Ho! Ho! Ho!
สวัสดีปีใหม่ทุกๆ คน ค่า~~
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
เจ๊หมวยขอมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับเพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน
ตามลงไปอ่านเลยนะคะ
**********************************
เจ้านายจ๋า
Special
ร่างสูงในชุดทำงานยืนกอดอกพิงประตูห้องนอน ใบหน้าคมระบายยิ้มเมื่อเห็นคนรักกำลังกล่อมลูกน้อย ร่างเพรียวนอนตะแคง มือเรียวตบก้นนุ่มของเจ้าตัวเล็กเบาๆ ฮึมเพลงอิ่มอุ่นในลำคอ
กานต์รวีส่งยิ้มให้คนรักและผละจากลูกน้อยที่หลับปุ๋ยไปแล้ว วันนี้เตชิตโทรมาบอกว่าจะกลับดึก ต้องไปเลี้ยงมื้อเย็นลูกค้าและคุยงานกันต่อ
“ทำไมกลับเร็วจัง เพิ่ง 2 ทุ่มครึ่งเอง ผมนึกว่าจะดึกกว่านี้”
เตชิตรั้งร่างเพรียวเข้ามาสวมกอด
“ใครจะอยากอยู่ คุยงานจบฉันก็เผ่นเลย อยากกลับมาอยู่กับครอบครัวมากกว่า ลูกค้าจะสำคัญกว่าลูกเมียได้ยังไง”
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ มือดันอกกว้างไว้ เพราะอีกฝ่ายเล่นพูดข้างหูแถมยังขโมยหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ด้วย
“ปากหวานทุกวันไม่เบื่อหรือไง..”
“นายเบื่อจะฟังงั้นเหรอ..”
“ผมไม่ได้เบื่อฟัง แต่ผมสงสัยว่าคุณไม่เบื่อเหรอ.. พูดหวานทุกวันๆ”
“ฉันแค่พูดตามที่หัวใจรู้สึกเท่านั้น ก็นายเป็นคนรักของฉันจริงๆ นี่นา”
กานต์รวีก้มหน้างุดงึมงำตอบ
“ก็แค่คนรัก ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณซะหน่อย มาเรียกผมแบบนั้นได้ไง”
มือใหญ่เงยใบหน้าหวานขึ้น
“ก็ใครล่ะ!!.. เจ้ากฎเกณฑ์ ต้องดูใจกันก่อน ต้องมั่นใจก่อน ต้องอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนยังไงก็ต้องมีวันที่นายเป็นมากกว่าคนรัก เว้นเสียแต่ว่านายจะเปลี่ยนใจ.. ”
กานต์รวียิ้มแห้ง อ้อนถามเสียงหวาน
“คุณกลับเร็วแบบนี้ ทานมาอิ่มรึเปล่าครับ”
เตชิตซ่อนยิ้ม พูดเรื่องนี้ทีไรถูกตัดบทเปลี่ยนเรื่องทุกที
“อิ่มแล้วซี.. ฉันไม่อยากกลับมาเป็นภาระให้นายต้องหาอะไรให้กินหรอก แค่ดูเจ้าตัวเล็กก็วุ่นวายพอแล้ว ”
“ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นภาระนะ ทาโร่.. และผมก็ไม่ได้ทำทุกอย่างให้คุณเพราะหน้าที่ด้วย ผมเต็มใจทำ ก็คุณเป็นคนรักของผมนี่นา~~”
ร่างสูงแทบตัวลอยกับคำหวาน
“งั้นขออะไรร้อนๆ ดื่มก็พอ แต่นายต้องไปนั่งดื่มกับฉันด้วยนะ”
“โอเค!!.. ผมทำบัวลอยน้ำขิงเตรียมไว้ให้คุณพอดี คุณจะอาบน้ำก่อนมั้ย”
“ก็ดี แต่ขอหอมลูกก่อนนะ วันนี้นั่งทำงานคิดถึงเจ้าตัวเล็กทั้งวันเลย”
เตชิตโอบเอวกานต์รวีเดินมาที่เตียง น้องหนูโมจิวัย 13 เดือน กำลังหัดเดินพูดตามได้คำสั้นๆ แล้ว เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวรามิล โดยเฉพาะปู่เชิดศักดิ์ กำลังเห่อหลานมากๆ เขาต้องพากานต์รวีและลูกไปนอนที่บ้านในวันสุดสัปดาห์ วันไหนไม่ได้ไปปู่จะเป็นฝ่ายมาหาหลานถึงบ้าน
ร่างสูงก้มลงจูบพวงแก้มนุ่มของลูกน้อย
“กลับมาแล้วจ้า~~ คืนนี้นอนไวจังน้า ไม่รอเล่นกับป๊ะป๋าก่อนเหรอ..”
“วันนี้แกนอนกลางวันแค่ครึ่งชั่วโมงเอง.. ข้างบ้านจุดประทัดเลยตกใจตื่นน่ะ”
“หมู่บ้านนี้เริ่มจอแจไม่ค่อยสงบแล้ว ไปนอนบ้านใหญ่สงบกว่าเยอะเลย ว่ามั้ย..”
“อย่าบอกนะว่าจะชวนผมย้ายไปอยู่บ้านคุณ”
เตชิตรั้งร่างเพรียวเข้ามาสวมกอด
“พ่ออยากให้เราย้ายไปอยู่ด้วย ท่านให้เราสร้างบ้านอีกหลัง ไม่ต้องไปอยู่รวมที่ตึกใหญ่ นายว่ายังไง.. อยากไปอยู่มั้ย..”
“ถามแบบนี้แปลว่าคุณอยากกลับไปอยู่บ้านใช่มั้ย แต่ผมชอบที่นี่อ่ะ คุณจะไปๆ มาๆ ก็ได้นะ ไม่ต้องนอนที่นี่ทุกวันก็ได้”
“แค่ถามดู ฉันยังไงก็ได้ นายกับลูกอยู่ที่ไหน ฉันก็ต้องอยู่ด้วยซี.. จะให้ไปๆ มาๆ ได้ยังไง!!..”
“แต่ผมรู้สึกไม่ดี ท่านชวนบ่อยๆ แล้วเราก็ปฏิเสธทุกครั้ง ท่านจะคิดว่าผมเรื่องมากรึเปล่า..”
“เหลวไหล!!.. คิดมากไปได้ ทุกวันนี้พ่อเอ็นดูและเป็นห่วงนายมากกว่าฉันซะอีก โทรสั่งงานทีไร ต้องถามทุกข์สุขของนายกับโมจิทุกครั้ง”
“ก็เพราะแบบนี้ผมถึงเกรงใจ ผมเคารพรักท่านกับคุณป้า แต่ผมอยากอยู่ที่บ้านนี้มากกว่า”
“ฉันเข้าใจ ฉันก็อยากอยู่กับนายและลูกเป็นส่วนตัว ไม่งั้นคงไม่ปฏิเสธท่านไปหรอก”
“คุณปฏิเสธไปแล้วเหรอ!!..”
“อะฮะ”
กานต์รวีระบายยิ้มดีใจ
“ขอบคุณที่เข้าใจผม.. ขอบคุณป๊ะป๋าที่ไม่ทิ้งโมจิกับอาวีกลับไปอยู่บ้าน..”
“เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”
ลำแขนเรียวโน้มคอคนรักจุมพิตริมฝีปากแผ่วเบาแทนคำขอบคุณ มือใหญ่รั้งศีรษะไว้ไม่ยอมให้ผละออก และเป็นฝ่ายมอบจูบที่ดูดดื่มให้ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวส่งเสียงท้วงในลำคอแต่แทนที่จะผละออกกลับโอบกอดร่างสูงไว้แน่น
เตชิตผละออกเมื่อดื่มด่ำความหวานจากเรียวปากนุ่มจนฉ่ำใจ ใบหน้าคมระบายยิ้มเมื่อสีหน้าคนรักแดงระเรื่อทุกครั้งที่ถูกจูบ
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปกินบัวลอยน้ำขิงด้วยนะ” ริมฝีปากอุ่นจุมพิตหน้าผากมนก่อนผละไปอาบน้ำ
กานต์รวียิ้มเขินกับตัวเอง เขาเพิ่งรู้จักและสัมผัสกับรสจูบที่ดูดดื่มระหว่างผู้ชายด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้เอง แม้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันท์คนรักมานานกว่า 3 เดือนแล้ว แต่กานต์รวีมีกฎเกณฑ์มากมายในการอยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับเตชิต ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับแม้จะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง การเลี้ยงดูลูกน้อยในฐานะพ่อบุญธรรมเป็นเรื่องที่เตชิตทำได้โดยไม่มีข้อบกพร่อง แต่เรื่องที่ละเลยบ่อยครั้งคือการปฏิบัติตนในฐานะคนรัก
กานต์รวียอมรับว่าความรู้สึกระหว่างตนเองกับเตชิตไม่ใช่ความรักในฐานะเพื่อน แต่ถึงจะยอมรับก็ไม่มั่นใจว่าทั้งตนเองและเตชิตจะมีความรักและใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์คนรักได้ตลอดไปจริง กานต์รวีไม่เคยนึกชอบผู้ชายมาก่อน ถึงจะไม่มีแฟนแต่ก็เคยแอบปิ๊งสาวตอนเรียนมหา’ลัย เตชิตเองก็ไม่ใช่เกย์ ไม่ได้เป็นไบเซ็กช่วลอย่างกรัณย์กร แม้จะไม่ใช่เสือผู้หญิงแต่ก็เปลี่ยนสาวควงบ่อยครั้ง
กานต์รวีจึงขอเวลาพิสูจน์ความรักที่มีต่อกันด้วยการรักษาระยะห่างของความสัมพันธ์เอาไว้ ยอมใกล้ชิดกับเตฃิตเหมือนคู่รักทั่วๆ ไป เริ่มจากโอบกอด หอมแก้มและจูบ แต่จูบของกานต์รวีไม่ใช่อย่างที่เตชิตต้องการ เขาเพิ่งสอนบทเรียนการจูบอย่างดูดดื่มให้คนรักรู้จักเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่กว่าจะยอมให้สอนก็ขัดขืนอยู่พักใหญ่
ร่างสูงโอบเอวคนรักเดินมาส่งหน้าห้องนอน
“กู๊ดไนท์ครับ.. หลับฝันดีนะ”
“กู๊ดไนท์ วี.. ฉันจะฝันถึงนาย”
กานต์รวีหัวเราะจะเดินเข้าห้อง แต่อ้อมแขนแกร่งไม่ยอมคลายออก
“ปล่อยซี.. ผมจะเข้านอนแล้ว”
“เดี๋ยวนี้ให้ตัวเล็กนอนเตียงใหญ่แล้วเหรอ..”
“แล้วแต่บางคืนครับ นอนเตียงใหญ่ก็สะดวกดี เวลาแกตื่นกลางดึก ผมจะได้ไม่ต้องลุกเดินไป”
“ควรให้นอนที่เตียงแกนะ มันอันตราย ไม่กลัวนอนทับถูกลูกเหรอ..”
“นอนทับ!!.. ฮะ ฮะ ใครจะทับใครกันแน่ มีแต่โมจิที่นอนดิ้นมาป่ายผม”
เตชิตรั้งร่างเพรียวเข้ามาสวมกอด
“คืนนี้ให้โมจินอนที่เตียงแกเถอะนะ”
“ทำไมล่ะ ผมไม่นอนดิ้น ไม่ทับแกหรอก..”
เสียงทุ้มกระซิบตอบ
“นายไม่ทับแต่ฉันอาจทับ เพราะฉันจะขอนอนด้วย นะวีนะ.. คืนนี้ขอนอนด้วยคนนะ วี..”
“เอ่อ.. แหะๆ จะดีเหรอ.. นอนด้วยกันมันไม่เหมาะนะ”
“ไม่เหมาะเรื่องอะไร คนรักกันก็อยากนอนกอดกันทั้งนั้น ฉันรักนาย ฉันอยากนอนกอดนาย นะวี.. ขอนอนด้วยนะ”
ใบหน้าหวานก้มงุด
“แต่ผม~~ คุณให้สัญญากับผมแล้วว่าจะรอจนกว่าผมจะพร้อม ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมนี่นา..”
มือใหญ่เชยคางคนรัก
“แค่นอนกอดก็ต้องพร้อมด้วยเหรอ.. ฉันไม่ได้จะทำอะไรซะหน่อย แค่ขอนอนด้วย จริงๆ นะวี ฉันสัญญา แค่นอนกอดจริงๆ ”
คิ้วเรียวขมวดสีหน้าครุ่นคิดหนัก เตชิตตีหน้าเศร้าคลายอ้อมแขนออก
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากฝืนใจนาย กู๊ดไนท์ วี.. หลับฝันดีนะ..” ร่างสูงแสร้งเดินคอตกกลับห้อง
“ทาโร่!!..” เสียงใสร้องเรียก
ร่างสูงหันกลับ คิ้วเข้มเลิกขึ้น
“ผมยังไม่ได้บอกว่าไม่ได้เลยนะ!!.. ถามเองตอบเองได้ยังไงอ่ะ..”
ใบหน้าคมระรื่นขึ้น ถลามายืนตรงหน้าคนรัก
“แปลว่าอนุญาตงั้นเหรอ..”
“ก็.. ถ้าคุณสัญญาว่าจะนอนกอดเฉยๆ จริงๆ คืนนี้นอนด้วยกันก็ได้”
เตชิตยิ้มกว้างรั้งร่างเพรียวเข้ามาสวมกอดด้วยความดีใจ ก่อนคว้าข้อมือคนรักเดินเข้าห้องนอนด้วยอาการลิงโลด
เมื่อมีคืนแรกก็ต้องมีคืนที่สองและคืนต่อๆ ไป เตชิตปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้คือนอนกอดเฉยๆ จริงๆ แต่ก็มีบ้างที่ซุกซนจนเกือบจะอดใจไว้ไม่ไหว ถูกคนรักเอ็ดและศอกกลับหลายครั้ง มีอยู่คืนหนึ่งถึงกับต้องขอตัวเข้าห้องน้ำกลางดึกทั้งที่ไม่ได้ปวดท้อง
9 โมง 10 นาที
ร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันได วันนี้เขานอนที่ห้องตัวเอง ไม่มีเสียงอ้อแอ้ของเจ้าตัวเล็กรบกวนแต่เช้าเลยนอนเพลินไปหน่อย กานต์รวีอุ้มโมจิเข้าไปปลุกตอน 8 โมง เขาขอนอนต่อเพราะเช้านี้ไม่มีประชุมสำคัญกะว่าจะเข้าสาย แต่เลขาโทรเข้ามือถือปลุกตอน 9 โมง บอกว่า.. คุณพ่อท่านประธานจะเข้ามาตรวจงานตอน 10 โมงเช้า ทำให้เขาต้องตาลีตาเหลือกลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว
กานต์รวีกำลังเตรียมอาหารเช้าให้คนรักอยู่ในครัว แม่บ้านนั่งเล่นกับโมจิอยู่หน้าทีวี ร่างสูงตรงเข้าไปหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่
“อรุณสวัสดิ์ค้าบ อาวี..”
“สายโด่งแล้ว ไม่ต้องมาอรุณสวัสดิ์เลย..” ร่างเพรียวเบี่ยงกายออก ถึงแม่บ้านจะรู้ว่าเขาและเตชิตเป็นคนรักกัน แต่เขาก็ไม่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อให้เด็กเห็น
“หอมจังเลย ”
“ข้าวต้มกุ้งที่คุณชอบไง มีแซนด์วิชด้วย รับอะไรก่อนดี..”
“ไม่ได้หอมข้าวต้มนะ หอมแก้มนายต่างหาก”
กานต์รวีท้าวสะเอวตาเขียวใส่ เตชิตหัวเราะ
“ฉันกินไม่ทันแล้ว เดี๋ยวเอาแซนด์วิชไปกินในรถ”
คิ้วเรียวขมวด
“รีบไปไหนอ่ะ คุณบอกว่าวันนี้จะเข้าสายไง”
“พ่อจะเข้าไปตรวจงานตอน 10 โมง นึกจะเข้าก็เข้า แย่จริงๆ คนกำลังนอนสบายๆ ”
“คุณตื่นสายเอง ไม่ต้องไปว่าท่านเลย ผมอุตส่าห์ขึ้นไปปลุกแต่เช้าก็ไม่ยอมลุก คนอะไรเห็นแก่นอน..”
เตชิตอมยิ้ม ผละจากคนรักเดินไปล่ำลาลูกน้อยก่อนไปทำงาน
“จ๊ะเอ๋!!.. โมจิ.. ป๊ะป๋าจะไปทำงานแล้วน้า~~”
แม่บ้านรีบผละไปบอกคนรถให้เตรียมตัวออกเดินทาง เจ้านายจะไปทำงานแล้ว เตชิตอุ้มร่างเล็กขึ้นมาหอมพวงแก้มนุ่มซ้ายขวา มือเล็กตีหน้าป๊ะป๋า
“ป๊ะป๋า~~ ”
“จ้า~~ เป็นเด็กดีนะ อย่าดื้อ อย่าโยเยกับอาวี รู้มั้ย..”
ร่างเล็กหันมองหากานต์รวีและเรียกหาทันทีที่เห็นหน้า
“วีวี~~”
กานต์รวีเดินเข้ามายื่นถุงแซนด์วิชให้คนรักและเร่งให้ไปทำงาน เตชิตส่งลูกน้อยให้กานต์รวีอุ้ม ร่างเล็กอยู่ในอ้อมกอดของอาวีแล้ว แต่มือเล็กยังคว้าไทด์ของป๊ะป๋าไว้ไม่ยอมปล่อย ป๊ะป๋าแสนเจ้าเล่ห์เลยถือโอกาสแกล้งยื่นหน้าเข้าไปจมูกแทบจะชนแก้มคนรัก
“อื้อ~~ แกะมือลูกออกซี..”
“นายแกะซี..” จมูกโด่งสูดหายใจฟอดใหญ่ ระบายยิ้มเมื่อได้กลิ่นหอมจากผิวแก้มเนียน
กานต์รวีแกะนิ้วเล็กออกจากไทด์ได้ก็ทุบต้นแขนใหญ่ดังอั้ก
“ไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย!!.. เล่นเป็นเด็กๆ อยู่ได้”
เตชิตหัวเราะสนุกที่ได้แกล้งคนรัก ก่อนก้าวขึ้นรถยังก้มลงหอมแก้มยุ้ยของเจ้าตัวเล็กฟอดใหญ่อีกครั้ง และไหนๆ ก็ถูกทุบแล้วจึงหอมแก้มอาวีอีกหนึ่งฟอดด้วย
“สวัสดีครับ ท่านประธาน..”
เตชิตพยักหน้าให้แขกที่มาขอพบโดยไม่ได้นัดหมาย
“หวัดดีโว้ย!!.. จะมาหัดนัดซะก่อน ถ้าฉันไม่อยู่จะเสียเวลาเปล่าๆ”
“ท่านไม่อยู่ผมก็กลับ ไม่เห็นจะเสียเวลาอะไรเลย พอดีผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะขึ้นมา”
“แปลว่าไม่ได้ตั้งใจมาหา งั้นก็กลับไปเลย ไป!!..”
“อ้าว!!.. ไอ้หมอนี่.. อารมณ์เสียหงุดหงิดเหมือนคนวัยทองเลยโว้ย!!.. เจอหน้ายังไม่ทันคุยก็ไล่กลับ ทะเลาะกับคุณวีมาหรือไงวะ!!..”
“เปล่า..” น้ำเสียงอ่อนลง “อารมณ์เสียเรื่องงานนิดหน่อย แวะมาหามีธุระอะไรรึเปล่า”
“ฉันเป็นเพื่อนแกนะโว้ย!!.. มาด้วยความคิดถึงไม่ได้รึไง!!..”
“ก็แค่ผ่านมา ไม่ได้ตั้งใจมาหา จะเรียกว่าคิดถึงได้ไงวะ!!..”
“เฮอะ!!.. จะบอกอะไรให้นะ ฉันผ่านหน้าสำนักงานแกเกือบทุกวันแหล่ะ ที่ขึ้นมาหาวันนี้เพราะคิดถึงจริงๆ ไม่งั้นก็คงไม่เสียเวลาแวะหรอก..”
“ขอบคุณนะครับ ท่านคาเบะ อุตส่าห์เสียสละเวลางานที่มีค่าแวะขึ้นมาหาเพื่อน ได้เห็นหน้าแล้วเป็นไงครับ หายคิดถึงรึยัง..”
กรัณย์กรหัวเราะ นั่งเอกเขนกอย่างสบายใจ
“ยังว่ะ.. ถ้าฉันตอบว่าหายแล้ว แกก็จะตอบว่า หายคิดถึงแล้วก็กลับไปซะ!!.. ฮะ ฮะ ฉันรู้หรอกน่า ฉันไม่ยอมถูกไล่เป็นครั้งที่สองแน่”
เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เจอเจ้าคาเบะทีไร กว่าจะเข้าเรื่องได้ ต้องต่อปากต่อคำกันก่อนทุกครั้ง
“ตกลงมานี่ไม่มีธุระใช่มั้ย..”
“ผมแค่อยากมาดูหน้าท่านประธานเตชิตว่าเบิกบานแค่ไหน ตั้งแต่มีครอบครัวเป็นของตัวเอง มีคนรักและลูกชายตัวน้อยน่าฟัดน่ากอดอยู่ข้างๆ คงกลับบ้านเร็วทุกวันซีนะครับ ท่าน..”
เตชิตระบายยิ้มเมื่อนึกถึงคนรักและลูกน้อยที่อยู่ที่บ้าน
“เออซีวะ!!.. อิจฉาล่ะซี..”
“ผมไม่อิจฉาหรอกครับ ผมดีใจด้วยต่างหาก” ร่างสูงโปร่งขยับเข้ามากระซิบ
“ว่าแต่.. คุณวีเป็นยังไงบ้าง เทียบกับสาวๆ ที่ผ่านมาของแกได้มั้ยวะ!!...”
“เรื่องอะไร!!..”
กรัณย์กรทำหน้าเนือย
“เรื่องทำกับข้าวมั้ง โธ่เว้ย!!.. แกก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ยังจะมาย้อนถาม”
“แกนี่มันสอดรู้จริงนะ!!.. ไม่ต้องคิดเอาใครมาเทียบกับเขาเลย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่เขาเป็นคนที่ฉันรัก ไม่ว่าสาวคนไหนที่ผ่านมาก็เทียบไม่ได้อยู่แล้ว..”
“สุดยอด!!!..” กรัณย์กรตบโต๊ะดังปัง!!.. สะใจกับคำพูดของเพื่อน
“ขอแสดงความยินดีด้วย เพื่อนรัก.. แกผ่านบทเรียนการเบี่ยงเบนทางเพศได้สำเร็จแล้ว แกสามารถเรียนรู้และเข้าใจความรักระหว่างชายกับชายโดยไม่ได้ขอคำชี้แนะจากฉันเลย ฉันนับถือแกว่ะ ทาโร่.. ”
“ไอ้!!...” เตชิตชะงักคำสบถ มองกรัณย์กรตาเขียว “ว่างมากหรือไงวะ!!.. ไม่มีคดีว่าความหรือไง!!..”
กรัณย์กรหัวเราะร่วน ไม่สนใจอาการหัวเสียของเพื่อน ย้อนถามหน้าระรื่น
“งั้นแกก็คงรู้แล้วใช่มั้ย.. ว่าความรักระหว่างชายกับชาย หอมหวานไม่น้อยกว่าคู่รักชายหญิงเลย”
คิ้วเข้มขมวด คำถามของเพื่อนจี้ให้เตชิตรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
“ไม่ตอบโว้ย!!.. ไม่ต้องมาถาม!!..”
กรัณย์กรหรี่ตามองเพื่อน
“ไม่ตอบเพราะไม่อยากให้รู้ หรือตอบไม่ได้เพราะไม่รู้วะ..”
เตชิตนั่งนิ่งสีหน้าขรึม กรัณย์กรก็รู้เหตุผลที่เพื่อนไม่ตอบ
“แปลว่าแกกับคุณวียังไปไม่ถึงไหนล่ะซี.. อยู่ด้วยกันตั้ง 3 เดือนแล้วนะเฟ้ย!!.. ใจเย็นเกินไปรึเปล่า..”
“ฉันไม่ได้ใจเย็น วีเขายังไม่พร้อม เขาต้องการเวลาให้แน่ใจว่าทั้งฉันและเขาต้องการใช้ชีวิตอย่างคนรักกันจริงๆ ”
กรัณย์กรพยักหน้าหงึก
“สมกับเป็นคุณวีจริงๆ แล้วตัวแกล่ะ!!.. มั่นใจรึยัง..”
“ฉันรับโมจิเป็นลูกบุญธรรมเพราะอยากใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกับเขา ฉันมั่นใจตัวเองตั้งแต่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
“งั้นคนที่ไม่มั่นใจคือคุณวี.. คุณวีรักแกอย่างคนรักจริงๆ แต่เขาไม่แน่ใจความรักระหว่างผู้ชายด้วยกัน เขาไม่เชื่อว่าผู้ชายสองคนจะอยู่เป็นครอบครัวตลอดรอดฝั่งได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องหาทางแก้ปัญหาที่ตัวคุณวี..” กรัณย์กรวิเคราะห์ปัญหาสีหน้าจริงจัง
“เขาถึงต้องการเวลาไง..” เตชิตคลายความขุ่นเคืองลงเมื่อเพื่อนใส่ใจกับเรื่องส่วนตัวของเขาด้วยความหวังดีมากกว่าสอดรู้
“แต่การปล่อยเวลาเนิ่นนานโดยไม่ทำอะไรเลย เกิดมีสาวสวยมาปิ๊งคุณวี อาจทำให้คุณวีเปลี่ยนใจง่ายๆ นะโว้ย!!..”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง รวบรัดขืนใจเขางั้นเหรอ..”
“ไอ้บ้า!!..” กรัณย์กรด่าเพื่อนน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“เป็นพระเอกไม่ชอบ อยากจะกลายเป็นจอมโจรหรือไงวะ!!.. ที่แกต้องทำคือสร้างความมั่นใจให้คุณวีโว้ย ไม่ใช่ไปขืนใจ!!..”
“ยังไง?”
“ฉันมีวิธี แค่แกเอ่ยปากขอให้ฉันช่วย ” กรัณย์กรยักคิ้วให้เพื่อน
เตชิตแค่นยิ้ม
“ความรักของฉัน ต้องขอให้แกช่วยถึงจะสมหวังงั้นหรือวะ..”
“แปลว่าจัดการเองได้งั้นซี.. ก็ตามใจ!!.. ฉันแค่อยากให้แกสมหวังกับคุณวีเร็วๆ เท่านั้น” กรัณย์กรลุกขึ้นยืน
“ผมขอตัวกลับดีกว่า ไม่อยากกวนเวลางานของท่านประธาน..”
เตชิตลุกตาม
“เฮ้ย!!.. อะไรวะ!!.. มาก็ไม่ได้นัด คุยยังไม่จบก็จะกลับ!!..”
“อ้าว!!.. มีอะไรจะคุยอีก ฉันแค่แวะมาถามทุกข์สุขของแกกับคุณวี หมดเรื่องแล้วไม่อยากกวนเวลางาน”
“แกหมดเรื่องแต่ฉันยังไม่หมด” เตชิตยิ้มเหี้ยม
“ถ้าแกไม่บอกวิธีสร้างความมั่นใจให้วี รีบเอาเงิน 3 แสน มาคืนฉันภายใน 3 วัน”
กรัณย์กรอ้าปากจะโวย แต่ไม่ทันเสียงตะคอกของเพื่อน
“ไม่ต้องโวย!!.. หนี้ 2 แสน อุตส่าห์ตัดเป็นค่าทนายให้แล้ว ทั้งที่การชนะคดีของวีไม่ใช่ฝีมือแกเลย เหลืออีกแค่ 3 แสน แทนที่จะจ่ายให้หมด กลับทำเฉย จะเหนียวหนี้ไปถึงไหนวะ!!..”
กรัณย์กรยิ้มแห้ง ล้วงกระเป๋าหยิบนามบัตรหนึ่งใบยื่นส่งให้
“พรุ่งนี้ 6 โมงเย็น เจอกันที่ร้านอาหารนี้ พาคุณวีกับโมจิไปด้วย”
“อะไร!!.. ให้พาวีไปด้วยจะคุยได้ยังไง!!.. ทำไมไม่คุยตอนนี้”
“วิธีของฉันไม่ต้องคุยโว้ย!!.. แค่ให้ดูอะไรบางอย่าง คืนพรุ่งนี้แกเตรียมรุกคืบได้เลย ถ้าคุณวีไม่ใจอ่อน ฉันยอมให้แกเตะ ฮะ ฮะ ฮะ แล้วเจอกันโว้ย~~ ”
กรัณย์กรกลับออกไป ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งเอกเขนกสีหน้าครุ่นคิด พลิกนามบัตรที่อยู่ในมือดูชื่อร้าน
…มีอะไรให้ดูที่ร้านอาหารนี้.. ถ้าชวนไปดูตลกล่ะก็ แกถูกเตะแน่!!..