มาต่อครับผม
*************************************************
ความเดิม
ผมกับวากดิษต้องเริ่มต้นค้นหาความสำเร็จจากการทำงาน แต่แล้วไอน้องชายสองคนก็เอาปัญหามาทุ่มใส่ผมและดิษอย่างจัง ปัญหาก็คือปัญหาทางบ้านของไอเดย์ ตอนนี้พวกผมตกลงกันว่าจะช่วยเหลือมัน ขั้นแรกนี้ก็จะพามันไปฝากไว้กับพ่อของผม แล้วค่อยๆว่ากันต่อไปวันรุ่งขึ้น ไอเดย์กับไอวินนอนหลับไม่ยอมตื่นมาเจอพวกผมครับ สงสัยจะจัดหนักกันไปแล้วล่ะมั้งเนี่ย
“คิม ..... น้องๆล่ะ ” ผมกำลังนั่งกินข้าวเช้ากับวากดิษ พี่ริชเดินมามองซ้ายมองขวาแล้วก็ทักทายผมด้วย
“ ถามหาทำไม ตัวติดกันเหรอ ” โฮ่ะๆ วากดิษสงสัยจะยังแอบเคืองเรื่องที่พี่แกจะลวนลามผมครับ
“ ตัวไม่ติดกันถามหากันไม่ได้เหรอ ” นั่นๆ รายนี้ก็ปากดีซะด้วย
“ ตามมารยาทก็ไม่ควรถามไง ” ผมนั่งกินไปดูไป อาหารย่อยดีมากเลยครับ ฮ่าๆๆ
“ อืม ก็จริงนะ ตามมารยาทถ้าบางคนจำตอนที่ถูกซักถามในที่ประชุมได้ก็น่าจะขอบคุณคนที่แปลภาษาอังกฤษให้บ้างนะ ” หืม ผมหันไปมองหน้าวากดิษ พี่ท่านกัดฟันกรอดๆๆ
“ อยากได้นักใช่ไหมคำขอบคุณน่ะ ” มันโกรธกันจริงไหมอะ
“ ตามมารยาท ..... ”
“ กูน่าจะเชื่อแม่ เรียนภาษาเพิ่มก็คงดีหรอก ...... เออ ขอบคุณมาก ” เหอะๆ ไม่ต้องน้อยใจไปวากดิษ ภาษาอังกฤษกูแย่กว่ามึงอีก
“ นั่งก่อนดีไหมพี่ ” พี่ริชยิ้มหวานให้ผม
“ มานั่งข้างกูดีกว่าพี่ ” อืม เดี๋ยวกูเดี๋ยวพี่ วากดิษมันนับถือพี่ริชมั่งไหมเนี่ย
“ ตกลง น้องสองคนนั้นไปไหนล่ะ ..... พี่เห็นเมื่อคืนเค้าดูเงียบๆ ” ช่างสังเกตจริงเลย
“ ก็ ...... ” ผมทำท่าจะเล่า ดิษยกมือขึ้นห้ามผม
“ เรื่องนี้ไม่ต้องรู้หรอก ”
“ พี่ว่าเรามาตกลงกันหน่อยดีปะ พี่ไม่อยากให้ดิษมองพี่แบบนี้ตลอดไป ” จู่ๆพี่ริชก็ขึงขังขึ้นมาครับ
“ ตกลงอะไรล่ะ ”
“ อย่างแรก พี่ไม่ได้คิดจะไปทำอะไรแฟนของดิษเลยแต่นิดเดียว ...... จริงอยู่ที่ดิษมาเห็นภาพตอนนั้นแล้วจะคิดว่าพี่อยากทำอะไรคิม แต่อยากให้ดูพี่ไปยาวๆ จับตาไปนานแล้วกัน อย่าติดสินพี่ผิดๆ ” วากดิษนั่งมองตาปริบๆ สงสัยจะมียกสอง
“ เหอะ !!!!! ” ผิดคาดครับ วากดิษไม่เถียงต่อ ก็ดีครับ จะได้กินข้าวอร่อยๆ
เช้าวันนี้ ผมต้องนั่งพูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานระดับเดียวกัน ส่วนหัวหน้าเค้าให้นั่งฟังเฉย อันนี้เป็นแนวคิดวากดิษครับ ที่ต้องการให้ระดับล่างๆสะท้อนความคิดต่อกลุ่มหัวหน้าบ้าง
ที่น่าประทับใจคือ หลายคนในที่นี้พูดถึงเหตุการณ์ที่ยัยแจงงี่เข้ามาป่วนจนผมต้องลาออก จุดนี้ผมแอบสงสารพ่อของยัยแจงงี่ครับ ท่านกุมขมับตลอดเวลาเลย (ต่อมาท่านเลยขายหุ้นทิ้งและยอมคืนเงินจำนวนนึงด้วย) ในที่สุดก็จบลงด้วยดีครับ
หลังจากงานเสร็จสิ้น ผมกับวากดิษก็ไปปลุกไอเดย์กันไอวิน สองคนนั้นมีหน้าตากังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมกับวากดิษมากับรถที่ห้างจัดมาให้เลยไม่ไดเอารถส่วนตัวมา ต้องขออาศัยรถของไอเดย์แทน
“ อ่ะพี่ขับ ” ไอเดย์ยื่นกุญแจมาให้ผม
“ ทำไมกูต้องขับวะ ”
“ ผมปวดพี่ ” ผมมองๆดูตัวของมัน
“ มึงไปปวดอะไร เห็นปกติดีนี่ ” มันหรี่ตามองผม
“ พี่ไม่เคยโดนหรือไงถึงถามแปลกๆแบบนี้ ” ผมยืนงงอยู่ประมาณสามวิ
“ เดี๋ยวๆๆๆ ”
“ อารายยย ” ไอเดย์มันหลบหน้าผมครับ
“ มึงไม่ได้เป็น ........ เป็น ..... ข้างบนเหรอวะ ”
“ ก็เป็นอยู่พี่ บางทีอะนะ ” ผมหลุดหัวเราะเสียงดังเลยครับ ไม่คิดเลยนะเนี่ย
“ แต่เมื่อคืนกูก็ ....... ดิษ ๆๆ ” ผมเรียกไอวากดิษครับ ส่วนไอเดย์ก็แอบยืนหัวเราะ หัวไวจริงนะมึง
“ อะไรครับที่รัก ”
“ โห่ หวานไปละ ” ไอเดย์มีแซวครับ
“ ยุ่งนะมึงอะ ..... ขับรถทีดิ ” วากดิษพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปที่ไร่ของพ่อผมครับ
ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงไร่ของพ่อผม พอมาถึงวากดิษมันก็จัดแจงเอาของฝากที่ไม่รู้ว่าแอบซื้อไว้ตอนไหนไปให้พ่อกับแม่ของผม แล้วก็กราบท่านพร้อมเลย เรามานั่งพับเพียบใกล้ๆกับที่พ่อกับแม่ผมนั่งอยู่
“ คุณ สองคนนี้ไง ที่พี่เล่าให้ฟัง ” พ่อผมพูดกับแม่ผมเพราะเนอะ
“ สวัสดีครับแม่ ” วินกับเดย์ สวัสดีแม่ของผมครับ
“ จ้ะ ..... ได้ยินว่า มีคนนึงที่พ่อแม่เสียแล้ว คนไหนลูก ”
“ ผมครับแม่ ” วินนี่ยกมือ
“ ตอนนี้อยู่กับใคร แล้วทำงานที่ไหนลูก ” แม่ผมเอื้อมมือมาจับมือของวิน แล้วให้ไอวินไปนั่งใกล้ๆ ไอวินมันทำท่าจะร้องไห้เลยครับ
“ ผมเหลือน้าสาวคนนึงครับ ตอนนี้ผมกำลังทดลองงานกับห้างที่พี่ดิษทำงานอยู่ ”
“ แสดงว่าอยู่กับพวกเองสิ ” พ่อผมหันมาถามผม
“ ครับพ่อ ”
“ น้าเรามีลูกไหม ” แม่ผมถามต่อ
“ มีครับ น้าผมมีลูกชายสองคน อายุมากกว่าผมหนึ่งคน อีกคนอายุเท่าผม ”
“ น้าไม่ว่าอะไรใช่ไหม เรื่องนี้ ” แม่ผมคงหมายถึงเรื่องที่มันคบกับไอเดย์อะครับ
“ ไม่ครับ ”
“ แล้วลูกล่ะ ตกลงมันเป็นยังไง ต้องเล่าความจริงนะ ” พ่อผมถามไปที่ไอเดย์ครับ
“ พ่อๆ ทำไมไม่เรียกผมว่าลูกๆมั่งอะ ” ผมแซวครับ
“ ก็ทำตัวให้น่ารักขึ้นสิวะ ”
“ พอแล้วพ่อ แค่นี้ก็น่ารักเกินลูกชายแล้ว ” แม่ผมพูดไปหัวเราะไป
“ อ้าว แม่หาว่าผมเหมือนลูกสาวเหรอ ”
“ ต๊าย เดี๋ยวนี้มีพูดจาย้อน เดี๋ยวตีตีตี ” บรรยากาศก็ลดความเครียดลงมาหน่อยครับ จากนั้นไอเดย์ก็จัดการเล่าให้ฟังเป็นฉาก ผมสรุปได้ว่า
ตั้งแต่แม่ของมันเสียประมาณช่วงมัธยม พ่อของเดย์ก็มีภรรยาใหม่ ภรรยาคนนี้ก็มีลูกติดครับ แต่ว่าลูกติดฝั่งแม่เลี้ยงเก่งและฉลาดมาก เรียกว่าสมหวังพ่อของเค้าเลย ส่วนไอเดย์ก็ไม่ค่อยได้รับความเอาใจใส่ แม้แต่วันหยุดก็จะไปหาลูกเลี้ยง ส่วนมันต้องอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ผมเคยขับรถไปส่งนั่นคนเดียว
“ ที่บ้านผมมีพ่อบ้านคนนึง แม่บ้านคนนึง ตั้งแต่พ่อผมต้องไปประจำต่างประเทศ บางครั้งพ่อบ้านก็ขอกลับบ้าน ผมก็อยู่กับแม่บ้าน ถ้าแม่บ้านกลับผมก็อยู่กับแม่บ้าน บางครั้งกลับไปทั้งคู่ผมก็อยู่คนเดียว ”
“ พ่อเราไม่เคยชวนให้เราไปเรียนประเทศที่พ่อย้ายไปเหรอ ” พ่อผมถาม
“ ครั้งแรกผมอยู่ม.4 พ่อบอกว่าผมเรียนที่นี่ก่อนดีแล้ว เพราะพ่อย้ายไปไม่กี่ปี เดี๋ยวจะขาดช่วง เอาไว้จะให้ผมเรียนตอนมหาลัย ”
“ ก็ดูจะถูกนะ ”
“ แต่พ่อพาลูกเลี้ยงไปด้วยสองคนเลยครับ ” อ้าว ชักไม่ใช่ละมั้ง
“ มันยังไงกันหืม ”
“ ผมรู้จากเพื่อนของพ่อที่อยู่กรุงเทพฯว่า พ่อผมบอกว่าผมหัวไม่ดี ไปเรียนก็รังจะเสียเงินเปล่า ผมไม่คิดอะไรหรอกครับ เพราะผมอาจจะหัวไม่ดีจริงๆก็ได้ ” คือพวกผมรู้อยู่ว่าไอเดย์มันเก่งพอตัวนะครับ สมัยมัธยมก็เรียนสายวิทย์และสอบตรงได้มหาลัยใหญ่ในกรุงเทพด้วย แต่มันคงจะประชดพ่อมันเรื่องนี้ เรื่องที่เลือกเรียนมหาลัยที่ผมเรียน
“ อืมๆ พ่อพอจะเข้าใจแล้ว คิมพาน้องๆไปนอนเล่นก่อนไป ”
“ ครับ ” ผมคิดว่าพ่อคงจะต้องคุยกับแม่อีก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวคนอื่น สองก็คือพ่อของเดย์อาจจะระรานพ่อผมก็ได้ แต่เอาเถอะครับ ผลจะเป็นยังไงก็ขอให้ได้ลงมือทำอะไรบ้าง
“ มึงทำอะไรอะเดย์ ” ผมกับวากดิษมาทีหลังไอเดย์กับไอวินครับ พอมาถึงก็เห็นมันกำลังปีนบันไดทำท่าเหมือนจะเปลี่ยนหลอดไฟ
“ เปลี่ยนหลอดไฟไงพี่ ”
“ ไฟไม่ติดเหรอ แล้วมึงเปลี่ยนเป็นไหมน่ะ ” ผมถามมัน
“ เป็นพี่ ..... แต่ทำไมหลอดไฟของพี่มันดึงไม่ออก ” สงสัยจะไม่เป็นมากกว่าว่ะ
“ ลงมานี่ๆ เดี๋ยวเปลี่ยนให้ ”
“ ไม่พี่ บอกผมมาดิ ผมจะเปลี่ยนเอง ” ผมเลยต้องแหงนหน้าอธิบายให้มันฟัง ว่าหลอดไฟบ้านนี้เป็นแบบเก่าครับ ต้องหมุนยังไง ถอดยังไง สุดท้ายมันก็เปลี่ยนได้
“ เหนื่อยว่ะ ” เจริญชัยล่ะ เปลี่ยนหลอดไป เหงื่อแตกท่วมเลย
“ ไปอาบน้ำไปมึง ” ไอเดย์วิ่งปรู๊ดไป ผมเลยเดินออกมาด้านนอก วากดิษกับไอวินกำลังยืนคุยกัน
“ ผมสงสารเดย์อะพี่ เราจะให้มันอยู่แบบนี้เหรอครับ ” ไอวินถาม
“ พี่ไม่รู้ว่ะ แต่มันต้องการแบบนี้ ไม่รู้พี่จะทำยังไง ” ผมตอบไป
“ มันลำบากมากนะ เดย์คงไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่พี่คิดว่าคงแค่ชั่วคราว ” วากดิษเสริม
“ เอาไว้เราค่อยถามมันอีกที ”
คืนนั้น กะว่าจะไม่กินเหล้ากินยาหรอกครับ แต่ไอเดย์มันขอก็เลยต้องตามใจ จากนั้นก็เข้านอนกัน
“ คิม ”
“ ครับ ” วากดิษกับผมเอามุ้งมากางตรงดาดฟ้า นอนตากน้ำค้างกันครับ เหอะๆๆ
“ ตอนที่แม่ไม่ยอมรับ คิมเคยคิดเลิกกับพี่ไหม ” ไอนี่มีปัญหาตอนจะเข้านอนนะเนี่ย
“ ถามทำไมเหรอ เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า ” ความจริงตาจะปิดอยู่แล้วครับ
“ พี่แค่อยากรู้ เราจะมีวันนั้นไหม ” ผมพลิกตัวไปหาวากดิษ
“ หมายถึง ???? ”
“ วันที่คิมจะเลิกกับพี่น่ะ ”
“ ไม่มีหรอกน่า ” ผมตอบแทบจะทันที
“ เพราะอะไรเหรอ ” ถึงท้องฟ้าจะมืด แต่ก็พอมองเห็นกันครับ ผมอายที่จะพูดคำที่ว่านี้เหลือเกินครับ
“ ก็ ...... ”
“ ก็ ...... อะไรล่ะ พี่หน้าตาดี ..... พี่ทำอย่างว่าเก่ง ...... พี่ ”
“ เออๆๆพอ ..... เรา ..... รัก ไง ”
“ รัก รักอะไรล่ะ รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รัก ...... ” มันอารมณ์ดีมากเลยนะเนี่ย
“ พอครับๆ ผมรักพี่ดิษครับ รักมากจริงๆ ”
“ ปะนอน วันนี้พี่หลอกให้คิมบอกรักได้อีกแล้ว ” ผมชกใส่อกมันเลยครับ
“ อยากได้ยินก็บอกดีๆเด้ ” มันหัวเราะหึหึ
“ งั้นอย่าลืมบอกพี่ทุกวันนะ ถ้าอยากให้พี่นอนหลับสบาย ”
“ อืมมม .... กูจะไม่บอกละ ”
“ ฮะๆๆ ”
เช้าต่อมา ผมรีบตื่นไปนั่งคุยกับพ่อ ต้องการรู้ว่าพ่อจะทำยังไงต่อกับเรื่องของไอเดย์ พ่อของผมกำลังเดินเล่นอยู่ที่หน้าไร่
“ พ่อว่าก็ให้เค้าอยู่ที่นี่ไปก่อน แล้วดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ”
“ ถ้าพ่อมันถามผ่านดิษมาอีกล่ะครับ ”
“ บอกไปว่าไม่รู้ๆ มันโกหกเก่งจะตาย ” เหอะๆๆ
“ พ่อไม่ว่าอะไรคิมใช่ปะ ” พ่อผมหันมามอง ตาดุมาก
“ คิดว่าข้าจะว่าอะไรล่ะ ขนาดตอนเองได้กับไอดิษข้ายังไม่เคยคิดว่าอะไรเลย ” แหมได้กับไอดิษ ถ้าวากดิษมันมาได้ยินเข้า มันต้องเอาไปล้อเลียนผมอีกแน่ๆ
“ ก็มันจะวุ่นวายพ่อไง ความจริง ..... ”
“ ทุกข์ของลูกเท่าไหน ทุกข์ของพ่อมากกว่านั้น ข้าไม่เคยได้ยินเองขอให้ช่วยใคร หรือขออะไรจากข้าเลย ข้ายังคิดตลอดมาว่า ข้ากำลังเลี้ยงเองเป็นคนแบบไหน ..... แต่ตอนนี้ข้าพอใจแล้ว อย่างน้อยเองก็ไม่ใช่วัวบ้าอย่างที่ข้ากลัว ” ได้ยินแล้วซึ้งเลยครับ อยากกอดอยู่นะแต่อาย แฮะๆๆๆ
“ พ่อ ขอบคุณครับ ”
“ อืม แล้วที่ทำงานไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม มีอะไรก็เล่าให้ข้าฟังมั่ง อย่าให้ไอดิษมันบอกก่อน ปกติเห็นแต่มันรายงานข้า ” ก็ไม่อยากให้คิดมากอะ
“ แล้วจะโทรมาบ่อยๆนะพ่อ ”
“ มาหาข้ากับแม่บ้างล่ะ ” คุยกันเหมือนจะกลับแล้ว แต่ยังครับ ผมคุยกันสองคน พอต่อหน้าคนอื่นก็เหมือนจะไม่พูดกัน ความจริงเป็นแบบนี้มานานแล้วครับ
พอกันข้าวกันเรียบร้อย วากดิษ ผมและวินต้องกลับไปทำงาน ส่วนไอเดย์ พ่อของผมบอกว่าจะให้มันช่วยจัดทำบัญชี คอยตามพ่อของผมไปซื้อของ ทำธุระในเมือง ก็น่าวางใจครับ
“ เดย์ ...... ”
“ ไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ โทรหาเราทุกวันนะ ห้ามเหล่คนอื่น ห้ามให้คนอื่นเหล่ด้วย ” ฟังสองคนนี้คุยกันแล้วอยากอ้วกหนักๆ
“ อืม นายต้องเข้มแข็งนะ เราจะหาโอกาสมาหาแน่ๆ ” จากนั้นมันก็กอดกัน ผมกำลังยิ้มๆ จู่ๆวากดิษก็กุมมือผมไว้
“ ทำอะไรอะ ”
“ จับมือไง ” รู้ตัวอีกทีมันก็เข้ามากอดผมแล้ว ผมสามคนออกเดินทางจากไร่เพื่อกลับมาที่ทำงาน ผมมองไอวินที่นั่งอยู่ด้านหลัง มันยังมองที่กระจกด้านหลังจนไอเดย์ลับสายตา เฮ้อ หวังว่าการจากลาของมันสองคนครั้ง จะไม่ยาวนานหรอกนะ
เมื่อผมมาถึงที่ทำงาน ก็รีบเข้ามาเก็บงานบางส่วนก่อนที่ห้างจะเปิดทำการพรุ่งนี้ ตอนนี้คณะคงกำลังสนุกสนานกันอยู่ตามรายทาง
“ ท่านครับๆ ” จู่ๆพนักงานรักษาความปลอดภัยก็เดินมา
“ อะไรพี่ ” วากดิษรับคำ
“ ท่านดูหน่อยครับ มีคนมาส่ง ผมก็ไม่เข้าใจ แต่เพิ่งมาเมื่อเช้า ผมไม่กล้าโทรไปรบกวน ”
“ ขอบคุณพี่ ” วากดิษเปิดซองจดหมาย แล้วก็ทำตาโต
“ อะไรน่ะดิษ ”
“ หมายเรียกจากตำรวจ ”
“ หืม เรื่องอะไรล่ะ ”
“ คิมรู้กฎหมายมากกว่าพี่นะ ลองดูหน่อย ” พอผมหยิบมาอ่านก็ตกใจเลยครับ เพราะในหมายเรียกมีชื่อดิษเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตัวผมที่ 2 ไอวินที่ 3 ข้อหาก็คือ
“ ร่วมกันลักพาตัว กฎหมายอาญา นี่มันอะไรอะพี่ ” ไอวินนี่ตกใจหน้าซีดเลยครับ
“ พ่อของไอเดย์เริ่มแล้ว ” ผมสามคนได้แต่นั่งมองหน้ากัน โดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราควรจะตั้งหลักกันตรงไหน
*******************************************************