ตอนที่ 75.1 ค่ายอาสา
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วครับวันที่พวกเราจะออกเดินทางสู่แม่แจ่มมมมมมมมมมม จะแด่มแจ่มว้าว ณ บัดนาวนั้นโดนจายยย คึ เสียงดีไม่เบานะเราเนี่ยถ้าหลับตาฟังคงคิดว่าพี่บี้มาเองว่าไหมครับ เอาล่ะก่อนที่ผมจะค้นพบความสามารถที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างหล่อๆของผมมากไปกว่านี้และก่อนที่จะมีใครบางคนสำรอกเพราะรับไม่ได้เรามาดูสถานการณ์ปัจจุบันกันดีกว่านะ
ขณะนี้เวลาสองทุ่มโดยประมานมีคนหนึ่งฝูงกำลังวิ่งพล่าน ณ หัวลำโพงพร้อมด้วยสัมภาระร้อยแปดทั้งของตัวเองและของส่วนรวมที่เอามากองรวมๆสุมๆกันไว้รอรถขนขึ้นรถไฟ บรรยากาศระหว่างที่รอเลยออกมาคล้ายๆฝูงไก่ซิมซิมิแตกรังปะทะฝูกนกแองกี้เบิร์ด(ที่ผมกำลังเล่นอยู่) ส่วนพวกผู้หญิงจับกลุ่มเม้าท์กรี๊ดกร๊าดกันไปที่ขาดไม่ได้คือถ่ายรูป
เอิ่มมมม สงสัยว่าหัวลำโพงเป็นสถาปัตยกรรมอันวิจิตร รางรถไฟเป็นสิ่งประดิษฐ์อันล้ำค่าเพราะฉะนั้นมาแล้วต้องถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆใช่ไหมครับคุณสาวๆทั้งหลาย เหอๆ ส่วนผู้ชายก็หามุมยืนดูดบุหรี่บ้างคุยกันบ้างเตะบอลบ้าง(ใครเอาลูกฟุตบอลมาด้วยวะ)
ส่วนกลุ่มผมต่างก็แยกย้ายไปหากิจกรรมที่ชอบๆไอ้มิคมันกำลังแกล้งพวกอีจี้อีเฟรนลี่ผมได้ยินเสียงวี๊ดๆมาจากม้านั่งที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยโยชน์มันแดกนกหวีดกับโทรโข่งเป็นอาหารเสริมรึไงวะ ไอ้เชนกำลังเดินเช็ครายชื่อว่าใครมาแล้วบ้าง
ไอ้เบียร์ไอ้แมทไอ้ภูมิไปช่วยไอ้เอ็มยกของอย่างสุดท้ายที่ขนมาจากบ้านพี่แป๋วเพื่อมากองรวมไว้ตรงนี้ ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างไปซื้อของที่เซเว่นเห็นบอกว่าลืมยาสระผม กูอยากจะรู้จริงๆว่าพอขึ้นไปบนดอยหนาวๆมันจะสระผมกันซักกี่ครั้ง เอางี้เรามาพนันกันดีกว่ามันจะอาบน้ำกันรึเปล่าเหอะ
ส่วนตัวกระผมนั้นมีหน้าที่นั่งเฝ้าของเฝ้ากระเป๋าของกลุ่มเราครับระหว่างรอก็ขอเล่นแองกี้เบิร์ดในมือถือไอ้ภูมิไปพลางๆถือเป็นการจัดการเวลาให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า คึ มันส์มากครับลูบจนตะคริวจะแดกนิ้วแล้ว ส่วนไอ้คิวกับไอ้เต้ยคู่รักแอปสแตรคยังไม่โผล่หัวมาเลยครับทั้งที่เลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
และสงสัยว่าพวกมันคงจะตายยากแฮะเพราะแค่นึกถึงมันก็มาพอดี ไอ้คิวสะพายเป้เดินทางใบใหญ่แถมยังแบกกีต้าร์เต็มไหล่มันมาในชุดกางเกงยีนส์ขาดๆกับเสื้อยืดสีเขียวเข้มๆเป็นเสื้อค่ายน่ะครับวันนี้ใส่เหมือนกันทุกคน(ผมเลยรอดตัวเรื่องคอนเซ็ปเสื้อเหมือนกันของไอ้คิวไปได้อย่างหวุดหวิด ความดีความชอบนี้ขอมอบให้แก่ไอ้ประธานค่าย)
และสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อไอ้คิวปรากฏกายนั่นก็คือไอ้เต้ยที่วิ่งอยู่รอบๆตัวมัน ในมือไอ้เต้ยมีกระเป๋าใบใหญ่ บนหลังก็มีอีกหนึ่งใบแถมมันยังใส่เสื้อแขนยาวซะ……..กูนึกว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เชี่ยเราไปแค่แม่แจ่มนะครับไอ้น้องเต้ยไม่ใช่แอนตากติกาอะไรมันจะกลัวหนาวขนาดนั้นวะ พอไอ้คิวเดินมาถึงมันก็พยักหน้าทักทายพร้อมกับวางสัมภาระและนั่งลงข้างผม ส่วนไอ้เด็กตี๋หน้างอก็เบียดลงข้างๆพี่คิวของมันนั่นแหละและพี่โจ๊กที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมาเจอเลยตะโกนทักทายเพื่อนผมซะดัง
“เฮ้ยคิวมึงไม่ต้องรีบมาช่วยพวกกูขนของก็ได้นะ” ออกแนวแดกดันไอ้คิวโดยเฉพาะเลยนะพี่
“โหยยไม่เป็นไรพี่โจ๊กไม่ต้องเกรงใจพอดีว่าผมเป็นคนดีมีน้ำใจว่ะพี่”
“ถุ๊ยไอ่ห่าพวกกูขนเสร็จกันเป็นชาติแล้วโว้ย”
“ฮ่าๆ โทษทีๆพี่พอดีเมียงอแงนิดหน่อย” ดูจากหน้าไอ้เต้ยตอนนี้คงไม่นิดแล้วมั้งปากยื่นซะขนาดนั้น
“อ่องั้นก็แล้วไปเพราะเรื่องเมียมันเป็นวาระแห่งชาติมันต้องมาก่อนทุกอย่างเสมอกูเข้าใจ” พี่แกว่ายิ้มๆก่อนจะหันกลับไปฝอยแตกกับพวกพี่กันต์ต่อ
“ทำไมมึงอยู่คนเดียววะแคระไอ้พวกวรนุชหายหัวไปไหนกันหมด” ถ้าผมตอบมันว่าวรนุชก็นั่งอยู่ตรงหน้ากูนี่ไง ไอ้คิวมันจะทำอะไรผมป่ะ
“ไอ้แทนไอ้ฟ่างไปเซเว่น ไอ้มิคอยู่กับพวกอีจี้ ไอ้เชนไปเช็คชื่อ ไอ้แมทกำลังเดินมา ไอ้ปันไปติดต่อเรื่องตั๋วกับพี่แป๋ว ไอ้เบียร์ไปยกของ” ละเอียดยิ่งกว่าสารานุกรมเยาวชนไทย
“แล้วผัวเบบี๋ที่น่ารักของมึงล่ะ”
“สัส” ถ้าไม่ติดว่าไอ้ที่ผมถืออยู่ในมือคือไอโฟนละก็ กูปาใส่หัวไอ้คิวอย่างไม่ต้องลังเลเลยครับระยะแค่นี้ไม่คิ้วก็ดั้งมีแตกแน่ๆ ไอ้คิวหัวเราะชอบใจผลักหัวผมก่อนจะหันไปคุยกับเด็กมันที่นั่งหน้าหงิกเป็นแตงโมถูกรถบรรทุกเหยียบ
“เงียบมากๆระวังออกซิเจนไปเลี้ยงเพดานเหงือกไม่พอแล้วช็อคหัวใจวายตายก่อนไปค่ายนะ”
“พี่คิวไม่ต้องมาพูดกับเต้ยเลย”
“ส้นตีนล่ะถ้าไม่พูดแล้วมันจะเข้าใจกันเหรอห๊ะ” ผมส่ายหน้าขำๆดูคนบ้าสองคนง้อกันก่อนจะก้มลงสนใจน้องนกอีกครั้งปล่อยมันสองคนเคลียร์กันไป “มึงแต๋วขึ้นทุกวันนะเต้ยจะงอนอะไรนักหนาวะอีกหน่อยคงหาอะไรมายัดนมเหมือนพวกอีกรีน”
“เต้ยไม่ได้แต๋วนะพี่คิวแหละง้อเต้ยเลย” ผู้ชายแมนๆเขาบอกว่าให้ง้อครับ หึหึ
“สรุปมึงจะเอาไงแน่ห๊ะให้กูง้อแต่ไม่ให้กูพูดหรือมึงจะให้กูใช้ภาษามือเอาไหม แบ่ แบ แบะๆ”
“ภาษามือก็ไม่เอาพี่คิวไม่ต้องพูดแต่ต้องง้อเต้ยพี่คิวก็คิดวิธีสิ” ผมอดเงยหน้ามามองไม่ได้ เชี่ยน้องเต้ยมึงชักจะพิสดารเกินไปแล้วนะเว้ยมันกอดอกจ้องหน้าไอ้คิวเขม็งเหมือนลูกหมาลูกแมวที่โกรธแต่ก็ทำได้แค่พอขนฟูๆขู่ฟ่อๆ
“ปัญญาอ่อน” พอโดนเพื่อนผมด่าไอ้เต้ยก็ตวัดตาโตๆกับปากยื่นๆของมันใส่เพื่อนผมแทบจะทันทีเลยโดนไอ้คิวดีดปากไป พวกมันก็ง้องแง้งๆกันอยู่แบบนั้นจนไอ้แมทเดินมาถึง
“เชี่ยเต้ยทำไมมึงพึ่งมาวะมัวทำห่าอะไรอยู่แล้วหน้ามึงโดนอะไรทับมาวะมันถึงยับขนาดนั้น พี่คิวทำไรเพื่อนผมอะพี่” ไอ้แมทหัวเราะเพื่อนรักมันอย่างถึงสุข
“กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละแต่เพื่อนมึงเสือกอยากเอากางเกงว่ายน้ำกับห่วงยางมาค่ายอาสาด้วยกูเลยห้ามมันเลยโกรธ หึ แม่แจ่มคงมีทะเลให้แม่งเล่นหรอก”
“กร้ากกกกกกกกกกกกกกก” ผมกับไอ้แมทหัวเราะงองาย เมื่อรู้สาเหตุของการงอนครั้งนี้จนไอ้เต้ยเผื่อแผ่สายตามืดหม่นมาให้แต่ผมก็หยุดหัวเราะไม่ได้ เชี่ยแม่งคิดได้ไงจะเอาห่วงยางไปแม่แจ่มเนี่ยนะ กรั่กกกก
“เฮียพีมขำเต้ยทำไม มึงก็เหมือนกันไอ้แมทมึงเป็นเพื่อนกูนะต้องเข้าข้างกูสิมึงไม่รักกูเหรอ” ไอ้แมทผลักหัวเพื่อนมันเต็มแรงพร้อมส่ายหน้าหน่ายๆ
“ถ้ากูไม่เห็นมึงเป็นเพื่อนกูจับมึงส่งกรมสุขภาพจิตไปนานแล้วเต้ย ป่ะกูพาไปหาของกินเผื่อจะหายงอน” เท่านั้นแหละครับแค่ไอ้แมทมันชวนไปหาของกินไอ้เต้ยก็ยิ้มแป้นพยักหน้ารัวๆแถมยังหันมายิ้มสยามให้ไอ้คิวอีกต่างหาก เออ เอากับอารมณ์มันสิขึ้นลงเร็วยิ่งกว่าหุ้นปตท.
“พี่คิวเอาไรป่ะเต้ยจะไปเซเว่น” ไอ้คิวขำหึอยู่ในคอพร้อมกับบีบจมูกไอ้เต้ยอย่างปลงๆมันคงชินกับนิสัยไอ้เต้ยแล้วล่ะผมว่า เหอๆ
“ฮึ แล้วก็อย่าซื้อเยอะล่ะในกระเป๋าที่มึงให้กูแบกมาด้วยก็กินได้เป็นชาติแล้ว” ไอ้คิวบ่นแต่ว่าก็ยังยื่นเงินให้เด็กมันไปซื้อขนม
“ค้าบบบบบบบบบ ป่ะแมทแฟนกูเลี้ยงพันนึงเลยนะเว้ยยยย” ไอ้เต้ยเลยยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม เอ่อ เมื่อกี้ไอ้คนที่มันหน้างอๆบึ้งๆมันหายไปไหนแล้ว
“ไอ้แมทไอ้เต้ยไปไหนกันวะ” ไอ้เบียร์กับไอ้ภูมิที่เดินสวนมาถามไอ้เด็กสองคนนั่น
“ไปเว่น เฮียเอาไรป่าว” ไอ้เบียร์โบกมือปฏิเสธไอ้เต้ยเลยลากไอ้แมทวิ่งต่อ
“เสด็จแล้วหรอมึง” ภูมิทักไอ้คิวแล้วนั่งลงข้างๆผม
“เออดิกว่ากูจะได้ออกจากบ้านมึงรู้ไหมว่ากูเกือบฆาตกรรมหั่นศพไอ้เต้ยไปกี่ครั้งแม่ง”
“หึ ทำไมวะ”
“มันจะเอากางเกงว่ายน้ำกับห่วงยางมาอ่ะมึงงงงงงง พูดแล้วก็ปวดหัวจี๊ดๆเลยกู” ไอ้คิวมันบ่นๆให้ไอ้เบียร์ฟังไปเรื่อยเปื่อยส่วนภูมิมันไม่ได้สนใจไอ้คิวแล้วครับเพราะมันเอาแต่พยักเพยิดหน้ามาที่โทรศัพท์ของผมซึ่งวางอยู่บนตัก เหมือนมันถามว่าจะโทรหาใคร ใครโทรมาในเมื่อเล่นโทรศัพท์มันทำไมไม่เก็บของตัวเองเทือกๆนั้นแหละครับ
เออว่ะกูนี่ก็เก่งเนอะแปลภาษาตาออกด้วยผมว่าผมเก่งกว่าไอ้คิวกับไอ้เต้ยอีกนะเนี่ย ว่างๆไปสมัครงานพาร์ทไทม์ที่สวนสัตว์เขาดินดีกว่าไปเป็นล่ามให้คนที่มาเที่ยวเผื่อเขาอยากคุยกับสัตว์ กร้ากกกก กูไม่ได้ว่ามึงนะภูมิและก่อนที่ภูมิมันจะทำหน้าคาดคั้นมากไปกว่านี้ผมเลยต้องบอกว่า
“ขี้เกียจเก็บ” แต่ความจริงก็คือก่อนหน้านี้ผม…………….คุยกับไอ้คลื่น แฮ่ เพิ่งคุยเสร็จน่ะเลยขี้เกียจเก็บแถมแองกี้เบิร์ดก็ติดพันด้วย คลื่นมันแค่โทรมาอวยพรให้ผมเดินทางปลอดภัยแค่นั้นเอง อ่อแล้วก็ทวงของฝากด้วย
ไอ้ภูมิพยักหน้าไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้ามันเอาโทรศัพท์ไปดูนี่กูฮาเลยนะครับพี่น้องคร้าบบบจากที่ไม่มีอะไรจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที ผมกับคลื่นไม่ได้แอบทำอะไรไม่ดีนะเราก็คุยกันประสาเพื่อนน่ะแต่ผมขี้เกียจฟังไอ้ภูมิมันบ่นดีไม่ดีเดี๋ยวมันจะโทรไปด่าไอ้คลื่นอีกเพราะงั้นไม่ต้องบอกและดีที่สุด ขุนแผนอีกแล้วกู เฮอะ
“เอาของมาครบแน่นะพีม”
“คิดว่า” ปากก็ตอบไปแต่ตานี่เล็งอยู่ว่าไอ้นกตัวสุดท้ายจะทำให้ผมชนะไหม
“แล้วเอาเสื้อแขนยาวมากี่ตัวตัวสีเทาที่บอกให้เอามาด้วยอยู่ไหนทำไมไม่ใส่…..เลิกเล่นก่อนได้ไหมเตี้ย” มันไม่พูดเปล่ายังเอามือแข็งๆมางัดคางผมอีก อย่ามามองดุๆแบบนั้นนะเฟ้ยยยยเดี๋ยวกูกลัว คึ
“อยู่ในเป้นี่กูเอามาครบน่าไม่ต้องห่วง” ผมทำหน้าแข็งขันชูเป้ที่อยู่บนตักให้ภูมิดูมันเลยดีดหน้าผากซะหนึ่งทีถึงไม่แรงแต่มันก็แสบนะเว้ย จะไม่ครบได้ไงละผมเล่นจัดไว้ตั้งแต่สามวันก่อน ผ้าห่มเอย ผ้าเช็ดตัว เสื้อแขนยาว กกน แฮ่ อีกคนล่ะโหล สบู่ ยาสีฟัน
และที่ขาดไม่ได้เพราะถ้าขาดไปไอ้ภูมิมันต้องตาย ลงแดงตายแน่ๆนั่นก็คือไอ้เสือน้อยไอ้หมีโกโรโกโสนั่นที่ผมต้องแบกใส่กระเป๋ามาด้วย ฮึ่มมมม กูอยากจะบ้าตายของทั้งหมดใช้กระเป๋าสี่ใบไม่นับเป้ใบที่ใส่ของกระจุกกระจิกบนตักผม แล้วมันยังมีหน้ามาถามนะว่าของครบไหมทีตอนกูจัดกระเป๋าเอาแต่นอนดูสกูปปี้ดูว์ไม่เคยคิดจะช่วยหรอกทีงี้ละมาถาม ตบหูหลุดแม่งเลย….. หมายเหตุ กูกล้า? ฮ่าๆ ไม่กล้าว่ะครับ
“เอาออกมาใส่เดี๋ยวขึ้นรถไฟเผื่อมันหนาว” เสียงไก่เสียงการึจะสำคัญเท่าน้องนก
“เออ รอขึ้นรถก่อนดิเห็นไหมเนี่ยว่ากูไม่ว่าง”
“เอาออกมาใส่”
“…………………….”ฟิ้วววววววววว นกตัวสุดท้ายถูกดีดออกไปแล้วอยากสวยงาม
“พีม” ผมเหลือบมองเจ้าของน้ำเสียงแข็งๆและตาดุๆ ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าถ้าผมสละเวลาสักนาทีสองนาทีเพื่อหยิบเสื้อขึ้นมาใส่แลกกับการมีชีวิตรอดหรือจะขัดขืนคำสั่งมันแล้วปลิดชีวิตตัวเองภายในหนึ่งวินาทีหนทางไหนจะดีที่สุด แม่งอะไรๆก็สั่งเอาๆบังคับกูอยู่ได้ มันจะลมจะหนาวอะไรนักหนาวะไม่เห็นรึไงว่ากูจะชนะอยู่แล้วเนี่ย…..แต่ถามว่าผมจะเอาเสื้อขึ้นมาใส่ไหม
……..ใส่ครับ แฮ่ ก็ดูมันมองดิจะงับคอผมอยู่แล้วอย่านะมึงอย่ากัดกูนะกูไม่อยากฉีดยากันบาดทะยัก ฮา ผมเลยจำใจเปิดกระเป๋าเอาเสื้อแขนยาวมาใส่ ไม่ลืมทิ้งสายตาโหดๆใส่มันแต่ทำไมเชี่ยหมาภูมิถึงยิ้มวะ
“ก็แค่นั้นแหละพูดดีๆไม่ชอบต้องให้กูเล่นบทโหดหรือมึงมาโซวะเตี้ย หึหึ” ผมลงโทษคนปากพร่อยอย่างมันด้วยการเสยกบาลมันไปที
“โอ๊ยยยยย” แต่กลับไม่ใช่เสียงของภูมิที่ร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะมันเป็นเสียงผมเอง ใครตบหัวกูวะผมรีบหันไปก็เจอไอ้ฟ่างยืนยกยิ้มมุมปากอยู่ “เชี่ยฟ่างมึงตบหัวกูไมวะ”
“มึงตบหัวน้องกูก่อนกูแค่ปกป้องน้อง…กูผิดตรงไหน” หนอยยยยยผิดตรงที่มึงตบหัวกูนี่แหละแล้วไอ้ภูมิยังมีหน้ามาขำอีกผมเลยเงยหน้ามองไอ้แทนส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือให้มันแก้แค้นให้
“เอาดิ” แต่ไอ้ฟ่างเสือกหันไปท้าไอ้แทนก่อนเพื่อนผมที่ยกมือค้างเหมือนจะตบหัวเลยกลายเป็นกระพุ่มพนมมือสวยงามย่อตัวแบบผู้หญิงไหว้เมียมันอย่างนอบน้อม ไอ้เวรรรรรรรรรรรรรรร
“กราบบบบบบจ๊ะเมียจ๋า” ฮ่าๆๆๆๆ พวกไอ้คิวขำลั่นจนคนอื่นหันมามองเชี่ยแทนก็หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งไอ้ฟ่าง ไอ้โรคจิตกลัวเมียแล้วทิ้งเพื่อนไอ้ฟ่างยิ้มเยาะผมก่อนจะกอดคอไอ้แทนไปหาพวกพี่โจ๊ก
“ผัวก็ทิ้งเพื่อนก็ไม่สนใจ โถๆๆๆน่าสงสารมึงว่าไหมเบียร์ ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้คิวล้อผมเสร็จมันก็รีบวิ่งหนีก่อนที่ผมจะทันได้เขวี้ยงขวดน้ำใส่ปากหมาๆของมัน
“มึงขำอะไรไอ้เบียร์เมาโตเกียวรึไงห๊ะ” พาลให้หมดใครอยู่ใกล้กูจะพาลให้หมด
“เอ้า ขำก็ไม่ได้แฟนมึงท่าจะบ้าแล้วภูมิ” ไอ้ราชนิกุลกัดผมพอให้เลือดซิบก่อนจะเดินตามรอยไอ้คิว
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเดี๋ยวแก้มมันก็แตกหรอก” ภูมิจับแก้มผมยืดจนเหมือนมันจะขาดผมเลยปัดมือมันทิ้ง กูเจ็บบบบ
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ” ผมหันมาเอาเรื่องกับไอ้คนต้นเหตุภูมิมันไม่ใช่คนขี้แกล้งออกแนวพวกรักสันโดษด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงชอบแหย่ชอบกวนชอบแกล้งผมจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของมันไปแล้ว “ทำไมต้องแกล้งกูด้วยห๊ะ”
“ก็กูมีแฟนอยู่แค่คนเดียวไม่ให้แกล้งมึงแล้วจะให้กูไปแกล้งใคร”>///<
ถ้ามึงจะพูดขนาดนี้แล้วก็นะ…….งั้นก็เชิญแกล้งกูต่อไปเถอะ
แสรดดดดดดดดดดดดดด
………………………………..
“ทุกคนคร้าบบบบเตรียมตัวๆได้เวลารถจะออกแล้ว มารวมกันตรงนี้บูมค่ายบูมมหาลัยเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนนะครับบบบ” เสียงไอ้ปันตะโกนบอกพวกผมทุกคนก็ลุกออกไปยืนรวมกันเป็นวงกลมก่อนจะกอดคอแล้วตะโกนบูมชมรมบูมมหาลัยสุดเสียง
ขอให้ค่ายอาสาครั้งนี้มีแต่เรื่องดีๆนะครับ^_^
บูมเสร็จพวกเราก็รีบสะพายกระเป๋าเตรียมยกของขึ้นรถไฟครั้งนี้พวกผมเหมาทั้งโบกี้เลย ผู้ชายบางส่วนขึ้นไปก่อนเพราะต้องรับส่งของทางหน้าต่าง พวกตัวสูงๆอย่างไอ้ภูมิไอ้เชนไอ้แทนก็อยู่ข้างล่างเป็นฝ่ายส่งกล่องส่งลังส่วนผู้หญิงก็ช่วยถืออะไรที่เบาๆและสวัสดิการอย่างผมก็ต้องไปดูแลเรื่องของกินที่จะแจกชาวค่ายบนรถไฟ เหมือนจะเยอะใช่ไหมครับแต่เพราะพวกเราช่วยกันขนคนละรอบสองรอบก็เสร็จแล้ว
ผ่านไปไม่กี่นาทีชาวค่ายทุกคนก็ขึ้นไปจับจองที่นั่งบนรถไฟแล้วเรียบร้อย เหลือผมกับไอ้น้องปาร์คที่ยังยกลังนมขึ้นมาเป็นสองคนสุดท้ายเสียงโหวกเหวกโวยวายและความวุ่นวายที่เดินกันให้ควั่ก ค่ายครั้งนี้มีผู้ชายเยอะกว่าก็จริงแต่เสียงผู้หญิงนี่กลบหมดเลยที่สำคัญทำไมพวกคุณๆไม่นั่งกันวะครับ
“แกๆตื่นเต้นว่ะแม่แจ่มจะหนาวป่ะวะ”
“หนาวสิปกติบนดอยก็หนาวอยู่แล้วอ่ะแก แล้วนี่หน้าหนาวอีกโอ๊ยยยยอากาศหนาวๆได้ดูรุ่นพี่หล่อๆ อ๊ากกกแค่คิดฉันก็….อรั้ยยย”
“ไอ้นัทๆ ไอ้นัทอยู่ไหนนนนกระเป๋ามึงอยู่กับกูนะเว้ย”
“น้องๆค๊าขึ้นมาแล้วก็เช็คเพื่อนเช็คของตัวเองให้เรียบร้อยนะคะใครตกใครหล่นใครหายจะได้ตามไปเก็บทันอีกสองนาทีรถออกแล้ว สวัสดิการๆผู้ชายน่ะมาช่วยดูของทางนี้หน่อย”
“หมอเชน”
“คะ”
“กล่องยาอยู่กับหมอเชนรึเปล่า”
“เปล่าครับกล่องยาอยู่กับพี่นาถหมอกานต์จะเอาอะไรไม่สบายเหรอคะ”
“เปล่าๆพี่สบายดีแต่น้องวิเจ็บคอน่ะพี่จะหายาให้”
“หลบประธานหน่อยคร้าบบกูไม่มีที่นั่งเพื่อนประธานอยู่ไหนแสดงตัวหน่อยโว้ย”
“อีแป๋วววววว เหล้าอยู่ไหนวะ”
“เชี่ยตั้มมึงจะลงแดงกันรึไงวะขึ้นมาปุ๊บก็จะแดกปั๊บระวังเจ้าหน้าที่เขาเดินตรวจแล้วจับพวกมึงโยนลงรถนะโว้ย”
“เอ้ากูถามดีๆบ่นเป็นชุดเลยมึงตกลงว่าลังเบียร์อยู่ไหนมึงจะบอกกูดีๆรึจะให้พี่ปล้นจ๊ะน้องสาว”
“น้องสาวป้ามึงสิเหล้าอยู่กับไอ้โจ๊กชงให้กูด้วย”
“คุณเจ้ๆมาถ่ายรูปเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีให้การรถไฟไทยหน่อยค่ะ”
“ไฮโซวววไฮเทคล้ำได้อีกค่ามึงว่าเบาะมันจะกัดกูไหมอีกระปุก”
สารพัดเสียงของพวกผมส่งเสียงไกลไปถึงหัวขบวนแน่ๆคนที่อยู่โบกี้อื่นเขาคงงงๆว่าไอ้เด็กกลุ่มนี้มันมาจากไหนมันจะไปทำอะไรและใครเอามันเข้ามา ฮา หลังจากช่วยพี่ดาวกับไอ้น้องปาร์คเช็คของและเตรียมของกินเสร็จ ผมก็มองหากลุ่มตัวเองหาอยู่ซักพักก็เห็นภูมิชูมือเรียกผมเลยเดินไปหาแม่งเกือบสุดโบกี้แหนะ
“ไปไหนมา” ภูมิถามแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อรับกระเป๋าจากผมขึ้นไปเก็บบนที่เก็บข้างบนให้
“ยกของไปเก็บน่ะ” ไอ้ภูมิพยักหน้าบอกให้ผมเข้าไปนั่งข้างในตามจริงเราต้องนั่งสามคนต่อหนึ่งเบาะเพราะไม่งั้นมันไม่พอแต่ผมกับภูมิเป็นกรณีพิเศษ คึ เบาะตรงข้ามผมเป็นไอ้เบียร์ไอ้เชนไอ้ปันแม่งมีแต่พวกขายาวๆ ส่วนคนที่นั่งหันหลังชนกับผมคือไอ้แทนไอ้ฟ่างแล้วก็ไอ้ดลเพื่อนไอ้แทน เบาะด้านข้างผมเป็นไอ้คิวไอ้เต้ยไอ้แมท ตรงข้ามพวกไอ้คิวเป็นไอ้มิคอีเฟรนอีจี้
พวกผู้หญิงจะอยู่โซนหน้าๆผู้ชายก็กองกันอยู่ข้างหลังหนึ่งโบกี้สำหรับคนห้าสิบคนถึงจะนั่งสามคนต่อหนึ่งเบาะก็ยังถือว่าเล็กไปครับ ดึกๆคงมีการโยกย้ายถ่ายเทไปโบกี้อื่นไม่งั้นนอนไม่พอ อ่อ พวกผมไม่ได้นั่งชั้นหนึ่งตู้นอนหรอกครับก็นะไปออกค่ายอาสาจะไปแบบสบายๆได้ไงมันต้องชั้นสามเบาะเขียวๆนี่แหละจะได้สมบุกสมบัน เหอๆกว่าจะถึงเชียงใหม่กูว่าตูดชาแน่ๆ
ปู๊นนนนนนนน
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
ทันทีที่รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนและมีเสียงฉึกฉักๆแว่วเข้าหูพวกบ้านนอกอย่างชมรมผมก็ส่งเสียงโห่เสียงฮิ้วเสียงเฮกันลั่นพร้อมๆกับเสียงกลองเสียงเพลงค่ายที่ดังขึ้นอย่างสนุกสนานมือกลองก็ไม่ใช่ใครอื่นไอ้คิวเจ้าเดิม พวกเจ๊แป๋วเจ๊ดาวกับพวกพี่ๆผู้หญิงปีสี่ลุกมาเต้นกันมันส์เลยแต่ก็คงสู้พวกอีเฟรนไม่ได้ ฮ่าๆ
ไอ้เบียร์กับไอ้เชนลุกออกไปร่วมวงข้างหลังที่เริ่มตั้งวงได้ยินเสียงแว่วๆน่าจะมีไอ้แทนด้วย เราต้องรีบกินครับเพราะถ้าไปถึงค่ายแล้วกินไม่ได้มันไม่เหมาะแต่ถ้าแอบก็อีกเรื่อง กร้ากกกก
ผมกับภูมิปรบมือร้องคลอไปตามเรื่องตามราวแล้วก็นั่งหัวเราะไอ้มิคกับอีเฟรนเกี้ยวกัน ไอ้มิคมันชอบแกล้งอีเฟรนชอบเรียกอีเฟรนว่าเมียจ๋า ฮ่าๆ บางทีก็เข้าไปกอดบ้างบิดนมบ้างจับก้นบ้างเพราะอีเฟรนมันขี้รำคาญ พอมีคนไปยุ่งกับร่างกายมันก็จะแว๊ดๆใส่แต่ถ้ากอดเฉยๆมันก็ไม่ว่าอะไรหรอก
“ตกลงขากลับจะแวะไปหาพ่อแม่ไหมเตี้ย” อยู่ๆภูมิก็ถามขึ้นตอนที่เหลือเราแค่สองคนเพราะไอ้ปันลุกออกไปแจมกับพวกไอ้คิวแล้ว
“ก็แวะดิกูไม่ได้กลับบ้านมาสามเดือนแล้วนะแล้วมึง…….อ่ะแม่โทรมาพอดีเลย…….โหลลลลสวัสดีค้าบบบคุณแม่ที่รัก”
“แม่เหรอเตี้ย” ภูมิกระซิบถามผมเลยพยักหน้าและยิ้มให้มัน
“อืม” ผมรับโทรศัพท์แม่และแกล้งลูบหัวไอ้หล่อเหมือนมันเป็นหมา ฮ่าๆ มันค้อนควับจับมือผมไปกุมเฉยเลย ผมเลยแกล้งมองมันแบบล้อเลียนว่ามันน่ะฉวยโอกาส กิ๊วๆ
“เสียงใสขนาดเลยเน้อบ่าลูกจายจะได่ไปค่ายเนี่ยแล้วต่อนนี้พีมอยู่ไหนแล่ว” หือออมาซะคำเมืองเลยนะคุณนาย สงสัยจะอารมณ์ดีแฮะ
“ยังบ่าถึงไหนเลยครับแม่รถออกตะกี้นิเออแม่ๆตอนนี้บ้านเฮาหนาวก่อตะวาหันแม่ว่าฝนต่ก” อู้กับคุณนายเขาหน่อยแต่ผมว่าเสียงแม่ดูสดใสแจ่มจ้าเจิดจรัสกว่าผมอีกนะ
“ต่อนนี้ก่อยังต่กยุเลยลูกมันก็เป๋นแบบนี้แหละเดี๋ยวก่อฮ้อนเดี๋ยวก่อหนาวเดี๋ยวก่อฝน โลกมันถ้าจะแตกอย่างที่เปิ้นว่าแต้ๆละก้า ตี้บ้านบ่ก่อยหนาวสักเต่าใดลูกอากาศเย็นๆแต่ติ้ดแล้วตึงหนาวตึงลม แม่ว่าบนดอยถ้าจะหนาวกว่านี้แล้ว พีมเอาเสื้อกั๋นหนาวผ้าห่มมาโตยก่อหื้อแหม่เอาไปหื้อที่สถานีรถไฟก่อลูกพีมจะมาถึงกี่โมง”
“บ่าเป๋นหยังครับแม่พีมเอามาแล้วครับแล้วแม่ยะหยังยุ”
“แม่กะลังจะไปงานแต่งลูกบ่าวท่านผู่ว่านะก่ะ พีมฮู้ก่อว่าป่อตั๋วจะได้ขึ้นไปกล่าวอวยพรหื้อกู่บ่าวสาวโตยเน้อ เปิ้นแต่งตั๋วเหมินขนาดแม่ป่อจะหลับ” กร้ากกกกกกกก หนวดนายแน่มากถ้าไม่ใช่ว่าพ่อกับคุณลุงผู้ว่าเป็นเพื่อนกันผมว่าเขาไม่มีทางให้พ่อขึ้นพูดหรอก หน้าโหดขนาดนั้นเดี๋ยวแขกในงานกลัวนึกว่าโจร กร้ากก เค้าล้อเล่นนะพ่ออออเค้ารักเตงนะเว้ย
“แต้กะแม่ปั้ดโท๊ะสงสารเจ้าบ่าวเจ้าสาวเปิ้นขนาดแล้วป่อได๋ไปเป๋นปู่ใหญ่ในงานใสซองหื้อเขาเต้าใด”
“ฮ่าๆ ป่อตั๋วจะไปฮู้อะหยังเรื้องซองอยู่ตี้แม่เพ้ เออ อู้ถึงเรื่องแต่งงานแล้วเหมื่อใดลูกเขยแม่จะยกขันหมากมาขอลูกแม่ซะที” รู้สึกเหมือนมีใครเอาไฟเอาเตาถ่านมาจุดบนหน้าผมเลยว่ะ อ๊ากกกกกกกกกกกไม่พูดแล้วคำเมือง
ตั้งแต่วันที่แม่รู้เรื่องตั้งแต่วันที่ครอบครัวเรายอมเปิดใจแม่ผมก็ตั้งอกตั้งใจแซวเรื่องภูมิทุกครั้งที่โทรมา ผมเงยหน้ามองภูมิที่ขมวดคิ้วมอง มันคงอยากฟังด้วยว่าผมกับแม่คุยอะไรกันเพราะมันเนี่ยขึ้นแท่นลูกรักของคุณนายเขา ผมได้ข่าวว่าแอบคุยกันบ่อยด้วยนะแต่คราวนี้มันฟังไม่รู้เรื่องผมบีบแก้มมันเบาๆแล้ว…..ตะโกนใส่แม่ซะเลยอยากแซวดีนัก
“แม๊อ๊ะ ดองเดิงอะไร ไม่ใช่เหอะ” นาทีนี้ขอโวยวายไว้ก่อนเถอะวะถึงแม้ว่าความจริงครอบครัวเราเริ่มติดต่อกันมาได้ซักพักแล้วโดยเฉพาะคุณแม่ทั้งสองอาจจะเป็นเพราะท่านชอบอะไรเหมือนๆกันอายุก็ใกล้ๆกันด้วย ถ้าจำไม่ผิดคุณนายน่าจะแก่กว่าคุณแม่ภูมิสองสามปี เห็นคุยถูกคอกันซะเหลือเกินเรื่องสปาเรื่องนวดแผนไทยเนี่ยแต่ไอ้เรื่องที่จะขึ้นมาเยี่ยมนี่ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน
“ฮ่าๆ ตั๋วจะอู้ดังยะหยัง วันก่อนแม่หันน้องภูมิโทมาหาแม่ เค้าบอกจะขึ้นมาเยี่ยมเพราะไหนๆก็จะเป๋นดองกั๋นแล้ว”
“โหยยยย อย่าแซวเด้ แม่อ่ะบ้าบอก็บอกไม่ใช่ไง”
“จะบ่ใจ้ได้จะใดในเมื่อลูกจายเปิ้นยะผิ้ดผีลูกจายแม่มาเป๋นปีแล้ว ต่อนนี้แม่ตัดจุ้ดถ้ารอนับเงินแสนยุ”
“อ่ะๆอั้นบ่าแซวแล้วก่อได๋ ถ้าพีมออกค่ายแล้วพาลูกเขยมาหาป่อกั้บแม่ผ่องเน้อ” นี่คือไม่แซวเหรอแม่ โอยยยยยยยย
“แม่!!!!”
“ฮ่าๆ ลูกแมวเอ๊ยแล้วน้องภูมิยุไหน”
“มันก่อนั่งแปงหน้างงๆอยู่แถวหั้นเหนาะ” ผมหันมามองไอ้หล่อที่ยังนั่งจ้องผมตาแป๋ว เออ งงเข้าไปเถอะมึง
“ถ้าจะกรุณาไหนฮ้องมาอู้กั้บแม่ยายจิมหร้อบ่าได้ยินเสียงหล่อๆมาหลายวันแล่วแม่ยายกึดเติงหา..” ผมยื่นโทรศัพท์เห็นไอ้ภูมิคุยกับแม่ปล่อยลูกชายสุดที่รักคนใหม่เขาทำคะแนนไป ส่วนผมก็เอาไอโฟนมันมาเล่นมั่งแฮ่มึงเอาแม่กูไปกูเอาไอโฟนมึงมา วินวิน