เชียร์ลิเวอร์ๆ
อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเจอเริ่มไม่คาดคิดมากมาย ไหนจะต้องเสียความเป็นชายให้ไอวากดิษ และตอนนี้คือกำลังจะจับคู่ให้เพื่อนซี้ คือไอเร กับสาวที่บอกว่าเคยแอบชอบผม คือดา ไม่รู้ว่าจะน่าสนุกขนาดไหน ฮ่าๆๆ
“ พี่วากครับ ” เช้านี้ผมเดินปรี่มาที่คณะ เพราะไม่ได้เข้ามาเก็บงานหลายวัน กลัวรุ่นพี่จะด่าเอา
“ ไร ” ผมหันไป พร้อมกับทำเสียงโหดๆใส่ ไอน้องคนนั้นหน้าจ๋อย
“ อยากจะมาบอกว่า ผมไม่เข้ารับน้องแล้ว ผมจะออกครับ ”
“ เฮ้ย ทำไม มีอะไรน้อง ”
“ พ่อกับแม่ ไม่อยากให้ทนอีก จะให้ผมไปเรียนเอกชน ” ผมมองไปรอบๆห้อง ไม่มีใครอยู่นี่หว่า
“ ไอน้อง นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ถามตามความจริง ชอบเรียนที่นี่ไหม ”
“ ผมชอบ แต่พ่อกับแม่ไม่อยากให้เรียน บอกว่าไม่มีอนาคต ” ผมงี้แอบหน้าชาไปซีกนึง พ่อกับแม่พูดแรงนะน้องชาย
“ ไม่เกี่ยวกับรับน้องใช่มะ ”
“ เกี่ยวครับ พ่อให้พี่ชายของผมมาดูครั้งนึง พอกลับไปที่บ้าน พ่อสั่งให้เลิก ผมขอเรียนก่อนเทอมนึง แต่คราวก่อน ที่พวกพี่ไปวิ่งๆรอบคณะ พ่อผมมาดูด้วย แกไม่ให้ผมเรียนแล้วครับ ” ผมเริ่มจะเครียดไปกับมัน นี่คณะผมคงไปทำอะไรที่ไม่ถูกใจพ่อของไอน้องคนนี้ซะแล้ว เอาไงดีวะ
“ เอางี้ได้ไหมน้อง พรุ่งนี้เข้าๆไปก่อน ไว้พี่จะไปคุยกับอาจารย์ ” ไอน้องคิ้วตก ถ้าให้ผมเดา พ่อของมันคงไม่ยอมแน่ๆ
“ ผมไม่รับปากนะครับ ผมไปละครับ ” ก่อนออกไป ผมถามชื่อกับนามสกุลของมัน เพื่อจะได้ดูรายละเอียดว่ามันเข้ารับน้องกี่ครั้ง พอตรวจดู ถึงรู้ว่ามันเข้ารับน้องบ่อย แต่ขาดไปช่วงนึง ขาดติดๆกัน สงสัยต้องเอาไปถามพี่รหัสของมัน
ผมโทรหาเพื่อนที่เป็นพี่รหัสของน้องคนนั้น ได้คำตอบว่า มันไปเป็นสมาชิกในสภาฯของมหาลัย ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง ว่ากันง่ายๆก็คือตัวแทนของคณะที่ให้ไปทำหน้าที่สภานักศึกษา และเรียนเก่งมากๆเกรดสามปลายๆเลยทีเดียว ซึ่งผมเริ่มจะเข้าใจว่าตัวน้องคนนั้นคงถูกพวกหัวรุนแรงในคณะกดดัน และช่วงที่ถูกกดดันมากๆ คนของพ่อเค้าคงมาเห็นพอดี แต่ที่ผมเป็นเดือดเป็นร้อนทีหลังนี่คือ พี่ชายของเค้าเป็นอดีตนักศึกษาเก่าของคณะเรา ผมกำลังเริ่มสงสัยในประเพณีในคณะครับ ถ้าพี่ของเค้าเคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำไมถึงโน้มน้าวพ่อไม่ได้
“ พวกหัวรุนแรงนี่ก็บ้าๆบอๆ น้องมันไปช่วยสร้างชื่อเสียงให้คณะ ยังจะไปกดดัน ” พี่หมีพูดกับผมทางโทรศัพท์
“ ผมจะทำไงดีล่ะพี่ ผมติดต่อพี่ฟางไม่ได้ ” ช่วงนี้ปีสี่ต้องลงอีกสองครั้ง คือรับหลอก กับรับจริง แต่ปีสี่จะยังไม่มาในวันสองวันนี้ คือจะมาวันพฤหัสที่จะถึง ผมกลัวว่าวันอังคารนี้ พวกปีสามจะเล่นไอน้องคนนั้นจนมันไม่รับน้อง เลยต้องรีบโทรมาปรึกษาพี่หมี
“ ถ้าเค้าจะไม่อยู่ เราปล่อยเค้าไปดีกว่ามั้ง ”
“ ได้ไงล่ะพี่ เกิดชื่อเสียงคณะเราถูกบิดเบือนล่ะพี่ คนจะเข้าใจกันผิดว่าคณะเรารับน้องไม่ดี ” ผมท้วงพี่หมี
“ ยังไงเราก็มีคนเข้าเป็นรุ่นเกินร้อยสองร้อยทุกปีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจมากหรอก ”
“ ไม่ใช่ง่ายๆแบบนั้นดิพี่ ลองนึกดูนะ ถ้าเรารับน้องจนคนที่เรียนเก่งๆแต่ไม่พร้อมด้านร่างการจิตใจ ต้องออกไปกันหมด คณะเราจะมีคุณภาพได้ยังไง และที่สำคัญเราตัดสินคนว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอในปีเดียวไม่ได้นะพี่ เรามีพี่มีน้องตั้งเยอะ เราช่วยให้เค้าแข็งแกร่งได้นะพี่ ” ผมพูดสิ่งที่ผมนึกคิดออกไปทั้งหมด พี่หมีเงียบไปครู่
“ ลองไปถามคณบดีดู พี่ๆเค้าทำกันมา พี่ตอบไม่ได้ว่ะ ” ผมวางสายทันที เริ่มรู้สึกโกรธๆคณะตัวเองนิดหน่อย
ที่ผมมีความรู้สึกไม่พอใจ เพราะเพื่อนของผมหลายคนที่เรียนเก่งๆ ตัดสินใจออกก่อนที่จะรับน้องเสร็จหลายคน พอมาเห็นภาพแบบนี้ซ้ำอีก ผมชักไม่แน่ใจว่าประเพณีบางอย่างเหมาะสมกับยุคสมัยหรือปล่าว
“ เธอนี่เอง พี่ๆเธอพูดถึงเยอะ ว่าไง ” ผมเดินมาพบคณบดี ท่านกำลังเดินดูพื้นที่รอบๆคณะอยู่
“ มีน้องปีหนึ่ง กำลังจะมาขอลาออกครับ ”
“ เหรอ ทำไมล่ะ เค้ามีปัญหาอะไร ” ผมเล่าให้ฟังคร่าวๆ เพราะมีเรียนตอนเก้าโมง
“ เออนะ ผมได้ยินมาบ่อยนะ คณะเรามีมาไม่กี่สิบรุ่น ถ้าเธออาสาไปลองคุยๆดู ผมจะรับรองให้เอง เพราะอะไรรู้ไหม ทุกวันนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ตำหนิเรื่องการรับน้องของสายเกษตรศาสตร์ แต่ละคนเคยรับน้องหนักๆมาแล้วทั้งนั้น เค้าให้เหตุผลว่า พอโตแล้วถึงเข้าใจ ” พอคณบดีพูดแบบนี้ ผมค่อยสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
“ ไม่ทราบว่าเรื่องน้องคนนั้นล่ะครับ ”
“ เธอคุยกับเค้าดู แล้วยังไงถ้าไม่ดีขึ้น มาบอกผม เดี๋ยวผมไปคุยเอง ” ผมยกมือไหว้คณบดี แล้วรีบมานั่งรอเรียนที่ตึก พวกเพื่อนๆเริ่มทะยอยมากันหลายคน
“ ดีท่านวาก สบายดีหรือยัง ” ไอโต้งปากหมาใส่ผมทันที
“ คิมไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกนัทเลยอะ ” ยัยนัทแฟนไอโต้งรีบถาม
“ ป่วยแบบนี้บอกใครได้ที่ไหน ฮ่าๆๆ ” ไอโต้งยืนหัวเราะสะใจ ผมชักจะหมั่นเขี้ยว
“ ล้ออะไร ระวังคนที่รักจะเดือดร้อนนะคร้าบ พรุ่งนี้ลงลานใช่หรือปล่าวว้า ” ผมแกล้งพูดเสียงนิ่มๆ ไอโต้งหน้าเสีย ส่วนยัยนัทยังยืนงงอยู่
“ พวกแกพูดอะไรกันยะ ”
“ ช่างเหอะๆ ไอโต้งพูดเรื่องดากับเรยัง ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ฮ่าๆ
“ อ๋อๆ ชั้นได้ยินละ แต่ชั้นว่ามันไม่สนใจกันอะสิ ”
“ ไม่แน่หรอกเตง เรมันไม่ใช่ ..... เกย์ อาจจะเข้ากันได้ ” ผมเหลืออดกับไอโต้งละ เอื้อมมือตบหัวอย่างรุนแรง ไอโต้งเซไปอีกทาง ลูบหัวป่อยๆ
“ เกย์พ่องดิ ไว้กูจะฟ้องไอดิษว่ามึงด่ามัน ” ผมชี้หน้าด่าไอโต้ง
“ เฮ้ยๆ ให้กราบก็ได้ อย่านะเว้ย ขอๆ ” ยัยนัทหันหน้าไปทางอื่น มันหันหน้าหัวเราะแฟนมันเองครับ
“ ขอนี่ขอส้นทรีน หรือขออะไรครับ ”
“ นะๆ กูไม่ล้อแล้ว ..... ไอเรมาละๆ ” ไอเรเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับผู้หญิงคนนึง ไม่ใช่เด็กคณะผมด้วย ไอนี่มันอะไรวะเนี่ย
“ ดีค่ะๆ ไปก่อนนะพี่เร ”
“ อืม ........ พวกมึงมองอะไรกัน ” ที่ผมต้องมองเพราะ สาวคนนั้นหน้าตาใสมากๆ ถ้าเทียบอาจไม่สวยเท่าดา แต่โอเคเลยล่ะ
“ ใครวะเพื่อน ”
“ น้อง ไม่ได้ยินเค้าเรียกกูพี่นิ ” พูดธรรมดานะ แต่เหมือนด่าโง่
“ ได้ยิน แต่มีอะไรลึกลับหรือปล่าวล่ะ ” ไอโต้งถามต่อ
“ ไม่มีๆ มึงไม่ไปนั่งด้านในวะ ” ไอเรไม่ได้สนใจ ผมเลยไม่กล้าถามมันต่อ ผมเรียนเสร็จสิบเอ็ดโมงกว่าๆ
“ หิวข้าวว่ะ ไปกินข้าวเลยปะ ” ผมพูด
“ ไปเลยก็ได้ ดา! ” นัทตะโกนเรียกดา ดากำลังยืนอยู่แถวนั้นคนเดียวครับ
“ อ้าว อยู่กันเยอะเลยนะ มีอะไรเหรอนัท ” พอดาเดินมาใกล้ๆ ไอเรเดินเลี่ยงๆไปอีกทาง อาการมันออกแล้วล่ะผมว่า
“ ไปกินข้าวด้วยกันนะ ” นัทเอ่ยชวน ดาตอบตกลงครับ พวกผมเลยพากันไปกินข้าวเที่ยง แล้วก็ต้องแปลกใจอีกรอบ น้องผู้หญิงที่เดินมาคู่กับไอเรมานั่งกินข้าวด้วย และเลือกนั่งใกล้ๆกับไอเร
“ น้องแน่นะ ” ผมแกล้งแอบถามมัน ไอเรมันหัวเราะ
“ น้องดิวะ ” ผมพยักหน้าเชื่อ
“ น้องเรียนคณะอะไรคะ ” คนที่เอ่ยถามน้องคนนั้น ทำผมต้องแปลกใจอีกรอบ ดาเป็นคนถามครับ
“ วิทยาการจัดการ ภาคนิเทศค่ะ ” มิน่าล่ะ สวยเช้ง
“ รู้จักกับเรได้ไงคะ ” เอาอีกแล้วครับ นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าดาแอบชอบผม คนอื่นจะมองว่าดาหึงไอเรนะเนี่ย
“ อยู่ชมรมเดียวกันค่ะ ”
“ มึงเข้าชมรมด้วยเหรอวะเร ” อันนี้ผมถามเอง คือว่าไอเรเนี่ย หน้าตาไม่น่าเป็นนักกิจกรรม
“ พี่เรร้องเพลงเพราะมากนะคะ อาจจะได้ร้องนำด้วย ” น้องบอกชื่อชมรม ทำเอาพวกผมแปลกใจกันรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน ชมรมนี้เป็นชมรมดนตรีสากล
“ เปรี้ยวพูดเกินไป ไม่เท่าไรหรอก ” มีถ่อมตัว ผมแอบมองสายตาของดากับเร ที่ผมสังเกตเห็นคือ ดาเริ่มแปลกๆ แต่ไอเรดูมุ่งมั่นมากขึ้น
“ วันนี้เข้าชมรมกันไหมอะ ” นัทถามบ้างครับ
“ เข้าสิ นัทมีอะไร ” ไอเรตอบ
“ อยากไปฟังคุณเรร้องเพลงอะ คิคิ ” มันบ่ายเบี่ยง แต่ในที่สุดก็ยอม บ่อยผมต้องต่างคนต่างแยกกันไปเรียน เพราะผมลงวิชาไว้เยอะกว่าคนอื่น ระหว่างทางไอวากดิษโทรมาหาผมด้วย
“ มีไร ”
“ เมื่อคืนหลับสบายไหม ” มันเสียงไม่ค่อยดีครับ สงสัยจะทำงานเยอะ
“ สบาย มึงล่ะ ”
“ เรียกพี่ให้หายเหนื่อยหน่อยสิ ”
“ หวังมากไปละ โทรมามีอะไร ” มันบ่นงุ้งงิ้งๆ ผมฟังไม่ถนัดเท่าไร
“ ได้ยินว่า จะไปยุ่งกับการรับน้อง อย่าทำเลย เชื่อพี่เถอะ เราเปลี่ยนคนทุกคนไม่ได้หรอกน้อง ” มันเข้าโหมดเครียด ไม่ให้ผมตั้งตัวเลยครับ
“ กูไม่ได้ทำเพื่อกูคนเดียว คณบดีก็ทราบเรื่องแล้ว ”
“ น้อง ถึงยังไงเราก็คนส่วนน้อย น้องไม่เห็นเหรอ ทำไมพี่ต้องทำตัวห่ามๆ พูดจาไม่ดี ทำตัวโหดๆ พี่ไม่ได้ชอบ แต่ถ้าไม่ทำ เราอาจจะอยู่ไม่ได้ พี่เป็นห่วงนะ ” ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะเถียงมันไม่เลิก แต่พอมันพูดว่าเป็นห่วง มันเถียงมันไม่ลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“ อืมๆ จะถือว่าเป็นการให้กำลังใจแล้วกัน กูต้องไปเรียนแล้ว แค่นี้นะ ”
“ เอ่อ ...... ก็ได้ๆ บ้ายบายครับ ” ผมกำลังจะกดวาง
“ เดี๋ยวๆๆ ”
“ อะไรคิม มีอะไรเหรอ ” ผมกำมือ หลับตา ก่อนจะพูดเบาๆ
“ กู ..... กูเป็นห่วงมึง .... อย่าหักโหมมาก ” ผมรีบกดวางสาย และปิดมือถือทันที หัวใจผมเต้นแรง มือนี่ถึงกับเหงื่อออก นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย พูดอะไรออกไป บ้าๆๆแล้ว กูไปเรียนดีกว่าเว้ย