ไม่ง่วงกันเหรอครับผม แฮะๆๆ
****************************************************
พอจัดมุมนั่งให้ทุกคนเรียบร้อย หัวหน้าริชปี้ก็อ้าปากเตรียมเล่า
“ มึงนี่มีความสำนึกอยู่ไหมวะ ” ไอเดย์มันโพล่งขึ้นมา สงสัยไอที่หัวหน้าริชอยากพูดหลุดหายไปในลำคอแล้วมั้ง
“ อะไรของมึงอีกวะเดย์ ”
“ พี่นั่นแหละ อยู่เฉยๆเลย มึงคิดจะขอโทษพี่คิมบ้างไหม ” โอ้โห มันโมโหแทนผมครับ
“ รอก่อนสิ ผมยังไม่ได้คำตอบจากคิม ผมจะขอโทษได้ยังไง ” อ้าว ตอบให้งงอีก แต่ไอเดย์น้องชายสุดที่รักท่าจะไม่ยอมครับ มันลุกขึ้นจะเอาเรื่องอีก ในที่สุดวากดิษต้องดึงแขนมันถึงยอมหยุด
“ เล่าไปสิ ” ผมบอกหัวหน้าริช
หัวหน้าริช เล่าให้ฟังว่า หัวหน้ารู้จักกับคุณเจ๊แจงงี่ตั้งแต่ประถม คือเค้าเป็นรุ่นพี่ชมรม และต่อมาจึงรู้ว่าครอบครัวรู้จักกันมาก่อนอีก ทำให้ต้องวนเวียนเจอกันอยู่บ่อยครั้ง
แต่หลังจากจบมัธยมสองคนนั้นไม่ค่อยได้พบกัน เพิ่งมาเจอกันก็ตอนที่หัวหน้าริชกลับมาเรียนต่อที่บ้านเรา คือหัวหน้าไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยครับ พ่อของเค้าเลยให้เรียนโทต่ออีกใบ ก็ดันมาเจอกันอีก
ช่วงนั้นเองที่ยัยแจงงี่เริ่มเล่าถึงตัวผม ซึ่งแรกๆก็ไม่ได้โจมตีอะไร แต่คงเป็นช่วงที่ผมสู้กับยัยแจงงี่เรื่องที่มันทุจริตนั่นเอง ที่เริ่มใส่ไฟมากขึ้น
“ พอเรียนจบ พี่ไม่ชอบอยู่เมืองไทย เพราะปรับตัวไม่ค่อยได้ ตอนนั้นพ่อพี่เลยแนะนำให้ลองมาทำงานที่นี่ ถ้าไม่ไหวหรือไม่ชอบค่อยกลับไปต่างประเทศ ”
“ กูก็เชื่ออยู่ นิสัยแบบมึงอยู่กับคนไม่ได้หรอก ” ไอเดย์แม่มกัดไม่หยุดเลยครับ
“ อ้าว แล้วพวกพี่นี่ตัวอะไรวะเดย์ ” วากดิษหันไปถามไอเดย์ มันได้แต่ทำเสียงฮุ้วๆ เลียนแบบกูนะมึงอะ
“ เล่าต่อสิ ” ผมบอก
“ คิมในมุมมองของพี่ หลังจากที่แจงเล่ามา พี่คิดว่าคิมคือคนที่แย่ที่สุดเท่าที่พี่เคยได้ยินมาเลย ”
“ แย่ยังไง หมายความว่าอะไร ” พี่ดิษของผมท่าจะติดเชื้อไอเดย์ครับ
“ ถ้าทนฟังไม่ได้ ก็ออกไปรอข้างนอกดีไหมครับผม ” อันนี้ผมแขวะสองคนนั้น
“ ฮุ้ววว ” รู้สึกจะใช้กันบ่อยนะพวกมึงอะ ไอฮุ้วๆเนี่ย
“ แจงเล่าว่า คิมเป็นพวกที่ชอบแย่งความรักของคนอื่น ทำให้ไม่มีใครคบกับเค้า แล้วยังสามารถทำลายการงานของคนอื่นได้ด้วย ” คงจะหมายถึงที่ผมทำกับเค้าอะครับ
“ แล้วพี่ก็เชื่อเลย ไม่ใช้สมองคิดอะไรเลย ” ผมถาม
“ ยังมีอารมณ์เรียกเค้าว่าพี่อีก บ้าบอ ” ไอเดย์ อีกแล้วนะมึง
“ พี่กะว่าจะดูนิสัยของคิมไปเรื่อยๆ ช่วงหลังมานี้พี่เริ่มจะไม่เชื่อเรื่องที่แจงบอก แต่เค้าก็โทรมาย้ำพี่อีก บอกว่ากำลังโดนผมหลอกลวงอีกคนแล้ว ต้องรีบกำจัดคนแบบนี้ออกไปจาก ....... ” พูดมาตั้งนาน มาอ้ำอึ้งทำไมอีกเนี่ย
“ จากอะไร ”
“ จากดิษและกิจการของพ่อแจง ” สรุป เค้ายังหวังว่าดิษจะกลับไปหาอีกเหรอเนี่ย
“ รู้สึกว่าแจงจะรักนายมากเลยนะดิษ ” ผมพูดกับวากดิษ
“ ใช่ เค้าบอกพี่ว่า เค้าเคยได้ ....... ” จังหวะที่พี่ริชตอบคำถาม วากดิษมันรีบเดินมาประชิดตัวเลย
“ อะไร เคยได้อะไรอีก จะบอกว่าแจงบอกว่ากูเอากับเค้าแล้ว งั้นเหรอ ” พี่ริชพยักหน้า แล้วก็ทำหน้าเจ็บปวด สงสัยจะฤทธิ์ของไม้ไอเดย์อะครับ
“ พี่แจงเนี่ย ไม่หยุดเลยนะครับ ”ไอเดย์เริ่มจะเบาลงแล้วครับ
“ ยังมีอีกนะ ” อะไรวะ กูโดนเจ๊แจงเล่นหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ
“ เล่าไปสิ ”
“ เค้าเคยไปเล่าเรื่องนี้กับพ่อของดิษแล้วด้วย แต่เข้าใจว่าพ่อของดิษไม่สนใจ แจงบอกพี่ว่าคิมคงเล่นพวกมนต์ดำใส่ผู้ใหญ่ของฝ่ายดิษแล้ว ต่อไปคงจะยึดห้างไป ” ผมหัวเราะไม่ออกเลยครับ
“ เชื่อเลยว่ะพี่ ” ไอเดย์พูด
“ สุดท้าย ทำไมต้องคิดปล้ำแฟนกู ” แหม แฟนกู เหอะๆๆ
“ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดจะปล้ำอะไรหรอก แค่คิดว่าคนเราเวลาโดนคุกคามแบบนี้ คงจะยอมพูดความจริง ”
“ เดี๋ยวๆ กูยังไม่เชื่อมึง แจงโกหกพวกกูได้ มึงก็โกหกได้เหมือนกัน กูจะถามจากพ่อก่อน ” วากดิษแสดงความรอบคอบครับ ระหว่างที่วากดิษเดินออกไปโทรศัพท์ ผมถือโอกาสถามต่อไป
“ ตอนนี้จะเชื่อใครล่ะ ระหว่างแจงกับพวกเรา ”
“ คิมก็เล่ามาสิ พี่จะได้เปรียบเทียบ ไม่อย่างนั้นพี่ก็จะสงสัยแบบนี้ต่อไป ”
“ ปากแม่งดีเหลือเกิน ” ไอเดย์เอาอีกละครับ
“ ก็ได้ๆ ดิษกับแจงเคยชอบกันมาก่อนจริง แต่ดิษน่ะชอบผมมานานแล้ว ..... เล่าไงดีวะ ” ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีครับ เพราะถ้าให้เล่าจริงๆ ก็ต้องเล่าเป็นวันๆ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างดิษกับผมมันเล่าข้ามไปมาไม่ได้ซะด้วย
“ ไม่ต้องหรอกคิม ” วากดิษมาแล้วครับ
“ ฟังนะริช กูกับคิมรักกันมาตั้งแต่เด็ก กูทุ่มเท่ให้คิมได้เท่ากับชีวิตของกู ฉะนั้นให้จำไว้แล้วกัน ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าอยากให้กูต้องจบเรื่องของเราลง กูไม่ไว้หน้าแน่ๆ ..... มึงก็ไปเขียนใบลาออกได้แล้ว พ่อกูรออนุมัติอยู่ ”
“ ชีวิตเหรอ ” หัวหน้าริชพูดออกมาเบาๆ
“ ใช่ ชีวิตกูนี่แหละ ”
“ รวมถึงพวกกูด้วย มีอีกหลายชีวิตเลย ” ไอเดย์ประสานเสียงอีกคน
“ ....... ” ขณะที่ทุกคนกำลังเงียบ ผมก็ย้อนกลับไปคิดถึงการทำงานของหัวหน้าริช ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ริชเข้าใจเรื่องของผมมากน้อยเพียงใด แต่ด้วยความที่ผมชื่นชมการทำงานของเค้า และก็ยังไม่เห็นว่าเค้าจะเลวร้ายขนาดร่วมงานไม่ได้ ทำให้ผมไม่อยากเสียคนแบบนี้ไปจากองค์กรครับ
“ ดิษ ขอคุยด้วยหน่อย ” ผมลากวากดิษออกมาด้านนอก
“ ดิษ เราไม่ต้องให้เค้าออกได้ไหมอะ ”
“ อะไรนะ คิมจะอะไรกับตัวมันอีก ” เวลาโมโห ผมว่าพี่น่ากลัวนะ เหอะๆๆ
“ ใจเย็นๆสิ ฟังเราหน่อย ..... สิ่งที่เค้าทำแย่มากก็จริง แต่เราอยากให้ดิษคิดถึงห้างของดิษด้วยนะ ห้างกำลังค่อยๆก่อร่างสร้างตัว และพี่ริชก็เข้าระบบได้แล้ว ตอนนี้งานของเราคล่องมากขึ้น เราไม่อยากให้ต้องเสียคนเก่งๆเพราะเรื่องนี้น่ะ ” ผมนึกถึงตอนที่ไอวินมาเล่าเรื่องการทำงานของพี่ริชให้ฟังด้วยครับ
“ คิม ลองดูสิ แม้แต่ตอนนี้มันยังไม่ขอโทษอะไรคิมเลยนะ พี่จะรู้ได้ยังไงว่ามันจะสำนึก ”
“ พี่ขอโทษ พี่กราบก็ได้ ……. โอ๊ะ !!!! ” จู่ๆหัวหน้าริชก็เดินตามออกมาครับ แล้วทำท่าจะก้มลงไปที่พื้นจริงๆด้วย แต่คงจะปวดหลังครับ เลยทรุดๆลงไป
“ ไม่เอาน่าพี่ ทำอะไรน่ะ ไอเดย์มาช่วยพะยุงทีสิวะ ” ผมถามหาไอเดย์ครับ
“ ให้มันยืนเองดิ มันอยากไปแอบฟังเองนี่ ” พี่ริชค่อยๆลุกขึ้นมาครับ
“ ตอนแรกก็ยังสงสัยอยู่ แต่ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้ว ” อะไรของเค้าเนี่ย
“ เข้าใจอะไร ”
“ คิมยอมให้อภัยพี่ ก็เพราะห่วงดิษกับกิจการของดิษ พี่พอจะเข้าใจแล้วว่าพี่คิดผิด ..... ต่อไปก็คงต้องไปจัดการแจงต่อ ”
“ คิมให้อภัย มึงก็จะทำเฉยแบบนี้น่ะเหรอ แล้วที่ว่าจัดการกับแจงน่ะจะทำอะไร ” วากดิษถามครับ
“ ทำไม ห่วงแจงหรือไง ” โห ท่าทางสองคนนี้จะขบเคี้ยวกันสนุกครับ ขนาดปวดหลังอยู่ยังแอบเหน็บวากดิษ
“ แม่งนี่ ” เหอะๆๆ
“ แจงก็แทบจะไม่มีคนรู้จักอยู่แล้ว ถ้าต่อไปพี่ไม่คบด้วยอีกคน เค้าก็จะรู้สึกตัวเอง ” เข้าท่าดีครับ หลังจากที่ทุกอย่างดูจะคลี่คลายลง พวกเราก็เดินออกมาข้างนอก
“ ดิษ แล้วมาหาเราได้ยังไงอะ เรานึกว่าดิษกำลังยุ่งเรื่องงาน ”
“ อ๋อ เรื่องงานน่ะให้คนอื่นเตรียม ส่วนเมื่อกี้ก็ ....... ” สรุปแล้ว วากดิษเองก็รู้สึกว่า พี่ริชดูจะคิดไม่ค่อยซื่อกับผม เลยให้เดย์ช่วยอีกคน เดิมทีก็จะให้ไอวินช่วย แต่เพราะวินก็ชื่นชมพี่ริชอยู่ กลัวว่าจะไม่ยอมช่วย พอไปวานไอเดย์มันก็ตอบรับทันที
“ ขยันวางแผนกันจริงๆนะ โทรตามน้องกูมาเดี๋ยวนี้เลย จะได้กินข้าวกัน ” ผมบอกไอเดย์ครับ
“ ยืมโทรศัพท์ทีพี่ ”
“ ของมึงล่ะ ” ผมถามกลับไป
“ ไม่ได้เอามา ” ผมส่งมือถือให้มัน จากนั้นก็รอซักพักแล้วไปกินข้าวกัน พอกินข้าวเสร็จผมก็มาคุยกับพี่ริชต่อ เพื่อรอเวลาที่วากดิษจะขึ้นไปแถลงแผนงาน ครั้งนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปมากๆครับ พี่ริชดูจะเป็นมิตรมากๆ ยังบอกผมด้วยว่า รู้สึกดีจริงๆที่ไม่ต้องทำตัวร้ายๆแล้ว
“ พี่ พี่รู้ไหมว่ามีคนนินทาพี่มากเลยนะ ” ตอนนี้มีไอวินมาสมทบอีกคนครับ
“ วินเล่าไปสิ ทำให้พี่ดูดีขึ้นมาบ้าง ”
“ พี่ริชบอกผมว่า คนอื่นจะนินทาอะไรก็ช่าง แต่พี่เค้าไม่เคยทำแบบนั้นก็แล้วกัน พี่เค้าไม่กลัวคำนินทาที่ไม่เป็นความจริง ” อืมๆ แน่นอนมาก กล้าดีครับ
“ แล้วมีอะไรจะสรรเสริญเค้าอีกล่ะ ” เหอะๆๆ ไอเดย์มีหึงครับ
“ ไม่ต้องมาทำท่าแบบนี้เลยนะเดย์ ที่กูยังเหลือความรักให้มึงก็เพราะพี่ริช ”
“ โอ้โห ไม่รักเค้าซะเลยล่ะ ” กูว่ามันจะทะเลาะกันอีกแล้วมั้ง ไอวินก็ทำท่าชกกันหยอกๆกับไอเดย์ครับ
“ ไม่ต้องกังวลหรอกเดย์ พี่ไม่ชอบคนที่เด็กกว่าพี่มากๆอยู่แล้ว ”
“ ทำไม ทำไมไม่ชอบเด็กๆ ”
“ พี่เคยเป็นเด็กมาแล้วไง รู้ว่าเด็กๆก็ต้องคู่ๆเด็กๆเป็นธรรมดา พี่เลิกเที่ยว เลิกสนุกแล้ว ”
“ อืมๆ ” ไอเดย์ดูจะไม่ต่อต้านเหมือนก่อนๆแล้วครับ
“ แต่ถ้าอย่างคิม พี่ก็โอเคนะ ”
“ อย่าๆขอร้อง พี่ดิษฆ่าพี่ทิ้งแน่ รับรอง ” ไอวินช่วยตอบครับ
“ ฮ่าๆๆๆ ” พวกเราก็นั่งหัวเราะกัน สงสัยว่าผมจะได้เพื่อนๆเพิ่มอีกแล้วครับ
ช่วงเย็นของวันนั้น คนระดับหัวหน้างานต้องไปประชุมกันก่อน ขณะที่ผมกับคนอื่นๆมานั่งสัมมนากันรอเวลา รอวากดิษขึ้นมาแถลงว่าแผนระยะยาวจะได้รับความเห็นชอบไหม ผมได้ยินพี่ริชเล่าให้ฟังก่อนเข้าประชุมว่า แผนงานของดิษมีทีมงานเก่งๆช่วยทำ ความจริงก็ไม่น่ามีปัญหา แต่เพราะอายุของดิษน้อยมากหากเทียบกับคนอื่นๆ หากว่าดิษสามารถเสนอแผนงานผ่าน อาจทำให้ดิษกระโดดข้ามกำแพงความอาวุโสไปได้
ขณะที่พวกน้องๆที่อยู่นอกห้องประชุม ไม่มีใครสนใจหรอกครับ เพราะไม่ใช่เรื่องของพวกเค้า สำหรับคนทำงานระดับนี้ ใครเป็นหัวหน้าก็เหมือนเดิมครับ ผมรอกันประมาณชั่วโมงกว่าๆ วากดิษก็เดินนำออกมาพร้อมกับมองหาใครซักคน พอวากดิษเห็นหน้าผม ก็เดินตรงมาหาผมแล้วกอดผมเฉยเลย
“ กรี๊ดดดดด ” นาทีนั้นหัวใจของผมแทบหยุดเต้นเลยครับ นี่มันต่อหน้าคนมากๆเลยนะ
“ คิม ..... น้อง ”
“ อะไร ” ผมกระซิบกันสองคนครับ
“ พี่ทำได้แล้ว ” ผมรีบผละมันออก
“ จริงอะ ไหนว่าจะไม่ได้ไง ”
“ ถามพี่ริชสิ พี่ขอไปพูดก่อนนะ ” จากนั้นวากดิษก็เดินขึ้นไปบนเวที แล้วเริ่มกล่าว ขณะเดียวกันพี่ริชก็เดินมาหาผม
“ ในห้องเป็นยังไงบ้างครับ ”
“ เอาไว้เล่าทีหลังดีกว่านะ คืนนี้ฉลองให้คืนของดิษกันดีกว่า ฉลองๆๆ ”
“ เยี่ยมๆ คืนของพี่ดิษๆๆๆ ” พวกที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็พากันพูดตามไปด้วย ตอนนี้ดิษกำลังจับมือกับหุ้นส่วนบางท่านอยู่ แต่ก็พยายามมองมาที่ผมตลอดเวลา ดิษดูเด่นมากๆเลยครับ
คืนนั้นวากดิษฉลองจนต้องให้พวกผมแบกกลับมาที่ห้องพัก พอมาถึงห้องพักวากดิษก็เดินลากผมเข้าไปในห้องน้ำ
“ ..... ทำไมต้องเข้ามาในนี้อะ ” ผมถามวากดิษ จู่ๆวากดิษก็ทำเหมือนกับว่าไม่เมาอะครับ
“ พี่ต้องล้างคิมก่อนไง ถอดเสื้อเดี๋ยวนี้เลย ”
“ เฮ้ยๆๆ ทำอะไรอ่า ”
“ ก็ล้างที่พี่ริชจับตรงนู้นตรงนี้ไง ” มันพูดไปก็จับร่างของผมไปครับ
“ เค้าไม่ได้ทำอะไรเราเลยนะ ”
“ ไม่ได้ทำก็ไม่สนละ มาสิพี่จะถูหลังให้ไง ”
“ เดี๋ยวสิ ดิษเมาไม่ใช่เหรอ ” มันยืนยิ้มร่าให้ผม
“ ไม่แกล้งเมา เราก็ไม่ได้จู๋จี๋กันสิ คนรอฉลองกับพี่เยอะเลยนะ มาๆพี่ถูหลังให้ก่อน แล้วคิมทำให้พี่บ้างนะ ”
ผมก็ไม่เคยถูหลังให้ใครหรอกครับ แม้แต่กับผู้หญิงก็ไม่เคยเลย จังหวะที่เราถูหลังให้กัน เราก็คุยกันไปด้วยครับ
“ ดิษ แล้วแผนงานผ่านยากไหม ”
“ พี่ริชไม่ได้เล่าเหรอ ”
“ ไม่อะ บอกว่าจะเล่าทีหลัง ” วากดิษนอนพิงมาที่ตัวของผม ตอนนี้ถึงคิวผมถูหลังให้ครับ
“ ตอนแรกเข้ามา มีสามฝ่าย ฝ่ายนึงเห็นด้วยกับพี่ อีกฝ่ายคัดค้าน อีกฝ่ายไม่ตัดสินใจ แต่ไม่ตัดสินใจก็เข้ากับฝ่ายคัดค้าน เพราะว่าแผนของพี่มันต้องจัดระบบใหม่ ถ้าเห็นด้วยไม่ถึงครึ่งก็ต้องเลิก และพี่ก็จะโดนประจานด้วย ” น่าขนลุกแฮะ
“ พอแลกเปลี่ยนความเห็นไปมา พี่พยายามโน้มน้าวอยู่นาน แต่ก็ได้เสียงไม่ครบ ในที่สุดพี่ริชเลยขอแถลงให้ฟังเพิ่มเติม พี่ริชเค้าเก่งมากเลยนะ ทางทฤษฎีไม่เป็นรองเลย ในที่สุดพอยกมือเราเลยผ่าน ”
“ ดีเนอะ ” วากดิษหันมาหาผม และลูบหน้าของผมเบาๆ
“ แฟนพี่ตาแหลมมากนะ มองคนเป็นด้วย ”
“ บ้าเหอะ เวลาเรียกๆแฟนๆไม่จั๊กจี้บ้างเหรอ ” ผมถาม
“ ไม่เลย พี่อยากพูดแบบนี้ทั้งวันเลยด้วยซ้ำ พี่รอจะพูดแบบนี้มานานแล้วนะ เชื่อมะที่รัก ...... ” และแล้วก็เริ่ม .... มีอารมณ์ซะงั้น เหอะๆๆ วากดิษหันมาหาทั้งตัวและกอดผมไว้
“ รู้ใช่ไหมว่า ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่า คิมเป็นอะไรกับพี่ ”
“ อืม รู้แล้ว ”
“ คิมจะสร้างอนาคตกับพี่ใช่ไหม ” ผมอายอะครับ บอกตรงๆ
“ อืม สร้างก็ส้ราง ”
“ งั้นพี่ขอเครื่องยืนยันหน่อยนะ ...... อื้มมมม ” และแล้วก็ .... นะครับ เหอะๆๆ
หลังจากที่เราเสร็จกิจที่ห้องน้ำ วากดิษกับผมก็กอดกันและนอนกอดกันต่อบนเตียง มีแววว่าจะไม่จบแค่ในห้องน้ำ แต่ก็ดันมีโทรศัพท์เข้าซะก่อน
“ พี่รับสายนี้ก่อนนะ ” วากดิษยิ้มให้ผม
“ อื้อ ”
“ ครับ ...... รู้จักครับ สวัสดีครับท่าน ...... เอ่อ ไม่ทราบครับ ...... ครับ .......... ผมแจ้งท่านได้ที่เบอร์นี้ใช่ไหมครับ ” ไม่ได้ทะลึ่งนะครับ แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องเครียดๆครับ เพราะตอนเราออกมาจากห้องน้ำ ตรงนั้นของวากดิษยังสู้อยู่เลย ตอนนี้ดูจะถอนทัพไปแล้วครับ จากนั้นวากดิษก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า
“ อะไรอ่าดิษ ”วากดิษทำตาโต
“ คิม แต่งตัวเถอะ เราต้องคุยกับเดย์ เดย์โกหกเรา ”
“ อะไรนะ หมายความว่ายังไง ” ผมต้องรอให้ของๆผมถอนตัวก่อนครับ เหอะๆๆ
“ โอย เดี๋ยวนะ ขอคิดก่อน ”
“ ดิษใจเย็นๆ ”
“ เอาล่ะ เดย์น่ะโกหกทางบ้านว่าจะมาลาพวกเรา แล้วจะกลับไปขึ้นเครื่องเพื่อไปเรียนต่อ ”
“ อ้าว แล้วเป็นอะไรล่ะ ” ผมยังสงสัยอะครับ ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่
“ เป็นสิ ก็เดย์ต้องขึ้นเครื่องวันนี้ ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้วด้วย คิมน้องเราทำเรื่องไปเป็นเรื่องแล้วนะ ”
“ เออว่ะ แล้ววินรู้เรื่องไหมเนี่ย ” ผมถามอีก
“ คงไม่รู้หรอก ปะๆ เราต้องไปคุยกับเดย์ ” ตอนนี้เอง ผมค่อยๆคิดเรื่องเมื่อกลางวัน มันไม่ยอมพกโทรศัพท์บอกว่าไม่ได้เอามา สงสัยคงต้องการหลบทางบ้าน และไหนจะอาการเหวี่ยงผิดปกตินี่อีก ไอเดย์เอ๊ย มึงคิดอะไรอยู่กันแน่
**********************************************************************