กลับมาแล้ว...รู้สึกว่าถึกไปรึเปล่าเขียนสองเรื่องเนี่ยยย อ๊าก 
°o.ปฏิวัติรักรส (""\_(o_O)_/"") Ganache.o° ( level 2 : 29/09/10)
“ พรุ่งนี้ท่านมาร์โก้จะมาพบพวกท่านเวลาบ่ายโมงตามหมายกำหนดเวลาเดิม ระหว่างนั้นเชิญพักผ่อนในห้องนี้ตามอัธยาศัย ” ผู้ดูแลสถานที่บอกกับเราด้วยท่าทางเรียบร้อยเกินอัตราพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา
ผ้ารีดเนี้ยบแถมพับไว้ กิริยาชาววังสิงขนาดที่ว่ามารยาทในร่างพวกผมสามคนรวมกันคูณสิบมิอาจเทียมเท่า
มีพ่อบ้านดูแลด้วย...ทั้งๆ ที่ตึกสีน้ำตาลเข้มขลัง เลียนแบบสีน่าลิ้มลองของเนื้อช็อคโกแลตเข้มข้น
ซึ่งเครื่องบินส่วนตัวของมาร์โก้นำพวกเราทั้งสามมา...
เป็นตึกสำหรับใช้เป็นสำนักงาน...หน้าร้านสาขาใหญ่ของช็อคโกแลตยี่ห้อดังกายาเร่แท้ๆ
พวกเราทานอาหารชุดสุดหรูอันเตรียมไว้รับรองอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องพักส่วนตัว
อาหารยังกรุ่นความร้อนคงที่ มาร์โก้คงทราบเวลาพวกเราเดินทางมาแน่นอนถึงได้เตรียมอะไรต่อมิอะไรคอยท่าพร้อมสรรพ
บิลล์ซัดเค้กกาแฟผสมอัลมอนด์ไปห้าก้อนนอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงด้วยสภาพชูชกใกล้ท้องแตก
ต่างกับเดือนที่กินนิดกินน้อยราวแมวดม
ส่วนผมกินปานกลางในระดับมนุษยชาติกินประทังชีพ
ต่างฝ่ายต่างนั่งเอ๋อทอดหุ่ย...จนกระทั่ง
หุ่ย สุกได้ที่
“ ฉันขอเดินดูรอบๆ ปราสาทมืดหน่อยนะ ต้องซุกหัวอีกพักใหญ่ ขอดูทางหนีทีไล่ไว้ก่อนล่ะ ” เดือนดับเป็นฝ่ายจรลีออกเดินเที่ยวท่องก่อน ผมคิดปลีกตัวไปบ้างเช่นกัน
เห็นบิลล์ขยุกขยิกเอาแต่มองเวลาจากนาฬิกามือถือ อดสงสารแกมสมเพทเวทนาหมามีเลิฟไม่ได้
สงสัยกำลังรอน้องนู๋นิคให้โทรมาหาล่ะมั้ง...หรือ บางทีอาจอยากโทรคุยกับควายในอวยบ้าง แต่ขวยเขินพวกผม
เรื่องที่บิลล์กับนิค...กิ๊กกัน ผมยังไม่ได้กราบเรียนน้องเดือนให้ทราบความ
แต่เชี่ยวชาญปานเดือนมืด ป่านนี้รู้ถึงไส้อ่อนแล้วกระมัง ไม่น่าต้องพล่ามมากมาย ของเห็นต่อหน้าจับต้องได้อยู่
ผมสั่งบิลล์ล็อคประตูเสียจากด้านในเพื่อความปลอดภัย
ตัวเองพกคีย์การ์ดคนละใบเดินฉับออกจากห้องพร้อมเดือนดับ
“ ยังไงดีล่ะ เดือน? ” ผมถามเมื่อเดินเคียงด้วยในระดับก้าวเท่ากัน
“ พรุ่งนี้รู้น่า อย่าเพิ่งหวั่นเกินแกง ” เดือนเดินแยกเข้าทางเลี้ยวอีกด้านหนึ่ง
ก่อนหยุดยืนหันหน้าตรงเอ่ยกับผมเช่นหัวหน้าวายร้ายเล่ห์มากในหนังมาเฟีย
“ เรื่องอย่างนี้ ใครสำแดงอาการป๊อดก่อน แพ้กระจุย ”.......................................................................................
เดือนเดินกระโดดกระเด้งท่าทางสนุกสมใจนึกบางลำภูตามประสาเลือดบ้าในตัวตรึมจากไป
ผมเดินลัดเลาะชมภาพเขียนสีน้ำมันตามผนังเรื่อยๆ
ภาพเขียนหลายหลากสไตล์ ตามแต่ศิลปินรังสรรค์ ศิลปะแบ่งตามยุค จากคลาสสิกไปหลุดล้ำ
บางภาพ...ควรประดับอยู่ในพิพิธภัณฑ์ออเซย์ อย่าง La Gare Saint-Lazare ของโมเน่ต์ ติดเด่นเป็นสง่าเต็มสองตาในที่แจ้ง
Thanks: Ro เถื่อน ฝากรูปผมแอบขนกบาลลุกเกรียว นึกไม่ออกว่าภาพวาดที่ผมกำลังชื่นชมอยู่นี้ของจริง...หรือของเทียมสุดเนี้ยบนิ้งกันแน่
ถ้าหากในพิพิธภัณฑ์ต่างหากที่เป็นของปลอม...พวกเราอาจกำลังเล่นเกมส์อยู่กับมาเฟียตัวจริงเสียงแท้
ทางชนะ ทางไหน? เดือนก็ช่างไม่อนาทรร้อนใจ ทำตัวเหมือนลูกเสือสำรองเดินทางไกลถึงฝรั่งเศส แต่จากประสบการณ์ผ่านมา เข้าตาจนทุกครั้ง...เดือนวางหมากหาทางออกให้ปัญหาได้เสมอ
แม้ทางออกที่ว่าประหลาดตกขอบนึกไปไม่ถึงเลยก็เถอะ อย่างคราวต้องสู้กับราชาน้ำมันประเทศโลกอาหรับประเทศหนึ่ง
เดือนทำอีท่าไหนไม่รู้ ให้คณะรัฐบาลประเทศลดราคาน้ำมันลง...จนกระทั่งต่ำเตี้ย
เล่นเอาราชาน้ำมันขาดทุนมหาศาลยอมรามือจากบิลล์ด้วยความเข็ดขยาดดั่งราชสีห์เขี้ยวหักคาปาก
ตกลงเรามีน้องเป็นตำรวจหรือโจรใจทรามกันแน่...? ผมชักสงสัยขั้นกว่า...พลันรู้สึกตัวว่าเดินลึกเข้ามามากเกินควรเสียแล้ว
ระเบียงของเรือนพักแถวนี้ดูแตกต่างจากบริเวณอื่นๆ ที่ผมก้าวผ่านมาก่อน
การตกแต่งอลังการงานประดิษฐกรรมกว่ามากมายนัก...
ภาพวาดบุคคลบรรพบุรุษตระกูลกายาเร่ หินอ่อนราคาสูงลิบลิ่ว เสาขัดมันเสลาเงางาม
เครื่องเคลือบทองวาวแสงทอประกายมันปลาบ
ทุกสิ่งอันเจริญจรรโลงใจจนผมขยี้ตาไม่เชื่อตนเอง หยิกแรงๆ จนแขนเจ็บชาหลายต่อหลายหน...
มัวแต่นึกว่าตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในปราสาทเทพนิยายของเจ้าชายหนุ่มหล่อสุดฮ็อต
ผู้นิยมการขี่ม้าท่องป่าโปร่งคนเดียวในนิทานปรัมปรา
แย่ล่ะสิ...เผลอเข้ามายังส่วนพำนักของคนในเครือญาติกายาเร่ 
ครั้นผมกำลังรีบลนผละจากจุดล่อแหลมนั้น เสียงหัวเราะร่าเริงพร้อมเสียงเห่าของสุนัขดังแว่วใกล้จุดที่ผมยืนอยู่
ผมหลบเข้ามุมในผ้าม่านผืนใหญ่ข้างผนังตามสัญชาตญาณ...เสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งเหยาะๆ ผ่านทางนี้...
“ อองเดร เดี๋ยวเถอะ...แกนี่ ” เสียงหมาเห่าโฮ่ง วิ่งควบวนรอบบริเวณ
ใจผมเต้นระรัวเป็นกลองลั่น ภาวนาขอพระเจ้าจากใจจริงให้คนและหมาหน้าแปลกช่วยหลบลี้หนีจากตรงนี้ไปไวๆ
“ มานี่เลย..เจ้าจอมซน ” สิ้นประโยค...เจ้าหมาหน้าโง่พันธุ์ลาบาร์ดอร์ชื่อ อองเดร มุดผลุบตัวเข้าตรงซอกม่านที่ผมยืนหลบอยู่...
พร้อมๆ กับมือใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่งตวัดผืนผ้าม่านให้ห่างเสียจากตัวผม...
ตาคนละสีของเราทั้งสองสบกันด้วยความพรึงเพริด...
ฝรั่งเพศผู้ตัวใหญ่เป้ง อาจสูงใหญ่ยิ่งกว่ามาร์โก้ด้วยซ้ำไป เสื้อเชิ้ตสีเขียวซีดเรียบร้อยส่งให้ดูภูมิฐานแบบนักธุรกิจ
อายุอานามมากกว่ามาร์โก้ กายาเร่นิดหน่อย
ทว่าดวงหน้าคมเข้มรับกันกับดวงตาสีเขียวมรกตสดสว่างนั้นคล้ายคลึงราชาช็อคโกแลตเอามากๆ
ถึงจะน้อยกว่าที่ใบหน้าของผมคล้ายเดือนดับก็ตาม...
แต่ไม่ว่าคิดยังไง? มองภายนอกมุมไหน เจ้าหมอนี่คงต้องเป็นญาติสนิทสายเลือดเดียวกับมาร์โก้แน่นอนพันล้านเปอร์เซ็นต์
“ ชาวเอเชีย? ” หนุ่มหล่อมาดผู้บริหารนัยน์ตาเขียวพูดคล้ายรำพึงปนประหลาดจิตทั้งยังยืนค้ำตัวผมให้ติดกับผนังกระจกบานยักษ์เยียบเย็น...
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ รู้สึกฝืดฝืนหัวใจสุดทนทาน
เจ้าหมาอองเดรขนสวยสีน้ำตาลเหลือง เขย่าตัวเอามือตะกุยกางเกงผมเบาๆ คล้ายอยากชวนเล่นไล่จับด้วย...
ปฏิกิริยาไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของน้องหมา ตรงกันข้ามกับเจ้าของหน้าตาบึ้งบูดหน้ามือหลังแหวน
“ ถึงเป็นคู่นอนคนโปรดของมาร์โก้ก็เถอะ ตรงนี้ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ไม่รู้รึไง? ” เสียงห้าวทรงอำนาจแสดงความไม่สู้สบใจเท่าใด
ดั่งเพลิงโทสะลุกโชติช่วง ผมตาลุกวาบ...
คู่นอน... 
ไวเท่าใจสั่ง ผมเอื้อมมือข้างถนัด
ขยำเข้ากลางเป้ากางเกงของไอ้ยักษ์ต่างด้าวปากเน่าเต็มแรงที่สุดเท่าที่แรงผมสามารถมีในเวลานี้
ไม่ต้องถามถึงผลกระทบทันทีทันใด...
ยักษ์ตาเขียวร้องโฮกกกสุดเสียง ล้มลงนอนบิดกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหินอ่อน น่าเวทนายิ่ง...
“ ใครเป็นคู่นอนไอ้แมวหื่นกามตาเพชรนั่น? ฉันมาทำงานต่างหากเล่า มีตาไว้มองทางไถนาอย่างเดียวสินะ ” ผมพ่นคำฉอดๆ ด่าเป็นภาษาอังกฤษรัวเร็ว ก่อนจ้ำอ้าวก้าวยาวๆ แทบกลายเป็นวิ่งให้พ้นจากการโดนยักษ์กระทืบแบน
ทิ้งให้ฝรั่งรนหาที่นอนกุม...อยู่เดียวดาย หูยังได้ยินแต่เสียงด่าปืนกลไล่หลังไม่ซ้ำมุก
แค่ห้านาที ย้ำ เพียงห้านาที ผมพุ่งราวกับขีปนาวุธจากปีกตึกด้านฝั่งที่พำนักตระกูลกายาเร่มาถึงหน้าห้องชุดของพวกเรา...
ถอนหายใจเหลียวหน้าแลหลังไม่มีใครเกาะไหล่ตามติดค่อยโล่ง...เอื้อมมือสั่นเทาเสียบคีย์การ์ดเข้าช่อง...
พอมองมือแล้วตัวเอง สมองฉุกคิดได้อยู่อย่าง...
สลัดหัวแรงๆ สลัดความคิดนรกเสี้ยมสอนทิ้งทวน
XL...ไซส์อย่างกะของม้า.......................................................................................
มาต่อตอนสองค่ะ
Thanks: Ro เถื่อน ฝากรูป