วันอาทิตย์เมื่อคืนเขานอนหลับสนิท น่าจะเป็นเพราะไปออกกำลังกายมาเลือดลมเลยเดินสะดวก วันนี้จึงตื่นเช้ากว่าปกติ... สิบโมง ฮ่าๆ
ก็วันอาทิตย์จะแหกขี้ตาตื่นไปทำไม เดี๋ยวพระอาทิตย์ท่านจะตกใจ ท่านบอกไว้เสมอว่าวันนี้วันหยุด
แต่ถึงอย่างไรวันนี้กิจกรรมแน่นแน่ๆ ซักผ้า กวาดบ้าน(กวาดไปแล้วเมื่อวานนี่...โอเค..ข้ามไป) แล้วก็นอนดูหนัง(โป๊(ดีกว่า(จริงเหรอ)))
ดูเสร็จจะได้เอาไปให้เพื่อนดูต่อ ทุกคนบอกเสมอว่าเขาชอบแบ่งปัน มันจะได้เอาของมันมาให้เขาดูบ้าง
โหลดซ้ำอะไรกันหลายๆคนมันเปลืองไฟ เค้ายิ่งรณรงค์ให้ช่วยกันประหยัดไฟลดภาวะโลกร้อนกันอยู่
กำลังเปิดตู้เย็นหาว่าจะกินอะไรตอนเช้า ได้ยินเสียงโทรศัพท์แว่วๆ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอว่ามันไปกรีดร้องอยู่ที่ไหน
ในที่สุดหาเจอที่เตียงนอน มิสคอลสิบครั้งแต่เบอร์ที่โชว์ไม่คุ้นเลย
คนโทรบ้ารึเปล่า ใครกันจะกระหน่ำโทรขนาดนี้ หรือว่าพ่อมีสัมปทานโทรศัพท์วะ
(แต่ได้ข่าวว่าไอ้คนที่เคยมีสัมปทานมันไม่อยู่เมืองไทยแล้วนี่)
เห็นเบอร์แล้วเขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ไปทำอะไรกินก่อนดีกว่า ใครอยากคุยก็ให้โทรมาใหม่เอง
กำลังทอดไข่ดาวตั้งใจแน่วแน่ว่าจะกินกับครัวซอง แฮม ชีส แอบหรูหราเป็นฝรั่งกับเค้าบ้างอะไรบ้าง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังก่อกวนอารมณ์ขึ้นมาได้อีก เป็นเบอร์เดิม เขารีบรับๆซะจะได้รู้ว่าใครกันที่อยากคุยกับเขามากขนาดนี้
“ฮาโหล สวัสดีครับ....” วันนี้ขอใช้เสียงเบน ชลาทิศรับสาย
“สวัสดีครับ น้องเหลิมหรือเปล่า...”เสียงคุ้นๆแต่ยังนึกไม่ออกว่าใครกันที่โทรมา
เบอร์ของเฉลิมฉลองไม่ใช่เหลิมรับสาย แล้วจะเป็นใครล่ะถามมาได้...วุ้ย
“ก็ใช่ครับ...โทษนะครับแต่ไม่ทราบว่าใครที่ผมพูดอยู่ด้วยครับนี่” หวังว่ามันคงไม่ใช่พวกขายประกันนะ ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรโทรมาบ่อยจริงๆ
โทรมาจนอยากจะด่าวันละหลายๆหน ต้องตั้งสติพยายามปฏิเสธกันอย่างดีๆไป
“พี่ตั้งครับ...เอ่อ..พี่น้องตาม น้องตามที่น่ารักๆ ไงครับ” ใช้เวลาประมวลผลไม่นานก็จำได้ ภาพน้องตามลอยเด่นขึ้นมาในความคิดทันที
“อ๋อ...พี่ตั้ง...ครับว่าไงครับ”มีธุระอะไรกับกูอีกล่ะ
“วันนี้เหลิมไม่มาวิ่งเหรอ...นี่พี่อยู่ที่สวนนะ”
เขาเผลอถอนหายใจเบาๆออกมา ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่ไปวิ่งเมื่อวานเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้เลยทีเดียว หุหุ
“ไม่ได้ไปครับ วันนี้ตื่นสายแล้วก็ว่าจะทำธุระด้วย...(ที่จริงก็จะซักผ้า แต่ดูหนังนี่ล่ะเรื่องใหญ่)”
“เหรอ...พี่เสียดายจริงๆ พี่อัดรูปมาให้เราด้วยหลายใบ กะว่าจะเจอกันแล้วพี่จะเอาให้”
จะอัดมาทำไมกันละเนี่ย เหลิมหล่อ เหลิมก็รู้ตัวดี แต่เก็บไว้ดูเองก็พอ ไม่ต้องมาอัดแจกหรอกมันเปลือง เฮ้อ..บ้าป่าววะพี่ตั้ง
“ต้องขอโทษจริงๆที่ผมไม่ได้ไป ที่จริงพี่ไม่ต้องอัดมาผมอัดเองก็ได้ครับ พี่ส่งไฟล์มาให้ผมแล้วนี่”
อีกอย่างเขาไม่รู้จะเอารูปไปทำอะไรนี่หว่า อยากดูก็เดินไปที่กระจกส่องเอาก็ได้ ตื่นมาก็หน้าตาแบบนี้ทุกวัน
“แต่พี่อัดมาแล้วนี่ จะเอาไปทิ้งก็เสียดาย” ยัง...ยังบ่นไม่เลิก พี่ตั้งจะทำให้เขารู้สึกผิดไปถึงไหน
“งั้นผมไปเอาก็ได้ พี่รออยู่นั่นนะ แต่ต้องรออีกพักใหญ่เลย ผมยังไม่ได้อาบน้ำ กินข้าว ซักผ้า ถูบ้าน.....เลย”
เขาร่ายยาวถึงกิจกรรมที่ควรทำ ทั้งที่จะทำจริงและที่ไม่ทำแต่พูดไปงั้นๆให้ดูยุ่งเข้าไว้
คราวนี้ไอ้พี่ตั้งจะได้รู้สึกผิดซะบ้างที่มากวนเวลาส่วนตัวของเรา
พี่ตั้งทำเสียงอ่อย“เหรอ...งั้นไม่เป็นไร” นั่นไง...ว่าแล้วว่าคราวนี้ต้องยอมจำนน คงยอมแพ้แล้วล่ะสิ
ก็คงเลิกล้มความตั้งใจกันไป...ค่อยว่าง่ายหน่อย
แต่เราคงรู้จักพี่ตั้งน้อยไป เพราะคำพูดถักมาของพี่ตั้ง “บ้านเหลิมอยู่ไหน..พี่เอาไปให้เอง”
เอาแล้วไง กูจะงานเข้ามั้ยเนี่ย... ต้องรีบบอกพี่เค้าไปว่า“อย่าดีกว่าพี่...เกรงใจ”
จะมาบ้านเขาทำมั้ยยย...ยังไม่ได้เก็บห้องเลย พี่ไปเปลี่ยนชื่อจากพี่ตั้งเป็นพี่ัดันดีกว่ามั้ย...ไอ้พี่ดัน...ดันทุรัง
“ไม่เป็นไรไม่ลำบากเลย..ก็บ้านเหลิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่เท่าไหร่”ตาย...อ่า..ลืมไปว่าเมื่อวานคุยเรื่อยเปื่อยดันไปบอกเค้าอีกว่าบ้านอยู่แถวไหน
โยกโย้กันไปมาอีกพักใหญ่ ในที่สุดก็ต้องจำยอม จำใจเป็นที่สุดที่ต้องบอกที่อยู่ให้เค้าไป
ไม่รู้อะไรมาดลใจให้บอกเค้าไปอย่างละเอียดอีกต่างหาก กลัวพี่เค้าจะหลง
“โอเค..พี่รู้ที่แล้ว อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
เวรแล้ว ไอ้พี่ตั้งมันจะมาไวไปมั้ย...ถามกันก่อนดีกว่าว่าพร้อมหรือเปล่า
เออ ลืมถามเลยว่าน้องตามมาด้วยรึเปล่า จะได้ทำหน้าหล่อๆรอรับ
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเราเลยต้องรีบแดกๆๆๆๆ ยัดห่...ทุกสิ่งที่ทำๆไว้เข้าปากจนแทบจะติดคอตาย
แล้วก็รีบวิ่งเข้าส้วมพยายามจะทำธุระให้เสร็จแต่นั่งเท่าไหร่มันก็ไม่ออกเลยต้องเก็บมันไว้ก่อน
รอให้ไอ้พี่ชายกลับไปก่อนก็ได้วะ แช่แข็งไว้ในลำไส้ใหญ่ก่อน
แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าลำลองที่ดีที่สุดที่ยังเหลืออยู่ในตู้ เปิดตู้ออกได้แต่เฮ้อ... ว่าแล้วว่าเสื้อหมด
แทบจะหาอะไรดีๆใส่ไม่ได้ ก็หมักเอาไว้ยี่สิบกว่าตัวกะว่าจะมาซักวันนี้ เหลือแต่เสื้อทำงานหนึ่งตัวก็ต้องเก็บเอาไว้ใช้พรุ่งนี้น่ะสิ
ชุดของเหลิมที่ออกมาก็เลยกลายเป็น เสื้อยืดสีขาวแก่อมเทาแขนกุด เอ๊ย...แขนสั้น
กางเกงขาสั้นเอวต่ำ(อันเนื่องมาจากยางยืดเสื่อม) ปกติต้องขมวดปมเอาไว้กันมันจะเสื่อมโดยไม่แจ้งให้ทราบแล้วหมดอายุการใช้งานไปเลย
หลุดลงไปเองตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ส่องกระจกแล้วก็ใจหาย...หายนะจริงๆกู ส่องแล้วส่องอีกไม่ว่ามุมไหนมันก็ทุเรศเกินกว่าที่จะเป็นชุดรับแขก
หรือไปเอาชุดเก่ามาใส่ก่อนดีกว่า ยังไม่ทันตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี ก้าวเท้าซ้ายก้าวเท้าขวา ยึกยักราวกับคนกำลังซ้อมเต้นกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่อย่างนั้น
“ติ๊ง..งงง...ต่อง....งงงงง”
“ติง.....ต๊อ.งงงงงง....”สงสัยคงถึงเวลาต้องเปลี่ยนกริ่งบ้านซะที ฟังเสียงแล้วเหมือนมันด่าเจ้าของบ้าน
ไอ้กริ่งเนรคุณด่าเขาได้ทุกครั้งที่มันโดนกด
จำใจต้องวิ่งไปเปิดประตูให้พี่ชายพร้อมรอยยิ้มสำเร็จรูปที่ฝึกมานาน ยิ้มไปปาดเหงื่อไป
พี่มาไวจริงๆในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจริงๆด้วย
“มาไวอย่างกับทำอาชีพเคลมประกันภัยนะพี่นะ”นี่ล่ะคำทักทายแรกพร้อมยิ้มสยามเมื่อเจอกันของเรา เป็นมิตรเสียจริงๆ
พี่ตั้งยิ้มกว้างรับคำทักทายหน้าตาสดชื่นดี ไม่เห็นรู้สึกรู้สาอะไรที่โดนเขากัดตั้งแต่มาถึง หรือว่าไม่รู้ตัวว่าโดนกัดวะ
วันนี้พี่ตั้งแต่งตัวดีสวมใส่เสื้อผ้ามีแบรนด์เนม บ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรูและฐานะมีอันจะกิน
“วันนี้หล่อจังพี่ สวัสดีครับ” พูดพร้อมกับยกมือไหว้ไปด้วย แต่พอก้มลงมองสารรูปตัวเองก็ถึงกับหดหู่
ที่เค้าว่ากันว่าช่องว่างระหว่างชนชั้นมันเกิดขึ้นกับเราซะแล้ว ที่นี่ ตรงนี้ ให้เห็นๆกันไปเลยไม่ต้องรอการสืบพยานหลักฐาน
หรือประท้วงให้เสียเวลา แต่ยังไงเราคงไม่ถึงขนาดเป็นไพร่มั้ง แค่เป็นคนรากหญ้าคนหนึ่งเท่านั้น
“ทำไมเหลิมแต่งตัวแปลกๆล่ะ”พี่เค้ามารยาทดีจริงๆ ในใจเค้าคงจะบอกว่าตกลงเอ็งเป็นคนใช้แน่ๆเลย
สงสัยเป็นคนงานทำงานบ้าน แต่ปลอมตัวทำเป็นไฮโซไปวิ่งออกกำลังกาย
“ทำไม แ่ต่งตัวแบบนี้พี่ไม่คบเหรอครับ”น้ำเสียงแข็งขึ้นไปอีกนิด เริ่มอารมณ์ไม่ดี อย่ามาตอกย้ำเรื่องเสื้อผ้ารับแขกของเขาได้มั้ย
วันนี้มันมีแค่นี้นี่หว่า พี่ตั้งเริ่มหน้าเสียสงสัยนึกว่าเราโกรธจริง รีบยกมือโบกไม่ใช่ ไม่ใช่เป็นพัลวัน
“เปล่าๆ เพียงแต่ว่า..มะ...มัน..แปลกไง”อยากจะรู้ความรู้สึกจริงๆของพี่เค้าสักหน่อยว่าคิดยังไงกับชุดนี้กัันแน่
ต้องแกล้งสักหน่อย อยากมาบุกบ้านเราในวันหยุดแบบนี้
“มันแปลกยังไง ไหนพี่พูดออกมาซิ”
เหมือนๆเขาจะเริ่มเป็นนักเลงเข้าไปทุกทีแล้ว เผลอตัวยืนเท้าสะเอวสายตาจิกที่พี่ตั้งรอฟังคำตอบ
ถ้ามีไม้หน้าสามมาถือก็ใช่เลยจิ๊กโก๋ปากซอย จริงๆก็คือเริ่มจะแสดงสันดานของตัวเอง หรือนิสัยที่แท้จริงออกมาให้พี่ตั้งเห็นมากกว่า
“กะ...ก็ดูเป็นกันเอง เหมือน...ยะ..อยู่บ้านไง”พูดอะไรแปลกๆเสียงที่พูดฟังดูสั่นๆ แถมยังติดอ่างอีก ท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุ
ใช่ พูดอีกก็ถูกอีก ที่นี่มันบ้านเขานี่นา เขาอยู่บ้านจริงๆ
หรือว่าหน้าตาเขาดูน่ากลัวเกินไปจนพี่เค้าตกใจ เห็นหน้าแล้วก็ขำ เลยเผลอหัวเราะออกมาดังๆ พี่ตั้งเลยทำหน้าตาเด๋อด๋า งงๆ
“พี่ตั้ง....นี่มันบ้านผม อยู่ที่บ้านแต่งตัวแบบนี้แล้วมันแปลกได้ยังไงล่ะ”
พี่ตั้งเลยหัวเราะบ้างเกาหัวบ้างแก้เก้อ ทำหน้าตาเขินด้วย “เออ ก็จริง”
พี่ตั้งยื่นรูปปึกใหญ่มาให้ “อะ พี่เอารูปมาให้เหลิมดู”
เรารับเอามาพลิกๆดู หล่อเกินไปมั้ยวะกู พอเงยหน้าขึ้นมาปรากฏว่าพี่ตั้งกำลังยิ้มมองดูเขาอยู่
แน่ะ ทำท่าตกใจด้วยที่เขาเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน ทำหน้าเขินๆ แฮะ
“ที่จริงพี่ไม่ต้องอัดมาหรอก ผมไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เปลืองเปล่าๆ”
พี่ตั้งทำหน้าจ๋อยเจื่อน หรือว่าเขาพูดผิดไป “พี่ก็อยากให้คุณดู พี่ว่าเหลิมถ่ายรูปขึ้นนะ”
ขึ้นอืดล่ะสิไม่ว่า เขาขอเถียงในใจ พี่ตั้งเดินเข้ามาซะใกล้จนจมูกแทบจะมาทิ่มแก้มกันอยู่แล้ว เริ่มเลือกรูปที่อยู่ในมือเรา
“พี่จะบอกว่าพี่ชอบรูปนี้ น่ารักดี” ทำเอาเขาตกใจ
“เฮ้ย....ผู้ชายเค้าไม่ใช้คำว่าน่ารักหรอกพี่ เค้าใช้คำว่าหล่อ ไม่ได้ๆ...ไม่ชอบเลย ไหนๆรูปไหน”
พี่ตั้งหันมายิ้มหล่อให้เขาอีก ขยับหน้ามาจนชิด เขาไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนขนาดนี้เลยนะให้ตายสิ เขินวุ้ย นี่เผลอทำหน้าแดงรึเปล่าวะ
“คุณต้องเห็น แล้วจะบอกว่าคำชมว่าน่ารักเหมาะที่สุด” พี่ตั้งเข้ามาใกล้ๆแบบนี้จนเขาได้กลิ่นโคโลญจน์ที่พี่เค้าใช้ หอมจริงๆ แล้วพี่ก็เลือกรูปมาให้
“นี่ไง..น่ารัก” พี่ตั้งพูดซะเสียงหวานไอ้ตรงคำว่า ‘น่ารัก’
รูปที่เห็นเป็นตอนที่เขากำลังหัวเราะจนปากกว้าง ตาหยีไปข้างหนึ่ง จำไม่ได้ว่าพี่ตั้งพูดอะไรเลยยิ้มซะหมดหล่อขนาดนั้น
ในรูปกำลังเอามือดึงตัวเองผมได้อีก อืม...แต่เราก็
“น่ารักนะ”
เปล่าๆเขาไม่ได้ชมตัวเองบ่อยขนาดนั้น พี่ตั้งก็พูดซ้ำอยู่ไ้ด้ ชมกันมากไปมั้งพี่ พี่มีแผนอะไรกันแน่
“พอๆๆๆเลยพี่..น่ารักอะไร ตลกจะตาย ปากกว้างจนแทบจะงับหัวพี่ไปได้อยู่แล้ว”
พี่ตั้งไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม ไม่รู้มีความสุขอะไรมากมาย แล้วหันมาถามเขา “วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”
เขาเลยส่ายหัว “อือฮึ...ไม่ไป” พลางก้มหน้าดูรูปตัวเองต่อดีกว่า
ก็ถ่ายดีนะเหมือนมืออาชีพเลย ชมไปสักหน่อยคนถ่ายจะได้ดีใจ “พี่ถ่ายเก่ง เหมือนมืออาชีพเลย”
“ก็พี่เรียนมาทางนี้ อื้อ....มีอีกรูปที่พี่ชอบ...นี่ไง” รูปที่พี่ตั้งเลือกให้ดูเป็นรูปที่เขาเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วพี่ตั้งบอกว่ามือไปโดนชัตเตอร์พอดี
หน้าตาเอ๋อมากใสๆ ซื่อๆ แบ๊วโดยไม่ต้องแอ๊บ แต่ก็.... “น่ารัก”พี่ตั้งมันพูดอีกแล้ว
คราวนี้เราเลยหันหน้าไปมองหน้า พี่มันแกล้งพูดบ่อยๆกวนตีนกูรึเปล่าวะ หรือมันประชด
“เอ๊ะ...ก็บอกว่าไม่ชอบให้ใช้คำนี้ ไม่ชอบๆ ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง” ดุเล่นๆซะบ้าง ต้องแกล้งทำเป็นโกรธ
แต่คราวนี้เสียงเขาคงโหดและแรงไป พี่ตั้งทำหน้าสลดเดินคอตกแล้วทำท่าจะเดินกลับ
ซวยแล้วกู...เล่นจนได้เรื่อง เลยต้องรีบคว้ามือไว้รั้งไว้ก่อน “พี่ตั้ง...ผมล้อเล่น...” แล้วส่งยิ้มปูเลี่ยนๆไปให้ แหะๆ
พี่ตั้งยิ้มตอบซะปากกว้างเลย คนอะไร...ยิ้มสวยได้ใจ
เขาจะไม่กล้ากวนตีนมากไปกว่านี้ก็เพราะรอยยิ้มแบบนี้ละว้า “พี่ก็ล้อเล่น หึหึ”
แล้วหลังจากนั้นพี่ตั้งก็ขลุกอยู่จนเที่ยง ไม่รู้อะไรกันนักหนา
ขนาดบอกไปว่า “ผมไม่ว่างนะพี่ต้องซักผ้า ไม่มีเวลามานั่งคุยกับพี่หรอก” แต่พี่ตั้งก็มิได้สนใจไยดี
“ไม่เป็นไรพี่นั่งรอ”
เขามองหน้าพี่ตั้งยืนเท้าสะเอวถามตรงว่า “พี่จะรอ...พี่จะรออะไร้..”
พี่ตั้งตอบหน้าตาเฉยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต“พี่จะรอจนกว่าเหลิมจะทำงานเสร็จสิ”
“แล้ว?....”ตอบไม่ได้ให้ความสว่างกับชีวิตเลย ยังมืดมนในหัวใจอยู่เหมือนเดิม
คราวนี้พี่ตั้งเกาหัวแกรกๆทำหน้าไม่ถูก ทวนคำพูดของเรา “แล้ว.....”
คราวนี้ยิ้มเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าทำผิด“แหะๆ...ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าพี่รอได้”
ไอ้พี่ตั้งนี่ท่าจะบ้าไม่ก็ไม่ค่อยเต็ม ดูหน้าตาก็ดีๆแต่พูดจาไม่รู้เรื่อง เลยต้องมานั่งขัดสมาธิคุยกับพี่เค้าให้เคลียร์ก่อนไม่งั้นมันค้างคาใจ
“พี่ตั้ง...ผมถามพี่ตรงๆเลย เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน แล้วคุยกันไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วพี่จะอะไรกันนักกันหนากับผม พี่ว่ามันไม่มากเกินไปเหรอ”
พี่ตั้งทำหน้าแปลกๆจะยิ้มก็ไม่ใช่จะแหยก็ไม่เชิง “เอ่อ....พี่”
เลยต้องยกมือห้ามไว้ก่อน ความในใจของเขามันแยะ ไม่พูดเดี๋ยวมันระเบิดออกมา ต้องพูดให้หมด เมื่อเช้ายิ่งไม่ทันระบายด้วย
“พี่มาบ้านผม เอารูปมาให้ ผมก็ขอบใจนะ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร” น้ำเสียงเขาช่างโหดจริงวุ้ย
ฟังดูเหมือน..ฉันไม่แคร์...ไม่ได้ต้องการรูปเลย (แต่ที่จริงก็ชอบของฟรีนะ)
คราวนี้พี่ตั้งคอตก ทำหน้าเป็นหมาหงอย แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแววตาหม่นหมอง สีหน้าเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เอาแล้วไงกู พูดไม่ได้แรงเลยนะ พูดดีๆเลย ไม่ได้หยาบคายซักกะนิด
“ก็พี่ชอบนิสัยเหลิม คุยกับเหลิมแล้วสนุกดี แล้วเหลิมไม่ได้ชอบตามเหรอ?”
พอพี่ตั้งถามเขาเรื่องน้องตามขึ้นมา แสงสว่างก็เข้ามาสู่จิตใจ ลืมไปเสียสนิท เขาสนใจน้องตามนี่หว่า
แล้วนี่เผลอไปแสดงสันดานแย่ๆใส่พี่ตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า
หนทางรักของเขากับน้องตามในภายหน้ามันจะไม่เต็มไปด้วยขวากหนามเหรอนี่....โธ่ นี่เขาพลาดโอกาสสำคัญไปแล้วจริงๆ
เอ่อ...ผม$@&^%*&)(_)+ผม...แหะๆ พูดไม่ถูกเลยกู ไปไม่เป็นเลย เลยได้แต่เฉๆไฉๆ
“เออๆๆ พี่จะอยู่ก็อยู่ อยากกินอะไรก็ไปหยิบในตู้เย็นนะ รอเบื่อแล้วก็กลับไปนะ ผมขอตัว”
ยังไงก็ต้องรักษาสัมพันธ์เอาไว้ก่อน ต้องสืบเรื่องน้องตามให้ได้มากกว่านี้ก่อน
จับตัวพี่ตั้งมานั่งแล้วก็สอนว่า “พี่นั่งนี่นะ อย่าไปเพ่นพ่านห้องผมล่ะ...เข้าใจใช่มั้ยครับ”
เราขีดวงกลมไว้แล้วให้พี่ตั้งนั่งแค่ห้องรับแขกกับห้องแพนทรี แล้วก็หลบไปซักผ้า
วันนี้อากาศดีๆต้องรีบซักให้เสร็จจะได้ทันแดดตอนเที่ยงๆ ก่อนที่พระพิรุณท่านจะแรนดอมเอาฝนมาลงวันนี้ ให้ชาวบ้านเค้าเปียกปอนเดือดร้อนกัน
ใช้เวลาซักไปสองสามชั่วโมง บิดผ้าจนเหนื่อยเมื่อยล้าแขนไปหมด
เลยเดินพับแขนไปมาไปดูพี่ตั้งซะหน่อยว่าทำอะไรอยู่ ก็เห็นแต่ชายหนุ่มตัวโตนอนหลับอยู่คาโซฟา
แก้วน้ำกับขนมที่เอามาให้กินก็ไม่เห็นยุบไปสักเท่าไหร่ “อากาศร้อนจะตาย หลับเข้าไปได้ไงวะ”
แอบเดินไปก้มดูหน้าใกล้ๆพี่ตั้งหน้าเหมือนน้องตามแฮะ เมื่อวานทำไมไม่รู้สึกเลยว่าเหมือน
กำลังพินิจพิจารณาดูอยู่ พี่ตั้งดันลืมตาขึ้นมาพอดี ทำเอาสะดุ้งรีบยืนจัดระเบียบร่างกายให้ดูเป็นธรรมชาติแทบไม่ทัน
แล้วเนียนๆทำเป็นหันมาเห็นพี่ตั้งพอดี “อ้าว...แหะๆๆ พี่ตื่นแล้วเหรอ นอนนานไปมั้ย นี่บ้านผมนะ”
ตามด้วยคำพูดแดกดันนิดหน่อยพอไม่ให้หลุดคอนเซปท์
พี่ตั้งยิ้มนิดๆทำหน้ากรุ่มกริ่ม แววตาวิบวับ “ทำไมเหลิมหน้าแดง อากาศร้อนเหรอ”
มันก็ร้อนนะแต่เราหน้าแดงทำไมวะ มันไม่ได้ร้อนขนาดนั้น เผลอตัวเอามือลูบหน้าตาหัวหูตัวเองพัลวันแก้เขิน
“ไม่แด๊ง...แดงที่ไหน....อ๋อใช่ๆ เพื่อนๆเคยบอกว่าผมเป็นคนสีผิวดำแดง...”
มาทักกันแบบนี้ทำเอาแทบติดอ่าง ต้องรีบพูดต่อ “ผมทำงานเสร็จแล้ว พี่กลับไปเถอะ ผมเหนื่อย ผมจะนอน”
นึกว่าพี่ตั้งจะงอแงโอ้เอ้เหมือนเมื่อเช้า แต่กลับคาดผิด
พี่ตั้งพยักหน้ายิ้มแล้วหาวอีกครั้ง “ครับ...ไว้เจอกันนะเหลิม พี่ไม่กวนแล้ว”
อยากบอกพี่มากเลยว่า พี่กวนไปแล้วต่างหาก แล้วพี่มานอนทำไมที่บ้านผม
นอนตื่นแล้วก็กลับบ้านตัวเองไม่เข้าใจวิถีปฏิบัติของพี่เลยจริงๆ มันเพื่ออะไรอยากจะถามอีกครั้ง
พี่ตั้งลุกขึ้นแล้วโบกมือให้อีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้อง ทำอย่างกับเราสนิทกันมากมาย
ตัดสินใจตะโกนถามให้หายคาใจ “พี่ตั้งแล้วพี่มานอนรอเพื่อ....???”
พี่ตั้งหันมาทำตาใสแล้วยักไหล่ “ไม่รู้สิ แค่อยากทำ ไม่มีความหมายอะไร” ตอบแค่นี้ กระจ่างสุดเท่านี้แล้วก็เดินออกไปอย่างลอยนวล
ทิ้งไว้แต่เราที่ยังยืนเกาหัวหู ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกันแน่ตั้งแต่เมื่อวาน
ไม่ใช่ ตั้งแต่เมื่อวานสิ ตั้งแต่เจอไอ้พี่ตั้งนี่แหละ มันอะไรกันวะ...ชีวิต
*******************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ