เสร็จจากมื้อกลางวันพวกผมก็แยกย้ายไปเรียนคณะใครคณะมัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าคาบบ่ายเป็นอะไรที่ชวนง่วงมากกกกครับ มันช่างทรมานอย่างแสนสาหัส เพรามันคือวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันออก เหอๆ
คุณครูผู้สอนก็ช่างจงรักภัคดีต่อแลบท็อป พูดแต่กับหน้าจอ ตะบี้ตะบันสอน ไม่เงยหน้ามามองเลยว่าลูกศิษย์ลูกหาได้ลาไปกราบพระอินทร์กันเกือบหมดคลาสแล้ว ไอ้คิวนี่แกนนำ มันไปก่อนใครเพื่อนเลย และพอจะหมดคาบอาจารย์ก็เอารายชื่อหนังสือที่พวกผมต้องไปอ่านเพิ่มมาให้ แล้วดูชื่อหนังสือแต่ล่ะเล่มสิครับ คนล่ะเรื่องกับป๋ากุลเลยอ่ะ
“เอาล่ะ ผมจะบอกแนวข้อสอบคร่าวๆ ข้อสอบมีทั้งหมดร้อยแปดสิบข้อ แบ่งเป็นสามส่วน”
“โห่ จารย์” เริ่มมีเสียงโห่เหมือนถูกทวงหนี้ บ้านไฟไหม้ เมียเล่นชู้ หนึ่งในนั้นก็มีเสียงผมด้วยอีกคน เหอๆ
“สุโค่ย ร้อยแปดสิบข้อ? คางเหลืองแน่กู” เสียงไอ้คิวแทรก มันก้มหน้าขมุมขมิบบ่นอยู่คนเดียว แหมทำเป็นคร่ำครวญนะมึง พูดเหมือนมึงจะอ่าน
“ออกหกบทที่เหลือจากมิดเทอม”
“แม่งเยอะสัส” ไอ้คิวก้มมากระซิบกับผม
“ข้อสอบมีสามส่วน ส่วนแรกเป็นข้อสอบความจำ ตอนสองจะวัดความเข้าใจ ตอนสามนักศึกษาต้องวิเคราะห์ ผมอยากจะดูว่าพวกคุณจำเนื้อหาได้ไหม เข้าใจทฤษฎีหรือไม่ และส่วนสุดท้ายที่เป็นข้อสอบวิเคราะห์ผมออกตามหนังสือเล่มนี้เป็นหลัก แต่อาจจะมีจากเล่มอื่นที่ผมบอกให้ไปอ่านเพิ่ม”
เก้าเล่มครับ อาจารย์แกให้รายชื่อหนังสือมาเก้าเล่ม ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับวิชานี้ เหอๆ แค่เห็นหนังสือผมก็อยากจะลาไปเกิดใหม่ ถ้าให้อ่านหมดนั่นศพกูจะเป็นยังไง
“เราเจอกันอีกสองครั้ง คาบหน้าผมจะสรุปเนื้อหาของอินเดียกับญี่ปุ่น และจะสอบเก็บคะแนนครั้งสุดท้ายอ่านหนังสือด้วยนะ ผมขอให้พวกคุณโชคดีกับการสอบ”
“หึ ขอโทษนะครับอาจารย์ ผมคงให้ตามที่อาจารย์ขอไม่ได้” ไอ้คิวมันฟั่นเฟือนไปแล้วครับ และผมก็คงตามมันไปติดๆ
หลังเรียนเสร็จผมกับไอ้คิวถูกพวกไอ้โจไอ้หนึ่งบังคับขืนใจให้เป็นตัวแทนเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออันเชิญพระไตรปิฎก เฮ้ย ไม่ใช่แระ คุณๆนี่ก็เพ้อตามผมไปเรื่อย เคยคิดจะห้ามกันบ้างไหมเนี่ย เอ๊อ
เอาใหม่นะ รีกลับ สาม สอง หนึ่ง แอ็คชั่น ผมกับไอ้คิวเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่อยากจะไปซักเท่าไรแต่ก็ต้องไป ใช่ครับที่นั่นก็คือ หอสมุด
ผมมาเพื่อหาหนังสือเก้าเล่มที่อาจารย์ให้อ่าน พวกผมรีบช่วยกันหา รีบซีร็อกซ์อกจะได้รีบออกไป กูไม่ถูกกับกลิ่นหนังสืออยู่นานๆอาจตายด้าน เอ้ย อาจตายได้ YoY
“เชี่ย กูนึกว่าเพชรพระอุมา แม่งยาวบรม ใครจะอ่านจบวะ” ไอ้คิวมันโวยวายพลิกหนังสือไปมา ทำหน้าเหมือนเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาซักร้อยชาติ
“ห่าคิว นี่ห้องสมุดนะมึง เบาๆหน่อยดิวะ” ผมเอามืออุดปากมัน ไอ้คิวปัดออกมันจิ๊ปากเซ็งๆ
“กูว่าเราเอาไปแค่นี้ก่อนดีกว่า วันหลังค่อยมาหาอีก” คือมันเยอะมากครับ จะทับคอผมแล้ว
“แล้วถ้าเกิดคนอื่นยืมไปก่อนล่ะ ทำให้มันเสร็จๆไปเหอะ กูขี้เกียจมาหลายรอบ” ทำไมมันดูหงุดหงิดๆวะ เหรอว่า….
“เออๆ แล้วมึงไม่รีบไปรับไอ้เต้ยเหรอ”
“ไปรับทำไม กูไม่ใช่คนขับรถรับส่งโว้ย มึงอย่าพูดมากได้ไหมแคระ หาไปหนังสือน่ะ เดี๋ยวกูจับฆ่าหมกในซอกนี่ซะหรอก” ผมกระพริบตาปริบๆ เชี่ยคิวมึงด่ากูทำไมเนี้ย มันต้องอารมณ์ค้างมาจากไอ้เต้ยแน่ๆ กะอีแค่ไอ้เต้ยไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วไม่โทรบอกมันก่อน มันก็โกรธ แม่งพอกันทั้งคู่ เฮ้อ
หาหนังสือครบแล้ว ถ่ายเอกสารเรียบร้อยผมก็แยกย้ายกับไอ้คิว(พอไอ้เต้ยโทรมาบอกให้ไปรับ เชี่ยคิวแม่งแทบจะบิน โธ่ ไหนบอกไม่แคร์ไงวะ)
แล้วผมกลับยังไงน่ะเหรอครับ หึหึ ไอ้ภูมิมันโดดซ้อมบาสมารับผม -_-ไอ้คลื่นโทรมาหาผมเพื่อฝากด่าไอ้กัปตันทีมที่ละเลยหน้าที่ปัดความรับผิดชอบให้มันตลอด -o- ทำไมพวกมึงไปเคลียร์กันเอง มาวุ่นวายกับกูทำมายยยยยT^T
แต่พูดถึงไอ้คลื่น ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังครับ แต่อย่าไปบอกภูมินะเว้ย นี่ผมไว้ใจเห็นเป็นคนกันเองนะเนี่ยเลยกล้าเล่า ก็คือเมื่อวันก่อนคลื่นมันชวนผมไปเลือกของขวัญวันเกิดให้น้องชาย
และพอดี๊พอดีว่าไอ้ภูมิไม่อยู่ มันไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ผมเลยแว่บไปกับไอ้คลื่นได้ รู้สึกว่าวันนั้นทำตัวเป็นขุนแผนชิบหาย ฮ่าๆ จริงๆอยากบอกภูมิก่อนนะ แต่กลัวไม่ได้ไปเลยต้องแอบ ผมกับคลื่นก็ไปเดินซื้อของกัน กินข้าวแล้วก็กลับ แค่นี้แหละครับ^o^
………………………
และสาเหตุที่ทำให้วันนี้ผู้ชายบางคนลงทุนโดดซ้อมบาส เพราะคุณชายท่านเกิดตอแหลอยากแดกไอติม เลยพาผมมานั่งชิลล์ที่เซเวนเซ่น คุณพี่สาวพนักงานก็ขยันมาเติมน้ำซะเหลือเกิน มีแอบส่งยิ้มให้ไอ้ภูมิด้วย หึหึ ผมเลยตักไอติมยัดปากไอ้ภูมิต่อหน้าเธอซะเลย เปล่าหึงนะเว้ย แค่อยากบอกให้รู้ว่าภูมิน่ะ “ไม่ว่าง”
“ภูมิๆสาวมองว่ะ” ผมสะกิดบอกภูมิ มันขมวดคิ้ว ก้มมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองผู้หญิงโต๊ะนั้นที่กำลังมองมันอยู่
“แล้วไง จะให้กูยกมือไหว้เขาเหรอ หรือจะให้กูเข้าไปกราบนมัสการ” ดูแม่งใช้คำ ฮ่าๆ
“มึงรู้จักคำว่านมัสการด้วยเหรอภูมิ”
“อ้าว ไอ่เตี้ย เดี๋ยวกูจับจูบให้หายเอ๋อ กูก็เรียนภาษาไทย เป็นประชาชนคนไทยคนนึงนะครับมึง” มันเอาช้อนเย็นๆมาแตะปากผม
“ก็นะ เห็นเป็นคุณชายหัวนอกหลอกฟันสาวไปวันๆนึกว่าจะไม่รู้จักคำไทยๆ” มันผลักหัวผมแรงๆ อูยยยย กูคิดผิดหรือคิดถูกวะที่ยอมนั่งฝั่งเดียวกันกับมันเนี่ย
“คนอย่างกูไม่เคยหลอกฟันใคร แค่กระดิกนิ้วก็เขี่ยลงจากเตียงไม่ทัน มีก็แต่…หึหึ” มันเหล่มองผมและยิ้มมุมปาก ตามด้วยตักไอศกรีมกินอย่างสบายใจ
“อะไรๆ ห๊ะ พูดให้ดีๆนะมึง” ผมหันไปจ้องหน้าภูมิ ส่วนมันเอาแต่ยิ้มก่อนจะมองผมหัวจดตีนพร้อมทำสายตากรุ้มกริ่ม “อะไรภูมิ มองหน้าทำไม อย่ามอง กูทิ่มตาแตกเลยไอ่สัส”
“หึหึ”
“กูบอกว่าอย่ามอง หยุดหัวเราะ เมื่อกี้มึงจะพูดอะไร มีก็แต่อะไร พูดมา” ผมผลักมันออกห่าง แม่งหัวเราะได้เลวมาก แล้วดูแม่งมองดิ หื่นมาก
“มีก็แต่มึง ยากชิบกว่าจะได้ฟัน”ไอ่ฟายยยยยยยยยยยยยยยยย OoO
“เออ รู้ก็ดี จะได้สำเหนียกแล้วช่วยถนอมๆกูบ้าง ห่า” หน้าผมร้อนไปหมดแล้ว ต้องจ้วงไอศกรีมเย็นๆเข้าไปดับร้อน ไอ้ภูมิมันหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะขยี้หัวผมจนเสียทรง แม่ง พูดมาได้ ไอ้หมาภูมิ
กินเสร็จมันก็ชวนผมมาหาร้านสกรีนเสื้อ จำกันได้ใช่ไหมครับที่ไอ้ฟ่างกับไอ้แทนมีเสื้อคู่ แล้วไอ้หล่อมันเลยอยากทำบ้าง พี่เจ้าของร้านก็ถามว่าเอาเสื้อแบบไหน เสื้อรุ่น เสื้อแก๊งค์ ไอ้ภูมิก็ตอบแบบเสียงดังฟังชัดว่า
“เสื้อคู่รัก กับคนนี้ครับ” >o< ชี้มือมาที่กูด้วย ผมอายคนในร้านจนแทบจะแทรกกายหนีไปอยู่ในหลอดไฟ มันให้ผมมารอข้างนอกเพราะจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่นานนักภูมิก็เดินยิ้มแฉ่งออกมา
“ป่ะ ไปเดินเล่นกัน รออีกสองสามชั่วโมงค่อยมาเอา” แหม๊ หน้าระรื่นเชียว แต่ผมนี่เสียวม้ามชิบหาย มันสกรีนคำว่าอะไรวะ
“ถ้าเป็นคำพิเรนๆกูไม่ใส่นะบอกไว้ก่อน”
“นั่นไม่ได้อยู่ในสิ่งที่กูต้องการ กูรู้แค่ว่ามึงต้องใส่” มันบอกด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะสิบแปดทิศ(สิบทิศมันน้อยไป) กอดคอผมเดินดูของให้คนมองเป็นอาหารตา มึงเคยขัดใจเขาได้ไหมล่ะพีม เคยขัดใจไอ้ภูมิได้เหรอ ผมได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ ผมคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ T_T
“ไปดูกล้องข้างบนป่ะเตี้ย”
“มึงจะซื้อกล้องเหรอ”
“ไม่รู้ ดูก่อน” ภูมิแตะหลังผมให้ก้าวขึ้นบันไดเลื่อน เวลามาเดินห้างแล้วตอนขึ้นบันไดเลื่อน ไอ้ภูมิมันชอบให้ผมขึ้นก่อน เพื่อที่มันจะได้ยืนขั้นที่ต่ำกว่า จากนั้นมันจะกางแขนจับราวบันไดทั้งสองฝั่ง ภาพที่ออกมาก็เหมือนกับว่ามันกอดผมกลายๆ แบบไม่ต้องอายฟ้าอายคนกันเลย
คนที่ลงบันไดเลื่อนสวนกัน มองจนเหลียวหลังก็มี ถามว่าไอ้หล่อมันแคร์มั้ย จะแคร์เหี้ยไรล่ะ เอาหน้าเอาคางซบหลังซบไหล่ผมอยู่เนี่ย
ภูมิพาผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เรื่อยเปื่อยมาก แล้วเมื่อไรจะถึงร้านกล้องล่ะเฮ้ย ตอนแรกก็เดินคู่กันเฉยๆ อาจจะมีบางทีที่กอดคอบ้าง โอบบ้าง แต่ตอนนี้ไอ้หล่อมันทำเนียนจับมือผมเฉยเลย ผมเงยหน้ามองภูมิที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นมองไปทางอื่น
หึหึ ไอ้ฟอร์มจัด“ไม่ต้องจับมือก็ได้ม้างคุณภูมินทร์” ผมแกล้งแซว ยิ้มล้อภูมิเพราะนานๆทีจะได้เห็นมันเขิน
“พูดมาก กูจับมือแฟนแล้วผิดกฎหมายรึไง” ไปนู่นเลยครับที่รักกู มันอมยิ้ม แต่จะทำร้ายร่างกายผม แถมยังถลึงตาใส่ให้ผมหยุดขำมันด้วย ฮ่าๆ เด็กชิบหายเลยว่ะ
“อ่ะ อ่ะ จับก็จับไปสิ กูใจดีให้มากกว่าจับมืออีก สนป่าวๆ” ผมยักคิ้วกวนไอ้ภูมิ
“อย่ามาพีม กูเอาจริงแล้วจะหนาว หึ” มันยิ้มเจ้าเล่ห์กอดคอผมเข้าร้านกล้อง ทีนี้ไอ้พีมก็จะกลายเป็นอากาศธาตุสำหรับไอ้ภูมิทันทีครับ เพราะมันจะลืมไปเลยว่าเคยหิ้วผมมาด้วย นู่นสะบัดตูดไปดูกล้องแล้วทิ้งผมไว้คนเดียว
ผมก็เดินๆดูๆ รอภูมิไปเรื่อย มีนักศึกษากลุ่มใหญ่ ที่น่าจะเรียนที่เดียวกับผมกำลังเลือกดูกล้องอยู่เหมือนกันท่าทางคงเป็นพวกที่เรียนถ่ายภาพ
ผมรู้สึกเหมือนมีคนมอง คิดว่าเป็นภูมิ ผมเลยลองมองหามัน แต่ไม่ใช่ ภูมิไม่ได้อยู่ในร้าน มันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก ผมยักไหล่ สงสัยจะประสาทหลอนแล้วกู ซักพักพวกกลุ่มนั้นมันก็เดินออกจากร้าน
“น้องๆ น้องครับ” อยู่ๆก็มีผู้ชายท่าทางเซอร์ๆวิ่งมาหาผม หืม คนที่อยู่ในกลุ่มเมื่อกี้นี่ เขาวิ่งกลับมาทำไม
“ครับ?ผมเหรอพี่” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง หมอนี่รู้จักผมด้วยเหรอวะ ไม่นะกูไม่เคยมีญาติหน้าตาแบบนี้
“อื้อ เรานั่นแหละ พี่เรียนนิเทศมอเดียวกับน้องน่ะ พี่เคยเจอน้องที่หอสมุดกลางสองสามครั้ง พี่สนใจว่ะ”
“ห๊ะ” เอาแล้วกู
“ฮะๆเฮ้ยอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ พี่ไม่ได้สนใจแบบนั้นเว้ย คือพี่กำลังทำโปรเจคถ่ายภาพส่งอาจารย์ แต่ยังหานายแบบไม่ได้ พอดีพี่เห็นน้อง มันตรงคอนเซปพอดี พี่ชื่อไกด์แล้วน้อง….”
“เอ่อ พีมครับ”
“ครับน้องพีม ชื่อน่ารักดีว่ะ แล้วว่าไง พี่สนใจน้องจริงๆนะ พอจะช่วยเป็นนายแบบให้พี่หน่อยได้มั้ย” พี่แกพูดไปทำตามีความหวังไปด้วย ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนึงผมจะถูกทาบทามเป็นนายแบบ แสดงว่าเราก็ใช่ย่อยนะเนี่ย คึคึ
“คือ ผมก็อยากช่วยนะพี่ แต่ผมไม่ถนัดด้านนี้ว่ะ เอาไปก็เปลือกฟิล์มพี่เปล่าๆ แหะๆ” เอาไงดีวะ ปฏิเสธใครไม่เป็นด้วย แต่ก็ เอ๋อๆเซ่อๆอย่างผมคงทำให้งานพี่เขาเสียเปล่าๆ
“เฮ้ยไม่เป็นไร ของแบบนี้ไม่ยากๆ แต่หน้าน้องมันใช่ไง นะถือว่าช่วยรุ่นพี่ร่วมสถาบัน ถ้าพี่ผ่านงานนี้พี่เลี้ยงข้าวเลยอะ”
“โหยพี่ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกครับ คือผมก็อยากช่วยแต่ อืม งั้น……”
“ทำไรกัน” เสียงเรียบๆเย็นๆดังขึ้นพร้อมกับยักษ์ปักหลั่นตนหนึ่งมายืนเป็นเงาดำมืดซ้อนหลังผม พี่ไกด์มองผมสลับกับไอ้ภูมิ พี่แกดูงงๆ แต่ผมเริ่มเหงื่อแตกพลั่กๆ เพราะเริ่มรับรู้ถึงรังสีบางอย่างที่ไอ้ภูมิแผ่ออกมา
“อ่อ เอ่อ คือพี่เขามาติดต่อกูให้ช่วยเป็นนายแบบให้ พี่เขาจะทำโปรเจคส่งอาจารย์” ผมเอี้ยยวคอเงยหน้า(แม่งหลายขั้นตอนจังวะ)บอกไอ้ภูมิ มันไม่พูดอะไรแค่จ้องหน้าพี่ไกด์แบบค่อนข้างเสียมารยาท จ้องขนาดนั้นมึงก็แดกหัวพี่เค้าเลยเถอะ
“ขอโทษนะครับ ไอ้นี่มันไม่ขึ้นกล้องหรอก หาคนใหม่เถอะ” แล้วมันก็ฉุดข้อมือผมเดินลิ่วๆออกมา จนผมหันกลับไปไหว้พี่คนนั้นแทบไม่ทัน เห็นลางๆว่าพี่แกยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ส่วนไอ้ภูมิมันกัดฟันสบถอะไรไม่รู้
“นายแบบประเทศไหนมันจะเตี้ยม่อต้อ ตากลมผิวซีดขนาดนี้ ไอ้หน้าม่อเอ๊ย”กลับมาถึงห้องไอ้ภูมิก็เหวี่ยงฟาดงวงฟาดงาฟาดหางไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งที่ควรจะเป็นผมมากกว่านะที่ต้องอารมณ์เสีย ผมก็ไม่คิดจะไปถ่ายแบบอะไรนั่นหรอก ก็กะว่าจะหาทางปฏิเสธพี่เขาดีๆแต่นี่ไอ้ภูมิกลับไปพูดแสกหน้าเขาแบบนั้น เกิดไอ้พี่นั่นมันแค้นพาเพื่อนมาดักทุบหัวผมทำไง
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเคลียร์กับมันให้รู้เรื่อง ผมอาบน้ำเสร็จ ยืนทำใจในห้องน้ำพลางคิดหาทางง้อมัน เอาไงดีวะ ผมได้ยินเสียงผู้หมวดโมริกับหนูรันแว่วมาจากในห้องนอน
ผมเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ ภูมิกำลังกึ่งนึ่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง มือซ้ายกอดไอ้หมีสีน้ำตาลตัวกำลังโตนามว่าเสือน้อย มือขวาถือกล่องนม มันหันมามองผมเหวี่ยงๆ แล้วหันไปดูเจ้าหนูโคนันยิงเข็มยาสลบใส่ผู้กองขี้เมาต่อ
“ภูมิเป็นไรอ่ะ อิจฉากูละซี้ที่มีคนมาชนกูเป็นนายแบบ” รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเลยนะ ผมยิ้มเก้อ หัวเราะแห้งๆ
“มึงช่วยใช้สมองในการดำรงชีวิตบ้างได้มั้ยพีม” พูดแบบนี้ด่ากูสัดเลยดีกว่าไหม กูบอกแล้วไงว่าถ้าจะด่าให้ด่าตรงๆ กูขี้เกียจตีความ
“นี่มึงยังโกรธกูเรื่องนั้นอีกเหรอวะภูมิ”
“………………. “
“กูขอโทษ”
“ ……………….."
“เฮ้ย กูบอกแล้วไง….”
พลั่ก!!!!!!!
เต็มๆ ตุ๊กตาหมีเต็มๆหน้ากูเลยครับ แม่นจังนะมึง ภูมิมันมองผมด้วยหางตา แถมค้อนใหญ่ๆให้อีกสองที ก่อนจะหันไปกอดไอ้เสือน้อยดูโคนันต่อ เวลางอนถ้าไม่โวยวายจนห้องแตก มันก็ดื้อเงียบ เอาไงดีวะกู ต้องมาง้อทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่มันก็ยากเหมือนกันนะครับ ผมตัดสินใจคลานขึ้นไปนั่งข้างๆภูมิบนเตียง และ……..
ขอเวลาไปง้อคนขี้งอนก่อนนะครับ ><
TBC >>>>>>>>>>>
……………………………..
ของที่สะสมไว้หมดสะต๊อกแล้วนะคะ กร๊ากกกก ตอนเดียวก็เรียกสะต็อกนะ ทำไมอ่ะ
ฮี่ฮี่
ขอบคุณทุกคะแนนโหวต ขอบคุณสำหรับการให้เป็ดน้อยนะคะ