เสียงเปิดประตูทำให้เจ้าของร่างเพรียวต้องหยิบผ้าเช็ดตัวมาปิดร่างทันที ใบหน้าสวยหันไปอย่างตกใจ
" ..ค้างเหรอ? "
"อืม...ก็ เอ่อ ไหนๆก็อาบน้ำกินข้าวแล้ว ก็นอนที่นี่เลย ส่วนเสื้อผ้า ..."ร่างสูงยกมือเชิงให้อีกฝ่ายรอซักครู่ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วหยิบเอาเสื้อนอนของตัวเองมาให้กับอีกฝ่าย
"เอาของพี่ไปใส่ก่อนก็ได้"
" อืม..งั้นก็ได้ " มือเรียวหยิบเสื้อนอนจากมือของอีกฝ่าย พยายามไม่มองใบหน้าคมนั้น
"เป็นอะไร..." ทินกฤตจับหน้าของอีกฝ่ายให้หันมามองหน้าของตัวเอง
" ผม..กลัว..ถ้าพี่เจนรู้ล่ะ? "เสียงของเด็กหนุ่มเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
คำพูดของจุนเจือทำให้ทินกฤตถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มดึงร่างเล็กกว่าเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขาไม่รู้จะปลอบอีกฝ่ายอย่างไรดี
"พี่ขอโทษนะเจือ..." เสียงทุ้มของทินกฤตเองก็แสดงออกได้ถึงความกังวลใจที่มีมากไม่แพ้กัน
มือที่จับชายผ้าขนหนูแน่นปล่อยมันลงกับพื้นห้อง ก่อนจะโอบรอบแผ่นหลังกว้าง ..เขาจะทำอย่างไรดี กับเรื่องนี้ ...
ทินกฤตขยับถอยออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจูบเบาๆลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย แล้วถอยออกมา ร่างสูงยิ้มเสียจนตาหยี
"มัดจำไว้ก่อน ... ขืนตอนนี้ มีหวัง เจนได้รอกินข้าวทั้งคืน" พูดพลางก็มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย
"ทำแบบนี้...ยั่วพี่ชัดๆ รู้ตัวบ้างไหม"
" เปล่ายั่ว..เฮ้ย! "พอมองตามสายตาอีกฝ่ายไปนั่นแหละถึงได้รู้ตัว เด็กหนุ่มรีบดึงผ้าขนหนูขึ้นพันรอบเอว ก่อนจะชี้ไปที่ประตู
" รีบๆออกไปเลย "
"อ้าว...ก็ตัวเองทำผ้าหลุดเอง ... " ไม่วายทินกฤตยยังแหย่อีกฝ่าย เพียงเพราะไม่อยากให้จุนเจือต้องมาจับจดคิดกับอะไรที่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหาทางออกไปไม่ได้ ก็เท่านั้น
เด็กหนุ่มแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปเสียทันที ปล่อยให้พี่เขยยืนอยู่ตรงนั้น
++++++++++++++++
ร่างสูง พิงเข้ากับขอบประตูเหมือนจะหมดแรง มือหนึ่งยกขึ้นกุมขมับ แค่เพียงเห็นร่างบางของจุนเจือเมื่อครู่เขาก็แทบจะอดทนเอาไว้ไม่ได้แล้ว แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะอดทนไม่ทำอะไรอีกฝ่าย ภายในบ้านหลังนี้ หรือที่อื่นๆได้อีกนานไหม ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ในเมื่อความสัมพันธ์มันเป็นไปในรูปแบบนี้แล้ว ก็คงจะต้องอดทนด้วยกันทั้งสองฝ่าย
....เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าระหว่างตัวเองกับจุนเจือนั้น ใครจะเป็นฝ่ายที่อดทนได้มากกว่ากัน...กับความกดดันที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในตอนนี้ ...
++++++++++++++++
จุนเจือตัดสินใจบอกกับทางบ้านว่าจะกลับไปอยู่ที่คอนโดหรูกลางเมืองที่ซื้อเอาไว้เพื่อความสะดวกในการไปเรียนหนังสือ ระหว่างที่กำลังทานอาหารเย็นกันพร้อมหน้าทั้งพ่อ แม่ พี่สาวและ..สามีของเธอ เด็กหนุ่มที่พยายามเลี่ยงที่จะมองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันนั้นทำให้เจนสุดาเสนอให้สามีเพียงในนามมาช่วยน้องชายของเธอขนของกลับไปอยู่ที่คอนโดด้วยเหตุผลง่ายๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคัก
...เผื่อว่าเจือจะได้รู้สึกดีกับเทียนมากขึ้นไง..เพราะเหตุนี้ในช่วงสายๆของวันอาทิตย์รถเอสยูวีสีดำจึงมาจอดรับน้องภรรยาพร้อมกับช่วยกันยกของไปอีกกระเป๋าใหญ่ๆ และกล่องใส่ของอีกหลายใบ แม้ว่าอยากจะยิ้มเริงร่าให้ใจจะขาด แต่จุนเจือก็เลือกที่จะทำหน้ามุ่ยใส่พี่เขยต่อหน้าทุกคนเช่นเดิม ส่วนทินกฤตเองก็พยายามที่จะทำดีในแบบที่ “พี่เขย” ควรจะทำ
คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองติดสถานีรถไฟฟ้าคือที่หมายของพวกเขา ข้าวของถูกลำเลียงลงจากรถโดยมีพนักงานช่วยเหลือเป็นอย่างดี สุดท้ายข้าวของทั้งหมดก็ถูกลำเลียงเข้ามาในห้องพักหรูชั้นเกือบจะบนสุดซึ่งชั้นนั้นมีห้องพักเพียงแค่สี่ห้องเท่านั้น คีย์การ์ดในมือเรียวนั้นรูดลงกับระบบรักษาความปลอดภัยหน้าห้อง และเมื่อประตูเปิดออก ไฟฟ้าก็ทำงานโดยอัตโนมัติ โชคดีที่ได้แจ้งให้ทางบริษัทที่ดูแลคอนโดแห่งนี้ทราบก่อนแล้ว แม่บ้านจึงมาทำความสะอาดรอไว้แล้ว แต่ทั้งพี่เขยและน้องเมียก็ต้องมาช่วยกันจัดวางของต่างๆจนเรียบร้อย ซึ่งกว่าทำเสร็จก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายแล้ว
“ เฮ้ออออ .. เหนื่อย หิวด้วย ” จุนเจือนอนบิดขี้เกียจอยู่บนโซฟานุ่ม โดยใช้ตักของทินกฤตต่างหมอน
“ หิวเหรอ?..เอาไงดี ออกไปกินข้างนอกดีไหม? ” พี่เขยเอ่ยชวน มือแกร่งลูบผมนุ่มมือที่ชื้นเหงื่อนั่นอย่างเอ็นดู
“ ไม่อะ..ขี้เกียจ..ออกไปกินข้าวกับพี่ขางนอกก็ต้องมานั่งระวังตัวอีก..จะทำแบบนี้ก็ไม่ได้ ” ร่างบางขยับตัว ลุกขึ้นนั่งแล้วซบกับไหล่แกร่งนั้น
“ จะพูดดีๆกับพี่ ยังไม่ได้เลย ..
ผมก็ไม่ชอบหรอกนะ ที่ต้องมาทำตัวแย่ๆกับพี่ต่อหน้าใครๆแบบนี้ ”
"เราก็ค่อยๆพูดจาดีต่อกันให้มากขึ้นไง วันนี้เจนยังบอกเลยว่าพวกเรา...ญาติดีกันขึ้นมาตั้งเยอะ" ทินกฤตเองก็พยายามที่จะทำให้เป็นเรื่องตลก เขาอยากให้อีกฝ่ายยิ้มทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทาง
"เราเองก็ตั้งใจทำงานให้มากขึ้นซักนิด พี่จะได้ไม่ต้องเดินไปติ แต่เดินไปชม ว่า คนดีของพี่คนนี้ ตั้งใจทำงาน แถมยังเก่ง แล้วก็....น่ารักมากๆเลยไงครับ" ทินกฤตว่า
คำพูดเหมือนหลอกเด็กนั้นบางทีก็ทำให้จุนเจือยิ้มได้บ้าง ในเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ เขาพยักหน้าเบาๆอย่างว่างง่ายก่อนจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้เหมือนเด็กๆอีกครั้ง เพราะว่าไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันถึงได้อยากจะสัมผัสคนที่รักบ้าง
ทินกฤตเองก็กระชับอ้อมแขนโอบรัดร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้เช่นกัน ก่อนจะคลายออกเพราะไม่อย่างนั้นคงจะได้ทำอย่างอื่นแทนที่จะได้กินข้าว จุนเจือจึงรีบกดโทรศัพท์ลงไปสั่งอาหารจากร้านด้านล่าง เมนูประหลาดอย่างข้าวราดหมูผัดซอสไม่ใส่กระเทียมทำเอาทินกฤตต้องหัวเราะออกมา ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็สั่งกระเพราไก่ไข่เจียวมาทาน
มันก็คงมีแต่เวลาที่อยู่ในที่ส่วนตัวแบบนั้นเท่านั้นที่จะได้แสดงออกต่อกันฉันท์คนรัก เมื่อออกจากประตูห้องนี้ไป พวกเขาก็เป็นได้เพียงแค่พี่เขยกับน้องเมีย ที่ไม่มีท่าทีว่าจะลงรอยกันได้
..บทบาทนี้คงต้องดำเนินต่อไป ..
...แล้วจุดสิ้นสุดมันอยู่ตรงไหนกันล่ะ?..
++++++++++++++++
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ที่รู้หนทางติดต่อกันอยู่เพียงสองคนดังขึ้น ข้อความนั้นส่งมาจากคนที่ทำงานอยู่ในห้องทำงานของประธานเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน
"ตั้งแต่ได้โทรศัพท์ใหม่นี่ ดังบ่อยจริงนะ ตะดึ้งๆ เนี่ย" เก่งเดินผ่านมาแซว ในกระเป๋าเหมือนจะแบกอะไรมาจนกระเป๋าตุงไปหมด
" ยุ่งน่า..แล้วมึงจะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนบ้านใครวะ แปลกๆนะช่วงนี้ " นิ้วเรียวชี้ไปที่กระเป๋าเป้ของเก่ง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดอ่านข้อความ
"....... "เก่งยิ้มกว้าง
"ใครว่าแปลก...เขาเรียกปรกติ ก็หาเวลาอยู่กับแฟนบ้างอะไรบ้าง" เก่งว่าพลางยิ้ม ท่าทางของหนุ่มเหนือ แต่ผิวพรรณปานจะแหล่งใต้นั้นดูจะมีความสุขอยู่ไม่น้อยที่ได้พูดอะไรออกไปตรงๆ
" อ่อ..พี่ศักดิ์ชัยเขารับเป็นแฟนแล้ว? "ริมฝีปากบางยิ้มแหย่ พลางกดข้อความตอบกลับไป
"เอ้ย...เบาๆหน่อย ในบริษัทก็ไว้หน้าพี่เขาอ่ะ...ก็..เออ ก็คบกัน " เก่งแทบจะตะปบปากของจุนเจือ ก่อนจะกลับมาเป็นอ้อมแอ้มตอบด้วยท่าทีเขินๆ ไม่ได้จีบใครมาเกือบปี จะมีก็คนนี้ที่สนใจจริงๆ
" เออ..กูไม่พูดมากหรอก..ช่วยปิดให้ก็ได้ " จุนเจือยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน นึกอิจฉาเก่งอยู่ไม่น้อยที่ตามจีบศักดิ์ชัยได้สำเร็จ และถึงแม้จะเปิดเผยไปทั่วอย่างบาสไม่ได้ ก็ยังดูมีความสุขดี
++++++++++++++++
ข้อความตอบกลับมา ทินกฤตขยับนิ้วเลื่อนดูข้อความนั้นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ พลางหันไปมองดูนาฟิกาเพื่อคำนวณเวลาที่เขาจะได้ขับรถกลับไปให้ถึงบ้านก่อน ที่จุนเจือจะตามไปทีหลังด้วยแอร์พอร์ตลิงค์ วันนี้พวกเขานัดกินข้าวกันที่บ้าน ...เรือนหอ...ของเขากับเจนสุดา
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารู้ดีว่าที่ทำอยู่ในตอนนี้มันผิด ถึงแม้ว่าเขากับเจนสุดาจะเป็นเพียงสามีภรรยากันตามเอกสาร แต่กระนั้น จุนเจือก็ยังเป็นน้องชายของเจนสุดา ถึงแม้เขาจะไม่เคยไปตกปากรับคำอะไรไว้ว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับจุนเจือ แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าเจนสุดารักและเป็นห่วงน้องมากแค่ไหน จากสถานการณ์ของเจนสุดาเองแล้วเขาคาดเดาได้ว่าเธอเองก็คงไม่ต้องการให้น้องชายมาดำเนินรอยตาม การเป็น....พวกรักร่วมเพศ.... ในสังคมที่ปิดแบบนี้นัก และตัวเขาเองก็รู้ดีว่ามันมีแต่เจ็บ...กับ...เจ็บ เท่านั้น
และเมื่อดูท่าทางของจุนเจือที่เปลี่ยนไปมันยิ่งทำให้เขารู้สึกทรมาน...เด็กหนุ่มคนนั้นเคยร่าเริงสดใส ยิ้มและหัวเราะ...แม้ส่วนใหญ่จะเป็นยิ้มเยาะเขาก็ตามที แต่อย่างน้อย อีกฝ่ายก็ยังยิ้มได้...เขาคิดว่ามันมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้จุนเจือดูสงบปากสงบคำลงไปมากต่อหน้าใครต่อใคร และนั่นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกดีนัก หากจะรัก แล้วทำให้ใครบางคนที่เขารัก ต้องเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
++++++++++++++++
เสียงออดหน้าประตูบ้านดังขึ้น ขณะที่เจนสุดากำลังเตรียมอาหาร หญิงสาวขานรับมาแต่ไกลก่อนจะวิ่งทักๆมาเปิดประตูบ้าน
" อ้าว เจือ! .. มาได้ยังไงเนี่ย ทำไมไม่บอกก่อน " เสียงหวานของพี่สาว ทุกครั้งทำให้เด็กหนุ่มมีความสุข แต่วันนี้เขากลับต้องปั้นหน้ายิ้ม ก่อนจะโผกอดพี่สาวของตน
" ก็เซอร์ไพรซ์ไงฮะ เจือคิดถึงพี่จังเลย~ "คำพูดที่เอ่ยออกมาให้กับพี่สาวของตน หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมองเข้าไปด้านใน ทินกฤต..คนรักของเขากำลังยืนถือหนังสือพิมพ์ ทั้งคู่สบตากัน เด็กหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่าย..ลับหลังพี่สาวของตน
"วันนี้มีตัวยุ่งมากินข้าวด้วย สงสัยเจนต้องทำกับข้าวเพิ่มแล้วไหมล่ะ" เสียงทินกฤตดังมาจากด้านหลังทำให้แม่ครัวอย่างเจนสุดาอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"เอ้อ นั่นซี่...พอไหมนะ..." ร่างเพรียววิ่งเข้าไปในห้องครัวก่อนจะได้ยินเสียงโวยวายดังออกมา
"ไม่พอ...อ๊าย...มีแต่ผัก ผัก...เจือไม่กินผัก โอย ตาย" เสียงเจนสุดาว่าพลางรีบเปิดตู้เย็นหาเนื้อสัตว์อะไรก็ได้ออกมาทำซักเมนู
" พี่เจน..ให้เจือช่วยไหม? "เด็กหนุ่มเดินผ่านหน้าของพี่เขยเพื่อจะตามพี่สาวเข้าไปในครัว
"ช่วยเหรอ ... อืม...อืม...ไม่เอาอ่ะ เจือช่วยได้ทำกะทะพี่ไหม้กันพอดี" เจนสุดาว่าพลางโบกมือไล่
"โน่นๆ ไปนั่งดูหนังดูการ์ตูนรอก่อนไป เสร็จแล้วจะเรียกมาช่วยยก..."
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งพี่เขยร่างสูงและจุนเจือจะได้เดินไป "ดูหนังดูการ์ตูน" ตามที่เจนสุดาว่า เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเจนสุดาที่เป็นเพลงการ์ตูนเรื่องเงือกน้อยก็ดังขึ้น
หญิงสาวรีบดับไฟหน้าเตา ทิ้งมีดที่เตรียมจะสับกระเทียม รากผักชี และหั่นไก่ ไว้วิ่งไปรับโทรศัพท์ทันที
"ขาค่ะ ชะอุ้ย บงชูร์ เมอร์ซิเออร์ฌาร์ค..."หญิงสาวเอ่ยเป็นภาษาฝรั่งเศสทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เป็นดีไซเนอร์คนที่เธอเคยไปขอคำแนะนำเรื่องการดีไซน์เมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง
มือเรียวกวักรัวๆ เรียกทินกฤตให้มาหา อีกมือก็ป้องลำโพงโทรศัพท์เอาไว้
"เดี๋ยวเทียนช่วยเจนหั่นกระเทียม รากผักชีแล้วหมักไก่ไว้หน่อยได้ไหม....ใส่ซอสที่วางไว้นั่นล่ะ...สายนี้คงนานหน่อย...เดี๋ยวลงมานะ" ว่าแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นสองเพื่อคุยธุระทันที
++++++++++++++++
"อะไรของเขา ซีๆหวีๆ แล้วก็ไปวุ้ย..." ทินกฤตขำออกมากับภาษาฝรั่งเศสที่ตัวเองไม่เข้าใจ
" ตาลุงนั่นเป็นคนที่พี่เจนนับถือเป็นอาจารย์เลยนะ .. ลองโทรมาแบบนี้ คงอีกนานกว่าจะได้กิน .. หิวแล้วด้วย " เด็กหนุ่มมองตามพี่สาวขึ้นไปด้านบนก่อนจะลูบท้องตัวเอง แน่ล่ะ กว่าจะคำนวนเวลานั่งแอร์พอร์ตลิ้งมาถึงที่นี่ให้ทันเวลาอาหารเย็น ทำให้เขาอดกินขนมตอนเย็นเลยทีเดียว
" ว่าแต่..ไม่ยักรู้ว่าพี่เป็นผู้ช่วยพี่เจนทำกับข้าวด้วย แล้วผมจะกินได้ไหมเนี่ย? "จุนเจือยิ้มเยาะอีกฝ่าย ก่อนจะมองเข้าไปในครัว
"ก็พอทำได้บ้าง ง่ายๆ... มาซี่มาช่วยกัน รอเจนลงมาทอดก็ได้ แต่ถ้านานนักพี่นี่ล่ะจะเป็นพ่อครัว ทำ....ไก่ทอดให้เรากิน" ทินกฤตหันไปดูเนื้อสัวต์ที่เจนสุดาเตรียมไว้ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี ไม่วายขโมยหอมแก้มอีกฝ่ายเสียหนึ่งที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องครัว
"เจือหั่นกระเทียม กับรากผักชีนะ เดี๋ยวพี่หั่นไก่" ชายหนุ่มถือเขียงกับมีด และตะกร้าเล็กๆที่เจนสุดาจัดผักไว้เป็นชุดๆ ยกไปให้อีกฝ่ายใช้เคาท์เตอร์อีกด้านหนึ่งหั่น ส่วนตัวเองงก็ยึดพื้นที่เคาท์เตอร์ใกล้ๆกับเตาในการหั่นไก่
" กินได้แน่นะ? "เด็กหนุ่มยังไม่วายแหย่ก่อนจะหยิบเอาสิ่งที่เรียกว่ารากผักชีมาหั่น มือเรียวท่าทางไม่คุ้นเคยกับการจับมีดทำอาหารหั่นรากผักชีแต่รากมันแข็งก็เลยไม่ถนัดเท่าไหร่
"กินได้ซี่" ทินกฤตก็พอจะมั่นใจในการทำอาหารอยู่ไม่น้อย จากการที่คอยเป็นลูกมือให้เจนสุดาอยู่ในหลายๆวัน
ก่อนจะหันไปมองคนรักที่เข้าทำครัวทั้งๆที่อยู่ในชุดนักศึกษา รูปร่างผอมสูงโปร่งที่มองจากด้านหลังนั้น กำลังก้มๆเงยๆ พยายามหยิบรากผักชีมาเรียงเข้าเพื่อที่จะได้หั่นให้ได้ตามที่ว่าเอาไว้แต่ก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นไปตามที่คิดซักเท่าไรนัก เห็นท่าทางที่พยายามจะหั่นผักของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องส่ายหน้าแล้วเดินไปช้อนจากทางด้านหลัง สองมือใหญ่จับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ พลางเกยคางไว้กับไหล่ของจุนเจือเพื่อที่จะได้มองเห็นว่ากำลังจะหั่นตรงไหน
"เขาหั่นกันแบบนี้...เป็นบ้างไหมเนี่ย " ว่าพลางก็กระชับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ แล้วค่อยหั่นกระเทียมออกเป็นชิ้นเล็กๆ
สัมผัสจากอกกว้างที่ซ้อนมาจากด้านหลัง กับมืออุ่นๆที่จับมือของเขาเพื่อสอนหั่นกระเทียมทำให้เด็กหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้
" ก็ทำไม่เป็นน่ะสิ "
"ต้องให้สอนให้หมดเลยใช่ไหม" ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ พลางช่วยหั่นไปเรื่อย ก่อนเหลือบเห็นต้นคอขาวเนียนที่โพล่พ้นปกเสื้อเชิ๊ตนักศึกษาของอีกฝ่ายออกมา ก็อดที่จะขยับเข้าใกล้อีกนิดเพื่อแตะริมฝีปากลงบนผิวขาวๆนั่นไม่ได้
" อะ..ทำอะไรเนี่ย? "เสียงร้องห้ามเบาๆเมื่ออีกฝ่ายสัมผัสเขาทั้งๆที่ยังอยู่ในครัวแบบนี้
"ไม่ได้เหรอ..." เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู จุนเจือได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึก
มือแกร่งที่ช่วยจับมีดให้กับเด็กหนุ่มอยู่นั้น ค่อยๆเลื่อนให้เด็กหนุ่มวางมีดออกไปให้ไกลตัว เช่นเดียวกับ เขียงที่ใช้หั่นผักนั้นก็ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน
ทินกฤตค่อยจับให้อีกฝ่ายหันหน้ามาหา พลางขยับเข้าแตะริมฝีปากกับริมฝีปากบางของจุนเจือเบาๆแล้วละออกมา
++++++++++++++++
talk : ยังไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ..เป็นกำลังใจให้พี่เทียนกับน้องเจือด้วยนะคะ