 เมื่อ: 19-04-2011 19:23:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ engrish

  • "LolliPoP"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 823
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
หวานมาก สมกับที่รอคอยจริงๆ
กด+ให้จ้า

Gasil[+]

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็หวานกันสักที T T

ฮือๆ...อิจฉา+ดีใจ หลังจากร่วมเครียดกับคาวัลโลมาตั้งนาน
(อยากเรียกคาวี่นะ แต่กลัวท่านชีคอ่ะ = ='')555+

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ
 :pig4:
สมกับที่รอคอย เข้าใจกันแล้ว :กอด1:


 :L1: :L1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
แบบว่า เป็น NC ที่สนองความต้องการของอัลชาร์
แต่สร้างความสยองให้ คาวี่รึเปล่าคะ  :-[

*~LPCM~*

  • บุคคลทั่วไป
          สวัสดีงามๆ ค่ะไรเตอร์ ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแฟนเรื่องนี้มาตั้งแต่อัพถึง Line ที่ 13 บอกตามตรงว่าที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ก็เพราะ ปกติเราอ่านเรื่องอื่น แล้วคิเกียดเข้ามาเช็คหน้า ชอบที่จะให้พี่กู(เกิ้ล)ช่วยหาให้มากกว่า แต่ก็เพราะด้วยความที่ชอบให้พี่กู(เกิ้ล)แกนี่ล่ะค่ะ ถึงได้เจอว่าชื่อเรื่องนี้ มักขึ้นท็อปเสิร์ชของพี่กูแกเสมอ ด้วยความว่าชอบประเทศทางตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นชื่อเรื่อง “กุหลาบทราย” เท่านั้นก็คลิ๊กเข้ามาแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ
          แล้วที่ว่าตามอ่านมาตั้งแต่อัพถึง line ที่ 23 แต่ดันมาเม้นเอาตอน Line ที่ 28 นี่มันยังไง?
   เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่า ตอนที่ตามอ่านเรื่องนี้เราก็อยู่ในช่วงอ่านหนังสือสอบไฟนอลเมื่อเทอม 2 ของปีที่แล้ว ด้วยว่าไหนจะอ่านหนังสือสอบ ไหนจะปั่นงานส่งอาจารย์ ไหนจะ บลาๆๆ พอสอบเสร็จก็ดันมีคอนเสิร์ตของที่รักเข้ามาให้ดูได้ไม่หยุดหย่อน แถมต้องกลับไปรายงานตัวกันท่านคุณแม่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดอีก พอมารู้ตัวอีกทีก็ใกล้จะเปิดเทอมซัมเมอร์แล้ว ว่ะฮ่าๆ แล้วก็ตามมาด้วยคอนเสิร์ตของที่รักอีก โอ้ววว~~~ มันเหนื่อยได้ใจเลยซาร่า ไปๆมาๆ ก็มาถึง line ที่ 28 โฮกกกก กินเวลายาวนานร่วม 2 เดือน
   อยากจะบอกว่าเรื่องนี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราดั้นด้นเอาไปปริ๊นต์(ฟรี)ที่คณะ เพื่อที่จะได้เอากลับไปอ่านที่บ้านตอนช่วงที่กลับไปรายงานตัวกับท่านคุณแม่ นี่ขนาดว่าปริ๊นต์เป็น 4page ใน 1 A4 ทั้งหน้าและหลังแล้วนะคะ ยังปาเข้าไปร่วม 50 แผ่นได้ โฮกกก แต่ขอบอกว่าเป็นนิยายที่อ่านแล้วสนุกมากๆเลยค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วชอบเรื่องที่เป็นแบบ แมนชนแมนน่ะค่ะ แบบไงอ่ะ มันสะใจดี :laugh3: :laugh3:
          แต่โชคดีก็เข้าข้างเมื่อมาถึง line ที่ 28 แล้วก็ได้เจอก็ช็อตเด็ดกันเลยทีเดียว จะบอกว่าเรื่องนี้อ่านไปแล้วไม่ค่อยจะสงสารใครเท่าไหร่ แต่ถ้าจะก็คงสงสารอเล็กคนน้องอ่ะค่ะ ดูเป็นคนที่มีอะไรที่ชอบเอามาคิดมาก(ไปเอง)คนเดียวเยอะแยะไปหมด ยิ่งฝ่ายคนพี่ต้องมารับภาระแทนไอ่คุณน้องตัวแสบแล้วด้วย คงไม่ต้องพูดถึง เค้าคงมีอะไรให้คิดมากขึ้นไปอีก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ~~~~
   ตัว(ประกอบ)ละครที่ชอบก็เห็นจะมี...
          -   สเตฟาโน่ ที่แบบมาเฟียหล่อเลวได้ชอบได้ใจ(แอบเชียร์ให้ไรเตอร์แต่งคนนี้ต่อแบบเป็นภาคต่อด้วยนะคะ) จะขอเป็นแฟนตัวยงเลยค่ะ
          -   อเล็กพี่+น้อง น่ารักมากเลยค่ะ ชอบเวลาที่เค้าได้อยู่ด้วยกัน ดูเป็นอะไรที่ไม่มีใครได้เห็น แม้มันจะเป็นความรักที่ต้องห้ามก็ตาม(ว่าจะตามไปอ่านอีกเรื่องที่ไรเตอร์แต่งด้วยค่ะ ชอบดราม่าๆ ยิ่งเยอะยิ่งชอบค่ะ แบบว่าแอบซาดิสนิดๆเหมือนกันนะเนี่ยเรา)
          -   ฮาซาล ชายหนุ่มองค์รักษ์พิทักษ์นาย(ในใจของชีค) แบบถึงจะมีบทบาทไม่มา แต่มาแต่ละที เล่นกรี๊สสลบไปเลยค่ะ
         
          ได้ฤกษ์พูดถึงคู่หลักซะที (หลังจากเวิ่นเว้อไปไหนตั้งนาน) คือเรื่องของเรื่องเลย เราชอบอ่านความคิดของตัวละครน่ะค่ะ แบบมันมีอะไรที่น่าสนใจดี อีกทั้งทั้งคู่เป็นคนเก่ง ฉลาด มีความสามารถด้วย ยิ่งทำให้ชอบและรักเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ เราเองก็มีพี่ที่ตามอ่านฟิคในเล็แนะนำไปหลายคนอยู่ (แอบขอค่าโฆษณาจากไรเตอร์) ชอบตอนเวลาที่คาวี่มันจะคิดอะไรแพลงๆ เพื่อที่ตอบกลับคนที่มาเล่นงานตนเองได้เจ็บแสบมากกกก สะใจๆ  :laugh3: :laugh3: แอบเข้าข้างคาวี่มากกว่าท่านชีคนิดหน่อย เพราะน้องมักจะมีเหตุผล(แบบโง่และเห็นแก่ตัว)มาอ้างต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอๆ ในขณะที่ท่าชีคมักจะเลือกที่จะอะไรตามความต้องการของตนเองเสมอ ถึงแม้มันจะมีเหตุผลที่ฟังได้มารองรับการกระทำนั้นได้ก็ตาม แต่ถ้ามองดูดีๆ ท่านชีคมันจะให้ความรู้สึกมานำหน้า ในขณะที่น้องมักจะให้อารมณ์ช่วงวูบ ก็ต่างกันไปคนละแบบ แต่สุดท้ายทั้งสองก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองทั้งคู่นะคะ คริคริ
   ฝากถึงไรเตอร์ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องที่ทำให้เราได้มาเม้นอะไรไร้สาระยาวๆ ในกระทู้ของไรเตอร์ ขอบคุณที่มาร่วมแชร์สิ่งๆ ให้แก่นักอ่านทุกคน ขอบคุณที่อัพเดตเรื่องราวในชีวิตส่วนตัวให้นักอ่านได้ติดตามรับรู้ความเป็นไปและตัวตนของไรเตอร์ และอีกมากมายสำหรับคำขอบคุณที่ออกมาจากใจของนักอ่านคนนี้
   สุดท้าย ขอสัญญาว่าจะตามอ่านนี้ไปตลอดจนกว่าจะจบคร่าาา จะอ่านแค่ไหนก็รอ เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ต่อสู้กับเน็ตที่บ้านต่อไปเพื่อนักอ่านอย่างพวกเรานะคะ ไรเตอร์ ไฟติ้ง!!!


         

ออฟไลน์ anuyasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไำม่เบื่อแน่ๆ ><!!!!!!!!!!
ให้คาวี่ได้เป็นแมวน้อยไปนานๆ 55555

น่ารักมากอ้ะะตอนนี้ ชอบค่า ><

BlueFaith

  • บุคคลทั่วไป
ไรเต๊อร์รรรร.....

ยังรอคอยมาเฟียหนุ่มคาวัลโลฟื้นคืนชีพโหมดโหดๆๆๆ อยู่น๊าาา

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
มาเม้นให้อีกรอบ
อยากเห็นคาวี่ขอโทดฮาซาล อยากรู้ว่าจะขอโทษแบบไหน
และทำยังไง อิอิ

ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รอน้ำตาลเชื่อมมมมมมมมาให้ชิม


ออฟไลน์ keztudio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หลังจากติดตามอ่านมานาน ในที่สุด .. T^T

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องดีๆจ้า

หวั่นแต่ตอนหน้า ..

คงไม่เศร้านะ >w<

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
เข้ามารออออ อ คาวี่

ออฟไลน์ liptudzii_chi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :o8: สุดท้ายก้อลงเอยกันสักที เนื่องจากรอ มานาน อิอิอิ  :L1: รักนะค่ะเรื่องนี้งะ

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อาทิตย์นี้ ทำไมยังไม่มาอิกคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ
คิดถึงจะตายแล้วน้า......
มาต่อทีเถอะคร๊าบบบ~

Rawint_PK

  • บุคคลทั่วไป
ก็..เรื่องความอึดความทน
ก็ต้องยกให้พ่อหนุ่มอาหรับเขาล่ะ...
อย่าให้ต้องออกลาย...
ไม่มีท้อแน่นอน..
หุหุ
คาวี่เอ๋ย
ทำใจซะเถอะลูกพ่อ...
ระบมยังน้อยไป
+555
สะจายเจงๆๆๆ

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line : 29  ความจริงในเรื่องลวง

    เปลือกตาหนักอึ้งยังไม่อยากจะลืมขึ้นมา อาการปวดหนึบทั่วร่างที่ปรากฏขึ้นให้ต้องครางพ้อออกมาเบาๆ พยายามขยับกาย แต่พบว่าร่างกายของตนยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อยากนอนต่อสัมผัสนุ่มๆแต่เปียกชื้นของบางสิ่งกระทบกับผิวแก้มเบาๆ ทำให้คนอยากพักผ่อนครางฮือ คาวัลโลยกมือปัดป้องเจ้าสัมผัสรบกวนนั้น ทว่าก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่กำแขนของเขาไว้ พร้อมกับลมหายใจอุ่น แนบชิด...

     เสียงสายฝนโปรยปรายตกกระทบหลังคาเป็นสิ่งแรกที่ได้ยินชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือขึ้นมาอย่างง่วงงุน แต่ก็ทนเฉยกับการรบกวนไม่ไหว หากพลันสิ่งที่พบเมื่อลืมตาขึ้น กลับเป็นวงหน้าคมคายที่แสนคุ้นตาของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยากำลังแนบชิดกับใบหน้าของเขาอยู่ รอยยิ้มบางๆทาบบนริมฝีปากหนาและแววตาพราวระยับของอีกฝ่ายชวนให้ชะงัก และหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน...


      " อรุณสวัสดิ์ " น้ำเสียงทักทายเบาๆนั้นเต็มไปด้วยความสเน่หาเต็มที่เสียจนไม่คิดจะปิด และริมฝีปากนั้นยังโฉบมาประทับรอยชื้นตรงผิวแก้มเข้าให้อีก คาวัลโลกระพริบตานิ่ง สมองมึนงงกับท่าทีของอีกฝ่ายหากไม่กี่วินาทีเขาก็นึกเรื่องทั้งหมดออกได้อย่างรวดเร็ว ...ผิวแก้มขาวแดงจึงจัดและเห่อร้อนรับอรุณ และคนปากดีก้ทำได้เพียงนอนนิ่งหัวหมุนติ้วไม่ทำงาน ปล่อยให้ผู้ชายตัวโตหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาจูบซ้ายป่ายขวา ก่อนจะกอดประคองไว้อย่างอ่อนโยน คาวัลโลรู้สึกว่าตัวเขาถูกดึงขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของชีคหนุ่ม และฝ่ามือของฝ่ายนั้นก็ทาบลงที่หน้าผากของตน ใบหน้าหล่อแหลาฉายแววเครียดขึงขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบเจอความร้อนบนหน้าผาก


      " คาวัลโล....เป็นอะไรรึเปล่า? ปวดหัวไหม? หรือมีอะไรผิดปกติ ?... " น้ำเสียงถามไถ่นั้นทำให้คาวัลโล วาลกัส กระพริบตาปริบๆเรียกสติและส่ายหัวช้าๆ ฝ่ามือของเขากำแขนเสื้อชีคหนุ่มแน่น นัยน์ตาเพ่งมองไปยังหน้าต่างบานโตที่สะท้อนภาพสายฝนพร่างพรมไม่ขาดสาย

 
       "...ไม่เป็นไร...ผม เพลียกับเหนื่อยๆ....แค่นั้น...." เสียงที่พูดออกมายังกุกกักแปลกไปจากที่เคย คาวัลโลเม้มปากแน่น บ่นตัวเองงึมงัมที่ทำเขินเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาผู้เพิ่งผ่านคืนอันแสนหวานกับชายหนุ่มอันเป็นรักแรก คนแรกของตน แต่จะทำยังไงได้เล่าในเมื่อขยับตัวทีไรร่องรอยความขัดยอกหรือแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นพาลให้นึกถึงค่ำคืนที่มีร่วมกัน..
...ทั้งอ้อมแขน รอยจูบดูดดื่ม และรอยกอดที่ตราตรึงยิ่งนัก..
ริมฝีปาก รอยยิ้ม คำรักที่กระซิบพร่ำบอกใกล้ๆหู..

       " ....งั้นเหรอ? กินยาหน่อยไหม?...." ฝ่ามือคู่นั้นคว้าเข้าที่ไหล่ แล้วดึงตัวเขาที่หันหน้าหนีให้มาสบตา...และ....เมื่อสบมองแววตาสีนิลที่แสนห่วงหาคู่นั้น คาวัลโลก็รู้สึก.....แพ้.....

        "......ผม.....ไม่เป็นไร......." กระทั่งน้ำเสียงที่พูดออกมายังหงุงหงิงตะกุกตะกัก มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย !


        " หันมาหน่อยสิคาวัลโล สบตากันหน่อยสิครับ...คนดี...." น้ำเสียงกระซิบเบาๆแสนหวานหูนั้นทำให้ผิวหน้ายิ่งร้อนผ่าว คาวัลโลเม้มปากแน่นก่อนยอมเผยใบหน้าปรากฏสู่สายตาของชีคหนุ่มอีกครั้งอย่างยอมจำนน..

           สบมองนัยน์ตาสีดำสนิทที่ฉายแววห่วงหา ชีคหนุ่มยกปลายนิ้วลูบผิวแก้มขาวที่แดงก่ำ พร้อมกับขมวดคิ้วนิดๆอย่างห่วงใย
         " คาวัลโล? " น้ำเสียงเรียกนุ่มหู นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองมาในระยะประชิด คาวัลโลใช้ปลายฟันขบริมฝีปากแน่นขึ้น มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงต่ำหูยังแว่วเสียงแต้นกระหน่ำของหัวใจตนเองดังก้องไม่หยุด

         " ...ผม..จะ......อะ....อือ....." ติดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้อารมณ์เขินอายงี่เง่านี่มาทำให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นอีก คาวัลโลเงยหน้าพรวดหวังจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทำอย่างอื่นให้เรียบร้อยแม้จะเหนื่อยเพลียแค่ไหน แต่ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเขากลับต้องชะงักกับริมฝีปากที่เขาทาบทับ..และใบหน้าของอัลชาอ์ที่จ้องมาในระยะประชิด...ปรือนัยน์ตาลงช้าๆกับสัมผัสแนบชิดที่เคยคุ้น คาวัลโลครางเบาๆในลำคออย่างเคลิบเคลิ้ม
       
         " คาวี่....."เสียงหอบหายใจแหวกความเงียบเด่นชัด พอๆกับนัยน์ตาสีเข้มฉายแววออดอ้อนและอ่อนหวานเป็นภัยกับความแข็งแกร่งในหัวใจนัก คาวัลโลหอบหายใจเบาๆ ริมฝีปากแดงก่ำ...

ฝ่ามือที่กำโธปสีเข้มแน่นเลื่อนไปเกาะบนบ่าของร่างสูง นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือต่ำลงและค่อยอ้าปากหาวเบาๆด้วยความง่วงงุนแม้ใบหน้าจะยังแดงจัดด้วยความขัดเขิน คาวัลโลซุกตัวแนบแผ่นอกหนาของชีคหนุ่มด้วยกริยาออดอ้อนอย่าลืมตัว
     
         ฝ่ามือหนาสอดไล้เส้นผมสีอัลมอนต์ ลูบสัมผัสมันเบาๆอย่างเพลินมือ อัลชาอ์ยิ้มออกมาเมื่อเจ้าแมวน้อยในอ้อมกอดทำตัวว่าง่ายและออดอ้อนน่ารักอย่างที่ไม่เคยเป็น  ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากและเส้นผมสูดดมกลิ่นหอมของเจ้าตัวอย่างเผลอไผล
     

        “..ยังง่วงอยู่เหรอ? “ ชีคหน่มกระซิบถาม ขณะที่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

     “ อืมมม”..ริมฝีปากบางเปล่งเสียงครางงึมงัมเบาๆในลำคอ นัยน์ตาที่ปรือปิดด้วยความง่าวงงุนยังไม่เปิดออกมาด้วยซ้ำ ก่อนนันย์ตาสีน้ำทะเลของเจ้าเหมียวตัวแสบจะเบิกโพลงขึ้นมามองหน้าตนเหมือนจะนึกขึ้นได้ "เพราะคุณนั่นแหละ "

     " เอ๋ ? "วาจาจกล่าวหานอกจากจะไม่ทำให้คนทำสลดลงสักนิดแล้ว ยังหันมาทำหน้าไม่รู้เรื่องใส่อีก ชวนให้คนที่ถูกทารุณกรรมมาทั้งคืนต้องค้อนใส่เสียตาคว่ำ
 
    "...เจ็บไปทั้งตัวเลย " และนึกขึ้นได้ในที่สุดว่ากระทั่งเสียงยังแหบแห้ง คาวัลโลทำหน้าบูดใส่ชีคหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดอุ่นที่ยังคงยิ้มกว้าง ยิ้มแก้มแตกมาแต่เช้าไม่หยุด ดูมีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้นัก

      " ขอโทษ...แต่คุณน่ารักเกินไปนี่นา..." ว่าแล้วก็เอาหน้าผากมาชนกันแล้วทำตาหวานใส่ เล่นเอามาเฟียหนุ่มผู้เคยถูกชมว่าน่ารัก กับโดนผู้ชายมาทำตาหวานใส่ในระยะประชิดแบบนี้เขินเสียจนหน้าแดงก่ำ

      " ..ตัวร้อนจริงๆด้วยคาวี่..." หัวคิ้วของชีคหนุ่มขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกถึงผิวเนื้อที่ร้อนรุมๆ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองผิวหน้าที่ยิ่งขึ้นสีขึ้นอย่างเพ่งพินิจ " กินยาสักนิดนะ แล้วค่อยนอนต่อ ดีไหม? เดี๋ยวจะป่วยหนักไปมากกว่านี้ "

       " ....ไม่ เอา...." เสียงบ่นงึมงัมของคนป่วยทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้ว โน้มใบหน้าไปใกล้คนป่วยบนตักอย่างสังสัย

       "....กินยานะครับ " เสียงกระซิบใกล้หูอย่างหยอกล้อ เรียกหมัดลุ่นๆซัดลงบนท่อนแขนไม่เบานัก แต่คนถูกชกกลับยังยิ้มกว้างไม่ถือโกรธสักนิด

       "....ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ...ไม่มีแรงเลย..." บ่นงึมงัมกับคนที่หันไปหากล่องยาที่แทบจะกลายเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว อัลชาอ์ฟังคำบ่นพ้อนั้นแล้วเอียงคอนิ่งฟังอย่างครุ่นคิด..

      "...ครับๆ จะพยายามแล้วกันนะ ฮาบีติ..." นั่นมันไม่ใช่การตกลงด้วยซ้ำ แต่คาวัลโลที่กำลังอ้าปากทานยาลดไข้ก็ไม่มีโอกาสทักท้วงอะไรได้ โดยเฉพาะเมื่อคนป้อนนั้นใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นของตนในการทำขั้นตอนนี้ด้วยตนเอง

      "....ฮา..บิตี...." หัวคิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากัน หลังจากถูกปล่อยเป็นอิสระจากริมฝีปากอันช่ำชองของอีกฝ่าย เจ้าของอ้อมแขนกอดกระชับร่างของเขามากขึ้น กอดรัดแล้วยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

      "..ฮาบิตี .." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากเบาๆอย่างรักใคร่

       " หมายความว่าไง ?" หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าหากันน้อยๆ สีหน้างวยงง

       " ไม่บอก..." ชีคหนุ่มโคลงศรีษะ ยิ้มเจ้าเล่ห์

        "..บอกหน่อยสิ..." คาวัลโลหน้างอ นัยน์ตาที่เริ่มหรี่ปรือลงจากฤทธิ์ยายังพยายามจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง

     “...กินข้าวดีกว่นะ...หิวข้าวไหม? “คำถามที่ส่งมาทำให้ผู้ฟังส่ายหน้า และเบียดกายเข้ามาในอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น

   “ ...บอกก่อนสิ.. “ ส่ายหัวแทบคำตัวแล้วขยับตัวขยุกขยิก อ้าปากหาวแล้วขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเด็กน้อยหากยังตั้งท่าจะเค้นเอาคำตอบเช่นเดิม 

    “..ต้องหาเองครับ......อ้า....”  อุทานออกมาเหมือนคิดขึ้นได้เมื่อมองเห็นสร้อยกางเขนสีเงินอันคุ้นตาอยู่บนหัวเตียง ฝ่ามือหนาเอื้อมไปหยิบมาอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับชูมาตรงหน้าคนในอ้อมแขน

    “ ให้ผมใส่ให้ไหม? “ คำถามนั้ทำให้คนกำลังงัวเงียชะงัก ปรือตาขึ้นมาอย่างง่วงงุน ก่อนจะเบิกตาขึ้นมามองสร้อยที่แสนคุ้นตาของตัวเองด้วยแววตาใคร่ครวญ..

..สร้อยที่ได้มาจากผู้เป็นลุง กางเขนสีเงินสัญลักษณ์ของศาสนาและศรัทธาของตนเอง..

...สิ่งเดียวในตัวที่เหลืออยู่และทำให้นึกถึงบ้าน...และ...
ความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริง..

     “.....คุณเก็บไว้ให้ผมได้ไหม? “ นัยน์ตาของคนพูดฉายแววเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย อัลชาอ์มองสบตาคนพูดอย่างครุ่นคิด..หากแววตาคู่นั้นมันหรุบต่ำ และไม่หันมาสบตา..

     ชีคหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา กอดรัดร่างบางแน่นขึ้น ก่อนจะพยักหน้ารับ..

     “ ..ได้...ผมจะเก็บเอาไว้ “ รับคำพลางนำมันกลับไปวางที่เดิมแล้วก้มลงประทับรอยจูบกับริมฝีปากเรียวบางอย่างดูดดื่ม..
...ประสงค์จะลบเลือนความเศร้าสร้อยที่ยังคงอยู่ในหัวใจด้วยความรัก
ถึงจะเจ็บปวดรวดร้าว..ถึงจะทุกข์ระทมเพราะความผิดหวังแต่เขาคนนี้จะคอยดูแลเยียวยาหัวใจดวงนี้เอง..

      “...ง่วง” สิ้นเสียงลมหายใจที่ขาดห้วง ริมฝีปากบวมเห่อน้อยๆด้วยจูบที่ต่อเนื่องยาวนานในยามค่ำคืนที่ผ่านพ้น ก็กระซิบบอกเบาๆในลำคอ ด้วยท่าทีอ่อนเปลี้ยทำให้อัลชาอ์ยิ้มออกมาอย่างอาดูร ชีคหนุ่มขยับดึงร่างของอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดให้ทอดกายนอนลงบนเตียงหนาของตนอีกครั้ง มองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบโมงเช้าแล้วโคลงศรีษะเบาๆ ตัดสินใจปล่อยให้มาเฟียหนุ่มนอนพักผ่อนตามที่ตัวพอใจ

     ฝ่ามือหนาทาบลงบนหน้าผากมนและจรดริมฝีปากจุมพิตเบาๆอย่างรักใคร่ ก่อนจะยืดกายขึ้นจากเตียง ละจากเจ้าแมวน้อยแสนรักอย่างนึกเสียดายนัก ทว่าก็ต้องไปเพื่อทำงานตามปกติ

     “....หนาว...” เดินออกมาไม่ทันจะเปิดประตู เสียงครางงึมงำจากคนที่อยู่บนเตียงก็ทำให้ฝีเท้าชะงัก ชีคหนุ่มหันกลับไปมองร่างของมาเฟียหนุ่มผู้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะมองไปยังบานหน้าต่างใหญ่ในห้องที่สะท้อนภาพท้องฟ้าครึ้มที่มีหยาดฝนโปรยเม็ดไม่ขาดสาย

     เดินเข้าไปใกล้ ก้มตัวเหนือร่างที่หลับตาพริ้มอัลชาอ์มองดูเสื้อนอนตัวยาวของคาวัลโลซึ่งเขาเป็นผู้ใส่ให้ในยามค่ำคืนที่ผ่านพ้นและเจ้าตัวเหนื่อยอ่อน ทั้งเพลียเกินจะขยับตัวไหว เสื้อขนาดพอดีตัว ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มหากก็หนาพอสมควร ทว่าในเช้านี้ที่อากาศหนาวเกินปกติ ผ้าห่มขนเป็ดที่ม้วนตัวอยู่บนเอวจึงถูกฝ่ามือของตนดึงขึ้นมาคลุมให้ถึงผิวไหล่

     มองดูเจ้าตัวคนง่วงขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยแล้วนิ่งไปด้วยรรอยยิ้มอาดูร ชีคหนุ่มขยับตัวลุกออกจากเตียงอีกครั้งแม้ไม่อยากจะไปแค่ไหน แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่รออยู่ก็ไม่อาจจะรั้งรออยู่ด้วยดังใจ

      “ ...หนาว...." ก้าวเท้าออกห่างจากเตียงไม่ถึงสิบก้าว เสียงที่ดังขึ้นมาอีกครั้งเรียกให้หัวคิ้วของผู้ฟังขมวดเข้าหากันอีกครา อัลชาอ์หันหลังหกลับ สืบเท้าไปหาเจ้าแมวน้อยขี้หนาวบนเตียง หัวคิ้วของชีคหนุ่มที่ขมวดเข้าหากันคล้ายจะครุ่นคิดมองร่างที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มหนา ก่อนจะคลายออกเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน อัลชาอ์ดึงผ้าห่มผืนหนาจากลาดไหล่ไปคลุมถึงลำคอและใบหูร่างเพรียวจนมิด ปลายจมูกจรดลงบนผิวแก้มเบาๆและผละออกอีกครั้ง หวังว่าคราวนี้จะอุ่นพอเสียที ไม่อย่างนั้นคงได้มีการออกกำลังกายยามเช้าเพิ่มความร้อนให้ร่างกายจนไม่ได้ทำงานกันแน่ๆ

    “..หนาว...” เสียงพ้อดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อัลช่าอ์ต้องหันมามองหน้าคนป่วยอย่างจริงจังเสียที หัวคิ้วของชีคหนุ่มขมวดมุ่น ยามแก้มมองใบหน้าของคาวัลโล วาลกัส ในระยะประชิดด้วยความสงสัยจัดว่าเจ้าหมียวมาเฟียเบื้องหน้าคิดจะทำอะไรพิเรนๆหรือจะแกล้งกันอีกหรือไม่ ก่อนริมฝีปากหนาจะบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออกเมื่อมองเห็นสีระเรื่อบนผิวแก้มของเจ้าตัว...

    ผ้านวมขนเป็ดผืนหนาถูกป่ายออกจากร่างของคาวัลโล ที่ขดตัวนอนหลับตาพริ้ม อ้อมแขนหนาของชีคหนุ่มพาดลงบนบั้นเอวดึงเอาร่างเพรียวมาแนบอก กอดกระชับแนบแน่น..

   ปลายนิ้วสีอ่อนแตะลงบนท่อนแขนในชุดโธปสีขาวเบาๆร่างที่หลับตาพริ้มนั้นขยับกายแนบชิดราวกับจะอังไออุ่น..
ผ้าห่มหนาที่ถูกดึงออกจากร่างของทั้งคู่ยังคงกองอยู่ปลายเตียงอย่างไม่มีใครใคร่จะให้ความสำคัญ หากแต่ร่างของสองคนที่กกกอดหลับอยู่กลับไม่มีท่าทีว่าจะตัวสั่นเหน็บหนาวแต่อย่างใด..

    ชีคหนุ่มจรดริ้มฝีปากแนบผิวแก้มใส ระบายรอยยิ้มอ่อนนัยน์ตาสีเข้มทอดมองใบหน้าหลับตาพริ้มและลมหายใจที่ค่อยแผ่วเบาและสม่ำเสมอของเจ้าแมวน้อยในอ้อมกอดอย่างรักใคร่..

   ...ออดอ้อนกันน่ารักขนาดนี้ ใครจะใจร้ายผละออกไปได้ลง..

      ลมหายใจของมาเฟียหนุ่มที่แผ่วค่อยและหลับตานิทราสอดประสานกับลมหายใจที่ค่อยสม่ำเสมอของชีคแห่งเซเนียยา  เพียงครู่หนึ่งนัยน์ตาสีน้ำทะเลก็ปรือขึ้นมามองเสี้ยวหน้าคมที่แนบชิดอีกครา คาวัลโลได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาของตนท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด ปลายนิ้วสอดประสานกับฝ่ามือหนาที่กอดรัดร่างของตนไว้ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
หางตายังมองเห็นสร้อยกางเขนเงินของตนวางอยู่บนหัวเตียง โดดเด่นและชัดเจนเช่นเดียวกับความปรารถนาของตนเองที่ตัดสินใจทิ้งมันไปเพื่ออ้อมกอดที่แสนอบอุ่นในยามนี้...

...ชั่วขณะหนึ่งความกังวลทิ้งตัวเกาะกุมหัวใจ คาวัลโล วาลกัส ทำได้เพียงถอนหายใจเนิบช้า และซุกใบหน้าแนบแผ่นอกหนาอย่างปราถนาจะลบเลือนความต้องการที่ไม่มีวันเป็นจริงของตน

เขากระซิบบอกตนเองอย่างหนักแน่น..
ตัดสินใจแล้ว...อย่าเสียใจภายหลัง
.................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
โรม, อิตาลี , 11.30

     ร่างของชายหนุ่มผู้ได้รับการโหวตว่าเป็นขวัญใจสาวๆทั่วอิตาลี กำลังยืนนิ่งมองกระจกใบใหญ่อยู่ภายในห้องทำงานของตน ฝ่ามือถือกรอบรูปอันใหม่เขาวางมันลงไปในที่เดิมและยังคงเป็นสีมะฮอกกานีสดใส ใบหน้าที่เคยคุ้นและรอยยิ้มมั่นใจของชายในรูปยังชัดเจนและสะท้อนในดวงตาของอเล็กซิส วาลกัส ชายหนุ่มผู้กำลังยืนมองภาพนี้ในชุดสูทสีดำสนิท และใบหน้ายิ้มแย้มสดใส

     ก๊อกๆ...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มไหวตัวช้าๆก่อนจะเอ่ยปากอนุญาติ อเล็กซิสทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ เขาสบมองแววตาของชายที่เดินมาหาแล้วก้มลงหยิบเอกสารในลิ้นชัดขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว..

   นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจ้องมองร่างของบุรุษผมสีแดง นัยน์ตาสีทอง สวมแว่นกรอบสีดำวางบนดั้งจมูก ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเคร่งขรึมเบื้องหน้า..สบตาเพียงชั่วครู่ อเล็กซิสก็ถอนหายใจพรู

     "...พวกเรกาโซ่มันจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? " เขาเริ่มเรื่อง ขมวดคิ้วครุ่นคิด...

     "..ทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ส่งกำลังคนเข้าไปแล้ว คิดว่าคงจะติดต่อทางการทูตก่อน แต่คงแอบแฝงคนเข้าไปด้วย.." ชายหนุ่มที่เดินเข้ามามองสบตาคุณชายคนโตของบ้านวาลกัส เขาหยิบเอกสารรายงานในมือวางลงบนโต๊ะทำงาน นัยน์ตาสีทองประกายจับจ้องใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มสายเลือดอิตาเลียนตรงหน้าอย่างเคร่งขรึม  

     "...แล้วคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไง? "  อเล็กซิสสบตาชานหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีแดงเข้มสุกปลั่งและดวงตาสีทองประกายระยับเบื้องหน้า นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียวและใจเย็น ใบหน้าคมแฝงความเคร่งขรึมและองอาจไว้อย่างเพียบพร้อม  นัยน์ตาใต้กรอบเเว่นสีดำสนิทของบุรุษเบื้องหน้ามองลอดเลนส์หนามาสบมองดวงตาของอเล็กซิสเงียบๆ ก่อนจะกระแอมเบาๆ

      " ทางเรกาโซ่ละเมิด"กฏ"หลายๆอย่าง..." ชายหนุ่มเปรยเรียบๆปลายนิ้วดันแว่นกรอบสีดำสนิทของตัวเองเบาๆ " ทั้งข้อตกลงการไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในแกงค์ของแกงค์สมาชิกอื่น ทั้งสี่แกงค์...วาลกัส กราดอน เซเคนี และเรกาโซ่ รวมตัวกันเป็นพันธมิตรอย่างหลวมๆเพื่อแบ่งปันจัดสรรอำนาจและควบคุมดูแล โรม ที่เป็นศูนย์กลางของอิตาลี ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตกลงกันของพวกคุณนั้นส่งผลให้โรมา(โรม)เป็นสงบสุขขึ้น...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต่างก็รู้เช่นกันว่าคอยแย่งชิงอำนาจ ช่วงชิงความเป็นต่อกันอยู่เนืองๆ...ดังนั้นเราถึงได้รักษา"กฏแห่งความเงียบ"(โอเมอร์ตา)มาตลอด "

    "...แต่ตอนนี้....เรกาโซ่กำลังทำลายกฏเกณฑ์นั้น พวกเขาไม่ใช่แค่จะปองร้ายอนาคตบอสของวาลกัส แต่ว่า พวกเขากำลัง"ชักศึกเข้าบ้าน" หาศัตรูให้มาเฟียทั่วอิตาลี....โปรดเข้าใจว่าถึงจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไร"แกงค์"มาเฟียก็เป็นแค่"แกงค์"มาเฟีย อย่างไรแกงค์สเตอร์ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เราอาจจะขึ้นชื่อว่าเป็นสมาคมลับ เราอาจจะมีซิซิลีเป็นปราการที่เข้มแข็ง แต่อย่างไร คนจำนวนไม่กี่พันก็ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นประเทศ.."

     " เรกาโซ่กำลังจะเปิดสงครามที่ไม่มีทางชนะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเข้าร่วม.."

    " ถึงแม้ว่าการร่วมมือกันอาจจะทำให้เราได้ตัวคาวัลโล? " อเล็กซิสเลิกคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด

     " แค่เขาเข้าไปเพื่อจะฆ่าเจ้าหมอนั่นก็บอกได้ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่หรือครับ...ว่าเรกาโซ่มีเจตนาอย่างไรกับคนของเรา...และแกงค์ของเรา " นัยน์ตาสีทองสบมองดวงตาสีฟ้าเข้มอย่างแน่เเน่ว " ....อีกทั้งจากที่ได้ฟังบทสนทนาครั้งล่าสุดระหว่างคุณกับเขา ผมก็ไม่คิดว่าคาลอยากได้ความช่วยเหลือจากคนพวกนั้นหรอกนะ "

        " ....ถ้าคุณคิดจะร่วมมือก็เท่ากับเราทำผิดกฏหมายระหว่างประเทศ...กฏหมายไม่ใช่เลือกกระดาษจะได้ฉีกมันง่ายๆเพียงเพราะความต้องการของคน "

      "มันขึ้นอยู่กับคนใช้..." อเล็กซิสยักไหล่

     " ..เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าอย่าคิดลอง....ตราบใดที่เราไม่"แกร่ง"พอ...เข้าใจดีที่คุณอยากได้ตัวมันกลับมาให้เร็วที่สุด แต่ทำเเบบนี้คนอื่นจะมองว่าเราเป็นโจรที่ไปก่อเรื่องปล้นประเทศอื่นหน้าด้านๆ.."

      "...ผลเสียมีมากกว่า คุณก็เห็นชัดแล้ว ทำไมถึงคิดจะทำ? "

      "..ข่าว..." อเล็กซิสมองสบแววตาใคร่รู้จากฝ่ายนั้น เขาถอนหายใจพรู " ข่าวจากสายของเรา บอกว่าเรกาโซ่...ส่ง"นกต่อ"ไปแล้ว "

      " หืม? " คราวนี้ผู้ฟังมีสีหน้าสงสัยและสนใจอย่างเห็นได้ชัด

      " ....เป็นคนที่ไม่มีทางดูออกเสียด้วย " อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆ "  ข่าวนี้ ผมคิดว่าพวกมันพยายามเต็มที่ให้เรารู้ เพราะแน่นอนว่าทางวาลกัสต้องเอาสนับสนุน แต่ว่า..."

       " ..ข่าวลวง? "

       "..นั่นก็สาเหตุหนึ่ง..แต่เช่นเดียวกับที่คุณพูด...ผมไม่คิดว่าการฝากความหวังไว้กับการ"แย่ง"จะได้ผลมากกว่าการเจรจา " อเล็กซิสใช้ปลายนิ้วกดหัวคิ้วตัวเองหนักๆ " แต่.ตอนนี้เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี..เพราะฉะนั้นผมถึงได้คิด.. "

       " ผมเข้าใจ" ชายหนุ่มผมแดงพยักหน้ารับช้าๆ สีหน้าเคร่งเครียด

       " พวกเขาคาดว่าหากไม่ได้รับการตอบรับ ...จะบุกชิงตัวประกัน...กำหนดการคาดว่าใกล้เคียงกับอาวุธล๊อตล่าสุดที่เราจะขนไป.." อเล็กซิสถอนหายใจยาว วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ เขาหันมาจ้องหน้าคนพูดอีกครั้งอย่างเคร่งขรึม "  แกเร็ต...ผมคิดว่าคุณรู้ดีถึงความปราถนาของผม...ผมจึงยอมเผยแพร่ความลับที่ผมสัญญาและสาบานไว้ว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป...ผมไม่สนว่าจะใช้วิธีใด ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรมากมายเพียงไหน ผมก็ต้องการเพียงให้เขากลับมา......โดยเร็วที่สุด "

      "...ผมเข้าใจดี...ไม่อย่างนั้นคุณจะเรียกผมมาทำไม จริงไหม.." แกเร็ต  เคย์ จ้องมองใบหน้าของบุตรชายคนโตของตระกูลวาลกัสอย่างเคร่งขรึม " จะยังไงคาลก็เป็นเพื่อนผม...ผมไม่ปล่อยให้อนาคตเจ้านายของตัวเองต้องตายไปหรอก"

      "...ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น..." อเล็กซิสผ่อนลมหายใจช้าๆสีหน้าครุ่นคิด " นี่ถือเป็นการทดสอบความสามารถของพวกคุณอีกทางหนึ่ง...ในฐานะมือขวา....."

     "..แล้วเขา..? " พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าควรมีคนมากกว่านี้อยู่ในห้อง

      " .....หมอนั่น..." แกเร็ตมีสีหน้าเหม็นเบื่อเมื่อได้ยินคำถามนี้..ทว่าก็เป็นหน้าที่เช่นกันที่เขาต้องอ้าปากตอบ

     ปัง!!!!!!!

        " เฮ้ !!! ว่างายยยยยยยย "  เสียงร้องเริงร่ามาพร้อมกับฝ่าเท้าที่ปรี่เข้าถีบประตูโครมใหญ่ทำเอาเส้นประสาทของสองบรุรุษผู้เคร่งขรึมในห้องสั่นระริก และยิ่งมากขึ้นเท่าทบทวีคูณเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นถลาเข้ามาในห้องอย่างเริงร่าโดยมีรถเข็นของอเล็กเซย์ วาลกัสผู้ซึ่งกำลังป่วยอยู่ เจ้าตัวหัวเราะร่าด้วยท่าทีเบิกบานใจเป็นที่สุดขณะที่ล้อรถเข็นแล่นฉิว ฉวัดเฉวียนไปมาราวกับเด็กเล่น

       "...................." เสียงหัวเราะร่าของคุณชายคนรองของบ้านผู้อยู่บนรถเข็นและชายปริศนารายนั้นยังดังลั่นห้องทำงาน รถเข็นยังส่ายไปมาอย่างน่ากลัวว่าจะพลิกคว่ำหรือร่างคนเป็นๆบนรถจะปลิวไปถามแรงไถลซ้ายขวาของมัน แต่กว่าสองหนุ่มที่ปรี่เข้ามาจะหยุดรถเข็นและเสียงหัวเราะของตัวเองได้ ก็ทำให้เส้นเลือดบนขมับคุณชายอเล็กซิสปวดตุบถึงขึ้นระเบิดเสียแล้ว

         สีหน้ามืดทะมึนของอเล็กซิสที่รักทำให้แฝดผู้น้องถึงกับยิ้มเหย อเล็กเซย์ยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อนอย่างร้อนตัว ขณะที่เสียงหัวเราะในลำคอค่อยแผ่วหายไปในที่สุด แต่ทว่าชายอีกคนที่เป็นผู้คุมรถเข็นกลับยังยิ้มร่าฮึมฮัมด้วยความชอบใจ

    " โย่ว ! " และยังมีหน้ามายกมือทักทายหน้าตาระรื่นเสียงด้วย

     "...ยะ....โย่ว...." ถึงสีหน้าของฝาแฝดจะมืดทะมึนน่ากลัวแค่ไหน อเล็กเซย์ก็ยกมือทักตามอีกคนไปติดๆ...

     "......ทำอะไรกันอยู่? " น้ำเสียงเคร่งเครียดของอเล็กซิสทำให้แฝดคนน้องยิ้มเเหย...สีหน้าจืดเจื่อน...

     "....อ่า...."

     "...อเล็กซิส ! ฉันไปหาลิสซี่มาไง มาเจอเจ้าหนูน้อยนั่งแห้งอยู่บนรถน่าสงสาร ก็เลยจับมาเล่นด้วยสักหน่อย " ว่าแล้วคนพูดก็เอื้อมมือไปฟัดแก้มของคนป่วยอย่างเมามันส์ในอารมณ์

     "...ไม่ได้ถาม !! "คุณชายอเล็กซิสตะโกนใส่หน้าเจ้าคนที่เริงร่าไม่หยุดด้วยสีหน้ามืดทะมึน ทำเอาสองหนุ่มสะดุ้งเฮือก " แล้วหยุดแตะต้องตัวอเล็กเซย์ของฉันเดี๋ยวนี้ !! "

     "...ของฉัน..." ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีบรูเน็ตเผยรอยยิ้มกวนพลางเอียงคอถามทวนประโยคอย่างสนเท่ห์นักหนา อัปกริยานั้นเรียกเส้นประสาทให้กระตุกยิก...

      "....คุณอาก็..." ฝ่ามือของอเล็กเซย์กำแขนชายหนุ่มผู้ไม่กลัวตายไว้แล้วงบีบเบาๆ อย่างปรามๆ

      "...ว่าไงจ๊ะ...ว่าไงๆหลานชายของฉัน~~" เสียงของชายคนนั้นช่างเริงร่าจนน่าปวดหัวนัก อเล็กซิสเม้มปากแน่น กัดฟันกรอดด้วยอาการแทบจะกุมขมับ

    "...เงียบนะ !! " เพราะยืนอยู่ทนโท่แต่เจ้าบ้าตรงนี้ยังทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ชวนให้หงุดหงิดนักขึ้นเป้นเท่าตัวถึงต้องตวาดไปอีกคำรบ

   " ......." ได้ผล คราวนี้ทั้งห้องเงียบสนิท อเล็กซิสกวาดสายตามองชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้าอย่างพยายามควบคุมอารมณ์

     "...อเล็กเซย์...ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ..ทำไมถึงได้มาทำอะไรอันตรายแบบนี้ ไม่กลัวจะตกรถเข็นแล้ว"พิการ"บ้างหรือไง? " นัยน์ตาสีดียวกันจ้องเขม็ง...ไม่ได้คุกคาม แต่วาจานั้นแฝงนัยยะข่มขู่ชัดเจน จนคนฟังได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก

     "....แล้วคุณอา...." ตวัดสายตาไปให้อีกคนที่ยังคงยิ้มเริงร่าไม่สะทกสะท้าน " อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ เป็นอาผมไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงทำตัวเหมือนเด็กสี่ขวบ..ผมเชิญมาคุยเรื่องใหญ่ ทำไมไม่มา ? "

     "...อะไรก๊านนนน...ก็ฉันแค่ไปหาลิส..."

      "..ว่างมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ? " นัยน์ตาของคนเป็นหลานทั้งคุกคามข่มขู่ปนระอาใจ ทำให้ชายหนุ่มผู้ถูกต่อว่ายักไหล่ ไม่ต่อปากต่อคำ

      " ....เซย์...ไปรอฉันที่ห้องก่อนนะ คุยธุระเสร็จแล้วจะไปหา.." ก้มตัวไปยิ้มให้กับฝาแฝด...แต่ก็พบนัยน์ตาสีฟ้าคู้นั้นชักขุ่นขวาง

      " ฉันรู้ไม่ได้..." สีหน้าคนฟังมืดทะมึน

      "..ขอนะ...เดี๋ยวค่อยคุยกัน " สีหน้าคนพูดทั้งออดอ้อนทั้งเคร่งขรึม จึงได้แต่ถอนหายใจรับอย่างเบื่อหน่าย อเล็กเซย์ใช้มือข็นรถไสตัวเองออกจากห้องอย่างเงื่องหงอย


     แกร๊ก...

       ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง สายตาของทุกคนที่มองร่างของคนป่วยออกไปเงียบๆก็ละสายตาและหันมาจ้องมองกันท่ามกลางบรรยากาศหนักอึ้ง ร่างของผู้มาใหม่เดินเตร่ไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาทรุดตัวลงนั่ง ขาซ้ายพาดทับขาขวารอยยิ้มมุมปากเต็มไปด้วยความมั่นใจยกประดับริมฝีปากอย่างรวดเร็ว

       "  แกปล่อยให้เจ้าหนูนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดไม่สนใจ เดี๋ยวจะได้แห้งเป็นซากซักวัน " ริมฝีปากของคนพูดเหยียดออก พลางหัวเราะหึ

       " ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องยุ่ง " อเล็กซิสเม้มปาก ทรุดกายลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

       "...อืม.....ใช่...ฉันไม่ควรยุ่ง จนกระทั่งตอนนี้ที่พี่สาวชั้นตรอมใจเพราะเสียลูกชาย เจ้าหนูน้อยตัวเล็กก็"ตาย" ส่วนเจ้าหนูอีกคนก็บาดเจ็บ เหลือแต่เจ้าคนไม่ได้เรื่องตัวใหญ่ๆนั่งทำหน้าเหมือนมีคนเอาขี้กบมาป้ายหน้าอยู่นี่ " นัยน์ตาสีบรูเน็ตของเจ้าตัวกรอกไปมาพลางพ่นลมหายใจอย่างฉุนจัด

       "ไม่ใช่เรื่องของฉัน แล้วแกเรียกฉันมาทำไม อเล็กซิส "

           คำถามจากนัยน์ตาคู่นั้นและสีหน้าเรียบตึงของผู้พูดทำให้อเล็กซิสขยับตัวอย่างอึดอัด...เขาพ่นลมหายใจช้าๆ สีหน้าเคร่งขรึมสบมองแววตาของ"อา"ที่มีอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี ขณะที่แกรเร็ต เคย์ก็พ่นลมหายใจพรูสมัครใจจะเป็นคนที่ลุกไปเฝ้าประตูแทนที่จะมาฟังบทอาละวาดของสองอาหลาน

      "..ผมต้องการให้คุณไปหาคาวัลโล.."

      " เพื่อ? "

      " คุณไม่ได้อ่านเอกสารที่ผมส่งไปให้รึไง...คาลยังมีชีวิตอยู่ ! " อเล็กซิสขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้าคนพูดอย่างร้อนใจ

      " ...ฉันถามว่าแกจะให้ฉันไปเพื่ออะไร ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ได้ต้องการ "น้ำเสียงเรียบนิ่ง นัยน์ตาจับจ้องแสดงอำนาจกดดันให้อล็กซิสต้องพ่นลมหายใจพรู ยกมือขึ้นอย่างยอมจำนน

      " ผมไม่ได้อยากให้มันตาย เข้าใจไหม...ผมอยากให้คุณสองคน ในฐานะที่ปรึกษาในอนาคตและมือขวาของคาวัลโลไปช่วยเหลือและตามตัวมันกลับมา ไม่จำเป็นต้องสนใจว่ามันต้องการไหม พอใจรึเปล่า เพราะนี่มันขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของคน นี่คือทางดีที่สุดที่ผมคิดได้ "

       "...ความเห็นของแกไม่ใช่ทุกอย่าง.."  นัยน์ตาสีบรูเน็ตจับจ้องแล้วเลิกคิ้วท้าทาย

      " หรือคุณจะปล่อยให้คาวัลโลตาย... คลาร์ก โรเซนเบิร์ก .."

      "  มันขอแกสักคำเหรอให้ไปรับ? ทุกอย่างแกคิดกะเกณฑ์เองทั้งนั้น ...รวมทั้งเรื่องการกระทำบ้าๆการดิ้นรนโง่ๆของพวกแกด้วย " คลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้ถูกเรียกชื่อยักไหล่ก่อนจะขยับยิ้มเครียด เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้กวาดสายตามองกรอบรูปแขวนรูปสมาชิกครอบครัว ของตกแต่งประดับกระดาด้วยสายตาราวกับชื่นชมในความงาม แต่อเล็กซิสรู้ดี ว่านี่คือการกดดัน"ทางอ้อม"วิธีที่ชายคนนี้ถนัดนัก..

      "...ก็ได้....ผมยอมแพ้....คุณคิดจะเอายังไงก็บอกมา " พี่ใหญ่ของตระกูลกุมขมับเครียด โบกมือยอมแพ้อย่างยอมจำนน

      "...คิดไม่ออกจริงๆหรือเล็กซิส " คนพูดเหยียดยิ้มเย็น " คิดไม่ออกจริงๆหรือ ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะอะไร.."

       "................" ไม่มีคำตอบใดๆจากปากของพี่ใหญ่ตระกูลวาลกัส ผู้ฟังจึงผ่อนลมหายใจลงช้า...ยาวนาน

       "เคยสงสัยไหมว่าตัวเอง"ดี"มากขนาดไหน ถึงทำให้เป็นที่ต้องการ ถึงเหมาะกับตำแหน่งบอสเสียขนาดนั้น " คลาร์กจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าสดที่ฉายแววฉงนฉงายและแปลกใจ " เคยคิดไหมว่าเพราะอะไร "พ่อ"และ"แม่"ของแกถึงไม่คิดจะขยับตัวทำอะไรมากกว่าการอยู่เงียบๆ...และเคยคิด"จริงจัง"แค่ไหน เกี่ยวกับการกระทำของพ่อและลุงของแก "

        " ...คุณกำลังพูดเรื่อง....อะไร? " อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น จ้องมองใบหน้าของชายผู้พูดเขม็ง

      

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
 " ..อำนาจ..และผลประโยชน์ มันให้อะไรมากกว่าที่ควรจะได้นะ รู้ไหม? " นัยน์ตาสีบรูเน็ตจับจ้องกรอบรูปครอบครัวขนาดใหญ่ในห้อง เอียงศรีษะมองราวกับจะพิศวงสงสัยรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยความสุขของบุคคลในภาพ "..ทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ  สร้างความโลภและความอยากไม่รู้จักจบสิ้น .. แกรู้อยู่แก่ใจว่ามาเฟียจะเอียงสีขาวหรือสีดำก็ตามแต่ผลประโยชน์ที่จะได้  แล้วจะแปลกอะไร หากจะทิ้งเบี้ยบางตัวเพื่ออะไรที่มากกว่านั้น..."


        " ฉันเข้าใจว่ายังไงแกก็เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่มาเฟีย นักธุรกิจก็ต้องคิดแบบนักธุรกิจ  กำไร เงิน และผลประโยชน์ จากธุรกิจของตนเอง.. ส่วนมาเฟีย....ก็มีวิธีคิดของมาเฟีย.... " คนพูดมองกระจกที่สะท้อนภาพชายในชุดดำสามสี่คนจับกลุ่มคุยกันอย่างเคร่งเครียดแล้วขมวดคิ้ว " ....ศักดิ์ศรี อำนาจ ..และผลประโยชน์....สิ่งเดียวที่นักธุรกิจกับมาเฟียคิดตรงกัน คงเป็นเรื่องผลประโยชน์ .."


        " แล้วถ้ามาเฟียต้องการ "ผลประโยชน์ เงิน และธุรกิจ" ทั้งหมด ล่ะ ...จะเป็นยังไง? "

       "... ข้อกล่าวหาที่คุณพูดนั้นมันใหญ่กว่าที่คิดนะครับ " ชายหนุ่มผมแดงผู้ยืนอยู่ไม่ห่างออกปากทักท้วง..

      "... ฉันถามความเห็นแกรึไง?  " นัยน์ตาสีบรูเน็ตสบกับดวงตาสีทองอย่างไม่พอใจ ผู้ฟังพ่นลมหายใจพรูแล้วเบือนหน้าหนี

     " ...คุณไปเอาเรื่องบ้าๆบอๆพวกนี้ใส่หัวมาจากไหน  " อเล็กซิสเลิกคิ้วถาม แน่นอนว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็น"อา"ต้องการจะสื่อได้ไม่ยาก" คุณกล่าวหาว่าลุงจะฆ่าพวกเราเพื่อ...ธุรกิจที่เขาไม่ต้องการมันหรือ? คุณอาศัยอยู่กับพวกเรารึก็เปล่า คุณไม่ได้ใกล้ชิดกับ"วิถีทาง"ของพวกเราเสียด้วยซ้ำ แล้วอะไร ที่ทำให้คุณรู้ ว่าคุณลุงคิดจะทำอะไร "

      "ธุรกิจที่เขาไม่ต้องการ ? " คลาร์ก โรเซนเบิร์กหัวเราะออกมาเบาๆหากคนฟังรู้ชัดว่าเขาไม่ขัน " แกชื่อเฟรเดริโก้หรือ? ถึงรู้ว่ามันคิดแบบไหน และเป็นคนยังไง? หรือคิดว่าวงการมาเฟีย วงการมืดมันมีอะไรงดงามและน่านับถือนักหนา ...แล้ววิถีทางของตระกูลมาเฟีย ตำนานของพวกแก มันยิ่งใหญ่มากมายขนาดฉันต้องสนใจมันรึ? พวกแกคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหนา แต่สายตาคนภายนอกก็มองว่าเป็น"เดนคน"อยู่ดี "

       " ยังไงมาเฟียก็คือมาเฟีย คนบาปไม่มีวันเป็นนักบุญ เช่นเดียวกับที่มาเฟียไม่มีวันกลายเป็นพ่อพระ !! "

      " ไร้สาระ ! "อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าของผู้พูดเขม็ง "คุณพูดแบบนี้ ได้ข่าวมาจาก..."

     " พ่อและแม่ของแก..." ประโยคนั้นทำให้อเล็กซิสชะงัก...นัยน์ตาเบิกกว้าง

      " ...แต่....นี่มัน....." พี่ใหญ่ของตระกูลถึงกับร้องครางตะกุกตะกัก สีหน้าตกตะลึงกับข้อมูลจากปากของผู้พูดไม่น้อย

        หรือใครจะทำใจให้เฉยได้ เมื่อทราบข่าวว่าผู้เป็นลุงวางแผนจะฮุบกิจการของตนและครอบครัว อีกทั้งจงใจปลิดชีวิตพวกตนให้สิ้นชีพ

และกระทั่งความฉงนสงสัย ตกตะลึงกับข่าวที่มาจากผู้ให้กำเนิดทั้งสอง...ซึ่งตนไม่เคยระเเคะระคายเลยแม้แต่น้อย !?

       "  เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้ คิดว่าพวกเขาจะไม่คิดไม่ทำอะไรเลยหรือ ? ยังไงพ่อแม่ก็มีหน้าที่ปกป้องลูก..ถึงพวกเขาจะทำโศกเศร้าเสียใจ แต่รู้หรือว่าในใจเขาจะไม่คิดโกรธแค้นกับชีวิตของลูกรักที่ถูกสังเวยไปกับเหตุผลโง่เง่า....โดยเฉพาะกับพ่อของพวกแก...ไม่ลองคุยกับเขาดูล่ะ อเล็กซิส แล้วแกจะรู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ และอาจจะรู้กระทั่งว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป "คลาร์กยิ้มออกมาอย่างเฉยชา " ความรักในครอบครัว หรือว่าวิมานของความสุขที่พ่อแม่ของแกสร้างไว้ให้ มันไม่อาจจะปกปิดความจริงได้หรอกนะ อเล็กซิส ว่าครอบครัวของแกมีชีวิตอยู่ในความเสี่ยงมากแค่ไหน..."

       " คนที่คิด"คบ"มาเฟียอยู่ใกล้ตัว ร้อยทั้งร้อยไม่กลายเป็นมาเฟีย ก็ต้องตายด้วยน้ำมือมัน ! "



        " ตอนนี้...ปัญหาเรื่องเรกาโซ่...และคาวัลโล..." เงียบ...นิ่งอยู่นานแกเร็ต เคย์ จึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา..

       " ผมอยากให้คุณไป....เอาตัวคาลกลับมา " อเล็กซิสประสานมือเข้าหากันอีกครั้ง...ถอนหายใจแผ่วเบา...ยาวนานราวกับเหน็ดเหนื่อยเกินกำลัง

      " ..เรื่องเจ้าหนูน้อยฉันกับไอ้หัวแดงนั่นจะจัดการเอง ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่พวกเรกาโซ่หรือแม้กระทั่งคนที่จับเจ้าหนูไป ...แต่ความจริงมันเพราะเราพลาดเอง อย่าไปโทษคนอื่น การคิดชิงตัวประกัน หรือว่าร่วมมือกับพวกเรกาโซ่ไปวุ่นวายกับประเทศอื่น เป็นแค่การหาเรื่องใส่ตัวไม่เข้าเรื่อง " คลาร์กเอ่ยแผนการตนเองออกมาสั้นๆ อเล็กซิสจึงนิ่งฟังด้วยความสงบ

     "..ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องสนว่าฉันจะทำอะไรยังไง ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ทางทั้งหมดเพื่อรอให้น้องชายแกกลับมา...ทำตัวอย่างเดิม เหมือนเดิม แต่หาข้อมูลของพวกมันให้ได้มากที่สุด และฉันจะพาน้องแกกลับมาเอง " คลาร์กสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเเจ๊กเก็ตสีเข้ม ปลายนิ้วคีบบุหรี่กับไฟเเช๊กสีเงินขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า
 
       " คุณจะใช้วิธีไหน...? " อเล็กซิสมองหน้าคนพูดอย่างกังขา

       " เรกาโซ่..." คลาร์กดีดนิ้วเป๊าะ สีหน้าหมายมาด

       " ...ยืมมือฆ่าคน......" อเล็กซิสมีสีหน้าลังเล

      "งานนี้ฉันรับมาแล้ว จากนี้คือการตัดสินใจของฉัน...ก็รอดูแล้วกัน...อเล็กซิส.."

      "....เชื่อมั่นในศักยภาพและมันสมองของน้องชายแก...ถ้าเจอเรื่องแค่นี้แล้วยังไม่มีปัญญาลุกขึ้นมามันก็ไม่มีสิทธิเป็นบอส และไม่มีสิทธิจะมาเป็นเจ้านายของฉัน "  คลาร์กพ่นควันสีขาวออกจากริมฝีปาก นัยน์ตามองปรายไปยังเพดานห้องอย่างหมายมาด ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้สีหน้าเคร่งเครียดพลันเปลี่ยนเป็นเริงรื่นเมื่อมองเห็นรถคาดิแล็กสีขาวคุ้นตาแล่นมาจอดในคฤหาสถ์

       "...ฉันจะไปกับขบวนขนอาวุธ หาชื่อพาสปอร์ตปลอมกับข้อมูลไว้ด้วย........อ๊ะ...ซานดร้าจ๋า~~~ คุณอามาเยี่ยมแล้ว ขอกอดหน่อยเร้วววววววว"


ปัง!

      เสียงฝ่าเท้าถีบประตูและเสียงปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วทำให้สองบุรุษที่เหลือในห้องเหลือบมามองตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย..

       "...อายุเท่าไหร่นะ ..." อเล็กซิสบ่นลอยๆด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อเกินทน

       "....ปีนี้จะสามสิบเอ็ด " แกเร็ตตอบเสียงหน่ายพอๆกัน ส่วนผู้ฟังก็ถอนหายใจเฮือก นึกสงสารตัวเองไม่น้อยที่"อา"ของตัวเองกลายเป็นชายที่มีอายุห่างกับเขาไม่กี่ปี แถมยังบ้าๆบอๆแบบนี้เสียด้วย

       "  ....เฮ้อ....เอาเป็นว่าผมตกลงแล้วกัน คุณก็ไปบอกคู่หู..."สีหน้าคนพูดออกแนวหน่ายเหนื่อย " ...ของคุณแล้วกันว่ากำหนดการจะไปวันไหน ยังไง และอีกอย่าง ขอส่งข่าวมาทางผมเป็นระยะด้วย "

       "...รับทราบ  " แกร์เร็ต เคย์ พยักหน้ารับ ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องเงียบๆ ส่วนพี่ใหญ่ของตระกูลก็ถอนหายใจพรู อเล็กซิสเอื้อมมือคลายปมเนคไทให้หลวมออก ก่อนจะก้าวลุกจาดโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง แต่แววตากลับแฝงความกังวลอยู่ในที

    ...ถึงจะไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นสองคนนี้ล่ะก็...เขาก็พอจะวางใจได้

 ที่ปรึกษาที่เก่งกาจ กับมือขวาผู้รู้ใจ คนสองคนที่คาวัลโลเลือกวางไว้ข้างกาย ย่อมมีความสามารถเก่งกาจและไม่มีวันทำพลาด

 ส่งมือและเท้าทั้งสองข้างไปให้ ไม่ต่างอะไรกับส่งทหารทั้งกองพันไปช่วยเจ้าตัวแต่อย่างไร

แต่ที่ควรครุ่นคิดให้จริงจัง น่าจะเป็นสิ่งที่คลาร์ก โรเซนเบิร์กบอกกับตนเองมากกว่า..

     ไม่ใช่จะไม่รู้ถึงความร้ายกาจ และเหี้ยมโหด ทว่า...อเล็กซิสก็ยังไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะแน่ใจเอาเสียเลย ว่าลุงของเขาจะคิดทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ใช่ว่าจะไม่เคยคิดถึงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจจากความโลภของคนเช่นนี้ ทว่าความแน่นเเฟ้นและสัมพันธ์อันดีตลอดมา ทำให้เขาอยากเก็บเรื่องนี้ให้เป็นเหตุผลสุดท้าย ของทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ

 เชื่อ อย่างที่พยายามจะเชื่อเสมอมา..เชื่อ...ว่ามาเฟียที่ใครต่างตราหน้าว่าเป็น"คนชั่ว" ก็มีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เช่นเดียวกับคนดี

เชื่อว่า"คนชั่ว"นั้นแท้จริงแล้วก็เป็นคนดีในแบบของเขา...เป็นคนดี ในการกระทำอันเลวร้ายที่มีแต่ผู้ประณาม เป็นคนดี ที่ยอมเลวเพื่อจะได้"ดี"

ทว่าทุกสิ่งที่คลาร์กพูด ประกอบกับเรื่องราวต่างๆหากนำมาเรียงร้อยแล้ว..เหตุผลมันกลับเข้ากันได้อย่างสมเหตุสมผล...สมจริงจนไม่น่าเชื่อ

ทั้งแผนการให้พี่น้องมาห้ำหั่นกันเอง แผนการกำจัดอเล็กเซย์ หรือกระทั่งการปลูกฝังเชื้อพันธ์ของความหวั่นระแวงและไม่ชื่นชมในตัวน้องชายคนกลางของเขา

..กำจัดคาวัลโลออกไปเพื่อนำเขาขึ้นมา ถ้าคาวัลโลมันต้องการตำแหน่งบอสที่ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นเจ้าของมันแล้ว ทางเดียวที่ทำได้คือการแย่งชิง มันไม่มีทางเจรจาแน่นอน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า"ศักดิ์ศรี"ของมาเฟียที่ควรกระทำ

เช่นนั้น คาวัลโลกับเขาก็จำต้องเข้าห้ำหั่นกันอย่างช่วยไม่ได้..

..ถ้าแผนระเบิดสำเร็จ อเล็กเซย์ก็จะตาย หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่อเล็กเซย์ไม่อาจทำอะไรได้

.. ซานดร้าไม่ต้องพูดถึง "ผู้หญิง"อย่างเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของบอส หรือกระทั่งเหลือเธอเพียงคนเดียวจริงๆซานดร้าก็ไม่เคยสนใจจะบริหารงานของแกงค์

..ส่วนคาร์โล มันก็เกลียดชังและตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับวิถีทางของครอบครัวเสมอมา

      หากนี่เป็นแผนการของผู้เป็นลุง ผู้เป็นหัวหน้าแกงค์ ที่ต้องการ"กำจัด"ครอบครัวของเขาทั้งหมดเพื่อครอบครองทุกอย่างจริงๆ

    ลุงของเขาเป็นมาเฟีย อย่างไรก็เป็นมาเฟีย ไม่ได้มีนิสัยเป็นนักธุรกิจ การทำธุรกิจต้องมีกำไรขาดทุน พ่อค้าจะไม่ยอมเสียกำไรของตนเด็ดขาด แต่กับมาเฟียแล้ว บางครั้งแม้จะเสียเท่าไหร่ก็ต้องเสีย เพื่อสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ว่าอย่างไรก็เท่าเทียมกับสิ่งที่ขาดไป เช่นนั้นหาก เฟรเดริโก้ วาลกัส ต้องการธุรกิจของตระกูลมาไว้ในกำมือจริงๆ และแผนการนี้เป็นจริงแล้วล่ะก็

...ต้องตัดไฟแต่ต้นลม !

    ถึงจะเป็นนักธุรกิจ แต่ยังไงอเล็กซิสก็เป็นทายาทของตระกูลมาเฟีย และกับผู้ที่ถูกหมายตาจะมอบตำแหน่งบอสให้แต่ต้น มีหรือจะไม่รู้จักวิธีคิดของมาเฟียด้วยกัน
ลุงของเขาจะไม่ใช้คำว่า "อาจจะ" หรือ"บางที" สำหรับแผนการของตน หรือผู้ตนที่มองเห็นว่าเป็นภัยเด็ดขาด ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมหรือญาติสนิทก็ตาม

    คนที่มองออกและใคร่ครวญว่าสิ่งใดจะเป็นปัญหาหรือเป็นอันตรายสำหรับตนแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นปัญหาจริงหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยจะต้อง"กำจัด" โดยไม่รีรอ
ก่อนจะสายเกินแก้  ตัวเขาด้วยเช่นกัน !

  อเล็กซิสจ้องมองรูปถ่ายครอบครัวอีกครั้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ยกหูโทรศัพท์ขึ้น กดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจดี เขารอฟังเสียงรอสายดังขึ้นเบาๆไม่กี่ครั้งปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับกลับมา

     " คาร์โลเหรอ? "อเล็กซิสจ้องมองเอกสารที่แกเร็ตเอามาให้อีกครั้ง และตัดสินใจแน่แน่วว่าจะเปิดออกมาอ่านอย่างละเอียด " มีเรื่องให้ช่วยหน่อย ด่วนเลยนะ..."

      " ไปเอาข้อมูลของ"วาสกัส"จากสำนักงานตำรวจสากลมาให้หน่อยสิ "

..................
     
        ราเซย์ เซฮามัค มีสีหน้าอึ้งๆงงๆปนสงสัย ขณะที่รามิล เซฮามัคขมวดคิ้วน้อยๆสีหน้ากังขา ไม่ต่างกับเจ้าชายฟาลซาอ์ที่เหมือนจะแขวนค้างอยู่กลางเรื่องด้วยความงวยงง แต่จะมีก็เพียงโรเบิร์ต ชอว์ตันที่นั่งทานอาหารเช้าด้วยรอยยิ้มกริ่ม พลางมองไปยังหัวโต๊ะอย่างยินดี
    
      การที่เมื่อวานชีคแห่งเซเนียยาไม่มาร่วมโต๊ะอาหารเย็นอย่างประเพณีที่ทำกันเป็นประจำก็ว่าน่าสงสัยแล้ว หากทว่าอัลชาอ์ยังขาดไปกระทั่งมื้ออาหารเช้า ทั้งที่สามารถลุกขึ้นมาประกอบพิธีสวดในยามเช้าตามปกติได้ตามปกติ และตอนนี้ ชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยา ได้มานั่งทานอาหารกลางวันตามปกติ ทว่ามันเป็นความปกติแบบไม่ปกติเสียเลย เนื่องจากผู้ร่วมโต๊ะทุกคนต่างถูกละเลย และกลายเป็นว่าพวกเขาเหมือนเศษอุกาบาตที่วิ่งรอบวงโคจรของคู่รักคู่นี้เสียมากกว่า
    
       ร่างของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยายังคงนั่งบนหัวโต๊ะเช่นเคย และข้างกายก็คือร่างของมาเฟียหนุ่มที่เมื่อวานเจ้าตัวได้"อาละวาด"เสียยกใหญ่ ต่างคาดการณ์กันว่าจะโดนลงโทษมากมายแค่ไหนที่ก่อเรื่องวุ่นวายเสียขนาดนี้ ทว่าใบหน้าที่ฉายแววอ่อนเพลียหากแต่ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าทุกๆสามวินาทีของเจ้าตัว ประกอบกับรอยยิ้มและใบหน้าเปี่ยมสุขของชีคอัลชาอ์ทำให้ผู้มองนึกสงสัยนัก ว่าไปลงโทษกันด้วยวิธีไหนกันแน่

        ข้อศอกของพี่ชายสะกิดแรงๆเมื่อเผลอตัวจ้องมองมากเข้าจนกฃายเป็นการเสียมารยาทแบบออกนอกหน้า ทว่ารามิลก็หัวเราะหึๆไม่ได้สนใจและพอใจจะนิ่งยิ้มและมองภาพเบื้องหน้าต่อ เพราะเขาแน่ใจเชียวว่าต่อให้จ้องจนตาถลน ชายหนุ่มสองคนที่เรียกได้ว่ากำลังตกอยู่ในห้วงรักอย่างสมบูรณ์แบบคงไม่หันมาสนแน่ๆ

    กริยาที่แสดงออกก็ไม่ได้ออกนอกหน้ามากมายอะไร ไม่ได้นั่งตักออดอ้อน หรือพูดจาออดอ้อนฉอเลาะ แต่ทว่าการคุยกันเบาๆหงุงหงิงกันสองคน หรือคอยตักเอาอาหารโปรดของอีกฝ่ายไปให้และกระทั่งการกันมาสบตากันแล้วยิ้มออกมาทุกสามวินาที แค่นั้นมันก็เกินพอแล้ว

      รัศมีแห่งความรักที่บอกได้ชัดว่า"ออกนอกหน้า"ของสองหนุ่ม ทำให้ราเซย์อดจะกระแอมเบาๆเรียกสติไม่ได้ และนั่นทำให้คาวัลโล วาลกัส หันมามองสบตาพวกเขาอย่างงวยงงไม่น้อย แต่นัยน์ตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกแปลกใจ ตกใจ หรือเคอะเขินนั้นก็ทำให้คนพี่ของตระกูลเซฮามัคถึงกับแทบจะกุมขมับเครียด..

      "มีอะไรหรือ ?ราเซย์ " ชีคหนุ่มเอ่ยคำถามขัดตาทัพไว้ก่อน ทว่าแววตาเรืองๆที่ส่งมาก็บอกชัดมากแล้วว่าไม่ชอบที่ถูกขัดจังหวะ

      " ไม่มีอะไรครับ แค่จะถามว่า....หายป่วยรึยัง " คำถามนั้นของราเซย์ทำให้คิ้วของอัลชาอ์เลิกขึ้นอย่างเนิบช้า ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหันไปสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างหยอกเย้า

      " ว่าไงครับ คาวัลโล หายป่วยรึยัง หืม? " รอยยิ้มและดวงตาพราวระยับที่ส่งมาทำให้คนป่วยถึงกับค้อนตาคว่ำ

       "ไม่หายสักทีก็เพราะคุณนั่นแหละ "วาจาสองง่ามสามแง่ทำเอาผู้ร่วมโต๊ะถึงกับถอนหายใจระอา พร้อมกับกลอกตาไปสบกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อพบว่ามีคู่รักปัญญาอ่อนเกิดขึ้นอีกคู่แล้ว

       " ...รามิล...."กว่าจะหลุดออกมาจากโลกสีชมพูที่มีกันเพียงสองคนได้ ชีคแห่งเซเนียยาก็ต้องใช้เวลาออกจะนานโขอยู่ในสายตาคนมอง ทว่าที่สุดแล้วเมื่อมีคำถามส่งมา รามิล เซย์ฮามัคก็ยิ้มตอบ...เป็นเชิงรับฟัง

       " เมื่อวานผมให้รถไปรับวิศวะกรกับสถาปนิกจากบริษัท ASE Accset..ตอนนี้พวกเขาพักอยู่ที่ไหน? "

       " เอ๋? "รามิลขมวดคิ้ว สีหน้างวยงงไม่น้อย "...ผม...ก็สงสัยอยู่ ...อยากจะถามพอดี เพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังไม่มีใครมาแจ้งอะไรผมเลย "

       "....ฟาลซาอ์ ? " ชีคแห่งเซเนียยาตวัดสายตากลับไปมองยังเจ้าชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ข้างกายตน..ซึ่งถือเป็นผู้รับหน้าที่นี้จากตนเจ้าชายฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด แห่งเซเนียยา สบมองแววตาสีดำสนิทที่ฉายแววกังขาของผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรมของตน และชีคแห่งประเทศเซเนียยาด้วยแววตาจืดเจื่อนไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยปาก

       "....ทางบริษัทแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน...ว่าของเวลาอีกวันครับ พวกเขายังไม่ข้ามพรมแดนมาที่นี่เพราะมีสถาปนิกคนหนึ่งหายตัวไป "

       " หายตัว? " ราเซย์ทวนถาม ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสงสัยจัด

        " ครับ...ผมได้ข่าวตั้งแต่เมื่อวาน...ตอนสามทุ่ม...." เอ่ยพลางมองหน้าอัลชาอ์เล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเวลา ด้วยให้ท่านชีคเข้าใจว่าที่ไม่รีบมาแจ้งทันทีที่เกิดเรื่อง เพราะอะไร

       "...ให้คนของเราไปช่วยไหม? " อัลชาอ์ขมวดคิ้วน้อยๆออกปากถาม ไม่ได้ติดใจเรื่องการรับข่าวที่ล่าช้าสักเท่าไหร่นัก

       "  คนรถกับพรรคพวกอีกสองสามคนก็ช่วยกันหาอยู่ครับ ทางนั้นก็ร้อนใจเหมือนกัน เพราะหายตัวไปก่อนเดินทางไม่นาน แต่เป็นผู้ชาย..คงจะไม่เป็นอะไรมาก "ฟาลซาอ์ตอบเรียบๆ "คาดว่าวันนี้คงได้คำตอบ ถ้าพวกเขามาถึงแล้วผมจะให้คนเข้าไปแจ้ง "

     " ช่วยดูแลด้วยก็แล้วกัน....งั้นผมขอเลื่อนกำหนดการของพวกคุณไปอีกสักสามสี่วันนะ รามิล ราเซย์... " อัลชาอ์เอ่ยพลางมองไปยังสองพี่น้อง ก่อนชีคหนุ่มจะเลิกคิ้วช้าๆเมื่อรามิล และราเซย์เซฮามัค หันไปสบตาอดีตคนรักของตน โรเบิร์ต ชอว์ตันด้วยท่าทีครุ่นคิด

      "หรือคุณมีกำหนดการอะไร......." ชีคหนุ่มเปรยช้าๆ

      " ไม่หรอกครับ ยินดีอยู่ที่นี่ตามคำสั่ง " ราเซย์ค้อนหัวให้แล้วยิ้มรับ ไม่ต่างกับรามิลและโรเบิร์ตที่หันมาพยักหน้าให้ ขณะที่คาวัลโลมองใบหน้าของชายหนุ่มสามคนที่นั่งทานข้าวแล้วหันมายิ้มให้กันอย่างนึกสงสัยไม่น้อย

      " เหมือนพวกคุณจะมีอะไรอยากทำอยู่นะ " เขาเอ่ยปากทัก พลางเลิกคิ้ว และนั่นทำให้ทั้งสามคนชะงัก

      " ....คิดไปเองล่ะมั้งครับ "ราเซย์ตอบ มองสบตา"คนรัก"ของชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตากล่าวเตือนถึงเรื่อง"ความเป็นส่วนตัว"ชัดเจน

      " อาจจะนะ..อ้อ......จริงสิ...ราเซย์ " คาวัลโลเข้าใจโดยดีว่าชายหนุ่มไม่อยากให้เขายุ่งเรื่องของตัวเอง ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจสักเท่าไหร่นักหรอก  หากแล้วก็นึกขึ้นได้ถึงประโยคปริศนาของอัลชาอ์ " คำว่า "ฮาบิตี "น่ะ หมายถึงอะไรเหรอ? "

      "....ฮาบิตี..? "ราเซย์ เซย์ฮามัค ผู้ถูกถามเลิกคิ้วปนยิ้มขบขัน แน่นอนว่าเพื่อมารยาท เขาจะต้องไม่หันไปมองสีหน้าที่เริ่มระเรื่อกระดากอายของอัลชาอ์เข้าไว้      " แน่ใจว่าคุณอยากให้ผมพูด ? "

       " ทำไม ?หรือมันมีความหมายอะไรในเชิงไม่ดี ? "คาวัลโลเลิกคิ้วถาม สีหน้างวยงงปนระแวงเล็กๆ ยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าของอัลชาอ์ที่เริ่มอึกอักด้วยแล้ว..

        " ก็ปล่า...แค่ผม..อยากจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนพูดสักนิด " ราเซย์ตอบ ขณะที่รามิลยิ้มกริ่มสีหน้าชื่นชมปนขบขันไม่ต่างกับเจ้าชายฟาลซาอ์ที่พยายามทำหน้าตาไม่รู้ร้อนทั้งที่มุมปากกระตุกยิก และกระทั่งโรเบิร์ตก็ยังอมยิ้ม ...แสดงว่าคนที่ไม่รู้ความหมายมีแค่คาวัลโลคนเดียวงั้นสิ แล้วเรื่องอะไรจะยอม

         "...ตกลงมันหมายความว่ายังไง? " สีหน้าคาดคั้นแฝงความเอาเรื่องไม่น้อย กับท่าทางปลงตกของอัลชาอ์ช่วยให้ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าควรตอบดีไหม

         " ก็แค่คำพื้นๆน่า...ฮาบิตี หมายถึง "ผู้เป็นที่รัก"ไงล่ะครับ "

              แน่นอนว่าหลังจากนั้นมีเพียงความเงียบวังเวงยาวเหยียดเป็นคำตอบ ในสภาพผู้ฟังร่วมโต๊ะได้แต่อมยิ้มขันและหยอกเย้า ส่วนคนอยากรู้และคนพูดประโยคนั้นน่ะหรือ ต่างก็หน้าแดงแอบค้อนใส่กันอย่เงียบๆน่ะสิ
..........

    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2011 22:20:33 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
  เวลาบ่ายโมงกว่าๆ ในวันที่ฝนยังตกไม่หยุดของเซเนียยา อาคารกระจกใสตั้งอยู่ด้านปีกซ้ายของคฤหาสถ์ที่มีระเบียงทางเดินเชื่อมต่อเป็นสถานที่ซึ่งชีคอัลชาอ์คิว่ามันเหมาะกับการทำงานไม่น้อย เพราะหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ชีคหนุ่มและคนรักก็พากันไปอยู่ที่นั่น ไม่มีคำสั่งหามรบกวน มีเพียงคำสั่งสั้นๆว่าหากมีธุระเร่งด่วยหรือมีรายงานจากใครก็ให้เดินทางไปหา แต่สำหรับคนสนิททั้งหลาย ต่างก็รู้แน่ว่าการ"ไม่ไปรบกวน" เป็นทางออกที่สบายใจต่อพวกเขามากนัก

...ก็เพราะไม่มีใครอยากจะไปขัดจังหวะ"คู่รัก"ที่เพ่งตกลงปลงใจกันหมาดๆหรอก โดยเฉพาะเมื่อเป็น"คู่นี้"เสียด้วย

        ดังนั้นในห้องกระจกปรับอุณหภูมิเย็นฉ่ำนี้จึงมีเพียงร่างของชีคอัลชาอ์เอนตัวนอนอ่านเอกสารบนม้านอนตัวยาวซึ่งมีหมอนใบเขื่องหลายใบซ้อนกันอยูใต้ร่างเป็นเบาะรองหนานุ่มชวนนิทรา ข้างกายมีโต๊ะเตี้ยๆ สำหรับวางเอกสารและเครื่องดื่มแก้กระหายกับของขบเคี้ยวเล้กๆน้อยๆแก้ง่วง  ใบหน้าของชีคหนุ่มมีรอยยิ้มประดับอยู่ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเอกสารในมือสลับกับร่างของเจ้าแมวน้อยที่นอนขดตัวซบอกอยู่ในอ้อมแขนอย่างแสนว่าง่ายนัก

      ฝ่ามือเล้นไล้เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ที่เริ่มยาวระลำคอของอีกฝ่ายอย่างเพลินมือ ร่างเพรียวนอนเหยียดกายก่ายเกยร่างของตนเองแล้วอ้าปากหาวนัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ปรือลงเล้กน้อย ใบหน้าประดับรอยยิ้มทอดมองปลายคางแลัลำคอที่โผล่พ้นโธปตัวยาว คาวัลโลเผลอเอียงศรีษะน้อยๆคอลเคลียกับปลายนิ้วที่ไล้เล่นเส้นผมตนเองอย่างลืมตัว จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองชักจะเหมือน"แมว"เกินไปแล้ว  

        แต่ทว่าอัลชาอืดูจะชื่นชอบคาวัลโลที่เป้นแมวน้อยแสนว่าง่ายแบบนี้มากกว่าเจ้าแมวอารมณืร้ายที่ชอบขู่าฟ่อๆนัก ดังนั้นมาเฟียหนุ่มจึงคิดจะตามใจท่านชีคแห่เซเนียยาให้นานเท่าที่ตัวเองจะทำได้  แม้จะต้องเสี่ยงกับการถูกล้อเลียนเล็กๆน้อยๆกับนัยน์ตาแฝงความนัยน์ของผู้คนโดยรอบที่จับจ้อง แต่จะคิดมากอะไรเล่า ในเมื่อมันต่างก็เป็นจริงทั้งนั้น

   ตกลงจะรัก พยายามจะรัก ก็ต้อง"รัก" ให้ได้ตามคำพูดนั้น

สายตาของคนอื่น คำพูดระคายหูของคนอื่น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเก็บไปใส่ใจให้เสียเวลา

      ปลายนิ้วสีขาวหยิบผลไม้ในจานมาแทะเล่นแก้เบื่อ ชิ้นหนึ่งอยู่ที่ปากของเขา ส่วนอีกชิ้นก็ส่งเข้าปากท่านชีคที่อ้ารับอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายทิ้งลายแอบลวนวามนิ้วคนป้อนด้วยการดูดปนกัดเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทีกริยานั้น พาลนึกไปถึงคู่ควงในอดีตที่ตนเองก็เคยใช้วิธีนี้มาบ้าง..แต่แหม ก็ขอยอมรับอย่างไม่หลอกตัวเองเลยแล้วกัน ว่าอัลชาอ์ทำแล้วน่ารักกว่าแม่สาวพวกนั้นเป็นไหนๆ นี่ขนาดไม่นับเรื่องเมื่อคืนนะ เพราะหากจะตัดเรื่องการลิดรอนเวลานอนของเขาให้น้อยลงไปแล้วล่ะก็...ขอบอกว่ามันทำให้คาวัลโลเข้าใจไอ้ประโยคที่ว่าหากลองได้มีsexกับผู้ชายด้วยกันแล้วจะ"ได้หลังลืมหน้า"อย่างชัดเจนเชียวล่ะ

       อืม....นี่ถือเป็นก้าวแรกของคำว่า"หลงจนโงหัวไม่ขึ้น"หรือเปล่าล่ะเนี่ย หนุ่มชาวอิตาเลียนเอียงศรีษะน้อยๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด หลังจากดึงปลายนิ้วตัวเองจากริมฝีปากของอัลชาอ์แล้วนำมันมาแตะริมฝีปากตนเองอย่างลืมตัว ก็ไม่ได้ว่ามันไม่ดีหรอกนะ เพราะถ้าเริ่มหลงแล้ว คำว่ารักก้อยู่อีกไม่ไกล ...ราบรื่นไม่มีปัญหาเพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างเข้ากันได้ดี...ใช่ นับแต่คาวัลโลเลิกดื้อเพ่งงี่เง่าเอาแต่ใจและทำตัวทุเรศไปแล้ว

     แน่นอนว่าเขารู้ตัวอยู่หรแกว่าเป้นคนแบบไหน เพียงแต่ไม่คิดจะเปลี่ยนมันเท่านั้นเอง ทว่าอัลชาอ์ที่รักผู้น่าสงสารก็ยอมเขามามากพอจะให้เขาละอายใจและยอมละลายพฤติกรรมนั้นไปบ้าง...ใช่...ยอมละลายไปบ้าง แต่ไม่ได้หมายคงาว่าจะยอมทั้งหมด ยังไงก็ต้องเก็บนิสัยอันแสนประเสิรฐพวกนี้ไว้ต่อกรกับมดปลวกที่เข้ามาตกแยด้วย แต่แค่ไม่แสดงมันต่อหน้าอัลชาอ์แล้วล่ะก้ จะไปทำตัวแบบนี้กับใครไหน ท่านชีคก็ไม่ว่าหรอก เรื่องนี้คาวัลโลแน่ใจเชียวก็เพราะอัลชาอ์รักและตามใจเขามากไงล่ะ ต่อให้เขาจะบื้อและทื่อแค่ไหนก็ดูออก แล้วเรื่องอะไรจะไม่เก็บเอาสิทธิพิเศษนี้ไว้กับตัว อย่างน้อยก็แลกกับการถูก"ทับ"ทั้งคืนแล้วกันน่า

       " คิดอะไรอยู่ ทำหน้าเซ็กซี่เชียว " กำลังคิดเรื่อง"เมื่อคืน"กับเรื่องสิทธิพิเศษในอาณาจักรนี้อยู่เพลินๆเสียงท่านชีคก็แว่วมาใกล้ๆ นัยนืตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาาเข้มแล้วเลิกคิ้วน้อยๆ นึกแซวชายหนุ่มตรงหน้าที่เริ่มมีพัฒนาการระดับคำพูดล่อแหลมสำหรับคู่รักอยู่ในตัวแล้ว ก่อนจะโอบรอบลำคอหนาแล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปเย้าแหย่ให้อัลชาอ์สติแตกอีกสักรอบ แน่นอนว่าเขาทำมันดีใช้ได้ สังเกตได้จากนัยน์ตาที่เริ่มคุกรุ่นและมือไม้ที่เริ่มไต่เลาะไม่อยู่กับที่

        "..ทำงานสิครับ ฮาบิตี " หยิกแกมหยอกเอินแต่ก็ทำให้สีหน้าคนฟังสะดุดแล้วยิ้มขัน พร้อมกับปลายจมูกที่กดลงกับผิวแก้มอย่างหยอกเย้า

        "..ครับ....ฮาบิตี " นี่มันกลายเป็นมุกพื้นฐานตั้งแต่เมื่อไหร่? หนุ่มอิตาเลียนเลิกคิ้วส่งปลายนิ้วไปไล้เล่นปลายคางเกลี้ยงเกลาและจ้องมองมันอย่างครุ่นค ิด เพราะดูท่าคำๆนี้จะไม่ใช่ประโยคหวานๆประเภท "cara mie " หรืออะไรที่พี่ชายของเขาชอบพูดมัน แต่กลายเป็นโจ๊กบนโต๊ะอาหารไปแล้วมากกว่า ซึ่งเป็นผลตอบแทนหลังจากเขาโพล่งถามเรื่องนี้ออกไปล่ะนะ

     ก็ช่วยไม่ได้นี่ เรื่องอะไรจะไม่รู้อย่างเดียวทั้งที่ชาวบ้านเขารู้กันทั่วล่ะ  นอกจากจะไม่ยุติธรรมอักโขแล้วเรื่องที่ยอมไม่ได้กว่าคือกระทั่งโรเบิร์ต ชอว์ตันก็ยังรู้ความหมายของมันด้วย...

อืม...

       " โรเบิร์ต ชอว์ตัน "จู่ๆน้ำเสียงของคนรักที่ดังขึ้นเป็นชื่ออดีตคนรักคนเก่าก็ทำให้"ลางสังหรณ์"ของอัลชาอ์กรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชีคหนุ่มละสายตาจากเอกสารในมือพร้อมกับตวัดสายตาไปสบมองแววตาที่เริ่มวาววับขึ้นของหนุ่มอิตาเลียนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม

      " ครับ..คาวี่ " คำนี้น่าฟังกว่า"ฮาบิตี"บ้าบอคอแตกหลายขุม ไม่ใช่ว่าคาวัลโลจะเหยียดชาติพันธ์หรือภาษาของใครหรอก แต่ในเมื่อคำพูดนั้นมันเป็นอะไรที่โหลไปแล้ว อะไรที่คนรักเก่าได้มันแล้ว เรื่องอะไรเขาจะต้องไป"ทับซ้อน"ด้วยไม่ทราบ

      "...ผมก็ไม่คิดจะสนใจอดีตของคุณกับใครให้มากนักหรอกนะ เพราะผมก็มีมันเยอะพอกัน แต่ว่า....ถ้าเขาปรากฏตัวอยุ่แถวนี้เนี่ย มันก็อีกเรื่องนึง " ว่าแล้วไง ชีคหนุ่มแทบจะอุทานคำนี้ออกมาทันควันเมื่อฟังจบ อัลชาอ์จ้องมองนัยน์ตาที่เริ่มวาววับของเจ้าเหมียวตัวน้อย ที่ละความแสบสันต์ได้เพียงชั่วครู่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเริ่มจะดื้อขึ้นมาอีกครั้งเพราะความหวง

   ถูกหึงหวงก็แสดงว่ารักและใส่ใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่ากลัว...ถ้าเพียงแต่ว่าอัลชาอ์จะไม่รู้นิสัยหนุ่มอิตาเลียน ในข้อที่ว่า ขี้หึง ขี้ระแวงที่สุดและขี้น้อยใจเป็นที่หนึ่ง
และยังมีข้อที่น่าอดสูที่สุดว่าด้วย....การที่ตัวเองจะเสเพลจะทำตัวแย่ยังไงก็ได้ แต่คนรักของตนต้องไม่ทำตัวแบบเดียวกันให้เห็นเป็นอันขาด มิฉะนั้น....เป็นเรื่อง

  แล้วตอนนี้....

      " เล่ามาสิครับ..." เจ้าเหมียวตัวน้อยป่ายเอกสารออกจากมือของตนอย่างง่ายดายและเคลื่อนกายหยัดตัวจากแผ่นอกมาคร่อมทับ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาบาดตาของท่านชีคแห่งเซเนียยาเขม็ง แววตาเรืองๆฉายแววเอาเรื่องนั้นทำให้คนถูกมองลอบกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ...

      " เรื่องผมกับร๊อบ ก็เป็นแค่อดีต .." เกริ่นๆให้เจ้าตัวใจเย็นขึ้นบ้าง...ทว่า...ดูเหมือนผลที่ได้รับจะยิ่งแย่ขึ้นมากกว่า

      " งั้นก็เล่ามาสิครับ เรื่อง"อดีต"กับร๊อบ"ของคุณ"ที่เคยนั่งร้องไห้ซบอกคุณและสนิทสนมกันแบบไม่เห็นหัวผมเมื่อวันก่อนนะ.."  ถ้าแยกเขี้ยวขู่ด้วยมันก็คงครบสูตร เพาะตอนนี้เจ้าเหมียวตัวน้อยขู่ฟ่อๆจนเส้นขนลุกซู่ทั่วกาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองตนเขม็ง และมีสิ่งหนึ่งที่อัลชาอ์ได้รู้ คือเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไม่
ได้"ลืม"หรือ"ไม่ใส่ใจ"ความสนิทสนมของเขาและอดีตคนรักเก่าสักนิด เพียงแต่ว่าเจ้าตัวเก็บเอาไว้และไม่แสดงอาการออกมาก้เท่านั้น

       สำหรับตอนนี้...ชายหนุ่มอิตาเลียนผู้ได้ชื่อเป็นคนรักและมี"สิทธิ"ในการถือตนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาโดยสมบูรณ์แล้วนั้น กำลังจะ....
เอาคืน...
...................
      


         โหยยยย คนเขียนหนาวค่ะ (นั่งรออัลชาอ์เดินมากอด /โดนคาวี่ถีบโครม) ชิ อิจฉา แต่ปุ้ยก็ชอบมุกนี้นะ มุกหนาวๆ ห้าๆ เข้ากับบรรยากาศช่วง(ก่อน)นี้ดีค่ะ ฝนตกแล้วหนาวมีคนกอดอุ่นกว่าผ้าห่มตั้งเยอะ ฮี่ๆ (อิจฉาคาวี่ ชิ) ตอนนี้อิสองคนนี้กวานกันเกินหน้าเกินตาจริงๆ คาวี่ก็น่ารักน่าหยิกมากกกกกก อยากจะจับมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวซะจริงๆ (โยกศรีษะหลบฝ่าเท้าท่านชีค) และเปิดเผยความจริงอีกข้อว่าแมวเหมียวมันลามก! 555 ไม่สิ ต้องบอกว่าเปิดเผยตามธรรมดาของหนุ่มยุโรป แถมยังขี้หึงบรรลัย (อนึ่ง ขอใช้คำนี้แทนคำว่ามาก เพราะใช่คำว่า"มาก"แล้วมันยังน้อยไป )แต่ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ เนอะ
  เหมือนว่ายังไงก็เขียนหวานทั้งตอนไม่ถนัด เลยอัพเดทฝังพี่ชายนิดหน่อย  และเปิดตัวตัวละครใหม่อีกสอง กับเรื่องของคุณลุงที่ตกลงว่า...มีจุดหมายอย่างไรกันแน่ อันนี้ต้องรอกันต่อ แต่สำหรับสองคนนี้ ปุ้ยชอบคุณอาแฮะ ฮี่ๆ คาแรกเตอร์นี้เอามาจากท่านกิลเบิร์ตอิสอะออวซั่ม!ในรูปตัวแทนเองล่ะค่ะ คุณอาคลาร์กน่ารักดีชอบโวยวายเหมือนเด็ก แต่ก็เท่ห์ บทจะจริงจังก็อย่างเมพ  สองคนนี้มาอยู่กับคาวี่แล้วกลายเป็น"สามบรรลัย"ได้เลยค่ะ รอพบคุณอาและพ่อคุณแกเร็ตได้เลย  
   ส่วนตอนหน้า อร๊ายยยยย เค้าจะมาแล้ววววววววววววววววว ที่รักปุ้ยจะมาแล้ววววว (โดนคาวี่ตบ) รอคอยการเปิดตัวของเขามากเลยนะค่ะอยากเขียนถึงเร็วๆ แฮ่ๆ คนนี้เค้าน่ารักมากมาย(สำหรับปุ้ย แต่คนอื่นอาจจะไม่...) และหลังจากนี้ก็คงไม่มีตัวละครใหม่มาแล้วล่ะค่ะ และเนื้อเรื่องก็จะทวีความมันส์ขึ้นอีกเยอะ หุหุหุ (จะบอกว่ารอเขียนสงครามมาเฟีย ณ แดนทะเลทรายอยู่ล่ะ )
ปล. เจอเรื่อง The godfather Return อยากจะรำลึกถึงท่านดอนวีโต้ คอเลโอเน่เสียหน่อย ลองเอามาอ่านดู ก็นะ...คนเขียนไม่ใช่ Mario puzo  ยังไงก็ไม่ได้อารมณ์ อีกอย่างมุกมันเก่าไปแล้วสำหรับสมัยนี้ แล้วอิงเล่มเก่ามีทามไลน์อะไรเยอะแยะ แต่ข้อมูลยังไม่แน่นพอ ไปอ่านหงส์เหนือมังกรยังจะดีกว่า (เพราะอย่างน้อยจางเหาก็ยังน่าเลิฟกว่าไมเคิล)
ปล. สอง ตอบนุ๊กค่ะ เอาจริงๆว่ายังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย มีอีกยาวค่า คุคุ
ปล. สาม แบดกายพรุ่งนี้เหมือนเคยจ๊ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด