แบบว่ามีเรื่องมาเล่าก่อนครับ ค่อนข้างจะเจ็บพอสมควร อยากให้ลองได้อ่านดูนะครับ เรื่องของผมเองแหละ แฮะๆๆ และมันก็เป็นเหตุให้ผมหายไปหลายวันอีกตามเคย
ใบแทรก
หลังจากที่ผมทราบว่าพ่อของดิษป่วยหนัก ทำให้ดิษไม่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานตามปกติ เพราะต้องไปจัดการปัญหาทางบ้าน ผมเลยต้องคอยติดตามรับเอาไปให้ดิษอีกต่อนึง วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันครับ นอกจากทำงานตามหน้าที่แล้ว ก็ต้องมาไล่เก็บงานบางส่วนให้ท่านวากด้วย
“ พี่คิมครับ หัวหน้าเชิญพบ ” ผมกำลังนั่งทำงานที่โต๊ะ ก็มีโทรศัพท์มาถึงผม
“ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้เลย ” หัวหน้าที่ว่าไม่ใช่พี่ริชชี่หรอกครับ พี่แกชอบเดินออกมาตะโกนเรียกผมมากกว่า คนนี้เป็นฝ่ายบุคคลครับ
ปกติฝ่ายบุคคลไม่ค่อยเรียกพบผมเท่าไรหรอกครับ เพราะผมไม่ค่อยก่อปัญหา ส่วนมากจะมีปัญหามาที่ผมมากกว่า และปัญหาส่วนนึงที่สำคัญตอนนี้ก็คือ ข้อครหาว่าเด็กเส้น หลังจากวากดิษเค้าได้ตำแหน่งคืนเมื่อนานมาแล้วก็มีแต่คนนินทาครับ ไหนจะที่วากดิษแสดงตัวโจ่มแจ้งว่าเราเป็นคู่รักกันอีก สรุปก็ผมทั้งสองคนเลยที่โดนนินทา
“ เป็นไงบ้างคิม ” หัวหน้าฝ่ายทักทายผมก่อน
“ สวัสดีครับหัวหน้า เรียกพบไม่ทราบว่าต้องการเรียกใช้อะไรครับ ” เมื่อก่อนพูดไม่เป็นกับเค้าหรอกครับ แฮะๆๆ
“ ตั้งใจทำงานแบบนี้ไง พี่ถึงมีข่าวดีมาบอก ”
“ อะไรครับ ” คือหัวหน้าก็อายุมากแล้วล่ะครับ แต่ที่เรียกพี่ๆเพราะสนิทสนมกันมาก
“ นี่ไง ลองอ่านดู ” หัวหน้าหยิบเอกสารปึกนึงให้ หน้าซองพิมพ์ว่า ลับ
“ เฮ้ยพี่ ผมอ่านไม่ได้มั้งครับ ”
“ เออลืมไป คิมมันนักกฎหมายนี่นะ เอานี่ก่อน ” มันเกี่ยวกันไหมนิ อ่อลืมบอก ผมจบกฎหมายแล้วด้วยครับ หุหุหุ
“ ......... ”
เอกสารที่ว่าเป็นเอกสารรับสมัครในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายใหม่ครับ เป็นฝ่ายที่ห้างของพ่อท่านวากดิษต้องการจะตีตลาดอื่นๆบ้าง นอกจากสินค้าพวกเกษตร ส่วนนึงเพราะเริ่มจะตันแล้ว ต้องหาทางหารายได้ทางอื่น
“ แล้วจะให้ผมเอาไปส่งใครครับ ”
“ เอ้าจดชื่อนะ ”
“ ครับพี่ ” เอารีบหยิบปากกามาเตรียมจดชื่อ
“ ชื่อคิมนั่นแหละ ”
“ เฮ้ยพี่ อะไรครับเนี่ย ” หัวหน้าทำหน้าตาตกใจใหญ่เลยครับ
“ ตกใจหมดเอ้อ ..... พี่ดูแล้วคิมตั้งใจทำงานไง แล้วก็ฝ่ายใหม่มันก็ใหม่สำหรับพวกเราทุกคน ฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องอาวุโสหรือปล่าว พี่ตั้งใจให้คิมทำดูนะ ” ตายแล้ว จะได้เป็นหัวหน้า ฮ่าๆๆ
“ แต่ผมว่า ..... ”
“ ทำไมเหรอ ไม่มั่นใจตัวเองหรือไง ....... พี่ก็ไม่รู้ว่าคิมกังวลเรื่องอะไร แต่อย่างที่พี่บอกคิมต้องลองดู ” ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจครับ เลยรีบขอตัวออกมา เพื่อเตรียมไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแผนงานฝ่ายนี้
ผมรีบกลับมาที่โต๊ะ จัดการยัดเอกสารใส่ลิ้นชักไม่ให้ใครเห็นครับ แล้วรีบตรงไปปรึกษาหัวหน้าริชชี่ทันที
“ พี่ อย่างผมเป็นหัวหน้าคนไหวมะ ”
“ หืม ..... ถ้าหมายถึงจะเตะพี่ออกจากตำแหน่งก็ไม่ดีหรอก ” แน่ะมีเล่นๆ
“ ไม่ใช่พี่ ”
“ อ๋อๆ ...... จะมีฝ่ายใหม่เร็วๆนี้นี่ ดิษบอกมาเหรอ ”
“ ไม่มีพี่ หัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกผมไปหาเมื่อกี๊ ” พี่ริชจ้องหน้าผม
“ จริงอะ งั้นก็จะได้เป็นหัวหน้าจริงๆสิ ” ผมกับดิษไม่ค่อยได้ปรึกษาปัญหางานกันจริงๆครับ เราแบ่งมันออกแบบเด็ดขาดเลย
“ คือ มันต้องจัดทำแผนด้วย ผมไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จไหม ”
“ อย่าคิดมากไป พี่ได้ยินมาว่า เค้าต้องการให้หัวหน้าบุคคลไปคัดสรรบุคคลมาสมัคร แต่ถ้าเค้าให้คิมมาคนเดียว แสดงว่าคิมก็มีโอกาสอยู่แล้ว เรื่องแผนพี่ไม่แนะนำหรอก คิมจะเป็นหัวหน้าแล้ว พี่จะแนะนำได้ยังไง แต่พี่เอาใจช่วยนะ เรื่องงานของเรา พี่จะลดไปให้คนอื่นแล้วกัน ”
“ ขอบคุณครับพี่ งั้น ...... ”
“ อืมๆ เต็มที่เลย ไม่ต้องห่วง ” คืองานของผมเดิมเนี่ยต้องตรวจสอบเรื่องต่างๆเยอะ และลูกน้องทั้งหลายก็เป็นงานกันเหลือเกิน บางครั้งยอมรับว่าเราต้องช่วยกันสองคนเป็นหลักจริงๆครับ ทำให้ผมห่วงพี่ริชว่าจะทำงานหนัก
จากนั้นผมก็จัดการทำแผนของตัวเองไปตามลำพัง แม้แต่วากดิษผมก็ไม่ได้บอกครับว่าผมรับใบสมัครหัวหน้ามาแล้ว และส่วนนึง วากดิษเป็นห่วงพ่อมาก เลยไม่ค่อยได้กลับมาที่หอ ช่วงนี้เรียกว่าไปๆกลับๆโรงพยาบาลเลย
หลังจากผมเตรียมแผนและวิสัยทัศน์เสร็จ ผมก็เอาไปส่งให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลตามกำหนด
“ โอ้โห ร้อยแปดสิบกว่าแผ่น ไปเตรียมอะไรมา ” ผมยิ้มร่าเลย
“ ผมจัดสรุปแผนไว้ด้านหน้า ไม่อยากอ่านด้านในก็ดูสรุปได้ครับ ตอนบรรยายแผน ผมจะขยายจากสรุป ”
“ สงสัยจะมองคนไม่ผิดนะ ..... พี่ขออ่านก่อน แล้วรอชี้แจงที่ประชุมผู้ถือหุ้นนะ ”
จากนั้นผมก็กลับมาทำงานปกติตามเดิม จนเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ มีเรียกประชุมผู้ถือหุ้น พวกผู้ถือหุ้น ผู้จัดการ หัวหน้า มากันครบ วากดิษมาในนามผู้ถือหุ้นครับ เพราะพ่อมาไม่ได้ พ่อผมไม่ได้มา ก็มอบผมมาแทนด้วย
“ วาระ ...... แสดงวิสัยทัศน์หัวหน้าฝ่าย ....... นะครับ เชิญน้องคิม ” ในที่ประชุมก็พูดกันง่ายๆแบบนี้ครับ แต่เวลาประชุมจริงค่อนข้างเครียด
“ หมายความว่ายังไง คุณ ..... นี่นะเหรอ ” ผู้ถือหุ้นคนนึงพูดชื่อจริงของผมขึ้นมา
“ ครับ ผมเป็นคนส่งเอกสารการสมัครให้เอง ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลแจ้งให้ฟัง ส่วนวากดิษก็งงๆ
“ น้องได้เอกสารเหรอ ทำไมไม่บอกพี่เลย ” วากดิษแอบกระซิบผมครับ
“ จะได้แปลกใจไง ” มันยิ้มๆ
“ ที่ทำงานเราเป็นของแฟนคู่นี้หรือไง ” อ้าวเฮ้ย
“ ท่านว่าอะไรนะครับ ” ไอผู้ถือหุ้นคนนี้ เคืองวากดิษตั้งนานแล้วครับ ความจริงไม่ชอบหน้ากับพ่อวากดิษด้วย เค้าซื้อหุ้นช่วงที่พวกผู้ถือหุ้นเก่าไม่มีทุน ก็เลยชอบเสียงดัง
“ พูดผิดเหรอ ก็ใครก็รู้ว่าผู้จัดการกับเค้าเป็นแฟนกันน่ะ นี่จะดันกันถึงที่สุดหรือไง ”
“ ท่านครับ ดูเอกสารตรงหน้าหรือยัง น้องเค้าตั้งใจมาเสนองานนะครับ ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดแทนผมครับ
“ คุณก็ด้วยนะ อย่าคิดว่าไม่รู้ ตั้งแต่ตอนแจงแล้ว คุณน่ะไม่เป็นกลาง ” คนนี้ไม่ใช่พ่อยัยแจงงี่หรอกนะครับ แต่เค้ามีคนของเค้าอยู่คนนึง สงสัยต้องการจะให้คนของตัวเองเป็นแหงๆ
“ ท่านกล่าวหาผมไม่มีหลักฐานผมเอาเรื่องนะครับ ” ไม่ยอมครับ แต่ตอนนี้ใจผมน่ะเริ่มปวดตุบๆแล้วครับ
“ เอางี้ก่อนเลย คิมน่ะอายุเท่าไร ยี่สิบกว่าๆเอง จะให้เป็นหัวหน้าใครเค้าได้ แล้วยิ่งเป็นแฟนผู้จัดการอีก โอ้โห แบบนี้ใครเค้าจะอยากมาทำงานห้างเรา ” ปากนี่นะ
“ ท่านจะกระทบผมด้วยหรือปล่าว ” วากดิษชักไม่นิ่งแล้วครับ
“ ปล่าวนี่ ก็มันเรื่องจริง คุณไม่เห็นต้องห่วงแฟนขนาดนี้ ” ผู้ถือหุ้นคนอื่นชักจะอารมณ์ไม่ดีแล้วครับ
“ ท่านจะพูดอยู่ฝ่ายเดียวเลยใช่ไหมครับ ครั้งที่แล้วก็บอกต้องการคนที่จบเมืองนอก ลูกท่านก็จบเมืองนอก อยากให้ลูกมาทำงานนักก็บอกตรงๆเลยครับ เราจะได้ไม่ต้องเถียงกันมากเรื่อง ” วากดิษเลือดขึ้นหน้าแล้วครับ
“ ก็มาลงคะแนนกันดีไหม ว่าเห็นด้วยหรือปล่าว ” ยังไม่ทันเริ่มก็ทำท่าจะพังแล้วครับ ขณะที่ผมกำลังดูการถกเถียงอยู่ ก็มีข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์ของผม เป็นของพี่ริชครับ
“ คิม เห็นแก่ดิษ ถอนตัว พี่จะช่วยอีกที ” ผมนั่งกำหมัดแน่นเลย ผมมองที่เอกสารสรุปที่ผมนั่งเตรียมมาหมดวันหมดคืน เอกสารร่วมสองร้อยหน้าที่ผมหาข้อมูลมาจากงานวิจัยที่นู่นที่นี่ น้ำตาพาลจะไหลครับ
“ ทุกท่าน !!!!!!!! ” ขณะที่เสียงทะเลาะดังข้ามไปมา ผมตัดสินใจตะเบงเสียงดังออกไป
“ ........... ” เงียบเลย
“ ผม ........ ผมขอถอนตัวครับ ผมยังไม่พร้อม ” วากดิษถึงกับมองตาค้าง ส่วนพี่ริชก็ทำท่าถอนหายใจ
“ คุณยังไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์เลย ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลท้วง
“ ผมไม่พร้อมครับ ขออนุญาต ” ผมโค้งให้ที่ประชุม ก่อนเก็บข้าวของเตรียมเดินออกมา
“ เดี๋ยวๆ ....... เอาเอกสารทั้งหมดรวมคืนฝ่ายบุคคล คนอื่นห้ามอ่านเด็ดขาด ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลแจ้ง
“ อะไรกัน แจกแล้วก็แจกเลยสิ ” ไอผู้ถือหุ้นเจ้าปัญหามันไม่เลิกครับ ทีแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าเรียกคืนเอกสารทำไม แต่พอไอนี่มันบอกว่าแจกแล้วแจกเลย ผมเลยพอเข้าใจว่า หัวหน้าฝ่ายบุคคลคงไม่อยากให้งานของผมหลุดออกไป
“ ในเมื่อไม่มีการแสดงวิสัยทัศน์ ก็ต้องเก็บงานครับ เอาน้องๆเก็บแล้วปิดผนึก ” ผมนั่งยืนมองผลงานตัวเองโดนเก็บออกจากโต๊ะประชุม
“ ผมเสนอเลื่อนการเลือกหัวหน้าฝ่ายครับ ขอมติด้วย ” พี่ริชโพล่งขึ้นมาเฉยๆ
“ ไม่ได้ๆ ต้องสรรหากันต่อ ” ไอคนเดิมอะครับ
“ เรากำลังขอมตินะครับ มีมารยาทหน่อย ” พี่ริชตอกเจ็บเลยครับ มติก็ให้เลื่อนครับ และก็ปิดประชุมต่อเลย เพราะที่ประชุมมันร้อนเกินกว่าจะคุยกันแล้ว ผมไม่ได้นั่งรอจนจบ แต่ตัดสินใจเดินออกมาจากห้องมาที่ห้องทำงานของวากดิษ
ผมนั่งน้ำตาซึมมองเอกสารที่ถืออยู่ ผมอยากจะฉีกทิ้งจริงๆ เรื่องเมื่อกี้มันคืออะไรกัน ทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย การที่ผมเป็นแฟนของดิษ มันทำให้ผมต้องถูกดูถูกขนาดนี้เลยเหรอ คิดแล้วถ้าเป็นสมัยเรียน กูลุกเตะคาห้องประชุมไปแล้ว แต่ก็แค่ความคิดครับ
“ คิม ” ผมนั่งจมอยู่กับความคิดได้ไม่นาน ก็มีคนเข้ามาหา
“ มึงมาทำไมวะ ว่างงานนักหรือไง ” ยัยนัทมันมาหาผมครับ
“ พี่ดิษให้ชั้นมาอยู่เป็นเพื่อน ”
“ ไม่ต้องหรอก กลับไปทำงานเหอะ ”
“ เล่าให้ชั้นฟังมั่งสิ เห็นแกหมดสภาพแบบนี้แล้ว ใจไม่ดีอะ ” มันเดินมาลูบหลังผม
“ เอาไว้จะเล่าให้ฟังอีกที ขอนะ ” ยัยนัทเข้าใจง่ายดีครับ มันเดินออกไป
จากนั้นผมเดินไปเขียนใบลาครึ่งวันแล้ววางที่โต๊ะหัวหน้า ก่อนจะออกมาทำเรื่องที่ผมพยายามจะหยุดให้ได้มาหลายต่อหลายวัน ผมกลับไปดื่มเหล้าครับ แต่ผมมั่นใจว่าขอเจอกับมันแค่วันนี้เท่านั้น เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะคุยกับดิษยังไง ในใจของผมตอนนี้แอบโกรธมันนิดหน่อย
ผมซื้อเหล้ามานั่งกินคนเดียวข้างๆตึกหอพักครับ แถบนั้นมีมุมอยู่บ้าง ผมนั่งกินอยู่คนเดียวจนถึงเย็นเลย ผมรู้สึกง่วงและก็เมามากด้วย ผมเอาเหล้าเทใส่ตัวเองตอนไหนไม่รู้ แต่เดาว่าคงเป็นอารมณ์หลุดๆของผมเองอะครับ แล้วผมก็เดินกลับห้อง ปรากฏว่าวากดิษกำลังนั่งอยู่ข้างหน้า
“ คิม พี่ขอโทษนะ ” ตอนนั้น อารมณ์โกรธมันหมดไปแล้วครับ เลยได้แต่ยิ้มๆ จากนั้นดิษเดินมากอดผม
“ อื้ออ ไม่ต้องงงเลยยย เราเหม็นนะ ”
“ ไม่หรอก พี่ขอโทษนะ คิมอย่าทิ้งพี่นะ ” ตอนนั้นผมเริ่มจะรู้สึกว่ามีอะไรเปียกๆหลังละครับ ผมเลยรีบผละมันออก ...... ดิษมันร้องไห้ครับ
“ อารายกันเนี่ย ร้องไห้เพื่อออ ...... ”
“ พี่รู้ว่า คิมต้องเจอเรื่องนี้เพราะพี่ ”
“ เออน่าๆ เข้าห้องก่อน ขออาบน้ำก่อนนะ ” ผมเดินๆลากๆดิษเข้ามาที่ห้อง วากดิษนั่งที่โต๊ะปาดน้ำตาไปด้วย เห็นแล้วตลกครับ ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลย
“ ดิษ ...... ”
“ ครับ ...... ”
“ เราก็มีอารมณ์เสียใจบ้างตามประสาคนธรรมดาอะ ....... แต่เราไม่ทิ้งดิษเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ” วากดิษค่อยๆยิ้มออกมา แต่ไม่วายร้องไห้อีกรอบ
“ แล้วจะร้องไห้ทำไมอีกเล่า ”
“ ฮึก ........ พี่คิดว่าคิมจะโกรธพี่ แล้วเลิกกับพี่ ”
“ บ้านะ ...... เป็นแฟนผู้จัดการเลิกก็บ้าแล้ว ” วากดิษค่อยๆยิ้มกว้างขึ้น
“ ขอบคุณนะ ที่เข้าใจพี่ ” ผมพยักหน้าให้
ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไป แต่ยอมรับว่าผมเจ็บปวดใจมากครับ ทำให้ผมถึงกับป่วยเป็นไข้ ไม่คิดว่าการทำงานจะหนักหนาขนาดนี้ บางทีผมคงยังไม่แกร่งพอจะเจอเรื่องแบบนี้ก็ได้
*******************************************************
คือไม่รู้จะเอาไปเล่าให้ใครฟัง ก็เอามาเล่าที่นี่แล้วกันนะครับ แฮะๆ ส่วนตอนต่อ อาจจะเรียกว่า ช่วงเวลาของไอเดย์กับไอวินก็ได้ คงขออีกซักระยะนะครับ จิตใจยังไม่ฟื้นตัวเลย อ่อนแอไปชั่วขณะเลย งื้อ