ระหว่างวัน ที่สมปองไปช่วยลุงเล็กยกถุงใส่ปุ๋ยอยู่นั้นก็เห็นพศวัตรับโทรศัพท์ พลางเดินคุยไปท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย แต่ก็เปลี่ยนสีหน้า เป็นถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ได้ยินเลาๆว่า จิ๊บคงของลาหยุดจนตอนเย็นของวันนั้นเองระหว่างที่กำลังจะทานข้าวกับนมใหญ่ลุงเล็ก และ สาวใช้คนอื่นๆ พศวัตก็เดินเข้ามาบอกว่าให้เขาพร้อมไปทำงานในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตีห้าของวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงร้านกาแฟของรามินทร์ซึ่งเจ้าของตัวจริงและเชฟมืออาชีพของร้านก็ดูจะไม่ติดต่อมาเลย พศวัตได้ยินจากมารดาว่าน้องชายจะขออยู่กับกตัญญูไปอีกซักสองสามวัน
"แล้วเราก้จะขายกาแฟกับแซนวิซ....กันสองคนเหรอครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยพลางรอให้พศวัตเปิดหลังรถ เด็กหนุ่มยกห่อขนมปังที่จะใช้ทำแซนวิซหลายห่อลงมาจากรถแม้จะเคยเปิดร้านกันมาแล้ว...สาม...คน แต่คราวนี้...สองคน...สมปองไม่คิดว่ามันจะเป็นงานที่ง่ายนัก
"อืม ก็ต้องแบบนั้นแหละ เปิดร้านกันสองคนนี่หว่า" พศวัตว่าแล้วเปืดประตูร้าน เขาจัดครัวให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมทำแซนวิช ก่อนจะหยิบชอล์คไปเขียนที่กระดานหน้าร้านว่าทางร้านสามารถขายได้เพียง กาแฟ กับแซนวิชเท่านั้น มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อง่ายแก่การเข้าใจ
"ถ้ามีฝรั่งมาคุณแมกซ์รับแขกแทนผมด้วยนะครับ...ตอนนี้แค่หน้าก็ไม่รับแขกแล้ว" เด็กหนุ่มว่าพลางชี้หน้าตัวเอง
"ผมคงทำภาพลักษณ์ของร้านระเนระนาดไปหมดแล้ว...ขอโทษครับ" วันนี้ทั้งวันสมปองคิดว่าจะหลบหน้าตัวเองอยู่หลังเคาท์เตอร์เพื่อชงกาแฟอย่างเดียวเสียด้วยซ้ำ
"งั้นก็ชงกาแฟดีๆล่ะ พี่ดูหน้าร้านให้ "พูจบก็ยิ้มให้อีกฝ่าย ราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรเลย
++++++++++++
"เมื่อวานพี่จิ๊บโทรหาคุณแมกซ์เหรอครับ...." เด็กหนุ่มเอ่ยหลังจากยืนนิ่งอยู่ที่หน้าตู้ใส่น้ำแข็งอยู่นาน เขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้โทรสั่งน้ำแข็งอีกแน่
"ลาน่ะเสียงดูไม่ค่อยดีเลย "เจ้าของร้านตอบกลับมา แต่ในใจรู้ดีว่าเสียงแบบนี้คงทะเลาะกับก้องภพเป็นแน่ อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะถูกก้องภพทำอะไรไปหรือเปล่า
"ผมว่าเรื่องเดิมๆแหง..."คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเดินไปเช็คเครื่องทำกาแฟถอดอุปกรณ์ออกมาล้างทำความสะอวดเพราะเห็นว่าไม่ได้เข้าร้านมาหลายวัน
"คงทะเลาะกับแฟนเหมือนเดิม"
"คุณก้องเองก็แปลกคน...ตอนแรกๆนะมาทุกกกกกกก วัน หิ้วปิ่นโตมาให้พี่จิ๊บอยู่ได้จนตรงหน้าเคาท์เตอร์นี่นะ กองพะเนิน เหมือนร้านขายปิ่นโตเลย...เหมือนคนจะจีบกันยังไงก็ไม่รู้...เอ๊ะ พี่จิ๊บกับคุณก้องเขาเป็นแฟนกันจริงๆนี่นา......ผู้ชายด้วยกันมันดีตรงไหนนน้อ..." ท้ายประโยคเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่า เด็กหนุ่มพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยระหว่างทำความสะอาด
"เกลียดเหรอ?"
คำถามเพียงคำเดียวสั้นๆไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรของเจ้าของร้าน แต่ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร เพราะเขาได้เดินไปเปิดเตาอบเพื่อเตรียมอุ่นขนมปัง ทำแซนวิช ดวงตากลมโตของสมผองมองตามร่างสูงเข้าไป ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ
"แล้วอะไรจะทำให้ไม่ชอบล่ะครับ"เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเดินตามเข้าไปเปิดหยิบแก้วทรงสูงลงมาเตรียมเอาไว้
"ทั้งหน้าตาดี ทั้งสูง การศึกษาหน้าที่การงานก็ดี มีคนแบบนี้อยู่ใกล้ๆ ถึงจะทำให้ผมรู้สึกอยากมีอยากเป็นแบบเขาบ้างก็เถอะ...แต่ถ้าเขาเป็นคนดี เป็นลูกค้าที่ดีของร้านไม่โวยวายไม่ด่าผมไม่เข้าเรื่องเหมือนเฮียที่ร้านขายของที่ตลาดที่ผมเคยทำงานก็โอเคแล้วล่ะ"เด็กหนุ่มหันมายิ้ม
"แล้วก็นะ มีคนแบบนี้เข้าร้านบ่อยๆ ข้อดีคือมีสาวๆตามมาดูเยอะดี"
"อ่าว แล้วอย่างพี่นี่ไม่มีสาวๆตามมาดูมั่งรึไงวะ?" คำพูดของอีกฝ่ายทำให้พศวัตหัวเราะออกมา แล้วถามถึงตัวเองบ้างแม้จะรู้ตัวดีว่าไม่ค่อยได้เข้ามาที่ร้านช่วงกลางวันก็เถอะ
"ก็ถ้าคุณแมกซ์เข้าร้านช่วงกลางวันบ้างก็คงมีหรอกครับ...คุณแมกซ์เองก็เป็นคนหล่อนี่...บางที อาจจะมีคนตามโดยที่คุณแมกซ์ไม่ทราบก็ได้.."เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้กับอีกฝ่ายพลางเขย่งตัวขึ้นปิดคีพบอร์ดบนที่อยู่สูงขึ้นไป
"ส่วนผมเหรอ ก็ได้แต่ชะเง้อชะแง้เป็นหมาเห่าเครื่องบินไปเรื่อย... จะว่าไปแถวๆนี้ก็คงไม่มีสาวไหนมามองผมหรอกครับ มีแต่พี่สาวสวยๆทั้งนั้น"
"เดี๋ยวก็มีว่ะ เชื่อพี่" ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้อีกฝ่าย
...อย่างน้อยก็พี่ล่ะวะ...
"โหย คุณแมกซ์อย่ามาพูดให้ผมลอยเล่นหรอก... ใครมันจะมาเอา แบบผมเนี่ย...ดำก็ดำ โง่ก็โง่ สมองช้า...เรียนจบแค่ ม.สาม...นี่รอดตายมาถึงตอนนี้ได้ก็บุญแล้วแบบผมน่ะ" หน้าช้ำๆของสมปองแดงขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดแบบนั้นของพศวัต อย่างเขาหรือจะจินตนาการหาใครมาเป็นแฟนได้... เด็กหนุ่มหยิบแก้วลงใส่ถาดแล้วยกเดินออกไปด้านนอกอย่างชำนาญ
++++++++++++
ถึงจะปรับมาขายแค่แซนวิซกับกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆ แต่ด้วยความที่มีลูกค้าขาประจำอยู่ไม่น้อยทำให้ทั้งวันที่เปิดร้านโดยเฉพาะช่วงเที่ยงกับช่วงเย็นหลังเลิกงานของสาวๆออฟฟิศทั้งหลายนั้น มีแขกเข้ามาใช้บริการอยู่จนทั้งสองคนแทบจะไม่ได้หยุดพักทำอะไร สุดท้ายก็ปิดร้านลงช่วงหกโมงตามที่ได้กะเอาไว้ว่าจะเป็นช่วงที่ลูกค้ากลับบ้านกันหมดแล้ว สมปองเดินมารูดผ่าม่านตรงบานกระจกลงทั้หมด ร้านที่มีเพียงแค่เขากับเจ้านายร่างสูงดูเงียบและกว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพลางถอนหายใจ ก้มลงมองมือตัวเองแผลที่มือเริ่มตกสะเก็ดและแผลในปากก็เริ่มดีขึ้น มันไม่เจ็บเท่าไรแล้วเวลาพูด
"เฮ้อ...เฮียแมนมาได้ด่าอีกยกใหญ่แน่เลย"
"ก็ไปทำอะไร หาเรื่องเจ็บตัวเองนี่ โดนพี่ด่าไปยกหนึ่งแล้วโดนไอ้แมนอีกรอบจะเป็นไรไป " เจ้าของร้านว่า หลังจากที่พวกเขาเก็บของเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะปิดครัวในวันนี้และอีกหลายๆวันข้างหน้าจนกว่ากตัญญูจะกลับมาก็ตาม พวกเขาก็ขายกาแฟกับแซนวิชไปไม่น้อยเลย
เด็กหนุ่มเบ้หน้า...
...ก็เพราะพี่จิ๊บกับคุณแมกซ์เองนั่นล่ะ...
...ทำผมหงุดหงิดเองนี่....
"ผมอยากได้เงิน ผมก็บอกไปแล้วอ่ะ.....คุณแมกซ์ยังโกรธผมใช่ป่ะ"
"ทำไมจะต้องโกรธซ้ำซากด้วย พี่ลืมไปหมดแล้วโว้ย แต่อย่าทำอีก โอเค? "มือแกร่งดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
" อะ กลับบ้านได้แล้ว "
"จะไปไหนอ่ะครับ ผมก็นอนนี่ ถูกแล้ว.."เด็กหนุ่มยื้อแขนเอาไว้
"อีกอย่างกว่าจะออกจากบ้านคุณแมกซ์มาทุกวัน ก็แทบจะต้องออกจากนั่นกันตั้งแต่ตีสามครึ่งด้วยซ้ำ...ผมนอนที่นี่ดีกว่า เปิดร้านเตรียมของไว้ให้คุณแมกซ์เลยดีกว่า"
"ไม่อะ กลับด้วยกัน นมใหญ่เขาทำกับข้าวเผื่อไว้แล้ว"มือแกร่งออกแรงดึงขึ้นอีก
"แล้วคุณแมกซ์จะให้ผมไปที่บ้านทำไมครับ?...ผมยังงงเลยนะเนี่ย"เด็กหนุ่มถาม
"ผม....หมายถึงเอ่อ....เมื่อวันก่อนมันฉุกละหุกแล้ว...คุณแมกซ์ก็อุตส่าห์ใจดีแต่..ผมว่ามันไม่เหมาะ"
"แล้วมันไม่เหมาะตรงไหนวะ? เราเจ็บตัว พี่เป็นเจ้านายดูแลแล้วมันไม่เหมาะตรงไหน? "คิ้วหนาขมวดเมื่อ สมปองเถียงเขาอีกครั้ง ซึ่งที่จริงเด็กคนนี้ไม่าเคยคล้อยตามในสิ่งที่เขาพูดหรือบอกเลยซักครั้ง น้องชายแท้ๆอย่างรามินทร์ถึงจะดื้อรั้นเอาแต่ใจบ้างแต่ก็ทำตามที่เขาบอกเสมอ ผิดกับเด็กคนนี้
"งั้นเวลาพี่จิ๊บเจ็บมือทำไมคุณแมกซ์ไม่พาพี่เขาไปบ้านล่ะฮะ.."เด็กหนุ่มถามไปตามตรง
"แล้วมันเกี่ยวกันไหมหะ? ไอ้ก้องมันดูแลไม่ได้รึไง? .. แล้วทำไมต้องพูดถึงน้องจิ๊บด้วย เขาเกี่ยวอะไรด้วยวะ? "
"ก็พี่จิ๊บเขาก็เป็นลูกจ้างที่นี่เหมือนกันนี่ครับ..."เด็กหนุ่มตอบก่อนจะพยายามเดินหนีไปอีกทาง
"อีกอย่าง เฮียแมนเขาก็จ้างให้ผมเฝ้าร้านนี่ด้วย"ไม่รอให้สมปองดื้อไปมากกว่านี้ มือแกร่งของพศวัตดึงแขนที่เป็นรอยช้ำให้ลุกขึ้นแล้วลากให้ไปที่รถทันที มือแกร่งเปิดประตูรถสปอร์ตสีแดงออกแล้วโยนอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน กดลอคจากด้านนอกแล้วเข้าไปปิดร้านด้วยตนเองแล้วกลับมาปลดลอคเพื่อเข้าไปขับรถออกจากร้านไปทันที
"แบบนี้ไม่แฟร์ คุณแมกซ์ แล้วผมผิดอะไรผมถึงจะนอนที่ร้านไม่ได้อ่ะ..." เด็กหนุ่มหันไปประท้วง ดวงตากลมมองคนที่ขับรถให้เขานั่งนิ่ง"ผมไม่ขโมยของไปขายหรอกนะครับ ..."เด็กหนุ่มทำหน้าอ้อนเต็มที่
"พูดมากว่ะ เงียบๆไปเลย"คิ้วหนาขมวดอย่างไม่พอใจก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก ความเร็วของรถทำให้เด็กหนุ่มนั่งเกร็งอีกระลอก พลางโวยวายเห็นอีกฝ่ายขับรถฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัว สองมือจับเข็มขัดนิรภัยมารัดไม่พอยังยึดไว้เสียแน่น สุดท้ายก็มาถึงที่บ้านของพศวัตที่นมใหญ่และลุงเล็กก็ออกมาต้อนรับอย่างดีเหมือนทุกที
"ผม...ไปทานข้าวกับนมใหญ่นะครับ" พอมาถึงบ้านแล้วอาการดื้อดึงดูจะถูกความเร็วของรถทำให้ลดลงไปไม่น้อยสมปองดูสงบปากสงบคำ อีกอย่างเป็นเพราะเกรงใจนมใหญ่ที่เอ่ยปากชวน บวกสายตาปรามว่าไม่ให้เถียงพศวัต "แล้วผมจะไปนอนที่เรือนเล็กห้องเดิมเลยด้วยจะได้ไม่กวนใครอีก "
"ตามใจ"คำตอบสั้นๆนั้นทำให้นมใหญ่รู้สึกได้ว่าคุณชายใหญ่ของบ้านไม่พอใจนัก
"น้อย...ทำไมไปพูดแบบนั้นกับคุณเขาล่ะลูก" นมใหญ่เอ่ยมืออวบหนาวางลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม
"ผมขอโทษครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยพลางยกมือไหว้ ก่อนจะเดินหนีไปอีกทางการมาที่นี่ทั้งๆที่ใจเขายังสับสนกับความคิด หลายๆอย่างทำให้รู้สึกอยู่ไม่สุขนัก เด็กหนุ่มรีบกินข้าวก่อนจะขอตัวเข้าไปในห้องของกตัญญูที่เขาอาศัยนอนเมื่อคืน ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า ไม่มีเสื้อผ้าอะไรติดมานอกจากเสื้อที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นของรามินทร์
"แบบนี้ถึงไม่อยากมาไง...คิดถึงกางเกงมวยที่ห้องเว้ย" อาจเป็ยเพราะยิ่งอยู่ใกล้พศวัตมากเท่าไร กลิ่นหอมๆที่ได้จากตัวของชายหนุ่มร่างสูงนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากจะสูดดมเข้าไปเสียทุกที ทั้งๆที่ อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ทั้งมือใหญ่ที่ตบลงมาบนไหล่ สัมผัสหลายอย่างยิ่งทำให้นึกกลับไปถึงคืนนั้น แต่ทำไมตัวเองถึงยังคาใจอยู่กับเรื่องนี้ เด็กหนุ่มอดที่จะคิดไม่ได้ ทำไมถึงยังติดใจกับคำพูดของอรรถนันท์ ว่าเขาอาจจะกำลังอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า "กำลังชอบ"พศวัตอยู่...แต่ อรรถนันท์ก็ไม่ได้มารู้นี่ว่า คนที่เขาพูดถึงนั้นเป็นใคร ...อาจจะเป็นเพียงแค่คำแนะนำไปตามประสา...เด็กหนุ่มคิดถามตัวเองอยู่อย่างนั้นว่าแล้วเขาจะมาแสดงท่าทางไม่อยากอยู่ใกล้พศวัตไปทำไมที่สำคัญเขาเริ่มจะหมดมุกหาข้ออ้างอยู่ห่างจากอีกฝ่ายแล้วด้วย จนเมื่อยืนนิ่งอยู่นานก็คิดได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรจะใส่กลับออกไปทำงานในเช้าพรุ่งนี้แล้ว เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำพลางซักเสื้อผ้าทั้งหมดของตัวเองมันข้างในนั้นเพราะเห็นว่า หัวค่ำเข้าไปแล้ว สองตายายอวุโสนั่นก็คงจะรีบเข้านอนกันแต่หัวค่ำกันไปเรียบร้อยจึงไม่อยากออกไปรบกวน
"ฮัดเช้ย..." เสียงจามดังขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่ผมเปียกลู่ลงมาปรกหน้าเล็กน้อยที่นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินเอาเสื้อผ้าออกมาตากที่ราวตากผ้าหลังบ้าน สมปองเหลียวมองซ้ายขวา กลัวว่าจะมีคนมาเห็นตัวเองสภาพนี้ แต่ก็มั่นใจว่าหลังบ้านนี่มืดพอที่จะไม่มีใครสังเกต เด็กหนุ่มรีบตากผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปยังห้องของตัวเองหวังจะหลบสายตาเผื่อว่าจะมีใครเดินผ่านไปมา
แต่สมปองคงไม่ได้สังเกตว่าชั้นสองของเรือยนใหญ่ยังคงมีห้องที่เปิดไฟทิ้งไว้อยู่ ซึ่งพศวัตที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็กำลังมองดูเด็กหนุ่มอยู่ตลอดผิวกายที่ขาวขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อมีรอยฟกช้ำย่อมชัดกว่าธรรมดา ชายหนุ่มอดเสียดายผิวที่ดีขึ้นเพราะเขาอุตส่าห์พาไปเข้าสปามาแท้ๆ
สรุปแล้วคืนนั้นเด็กหนุ่มก็ยังนับว่าโชคดีที่ยังมีเสื้อนอนของรามินทร์ช่วยไม่ให้เขาต้องนอนแก้ผ้า เพราะแม้แต่บอกเซอร์ก็ต้องเอาไปซักพร้อมกันกับเสื้อผ้าทั้งหมด
++++++++++++
ตกดึกคืนนั้น พศวัตก็อดไม่ได้ที่จะลงมาเรือนเล็กทั้งๆที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสำหรับนอนแล้ว มือแกร่งถือเสื้อผ้าของรามินทร์มาอีกสองสามชุด แล้วเปิดประตูไม้ของเรือนเล็ก เพื่อตรงไปยังห้องนอนที่เขาให้สมปองใช้ในช่วงนี้
ประตูห้องไม่ได้ล็อกเพราะเคยชินว่าอยู่ที่ร้านก็ล็อกประตูแล้วหลายชั้น ช่วงกลางคืนที่เรือนไม้อากาศอ้าวกว่าที่เคย บรรยากาศชวนให้คิดว่าฝนอาจจะตกลงมาเมื่อไรก็ได้ เด็กหนุ่มผมนอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อน เสื้อที่ใส่อยู่ถูกถอดโยนไปอีกทางเพราะความร้อนเหลือแค่กางเกงนอนขายาวของรามินทร์ที่เกาะบั้นเอวอยู่หมิ่นเหม่ เด็กหนุ่มพาดขาไปทางหนึ่ง ในขณะที่ตัวก็บิดกางแขนมาอีกด้านหนึ่งเป็นท่านอนที่ดูจะผิดธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
ร่างที่เห็นลางๆในความมืดทำให้พศวัตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ชายหนุ่มวางเสื้อผ้าของรามินทร์ไว้ปลายฟูกนอนก่อนจะนั่งลงข้างๆคนที่นอนสบายอยู่ ในเวลาแบบนี้สมปองไม่ได้รู้ตัวเลยว่ายั่วเขาให้เกิดอารมณ์ไปถึงไหนแล้ว คงเป็นเพราะห่างหายจากการออกล่ามาเป็นเวลานานก็เป็นได้ มือแกร่งลูบผมอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะไล้ปลายนิ้วกับแนวโค้งของแผ่นหลังที่เรียบเนียนขึ้นจากตอนแรกที่รู้จักกัน ชายหนุ่มหายใจแรงขึ้นรู้สึกได้ถึงความร้อนภายในกายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสแผ่วเบาที่กลางหลังทำให้เด็กหนุ่มขยับบิดร่าง หันกลับมานอนหงาย เผยให้เห็นแผ่นอกเปลือยเปล่า มือของเด็กหนุ่มที่ยังต้องพันผ้าพันแผลเอาไว้ แตะหน้าขาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างช่วยไม่ได้
"เด็กบ้าเอ๊ย" พศวัตอุทานเบาๆเมื่ออีกฝ่ายสัมผัสกับขาของเขา ยังบริเวณที่ใกล้ๆกับความร้อนที่พุ่งขึ้นอีกแผ่นอกเล็กที่มีกล้ามเนื้อแบบเด็กหนุ่มที่คงจะโตได้มากกว่านี้ถ้าได้ทานอาหารและออกกำลังดีๆ ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนๆนั่นดูเร้าอารมณ์ได้อย่างประหลาด
"อืม...." เสียงครางในลำคอดังขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มดึงมือกลับมาเกาตรงหน้าอก เสียงในลำคอครางเครือเหมือนจะบ่นว่าร้อน
ริมฝีปากหนาค่อยๆแตะกับผิวแก้มของคนที่นอนอยู่อย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน แต่กลิ่นแชมพูปนกับกลิ่นแป้งที่อีกฝ่ายใช้มันทำให้เขาถลำลึกกว่าที่ควรจะเป็นจากที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำอะไรมากในตอนนี้ ชายหนุ่มกลับขยับมาจะจูบแก้มคนที่นอนอยู่จนได้
"อือ..." เสียงครางดังขึ้นเบาๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มหันหน้าไปทางพศวัตด้วยไม่ได้สติรู้ตัวใดๆ พร้อมๆกับช่วงแขนของสมปองที่วาดขึ้นหมายจะกอดหมอนข้างแต่ก็กลับกลายเป็นกอดเอาคอของพศวัตเข้าให้ สัมผัสแข็งๆของต้นคอของพศวัตทำให้สมปองขมวดคิ้วก่อนจะลืมตางัวเงียตื่นขึ้นมา
"อืม...ใครอ่ะ..." ในแสงสลัวจากไฟที่ส่องเข้ามาจากช่องกระจกติดเพดานทำให้มองเห็นเป็นเพียงเงาร่างดำๆที่กำลังจะคร่อมตัวของเขาเอาไว้เท่านั้น เสียงงัวเงียของคนที่อยู่เบื้องล่างไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหยุดได้เลย ตรงกันข้าม ริมฝีปากหนาประกับปิดเสียงนั้นเอาไว้ทันที
"อือ..."สมปองขมวดคิ้วเล็กน้อย ความง่วงงุนกำลังต่อสู้กับอากาศและความอึดอัดที่กำลังโถมเข้ามาหา มือที่พาดคอแข็งๆของพศวัตอยู่ขยับคว้าสะเปะสะปะยึดคอเสื้อของอีกฝ่ายได้ก็ดึงกระตุกเบาๆ มืออีกข้างก็ตบอกกว้างที่ทาบทับอยู่ให้ลุกออกไป
"อื้อ...ไม่เอา...."
แรงต่อต้านนั้นทำให้พศวัตรู้สึกตัวเขาถอยออกจากอีกฝ่ายทันทีแต่ก็ไม่ได้เดินออกไปจากห้องนั้น เพียงแค่นั่งลงที่ปลายของฟูกนอนเท่านั้น
"คุณแมกซ์?!"