วันนี้จะมีพิธีปิดกีฬา พร้อมกับการแข่งกองเชียร์ แสตนเชียร์ เชียร์ลีดเดอร์ พาเหรด รวมถึงฟุตบอลคู่ชิงแต่อะไรก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าบาสคู่ชิงชนะเลิศ
ระหว่างวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ เหอๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันนะครับ ถ้าขึ้นชื่อว่าวิศวะแน่นอนว่าย่อมไม่ถูกกับสถาปัต ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมอะไรของสองคณะนี้ มันถึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาทุกยุคทุกสมัย แต่จากคำให้การของคนใกล้ตัวผม
ได้ความว่า “เพราะศักดิ์ศรี” อ่ะนะ กินไม่ได้แต่เท่ห์
จึงไม่แปลกที่วันนี้คนจะแน่นเต็มโรงยิม เมื่อวานฟุตบอลว่าคนเยอะ มาเจอบาสวันนี้บอลเทียบไม่ติดเลยครับ แทบจะไม่มีที่ให้ยืน แต่ผมเส้นใหญ่มีคนจองที่ไว้ให้ คึคึ แต่ถึงกระนั้นเมื่อเช้าผมก็ต้องรีบหัวซุกหัวซุนมามหาลัยแต่เช้า
จะไม่เช้าได้ไงก็ไอ้ภูมิแข่งนิครับ เมื่อเช้ามารถคนละคันกัน ภูมิออกเช้ากว่า เพราะต้องไปช่วยพวกแสตนเซทเครื่องไม้เครื่องมือเสียง เตรียมความพร้อม แถมก่อนออกจากห้องมันยังย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผมรีบมาเชียร์
วันนี้พวกผมก็เลยมาเชียร์มันกันครบแก็งค์ ที่นั่งที่ไอ้ภูมิมันจองไว้ก็คือแสตนข้างหลังม้านั่งนักกีฬานั่นแหละ เอ็กคลูซีมมั่กมาก กะว่าไม่ให้ผมคลาดสายตาไปไหนเลยมั้ง ตกลงให้กูมาดูมึงแข่งหรือจะให้กูมานั่งให้มึงดูกันแน่วะ
สงสารก็แต่ไอ้ฟ่าง เพราะฝั่งนึงก็น้อง อีกฝั่งก็คณะตัวเอง มันเลยนั่งกอดอกไขว่ห้างดูแบบนิ่งๆ แต่ที่น่าสงสารจริงๆคือไม่รู้เมื่อวานไอ้แทนทำแต้มเก็บประตูมันไปเท่าไร วันนี้ไอ้ฟ่างถึงกับใส่เสื้อแขนยาวเลยทีเดียว แต่สายตาเทพๆอย่างผมมีรึจะไม่เห็นไอ้รอยแดงๆที่คอมัน หึหึ
“เฮ้ย วิศวะคัดหน้าตามากกว่าฝีมือรึเปล่าวะ” ไอ้เชนตะโกนแซวพวกไอ้ภูมิ ที่เตรียมลงสนาม มันก็ไม่ได้เกินจริงหรอกครับเพราะทีมไอ้ภูมิกับเพื่อนๆมันอีกหลายคนที่ผมไม่รู้จัก
กูนึกว่าทีมรวมดารา ไม่ต้องบอกเลยว่าทำไมวันนี้ถึงมีผู้หญิงแท้และหญิงเทียมมาซะล้นโรงยิม เพราะนอกจากหนุ่มๆวิศวะแล้ว อีกทีมอย่างสถาปัตก็นำโดยไอ้คลื่น ซึ่งก็ไม่ได้น้อยหน้ากันเลย
“แล้วทันตะมากเสือกไรด้วย แข่งเสร็จแล้วเหรอว่ายน้ำมึงน่ะ” ไอ้ภูมิปาผ้าขนหนูใส่หัวไอ้เชน
“กูไม่อยากเด่นโว้ย เลยปล่อยให้น้องๆมันเกิด”
“เหรออออ กูว่าแม่งแก่แล้วว่ายไม่ไหวมากกว่าว่ะ” ไอ้คิวผลักหัวไอ้เชน ฮ่าๆ สมน้ำหน้ามัน คงเอาแรงไปทำอย่างอื่นจนไม่มีแรงไปแข่งละม้างง ไอ้หมอฟัน
“พีม ขอปลอกแขนหน่อย” ภูมิมาหยุดยืนตรงหน้าผม
คือผม ไอ้คิว ไอ้เชน ไอ้เบียร์นั่งแสตนชั้นแรก ไอ้แทน ไอ้ฟ่าง ไอ้ปัน ไอ้มิคนั่งถัดขึ้นไป ข้างๆก็เป็นพวกอีกรีน อีจีจี้ อีเคที่และสาว?แก็งมัน
นี่ผมว่าผมมาเช้าแล้วนะ แต่พวกอีกรีนนี่คงหอบเสื่อมาปูตั้งแต่โรงยิมยังไม่เปิดเลยมั้ง กร๊ากกกก แล้วดูมันมองภูมินะ ตาลอยเลย ฮ่าๆ
“อ่อ นี่ๆ” ผมค้นกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง เพื่อหาปลอกแขนสีดำนุ่มๆมีสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกให้ภูมิ เมื่อเช้ามันรีบมากจนลืม เลยโทรบอกผมเอามาให้ มันใส่แล้วเท่ด์ดีนะเพราะตัดกับสีชุด วันนี้วิศวะมาในชุดสีขาว สถาปัตสีดำ
“กินข้าวยัง”
“กินแล้วววววววววว มึงห่วงตัวเองเถอะ ถ้าแพ้นะกูจะปล่อยให้เดินกลับเอง”
“ถ้าชนะล่ะ”
“ก็ได้แชมป์ไง”
“ไม่อยากได้แชมป์อ่ะ อยากได้พีม” จบครับ ผมไปไม่ถูกเลย มันหัวเราะชอบใจที่ทำผมจอดได้ มึงเมาลูกบาสรึเปล่าภูมิ ไอ้ภูมิมันสวมปลอกแขนไป กวนส้นบาทาผมไป หาได้แคร์สิ่งใดไม่ ไอ้พวกเพื่อนๆก็ดูจะชอบอกชอบใจที่เห็นไอ้ภูมิมันแทะโลมผมด้วยคำพูด
เสียงเป่านกหวีดให้นักกีฬาทั้งสองทีมลงสู่สนาม
“จะแข่งแล้ว ขอกำลังใจหน่อยสิ”
“มาขงมาขออะไร ของซื้อของขายเว้ย ว่าแต่จะทานนี่หรือกลับบ้านดีครับ ฮ่าๆ”
“ขอคนนี้กลับบ้านแล้วกันครับ”
ฮิ้ววววววววววววว เสียงสัมพเวสี โห่ ฮิ้วเป็นแบรกกราว
“พ่อมึงบวชเหรอสัส โห่ทำซากไรห๊ะ”
“อ่ะๆ เขินแล้วปล่อยหมาเลยนะมึง ไอ้ภูมิมันขอมึงก็ให้มันดี๊ เดี๋ยวพวกกูปิดตาก็ได้อ่ะ” ไอ้คิวแกล้งหลับตา หลิ่วตาล้อผม แม่ม กูอายเป็นนะเว้ย
“น่ารักว่ะเตี้ย” ไอ้นี่ก็ อย่าจุดประเด็นให้พวกมันสิเฮ้ย
“หล่อครับหล่อ กรุณาใช้คำให้ถูกต้องและเหมาะสมกับกระผมด้วย มึงไปได้แล้วไปเพื่อนรอ….. แล้วก็
สู้ๆนะ”
“ครับ^^” ภูมิลูบแก้มผมก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อนๆ
พวกมันล้อมกอดคอ ตะโกนวิศวะสู้!!!เรียกกำลังใจก่อนลงสนาม และพวกมันคงเรียกดังไปหน่อย เลยมีเสียงกรี๊ดสิบแปดล้านเดซิเบลแถมมาให้
“พี่ภูมิ สู้ๆนะค๊า”
“แม่งหล่ออะ เท่ห์ไปไหนคะน้องภูมิ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด คลื่นนนนนนนน แอร๊ยยย” เออ เอาเข้าไป
เมื่อทั้งสองทีมลงสู่สนามก็มีการจับมือ ไอ้คลื่นหันมาเจอผม มันก็ยิ้มกว้างโบกมือให้ ผมก็ยิ้มตอบ ทำปากบอกว่า
“Fighting” ไอ้ภูมิเหล่มองนิดหน่อยแต่ก็ไม่ว่าอะไร แฟนผมเขาพัฒนาแล้วนะ
เพราะหลังจากที่คุยกันวันนั้นที่บ้านผม ภูมิก็เหมือนจะยอมรับคลื่นได้ สงสัยมันคงสำนึกได้แล้วมั้งว่าคนที่ผมรักน่ะ คือ
ใคร ส่วนคลื่นมันก็ยังโทรมาคุยกับผมเรื่อยๆ คุยเอ็ม คุยบีบี เฟช ภูมิก็ไม่ได้ห้าม เห็นมั้ยถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน ชีวิตมันก็แฮปปี้^^
แต่จริงๆไอ้ภูมิมันบอกว่า “กูจะยืมมือมันไปจัดการคนอื่นที่มายุ่งกับมึง” เลวบริสุทธ์จริงๆ+_+
“เฮ้ยคิว มึงว่าวันนี้หนุ่มฮอทเพื่อนเรามาเชียร์ใครวะ” ไอ้เชนยักคิ้วหลิ่วตาให้ไอ้คิว มันคุยกันข้ามหัวผมนี่แหละครับ
“แหม มึงก็ไม่น่าถามเลยเชน ของมันเห็นๆกันอยู่ แต่กูกลัวว่าแข่งบาสอยู่ดีๆจะมีแจกนวม วางมวยกลางสนามนี่สิ”
“หึหึ” เสียงจากผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งซึ่งกอดอกอยู่ข้างบน สงสัยเมื่อวานผมคงทำกับมันไว้มาก วันนี้เลยโดนเต็มๆ
ภาพที่ไอ้ภูมิกับไอ้คลื่นยืนประจันหน้า จ้องตากันเพื่อรอแย่งบอล อาจจะทำให้ผู้คนในโรงยิมเคลิ้ม แต่สำหรับผมก็ได้แต่แอบเสียใจอยู่เงียบๆ ไมแม่งสูงกันจังวะ แล้วทำไมกูถึงอาภัพแบบเน้ ม่ายยยยย แต่ดูจากส่วนสูงมันสองคนคงพอๆกัน แต่คลื่นน่าจะตัวหนากว่าหน่อยนึง
และถึงแม้ว่าไอ้ภูมิกับไอ้คลื่นจะยืนอยู่สองคน แต่ผมก็มองผ่านคลื่นไป สายตาผมไม่ได้เอียงหรอกครับ แต่หัวใจมันเอียง เลยเห็นแค่ภูมิคนเดียว :กอด1:ฮิ้วววว>_<
ทันทีที่ผู้ตัดสินโยนบอลขึ้น ทั้งไอ้ภูมิไอ้คลื่นก็เทคตัวกระโดดขึ้นปัดลูกและปรากฏว่า ไอ้คลื่นเร็วกว่า ฝั่งถาปัดก็ได้ลูกไปครอง
เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้น ดังเอี๊ยดอ๊าด นักกีฬาทั้งสองทีมวิ่งประกบกันแย่งลูก ฝั่งวิศวะทำแต้มได้ก่อน ไอ้ภูมิเลี้ยงหลบไอ้เบอร์6 ของถาปัต ก่อนจะชู๊ตลงไปอย่างสวยงาม สามแต้มเว้ย
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ด ภูมิมันยิ้มให้กองเชียร์สาวๆ ก่อนจะหันมาขยิบตาให้ผม คนแถวนั้นละลายกันเป็นแถบๆ เหอๆ มึงก็ช่างกล้า
“อีกรีน กูไม่ไหวแล้วคะ พาร่างกูไปบูชายัญให้ภูมิที่”
“โถ อีดอกคุณเพื่อนคะ อย่างมึงจุดธูปเคาะฝาโลงภูมิก็คงไม่เห็นหรอกย่ะ เพราะตัวจริงเค้าอยู่นี่” อีกรีนหันมาทำตาหวานใส่ผม อีเคที่ถึงกับมองจิกผมเลยทีเดียว
“อีจีจี้ ทำไมสามีมึงถึงได้มาจิ๊จ๊ะกับภูมิขาล่ะ” อีเคหันไปแว๊ดๆใส่อีจี้ อีจี้ก็รีบถลาเข้ามาเกาะแขนผม
“มึงอย่ามากล่าวหาผัวกูนะย๊ะ อีเคที่ พีมมี่น่ะแค่หน้ามืดเผลอตัว อยากมีผัวเหมือนเราแค่นั้นเอง”
“โดนนนนนนน” เพื่อนผมนี่ก็ดีแสนดี พร้อมใจกันเป็นลูกคู่ให้อีจี้
“อีจี้เดี๋ยวกูโบกติดเสา เดี๊ยะๆ” เกิดมาก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงประเภทที่สองด้วยสิ
“ต๊าย ปากคอเราะร้าย เบียร์ขาช่วยจี้ด้วยสิคะ” อิจี้เปลี่ยนเป้าหมายลงไปซบไหล่ไอ้เบียร์ คุณชายเบียร์ถึงกับขำค้างสะดุดกึก ตัวแข็งไปไม่เป็นเลย ฮ่าๆ
“นี่พวกมึงตามพวกกูทุกสนามเลยเหรอห๊ะ อีเขียว” ไอ้คิวยิ้มกวนอีกรีน
“ดอกได้อีกคะมึง ใครบอกกูตามมึงมิทราบ พวกกูตามเบียร์มาต่างหากย๊ะ เบียร์ขาเมื่อวานพวกเราไปเชียร์เบียร์เตะบอลด้วยนะค๊า” อีกรีนทำท่ากระมิดกระเมี้ยนใส่ไอ้เบียร์
“เอ่อ ขอบคุณครับ” ไอ้เบียร์ได้แต่ยิ้มแหะๆ ผงกหัวขอบคุณอีกรีนกับอีจี้ ไงมึง เจอสาวสวยๆหน่อย พูดไม่ออกเลยเหรอวะ กรั่กๆ
“เชียร์เบียร์? ร้านไหนวะ กูจะได้ไม่เฉียดไปแดก” ไอ้คิวเปิดศึกปล่อยมุขอีกแล้วครับ
“อีควายยย หล่อแต่หน้าปัญญาติดลบนะคะคุณผัว กูหมายถึงไปเชียร์คุณเบียร์ ไม่ใช่ไปเป็นสาวเชียร์เบียร์ ”
“เออเนอะ กูก็ลืม ใคร๊เค้าจะเอาฮิปโปทะเลน้ำลึกอย่างมึงไปเชียร์เบียร์ มีหวังแขกช็อคตายกันพอดี”
“อีจี้มึงจับมันไว้ วันนี้ถ้าไม่ได้ไอ้คิวทำผัว อย่าเรียกกูว่ากรีนประตูน้ำเลยคะ” ฮ่าๆ ถึงขั้นลงไม้ลงมือแล้วครับ คนที่อยู่แถวๆนั้นก็พลอยขำไปด้วย ถือเป็นการผ่อนคลายจากการแข่งขันที่ดุเดือดเหลือเกิน
“มองน้องกูเพลินเลยนะ” ไอ้ฟ่างที่นั่งอยู่ข้างบนผลักหัวผม
“เออ ก็เหมือนที่มึงมองเพื่อนกูเมื่อวานไง” เงียบไปเลยดิมึงอ่ะ
ผมเพิ่งสังเกตว่าไอ้ภูมิกับไอ้คลื่น มันเล่นตำแหน่งเดียวกันคือชู้ตติ้งการ์ด เหอๆวิ่งกันให้ตายไปข้างนะพวกมึง และแน่นอนว่ามันต้องคอยประกบกันซึ่งอาจจะมีปะทะกันบ้าง
แต่ถึงจะปะทะกันมันก็อยู่ในเกมส์ไม่ได้เล่นสกปรก แมนๆกันไป ผมไม่ได้เชียร์ทั้งวิศวะและสถาปัตแต่ผมเชียร์ภูมิกับคลื่น คือถ้าใครถือบอลอยู่ก็เชียร์คนนั้นแหละ ฮ่าๆ
แต่มันบังเอิญไปมั้ยที่มันดันใส่เสื้อเบอร์เดียวกัน คือเบอร์10 ครับ และก็บังเอิ๊ญบังเอิญว่าผมก็เกิดวันที่10 ด้วยสิ เหอๆหวังว่ามันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเนอะ
บรรยากาศในสนามเข้มข้น คนดูก็มันส์เสียงกลองของทั้งสองฝั่ง สร้างความครึกครื้น เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ก็มีมาไม่หยุด ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเกมส์ที่สูสี ดุเดือดสมกับเป็นคู่ชิงครับ เล่นกันไวมาก สถาปัตย์จะเล่นลูกรีบาวด์ได้ดีกว่า ส่วนวิศวะเน้นเกมส์รุกที่เฉียบขาด คือถ้าหลุดเข้าโซนฝั่งถาปัตไปก็ทำใจเลยว่า วิศวะได้แต้มแน่นอน
“กรี๊ดดดดดดดดด น้องคลื่นนนน อร๊ายยยย” หลังจากไอ้คลื่นกับไอ้ภูมิแย่งลูก เลี้ยงลูกหลบกันอยู่นาน ไอ้คลื่นก็ชู๊ตไกลเช็ดแป้นลงห่วงไปอย่างสวยงาม และทุกครั้งที่มันทำแต้มได้ก็จะมีเสียงนี้ตามมาครับ บางทีเป็นเอามากถึงขั้นที่ว่า แค่มันสัมผัสลูกก็ยังจะกรี๊ด
“โห กูแม่งหัวใจจะวาย มันจะดุเดือดเลือดสาดอะไรขนาดนั้นวะ แต่เท่ห์ว่ะ ตอนหนุ่มๆกูก็ฮอทแบบนี้แหละ”เสียงไอ้ปันดังมาแว่วๆ
“แสดงว่าตอนนี้มึงแก่แล้วสิ” เสียงไอ้แทนถาม
“ตอนนี้กูเอ๊าะเว้ย เนอะมิค”
“กูไม่รู้ กูหล่อ” ปล่อยพวกข้างบนมันบ้ากันต่อไป
“พี่คิวววววววววววววววววว” มาแล้วครับไอ้เด็กมหาปลัย มันจะพูดคำอื่นเป็นมั้ย นอกจากคำว่า พี่คิวเนี่ย
“พี่คิวๆเต้ยได้เหรียญทอง” ไอ้เต้ยยิ้มร่าชูเหรียญ วิ่งตาเหลือกมาหาพวกผม โดยมีไอ้แมทวิ่งหอบแฮ่กๆตามหลังมา
“มึงไปแข่งอะไรมาเต้ย” พวกผมเลิกสนใจบาสแทบจะทันทีครับ
“ตะกร้อ”
“ห๊า!!!ตะกร้อ?!!!!!” “ครับ ตะกร้อ นี่ๆชนะนิติมาหมาดๆ”
“……………………………..”
เงียบ
“เย้สเป็ด เมียกูเตะตะกร้อ กร๊ากกก เตะเสร็จเค้าไม่แจกให้มึงเอามาครอบปากด้วยวะเต้ย ฮ่าๆ” แล้วไอ้เต้ยก็งอนค้อนคว่ำไอ้คิว พวกมันก็ง็องแง้งๆกันไป
ผมหันมาสนใจการแข่งขันต่อ โอยยยกูหายใจไม่ทั่วท้อง ไอ้คลื่นสัมผัสบอลทีคนก็กรี๊ด พอไอ้ภูมิชู้ตยังไม่ทันจะลงห่วงก็กรี๊ด ผมนี่หายใจแทบไม่ทัน มันอยู่ในตำแหน่งที่ปะทะกันบ่อยมาก กว่าควอเตอร์แรกจะหมด กูแทบหัวใจวาย สูสีมากครับ คะแนนตอนนี้วิศวะตามอยู่
พอออกจากสนามไอ้ภูมิมันคงร้อนมากจนลืม เลยถอดเสื้อ เสียงกรี๊ดนี่ทำโรงยิมแทบแตก
“อ๊ากกกกกกก ขอเลือดด่วน น้องภูมิข๊าวขาว” เสียงสาวแท้สาวไม่แท้โหนหวยมาแต่ไกล ไอ้ภูมิมันยิ้มเจื่อนๆใส่เสื้อกลับอย่างรวดเร็ว ฮ่าๆ ถ้ามึงไม่ใส่กูนี่แหละจะเอาผ้ามาคลุมมึงเอง
“เหนื่อยมั้ย”
“เหนื่อย มาจุ๊บให้กำลังใจหน่อยดิ” มันหอบแฮ่กๆแต่ก็ยังมีกะจิตกะใจจะกวนตีน พวกไอ้คิวนี่ก็ขยันโห่กันจัง มึงเคยรับจ้างโห่ตามงานบวชใช่มั้ยห๊ะ
“กล้าก็เอา” ผมยิ้มทำปากจู๋ท้ามัน ภูมิขำหึ ก่อนจะนั่งเหยียดขากับพื้น และใช้ขาผมเป็นพนักพิงหลังมัน อี๋ เหงื่อเต็มหลังเลย
“เตี้ย เช็ดหน้าให้หน่อย” มันเงยหน้ามาสบตากับผม ปิ๊งๆ
“อยากดังเหรอมึง” ผมผลักหัวไอ้ภูมิเบาๆ และแกะผ้าเย็นกับเปิดขวดน้ำให้มัน ถ้าคนน้อยก็อาจจะเช็ดให้นะ แต่นี่ เหอๆ ไม่กล้าว่ะ ไอ้ภูมิยิ่งเป็นเป้าสายตาผู้คนอยู่
และการแข่งขันก็ดำเนินต่อไป ยิ่งควอเตอร์ที่3ที่4 นี่ผมนึกว่ากำลังดูบาส NBA บอสตันเซลติกกับลอสแองเจอลิชเลเกอร์คือมันส์มากครับ และแล้วก็หมดเวลา จบควอเตอร์ที่4 ด้วยชัยชนะของวิศวะ ที่ชนะไปแบบฉิวเฉียด103-97
ก่อนออกจากสนาม ไอ้คลื่นเดินเข้ามาหาภูมิ และยื่นมือไปตรงหน้าภูมิ ทั้งสนามเงียบ ผมเองก็ลุ้นจนตัวโก่ง ภูมิมองมือของคลื่น ภูมิหันมามองผม และชั่วอึดใจมันก็ยื่นมือไปจับมือกัน จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งโรงยิมพร้อมกับเสียงร้องเพลง เสียงกลองก็กลับมาอีกครั้ง
แพ้ชนะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน แต่สิ่งที่สำคัญคือน้ำใจนักกีฬาต่างหาก นั่นเป็นสิ่งที่นักกีฬาที่ดีควรมี ซึ่งมันทั้งสองคนก็ทำให้คนทั้งสนามได้เห็นแล้วว่า
ทั้งภูมิและคลื่นคือนักกีฬาที่ชนะใจคนดูจริงๆ“ฟุ่ว์”
“ไงมึง ถึงกับถอนหายใจเลยเหรอ เก่งนี่หว่า ทำให้แฟนกับชู้สามัคคีกันได้”
เชี่ยคิว ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย
…………………………….
และเมื่อกีฬาภายในผ่านพ้นไป ก็มีการคัดตัวนักกีฬาแต่ละประเภทเพื่อเป็นตัวแทนมหาลัยไปสู้กับสถาบันอื่นในกีฬามหาลัยที่กำลังจะมาถึง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจเท่าไร ประเด็นมันอยู่ที่ ไอ้ภูมิดันได้เป็นกัปตันทีมบาสนี่สิ และนั่นยังไม่สำคัญเท่าไอ้คลื่นก็ติดทีมมหาลัยเหมือนกันซะด้วย เหอๆ และมันก็คงไม่มีผลอะไรต่อระบบชีวิตผมหรอก ถ้าไม่ต้องมารอไอ้ภูมิซ้อมทุกเย็น Y_Y วงจรชีวิตดักแด้น้อย ก็มีแค่นี้แหละครับ
ผมกำลังนั่งวาดรูป รอไอ้ภูมิไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังซ้อมเสร็จ
“พีม”
ตุ้บ!!!!!
“เฮ้ย ไอ่ห่าโยนมาได้ ถ้าหน้าหล่อๆของกูมีมลทินมึงจะทำไง แม่ง” ไอ้คลื่นมันโยนลูกบาสเฉียดหัวผมไปนิดเดียว นี่ถ้ากูเงยหน้าเร็วกว่านี้ซัก0.01วิ มีสิทธิ์ดั้งยุบเลยนะนี่
มันยิ้มหล่อ สะพายเป้ถือลูกบาสมานั่งข้างผม ได้กลิ่นครีมอาบน้ำจากตัวมันด้วย
“หล่อได้อีก ฮ่าๆ” ไอ้เชี่ยคลื่นมันยังไม่สำนึก ชะโงกหน้ามาดูรูปวาดของผม “วาดไรวะ นี่หลับตาวาดหรือเอาเท้าเขี่ยเนี่ย”
“อีกไม่กี่นาที คาดว่ากูคงเอาเท้าเขี่ยหน้ามึงอ่ะครับคุณคลื่น” มันหัวเราะผลักหัวผมอย่างอารมณ์ดี
“มึงจะจีบแฟนกูอีกนานมั้ย” มาแล้วครับ มัจจุราชประจำตัวผม ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองไอ้คลื่นแบบกวนตีนสุดๆ
“นาน” ไอ้คลื่นยักคิ้วให้ภูมิ
แล้วมันก็ยืนจ้องหน้ากันเหมือนจะแดกหัว ถ้าเป็นปลากัดน่าจะท้องได้สามครอกแล้วมั้ง ผมได้แต่ส่ายหัวกับพวกมัน มาซ้อมด้วยกันทุกวันก็กัดกัน เขม่นกันทู้กกกวัน แม่งไม่เบื่อบ้างรึไงวะ
“นี่ก็เหลือเกินนะ” อ้าว ภูมิหันมาพาลใส่ผมอ่ะครับ ไอ้คลื่นก็ขำคิกๆ
“อะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย แค่คุยกันเฉยๆ แล้วตกลงมึงสองตัวจะเสด็จกลับกันได้รึยังครับ” ผมเก็บของเสร็จก็เตรียมกลับ
“ไปกินข้าวกันมั้ย” ไอ้คลื่นพูดขึ้นมาลอยๆ ผมหันไปมองหน้าภูมิ
“ก็ไปดิ” มันก็ตอบลอยๆเหมือนกัน
ไอ้พวกฟอร์มจัดเอ๊ยและตอนนี้เราสามคนก็มาโผล่ที่ร้านข้าวขาหมูเจ้าอร่อยหลังม. เพื่อนพ้องน้องพี่นักศึกษาเต็มร้านเลยครับ เกือบไม่มีที่นั่ง และแน่นอนว่าทันทีที่พวกผมหย่อนตูดลงนั่ง เราสามคนก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในร้าน
คือ เข้าใจมั้ยครับว่าโต๊ะนี้มีอดีตเดือนวิศวะกับเดือนสถาปัตถ์นั่งชูคอและหน้าโคตรหล่ออยู่ มีใครบ้างจะไม่มอง แต่ผมว่าจริงๆแล้ว คนเขามองมือไอ้ภูมิที่โอบไหล่ผมมากกว่านะ ผู้ชายที่ไหนเขาทำก๊านนน กูอาย กูเครียด กูปวดหัว กลับไปแดกยาไมเกรนสักสองแผงดีมั้ยฮึ
“กินไร” ไอ้คลื่นถาม
“กินไรก็ได้ มึงสั่งดิ” ไอ้ภูมิตอบ
“อ้าวแล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงจะแดกไร” ไอ้คลื่นอีกซักครั้ง
“แล้วร้านข้าวขาหมู มันมีอย่างอื่นให้มึงแดกรึไง” ไอ้ภูมิบ้าง
“ก็…….”
“พอๆ พวกมึงหยุดทะเลาะกัน โอเค นะ เดี๋ยวกูสั่งเอง” ผมก็ต้องคอยห้ามทัพอยู่แบบนี้ โอยยยยยยย เหนื่อยโว้ยยยย
“กินเข้าไปเยอะๆไขมันน่ะ อ้วนมากูไม่เลี้ยงนะ” ไอ้ภูมิเขี่ยน้องหนังหมูออกจากจานผม ม่ายยย
“ก็กูชอบ” ผมมองตามหนังหมูชิ้นนั้นด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“หึหึ” เสียงขำจากคนที่นั่งตรงข้ามกับผม
“มึงขำไรไอ้คลื่น เดี๋ยวนี้ริแปรพรรคเหรอมึง ห๊ะ เข้าข้างไอ้ภูมิเหรอ”
“เอ๊า อะไรของมึงเนี่ย กูยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”
“มึงหัวเราะกู”
“งี่เง่าว่ะพีม กูชักจะสงสารไอ้ภูมิแล้วว่ะ”
“เออ ทีนี้มึงซึ้งรึยัง ระหว่างกูกับมึงใครกันแน่ที่โชคดี หึ” หนอยยยย ทีงี้ละเข้าขากันดีนักนะ เดี๋ยวพ่อจับยัดลงหม้อต้มขาหมูทั้งคู่เลยแม่ง
กินข้าวกันจนอิ่มคลื่นก็แยกกลับบ้าน ผมกับภูมิก็ขับรถกลับบ้านของเราเหมือนกัน ^o^ ภูมิฮัมเพลงตามเสียงเพลงที่ดีเจเปิด เห็นมันอารมณ์ดีผมก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
ภูมิคงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคลื่นแล้วว่าเป็นได้แค่ไหน เพราะถ้าไม่อย่างนั้น มันคงไม่ปล่อยให้คลื่นเข้าใกล้ผมหรอก ภูมิน่ะปากร้ายแต่ใจดี แต่ผมก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันคุยอะไรกันวันที่ผมไปส่งคลื่นที่ท่ารถ
“ภูมิ ทำไมมึงถึงยอมให้กูคุยกับคลื่นล่ะ พวกมึงคุยอะไรกัน” มันหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะดึงมือผมไปกุมไว้ สายตาภูมิยังคงจ้องท้องถนนเบื้องหน้า และตอบผมว่า
“เรื่องของลูกผู้ชาย มึงไม่เข้าใจหรอกพีม”O_O
=_=
>o<
สาดดดดดดดดดดดดดดด กูก็มีกะเจี๊ยวเหมือนกันนะเว้ย แม่ง พ่นไฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
TBC >>>>>>>>>>>>>
…………………………….
-เห็นพ่อยกแม่ยกของคุณคลื่นเรียกร้อง น้องตาลผู้แสนเลอเลิศเลยจัดมาให้พอเป็นกระสัย หวังว่าคงหายคิดถึงกันบ้างนะคะ
- ภูมิขา จะหล่อไปไหนพ่อคุณ อิอิ อยากสิงไอ้พีมโว้ยยยยย