ตอนที่ 41 วันแรกที่รักกัน
หม่อมวางสายไปแล้ว แต่ผมก็ยังคงมองวอลเปเปอร์รูปตัวเองที่นอนหลับ เผยอปากดูน่าเกลียด รูปนี้ภูมิมันแอบถ่าย ถึงผมจะลบไปไม่รู้กี่ครั้งแต่มันก็จะกลับมาอีกในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่รู้ว่ามันเซฟไว้ในโฟลเดอร์ไหน ผมเหนื่อยที่จะลบเลยปล่อยเลยตามเลย
แต่เรื่องนั้นพับเก็บไว้ก่อน ประเด็นร้อนตอนนี้คือหม่อมโทรหาภูมิทำไม จะปลุกถ่านไฟเก่างั้นเหรอ ไม่ต้องห่วงไป ผมเตรียมถังดับเพลิงแสตนบายไว้แล้วเรียบร้อย อย่าได้หวังว่าจะมีโอกาสติดไฟอีกรอบ หึหึ แต่เราก็ไม่ควรชะล่าใจใช่มั้ยครับ
เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบลง ผมวางโทรศัพท์ของภูมิไว้ข้างโคมไฟตามเดิม แล้วทำไมกูต้องแกล้งหลับด้วยวะ
“อ๊ะ” ไอ้ภูมิมันเอาจมูกเย็นๆมาชนแก้มผม สะดุ้งเกือบตกเตียง ไอ้นี่นิ “เล่นไร เย็นนะเว้ย”
“หอมแก้ม เค้าไม่เรียกเล่นหรอก” มันก้มลงหอมแก้มผมอีกข้าง ก่อนจะเดินฮัมเพลงไปใส่เสื้อผ้า ขอให้ได้ปู้ยี่ปูยำร่างกายกู นิดๆหน่อยๆมึงก็อารมณ์ดีเชียวนะ
ผมมองตามหลังขาวๆด้วยหัวใจที่ไม่ค่อยปกติ แม้จะบอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยและมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ผมจะบอกภูมิดีมั้ยว่าหม่อมโทรมา แล้วหม่อมโทรมาทำไม มีอะไรสำคัญถึงขนาดต้องโทรมาดึกๆแบบนี้ หรือผมจะคิดมากไป แล้วผมกำลังคิดอะไร
“มองขนาดนี้ อยากทำวิจัยอีกรอบใช่มั้ย หื้ม” เพราะมัวแต่เหม่อมอง ผมเลยไม่รู้ว่าภูมิมันปิดไฟกลับมานอนข้างๆตั้งแต่เมื่อไร โหยไอ้หื่น หน้ากูดูเหมือนเครื่องกระตุ้นอารมณ์มึงรึไง คิดอยู่แต่เรื่องเดียว
มันวาดแขนโอบดึงผมเข้าไปกอดแนบอกเหมือนทุกครั้งก่อนนอน ตุ๊กตาหมีนับสิบวางเต็มเตียงหลังใหญ่แต่เรากลับมีหมอนแค่ใบเดียว หมอนหนึ่งใบที่เราสองคนหนุนนอนด้วยกันทุกคืน ผมขยับตัวเข้าซุกอกภูมิและกำเสื้อมันแน่น
ผมเชื่อใจภูมินะ แต่ผมไม่รู้ใจหม่อม
“ภูมิ เมื่อกี้มีคนโทรมา บอกให้โทรกลับ”
“ใคร”
“หม่อม” มืออุ่นๆของภูมิที่กำลังลูบหลังของผมเพลินๆหยุดชะงัก
“เหรอ” มันเอี้ยวตัวไปหยิบมือถือ ภูมิขมวดคิ้วมองหน้าจอ มันกดอะไรซักพัก ผมหวังว่ามันคงไม่………………
“ครับหม่อม มีอะไรรึเปล่า” ภูมิจูบผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง ปกติถ้ามีผู้หญิงโทรมาภูมิจะไม่รับ ไม่เคยโทรกลับ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆมันก็ให้ผมรับแทน แต่นั่นคงไม่นับรวมครั้งนี้
ผมไม่ได้จะว่าถ้าจะคุย แต่ทำไมต้องออกไปคุยข้างนอก เมื่อตอบคำถามตัวเองไม่ได้ ผมก็กลิ้งไปนอนอีกฝั่งเตียง ผมกอดไอ้หมียักษ์ที่ภูมิซื้อให้ก่อนไปอิตาลี ไอ้ขี้โรคลูกของมันนั่งทำหน้าแอ๊บแบ๊วอยู่บนหัวเตียง แขนผมไม่ยาวพอที่จะโอบไอ้หมียักษ์ได้ทั้งตัว ขนมันนุ่ม ตัวมันก็นิ่ม แต่ไม่อุ่น ไม่อุ่นเหมือนเวลาภูมิกอด
ผมปล่อยใจปล่อยความคิดให้ล่องลอย แต่มันก็วกกลับมาคิดแต่เรื่องนี้ สองคนนั้นเคยเป็นแฟนกัน เขาคุยอะไรกัน มันเป็นความลับถึงกับให้คนปัจจุบันอย่างผมรู้ไม่ได้เลยเหรอ ผมซุกหน้าลงกับพุงไอ้หมี
เฮ้อออ เป็นคนอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่เมื่อไรวะกู
“ไปนอนอะไรตรงนั้น” ภูมิกลับเข้ามาหลังจากหายออกไปพักใหญ่ๆ มันดึงผมให้กลับไปหนุนหมอนใบเดียวกันตามเดิม ผมพยายามขืนตัวไว้ แต่ได้ไม่เท่าไรมันก็ดึงผมไปกอดจนได้
“หึงเหรอ” มึงช่วยอ้อมค้อมซักนิดได้มั้ยภูมิ ถามแบบนี้แล้วกูจะตอบยังไง
“เปล่า”
“ก็ดี เพราะมันไม่มีอะไร หม่อมแค่โทรมาชวนไปงานวันเกิด”
“เหรอ แล้วมึงไปมั้ย”
“ไม่ คนเยอะ วุ่นวายไม่ชอบ อีกอย่างกลัวคนแถวนี้งอนตุ๊บป่องเพราะหึง” ไอ้หมาภูมิ กูก็บอกแล้วว่าไม่ได้หึงโว้ย กูแค่……..
หวง“ใครหึงไม่มีเหอะ นอนได้แล้ว กูง่วง” ว่าแล้วผมก็หลับตาไปดื้อๆแม่งเลย “โอ๊ย กัดทำไม”
“พอใจ หึหึ พีมกูดีใจนะที่มึงหึง พรุ่งนี้ไปซื้อของขวัญให้หม่อมเป็นเพื่อนกูนะ” แฟนเก่าจำเป็นต้องให้ของขวัญวันเกิดให้กันด้วยเหรอ
“อืม นอนเถอะ”
ผมไม่ใช่คนใจกว้าง แต่ถ้าจะห้ามก็คงดูใจแคบเกินไป แค่ให้ของขวัญแฟนเก่าคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
ใช่มั้ย…………………………..
เวลาหกโมงเย็นกว่าๆภูมิก็พาผมมาโผล่สถานที่ที่มันนัดหม่อมไว้ ทั้งที่ผมไม่ได้อยากมาเลย ผมไว้ใจภูมิ ให้มันมากับหม่อมตามลำพัง แต่มันสิดันลากผมมาด้วย
ผมเลยต้องเลื่อนนัดไอ้น้องดินเป็นวันอาทิตย์หน้า มันก็โวยวาย จากที่จะเลี้ยงแค่กาแฟเลยต้องพามันไปเซนด้วย ไอ้น้องรหัสเวร สูบเลือดสูบเนื้อกู
“ไปรอหม่อมที่กริลเลยมั้ย”
“ไหนบอกจะไปดูหนังสือที่คิโนะไง”
“ก็หิวอ่ะ ไปกินก่อน”
“สุภาพบุรุษมากพีม”
“แน่นอน หึหึ โอ๊ยยยย เจ็บนะเว้ย เชี่ยแม่ง” แก้มผมขาดติดมือมันไปรึยัง ถึงมือภูมิจะนุ่ม แต่ลองให้มันบิดแก้มดูนะ เนื้อแทบหลุด
“ฮะๆหมั่นไส้”
ซาดิสต์เสมอต้นเสมอปลายจริงนะมึง
ณ เพลานี้พวกผมก็มานั่งชิล รอหม่อมที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเพราะหม่อมอยากทาน เอาใจกันจริงๆทีผมนะแค่ขอให้มันไปซื้อน้ำให้ยังโดนด่า เฮ้อ แต่ผมก็รู้ว่ามันเป็นนิสัยของภูมิ ถึงมันจะเอาแต่ใจไร้เหตุผล โหดโฉดแค่ไหนแต่กับเพื่อนผู้หญิงมันจะเป็นสุภาพบุรุษมาก
แล้วนี่ผมยังไม่รู้เลยว่าถ้าเจอหม่อมผมจะทำหน้ายังไง ทำตัวแบบไหน เธอจะรู้มั้ยว่าผมกับภูมิเป็นอะไรกัน แล้วถ้ารู้เธอจะเสียใจรึเปล่า คิดแล้วก็ได้แต่…..เฮ้อออ
“เป็นไร” ภูมิกอดอกหรี่ตามองผมแบบจับผิดสุดๆ นี่แฟนนะไม่ใช่ผู้ต้องหาไม่ต้องมาสอบปากคำ
“อะไรเป็นไร”
“ก็มึงน่ะ เป็นอะไรถอนหายใจทำไม”
“เปล่า กูแค่คืนอากาศให้โลก”
“อย่ากวนตีนพีม”
“ไม่มีอะไรจริงๆ หม่อมอยู่ไหนแล้ววะ มึงลองโทรตามหน่อยดิ”
“ใกล้จะถึงแล้วมั้ง มึงมานั่งนี่มา” คือมันจะให้ผมไปนั่งข้างๆอ่ะครับ ไม่ไปหรอก เดี๋ยวโดนมันแกล้งอะไรอีก
ผมก็ส่ายหัวลูกเดียว
“จะมาดีๆมั้ยหรือให้กูเดินไป แต่ไม่รับรองนะว่า…..”
“เออ ไม่ต้องขู่ แม่ง กับกูนี่เอะอะใช้กำลัง ทีกับผู้หญิงสุภาพนัก” ไอ้ฮิตเลอ ไอ้มุโสลินี ไอ้ ไอ้บ้าอำนาจ
“แล้วมึงเป็นผู้หญิงรึไง หึหึ”
“เออ กูมันไม่ดีหรอก” เกิดมาก็ไม่ใช่คนขี้งอนขี้ประชดหรอกครับ แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรแค่ไอ้ภูมิหายใจผมยังหงุดหงิด ปลิดชีวิตแม่งทิ้งซะดีมั้ยฮึ ผมย้ายมานั่งข้างมันก็จริงแต่ผมเลือกที่จะมองไปทางอื่น เห็นหนังหน้ามันแล้วคันฮ่องกงฟู้ต
แล้วอยู่ๆมันก็เอาหูฟังมายัดใส่หูผม ผมหันไปขมวดคิ้มใส่
“ทำไร”
“กูพูดไม่เก่ง แต่ก็อยากให้มึงฟังไว้”
http://www.4shared.com/embed/658222021/4c0f16dจะบอกอีกทีว่าฉันรักเธอ
จะบอกให้ฟังว่าฉันค้นเจอ
ความหมายของการมีชีวิตอยู่
ก็รู้จากเธอไม่ใช่ใคร
จะบอกอีกทีถ้าไม่เชื่อกัน
จะบอกอีกทีว่าความสำคัญ
เธอนั้นเป็นที่หนึ่ง เหนือผู้ใด
และไม่มีใครนอกจากเธอ
อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม
ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน
ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ
จับผิดระแวงกันทุกวี่วัน
นั่นมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์
มันเริ่มที่จะจืดจางหายไป
แค่ไว้ใจกันได้ไหมเธอ
อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม
ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน
ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ
ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน
ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ“เข้าใจรึยัง ว่ากูรักจริงหวังแต่ง” ภูมิดึงหูฟังออก มันจับหัวผมบิดไปหาเพื่อสบตา ก็อยากจะเก็กหน้าขรึมนะ แต่อมยิ้มมากก็ปวดแก้ม เลยต้องยิ้มจนได้
“ใครจะแต่งกับมึ้ง” ขึ้นเสียงสูงทำไมล่ะกู ไม่ได้เจตนานะมันไปของมันเอง
“อ้าว มึงยังไม่รู้เหรอ นี่กูกะว่าเรียนจบจะให้พ่อไปขอเลยนะเนี่ย ปีนี้ก็หมั้นไว้ก่อนแล้วกัน”
“ค่าตัวกูแพงนะ”
“สำหรับมึงเท่าไรกูก็ยอม”
“ห้าสิบล้าน” กะว่าเอาไปตั้งตัวกันเลยทีเดียวนะฮ๊าฟฟฟ ฮ่าๆ
“ความรักของกูที่ให้มึง มีค่ามากกว่านั้นอีก” เอาตะเกียบเหนียบลิ้นไอ้ภูมิเลยแม่ง รู้ทั้งรู้ว่าผมขี้เขินมันยังจะพูดแบบนี้อีก
จะไม่มีตรงกลางระหว่างเรา จะไม่มีใครมาแทรกเราได้ เนอะภูมิ^^
“ภูมิคะ” ผมกับไอ้หล่อหลุดออกจากโลกของเราสอง พร้อมๆกับการปรากฏตัวของสาวสวยคนหนึ่ง หม่อมในเดรสสีโอรส ผมของเธอถูกม้วนเป็นลอน แก้มใสๆสีชมพูอ่อนดูน่ารักเป็นธรรมชาติ ไม่แปลกเลยที่จะมีคนมองเธอทั้งหญิงและชาย
“รอนานมั้ยคะ ขอโทษที่ทำให้รอนะ หม่อมให้น้องมาส่งน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งมา”
“คะ อ้าวพีม มาด้วยเหรอ เป็นไงบ้างไม่เจอซะนาน” หม่อมนั่งลงและหันมาทักทายผม ครู่หนึ่งเธอดูเหมือนจะมีสีหน้าที่ผิดหวัง แต่ไม่นานก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เธอจำผมได้ด้วย
“ก็ดีครับ หม่อมจำเราได้เหรอ”
“จำได้สิ ก็เราเจอกันวันลอยกระทงปีที่แล้วไง หม่อมความจำดีนะ ยิ่งเป็นหนุ่มหล่อๆอย่างพีมหม่อมจำได้อยู่แล้ว ฮะๆ”
“หึ” เชี่ยภูมิ มึงจะหัวเราะเพื่อ
เธอยิ้มสดใส ผมก็ยิ้มตาม อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองภูมิ มันเองก็ยิ้มให้เธอเหมือนกัน แค่เขายิ้มให้กันกูจะจี๊ดหน้าอกทำไมวะเนี่ย
“โห ชมแบบนี้ผมก็เขินแย่สิ อ่อเกือบลืม สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะครับ”
“ขอบคุณจ๊ะ แต่ถ้าพีมไปงานวันเกิดหม่อมจะดีมากเลย ลากภูมิไปด้วยนะ ใจแข็งมากหม่อมชวนยังไงก็ไม่ยอม”
“ไอ้ภูมิมันดื้อ หม่อมอย่าสนใจเลย”
“คะ หม่อมก็ว่างั้นแหละ ใช่มั้ยภูมิ”
ตลอดมื้ออาหารเสียงหวานใสของหม่อมเจื้อยแจ้ว ชวยผมคุยเหมือนเราเป็นเพื่อนกันมานาน หม่อมคุยเก่ง ตาโตๆคู่นั้นบ่งบอกถึงความจริงใจเสมอ หลังจากอิ่มแปล้กับซาชิมิ ซูชิ ก็ได้เวลาตามหาของขวัญให้หม่อม ภูมิถามหม่อมว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย คำตอบของหม่อมทำเอาผมใจแป้ว
“แค่ได้เจอภูมิ ก็เป็นเรื่องพิเศษแล้วคะ หม่อมไม่อยากได้อะไรแล้ว”หรือผมจะลืมไป ว่าก่อนที่ภูมิจะมาคบกับผม เราทั้งคู่ได้ทำร้ายหัวใจของผู้หญิงคนนี้ ทำให้เธอเจ็บ ผมแย่งภูมิมาจากหม่อมรึเปล่า
สายตาที่หม่อมมองภูมิเป็นสายตาแบบเดียวกันกับที่ผมมองภูมิ มันเต็มไปด้วยความรัก ความชื่นชมและหวงแหน แต่ต่างตรงที่ตาโตๆของหม่อมแฝงด้วยความเศร้า
ตอนเดินดูของผมไม่รู้ว่าจะเดินยังไง จะเดินคู่ภูมิแล้วทิ้งหม่อมก็ไม่ได้ แต่จะเดินสามคนมันก็ไม่ใช่ ผมเลยเลือกที่จะเดินตามหลังพวกเขา ภูมิมันมองกลับมาบ่อยๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้มันสบายใจ
ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่รู้สึกกลัวแบบนี้ แต่นี่หม่อม เธอเป็นคนที่คู่ควรกับภูมิทุกอย่าง
“พีม เหม่อบ่อยจัง ไม่สบายรึเปล่าคะ”
“หืม เปล่าครับ คุณหมอนี่ช่างสังเกตจัง ฮะๆ” หัวเราะเจื่อนๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ยิ้มให้หม่อมแล้วผมก็ต้องหลบสายตาของภูมิ ที่จ้องมองมา
กูเชื่อใจมึงนะภูมิ แต่กูห้ามใจไม่ให้คิดไม่ได้จริงๆ ว่าคนที่มึงควรรัก ใช่ กู หรือเปล่า “เหม่อบ่อยๆเดี๋ยวหมอจับฉีดยานะคะ เนอะภูมิ”
“ครับ”
พวกเราเดินเล่นกันนานพอสมควร หม่อมก็ได้ของไปหลายอย่าง ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า และกระเป๋าตังค์ที่ภูมิซื้อให้เป็นของขวัญและก็เป็นมันอีกนั่นแหละที่จะถือถุงพวกนั้นให้หม่อม จากนั้นก็ไปดูหนัง
ผมสาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยดูหนังเรื่องไหนแล้วไม่รู้เรื่องเท่าครั้งนี้มาก่อน แม้ว่าผมกับภูมิจะเคยจูบกันในโรง แต่การที่มันกุมมือผมโดยที่มีหม่อมนั่งอยู่อีกข้าง เกิดหม่อมเห็นขึ้นมาจะทำยังไง
เวลาสามทุ่มกว่าที่เราออกจากโรงหนัง เพื่อจะมาเจอเรื่องที่ไม่น่าเป็นปัญหาแต่ก็กำลังจะเป็นปัญหา
“หม่อมกลับเองได้คะ เกรงใจ ภูมิกับพีมเที่ยวเป็นเพื่อนมาทั้งวันแล้ว”
“หม่อมถือของเยอะขนาดนี้จะกลับเองได้ยังไง”
“แต่ถ้าภูมิไปส่งหม่อม พีมก็ต้องรอสิ” ผมกับภูมิสบตากันอย่างอัตโนมัติ เมื่อเช้าภูมิอยากพาเฟอรารี่เปิดประทุนลูกรักของมันมาเที่ยว รถสปอตสองที่นั่งมันเลยสร้างปัญหาให้คนสามคน
“เฮ้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับเอง หม่อมไม่…..”
“ไม่ต้อง มึงรออยู่นี่ เดี๋ยวกูกลับมารับ” เป็นอันว่าตามคำของมัน
“เอางั้นเหรอภูมิ” หม่อมก็ดูจะเกรงใจ ส่วนผมน่ะเหรอ บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไง ตอนแรกก็คิดว่าทำใจได้นะที่เขาสองคนจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมก็หวงของๆผมเหมือนกัน
“ครับ หม่อมขึ้นรถเถอะ”
“งั้นหม่อมไปนะพีม ขอบคุณสำหรับวันนี้ หม่อมมีความสุขมากๆเลย”
“ครับ สุขสันวันเกิดอีกครั้งนะ” ผมยิ้มพร้อมโบกมือลา
“เดี๋ยวกลับมารับนะ”
“อื้อ ขับรถดีๆล่ะ” ผมยิ้มให้ทั้งคู่ ภูมิเอาแต่มองผมไม่ยอมขึ้นรถไปซักที จนผมต้องพยักหน้าให้มัน
กูรู้ว่ามึงกับหม่อมเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน เพราะฉะนั้น
“รีบกลับมานะ”………………………………….
ภูมิมันบอกไว้ว่าจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ผมเลยนั่งรอมันอยู่หน้าห้าง เพราะถ้าผมเข้าไปเดินข้างใน กลัวว่าไอ้ภูมิมันกลับมาเร็ว แล้วจะต้องมาคอยผมอีก ผมเลยนั่งที่นี่แหละ ไม่อยากให้มันต้องเป็นฝ่ายรอ ผมน่ะรอได้^^
“เอ๊า เชี่ยเอ๊ย โทรศัพท์กู” ผมสบถหัวเสียอยู่คนเดียว เมื่อระลึกชาติได้ว่าบีบีคู่ใจได้ไปนอนตอแหลอยู่ในรถไอ้ภูมิ ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือกระเป๋าตังค์ก็ไปกับมันด้วยครับ ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีเงินอยู่แค่สิบบาท
จำได้ว่าใส่กางเกงตัวนี้ไปดูหนังกับภูมิคราวก่อน ผมแลกเหรียญเอาไปเล่นเกมส์ มันคงติดกระเป๋ามา คุณป้าแม่บ้านร้านซักรีดก็ช่างซื่อสัตย์ทิ้งไว้ให้ผมด้วย กูอยากจะร้องไห้ เฮ้อ
ผมก็ได้แต่นั่งมองสรรพสิ่งรอบตัวไปเรื่อยเปื่อย ดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา ดูรถไฟฟ้า ดูรถราที่วิ่งขวักไขว่ เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เดินผ่านไป เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ดูมีชีวิตชีวา
คุณแม่ยังสาวจูงมือลูกน้อยที่มัวแต่ห่วงไอศกรีมในมือ ทั้งที่ปากเลอะชอคโกแลตดูน่ารักน่าชัง คู่รักหลายคู่จูงมือกันเดินผ่านผมไป บ้างก็หยุดถ่ายรูปกับไฟสีสวยที่ประดับประดาไว้
รถติด อากาศแย่ ฟ้ามืดครึ้มกำลังหอบฝนมา มันอาจจะทำให้คนเราหงุดหงิด ไม่มีใครสนใจจะหยุดมองสิ่งสวยงามที่ซ่อนอยู่ในความวุ่นวาย ทุกคนเร่งรีบ ถ้าหากเราลองหยุดบ้าง ใช้ชีวิตให้ช้าลงบ้าง หรือลองมองเรื่องน่าเบื่อให้เป็นเรื่องดีๆ โลกก็คงน่าอยู่ขึ้นเยอะ ผมก็ได้แต่ยิ้มเหงาๆให้ตัวเอง อยากได้กระดาษกับดินสอมาวาดรูปจัง
ห้างปิดแล้ว
ผมก้มมองดูนาฬิกา ครึ่งชั่วโมงแล้ว ภูมิยังไม่กลับมาเลย
ผมนึกไปถึงครั้งก่อน ตอนที่ผมยังเป็นเบ๊ภูมิ ผมก็เคยรอมันแบบนี้ อาจจะต่างกาล ต่างสถานที่ แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมยังไม่ได้รักมัน
วันนั้นที่ผมรอภูมิจนห้างปิด รอตั้งสี่ชั่วโมง หวังว่าครั้งนี้คงไม่เป็นแบบนั้น
ผมนั่งจนเมื่อยเลยลุกเดินล่นไปเรื่อยเปื่อย ดึกดื่นรถราบางตา ผู้คนเร่งรีบเมื่อลมเย็นเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกระแสลมแรง ผมเริ่มคิดที่จะกลับแต่มีเงินแค่สิบบาท ขึ้นรถเมล์ธรรมดาคงแปดบาท หรือจะรอรถเมล์ฟรี แต่ถ้าภูมิกลับมารับแล้วไม่เจอล่ะ นั่นสิถ้ามันมาแล้วไม่เจอผม มันคงเป็นห่วง
กูจะรอมึงนะภูมิ รีบมานะ