ตอนที่ 4 ไม่เอามาม่า “โอ๊ย......” นี้คือคำแรกที่ผมรู้สึกตัว ลองกระพริบตาปริบ ๆ หน้าของผมกำลังชิดติดกับแผงอกของใครบางคน แต่ว่าผมว่ากลิ่นมันคุ้น ๆ นะ
“ตื่นแล้วรึยัง” เสียงทุ่มนุ่มหูนี้ก็คุ้น ๆ นะผมว่า ผมที่ยังไม่ค่อยจะแน่ใจเลยกระชับอ้อมแขนตัวเองที่วางอยู่บนเอวของคนที่ผมกอด
“กอดทำไม” เออ...ผมรู้แล้วว่าไอ้ผู้ชายที่ผมกอดคือใคร
.
.
.
.
.
“พี่รบ” ผมเงยหน้ามองไอ้พี่ชายผมที่กำลังควานหาแว่นสายตาบนหัวเตียง
“อืม...พี่เอง เป็นไงบ้างยังเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า” พี่รบขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงแล้วลากผมขึ้นไปเกยบนอก เล่นท่ายากแต่ว่าเป็นท่าที่ผมชอบเลื้อยพี่รบตั้งแต่เด็ก
“เจ็บอะไรอะ”
“ตูด” ว่าแล้วไอ้พี่รบมันก็ฟ้าดตูดผมหนึ่งป๊าบเข้าให้
“โอ๊ย!!! เจ็บนะ!” ผมดิ้นจะลงจากตัวพี่รบแต่มันเอาขามาล็อคเอวผมไว้จนผมขยับตัวไม่ได้
“พี่พูดอะไรไม่เคยฟัง” ไอ้พี่รบพูดเสร็จก็ตวัดผ้าห่มออกจากตัวผมกับพี่รบ แล้วฟ้าดผ่ามือเข้ากับก้นผมอีกที
เพี๊ยะ!!
“พี่รบ...เค้าเจ็บ” ผมพยายามผลิกตัวแต่ก็ไม่อาจขยับตัวออกจากท่อนขาพี่ชายตัวเองได้
“เตือนแล้วใช่ไหมไม่ให้ใส่ชุดนั้น” ว่าเสร็จไอ้พี่เวรก็ฟ้าดก้นผมอีกที
เพี๊ยะ!!
“ฮึก... เค้าเจ็บอย่าตีเค้านะ” ผมตวัดแขนกอดตัวพี่รบแน่น
“ถ้าพี่ไปไม่ทันรู้ไหมว่าจะเป็นยังไง” ง่าอย่าตูหนูเลย
เพี๊ยะ!!!
“พอแล้ว.....ฮือ เค้าเจ็บจริง ๆ นะพี่รบ เค้ารู้แล้วไม่ทำแล้ว” ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกเปล่า ๆ ของไอ้พี่ล่ำของผม
“จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้วนะปราชญ์”
“ไม่มีแล้ว อึก...ไม่เอาแล้ว” ผมพยักหน้ากอดตัวพี่รบแน่น แม่ง....ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเจอพี่รบโหมดโหดแบบนี้หรอก ตอนผมหัดขับรถแล้วบังเอิญขับลงคลองไอ้พี่รบมันก็ทำแบบนี้กับผม โดยที่พ่อกับแม่ได้แต่มองผมโดยตีตูดตาปริบ ๆ
“ลุกขึ้น” ไอ้พี่รบ(เติมไอ้บางเวลาที่โมโหมัน) มันคลายขาควาย ๆ ออกจากเอวผมแล้วจับผมนั่งไม่ยอมให้ผมกอด
“จะดื้อกับพี่อีกไหม” ผมส่ายหน้าดิกพยายามจะกอดไอ้พี่มัน แต่มันไม่ยอมพลักผมดันไหล่ตลอด
“พี่บอกอะไรยังจะรั้นอีกรึเปล่า” ฮือ...ไอ้พี่รบโหดกูกลัวมึงแล้วนะ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งส่ายหน้าเอื้อมมือจะกอดคอมัน
“ยอมแล้วไง ฮือ...กอดปราชญ์ดิ ปลอบเค้าดิ ฮือ” ผมโวยวายแต่ไอ้พี่รบมันยังจับไหล่ผมไม่ยอมกอด
“เข้าใจแล้ว แต่...เรื่องนี้พี่จัดการเอง”
“จะทำอะไรก็ทำดิ...พี่ไม่กอดปราชญ์ซักทีละ”
“งอแงเป็นเด็กไปได้มา...” พอพี่รบเลิกดันตัวผม ก็ถึงเวลาผมสวมกอดพี่ชายตัวเอง...ผมมันลูกแหง่ ติดพี่ชายถึงจะโดนพี่มันด่าว่ายังไงผมก็ยังอยากให้มันกอด อยากให้โอ๋อยู่ดี
“มันทำปราชญ์ ฮึก....เจ็บด้วย มันไม่ฟังปราชญ์เลย...” ผมกอดคอไอ้พี่ชายฟ้องมันใหญ่
“ครับ...พี่รู้แล้ว พี่ตื๊บมันแล้ว” พี่รบลูบหลังผมเบา ๆ ข้างหนึ่ง อีกข้างก็ประคองตัวผมอยู่
“ปราชญ์เจ็บ...ร้องไห้ต่อหน้ามันด้วย มันชกท้องปราญช์” พอผมพูดฟ้องพี่รบก็ดันตัวผมออกเล็กน้อยให้ผมพิงกับไหล่ด้านหนึ่ง อีกมือของพี่รบก็เลิกเสื้อมองท้องผมกดเบา ๆ ไปทั่ว
“ช้ำไม่มากแล้ว...เจ็บไหม” พี่รบกดท้องผมไปถามผมไป
“พี่รบเจอปราชญ์ยังไง” ผมขยับตัวซุกกับอกพี่ชาย ส่วนพี่รบก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของผม
“รบเห็นน้องออกมานานเลยตามหา พอถามยามเลยรู้ว่าน้องไปทางสวนออกตามอยู่นานไม่เจอจนคนของพ่อกับแม่มาช่วยหา รบเห็นมันพยายามอุ้มน้องหลบแต่รบเห็นก่อนเลยชิงตัวน้องมาได้” ผมไม่รู้สึกตัวเลยกับเหตุการณ์ที่พี่รบบอก
“มันเป็นใคร”
“เจ้าของบ่อน้ำมันแถวลาว แล้วก็เหมืองเพชรแถวภูเก็ต” ก็รวยนี้หว่า...แล้วมันทำทุกอย่างไปทำไมวะ
“แล้วมันทำปราชญ์ทำไม”
“เท่าที่ฟังมา...เมื่อก่อนตอนพ่อยังไม่เจอแม่ พ่อเคยคบกับพี่สาวของมันมาก่อนแต่แล้วพ่อกับพี่สาวมันก็เลิกคบกันไป หลังจากนั้นพี่สาวของมันก็แต่งงานใหม่แล้วไม่นาน....พี่สาวมันก็ท้อง พี่สาวของมันพยายามติดต่อกับพ่อเพื่อขอเลือดถ่ายให้กับตัวเองแล้วก็ลูกในท้องให้รอด แต่เลือดของพ่อไม่ใช่กลุ่มที่เข้ากันได้กับของพี่สาวมัน จึงทำให้การถ่ายเลือดไม่ได้ผลมากนัก สุดท้าย...พี่สาวของมันก็ตกเลือดตาย” พอพี่ชายผมจบประโยคผมที่นั่งฟังมาตลอดถึงกับขนลุกกอดคอพี่ชายแน่น แน่ละซิ...แม่ผมก็เคยเกือบแท้งผมกับพี่ชายมาก่อนทำไมผมจะไม่รู้ว่าเด็กในท้องรู้สึกยังไง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับปราชญ์”
“มันคิดว่าพ่อของเราทำให้พี่สาวมันเสียชีวิต เลยคิดจะแก้แค้นเราแทนที่จะทำกับพ่อโดยตรง และมันเลือกที่จะเอาความแค้นเลื่อนลอยของมันมาลงที่น้องไง” ซวย...ทำไมต้องกูวะ
“ซวยวะพี่รบ ทำไม่ต้องกูวะ” ทำไมไม่ทำพี่รบวะแม่ง... เฮ้ยไม่ใช่ผมไม่รักพี่นะแต่ผมมั่นใจว่าพี่รบสู้มันได้ไง
“มันเห็นน้องที่แต่งตัวแบบนั้นเลยสบโอกาสที่ร่วมงานพอดี ทีนี้รู้รึยังว่าห้ามใส่ชุดแบบนั้นอีก” วกเข้าเรื่องเดิมได้ไงวะ
“แล้วมันอยู่ไหนอะ”
“กลับบ้านมันไปแล้ว”
“เฮ้ย!!!!!” ผมผละออกจากไหล่พี่รบ ทำไมปล่อยมันลอยนวลวะ
“แม่บอกให้ปล่อยมันไป แต่...” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่มองพี่ชายผม
“แต่....”
“ให้มันแต่งงานกับปราชญ์ทันที”
“ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ไม่เอานะ ตาจ๋า ยายจ๋า ปราญช์ซวยแล้ว
.
.
.
.
.
หลังจากวันนั้นผมกก็เกาะติดพี่รบอย่างกะลูกลิง พี่รบไปไหนน้องปราชญ์ไปด้วย น้องปราชญ์เรียนไหนพี่รบเรียนด้วย อาการป่วยเคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อย ปวดตัว ปวดหัว ใช้โทนาพ.... ไม่ใช่ละ จะบอกว่าไอ้อาการหลังจากเหตุการเสียงกรุงคราวก่อนตอนนี้น้องปราชญ์สบายดีเตะหมาโชว์ได้เหมือนเดิมแล้ว
แม่ให้ผมเลิกเรียนที่มหาลัยแต่มาเรียนกับแม่แทน ส่วนพี่รบก็เลิกเรียนพร้อมกับผมเพราะเห็นว่าเรียนไปก็เท่านั้นก็เลยหันมาศึกษางานของครอบครัวแทน ข่าวคาว ๆ ของผมเริ่มออกตามสื่อมากมายเพราะไอ้คุณ “มัน” ทำตัวสร้างภาพโดยการบอกกับนักข่าวว่ากำลังจะมีข่าวดีกับผม ข่าวดีของผมแต่ข่าวร้ายของผมนะสิ
ตอนนี้สาว ๆ ของผมคงร้องไห้งอแงกันใหญ่ที่หวานใจอย่างผมต้องตกเป็นของชายอื่น ผมเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเข้าไปในฟาร์มของแม่บ้าง ไปบริษัทกับพี่รบกับพ่อบ้าง อย่างเช่นวันนี้ผมไม่อยากไปบริษัทกับพี่รบเลยอยู่ที่บ้านดีกว่า
ผมเรียนเกี่ยวกับพฤษวิทยา เป็นการศึกษาเกี่ยวกับพืชนี้แหละครับผมอยากเก่งเหมือนแม่ แม่ดูรู้เยอะแยะไปหมด แม่ผมเก่งมากนะจ๊ะบอกให้...ตั้งแต่ผมเกิดมาผมกับพี่รบก็วิ่งเล่นใน “สวน” ของแม่หลังบ้าน สวนของแม่เมื่อก่อนเป็นเหมือนโรงเรือนจำลองเล็ก ๆ คล้ายกับของบริษัท
แม่มักจะออกไปสำรวจพืชกับทีมวิจัย กลับมาหาผมทีก็จะมีพันธ์พืชมาให้ผมลองปลูกจนตอนนี้เต็มสวนไปหมดแล้ว เออ...ผมอยากแนะนำพวกคุณนะ ต้นนี้แม่บอกให้ผมปลูกโดยที่แม่ให้แต่เมล็ดมาให้ผม แม่เรียกมันว่า “แตงโม” แม่ชมผมใหญ่ที่สามารถปลูกมันได้หลายต้นจนตอนนี้มันมีลูกใหญ่เบิ้ม แม่สอนผมเคาะลูกดูว่าลูกไหนควรจะเก็บได้บ้าง
ผมจัดการเก็บแตงโมมาลูกหนึ่งแล้วส่งให้ป้านองบีล้างให้สะอาดส่วนผมก็จัดการโทรหาพี่ชายผมหน่อยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน อยากจะผ่าเจ้าแตงโมครั้งแรกให้ทั้งพี่รบ พ่อ กับแม่ดูพร้อม ๆ กัน
“สวัสดีครับ..พี่อยู่ไหน” ผมแนบโทรศัพท์กับหูพร้อมกับเดินออกมาจากโรงเรือน
[รบอยู่ที่มหาลัย..พอดีมาหาอาจารย์] “อีกนานไหมจะกลับบ้าน”
[คงสักครู่นั้นแหละ...มีอะไร] “ปราชญ์จะเอาของไปอวดรบ งั้นเค้าไปหารบนะจะได้ไปหาพ่อกับแม่พร้อมกัน”
[อืม...ให้คนที่บ้านมาส่งห้ามขับรถเอง] “รับทราบ” ผมวางโทรศัพท์เสร็จก็บอกป้านองบีว่าผมจะไปหาพี่ชายที่มหาลัย
คนขับรถเปิดประตูให้ผมเมื่อมาถึงตึกคณะของพี่รบ ผมอุ้มเจ้าแตงโมลูกใหญ่ออกมาจากรถ
“ขอบคุณครับ...น้ากลับได้เลยนะเดี่ยวปราชญ์ไปกับพี่รบไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัท”
“เดินทางปลอดภัยกับคุณหนู” ผมยิ้มให้คนรถ จัดการอุ้มเจ้ากลม ๆ ไว้ในอ้อมแขน วันนี้ผมแต่งตัวธรรมดา ๆ กางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาวเสื้อสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำแดง สะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลอีกที กำลังลั้นลาไปยังหน้าตึก
ดูชาวบ้านเค้าจะมองผมใหญ่ คงจะเป็นเพราะข่าวด้วย หรืออาจเป็นเพราะได้กลม ๆ ในอ้อมแขนของผมอีกส่วน แต่คนอย่านักปราชญ์เสียใจแต่ไม่แคร์..... กร๊ากกก
“โอ๊ะ!”
ผมที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหน้าตึกถูกนักศึกษาชนอย่างจังทำเอาทั้งผมทั้งแตงโมหล่นลงพื้น เสียงเจ้าแตงโมของผมลงพื้นพร้อมกับเนื้อสีแดงกระจายเต็มพื้นน้ำไหล่ไปตามพื้น เสียงนักศึกษากรี๊ดไปทั่วทั้งบริเวณ คนเริ่มมุ่งผมเป็นวงกว้างเสียงไซเรนดังมาไม่ไกล
“หยุดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ” กูรู้จักโว้ยช่วยพยุงหน่อยคุณตำรวจ...ผมที่นั่งอยู่บนพื้นพยายามพยุงตัวขึ้นยืน
“หยุด! อย่าขยับ” ผมหาได้เชื่ออีตาลุงตำรวจไม่ ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วเดินมาดูแตงโมของผม โหย...พึ่งรู้ว่าข้างในมันเป็นสีแดงแหะ
“ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน!” ผมที่ได้ยินประโยคนั้นไม่ทันไรผมก็ถูกล็อคตัวกดกับพื้นหยาบ ๆ
“ปล่อยนะ...พวกคุณมีสิทธิอะไรมาทำกับผมแบบนี้” ผมพยายามดินแต่โดนอะไรซักอย่างฟ้าดเข้ากลางหลัง
“อย่าขัดขืนถ้าไม่อยากเจ็บตัว คุณมีวัตถุต้องสงสัยไว้ในครอบครอง ฮึก...” ไอ้ตำรวจนั้นมันเหยียบหลังของผม ผมกลัวไปหมดตอนนี้เริ่มมีตำรวจมาสมทบมากขึ้นผมเจ็บร้าวไปทั้งหลัง ขอบตาร้อนทำเอาผมแสบตาไปหมด
“มันเป็นพืชนะไม่เป็นอันตราย” ผมตอบเสียงสั่น
“เงียบ! โอ๊ย!!!” ไอ้ตำรวจคนเดิมกระเด็นตกลงพื้นไม่ไกลจากตัวผม แล้วผมก็ถูกอุ้มขึ้นจากพื้นโดยใครซักคน ตัวผมลอยตัวจากการจัดพยุงใต้รักแร้พาตัวผมสู่อ้อมแขนกว้างใหญ่ มือข้างหนึ่งกดคอผมให้ซบกับไหล่กว้าง อีกมือกำลังประคองรองบั้นท้ายให้ผมรองนั่ง
“ทำอะไรกับภรรยาของผม!!!” ไอ้คนอุ้มผมเอ่ย...ใครเมียเมิง
“พวกคุณทำอะไรกับน้องของผม!!!” เสียงพี่ผมนี้...พี่จ๋า
พี่นักรบน้องนักปราบชญ์คุณ????