[เรื่องสั้น] Cupid Dart
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Cupid Dart  (อ่าน 59380 ครั้ง)

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
[เรื่องสั้น] Cupid Dart
« เมื่อ19-08-2010 22:50:20 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------------------------------------------------------------

จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งส่งรวมเรื่องสั้นของอีกบอร์ดนึงแต่เผอิญพี่เค้าบอกยังหื่นไม่พอเลยเอามาลงให้ทุกคนในเล้าอ่านแทนค่ะ ฮะๆ

คิดว่าแบ่งซะสามตอนจบน่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านตอนแรกกันเลยค่ะ


------------------------------------------------------------------------------

 Cupid Dart

ดลไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะได้มีโอกาสมาต่างประเทศเลยสักครั้งด้วยภาษาอังกฤษที่แค่งู ๆ ปลา ๆ กับท่าทางที่ถูกวิจารณ์มาแบบรักษาน้ำใจว่าดูมองโลกในแง่ดีหรือในแบบที่ปลาเพื่อนสนิทเคยแปลออกมาโดยไม่คิดเงินว่า
   ‘แทบจะแปะป้ายกลางหน้าผากว่าผมหลอกง่ายครับ!’
   ที่ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศอังกฤษเมืองผู้ดีนี้ได้ก็เพราะว่าผู้เป็นน้าได้ข่าวว่ามาดามโรสที่เป็นเจ้าของบ้านพักที่เคยอยู่คิดจะขายเธอจึงเดินทางมาเพื่อตกลงทำสัญญา ด้วยความที่ที่บ้านไม่อยากให้หญิงสาวเดินทางมาคนเดียวแต่ไม่มีใครว่างเลยโชคดีจึงตกกับดลนักศึกษาคนเดียวในบ้านที่เพิ่งปิดเทอมพอดี
   “อ๊ะ! นั่นไงดลกระเป๋าพวกเรา” เสียงฝนน้าสาวคนสวยเรียกสติที่เริ่มหลุดลอยเพราะตื่นคนของดลให้กลับมายังสายพานที่มีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แล่นผ่านหน้าไป
   ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของน้าสาวก่อนแต่ก็แทบจะโดนลากตามสายพานไปด้วยถ้าไม่มีมือของใครบางคนเข้ามาช่วยยกลงมาเสียก่อน
   “ขอบคุณครับ เอ่อ Thanks” ดลหันไปส่งยิ้มขอบคุณจนตาหยีแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีผมสีน้ำตาลเข้มและนัยน์ตาสีควันบุหรี่ก็รีบเปลี่ยนเป็นภาษาสากลทันที
   ในชั่วพริบตาที่สัมผัสกันทั้งสองรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ กระแสไฟฟ้าวูบวาบอ่อน ๆ แล่นผ่าน เหมือนมีบางอย่างดึงดูดไม่ให้เขาละสายตาจากนัยน์ตาสีเทาคู่นี้ได้
   “ดลด๊ล มาช่วยน้าเอากระเป๋าเราลงก่อน!” ฝนตะโกนเรียกหลานชายขณะพยายามลากกระเป๋าสีฟ้าใบย่อมของอีกฝ่ายแต่ดูหนักเกินขาดลงมา
   “โอ๊ะ! Thank you” หญิงสาวหันไปกล่าวขอบคุณให้ผู้ใจดีอีกหนึ่งคนที่มาช่วยไว้ก่อนจะชะงักกึกเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าที่มีแว่นกันแดดสีดำขอบเงินของคนตรงหน้าดูคุ้น ๆ ชอบกล
   “Your welcome, rainy” ชายหนุ่มผมดำใบหน้าเอเชียยิ้มตอบแล้วถอดแว่นกันแดดเสียบกระเป๋าเสื้อเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านเป็นมิตรคนหนึ่ง
   “เจค!” ฝนแทบกรี๊ดออกมาเมื่อได้เจอเพื่อนร่วมบ้านชาวสิงคโปร์ที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ
   ชายหนุ่มหัวเราะ กอดเพื่อนด้วยกิริยาสุภาพก่อนที่เขาจะเรียกร่างสูงที่มาช่วยดลยกกระเป๋าตะกี้ให้มาทำความรู้จักกัน
   “นี่เพื่อนผมชื่อเควิน” เจคแนะนำตัวเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งสองจับมือทักทายตามแบบสากล
   “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะเควิน ฉันฝนหรือจะเรียกว่าเรนนี่แบบเจคก็ได้ ดล ๆ มานี่เร้ว” ประโยคหลังเธอหันไปเรียกหลานชายที่ยืนเอ๋ออยู่เป็นภาษาไทย “นี่ดลหลานชายฉันเองค่ะ ดลนี่เจคเพื่อนของน้าสมัยเรียน”
   “เอ่อ สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มเผลอตัวยกมือไหว้ตามแบบไทยเมื่อทราบว่าคนทั้งคู่อาวุโสกว่า ทำเอามือที่กำลังจะยกขึ้นของเจคชะงักกึก
   “ดลจับมือไม่ใช่ไหว้” ฝนกระซิบบอกหลานชายเบา ๆ เท่านั้นเองเขาจึงนึกขึ้นได้รีบเอื้อมมือไปคว้ามือของเจคกลับมาเขย่าเต็มแรงแทนพร้อมกับหันไปส่งยิ้มจับมือกับเควินต่อ
   “เจคมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” หญิงสาวถามเพื่อน
   “ผมมาเรื่องที่บ้านของมาดามโรสน่ะ”
   “ว่าไงนะ?!” เธออุทาน “อย่าบอกนะว่าเจคจะมาซื้อบ้านหลังนั้น!”
   “เรนนี่ก็ด้วย?” ชายหนุ่มอึ้งไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยเรื่องเดียวกันแบบนี้
   ระหว่างที่สองเพื่อนเก่ากำลังพูดคุยกันก็ยังมีคนสองคนที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เควินนั้นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะที่ดลกลับรู้สึกว่ามือไม้ดูเกะกะเก้งก้างไปเสียหมดเมื่อมีสายตาสีเทาคู่นี้เหลือบมองเป็นระยะ ๆ
   “เอ่อ คุณมาจากที่ไหนเหรอ?” ดลตัดสินใจชวนคุยแก้เขินด้วยประโยคพื้นฐาน
   “อเมริกา” เควินตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “คุณล่ะ?”
   “ประเทศไทย” ดลอดจะยิ้มตามไม่ได้ แต่ทว่ารอยยิ้มไม่ช่วยอะไรในการต่อบทสนทนาเมื่อทั้งคู่กลับมาเงียบอีกครั้งเนื่องจากเควินก็ไม่เคยมาที่ไทยและไม่รู้จักด้วยส่วนดลถึงจะรู้จักอเมริกาแต่ก็ไม่เคยไปและไม่กล้าคุยต่อเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
   “ประเทศไทยอยู่ที่ไหน?” หนุ่มอเมริกันถามต่อเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูจะยังคุยไม่จบ
   “หา เอ่อ อะไรนะครับ” ดลหน้าซีดเพราะเมื่อครู่เขาไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไรมาแต่เมื่อเควินทวนคำถามซ้ำอีกครั้งเขาก็พยักหน้าเข้าใจและอธิบายแบบง่าย ๆ ว่าอยู่ใต้จีน
   “เอ่อ น้าฝนครับผมว่าพวกเราย้ายที่ก่อนดีกว่าไหมครับคนอื่นจะได้เข้ามาเอากระเป๋าสะดวก” ชายหนุ่มเดินไปกระซิบบอกน้าสาวเบา ๆ อย่างเกรงใจ
   “นั่นสิ น้าลืมคิดไปเลย” ฝนอุทานก่อนจะชวนเจคให้เปลี่ยนที่ สุดท้ายทั้งสี่ก็มาจบลงที่ร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่ง “พวกนายจะพักที่ไหนกันน่ะเจค?” เธอถาม
   ดลนั่งมองน้าสาวตักวิปครีมเข้าปากด้วยความอยาก บนโต๊ะมีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้สั่งกาแฟดื่ม สองหนุ่มเลือกสั่งเอสเปรสโซ่ทั้งคู่ขณะที่ฝนเลือกลาเต้เพิ่มวิปครีมอย่างที่ชอบ ตัวดลเองจริง ๆ ก็ชอบทานเจ้าครีมเนื้อขาวเหมือนกันแต่เพราะต้องการเก็บเงินไว้ใช้จ่ายให้คุ้มค่าที่สุดด้วยไม่ต้องการรบกวนเงินของฝนที่ทำงานแล้วจึงพยายามประหยัดเต็มที่
   “ยังไม่ได้จองโรงแรมเลย คิดว่าจะหาโรงแรมแถวนั้นพักเอาน่ะ” ชายหนุ่มตอบ
   “ฉันกะจะพักที่บ้านมาดามโรสนะ เมลมาถามมาดามแล้วนะเธอตอบตกลงพวกนายจะมาด้วยกันก็ได้” ฝนชวนเพื่อน ถึงแม้เรื่องธุรกิจจะยังตกลงกันไม่ได้แต่ทว่ายังไงก็คือเพื่อน
   หนุ่มสิงคโปร์หันไปปรึกษากับเพื่อนก่อนจะหันมาพยักหน้า “ตกลง”

   เควินมองคนตรงหน้าที่สายตากำลังจับจ้องไปยังถ้วยกาแฟของหญิงสาวตาปรอย ท่าทางดลจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองแสดงออกชัดแค่ไหนว่าอยากกินจนรับรู้ได้ชัดเจน
   กิริยากลืนน้ำลายเมื่อฝนตักวิปครีมเข้าปากทำให้เขาเกือบหลุดขำ
   ...น่ารักดี...ชายหนุ่มคิดในใจ เสหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเพื่อไม่ให้ใครรู้
   “ดลอายุเท่าไหร่เหรอ?” เจคหันไปถามชายหนุ่มอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
   “ยี่สิบครับ”
   “หน้าเด็กอีกคนแล้ว เรนนี่เองก็ยังดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสาม โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อมือของฝนข้ามฟากมาหนีบเข้าที่ขา
   “บอกกี่ครั้งแล้วยะว่าห้ามเผยแพร่อายุสุภาพสตรี!” เธอค้อนขวับ
   เจคร้องอูย ลูบที่ขาเบา ๆ เคราะห์ร้ายที่วันนี้เขาใส่กางเกงผ้ามาทำให้อีกฝ่ายหยิกได้ง่ายขึ้นไปอีก เควินก็นั่งหัวเราะหึ ๆ ไม่ช่วยอะไรเลยอีกต่างหากส่วนดลก็นั่งยิ้มอย่างเดียว
   หนุ่มไทยอมยิ้มเมื่อเห็นภาพการหยอกล้อกันของน้าและเพื่อน ถึงจะยังจับใจความไม่ค่อยทันแต่ก็พอรู้ว่าเจคคงจะพูดถึงเรื่องอายุของฝนเป็นแน่
หลังจากจิบกาแฟกันจนหมดแก้วทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนโบกแท็กซี่ไปยังบ้านของมาดามโรส ภาพบ้านสีขาวขนาดสี่ชั้นอยู่ท่ามกลางดงไม้สีเขียว มีเถาดอกไม้สีชมพูสีม่วงดอกเล็ก ๆ ขึ้นแซมจนราวกับภาพวาด
“สวยจัง” ดลครางเป็นภาษาไทยแต่กระนั้นกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมก็ชัดเจนในความรู้สึกของเควินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จนอดจะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้
“เพราะสวยอย่างนี้นี่เองนายถึงอยากได้มันนัก” เควินหันไปกล่าวกับเพื่อน
“ใช่ ทั้งฉันและเรนนี่...” เจคพึมพำ รู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้พอควร
“มาดามโรส!” หญิงสาวสวมกอดหญิงชรารูปร่างอวบท่าทางใจดีคนหนึ่งที่เปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง
“เรนนี่! อ้าวเจคมาด้วยหรือ” โรสกอดหญิงสาวชาวไทยด้วยความรักก่อนจะทักทายร่างสูงด้านหลัง เธอส่งยิ้มอบอุ่นเผื่อแผ่ไปยังผู้มาเยือนอีกสองคนที่เธอยังไม่รู้จัก
“แล้วนี่ใครกันจ๊ะเนี่ย”
“นี่ดลหลานชายของเรนนี่ค่ะมาดาม ส่วนนั่นเควินเป็นเพื่อนของเจคค่ะ บังเอิญพวกเราเจอกันที่สนามบินพอดี” หญิงสาวอธิบาย
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ มา ๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆเอาของไปเก็บแล้วลงมานั่งทานน้ำชากันดีกว่า ฉันอบคุกกี้ข้าวโอ้ตไว้ให้ด้วยรับรองว่ามีพอแน่ ๆ” โรสเดินนำเข้าบ้านด้วยท่าทางแข็งขัน “เรื่องห้องไม่ต้องห่วงฉันทำความสะอาดตลอดเพียงแต่ว่าหนุ่ม ๆ ต้องใส่ผ้าปูที่นอนเองนะจ๊ะเพราะเผอิญฉันเตรียมไว้ให้แค่เรนนี่กับดลเพราะไม่รู้ว่าพวกเธอจะมาด้วย”
เจคและเควินตอบอย่างสุภาพว่าไม่เป็นไรแล้วกล่าวขอบคุณหญิงอังกฤษ
“คุกกี้ของมาดามอร่อยอย่างนี้เลยดล รับรองว่าติดใจขอเบิ้ลแน่ ๆ” ฝนชูนิ้วโป้งให้หลานชาย
“น้ำหนักของน้าฝนเลยเพิ่มหลังกลับจากอังกฤษเพราะงี้สินะครับ” เขาแซวก่อนจะวิ่งหลบฝ่ามือของอีกฝ่ายที่จะตบลงมาพร้อมเสียงร้องว่าปากเสีย! ดังลั่น
ทางด้านสองหนุ่มที่ไม่รู้ภาษาไทยก็ได้แต่มองภาพน้าหลานวิ่งไล่กันที่สวนราวกับเด็ก ๆ ด้วยความขบขัน
“นี่คือเรนนี่คนนั้นของนายสินะเจค?” เควินหันไปถามเพื่อนขณะขนกระเป๋าเข้าไปในบ้านก่อน
“ใช่ คนนี้แหละ” หนุ่มชาวสิงคโปร์ยิ้มเศร้า ๆ พวกเขาขึ้นไปยังห้องที่มาดามโรสบอกให้ไปพัก เป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดพอเหมาะสำหรับคนสองคนอยู่ได้โดยไม่อึดอัด ประกอบด้วยเตียงหลังเล็กแต่ยาวสองเตียง โต๊ะหนังสือสองโต๊ะ และตู้เสื้อผ้าสองตู้เท่านั้นโดยมาดามโรสบอกว่าจะนำผ้าปูที่นอนมาให้ทีหลังบนเตียงไม้จึงมีแต่ฟูกเปล่า ๆ ที่สีดูเก่า ๆ
ความลับที่มีน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเขาเคยแอบชอบหญิงสาวชาวไทยตอนมาเรียนต่อที่อังกฤษก่อนจะต้องพาหัวใจที่บอบช้ำกลับประเทศเมื่อฝนตัดสินใจคบหากับรุ่นพี่ชาวอังกฤษคนหนึ่งก่อนที่เขาจะได้สารภาพรักเสียอีก
“ไม่รู้ว่าจะยังคบกันอยู่รึเปล่านะ” เขาพึมพำกับตนเองแต่คนข้างกายกลับได้ยิน
“ก็ถามสิ ถ้ายังว่างก็ลุยจีบไปเลย” เควินยุเพื่อน
“จะดีเหรอ” เจคลังเล
“รึว่าจะรอให้ใครฉกไปก่อนอีกล่ะ อุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้ง ๆ ที่แทบไม่มีโอกาสเลยแท้ ๆ ก็คว้ามันไปสิ” หนุ่มอเมริกันกล่าว “เผื่อจะได้ช่วยกันไว้”
เจคสะดุดกับประโยคหลังของเพื่อน เขาขมวดคิ้วเหลือบมอง “หมายความว่าไง?”
“ดลน่ารักดีนายว่าไหม?” เควินตอบด้วยประโยคคำถาม
“อย่าบอกนะว่า...” เจคตบหน้าผากตัวเอง เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าเสป็คของเควินคือผู้ชายเอเชียหน้าตาท่าทางซื่อ ๆ แบบดลหลานของเรนนี่นี่แหละ!
“ใช่” เควินรับคำหน้าระรื่น
“อย่าได้ไหมเควิน ท่าทางของดลเขาไม่น่าจะใช่นะ” เจคพยายามห้ามเพื่อน เขากลัวว่าถ้าเกิดเจคไม่จริงจังแล้วทิ้งดลขึ้นมาเรนนี่จะพาลเกลียดเขาไปด้วย ดลเองก็ดูจะไม่ประสากับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เขาไม่อยากให้เพื่อนทำเสียเด็ก
“แต่ถ้าเขาชอบฉันล่ะ?” ชายหนุ่มนึกถึงท่าทางขัดเขินของอีกฝ่ายตอนอยู่สนามบินและปฎิกิริยาทางเคมีระหว่างพวกเขา
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที” เจคตัดบทแล้วเดินออกจากห้องนอนไป

สองน้าหลานหลังจากวิ่งไล่กันจนฝนเป็นฝ่ายวิ่งไม่ไหวก็หยุดพักก่อนจะเข้าบ้านไม่เห็นใครเธอจึงเดินไปห้องกินข้าวติดกัน เห็นมาดามโรสกำลังวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะไม้สำหรับกินข้าวสีน้ำตาลแก่ขนาดใหญ่สิบคนนั่งพอดี
“มัวแต่วิ่งเล่นกันหนุ่ม ๆ เขาก็เลยขึ้นห้องเก็บกระเป๋ากันหมดแล้วล่ะ เรนนี่พักห้องเดิมนะส่วนดลฉันจัดห้องฝั่งขวาให้” โรสกล่าว
 ทั้งสองเอ่ยขอบคุณก่อนจะช่วยกันลากกระเป๋าหนักอึ้งของฝนขึ้นไปยังชั้นสองก่อน
“น้าฝนแบกอะไรมาเนี่ยหนักเป็นบ้าเลย” ชายหนุ่มบ่น
“ของจำเป็นทั้งนั้นแหละย่ะ อย่าบ่นมากน่า!”
เท่านั้นผู้เป็นหลานจึงปิดปากเงียบ เมื่อถึงห้องของหญิงสาวประตูห้องทางฝั่งซ้ายมือก็เปิดออกมาพอดี
“ห้องเดิมเลยเนอะเรนนี่” เจคยิ้มสดใส
“อื้ม นึกถึงเมื่อก่อนเลยเนอะ พวกเราชอบบังเอิญเปิดประตูมาเจอกันทุกที” ฝนส่งยิ้มตอบ
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ว่าหญิงสาวไม่รู้ว่าเจคน่ะรอจังหวะเปิดมาให้ได้เจอหน้าหวาน ๆ ของสาวไทยต่างหาก
“แล้วกระเป๋าของนายล่ะดล?” เควินเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามีเพียงกระเป๋าใบโตของฝนคนเดียว
“อยู่ข้างล่างครับ” ดลตอบ แอบอายกับสำเนียงไทยจ๋าของตัวเองหน่อย ๆ ในเมื่อมีคนสำเนียงดีสามคนมายืนใกล้ ๆ แบบนี้
“งั้นเราลงไปยกกระเป๋าของนายกัน ส่วนของเรนนี่ให้เจคเขาช่วยก็ได้” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้คิด เขาจับมือของดลลงบันไดไปทันทีทิ้งให้สองหนุ่มสาวยืนมองตาปริบ ๆ
“ผมเอาขึ้นไปเองก็ได้ครับเควิน” ดลบอกอย่างเกรงใจเมื่อร่างสูงคว้ากระเป๋าของเขาเดินขึ้นบันไดฉับ ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักสักนิด
“ไม่เป็นไร นายพักห้องไหนล่ะ?” เควินตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ สบาย ๆ
“ห้องถัดจากเรนนี่ครับ” เขาเลือกเรียกชื่อน้าสาวอย่างที่เจคเรียกเพื่อความเข้าใจตรงกัน
“อืม” เควินทำเสียงรับรู้ ใจครุ่นคิดว่าจะจีบอีกฝ่ายดีหรือไม่ อันที่จริงตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากแค่แกล้งแหย่เพื่อนเล่นแต่พอเห็นท่าทางคัดค้านหัวชนฝาแบบนั้นก็ทำเอาฉุนอยากแกล้งขึ้นมาตะหงิด ๆ เสียแล้วสิแถม...ชายหนุ่มเหลือบมองคนด้านหลัง
...น่ารักดี...
แม้ว่าจะไม่ได้ดูหวานแต่ก็มีเค้าลางทำให้ดูอ่อนโยนมากกว่าคมเข้ม โครงหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเส้นผมสีดำละเอียดตัดเป็นทรงซอยแบบเทรนด์เกาหลีดูนิ่มจนน่าจับว่าจะเหมือนกับขนของเจ้าเชอเชียร์แมวที่บ้านหรือไม่
“พวกนายคิดจะอยู่กันที่นี่กี่วันหรือ?” เขาตัดสินใจปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ บางทีเขาอาจจะอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นน้องชายแทนก็ได้ใครจะรู้แต่ดูจากสัญชาตญาณความรู้สึกแล้ว...ท่าจะยาก ถ้าพี่น้องร่วมเตียงนี่ไม่แน่
“ประมาณสิบวันครับ” ดลตอบ
“อืม~ พวกฉันกะจะอยู่สักอาทิตย์เดียวเอง เสียดายจัง” เควินกล่าว ขณะที่ดลไม่ได้ตอบอะไร
“ขอบคุณครับ” หนุ่มผมดำเอ่ยเมื่อมาถึงหน้าห้องของเขา
“ไม่เป็นไร เอากระเป๋าไปวางแล้วลงไปทานคุกกี้กันดีกว่า เจ้าเจคอวดฉันนักหนาว่าอร่อยมากต้องลองลงไปพิสูจน์เสียหน่อย”
ดลหัวเราะ “เรนนี่ก็บอกกับผมเหมือนกันครับ”
“งั้นต้องยิ่งรีบลงไปใหญ่เลย ไม่งั้นสองคนนั้นอาจจะเผลอทานจนหมดแล้วก็ได้นะ” เควินขยิบตาทำเอานักศึกษาหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมา
“รอสักครู่นะครับ” หนุ่มไทยยกกระเป๋าผลุบหายเข้าไปในห้องไม่นานก่อนจะออกมาด้วยใบหน้าระเรื่อสดใส “ขอโทษที่ทำให้รอครับ”
“ไม่เป็นไร” เพียงมองก็รู้ว่าดลคงจะไปล้างหน้ามาเป็นแน่ ปอยผมด้านหน้ายังคงจับตัวเป็นก้อนเพราะน้ำอยู่เลย อืม แก้มแดงๆ เส้นผมเปียก...ก่อนที่ความคิดเจ้ากรรมจะเริ่มอกุศลไปไกลเสียงเรียกของอีกฝ่ายก็ปลุกชายหนุ่มจากภวังค์เสียก่อน
“ลงมาจนได้ มา ๆ สองคนนี้จะกินคุกกี้หมดจานแล้วนะเนี่ยรู้ไหม” โรสกวักมือเรียกเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ฝนส่วนเจคอยู่ฝั่งตรงข้ามข้าง ๆ มีชั้นผ้าสีขาวพับเป็นระเบียบวางอยู่คาดเดาว่าน่าจะเป็นผ้าปูเตียงนั่นเอง ในมือของแขกทั้งสองมีคุกกี้อยู่ในมือทั้งคู่ กลางโต๊ะมีจานเซรามิกสีฟ้าใบใหญ่ใส่คุกกี้วางอยู่เหลือไม่ถึงสิบชิ้น
“กินไม่รอกันเลยนะ” เควินตบบ่านั่งข้างๆเพื่อนขณะที่ดลเดินไปนั่งข้าง ๆ น้าสาว
“เดี๋ยวฉันเอาคุกกี้มาเติมให้นะ น้ำชาล่ะพอไหม?” หญิงชาวอังกฤษกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“พอค่ะมาดาม” ฝนตอบหยิบกาน้ำชาทำจากกระเบื้องขาวลายดอกไม้สีชมพูมารินให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง
“อร่อยครับ” ดลที่หยิบคุกกี้ชิ้นใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นเด็กขึ้นมาชิมเอ่ยชม
   “เป็นคุกกี้ข้าวโอ้ตที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยครับมาดามโรส” เควินเสริม
   “ขอบใจจ้ะ” เธออมยิ้มอย่างยินดี
   “มาดามอยู่คนเดียวเหรอครับตอนนี้?” เจคเป็นผู้ถามขึ้น
   “จ้ะ” หญิงชรามีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
   “ขอโทษนะครับแต่ทำไมคุณถึงอยากจะขายบ้านหลังนี้ล่ะครับ?” หนุ่มอเมริกันถาม
   “เควิน!” เจคอุทานเขาลืมบอกเหตุผลที่มาดามโรสอยากขายบ้านหลังนี้ทิ้งให้เพื่อนรู้เสียสนิท
“ไม่เป็นไรจ้ะเจค” โรสถอนหายใจ “วิลสามีของฉันเสียไปเมื่อเดือนก่อนจ้ะ ฉัน...ทนอยู่ในบ้านที่มีความทรงจำหลังนี้ไม่ได้ มันทรมานเกินไป”
ดลที่รู้เรื่องนี้จากน้าสาวอยู่แล้วเม้มริมฝีปาก เควินเอ่ยขอโทษเบา ๆ บรรยากาศเศร้าสร้อยเริ่มปกคลุมห้อง ทั้งเจคและฝนต่างตกอยู่ในความทรงจำในอดีตขณะที่เควินยังรู้สึกผิดอยู่ ในที่สุดหนุ่มไทยก็เป็นคนเอ่ยคนแรก
“ขอผมไปเคารพสุสานของเขาได้ไหมครับ?”
“ได้สิจ้ะ วิลคงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม” โรสกล่าวยิ้ม ๆ
“งั้นบ่ายนี้พวกเราไปหาวิลกันก่อนแล้วกัน” ฝนเสนอ
“พวกเธอไปกันเองได้ไหม เผอิญเดี๋ยวจะมีช่างไฟมาซ่อมไฟในครัวตอนสองโมงน่ะจ้ะ” หญิงผมสีดอกเลาเอ่ยขอโทษทั้งสี่
“ได้ครับมาดาม” เจคตอบ
โรสบอกที่ตั้งของสุสานให้ทราบ ฝนเสนอให้ทุกคนพักผ่อนกันก่อนแล้วค่อยเจอกันตอนสิบเอ็ดโมงเพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง โดยมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อถึงห้องดลก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงทันที จริง ๆ เขาทั้งง่วงทั้งเพลียอยากจะนอนพักแต่เพราะเป็นคนเอ่ยปากขอเลยไม่กล้าบอกใคร
“น้าฝนนี่สุดยอดเลยไม่มีเหนื่อยเลยรึไงน้า” เขาพึมพำ ชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อไปดีแต่สุดท้ายร่างกายก็ทนฝืนไม่ไหวผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น
ทางด้านของเควินเองก็โดนเพื่อนซักเรื่องของดลเช่นกัน หนุ่มสิงคโปร์นั่งที่โต๊ะหนังสือขณะที่เควินนั่งพิงอยู่บนเตียงมือประสานไว้ที่ตัก
“ตกลงว่านายจะจีบดลจริงน่ะเหรอเควิน?”
“ทำไมล่ะ ตอนนี้ฉันก็โสดดลก็โสดไม่เห็นเป็นไร”
เจคเลิกคิ้ว “นายถามเขาแล้ว?”
“เปล่า”
นั่นปะไร! หนุ่มผมดำส่ายหน้าถอนหายใจ
“นายคิดจะทำอะไรกันเควิน นั่นหลานของเรนนี่นะ”
“แล้วไง? เขาอายุยี่สิบแล้วนะเจคไม่ใช่เด็ก ๆ”
“พนันกันไหมล่ะว่าเขายังเป็นเด็กจริง ๆ” จากที่คุยกันมาทำให้เจครู้สึกว่าดลนั้นยังดูอ่อนต่อโลกอยู่มาก ยิ่งเป็นหลานของหญิงที่ชอบทำให้เขายิ่งเกิดความรู้สึกเอ็นดูและต้องการปกป้อง
“นายก็จีบเรนนี่ไปส่วนฉันก็จะคอยกันดลแยกออกมาไม่ดีหรือไง?” เควินย้อน
คราวนี้หนุ่มสิงคโปร์ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
“มันคนละเรื่องกัน...”
“คนละเรื่องตรงไหนกัน ถ้าเกิดว่าเด็กมันไม่เล่นด้วยฉันสัญญาว่าจะไม่ฝืนใจมอมเหล้าเขาน่า” เควินยักไหล่ มือประสานกันเหนือศีรษะพิงพนักเตียง
“เออ” เจคถอนหายใจ  “อย่างน้อยก็ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าดลเขาเป็นเกย์เหมือนนายหรือเปล่า”
หนุ่มนัยน์ตาสีเทาหัวเราะ “พนันกันไหมล่ะว่าเขาใช่!”
ใช่...ดลเป็นเกย์ นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทางบ้านของดลและฝนตัดสินใจให้เดินทางกันสองต่อสองได้ จริงอยู่ว่าทั้งสองเป็นญาติกันแต่จริง ๆ แล้วดลเป็นลูกติดมาจากทางสามีของน้ำพี่สาวของฝนดังนั้นตามหลักแล้วทั้งสองจึงไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกันเลย
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดกันสองหนุ่มจึงชักชวนลงไปข้างล่าง
“เอ ทำไมดลถึงยังไม่ลงมาล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นเมื่อเห็นว่าทุกคนมาครบแล้วยกเว้นแต่หลานชายตนเองคนเดียว
“เดี๋ยวผมขึ้นไปตามให้เอง” เควินเสนอตัว
“ขอบคุณค่ะ” ฝนกล่าว
ชายหนุ่มเคาะประตูสองทีแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเขาจึงลองเคาะให้แรงขึ้นแล้วเรียกชื่อของดลอีกครั้ง...ได้ผล หนุ่มไทยเดินสะลึมสะลือมาเปิดประตูกล่าวว่า
“แป๊บนึงนะ” แล้วปิดประตูไป
เควินยืนเอ๋ออยู่หน้าห้องเล็กน้อยเพราะที่ดลพูดมาเมื่อครู่น่ะเป็นภาษาไทยแล้วเขาจะฟังออกได้ยังไงล่ะ!
“เอ่อ ขอโทษที่ทำให้รอครับ” หลังจากไปล้างหน้ามา ปรับสติสตังเปิดโหมดภาษาต่างประเทศเรียบร้อย ใบหน้าระเรื่อทั้งจากความร้อนของน้ำและความเขินอายของดลก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากหลังประตู
“ไม่เป็นไร เจคกับเรนนี่รอพวกเราอยู่ข้างล่างแหนะ” หนุ่มอเมริกันกล่าวอย่างไม่ถือสา
“ครับ...”


TBC.



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2011 16:16:45 โดย กระต่ายชมจันทร์ »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #1 เมื่อ19-08-2010 23:02:44 »

ชอบบรรยากาศ
+1

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #2 เมื่อ19-08-2010 23:03:50 »

:กอด1:ค่ะมาดามโรส โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เศร้าจัง

กระต่ายดูนี่
“พวกนายคิดจะอยู่กับที่นี่กี่วันหรือ?”  (ตั้งใจใช้ กับ รึเปล่าคะ?)
ฝนเสนอให้ทุกคนพักผ่อนกันก่อนแล้วตอนสิบเอ็ดโมงเพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง ค่อยมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น (มันสลับมั้ย? กันก่อน..เพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง (วรรค) แล้วตอนสิบเอ็ดโมงค่อยมา...)

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #3 เมื่อ19-08-2010 23:11:03 »

ชอบบรรยากาศ
+1

เม้นต์แรก~ ขอบคุณนะคะ :กอด1:

:กอด1:ค่ะมาดามโรส โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เศร้าจัง

กระต่ายดูนี่
“พวกนายคิดจะอยู่กับที่นี่กี่วันหรือ?”  (ตั้งใจใช้ กับ รึเปล่าคะ?)
ฝนเสนอให้ทุกคนพักผ่อนกันก่อนแล้วตอนสิบเอ็ดโมงเพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง ค่อยมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น (มันสลับมั้ย? กันก่อน..เพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง (วรรค) แล้วตอนสิบเอ็ดโมงค่อยมา...)

อุ๊บบบบบ

ขอบคุณที่พี่นุ่นมากค่า พลาดตั้งสองที่แหนะ แหะๆ ตอนแต่งเรื่องนี้เบลอมากมายอ่ะพี่นุ่น แต่งไปอ่านหนังสือสอบไป ฮะๆ


+1ให้ทั้งสองคนค่า

ออฟไลน์ Wr@iTh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #4 เมื่อ19-08-2010 23:20:05 »

ติดตามผลงานของพี่ต่ายค่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #5 เมื่อ19-08-2010 23:53:57 »

ดลดูเอ๋อดีชอบค่ะ หวังว่าเคลวินคงไม่มาหลอกดลนะ

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #6 เมื่อ20-08-2010 00:07:13 »

เข้าคิวรอ ลงจบเมื่อไหร่จะมาอ่านแล้วเม้นท์รวดเดียว
แต่ถ้าทนไม่ไหว..จะมาแอบอ่าน
แล้วค่อยเม้นท์ทีเดียวตอนจบ
 :laugh:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #7 เมื่อ20-08-2010 08:15:22 »

น่าติดตามมากเลยครับ แล้วจะรอตอนต่อไป :L1:

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #8 เมื่อ20-08-2010 09:44:33 »

ดลดูซื่อๆ ใสๆ อ่อนต่อโลกดีนะ
ชอบค่ะ :man1:


รอตอนหน้านะคะ
 :mc4:

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #9 เมื่อ20-08-2010 11:04:07 »

 :impress2:  ชอบๆ  บรรยากาศดูอบอุ่นดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-08-2010 11:04:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Mercy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #10 เมื่อ20-08-2010 15:45:13 »

หนุ่มน้อยชาวไทย กับหนุ่มใหญ่ชาวอเมริกา...

รอเสพความน่ารักแบบเย็นๆ แต่อบอุ่นนะจ๊ะ

ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #11 เมื่อ20-08-2010 18:52:33 »

ดลดูใสๆอ่ะ

เรื่องนี้ดูนุ่มนวลดีคะ

 :กอด1:น้องต่าย

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #12 เมื่อ21-08-2010 13:46:57 »

ติดตามผลงานของพี่ต่ายค่ะ  :bye2:

จุ๊บๆ ขอบคุณจ้า

ดลดูเอ๋อดีชอบค่ะ หวังว่าเคลวินคงไม่มาหลอกดลนะ

จริงๆตามที่คิดไว้ควรจะเอ๋อซื่อๆกว่านี้อีกค่ะแต่ตอนนั้นมันรีบปั่นมากเลยได้ออกมาแค่นี้

เข้าคิวรอ ลงจบเมื่อไหร่จะมาอ่านแล้วเม้นท์รวดเดียว
แต่ถ้าทนไม่ไหว..จะมาแอบอ่าน
แล้วค่อยเม้นท์ทีเดียวตอนจบ
 :laugh:

ฮะๆ ครับผม~

น่าติดตามมากเลยครับ แล้วจะรอตอนต่อไป :L1:

ขอบคุณค่ะ ^^

ดลดูซื่อๆ ใสๆ อ่อนต่อโลกดีนะ
ชอบค่ะ :man1:


รอตอนหน้านะคะ
 :mc4:

โดยส่วนตัวต่ายชอบเขียนคาแรกเตอร์ที่ดูซื่อ ใสบริสุทธิ์ค่ะเพราะมันหายากในความเป็นจริง  ฮะๆ

:impress2:  ชอบๆ  บรรยากาศดูอบอุ่นดี

ดีใจที่ชอบค่ะ~

หนุ่มน้อยชาวไทย กับหนุ่มใหญ่ชาวอเมริกา...

รอเสพความน่ารักแบบเย็นๆ แต่อบอุ่นนะจ๊ะ

หนูว่าหนูชอบเขียนตัวละครฝรั่งล่ะค่ะพี่ไนท์ 55+

ดลดูใสๆอ่ะ

เรื่องนี้ดูนุ่มนวลดีคะ

 :กอด1:น้องต่าย

กอดๆ ขอบคุณค่ะพี่ซีซั่น จุ๊บๆ

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #13 เมื่อ21-08-2010 13:54:17 »

เมื่อลงมาถึงหนุ่มไทยก็เอ่ยขอโทษน้าสาวและเพื่อนอีกครั้งที่ตนเองเผลอหลับโดยไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้
“มือถือเราปรับเวลาเป็นของที่นี่แล้วเหรอดล?” ฝนถามหลานชาย
“ครับ” ดลตอบ
“แล้วนี่เอาพาสปอร์ตกระเป๋าตังค์มาครบนะ ได้แบ่งเงินไว้อย่างที่น้าบอกหรือยัง?” ประโยคหลังเธอเอ่ยเป็นภาษาไทยเพื่อที่อีกสองคนจะได้ฟังไม่ออก ถึงจะเป็นเพื่อนกันหากไม่ให้รู้เลยว่าพวกเธอแบ่งเงินบางส่วนไว้ที่นี่ด้วยอาจเป็นการดีกว่า สบายใจทั้งสองฝ่าย
ดลพยักหน้าก่อนที่ทั้งสี่จะออกเดินทางไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสองกิโลเมตรจึงตัดสินใจเดินเท้ากันเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่และได้ชมวิวไปด้วยในตัว
“ถนนเส้นนี้ตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงนะพื้นจะกลายเป็นพรมสีส้มเลยล่ะดล” ฝนเล่าเสียงเจื้อยแจ้วให้อีกฝ่ายฟังว่าเมืองนี้ในความทรงจำของเธอเป็นอย่างไรโดยมีเจคช่วยเสริมเป็นระยะ ๆ ขณะที่ดลและเควินทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี
“อยากหยุดถ่ายรูปบ้างหรือเปล่า?” หนุ่มผมน้ำตาลถามดลที่กดชัตเตอร์กล้องด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจราวกับเด็กได้ของเล่นจนเควินรู้สึกเอ็นดู
“ครับ?” ดลหันมายิ้มแหย ๆ ให้เพราะเขาไม่ได้ฟังที่ร่างสูงถามอีกแล้ว เควินไม่ชักสีหน้าหรือใด ๆ ทั้งสิ้น เขาทวนประโยคอีกครั้งช้า ๆ อย่างใจดี
“ขอบคุณครับ เอาไว้ตอนขากลับดีกว่าครับ” หนุ่มไทยยิ้มขอบคุณ
“อืม” เควินพยักหน้า
ตามรายทางมีร้านรวงเปิดอยู่มากมาย กลิ่นขนมปังอบสดใหม่ชวนให้ลิ้มลองแต่เพราะส่วนใหญ่ยังอิ่มคุกกี้และน้ำชาของเจ้าของบ้านกันอยู่จึงตัดสินใจค่อยมาทานกันวันหลัง
ฝนมองตาปรอยเพราะนี่เป็นร้านประจำของเธอเลย
“ชีสสติ๊ก สโคนแล้วก็พายแอปเปิ้ลของที่นี่อร่อยมากเลยล่ะ ”
“ผมจำได้ว่าพอต้นเดือนทีไรน้าของเธอจะต้องมานั่งทานทุกอย่างอย่างละนิดละหน่อยประจำเลยล่ะดล” เจคเล่า
“ทุกอย่าง?!”
“ทำไม! ก็มันอร่อยนี่! แถมน้าไม่ได้กินคนเดียวเสียหน่อย!” ฝนค้อนขวับ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ดลหัวเราะ “ร้อนตัวเนอะคนเรา” เขาแซวเป็นภาษาไทยก่อนที่สองน้าหลานจะโต้ตอบเป็นภาษาเกิดจนลืมเพื่อนร่วมทางอีกสองคนไปเลยว่าฟังภาษาไทยไม่ออกกระนั้นสองหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร
ต้นไม้สีน้ำตาลตัดกับใบไม้สีเขียว ลมเย็น ๆ สดชื่นพัดเอากลิ่นของฤดูร้อนแตะจมูก เป็นกลิ่นของธรรมชาติที่พวกเขาซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ยากจะเจอ
“นั่นไงโบสถ์!” หญิงสาวร้อง ชี้ไปยังสิ่งก่อสร้างทรงแหลมสีขาวเหนือต้นไม้ขึ้นมา “เลี้ยวซ้ายแล้วข้ามถนนก็ถึงแล้วล่ะ”
“ไม่รู้ว่าฟาเธอร์กับซิสเตอร์ยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่านะ” เจคกล่าวขึ้น
“ฟาเธอร์ปิแอร์เทศน์เก่งมากเลยล่ะดล สำเนียงก็ฟังง่ายด้วยเอาไว้วันอาทิตย์น้าจะพามาฟังนะ” ฝนกล่าว
ดลทำหน้าแหย เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะฟังรู้เรื่องไหม ความรู้ด้านไบเบิลก็ไม่มีสักนิดด้วยแต่เพราะเกรงใจจึงได้แต่พยักหน้าไป
พวกเขาหารเงินกันซื้อช่อดอกเบญจมาศห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขายอยู่ในรถเข็นหน้าโบสถ์เพื่อไปวางหน้าสุสาน สำหรับเจคและฝนที่เคยได้อาศัยอยู่กับชายชราซึ่งทอดร่างอย่างสงบสุขเบื้องหน้าถึงกับเงียบไปเลย
ดลและเควินเองก็ถูกอารมณ์และบรรยากาศทำให้หดหู่ตามไปเช่นกัน
“หลับให้สบายนะคะวิล” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาซับน้ำตา “น้าไม่เป็นไร ขอบคุณ” เธอหันไปยิ้มให้ดลที่เดินเข้ามาแตะแขนอย่างกังวล
“วิลคงไม่อยากให้เธอร้องไห้หรอกเรนนี่ เขาเคยบอกนี่ว่าชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด” เจคปลอบเพื่อนอย่างอ่อนโยน
“อื้ม นั่นสินะ” ฝนยิ้มเศร้า ๆ แล้วเอ่ยลาผู้วายชนม์ “ไว้พวกเราจะมาเยี่ยมใหม่นะคะวิล”
“เราเข้าไปดูในตัวโบสถ์กันเถอะ” หนุ่มสิงคโปร์ชักชวน
เมื่อเข้ามาข้างในสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาแห่งนี้ความสับสนวุ่นวายเศร้าสร้อยในใจพลันมลายหายไปจากใจของชายหนุ่มชาวไทยทันที
แสงสีสดใสลอดผ่านกระจกสีที่ถูกทำเป็นรูปการกำเนิดของพระเยซูอย่างวิจิตรสวยงาม มือยกขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้ทันที สายตาบ่งบอกความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
เจคเป็นคนเดียวที่เดินไปทำความเคารพรูปปั้นขณะที่อีกสามคนยืนนิ่ง
“คุณไม่ได้นับคือคริสต์หรือคะ?” ฝนถามเควินอย่างแปลกใจ
“เปล่าครับ ผมมันคนไร้ศาสนา” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ
“ทำไมล่ะครับ?” ดลอดจะถามไม่ได้
“ผมมีบางอย่างที่ศาสนาคริสต์ห้ามไว้น่ะครับ” เควินตอบสั้น ๆ เมื่อตอบแค่นั้นสองน้าหลานก็ไม่คิดจะถามซักไซ้ต่อ สำหรับดลนั้นอีกหนึ่งเหตุผลคือไม่แน่ใจว่าถามไปจะฟังออกหรือไม่
หลังออกจากโบสถ์ไม่นานหญิงสาวชาวไทยก็เกิดอาการหน้าซีดขึ้นมากระทันหันขอตัวกลับที่พักก่อน ใครถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ
“พวกคุณเดินกันต่อไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ” เธอกล่าว
“ได้ยังไงล่ะน้าฝน มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ” ดลเอ่ยท้วงเป็นภาษาไทย
“อย่าเลย แกไปเดินต่อเหอะดล น้าไม่เป็นไรมากหรอก กลับเองได้” เธอตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน
“เดี๋ยวสิเรนนี่ คุณจะกลับคนเดียวได้ยังไง ให้ผมไปส่งดีกว่า” เจคเอ่ยขึ้น
“ฉันยังจำทางได้น่าเจค คุณเดินเป็นไกด์ให้สองคนนี้เถอะ”
“แต่ผมว่าพวกผมเดินกันเองได้ครับ เจคนายเดินไปส่งเรนนี่เถอะ เดี๋ยวฉันเดินกับดลต่อเอง” เควินกล่าวหันไปถามกับดลว่าตกลงไหม
“แต่...” หนุ่มไทยขมวดคิ้ว
“เออ ไปเหอะดล น้าแค่...แดงเดือดว่ะ” ในที่สุดเธอก็๋ยอมกัดฟันบอกความจริงกับหลานเป็นภาษาเกิดเบา ๆ
“อ่อ” คราวนี้ชายหนุ่มถึงค่อยคลายกังวล ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าปวดหัวหรือปวดท้องเฉยๆเขาคงกังวลกว่านี้เพราะอาจเป็นหนักได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ที่ผู้หญิงเป็นกันทุกเดือนน้าของเขาคงรับมือจัดการได้อยู่แล้ว
“เตรียมยามาหรือเปล่าครับ?” เขาถามน้าสาว
ฝนพยักหน้า “ไปเที่ยวต่อเถอะ ไม่ต้องห่วง เจคนายเองก็ไปเที่ยวต่อเถอะ ฉันกลับเองได้จริง ๆ”
“ไม่ครับ เควินฝากดลด้วยนะ” เขายืนยันคำเดิม หันไปฝากหลานชายของคนที่ชอบกับเพื่อน
“ได้ แล้วจะซื้ออะไรไปฝาก” หนุ่มอเมริกันโบกมือให้ ลากแขนหนุ่มไทยที่ยืนเอ๋ออยู่ให้เดินไปด้วยกัน
“ถ้าพวกเขาหลงทางจะว่ายังไง!” ฝนร้อง ไล่ให้เพื่อนเก่าไปด้วย
“เควินน่ะจำทางเก่งไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างถ้าหลงแค่ถามว่าบ้านมาดามโรสไปทางไหนเขาก็รู้กันหมดอยู่แล้ว” เจค ตอบ แตะแขนของหญิงสาวอย่างสุภาพเพื่อพยุง “พวกเรากลับกันดีกว่าครับ ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่บอกผมนะครับ” แล้วเขาก็โบกเรียกแท็กซี่
ในที่สุดเธอก็ต้องกลับพร้อมหนุ่มสิงคโปร์อย่างจำยอม
“คุณเคยมาที่นี่เหรอครับ?” ดลเอ่ยถามคนข้างกาย
“ไม่”
“อ้าว!” เขากระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงงเพราะเห็นอีกฝ่ายเดินนำฉับ ๆ เหมือนรู้ทาง
อันที่จริงแล้วเควินก็แค่อยากจะเดินออกมาจากวงเพื่อที่จะได้ตัดประเด็นให้จบไว ๆ ก็เท่านั้น และแน่นอนว่าเพื่อที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคนข้าง ๆ ให้เร็วขึ้นด้วย
“เอาอย่างนี้ นั่งพักเหนื่อยกันในสวนข้างหน้าก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มชักชวน เมื่อข้ามถนนไปก็จะพบกับสวนสาธารณะที่ถูกตัดแต่งไว้ ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ใกล้ ๆ กับน้ำพุ
“นอนก็ได้นะ ท่าทางนายคงเพลียจากการเดินทางอยู่สินะ? ” เควินเอ่ยขึ้น
ดลทำท่าตกใจ “มะ ไม่เป็นไรครับ”
“เอาน่า ไม่มีใครอยู่เลย นอน ๆ ไปเถอะ” ร่างสูงเอ่ย “ตาแดงเป็นกระต่ายแล้วยังฝืนอยู่อีก” เขาบ่น
เพราะขัดไม่ได้ผสมกับความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจริง ๆ หนุ่มไทยจึงหลับตาลงเอนศีรษะพิงพนักด้านหลังและผล็อยหลับไป
เควินอมยิ้ม เขาปัดปอยผมที่ปกระใบหน้าให้พ้นออกจากวิสัยการมองของเขา กระซิบเรียกเบา ๆ สังเกตการหายใจว่าสม่ำเสมอไม่ได้แกล้งหลับแล้วจึงโน้มตัวไปจูบเบา ๆ ผะแผ่วก่อนจะผละออกมาทันทีอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น
ดลตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เขาฝัน...ฝันว่าจูบกับใครบางคน...มือยกขึ้นลูบไล้ริมฝีปากอย่างลืมตัวว่ามีใครบางคนยังนั่งอยู่ข้าง ๆ
“หลับสบายไหม?” เท่านั้นเองหนุ่มไทยจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังนอนพิงร่างสูงอยู่!
“ขะ ขอโทษครับ!” เขาสปริงตัวขึ้นทันที ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย
...ไหงไปซบเค้าได้วะเนี่ย! ...
เควินยิ้มให้ เอ่ยไม่เป็นไรก่อนจะลอบหัวเราะในใจกับกิริยาตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงตอนได้สติของคนตรงหน้า
 ...น่ารักจริง ๆ ...
“ตรงนั้นมีหอนาฬิกาด้วยพวกเราไปดูกันดีกว่า” เขาชี้ไปยังหอนาฬิกาก่อด้วยอิฐบล็อกสูงประมาณตึกสามชั้นซึ่งอยู่ตรงกลางของจัตตุรัส “มาฉันถ่ายรูปให้ นายไปยืนเป็นนายแบบบ้างดีกว่า” 
“อ๊ะ!” ดลร้องเมื่อกล้องถ่ายรูปถูกแย่งไปจากมือ ร่างสูงดันหลังชี้มือประกอบที่ตัวดลและหอนาฬิกาเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้น “ขอบคุณครับ” หลังจากไปยืนนิ่งเป็นหุ่นมาหนุ่มไทยก็เดินกลับเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไร” เควินยิ้ม
“คุณจะถ่ายไหมครับ?” ดลชี้นิ้วที่ตนเองกับกล้องแล้วจึงชี้ที่เควินกับหอนาฬิกาบ้าง
“เอาสิ” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเทาไม่ปฎิเสธเพราะรู้ว่าคนข้างๆคงเกรงใจเขา
“ให้ฉันช่วยถ่ายรูปพวกเธอให้ไหม” ระหว่างที่กำลังดูรูปกันก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาเสนอตัวให้อย่างใจดี
“ขอบคุณครับ” เควินชิงตอบรับ มือโอบบ่ารั้งตัวของดลให้เข้ามาใกล้ ๆ จนอีกฝ่ายหน้าแดง รูปที่ออกมาจึงเป็นภาพที่ร่างสูงยืนยิ้มกว้างมือโอบบ่าคนตัวเตี้ยกว่าที่กำลังยิ้มอย่างเขินอาย
“ผมดูตลกจัง” ดลบ่นอุบเมื่อเห็นภาพ
“น่ารักดีออก อย่าลบนะภาพนี้ฉันขอ” เควินกล่าวทำให้ชายผมดำรับคำอย่างเสียไม่ได้
“แล้วพวกเราจะไปไหนต่อดีครับ?” เขาถาม
“หิวหรือยังล่ะ?” เควินถามกลับ ดลส่ายหน้า
“ยังอิ่มคุกกี้มาดามโรสอยู่เลยครับ”
“แต่ฉันหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เจคเคยเล่าให้ฉันฟังว่าใกล้ ๆ นี้มีร้านทำสตูว์อร่อย ๆ อยู่ด้วย” ด้วยความที่เผลอพูดตามปกติจึงฟังดูเร็วเกินไปสำหรับดล เขาจับใจความได้แค่หิว เจคและสตูว์จึงเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงหิวแล้ว
“โอเคครับ” ดลพยักหน้ายิ้ม ๆ
เมื่อไม่ปฎิเสธเควินจึงคว้ามือของอีกฝ่ายมาจูงแต่ดลร้องเสียงหลง
“ทำไมครับ?” เขานึกคำศัพท์ไม่ออกจึงได้แต่ถามว่าทำไมทั้ง ๆ ที่อยากจะถามว่าจูงมือทำไม
“กันหลง” เควินตอบสั้น ๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ผมไม่หลงหรอกครับ!” ดลพยายามเอามือออก หน้าแดงแจ๋หากชายอเมริกันจับแน่นราวกับใส่กาว
“ไปกันเถอะ” เควินรอจนดลหยุดความพยายามจึงชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนฟังดูน่าหมั่นไส้สำหรับนักศึกษาหนุ่มนัก อาศัยความทรงจำจากคำบอกเล่าในที่สุดทั้งสองก็มาถึงร้านสตูว์ขนาดเล็กที่ประดับร้านด้วยกระถางดอกไม้เล็ก ๆ หน้าร้าน ภายในร้านเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมประมาณสิบโต๊ะที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา ทุกโต๊ะจะมีแก้วทรงสูงบรรจุดอกไม้สีม่วงที่มีเกสรสีเหลืองใส่อยู่
“ฉันเอาสตูว์ลิ้นวัว นายล่ะ?”
“ผมขอน้ำเปล่าครับ” ดลตอบ เขากำลังพิจารณาเจ้าดอกไม้แปลกตาบนโต๊ะอยู่ กลีบดอกแซมมากมายประกอบกลายเป็นดอกเดียว ที่ปลายกลีบแตกออกเป็นแฉกๆสามแฉกบ้าง สี่แฉกบ้าง ห้าแฉกบ้างตามขนาดความกว้างของกลีบนั้น ๆ
การจดจ่อกับดอกไม้นี้ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเขาจากสัมผัสวูบวาบอันเกิดจากการที่หัวเข่าชนกันใต้โต๊ะไปได้บ้าง
“นี่ดอกอะไรเหรอครับ?” เขาถามเควินอย่างสนอกสนใจ
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวลองถามเด็กเสิร์ฟดูสิ”
และแล้วเมื่ออาหารมาเสิร์ฟดลก็ได้รู้ชื่อของดอกไม้นี้ ‘Cupid Dart’
Cupid นี่ยังพอนึกออกว่าเป็นเด็กมีปีกตัวเล็ก ๆ ในตำนานของฝรั่งที่คอยยิงศรให้คนเขารักกันแต่ว่า “Dart แปลว่าอะไรครับ?” แม้เควินจะพยายามนึกคำที่เข้าใจง่ายกว่านี้แต่สุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มขอโทษคืนมาให้
การบ้านประจำวันนี้ของดลจึงเป็นกลับไปถามน้าสาวว่า Dart แปลว่าอะไร
เควินมองคนตรงข้ามที่หยิบสมุดจดเล่มน้อยออกมาจากเป้เพื่อจดบันทึกอย่างเอ็นดู เขาเคยไปเที่ยวกับใครหลายคนแต่ไม่เคยเลยที่จะมีใครหยิบสมุดออกมาจดบันทึกแบบนี้
“ชอบมากเหรอ?” เขาถาม
เมื่อเห็นสีหน้างุนงงเขาจึงชี้ไปที่ดอกไม้ คราวนี้รอยยิ้มกว้างจึงถูกส่งตอบกลับมาพร้อมอาการพยักหน้าหงึก ๆ
“ชอบครับ”
“แล้วนี่เรียนคณะอะไรเหรอ?”
ดลพยายามนึกถึงคณะศิลปกรรมของตนเองว่าชื่อภาษาอังกฤษคืออะไรแต่ก็นึกไม่ออกจึงได้แต่ตอบไปว่า “เกี่ยวกับศิลปะครับ”
“ถ่ายภาพ?” เควินเดาเพราะเห็นอีกฝ่ายชอบถ่ายรูป
“เปล่าครับ วาดรูป” ดลตอบ
“หืม? นายอยากจะเป็นศิลปินเหรอ?”
“ครับ” หนุ่มไทยยิ้มเขิน ๆ “แล้วเควินล่ะครับ?”
“ฉันเป็นโปรแกรมเมอร์น่ะ” นักศึกษาหนุ่มอดจะแปลกใจไม่ได้ว่าทั้ง ๆ ที่อาชีพของคนตรงหน้าต้องอยู่ในห้องแท้ ๆกลับมีกล้ามเนื้อที่แม้จะมีเสื้อหนาวสีดำห่อหุ้มอยู่ก็พอจะใช้สายตาของศิลปินมองออกว่าต้องหุ่นดีพอควร
“ว้าว~ ดีจังเลยนะ ผมเคยนั่งดูเพื่อนที่เรียนคอมทำโพรเจกต์ดูไม่รู้เรื่องเลย ฮะ ๆ”
“ฉันเองก็วาดรูปห่วยเหมือนกัน” เควินตอบยิ้ม ๆ
ถึงแม้ว่าสายที่เรียนมาจะไม่ตรงกัน ภาษาของดลจะไม่แข็งแรงนักแต่ทั้งสองก็พบว่าพวกเขาสามารถหาเรื่องคุยกันได้เรื่อยๆ
หนุ่มไทยไม่ได้ทำให้เควินหัวเราะร่วนได้อย่างสนุกสนานอย่างแฟนเก่าที่เคยคบแต่ก็ทำให้เขาสบายใจที่จะอยู่ด้วยไม่ต่างกันด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ที่มักประดับบนใบหน้าของดลเสมอ
เขารู้แต่ว่าชอบที่จะอยู่กับดล รู้สึกสนใจในคนตรงหน้าตั้งแต่เห็นที่สนามบิน...ชายหนุ่มนึกถึงภาพคนเอเชียที่กำลังยืนเหม่อลอยในสนามบินแล้วอมยิ้ม พอดลถามว่ายิ้มทำไมก็ตอบว่าไม่มีอะไร
“ไปกันต่อเลยไหม?” เควินชวน “เช็คเงินด้วยครับ”
หนุ่มผมน้ำตาลหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงงเมื่อจู่ ๆ ดลก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
“อะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไรครับก็แค่...นึกถึงประเทศไทยขึ้นมาน่ะครับ ที่นั่นตอนคิดเงินจะบอกว่าเช็คบิลรวบเลยน่ะครับ” ดลยิ้มอธิบาย
“เอ๋?” เควินยิ้มขัน
“ใช่ครับ ทั้งเช็คทั้งบิลกันเลยทีเดียว” ตอนแรกที่ผู้เป็นน้าเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็งงพอควรเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Thailand only ก็หัวเราะออกมา
“แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อดี?” หนุ่มผมน้ำตาลหันมาถามคนข้างกายเมื่อออกจากร้านมาแล้ว
“ไม่รู้สิครับ...เดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้มั้งครับ?” ดลกล่าว
“ได้สิ” เควินคล้อยตาม
“อากาศสดชื่นดีนะครับ” หนุ่มไทยสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“นั่นสิ ฉันเองก็อาศัยในเมืองไม่มีทางได้มาเดินแบบนี้หรอกนอกจากในสวนสาธารณะ”
ตามรายทางมีต้นไม้สีเขียวสด ดอกไม้ฤดูร้อนมากมายแข่งกันอวดสีสันอาทิ เจ้าเดซี่สีขาว ทิวลิปหลากสี ถนนเป็นอิฐบล็อกสีน้ำตาลก่อเป็นทางเดินไปเรื่อย ๆ
“พออากาศเย็นแบบนี้ทีไรผมชอบกินไอศครีมทุกที” ดลเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ “โดยเฉพาะตอนเป็นหวัดผมยิ่งกินเลย แต่กินแล้วก็หายหวัดนะ ฮะ ๆ”
“นายนี่แปลกคน” เควินขำ
“เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ต่อให้หน้าหนาวที่กรุงเทพฯก็ประมาณ20องศาเองมั้งครับ” ดลอธิบาย ติด ๆ ขัด ๆบ้างเพราะต้องนึกคำศัพท์
“อืม~ แล้วหน้าร้อนล่ะกี่องศา?”
“ก็ประมาณ30องศาได้ครับ” 
“งั้นฉันไปหน้าหนาวดีกว่า” เควินส่ายหน้า หนุ่มผมดำหัวเราะ
“ถ้าคุณมากรุงเทพฯผมจะเป็นไกด์ช่วยพาเที่ยวได้ครับ” เขากล่าว
นัยน์ตาสีควันบุหรี่เปล่งประกายพราว “สัญญานะ”
“สัญญาครับ แถมเลี้ยงข้าวมื้อนึงด้วยเอ้า”

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่1 [19/08/2010]
«ตอบ #14 เมื่อ21-08-2010 13:55:24 »

“ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ แค่มาเป็นไกด์ให้ตามสัญญาก็ดีแล้วล่ะ” หนุ่มอเมริกันหัวเราะ
“ตอนคุณมาผมจะมีเงินหรือเปล่าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะต้องซื้อพวกอุปกรณ์วาดรูป” ดลกล่าว มือยกถ่ายภาพไม่หยุด
“นายอยากจะหยุดวาดรูปก็บอกได้นะ” เควินกล่าวอย่างเอื้อเฟื้อ
ดลส่ายหน้า ส่งยิ้มให้ร่างสูงอย่างขอบคุณ “ไม่เป็นไรครับ”
ก่อนจะกลับที่พักนักศึกษาหนุ่มก็ไม่ลืมจะแวะร้านขนมปังเพื่อนำไปฝากน้าสาวและเผื่อทานเป็นอาหารเช้าด้วย
“เยอะขนาดนี้เรนนี่ทานหมดเหรอ?” เควินถามอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายหยิบใส่ถาดมาร่วมสิบก้อน
“อ๋อ ผมซื้อเผื่อคนอื่นด้วยน่ะครับ” ดลเฉลย “ส่วนของคุณก็อันที่ผมให้คุณเลือกนั่นแหละครับ”
ถึงแม้ว่าจะต้องการประหยัดเงินแต่เรื่องพวกนี้เขาก็ยินดีจะจ่าย
“ขอบคุณ งั้นเดี๋ยวฉันช่วยจ่ายดีกว่า”
“ไม่ต้องครับ ผมเลี้ยงเอง” หนุ่มไทยยิ้ม
“งั้นไว้ให้ฉันเลี้ยงนายบ้างตกลงไหม?” ด้วยความที่ติดนิสัยอเมริกันแชร์และไม่ชอบเอาเปรียบคนทำให้เควินต้องหาทางทำอะไรสักอย่างตอบแทน
“ได้สิครับ”
“มา ฉันช่วยถือแล้วนายจะคีบอะไรก็คีบมา” ชายหนุ่มดึงถาดในมือมาจากดลอย่างสุภาพ
“เจคชอบทานอะไรครับ?” เขาหันมาถาม
“อะไรก็กินหมดนั่นแหละ หยิบ ๆ มาเถอะ” เควินยักไหล่
“อืม...งั้นชีสสติ๊กเหมือนน้าฝนแล้วกัน” ดลพึมพำกับตนเองเป็นภาษาไทย ในที่สุดเขาก็ได้ขนมปังสำหรับฝนสามชิ้น ส่วนของคนอื่นอย่างละสองชิ้นรวมถึงมาดามโรสด้วย
“เฮ้ย ทำไมฟ้ามันมืดแบบนี้เนี่ย” ชายหนุ่มอุทาน
“ท่าทางฝนใกล้จะตกเราโบกรถกลับกันดีกว่า” เควินเสนอ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย
“รีบเดินเอาก็ได้มั้งครับ?”
“แต่ถ้าฝนตกขึ้นมาขนมปังจะแฉะหมดนะ” เนื่องจากถุงขนมปังของทางร้านเป็นถุงกระดาษสีน้ำตาลจึงไม่สามารถปกป้องขนมปังได้แน่นอนหากฝนตก
ดลพยักหน้า ถอนหายใจแบบไม่มีเสียงเมื่อร่างสูงหันไปโบกรถ
...ต้องเสียเงินอีกแล้วเหรอเนี่ย แย่จัง...
“เดี๋ยวฉันเลี้ยงค่าแท็กซี่เอง โอเคนะ?” เควินหันมาบอกก่อนขึ้นรถ
หนุ่มไทยมีสีหน้างุนงงแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างยินดีเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยว่าแลกกับขนมปัง ระยะทางจากร้านขนมปังไปยังบ้านของมาดามโรสไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำแต่ก็นับว่าเคราะห์ดีที่พวกเขาเลือกนั่งรถมาเพราะทันทีที่ถึงบ้านหยาดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาพอดี
“กลับกันมาแล้วเหรอหนุ่มๆ” หญิงชราเดินกระฉับกระเฉงมาต้อนรับ “อ้าว ซื้ออะไรกันมาน่ะห่อใหญ่เชียว”
“ผมซื้อขนมปังมาฝากทุกคนน่ะครับ” ดลตอบ
แววตาของโรสปรากฎความแปลกใจหากก็คลี่ยิ้ม เอ่ยขอบคุณแล้วบอกให้ชายหนุ่มนำไปวางไว้ในครัวเดี๋ยวตนจะจัดวางใส่ตะกร้าให้
“เอ่อ ผมขอแยกสามชิ้นเอาไปให้เรนนี่ก่อนได้ไหมครับ?”
“ได้สิจ๊ะ มา ๆ” เธอเดินนำทั้งสองไปที่ครัว
จังหวะที่โรสส่งจานมามือของเควินและดลก็เอื้อมไปรับพร้อมกันพอดี นัยน์ตาทั้งสองประสานกันก่อนที่ดลจะเป็นฝ่ายปล่อยมือจากจาน ยิ้มด้วยความขัดเขิน
“เดี๋ยวผมหยิบขนมปังของเรนนี่ออกมานะครับ”
ในใจของชายหนุ่มผมดำอดจะก่นด่าตัวเองไม่ได้ว่าจะเขินทำไม เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ถึงจะรู้ตัวว่าสนใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแต่เขาก็ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร
เควินกับโรสมองกิริยาอาการของคนตรงหน้าด้วยความงุนงง
“ปวดหัวเหรอจ๊ะดล?” หญิงชาวอังกฤษไต่ถาม
“อ่า นิดหน่อยครับ เดี๋ยวก็หาย” ดลรับสมอ้าง หัวเราะแหะๆ “คงเพราะเจออากาศเย็นๆเลยไม่ชินมั้งครับ”
“งั้นขึ้นไปทำตัวให้อบอุ่นเถอะจ้ะ พอถึงเวลาอาหารเย็นเดี๋ยวฉันจะเรียกพวกเธอลงมาเอง” โรสกล่าว
“ครับ” เมื่อถึงห้องของน้าสาวเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอดออกมาจึงเคาะประตูตามมารยาทเล็กน้อย
ก๊อกๆ
“เชิญจ้า” หญิงสาวตะโกนบอกเสียงใส
“เป็นยังไงบ้างครับ?” ดลถาม ส่งจานขนมปังให้คนป่วย “ผมซื้อมาฝาก อย่ากินหมดล่ะครับเก็บไว้กินข้าวเย็นกับพรุ่งนี้บ้าง” เขาแซวในภาษาเกิด
“ย่ะ ขอบใจนะ” ฝนค้อนก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ของนายก็มีนะเจค อยู่ข้างล่างดลเขาซื้อมาฝาก” เควินกล่าว
“ขอบคุณครับ” เจคเอ่ย ดีใจที่หลานชายของเรนนี่มีน้ำใจถึงเขาด้วย
“อยากจะได้อะไรเพิ่มไหมเรนนี่?” เควินถาม
หญิงสาวส่ายหน้า “ขอบคุณค่ะเควิน แต่นี่เจคก็ช่วยดูแลจนฉันเกินพอแล้วค่ะเนี่ย” เธอหัวเราะ เพราะหนุ่มสิงคโปร์นั้นเอาใจเธอจนเกินพอด้วยซ้ำ
หนุ่มผมน้ำตาลส่งสายตาหาเพื่อนอย่างรู้ทัน ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างพอใจที่เริ่มลงมือทำอะไรบ้างเสียที
“แล้วไปที่ไหนกันมาบ้างล่ะ?” เจคกระแอมไอเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกเขิน ๆ เมื่อเห็นการแซวทางสายตาของเพื่อนซี้
“ก็ไปที่...” หนุ่มอเมริกันเป็นฝ่ายเล่าโดยที่ดลเดินไปหาฝนที่เตียงโชว์รูปที่ถ่ายมาให้ดู แต่ก็ถูกขัดจังหวะกลางคันด้วยการมาเยือนของหญิงเจ้าของบ้านมาเชื้อเชิญแขกไปทานมื้อเย็นกัน ปากของดลที่กำลังจะเอ่ยถามน้าสาวถึงความหมายของชื่อดอกไม้สีม่วงที่เห็นในร้านสตูว์ก็ปิดลง
...เอาไว้ก่อนก็ได้...เขาคิดในใจ
ตลอดมื้ออาหารไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่แต่เขากลับรู้สึกว่าศอกและมือของเขากับเควินโดนกันบ่อยจัง...โต๊ะอาหารเองก็ไม่ได้แคบเพราะใหญ่ขนาดนั่งได้ร่วมสิบคน หลังจบมื้ออาหารและนั่งพูดคุยเล่นไพ่กันตาสองตาต่างคนต่างแยกย้ายขึ้นห้องขณะที่ดลนั้นได้แต่พลิกตัวซ้ายขวาไปมาด้วยความตื่นเต้น
...นอนไม่หลับ...เขาถอนหายใจออก ตลบผ้าห่มออกสวมเสื้อกันหนาวลงไปเดินที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งเพื่อนั่งวาดรูปห้องแก้เบื่อ คืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาได้มาค้างต่างประเทศ วิวตอนกลางคืนทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดสำหรับเขา
“ทำอะไรอยู่น่ะดล?” เสียงทักในความเงียบทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบกับร่างของเควินยืนอยู่ประตูห้อง
“คุณนั่นเอง” ดลลูบอกตัวเองปลอบขวัญ
“นึกว่าฉันเป็นผีหรือไง” ร่างสูงยิ้มเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันจึงเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายถือกระดานวาดรูปอยู่ “สวยดีนี่”  เขาชม แม้จะเป็นภาพคร่าว ๆ แต่ก็มองออกว่าเป็นห้อง ๆ นี้
“ขอบคุณครับ” ดลยิ้ม “คุณลงมาทำไมหรือครับ?”
“กะจะลงมาดื่มนมน่ะ ฉันติดต้องดื่มนมอุ่นๆก่อนนอน” เควินอธิบายด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่หนุ่มผมดำพอนึกภาพตามก็อมยิ้มที่ผู้ชายท่าทางนักกีฬาแบบเควินกำลังดื่มนม
“ทำให้หลับสบายนะ” หนุ่มอเมริกันขยิบตา “อยากจะได้สักแก้วไหมฉันจะทำเผื่อให้”
“เอาสิครับ ขอบคุณครับ” ดลรับน้ำใจ
น้ำนมสีขาวในถ้วยกระเบื้องมีหูสีน้ำตาลเพ้นท์ลายดอกทิวลิปสีแดงถูกส่งมาให้ ชายหนุ่มรับมาเป่าให้ควันสีขาวลอยหายไปช้า ๆ ความอบอุ่นถูกส่งผ่านมายังมือที่เริ่มเย็นของเขาได้เป็นอย่างดี
...ถึงจะเป็นฤดูร้อนแต่ยังหนาวอยู่ดี...ดลนึก ปรายตาเปรียบเทียบตนเองกับเควิน
ชายหนุ่มร่างสูงใส่เพียงชุดนอนเสื้อแขนสั้นกับกางเกงวอร์มง่าย ๆ ขณะที่เขาต้องใส่เสื้อหนาวทับมาอีกตัวเลย
“อะไรหรือ?” เควินถามเมื่อเห็นว่าสายตาของดลกำลังจ้องมองมาที่เขา
“กำลังคิดว่าคุณไม่หนาวเหรอ?”
นัยน์ตาสีเทาพราวระยับไปกับเสียงหัวเราะเบา ๆ “ชินน่ะ”
“แค่นี้ผมยังหนาวเลย ถ้ามาฤดูหนาวคงเป็นตุ๊กตาหิมะ” ดลบ่นกระปอดกระแปด
“ไว้มาที่แคลิฟอร์เนียสิ ไม่หนาวแบบนี้หรอก” เควินยิ้ม
“คุณอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย?” เขาถาม ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้า เท่านั้นเองดลถึงเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีรูปร่างและสีหน้าผิดกับภาพลักษณ์ของโปรแกรมเมอร์แบบนี้
“วาดให้บ้างได้ไหม?”
“ครับ?” ดลกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจเควินจึงขยายความเพิ่ม
“วาดภาพอะไรก็ได้ให้ฉันบ้างได้ไหม?”
หนุ่มไทยทำหน้าเหวอก่อนจะยิ้มหน้าแดงเล็กน้อย “ครับ!”
“คิดค่าจ้างเท่าไหร่ครับคุณศิลปิน” ชายหนุ่มแซว
“อืม~ แลกกับไว้ตอนมาไทยช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ให้ฟรีหนึ่งครั้งเป็นยังไงครับ?”
สายตาทั้งสองประสานกันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาท่ามกลางความเงียบสงบของบ้าน
“อ๊ะ เที่ยงคืนแล้วนี่นาไปนอนกันเถอะ” เควินมองนาฬิกาเจ้าคุณปู่ที่กำลังตีเหง่งหง่างอยู่
“ครับ” ดลจัดการเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นมา ภาพของเขายังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี
“นี่...”
“ครับ?”
“คืนพรุ่งนี้จะลงมาวาดรูปต่อไหม?” ชายหนุ่มถามก่อนที่พวกเขาจะเปิดประตูห้องแยกย้ายกัน
“คิดว่าครับ ผมอาจจะเอารูปนี้ให้เป็นของขวัญมาดามโรสก็ได้” ดลตอบ
“งั้นไว้เจอกันนะ”
“ครับ ไว้เจอกัน”
เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัวใบหน้าของหนุ่มไทยก็ร้อนผะผ่าว
...เขินทำบ้าอะไรวะไอ้ดล!...
เขาจับที่หัวใจตนเองที่กำลังเต้นรัว ไม่เข้าใจว่าจู่ ๆ ทำไมถึงเขินขึ้นมาได้ อาจจะเป็นเพราะความคิดชั่ววูบบ้า ๆ เมื่อกี้ก็ได้ที่คิดว่า ‘เป็นความลับของเขาสองคน’
...อ่านการ์ตูนสาวน้อยมากเกินไปแล้วไอ้ดล...เขาสะบัดใบหน้าแรง ๆ ไล่ความคิดพิลึกๆออกไปจากหัว
สิ่งที่เขารู้สึกยามนี้ต้องเป็นแค่การชื่นชมแน่ ๆ ก็เหมือนกับที่สาว ๆ กรี๊ดดารานั่นแหละ ไม่มีอะไรจริงๆ!
ทั้งหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ต่างกำลังสงสัยในความรู้สึกของตนเองแต่ทว่าทางด้านคนที่แน่ใจในความรู้สึกของตนเองแล้วนี่สิที่กำลังลืมตาโพลงในความคิด หันไปมองเพื่อนที่เพิ่งล้มตัวลงนอนเมื่อไม่กี่นาทีมานี้อย่างอิจฉา
...เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้นัดแนะเจอเรนนี่แบบนี้บ้างนะ...เขาถอนหายใจเบา ๆ จากวันนี้เขาคิดว่าหญิงสาวน่าจะรู้แล้วว่าเขาคิดอะไรบ้าง แต่กระนั้น...ก็ยังอดจะไม่แน่ใจไม่ได้ว่าบางทีที่เรนนี่พูดคุยหยอกล้อกับเขาทั้งหมดนั้นเพราะคิดว่าเป็นเพียงเพื่อนจริง ๆ ถึงแม้จะได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัวแล้วว่าตอนนี้ยังโสดก็ตาม...
“ถ้ายังนอนถอนหายใจเฮือกๆรบกวนการนอนอันมีค่าของฉันแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกเลยไป” เสียงทุ้มลอยเข้าหูมา
“มีค่า? บอกจะลงไปกินนมแป๊บเดียวแล้วขึ้นมาไหงหายไปเป็นชาติ ตะกี้ยังเห็นเพิ่งขึ้นมากับดลอยู่เลย” เจคแขวะเพื่อน
“ก็นั่นยังไม่นอนนี่หว่า”
“ถามจริงเหอะว่ะ แกจริงจังเหรอคนนี้? ปกติไม่เห็นแกมีอารมณ์ไปนั่งคุยกับใครนานขนาดนี้เลย” เพราะปกติเพื่อนเขาเน้นการกระทำมากกว่าคำพูดเสมอ
“ไม่รู้สิ เขาก็น่ารักดี”
“เออ ไม่เหมือนแฟนเก่าแก นั่นก็น่ารักดูไร้เดียงสาแต่ตัวจริง...เหอ ๆ”
“อืม ก็ดู ๆ ไปแล้วแกว่าดลเขาซื่อจริงรึแอ๊บแบบเทโตะวะ?” เควินเอ่ยถึงแฟนชาวอาทิตย์อุทัยคนเก่าของเขาที่แรกเริ่มนั่นดูใสซื่อตรงเสป็กเขามากแต่ไป ๆ มา ๆ กลับกลายเป็นนักเที่ยวประจำผับที่มาทุกเดือนเสียอย่างนั้น
“เท่าที่คุยกับเรนนี่ฉันว่าเขาคงไม่เหมือนเทโตะนะ เรนนี่ชื่นชมในตัวหลานชายมาก เธอบอกว่าเขาเป็นเด็กดีและทุกคนในบ้านรักเขามาก”
เควินทำเสียงอืมตอบรับในลำคอ
“แล้วสรุปว่ายังไง?” เจคถามเพื่อน
“อะไร?” เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ก็เรื่องดลไงล่ะ! ตกลงแกจะจีบเขารึไม่จีบ?!”
“แล้วแกจะสนใจทำไมนักหนาล่ะวะ ต่อให้ฉันกับเขาคบแล้วเลิกกันมันจะกระทบอะไรกับนายแล้วก็เรนนี่นักล่ะ” เควินถามอย่างหงุดหงิด
“ก็เรนนี่รักหลานเขามากนี่ ถ้าสมมติว่าพวกนายเลิกกันฉันก็กลัวเธอจะพาลโกรธฉันน่ะสิ” หนุ่มสิงคโปร์ตอบเสียงอ่อย
“เออ ๆ เฮ้อ...แต่ถ้าเด็กมันมาชอบฉันก่อนก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย ” หนุ่มผมน้ำตาลนอนมองเพดาน ยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าระเรื่อของดลเมื่อครู่ก่อนจะเข้าห้องไป
“ยังไงก็วานช่วยกัน ๆ พาดลให้ห่างจากเรนนี่หน่อยแล้วกันฉันจะได้มีเวลาทำคะแนนบ้าง”
“ได้ ว่าแต่เรื่องซื้อบ้านหลังนี้ว่ายังไง ใครจะเป็นคนถอย?” เควินถามถึงเหตุผลหลักที่พวกเขามาที่นี่
“เอ่อ...”
โปรแกรมเมอร์หนุ่มถอนหายใจ “ยังไม่ได้คุยกันสินะ”
“ก็เธอไม่สบายนี่จะให้ฉันยกเรื่องเครียด ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน” เจคแก้ตัว
“ยังไงก็ได้ เงินแกนี่”
“แกว่าฉันควรจะถอยหรือเปล่า...” เควินรู้ว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องบ้าน
“แต่แกวางแผนทุกอย่างไว้แล้วนี่”
ใช่...เมื่อรู้ว่ามาดามโรสคิดจะขายบ้านเขาก็เริ่มวางแผนจะปรับปรุงที่นี่ให้กลายเป็นร้านอาหารแบบสวนด้านหน้า สร้างห้องอาหารแยกตังหากส่วนที่นี่ก็จะทำเป็นบ้านพักเหมือนเดิมสำหรับนักศึกษาต่างชาติและสามารถมาช่วยทำงานพิเศษในร้านได้
“อืม”
“บางครั้งความรักกับธุรกิจก็ต้องแยกจากกันนะเจค แกลองปรึกษากับเรนนี่ดูอีกที บางทีอาจจะเป็นหุ้นส่วนกันก็ได้นะ” เควิน พยายามช่วยเพื่อนหาทางออก
“นั่นสินะ! เป็นหุ้นส่วนกันก็ได้นี่!”
“โอเค คิดได้ก็นอนกันเถอะ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาดูโทรมเรนนี่อาจจะไม่ชอบแกขึ้นมาก็ได้นะ” เขาล้อ
“ไอ้เควิน!” หลังจากเสียงหัวเราะของเควินหยุดลงเจคก็เอ่ยขอบคุณเพื่อนเบาๆ
“ด้วยความยินดี” ทีนี้ก็ถึงตาฉันคิดเรื่องตัวเองบ้างล่ะนะ...หนุ่มอเมริกันคิดในใจ
TBC.
-------------------------------------------------------------------

จำนวนคำเกินเลยต้องตัดเป็นสองช่องหน่อยค่ะงวดนี้

มุขบางมุขมันอาจจะดูแป้กๆหน่อยนะคะเผอิญต่ายเป็นคนที่ถ้าพยายามจะเขียนให้ฮาทีไรมันจะออกมาแบบนี้ทุกทีสิน่า T-T
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแล้วเม้นต์นะคะ จุ๊บๆ รักทุกคนเลย~

ช่วงนี้ฝนตกอย่าลืมพกร่มพกยากันไว้ให้พร้อมล่ะคะ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2010 21:31:48 โดย กระต่ายชมจันทร์ »

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #15 เมื่อ21-08-2010 14:42:25 »

 :z13:จิ้มไรท์เตอร์
ดลน่ารักดี
แต่เควินมาแบบแปลกๆยังไงไม่รู้

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #16 เมื่อ21-08-2010 15:32:12 »

 :z13:   จิ้มจึ้ก!!
ดลน่ารักมากค่ะ ใสมากเลย

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #17 เมื่อ21-08-2010 16:02:16 »

ชอบจัง >.< อ่านแล้วอยากไปเมืองนอกบ้างอ่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #18 เมื่อ21-08-2010 19:13:45 »

 :L1:

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #19 เมื่อ21-08-2010 23:18:50 »

หนูดล น่ารักจริงๆ  :man1:

เควิน จะมาทำเล่นๆ ไม่ได้นะ

ไม่งั้นแม่ตบดิ้น  :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-08-2010 23:18:50 »





ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #20 เมื่อ21-08-2010 23:49:56 »

เขินกี่รอบกันนะหนูดล ^_____^ เอ๋อน่ารักจริงๆ

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #21 เมื่อ22-08-2010 07:15:07 »

นายเควินอย่ามาหลอกหนูดลให้รัก แล้วก็จากไปนะ  :laugh:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #22 เมื่อ22-08-2010 07:27:16 »

หนูดลนี่ใสซื่อของแท้ค่ะ...ไม่มีอะไรซ่อนเร้นแน่ๆ

น่าร๊ากกกกกก

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #23 เมื่อ22-08-2010 09:15:06 »

น่ารักอ้ะ อากาศหนาวๆกับผู้ชายตัวโตในชุดนอนที่ยื่นถ้วยนมอุ่นๆมาให้แล้วนั่งคุยเป็นเพื่อน
ฮ้า.............ความสุขและความอุ่นในจินตนาการ ^o^

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ตอนที่2 [21/08/2010]
«ตอบ #24 เมื่อ22-08-2010 13:18:04 »

:z13:จิ้มไรท์เตอร์
ดลน่ารักดี
แต่เควินมาแบบแปลกๆยังไงไม่รู้

 :z13:คืน

เควินตอนแรกมันเป็นสุภาพบุรษแสนดีในฝันเลยค่ะแต่พอต้องปรับเข้ากับธีมเลยกลายเป็นอย่างเนี้ย ซึกๆ

:z13:   จิ้มจึ้ก!!
ดลน่ารักมากค่ะ ใสมากเลย

ทำไมมีแต่คนจิ้มเค้า มิน่าว่าปวดๆหลัง 555+

 :z13:มั่งๆ

ชอบจัง >.< อ่านแล้วอยากไปเมืองนอกบ้างอ่ะ

ต่ายก็อยากไปค่า ถึงแม้อังกฤษจะฝนตก ฟ้าครึ้ม อาหารไม่อร่อยแต่ก็อยากไป~

:L1:

 :กอด1:

หนูดล น่ารักจริงๆ  :man1:

เควิน จะมาทำเล่นๆ ไม่ได้นะ

ไม่งั้นแม่ตบดิ้น  :beat:

ยังหาแม่ยกให้เควินไม่ได้สักคนเลยแฮะ  :laugh:

เขินกี่รอบกันนะหนูดล ^_____^ เอ๋อน่ารักจริงๆ

 :-[  อีกหลายค่ะ

นายเควินอย่ามาหลอกหนูดลให้รัก แล้วก็จากไปนะ  :laugh:

ถ้าทำแบบนั้นมันจะได้รับชะตากรรมอันโหดร้ายจากต่ายแน่นอนค่ะ - -+

หนูดลนี่ใสซื่อของแท้ค่ะ...ไม่มีอะไรซ่อนเร้นแน่ๆ

น่าร๊ากกกกกก

อิๆ ดีใจที่ชอบดลค่ะ

น่ารักอ้ะ อากาศหนาวๆกับผู้ชายตัวโตในชุดนอนที่ยื่นถ้วยนมอุ่นๆมาให้แล้วนั่งคุยเป็นเพื่อน
ฮ้า.............ความสุขและความอุ่นในจินตนาการ ^o^

เนอะคะพี่นุ่น  :impress2:

แบบระหว่างฉากจิบไวน์ใต้แสงเทียนกับจิบนมอุ่นๆในห้องเงียบๆหนูชอบแบบหลังกว่าเยอะเลย~

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] Cupid Dart ต$
«ตอบ #25 เมื่อ22-08-2010 13:36:16 »

วันรุ่งขึ้นเควินเป็นคนไปเคาะห้องปลุกดลที่นอนตื่นสายอีกครั้ง ภาพเมื่อวานเหมือนจะฉายซ้ำ อีกฝ่ายพึมพำอะไรบางอย่างเป็นภาษาไทย ผลุบหายเข้าไปก่อนจะออกมาด้วยแก้มเหมือนผลแอปเปิ้ลด้วยความร้อนจากน้ำร้อน กลิ่นตัวหอมๆทำให้ชายหนุ่มเดาว่าเกือบสิบนาทีที่อีกฝ่ายหายกลับไปคงไปอาบน้ำสินะ
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ดลยิ้มเขินๆที่ตื่นสายต้องให้คนอื่นมาปลุกอีกแล้ว
“อรุณสวัสดิ์” ร่างสูงยิ้มตอบ
“วันนี้มีอะไรทานบ้างครับเนี่ย” นักศึกษาหนุ่มกระชับเสื้อหนาวตัวโคร่งที่ยืมมาจากพ่อให้กระชับ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ก็มีขนมปังที่นายซื้อมาเมื่อวานแล้วก็ซุป แพนเค้กกับเบคอนน่ะ” 
ดลอุทาน “เยอะจัง!”
“ปกติน่า” เควินหัวเราะ “กินเยอะๆจะได้โตไว ๆ รู้ไหมเจ้าหนู” เขายีหัวอีกฝ่ายเล่น
“ผมไม่ใช่เจ้าหนูนะ!” หนุ่มไทยหน้าบูด เอามือลูบ ๆ จัดผมให้กลับเป็นทรงเดิม
“แน่ใจ?”
“เด็กกว่าใครบางคนแต่ก็ไม่แก่แล้วกัน” ดลกล่าว ทำเอาเควินหมั่นไส้ล็อกคออีกฝ่ายมายีผมเล่นอีกรอบโดยไม่สนเสียงประท้วงโวยวายของหนุ่มผมดำสักนิด
ในจังหวะที่ดลกำลังบิดตัวหนีสุดแรงหนุ่มอเมริกันก็กำลังจะคลายวงแขนพอดี ผลคือหนุ่มไทยลงไปกองกับพื้นอย่างสวยงาม
“เป็นอะไรหรือเปล่า?!” เขาถาม รีบไปช่วยพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นแต่ดลกลับร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ
“ผมเจ็บที่เท้า” เขาร้อง น้ำตาเล็ด
เควินรีบเปิดประตูห้องของตนเองที่อยู่ใกล้ให้เปิดออกแล้วพยุงกันไปที่เตียง
“ท่าทางข้อเท้าจะแพลง” โปรแกรมเมอร์หนุ่มขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีเทาฉายแววขอโทษพร้อมๆกับที่เอ่ยออกมา
ดลร้องซี้ดเมื่อเควินตรวจข้อเท้าเขาเสร็จ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เควินพูดมาหมายถึงอะไร “ช่วยลองพยุงผมอีกทีได้ไหมครับเผื่อผมจะลงไปข้างล่างไหว?”
หนุ่มอเมริกันมองดวงหน้าที่เหยเกด้วยความเจ็บปวดและหยาดน้ำสีใสที่คลอในดวงตาสีนิลด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านแปลกๆขึ้นมา เขาอยากจะเห็นใบหน้าแบบนี้อีก...ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าฝืนยืนขึ้นต้องเจ็บแน่ๆแต่เขาก็ไม่ท้วงอะไร ดังคาดเมื่อดลลองยืนขึ้นก็ร้องออกมาทันที
“ท่าทางผมจะลงไปไม่ได้แล้วล่ะครับ รบกวนคุณลงไปบอกเรนนี่ให้ทีสิครับ” หนุ่มไทยกล่าว
“ได้สิ”
เมื่อออกมานอกห้องเขาก็ยกมือลูบหน้าตนเอง ไม่เคยเลยที่จะเกิดมีอารมณ์กับสีหน้าแบบนั้นกับใคร...นี่เขากลายเป็นซาดิสต์หรือไงนะ?
หญิงสาวได้ฟังว่าหลานชายล้มขาแพลงก็รีบวางช้อนส้อมขึ้นไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง
“เดินไม่ไหวเลยเหรอดล” เธอถาม สีหน้ากังวล
“ถ้าแค่นิดหน่อยก็คงพอไหวแต่ถ้าไกลๆคงไม่ได้แล้วล่ะครับน้าฝน”
“แล้วทำอีท่าไหนถึงล้มได้ล่ะเนี่ย?”
“ก็...สะดุดน่ะครับ” เขาไม่กล้าตอบหรอกว่าเพราะอะไร...
“ให้หมอมาดูไหมเรนนี่?” โรสขัดจังหวะสองน้าหลานที่กำลังคุยกันเป็นภาษาไทย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็คงหาย” ดลรีบปฎิเสธอย่างเกรงใจ
“จะดีเหรอดล?” ฝนเอ่ย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเคยขาแพลงมาก่อนเดี๋ยวจะช่วยดูแลดลเอง อีกอย่าง...จริง ๆ เพราะผมเขาเลยล้มด้วย” เควินเอ่ยขึ้น
หนุ่มไทยอึกอักเมื่อเห็นสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยของน้าสาวจึงรีบเปลี่ยนประเด็น “เรนนี่ออกไปเที่ยวกับเจคเถอะ ผมอยู่ได้”
“ใช่ ไม่ต้องเป็นห่วง” หนุ่มอเมริกันรีบส่งสายตาหาเพื่อนว่านี่เป็นโอกาสแล้วนะ
“มีเควินอยู่ทั้งคนเรนนี่ไม่ต้องเป็นห่วงดลเขาหรอก”
“ฉันเองก็อยู่ด้วย ไปเที่ยวเถอะจ้าเรนนี่” โรสช่วยอีกแรง สุดท้ายเจคและฝนจึงออกไปกันแค่สองคนแล้วตกลงว่าจะสลับห้องระหว่างเจคและดลเพื่อที่เควินจะได้ดูแลคนเจ็บได้สะดวก ตอนแรกดลคัดค้านแต่เมื่อเห็นสายตาแสดงความเสียใจของอีกฝ่ายจริงๆเขาก็ใจอ่อนตอบตกลง
“อยากเติมอะไรก็บอกนะ” เควินเอ่ยขณะที่กำลังทานมื้อเช้ากันในห้องนอน หนุ่มไทยนั่งพิงผนังส่วนร่างสูงนั่งทานที่ขอบเตียง
“แค่นี้ก็อิ่มแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงๆเควินไปกับพวกเรนนี่ก็ได้นะครับ ผมอยู่คนเดียวได้จริงๆ”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันเต็มใจจะอยู่ดูแลนาย รึว่านายรังเกียจฉัน?”
เพราะพูดเร็วเกินไปทำให้ดลฟังไม่ออกต้องยิ้มแหยๆบอกว่าฟังไม่ทันพูดอีกทีได้หรือไม่ เควินถอนหายใจเอ่ยทวนประโยคซ้ำอีกครั้ง เมื่อจับใจความได้นักศึกษาหนุ่มก็เบิกตากว้างรีบปฎิเสธอย่างละล่ำละลักว่าไม่ได้รังเกียจหรือโกรธอีกฝ่ายเลยจริงๆ ชอบด้วยซ้ำก่อนจะหน้าแดงเถือกด้วยรู้สึกว่าเหมือนประโยคสารภาพรักชอบกล
“งั้นก็ไม่มีปัญหา” โปรแกรมเมอร์หนุ่มสรุป “เอาล่ะ ทีนี้นายอยากจะทำอะไรล่ะ?” เขาถามเมื่อขึ้นมาจากเก็บถาดอาหาร
“เอ่อ...งั้นรบกวนคุณไปหยิบกระดานวาดรูปกับอุปกรณ์ในห้องให้หน่อยแล้วกันครับ” เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนี้เช่นกัน
“ได้สิ”
“ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะ?” ดลถาม รับกระดานไม้อัดสีน้ำตาลมาไว้ในมือ
“ฉันเอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาน่ะ” เควินยิ้ม เขาดึงเก้าอี้มาวางไว้ใกล้ๆหน้าต่าง วางพาดขาบนเตียงนอน
หนุ่มไทยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่าง มือที่จับแผ่นดาษพลิกขึ้นเพื่อวาดภาพใหม่ ภายในห้องมีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษกรอบแกรบและเสียงวาดภาพแกรกๆเท่านั้น
แสงแดดของลอนดอนไม่จ้าเกินไปจนแสบตา อากาศอุ่นกำลังสบายไม่หนาวด้วยฮีตเตอร์ทำให้ทั้งสองไม่ใส่เสื้อหนาวหรือสเ วตเตอร์ใดๆ ดลมองภาพชายหนุ่มที่มีรูปร่างน่ามองใส่แว่นอ่านหนังสือท่าทางเกียจคร้านก่อนจะแปรเปลี่ยนความจำให้กลายเป็นภาพ ขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าสายตาของเควินนั้นก็เหลือบขึ้นมองตนเองเช่นกัน
ท่าทางตั้งอกตั้งใจวาดเสียเหลือเกินของหนุ่มไทยยังความเอ็นดูในใจของหนุ่มผมน้ำตาล พอนึกภาพริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เม้มแน่นนั่นจะเผยออกเพื่อต้อนรับเขาด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจแบบนี้แล้ว...
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” จู่ๆนายแบบก็ลุกขึ้นทำเอาดลสะดุ้ง
“คะ ครับ”
เควินขยี้หัวตัวเอง...ไหนบอกกับเจคแล้วไงว่าจะให้เด็กมันชอบเอง!...ไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาก็เกือบจะผิดสัญญากับเพื่อนเสียแล้ว เฮ้อ
“เควินๆ มาดูนี่สิ” ดลเงยหน้ายิ้มแย้มส่งให้ พอชายหนุ่มเดินเข้ามก็ยื่นกระดานให้ดูใกล้ๆ
“ฉันเหรอ?” ร่างสูงอึ้ง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะวาดเขาออกมา กระดาษแบ่งครึ่ง ซีกซ้ายคือใบหน้าเขาระยะใกล้ส่วนซีกขวาคือภาพเขากำลังยืดขาอ่านหนังสือ 
“เอ๋ คุณมีตรงนี้ด้วยนี่นา!” ดลอุทานชี้ที่ขี้แมลงวันบริเวณไรผม เขาชะโงกตัวเล็กน้อยเพื่อไปเติมจุดบนกระดาษให้สมจริงยิ่งขึ้น หากนั่นยิ่งทำให้พวกเขาใกล้ชิดกัน
เควินเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติ เมื่อใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมองส่งยิ้มหวานให้เขาก็อดใจที่จะจูบเบาๆไม่ได้ แม้จะไม่ได้ดูดดื่มแต่ก็ไม่ได้ฉาบฉวยจนต้องเรียกว่าแค่ปากแตะกัน
“คะ เควิน!” ดลปิดปากกระถดตัวหนีหน้าแดงแจ๋
“ขอโทษ...ฉันอดใจไม่ไหวน่ะ...” ชายหนุ่มกล่าว ตบหน้าผากตัวเอง
...ไอ้บ้าเควินเอ๊ย!...เขาก่นด่าตนเองในใจ
“ทะ ทำไม ผะ ผมเป็นผู้ชายนะ!”
“ก็นั่นแหละปัญหาล่ะ” เควินพึมพำแต่ได้ยินถึงหูของดล
“คุณ...เป็นเกย์?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้านายรังเกียจฉันก็เข้าใจนะ” ร่างสูงเปิดเผยออกมา
ดลส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ เอ่อ คือ...”
“ดล ฉันว่านายเองก็รู้สึกเหมือนฉันใช่ไหม? อะไรบางอย่างระหว่างพวกเรา” เควินทิ้งคำสัญญาทิ้งไป เขาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง นัยน์ตาสีควันบุหรี่เปล่งประกายจับจ้องไปที่ร่างสั่นเทาของคนเจ็บ
“ผะ ผม”
“บอกสิดล บอกว่านายไม่รู้สึกอะไรกับสัมผัสของฉันเลย” เขาไล้ปลายนิ้วแผ่วเบาบนริมฝีปากของหนุ่มไทย
ชายหนุ่มผมดำหน้าแดงก่ำ “มันไม่ดี”
“ไม่ดียังไง?”
“เราเพิ่งเจอกันเอง” ดลยกแขนกันใบหน้าตนเอง
“ฉันชอบนาย”
ประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้ดลลดแขนลง เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู “คะ คุณว่าอะไรนะ?”
“ฉันชอบนายและคิดว่าอีกไม่นานมันอาจจะกลายเป็นรักก็ได้”
“ทำไมล่ะ?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาเพิ่งจะเจอกันสองวันเองแท้ๆ
“ลองมาหาคำตอบกันในจูบนี้ไหมล่ะ?” เควินยิ้มรั้งเอวของดลไว้
“ คะ เควิน” นักศึกษาหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหลบตาคู่นั้นไปได้ เขาถามตัวเองในใจ
...ชอบเขาเหรอ?...งั้นเขาล่ะ ชอบเควินหรือไม่?...ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ริมฝีปากบางของเควินก็สัมผัสมาเสียก่อน ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดมา หนุ่มอเมริกันจุมพิตอย่างแผ่วเบา ละมุมละไมราวละเลียดชิมรสวิปครีม เมื่อละออกสบสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกเขาก็เอ่ยเสียงแหบพร่า
“อีกทีนะ” แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็ถูกดึงดูดเข้าหากันใหม่อีกครั้งเสมือนแม่เหล็กคนละขั้ว เควินพบว่าเขาไม่นึกอยากจะทำอะไรเลยนอกจากเฝ้าวนเวียนจูบอีกฝ่ายแบบนี้
ทางด้านของดลเองก็ราวกับกำลังเดินหลงทางท่องเที่ยวไปในดินแดนที่ไม่รู้จักมาก่อน เขาตอบสนองอีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสายิ่งปะทุห้วงอารมณ์ของเควินมากขึ้น
“ดล ดล” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างละเมอขณะเฝ้าแนบจุมพิตลงไป
“เควิน”
สองแขนประคองตัวให้หนุ่มไทยนอนราบลงกับเตียงขณะที่มือของดลก็เกี่ยวกระหวัดรอบคอของเควินไว้ หากในจังหวะนั้นเอง
“โอ๊ย!” ดลร้องออกมาเมื่อเผลอขยับข้อเท้าเต็มแรง
มนต์ขลังของจูบคลายลงทันที เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ดลก็รีบคลายแขนแล้วเอามือบังหน้าตัวเองอย่างเขินอาย
“อย่าปิดหน้าสิที่รัก ให้ฉันได้เห็นสีหน้าน่ารักของนายสิ” เควินประพรมจุมพิตเบาๆที่ข้อมือซึ่งโผล่พ้นเสื้อแขนยาวทั้งสองข้างก่อนจะใช้มือแยกออกเบาๆ
“ดล...คบกับฉันนะ”
“ครับ...” ไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้ชายหนุ่มตอบออกไปเช่นนั้นอย่างเผลอไผล อาจจะเป็นมนต์สะกดของสายตาคู่นี้ก็ได้
นัยน์ตาสีเทาพราวระยับด้วยความดีใจ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง “งั้นเรามาจูบฉลองเนื่องในโอกาสเป็นแฟนกันดีกว่า”
โดยไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของหนุ่มไทยเขาก็ก้มลงลิ้มลองปากจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจวบจนดลผลักอกเบาๆเป็นสัญญาณว่าให้หยุดได้แล้วนั่นแหละโปรแกรมเมอร์หนุ่มจึงหยุดด้วยความเสียดาย
“ผมหิวแล้ว” ดลรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่เควินจะได้กล่าวอะไร “จริง ๆ นะ คุณไม่หิวเหรอ” เขากล่าวรัวเร็วด้วยความเขินอาย
หนุ่มผมน้ำตาลยิ้ม เขารู้ว่าร่างข้างใต้คงจะหาเรื่องเบี่ยงเบนแก้เขินสินะ
“ได้สิดล” เขาผละลุกขึ้น
เมื่อเควินออกจากห้องไปดลก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบึ้มเกิดขึ้นในหัว
...เขาจูบกับเควินแล้วจริง ๆ!...ชายหนุ่มตะโกนในใจ ดลตัวน้อยวิ่งพล่านอย่างตื่นตระหนกไปทั่วในสมองของเขา
“นี่เรา...ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแบบนั้น?” ดลคราง
มือยกขึ้นไล้กลีบปากที่ยังเหลือสัมผัสจากร่างสูงอยู่ นี่ถ้าพวกเพื่อนสาวของเขาที่มหาลัยรู้เข้าคงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่แน่
“เดี๋ยวสิดล แน่ใจนะว่าเขาไม่ได้เล่น ๆ กับแก” เขาพึมพำอย่างนึกขึ้นได้ พวกเขาจะได้เจอกันอีกแค่อาทิตย์ครึ่งแล้วหลังจากนั้นล่ะ? รักระยะไกลหรือ? หรือว่าจะจบลงที่สนามบินเลย?
ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้านกับความคิดที่ว่าอีกฝ่ายแค่เล่นๆกับตัวเอง เหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบกับความรู้สึกที่ตอกย้ำว่าคนหน้าตาดีแบบเควินนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแฟนที่อเมริกา
“มาแล้ว ๆ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าเล่นๆก็ยกถาดอาหารขึ้นมาพอดี ร่างสูงสะดุ้งกับสายตาตัดพ้อต่อว่าของดลที่ส่งมา เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ?
“เป็นอะไรไปดล?” แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อร่างของคนตรงหน้าเบี่ยงหลบมือที่กำลังจะแตะบ่า เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ขอบคุณครับ” ดลรับถาดอาหารของตนเองมาวางไว้ก่อนจะเริ่มทานแซนด์วิชเย็นชืดเงียบ ๆ
เควินปลอบใจตนเองว่าคงจะหิวมากกระมังจึงนั่งลงที่ขอบเตียงกินส่วนของตนเช่นกัน ทว่าตลอดการกินแม้เขาจะเพียรชวนคุยแค่ไหนก็ได้มาเพียงการถามห้าคำตอบหนึ่งคำเท่านั้น
“กลับมาแล้วจ้า อ้าวกำลังกินแซนด์วิชกันอยู่เหรอ” ฝนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเปิดประตูเข้ามาอย่างร่าเริง “น้าซื้อเค้กมาฝากล่ะดล อ๊ะส่วนของเควินก็มีนะคะ”
“ขอบคุณครับเรนนี่ ไปข้างนอกสนุกไหมครับ” ดลพยายามรั้งน้าสาวไว้ให้อยู่คุยด้วยกัน เขาเองก็ชอบบรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่เช่นกันแต่จะให้แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรก็ไม่ได้
ไม่นานเจคก็เข้ามาสมทบทำให้เควินไม่มีโอกาสอยู่ตามลำพังกับแฟนคนใหม่อีกเลย เขาพยายามนึกว่าเพราะเหตุใดจู่ ๆ ดลก็เกิดท่าทีตัดพ้อหมางเมินแบบนั้นได้ สุดท้ายเขาก็ดึงตัวเพื่อนไปปรึกษาในสวน

(คำตัดอ่านต่อหน้า3เลยค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2011 23:36:20 โดย กระต่ายชมจันทร์ »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
อ่านแล้วรู้สึกดีมากมาย :L1:

ออฟไลน์ *4_m3*

  • ~เธอคือของขวัญจากฟ้าไกล คือคำตอบของหัวใจ~
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบคำนี้อ่ะ"จนสะอื้นตัวแดง" :m20:
โอ๊ยเห็นความหื่นแบบไม่มีลิมิตจริงด้วย
ขอบคุณไรเตอร์ค่ะ
 :L2:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เควิน เจ้าเล่ห์นะนั่น แต่เจ้าเล่ห์แค่ไหนก็ยอม ขอให้รักจริงหวังกอดตลอดไปแค่นี้ก็พอ
:m1:

ฮ้า....เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆแล้วก็มีความสุขเพิ่มขึ้นเต็มหัวใจแถมยิ้มได้ในความเป็นจริงอีกต่างหากค่ะกระต่ายน้อย

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
แอบเห็นเรื่องนี้ เลยตามชื่อคุณกระต่ายชมจันทร์มาอ่าน
หนุกหนานแบบไม่มีมาม่า มีแต่อมยิ้มให้กินกันเพลินๆ หุๆ
ดีแระ เหมือนได้เปลี่ยนฟีลจากนู๋เฮกะป๋าได
แต่ก้อเริ่มอยากกินมาม่าขึ้นมาตะหงิดๆแล้วน้า...เพราะงั้นอย่าลืมไปต่อเรื่องนั้นให้ด้วยนะค้า
อ่ะ +1ให้เป็นค่าอมยิ้ม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด