เป็นเวลาหลายนาทีที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมันเงียบเหงามันเศร้าจนผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ภูมิหันมายิ้มบางๆให้ผมก่อนจะกอดผมเอาไว้ มันซุกหน้าลงกับไหล่ผมและเราต่างร้องไห้เงียบๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นผมถึงค่อยๆดันภูมิออก ผมจ้องมองใบหน้าหล่อใกล้ๆ
ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมรักแม้ว่ามันเคยร้ายกับผมไว้มาก วันเวลาที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้ได้ทำเรื่องดีๆให้กับชีวิตผมมากมาย ผมไม่เคยเสียใจหรือเสียดายที่ได้รักมันแม้ว่าเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมลืมเรื่องผู้ชายผู้หญิงลืมกฎเกณฑ์ข้อจำกัดต่างๆ ผมรู้แค่ว่าผมรักภูมิ ผมรู้แค่นี้จริงๆ
ผู้ชายคนที่กำลังกอดผมอยู่ตอนนี้เคยบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็จะปกป้องผม จะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุด ทั้งๆที่ภูมิอ่อนไหวและเปราะบางเรื่องความรักแต่วันนี้ภูมิก็ทำให้ผมได้เห็นแล้วว่ามันได้ทำเพื่อรักของเราอย่างที่เคยพูดไว้
“เจ็บมากมั้ย” ผมไล้ปลายนิ้วไปตามริ้วสีแดงเป็นรอยนิ้วมือบนแก้มใสๆของภูมิ น้ำเสียงผมสั่นเพราะเห็นดวงตาแดงๆของภูมิ เห็นความเจ็บปวดในดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่ผมรักมันเสมอไม่ว่ามันจะสื่ออารมณ์ใดก็ตาม
“ไม่เป็นไร” ภูมิวางมือทับกับมือของผมส่วนอีกมือมันก็ยื่นมาเช็ดน้ำตาให้
“เดี๋ยวทายาให้นะ”
“ไม่เป็นไรมันไม่เจ็บเท่าเห็นน้ำตามึงหรอก อย่าร้องไห้สิพีม กูสัญญาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะอยู่ด้วยกัน กูจะอธิบายกับพ่อเอง จะทำให้พ่อเข้าใจมึงอย่าคิดมากนะ” ยิ่งได้ฟังคำปลอบใจของภูมิผมก็ยิ่งอยากจะร้องให้สมกับความทรมานที่กำลังสุมในอก
“มึงน่ะ….เด็กกว่ากูเกือบปีเลยนะ จะมาปกป้องกูได้ไงต่อไปนี้กูจะดูแลมึงเอง” ภูมิอยู่ตรงกลางระหว่างครอบครัวกับความรักไม่ว่ามันจะเลือกทางไหนก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน และมันควรจะรู้ตัวซักทีว่าผมน่ะคือคนที่ต้องปกป้องมัน
………………………….
เมื่อคืนผมนอนไม่หลับภูมิเองก็เหมือนกัน มันนอนกอดผมเหมือนเช่นทุกคืน เราต่างอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่ในห้องเงียบๆมองดาวเรืองแสงนับร้อยปล่อยความคิดให้ล่องลอยไร้จุดหมาย ผมไม่รู้ว่าภูมิกำลังคิดอะไรแต่แค่มีอ้อมกอดของมันที่ยังมอบไออุ่นให้ผม แค่มันไม่ร้องไห้ก็พอแล้ว
เช้าของวันนี้เรายังต้องทำหน้าที่ของตัวเองทำกิจวัตรอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ ภูมิทำอาหารเช้าง่ายๆสำหรับเราสองคน ขับรถมาเรียนด้วยกัน มันมาส่งผมที่คณะ ผมกับภูมิยังไปเรียน ยังอยู่กับเพื่อน ทำโปรเจคทำรายงาน ภูมิซ้อมบาสซ้อมดนตรี เรายังใช้ชีวิตในแบบของเราแค่เพิ่มความพยายามให้มันดูปกติและมีอาการเหม่อลอยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกการกระทำแค่นั้นเอง
ผมเหม่อบ่อยจนไอ้คิวไล่ไปเล็มหญ้าเพราะมันหาว่าผมไม่อยากใช้สมองครองสติ แล้วมันก็ด่าส่งท้ายอีกว่าถ้ามีเรื่องไม่สบายใจแล้วไม่บอกไม่พูดก็ให้ไปไกลๆตีนมัน หรือไม่ก็อมทุกข์แทนเหรียญบาทก่อนตายซะ มันเหมือนจะโกรธผมด้วยมั้งที่ไม่ยอมบอกไม่ยอมเล่าให้มันฟัง
ไอ้คิวมันไม่เคยถามหรอกครับว่าผมกำลังเครียดเรื่องอะไร มันแค่จะถามสั้นๆว่า “จะบอกกูได้รึยัง” ผมไม่รู้ว่าทำไมคิวมันดูออกว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจทั้งที่ผมก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ผมพยายามแล้วจริงๆ
ผมพยายามคิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ผมบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก และแม้ว่าไอ้คิวจะทำปากหมาแต่ผมรู้ว่ามันน่ะเป็นห่วง ผมโชคดีที่อยากน้อยเวลาเจอเรื่องร้ายๆหรือเจอปัญหาแย่ๆผมก็ยังมีเพื่อนที่พร้อมจะรับฟังและคอยช่วยอยู่ข้างๆมันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้นะครับ
วันนี้ภูมิก็มารับผมกลับเหมือนอย่างเคย ไปดูภูมิซ้อมดนตรี ซ้อมเสร็จก่อนกลับคอนโดก็แวะกินข้าววันนี้ต้องรีบหน่อยเพราะฟ่างบอกจะแวะมาหามันมีเรื่องจะคุยด้วย ผมคิดน่าจะเป็นเรื่องเมื่อวานตอนนี้อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดผมคงได้แต่ทำใจยอมรับและหวังว่าฟ่างกับไอ้แทนคงไม่เจอเหตุการณ์แบบผม
ผมกับภูมินั่งดูการ์ตูนด้วยกันประมาณสามทุ่มกว่าๆเสียงกริ่งก็ดัง ผมไปเปิดประตูให้ก็เห็นไอ้แทนกับไอ้ฟ่างที่เดินโอบกันมาหน้าระรื่น หึ วันก่อนแม่งยังทะเลาะกันอยู่เลยมาวันนี้ไอ้แทนก็ทำตัวเสี่ยวๆกับไอ้ฟ่างเหมือนเดิม เห็นมันสองคนยังมีความสุขดีผมก็ดีใจ ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าควรพูดสิ่งที่ตั้งใจจะพูดกับพวกมั้นดีมั้ย ผมอยากเห็นเพื่อนของผมยังยิ้มได้ ผมไม่อยากทำร้ายความสุขของพวกมันเลย
“เฮ้ย ทำหน้าเหมือนไม่ได้ผสมพันธุ์กันเลยนะมึงสองตัวเนี่ย เครียดไรกันวะ” ไอ้แทนเอ่ยถามพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตรงข้ามภูมิ มันดึงไอ้ฟ่างลงไปนั่งข้างๆทั้งที่ไอ้ฟ่างจะเดินไปไหนซักที่
“แทน กูจะเยี่ยว มึงปล่อยก่อนได้มั้ยสัส”
“อ้าว คุณเมียจะฉี่หรอครับ เชิญครับเชิญให้ผัวไปช่วยถือมั้ยครับ” ไอ้แทนทำตาทำหน้าทะเล้นใส่ฟ่างที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“แดกฟอร์มาลีนเยอะไปเหรอมึง” ภูมิว่ายิ้มๆ
“แดกน้ำพี่ชายมึงมากไปมั้งโอ๊ยย ฟ่างกูเจ็บ โอ๊ยยยยฟ่าง แทนล้อเล่น โอ๊ยเชี่ยกูเจ็บบบบบ” ไอ้ฟ่างบิดหูไอ้แทนจนแดงเลยครับ
“กินในที่ลับแล้วเอาเผยในที่แจ้งหรอมึง ห๊ะ” เชี่ยฟ่างกัดฟันพูด ตาโตๆของมันดุได้อีก
“โอ๊ยๆขอโทษครับ กูเจ็บ อูยยย มึงจะไปฉี่ไม่ใช่เหรอ ไปสิไป”
“เออ ถ้าหมาไม่เห่ากูก็คงได้ฉี่แล้ว เดี๋ยวพ่อฉี่ใส่ปาก”
“มาสิ มาๆกูอ้าปากรอแต่กูไม่กินแค่ฉี่นะ หึหึ” หึ ไอ้แทนมันอาการหนักเหมือนที่ไอ้คิวว่าไว้จริงๆ มันเป็นโรคฟ่างลิซึ่มระยะสุดท้ายแล้วล่ะ ผมส่ายหัวและเผลอหัวเราะเมื่อไอ้แทนกระโดดหลบไปหลังโซฟามันยิ้มกวนตีนที่ไอ้ฟ่างคว้าคอมันไม่ทัน ไอ้ฟ่างมองไอ้แทนตาขวางก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ
“หึหึ พี่มึงแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะว่ามั้ยภูมิ” เชี่ยแทนเข้าขั้นโคม่าแล้วจริงๆ บอกตรงๆว่าผมมองไม่เห็นความน่ารักของไอ้ฟ่างเลยถ้าจะมีก็คงมีแต่ความน่ากลัว
“มึงหลงพี่กูมากนะไอ้ห่า”
“ก็พอๆกับที่มึงคลั่งเพื่อนกูไง เพื่อนกูมันไซส์มินิๆ พกพาง่าย ชิมิๆ กรั่กๆ”
“ภูมิวันก่อนมึงจำได้มั้ยว่าหมาที่ไหนมันงอนแฟนแล้วแม่งโคตรตุ๊ดเลยว่ะ” ผมกับภูมิร่วมด้วยช่วยกันขำไอ้แทนที่ยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้
“เมื่อวานเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วกูถือเป็นเรื่องของอดีตกาล อย่าไปใส่ใจโอเค๊ ว่าแต่พวกมึงเถอะเป็นอะไรวะกูเห็นแม่งทำหน้าซึมๆ มึงด้วยไอ้พีมไอ้คิวโทรมารายงานกูว่ามึงเหม่อทั้งวัน เป็นไร” ห่าแทนมึงอย่ามาเผด็จการกับกูนะ มึงโดนไอ้ฟ่างออสโมซิสสันดานโหดให้รึไง ไอ้คิวก็อีกตัวพอตัวเองเอาคำตอบไม่ได้ก็ไปฟ้องไอ้แทน ดีนะมันไม่ไปบอกไอ้เชนไม่งั้นล่ะมึงเอ้ย ปิดไปเถอะปิดให้ตายไอ้หมอฟันดะก็สืบได้อยู่ดี
ผมกับภูมิมองหน้ากันแล้วต่างถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงให้ไอ้แทนฟัง มันพูดยากเหมือนกันนะ
“แทนมึงจ้องหน้าน้องกูทำไม คุยอะไรกัน”
“ก็กำลังถามพวกมันอยู่ว่ามีเรื่องอะไรทำไมทำหน้าเครียดๆเหมือนแบกโลกไว้คนล่ะใบมึงดูดิ” ฟ่างนั่งลงข้างๆไอ้แทน มันเลิกคิ้วหันมามองที่ผมกับภูมิ
“นั่นสิ กูจะถามมึงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงบอกให้กูพามึงกลับบ้านไปก่อเรื่องอะไรอีกภูมิ” แค่ได้ยินคำว่าพ่อ ผมก็ใจฝ่อลงอย่างอัตโนมัติ ภูมิถอนหายใจเฮือกใหญ่มันกุมมือผมไว้ก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชายเสียงเบา
“ฟ่าง ช่วงนี้มึงกับไอ้แทนแยกกันอยู่ได้มั้ย กลับมาอยู่คอนโดกับภูมิก็ได้”“มึงหมายความว่าไงภูมิ” และแน่นอนว่าต้องเป็นไอ้แทนที่ฉุนมันขมวดคิ้วมุ่นจ้องไอ้ภูมิไม่วางตา
“พ่อรู้เรื่องกูกับพีมแล้ว” ไอ้ฟ่างอ้าปากค้างมันเหมือนคนที่จะพูดแต่กลับไร้เสียง ไอ้แทนหันมามองหน้าผมเหมือนให้ช่วยยืนยันว่าสิ่งที่มันได้ยินคือความจริง ผมพยักหน้าและพยายามส่งยิ้มไปให้มันแต่แค่ยกมุมปากทำไมมันถึงได้ยากเย็นนักก็ไม่รู้ พอตั้งสติได้ไอ้แทนก็รีบจับมือฟ่างไว้ไม่ปล่อย ฟ่างยังดูจะตกใจไม่หายเลย
“แล้วพ่อว่าไงบ้าง”
“ก็……ให้เลิกกัน” ก่อนจะพูดคำนั้นภูมิหันมามองหน้าผม ผมไม่อยากได้ยินและภูมิก็คงไม่อยากจะพูด ผมลูบหลังปลอบใจภูมิให้มันเบาใจ ฟ่างปล่อยมือไอ้แทนก่อนจะเดินมาหาภูมิ ภูมิเองก็หันไปกอดพี่ชายเอาไว้แน่นมันซุกลงกับไหล่ของฟ่างตอนนี้มันดูเหมือนเด็กคนนึงที่กำลังเหนื่อยล้าและพี่ชายอย่างฟ่างคงดูแลภูมิได้
“ไม่เป็นไรนะภูมิ พี่ยังอยู่ตรงนี้”
“ฟ่าง” ภูมิเอ่ยเรียกพี่ชายเสียงแผ่วไอ้ฟ่างกอดและลูบหัวภูมิเบาๆ
“เข้มแข็งไว้นะ ฟ่างรู้ว่าภูมิทำได้ ฟ่างจะไม่ปล่อยให้ภูมิอยู่คนเดียวฟ่างจะคุยกับพ่อ”
“ไม่เอาถ้าฟ่างคุยกับพ่อพ่ออาจจะรู้เรื่องของฟ่างด้วย” ไอ้ฟ่างมองไปที่ไอ้แทน มันสองคนสบตากัน ผมเห็นไอ้แทนส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวฟ่างของมัน และไอ้ฟ่างก็ยิ้มให้เพื่อนของผมเช่นกัน ก่อนที่มันจะส่งกำลังใจผ่านรอยยิ้มมาให้ผม ฟ่างกัดริมฝีปากจนสั่นตอนที่ไอ้แทนเดินมาลูบหัวมันเบาๆ
“ให้กูตายไม่ง่ายกว่าหรอวะ เราต้องห่างกันจริงๆเหรอวะฟ่าง”
“แค่แยกกันนอนแต่ตอนไปมหาลัยเราก็เจอกันได้ แทนมึงเข้าใจกูใช่มั้ยกูเป็นห่วงภูมิและกูก็กลัว……พ่อเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าพ่อรู้เรื่องของเราอีกกูไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงกว่าการห่างกันรึเปล่า” สุดท้ายรอยยิ้มและความสุขของไอ้แทนกับไอ้ฟ่างที่ผมอยากช่วยรักษาผมก็ทำไม่ได้
ไอ้แทนพยักหน้ารับมันดูจะยังตั้งตัวไม่ทัน มันหันมายิ้มให้ผมและเดินมาขยี้หัวผมจนผมยุ่งก่อนจะนั่งลงข้างๆพร้อมกับดึงผมไปกอด
“ไอ้ภูมิมันมีพี่ชายส่วนมึงก็ยังมีกูนะเพื่อน”
“ขอบคุณว่ะมึง”TBC >>>>>>>>>>
……………………
- แอบเสียน้ำตาไปกับพีมและภูมิเหมือนกัน ชีวิตมันก็ไม่ได้มีแต่ความสุขเห็นด้วยใช่มั้ยคะ ยังไงก็สู้ๆนะ
- ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ที่ให้กำลังใจมาเสมอนะคะ ไม่ว่าสุดท้ายความรักของภูมิกับพีมจะเป็นยังไงก็ขอให้ทุกคนช่วยจดจำความรักของทั้งคู่ด้วยนะคะ รักเสมอ จุ๊บๆ
- มีคนอ่านถามว่าตาลเอาบุคลิกแทจุนมาเป็นน้องเต้ยรึเปล่า กร้ากกก นี่อินขนาดนั้นเลยหรอ คือตาลไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยแทจุนเป็นยังไง น้องเต้ยไม่ได้มาจากแทจุนนะค๊า(เพิ่งรู้ว่าแทจุนวาดรูปเก่งก็ตอนคนอ่านบอกนี่แหละจ้า) ในความคิดตาลเต้ยมันเป็นเด็กซนๆคนนึงนะเด็กไฮเปอร์แล้วพอเห็นรูปแทจุนก็ อืมม ดูกวนๆซนๆดีเลยเอามาให้ดูเป็นอิมเมจ(อย่าซีเรียสเรื่องอิมเมจนะคะ ขำๆ ฮ่าๆ) ขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยใส่ใจหนุ่มๆนะคะ ขอบคุณอีกครั้งจ้า
-
ปล ช่วงนี้โปรเจคยักษ์ งานช้างเข้าค่ะ ชีวิตแลดูวุ่นวายต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะคะที่ตาลอาจจะมาช้าแล้วก็สั้นไป ถ้าผ่านเดือนนี้ไปคาดว่างานทั้งหลายจะลดลงบ้าง ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ