ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0เป็นเรื่องต่อเนื่องของ
* นี่ไม่ใช่การขอร้อง ∑(O_O;) แต่เป็นคำสั่ง *
ใครสนใจ~ตามอ่านได้ตามลิ้งค์นะคะ 
ในเรื่องเดิมคงอัพอยู่ต่อเนื่อง
เรื่องนี้ก็ด้วยค่ะ เพราะเป็นเรื่องเกิดในเวลาเดียวกัน
อัพช้าอย่าว่า ใจร่มๆ 
°o.ปฏิวัติรักรส (""\_(o_O)_/"") Ganache.o°
อาณาจักรแห่งความรักอันกินเนื้อที่เท่ากับใจดวงเล็กของผมนี้
มีผู้อาศัยอยู่...นับจำนวนนิ้วมือไม่ถึงสิบ
พระราชาเจ้าชีวิตผู้เรืองอำนาจเหนือแผ่นดินของใจนามกรว่า
บิลลี่ เด็กบ้าพลังแรงช้างสารงูเห่าข้าเก่าเมียรัก
ทุกวันนี้ควบตำแหน่งเจ้าชายเทนนิสของโลกสีฟ้าใบเก่าดาวแม่แห่งมนุษยชนโฮโมเซเปียนส์
ส่วนเจ้าชายที่รักอีกท่าน ผู้มีอำนาจเข้มแข็งจนสามารถครอบครองชีวิตอีกครึ่งของผมได้
เดือนดับ คือนามของหมอนั่น สรรพสีใดในใต้หล้าไม่เหมาะสมกับเดือนดับเทียมเท่าสีดำ
ทั้งสองบุคคลซึ่งคงมีลมหายใจ...
มีพลังหมุนวนให้โลกใบจ้อยของผมบังเกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ระลอกแล้วระลอกเล่าอยู่สม่ำเสมอ
“ พี่อิง ผมไม่อยากไปเลย ” บิลลี่พูดขึ้นในวันหนึ่งของฤดูร้อนไทยแลนด์อันมีเสียงเล่าอ้างถึงเสมอว่าประเทศนี้มีแค่ 3 ฤดู
คือ ร้อนมากมายมหาศาล ร้อนที่สุดของที่สุดนิรันดร์กาล...และร้อนเรือหาย
ผมอยู่กับบิลล์มาตั้งแต่น้องแบเบาะ หมากัดก้น ผีหลอกให้ซื้อหวย สอบเป่าขลุ่ยตก ครูอาฆาตเพราะไม่ส่งการบ้านสามเดือน
เพื่อนอยากเปลี่ยนสถานะเป็นผัว บิลล์กระจองอแงหยิบโยนทุกเรื่องใส่ผมหมดแม็ก
เหมือนผมเป็นโต๊ะอำเภอรับสารพันเรื่องร้องทุกข์ชาวบ้านก็ไม่ปาน
บิลล์เด็กข้างบ้าน แต่ความสนิทสนมของเรานั้นแน่นแนบราวเนื้อหอยกับเปลือกหอย
ชิดเชื้อกันมากมายมหากาฬเสียยิ่งกว่า เดือน คุณน้องชายแฝดแท้ของผมเสียอีก
เจ้าเด็กติงต๊องส์นั่นพอเริ่มจำความได้
หมกหมุ่นอยู่กับการหมุนเปลี่ยนเวียนไปค้างคืนตามโรงแรมต่างๆ ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคืน
ฝ่ายพ่อกับแม่ผม...ผู้ใหญ่บ้าบอที่สนับสนุนตามใจให้ลูกไปนอนค้างอ้างแรมนอกบ้านตามสะดวก
ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนบันดาล...พอถามถึงเหตุผลที่ถูกที่ควร
พ่อแม่น้องทั้งสามหน่อตอบเหมือนกันเปี๊ยบเป๊ะราวกับลอกข้อสอบว่า
สัญชาตญาณนักสืบ...ทำงาน คำตอบแปลกประหลาดไม่เห็นน่าให้ความกระจ่างตรงไหน?
ทั้งบ้านมีผมหัวเดียวกระเทียมลีบเข้าไม่ถึงแก่นแท้แห่งศาสตร์สืบสวนแค่คนเดียว
รู้สึกโดดเดี่ยวในหลายๆ ความหมายอยู่พอตัว...
ช่างหัวเผือกเถอะ แค่ผมเข้าใจตัวเองว่าไม่เข้าใจพวกนั้นเลยสักน้อยเป็นใช้ได้
องค์ประกอบทุกอย่างคงสมดุลเป็นตัวผมครบถ้วน
“ คุณแม่แต่งงานใหม่กับพ่อ เขาสองคนตกลงย้ายไปอยู่เยอรมันกัน ทำไมผมต้องไปเยอรมันด้วยเนี่ย?
ผมไม่ได้แต่งงานด้วยสักหน่อย ไหงถึงต้องไปก็ไม่รู้? ” ถามดีได้ใจทีเดียว น้องบิลล์สุดสวาทขาดจิตของพี่อิง
เอ็งเป็นลูกนิหว่า ไม่ไปอยู่กับพ่อแม่ จะให้ไปอยู่เฝ้าป้อมกับยามหน้าหมู่บ้านรึไง?
“ ไม่เห็นอยากไปเยอรมันเลย ดูบ้านน๊อก บ้านนอก...เมืองไทยดีกว่าตั้งเยอะ ” น้ำคำบิลลี่พาผมขำกลิ้ง แอบดีใจติดหมัดที่บิลล์ยังมีส่วนเป็นเด็กหลงเหลือบ้าง
เนื่องจากพ่อแม่ไม่ค่อยเจียดเวลาให้ บิลลี่เลยกลายเป็นเด็กติดเกม
ใช้ชีวิตอยู่กับหนังสือและทีวีหลายชั่วโมงต่อวัน แก่ลมแก่ฝนเกินพรรษาอายุสิบขวบ...
แถมยังติดนิสัยเอาแต่ใจแบบพิสดารคล้ายนโยบายมาร์กซิสต์อันไม่อาจอธิบายได้ด้วยวิถีประชาธิปไตยมาด้วย
นิสัยพิลึกที่ว่านั่น...ผีเข้าผีออกให้หลอนมโนสำนึกในบางครั้ง
ว่าแต่ว่า หลังจากไปอยู่เยอรมันจริงๆ แล้ว ยังบังอาจปากดีว่าบ้านเมืองเค้าบ้านนอกอยู่อีกไหม?
ถ้าอยู่เยอรมันไปสักห้าปีรู้ผล ยังว่าประเทศนั้นบ้านนอก...
บิลล์ แกอาจต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
หมอรักษาสมองเท่านั้นที่จะช่วยน้องผมให้หายขาดจากโรคขี้เลื่อยในหัวมีปริมาณมากเกินขนาดได้
“ เอาน่า เยอรมันอากาศดี ของกินอร่อยนะ ” ลูบหัวลูบหางปลอบใจหมา หูลู่หางตกอย่างเห็นได้ชัด
เฮ้อ...ถ้าไม่มีบิลล์คอยเลียแข้งเลียขาโคจรรอบๆ ทุกวันของผมคงเงียบเหงามากถึงมากที่สุด
แต่ทำไงได้ล่ะ ชีวิตควรดำเนินไปตามครรลองแห่งมัน
มีพบพานย่อมมีพลัดพราก สิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วเถ้าธุลีอย่างผม ไม่อาจฝืนชะตาลิขิตฟ้าดินได้เด็ดขาด
“ พี่อิง ดูนี่สิ ” บิลล์หยิบรูปนักเทนนิสชายท่านหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ผมดู
รูปชิ้นเล็กๆ นั้นถูกตัดด้วยกรรไกร ตัวหนังสือหลังภาพบ่งบอกว่ารูปนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน้าหนังสือพิมพ์...
ตอนนั้นผมไม่สู้ประสาเรื่องราวในวงการกีฬา
เทนนิสกับผมห่างไกลกันราวเครื่องบินกระดาษพับกับกระสวยอวกาศองค์การนาซ่า
ดวงตาภายใต้กรอบกระจกใสของผมมองภาพนักเทนนิสแบนเรียบสองมิติอย่างงุนงง
“ ผมจะเป็นนักเทนนิสที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไม่มีใครเก่งเท่าได้อีก ”
บิลล์มองภาพเป็นสี่มิติต่างจากผมสิ้นเชิง
การไขว่คว้าความฝันอันเป็นรูปธรรมให้กลายเป็นนามธรรม ต้องอาศัยกำลังแรงผลักดันทุกอย่าง...
มากแค่ไหนนั้น ผมไม่อาจหยั่งรู้
น้องชายของผมคนนี้คงไม่ทราบเช่นกัน
ทว่า...คงยังฝัน อันเป็นเรื่องพิเศษสุดของมวลมนุษย์
สัตว์ประเภทเดียวบนพื้นพิภพนี้ที่สามารถแปลงความฝันในสมองให้ปรากฏเป็นวัตถุธาตุสามารถจับต้องได้ในโลกแห่งความจริง
“ เห็นว่าถ้าหาก...ดังโด่งมีอันดับ ต้องมีผู้จัดการส่วนตัว ถ้าผมเป็นนักเทนนิสดัง พี่อิงมาเป็นผู้จัดการให้ผมนะ ”บิลลี่เขย่าแขนผมยิกๆ พร้อมเผยเอกลักษณ์เด่นเฉพาะตน...ยิ้มแยกเขี้ยว
ผมผ่อนลมหายใจ ยามนั้นไม่นึกฝัน...ถึงอนาคต
“ เอาให้เป็นได้ก่อนเถอะ ค่อยว่ากัน ให้ได้เป็นในชาตินี้ด้วยนะ พี่ไม่รอสามชาติหน้า ” ผมหัวเราะลั่น เอามือขยี้หัวน้องน้อย ถึงตัวสูงโย่งเย่งเป็นยีราฟ เด็กคงเป็นเด็กวันยังค่ำ
ให้ผมเป็นผู้จัดการของบิลลี่ในฐานะนายแบบยังอาจเป็นไปได้มากกว่า
น้องชายหน้าหวานแหววไม่สมชายของผม
ชอบมีหนุ่มสาวต่างถิ่นแวะเวียนมาแอบชำเลืองเมียงมองเกาะข้างรั้วอยู่เรื่อย
แต่เจ้าตัวซื่อบื้อเข้าขั้นน่าอนาถ ไม่รู้ความตามเคย
“ บู่ๆ เป็นได้สิ สัญญาแล้วนะ พี่อิง ใครผิดสัญญา ขอให้ชีช้ำกะหล่ำดอก ต้องร้องไห้ใต้ต้นหญ้า ” บิลล์ว่าพลางยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยวเชิงสัญลักษณ์แสดงคำมั่น
เอาก็เอากับมันหน่อย...ร้องไห้ใต้ต้นหญ้า...ไม่มีทางเป็นไปได้ทุกกรณี ผมยิ้มล้อๆ พลางเอานิ้วก้อยเกาะเกี่ยวนิ้วน้อง ต่างคนต่างเขย่านิ้วพร้อมกันเบาๆ
“ โอเคๆ บิลลี่เป็นนักเทนนิสดังเมื่อไหร่ พี่ยอมลดองค์เป็นผู้จัดการให้ ” ผมยักไหล่หลับตาท่องเป็นเพลง บิลล์งอนทำแก้มป่องหนีกลับบ้านไปเล่นเกมส์ตามเรื่องตามราวเด็กดื้อเด็กซน
หลังจากนั้นไม่นาน น้องชายเนื้อหอยของผม บินข้ามขอบฟ้าไปมีชีวิตอยู่ในอีกทวีป...
ความสัมพันธ์ไม่ขาดช่วงแม้เราไม่พบหน้ากันเลย ยาวนานถึงห้าปี
บิลล์คงโคจรเยี่ยมเยือนผมเป็นระยะ ในหลายรูปแบบเท่าที่อายุสมองน้องคิดได้
ทั้งโทรศัพท์ จดหมาย ไปรษณียบัตร อินเตอร์เนท เช่นเดียวกับดาวหางฮัลเล่ย์โคจรผ่านแรงดึงดูดโลก
จากเด็กหนุ่มในหน้าร้อนวันนั้น ทุกวันนี้ผมกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว
สำเร็จการศึกษาอย่างภาคภูมิและเริ่มต้นชีวิตการทำงานในธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง
ทว่า ภาพลักษณ์ของบิลล์เด็กข้างบ้าน ในความคิดผม คงเป็นน้องน้อยจอมซนนิสัยเผด็จการคนเก่าดุจเดิมมิเปลี่ยนแปลง
บิลล์เคยเล่าผ่านเอ็มเอสเอ็นว่า เข้าเรียนโรงเรียนเฉพาะทางเทนนิส
และดั้นด้นไปขอเป็นลูกศิษย์ของ เอ็ดการ์ วินเซอร์ นักเทนนิสชายระดับตำนาน
คนในภาพชิ้นเล็กที่บิลล์เคยให้ผมดูเมื่อนานมาแล้ว
นักเทนนิสไอดอลในใจบิลล์ ผู้ไม่เคยรับใครเป็นศิษย์มาก่อนทั้งชีวิต
ความพยายามอันเหลือเฟือท่วมท้นของบิลลี่ประทับใจเอ็ดการ์ วินเซอร์เอามากๆ
เขากลายเป็นโค้ชคนแรกของบิลล์ ในเวลาต่อมา
จากคำแนะนำของนักเทนนิสผู้ยิ่งยง บิลล์ทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง
ไต่เต้าจากท้ายสู่ต้นตารางอันดับนักเทนนิสแบบพรวดพราดติดจรวดไอพ่นแรงสูง
“ ป่านนี้ บิลล์ เป็นยังไงบ้างแล้วนะ? ” ผมเปรยกับเดือนในวันหนึ่งที่แวะค้างคืนกับน้องในห้องพักของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ
เช่นเดียวกันกับผม เดือนดับ น้องชายตัวแสบ กลายเป็นนักสืบเดือนดับ ตัวผู้โตเต็มวัย
ผู้มีบัตรทองพิเศษ สามารถเข้าพักฟรีได้ทุกโรงแรมทั่วโลกตามต้องการ
ผมภูมิใจในตัวน้องได้เต็มที่ทั้งหมด ยกเว้นเรื่องส่วนสูงกับ...
ชิ เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ ทำไมภาพลักษณ์ภายนอกมันดูเท่ห์หรูมีระดับกว่าผมได้ถึงขนาดนี้นะ...พูดเองแอบเจ็บเอง
“ คิดถึงไอ้เด็กบ้าเหมือนกัน ” เดือนบอกสั้นๆ พร้อมเดินไปเปิดหน้าต่าง จุดบุหรี่สูบ
ไฟแดงวาบเผาผลาญปลายมวนกระดาษในมือน้องฝาแฝดของผมให้หายไปทีละน้อย...
ผมเลิกคิ้วประหลาดใจ
น้อยครั้งน้องคนนี้จะ...เอ่ยว่าคิดถึงใคร บิลล์เป็นคนพิเศษของพวกผมจริงจัง
สมัยเรายังเด็ก เดือนกลับบ้านทีไร ต้องเจอบิลล์กองแหมะอยู่บ้านเราด้วยทุกที
เมื่อเหยียบเท้าเข้าบ้าน เดือนต้องแกล้งบิลล์ก่อนเป็นอันดับแรก
จากนั้นจึงแถไปหยอกแม่เล่นๆ ว่า ตอนผมไม่อยู่บ้าน แม่คลอดน้องคนใหม่เหรอ?
ลืมแล้วล่ะมั้ง...นานแสนนานนักหนาสนิมเขรอะน้องก็ยังเด็กนี่นา...เราเองเป็นแค่พี่ชายข้างบ้าน
สัญญาเมื่อฤดูร้อนครั้งนั้น คงมีผมจำได้แม่นยำคนเดียว ผมไม่เคยถามบิลล์ถึงเรื่องนี้...และจะไม่ถามไปชั่วชีวิต
“ อาจไม่ได้เจออีกเลยรึเปล่า? ” ผมเอ่ยขึ้นลอยๆ เมื่อความคิดตกผลึก
“ ต้องมาแน่ พนันกันไหม? ” เดือนยื่นถ้วยกาแฟร้อนควันกรุ่นให้ผม
ผมยกจิบนิดๆ ความขมแผ่ซ่านทั่วทั้งโอษฐ์ รสขมไม่แพ้ความทรงจำสีจางวันวาน
เดือนดับกินกาแฟ...รสชาติแก่จัดกว่าที่ผมคาดมาก คงต้องใส่นมหรือน้ำตาลสักสองสามช้อน ไม่งั้นกระเดือกไม่ลงแหง
“ เอาเป็นเลี้ยงหนังสักรอบแล้วกัน ” พ่อน้องนักสืบนั่งลงบนโซฟาตัวเดี่ยวตรงข้ามผม
จิบกาแฟจากถ้วยของตัวเองบ้าง กินได้ทีละน้อยเช่นกัน หมอนี่ลิ้นแมวยิ่งกว่าผมเป็นไหนๆ
สุดท้าย...เลือกทางทิ้งไว้ให้เย็นก่อนถึงค่อยบรรจงกิน
“ ไม่ได้เจอน้องตั้งห้าปีแล้วนะเดือน ” ผมจ้องมองไอสีขาวขุ่นม้วนตัวลอยเอื่อยขึ้นจากน้ำสีน้ำตาลเข้มในถ้วยเซรามิคด้วยอาการสงบนิ่ง
“ แต่งหญิงเข้าเรือนหอทั้งที ต้องฟูลออฟชั่นสิ...ใจร่มๆ ไว้โยม แต่งองค์คอยก่อน สามีหล่อต้องเผื่อใจบ้างอะไรบ้างนิดนึง ” เดือนพูดขำๆ พร้อมพ่นควันบุหรี่ใส่ผมอย่างต้องการล้อเลียน
ผมหน้าหงิกเป็นหมาบลูด็อก ถลึงตาแค้นๆ มองน้อง ก่อนเอามือทั้งสองปัดควันบุหรี่ในสลายมลายไปจากตรงหน้า
“ ทั้งที่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งหมดน่ะเหรอ...? ” ผมถอนใจละเหี่ย ถ้าต้องรอจนกว่าบิลล์พร้อมทุกสิ่ง ผมคงแก่ตายไปยมโลกก่อน
“ มันเป็นคนอย่างนั้น ถ้าไม่เทพเหนือชาวบ้านชาวเมืองคงทุรนทุรายไม่พอเพียง ต้องปล่อยให้ทำเท่าใจทะยานอยากนั่นแหละ ” เดือนพูดพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอ
อาจเพราะดำรงอาชีพนักสืบ
เลเวลอัพเสมอจากการพบปะผู้คนเยอะแยะหลายประเภทส่งผลให้น้องชายแฝดของผมดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยมาก
“ มั่นใจจริงนะ...” ผมเบ้หน้า ไอ้น้องจอมเชี่ยว รู้ดีนัก เป็นทองแผ่นเดียวกับบิลล์ซะเลยสิไป๊...แอบหมั่นไส้เล็กๆ
“ พวกฉันสองคนคล้ายกันในบางอย่าง ” เดือนพูดเรียบ
ตาสีดำคมเข้มเช่นเดียวกับอาภรณ์สีดำที่มักชอบสวมใส่เสมอทอประกายอ่อนโยนลงเล็กน้อย...
จริงของน้องชายฝาแฝด
บิลลี่กับเดือน ค้นพบตั้งแต่เยาว์วัย ว่าชีวิตต้องการอะไรและเพียรพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ในสิ่งอันต้องประสงค์สูงสุด
ทุกวันนี้ พวกเขาอยู่ในจุดที่ใกล้จะสามารถคว้าดาวแห่งความสำเร็จให้ตกลงสู่มือตน
แล้วผมล่ะ...ตัวผมต้องการให้ชีวิตเป็นแบบไหนกันนะ?
“ ฉันน่ะ...ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทเพื่องาน แต่มีบางจังหวะเหมือนกัน ที่อยากคุยปรับทุกข์กับใครสักคน
ดีใจจริงๆ ที่ดินคงไปมาหาสู่สม่ำเสมอ อย่างวันนี้จะมาค้างด้วยสักพักสินะ ” เดือนพูดขัดจังหวะความคิดของผม ผมพยักหน้า...
“ ใช่ อยากเห็นว่ายังเพี้ยนไม่อยู่กับร่องกับรอยตามปกติอย่างเคย ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์
เดือนพ่นลมเสียงชิไม่สบใจ บอกเสียงเนิบนาบเจนโลกโดยไม่จำเป็น
“ ยังไงไอ้เด็กนั่นก็ต้องกลับมาหาสถานที่สำคัญของตัวเอง เสมือนดั่งสันดานฆาตกรเวียนกลับมาดูจุดเกิดเหตุนั่นแหละ
เฝ้าไว้ให้ดีเถอะ ต้องเจอตัวการแน่นอน ไม่ไหนไม่รอดคุก ”บิลล์เข้าข่ายนั้นสินะ... เดือน สำหรับเอ็ง
.......................................................................................