รีดเดอร์คะ..
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณรีดเดอร์ที่โหวดให้ซีรี่ส์ที่สอง รักเจือกลิ่นเงิน ติดอันดับนิยายสุดโศกแห่งปี 2010 อันดับที่ 3 นะคะ
แล้วก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ไม่สามารถมาอัพได้ทุกวัน เนื่องจากบางวัน สภาพไม่ไหวแล้วค่ะ ทำงานด้วยเรียนด้วย ไม่มีอะไรดีซักอย่าง 555+ เอาเถอะสู้กันต่อไป รีดเดอร์เองก็สู้ๆนะคะ
ช่วงนี้อากาศ(บนดอย)หนาวแล้วค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
ให้กำลังใจค่ะ+++++++++++++
ระหว่างทางการจราจรดูหนาตา เด็กหนุ่มนั่งรถเมล์ไปด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ในใจนึกติดถึงอดีตเมื่อยังเป็นนักมวย การจะระบายอารมณ์ด้านที่รุนแรง อารมณ์สับสน กราดเกรี้ยวของตัวเองออกไปนั้นไม่เคยใช่เรื่องยาก อาจจะเรียกได้ว่าเขาโตมาท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้น เหมือนกับบนเวทีนั้น มีเสียงตะโกน เสียงตะคอก และแรงกระแทกจากร่างกายของคู่ต่อสู้ และแรงประทะของร่างกายของตัวเองที่ซัดส่งเข้าหาอีกฝ่าย เพียงเพื่อต้องการจะล้มให้อีกฝ่ายลงไปนอน...ทุกอย่างมันเคยง่ายกว่านี้ถ้าต้องการจะต่อยใครซักคนให้คว่ำลงไป นึกแล้วสมปองรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเอง “เคย” เป็น
กว่าจะไปถึงเวลาก็ผ่านไปมากแล้ว แต่กระนั้นที่ข้าวสารก็ยังเต็มไปด้วยสีสันเฉกเช่นทุกที ชื่อเสียงเรียงนามของเฮียแดงนั้นสอบถามไปมาก็รู้ได้ไม่ยาก ว่าแอบเปิดไฟท์คลับให้ต่อยตีพนันขันตอกกันอยู่ในซอกซอยท่ามกลางบรรยากาศลึกลับชวนให้รู้สึกอันตรายของเมืองไทยในยามค่ำคืน มีฝรั่งหลายคนพยายามจะเข้าไปดูด้านใน บ้างก็ถูกห้ามเอาไว้ แต่บางคนฉลาดก็ควักเงินยัดใส่มือการ์ดข้างหน้าก็เข้าไปได้ง่ายหน่อย สมปองไม่ได้มาแถวนี้นานแล้ว แต่บรรยากาศก็ยังคุ้นตาไม่เปลี่ยน เคยได้ยินว่าบางครั้งด้านในก็ต่อยกันดุเดือดปางตาย...
"พี่ๆ...ผมมาหาเฮียแดง..."สมปองเดินเข้าไปกระตุกแขนเสื้อการ์ดใส่เสื้อดำยืนทำหน้าขึงขังขู่ฝรั่งอยู่หน้าประตูไม้เล็กๆลึกเข้าไปในตรอกพ้นจากสายตาผู้คนเสื้อผ้าและทรงผมของสมปองดูสะดุดตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อมาอยู่ในตรอกมืดๆแคบๆของถนนข้าวสาร ที่มีทุกระดับชั้นของผู้คนไล่เรียงกันลงมา
" ไอ้หนู มาผิดที่แล้ว ถ้าจะขายก็ไปที่อื่นโว้ย "การ์ดตัวใหญ่โบ้ยให้คนที่เพิ่งจะพ้นวัยเด็กไม่กี่ปีให้ไปทางอื่น เพราะดูยังไงๆ ก็ไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับไฟท์คลับ ที่มีแต่คนต้องการความป่าเถื่อนรุนแรงจากการต่อสู้ทั้งนั้น
"ผมมาชก...บอกเฮียว่าพ่อสุธีให้ผมมา" ถูกมองว่าไม่เป็นนักมวยไม่ว่าแต่นี่ถูกหาว่าจะมาขายสมปองเสียงแข็งขึ้นทันควัน สายตาที่มองไปยังการ์ดร่างใหญ่นั่นมองอย่างเอาเรื่อง
" ตัวเท่าลูกหมาเสือกคาบเส้นใหญ่อีก...เออๆ งั้นตามข้ามา"การ์ดร่างสูงใหญ่มอง"นักมวยเด็ก"ก่อนจะหัวเราะ แล้วบอกให้อีกฝ่ายตามเขาไปหาเจ้าของคลับ
++++++++++
" เฮียครับ เจ้าเด็กนี่มันว่าพ่อสุธีส่งมันมาครับ "เฮียแดงเป็นชายร่วงอวบอ้วนบนใบหน้ามีเครารกครึ้ม ปากคาบไม้จิ้มฟันขยับทีเห็นฟันทองข้างในชัดเจนบนนิ้วอวบที่กำลังนับเงินนั้นมีแหวนทองวงโตใส่แทบจะทุกนิ้ว ใบหน้าอวบนั่นหันมามองสมปองอย่างพิจารณา
"มึงเป็นใครมาอ้างพ่อสุธี..." น้ำเสียงที่ถามนั้นสะท้านเข้าไปข้างในอก สมปองกลืนน้ำลายพลางเหลือบมองลงไปด้านใน คนไทยสองคนกำลังเข้าตะลุมบอนต่อยตีกันอย่างดุเดือด
"ผมชื่อน้อย...เคยเป็นเด็กพ่อ...พ่อให้ผมมาเพราะผมอยากได้เงิน" สมปองตอบไปตามตรง เขาไม่เคยคิดว่ากว่าจะได้ขึ้นชกแต่ละครั้งมันจะลำบากยากเย็นขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็มักจะได้อยู่บนริง พร้อมที่จะชกกับคนที่เขาไม่รู้จักเหมือนแค้นกันมานานทุกอย่างมทันต้องใช้ความไว และสายตา การตัดสินใจ
...ที่เขาสูญเสียมันไปได้สองปีแล้ว.."ผมต่อยได้รึเปล่า หรือเฮียจะโทรไปหาพ่อก่อน..." สมปองถามย้ำก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากด้านหลังพร้อมกับสัมผัสหยาบคายเข้าที่สะโพกเด็กหนุ่มสะดุ้งกระเด้งไปอีกทาง
"ไอ้ห่า
แม่ง จับตูดกู" สมปองร้องออกมาหันไปมองก็เห็นว่าเป็นฝรั่งท่าทางยังหื่นกามยืนยิ้มเพล่อยู่ข้างหลังพลางยักคิ้วให้เขาอีกต่างหาก เจ้าฝรั่งนั่นพูดอะไรซักอย่างที่เขาไม่เข้าใจแล้วเฮียแดงก็หัวเราะลั่น
"มันว่าอะไรเฮีย" สมปองหันไปถามเสียงดังลั่น
"มันว่ามึงมาขายใช่ไหม...
ตูดมึงสวยน่าเอา" เฮียแดงตอบพลางหัวเราะพุงกระเพื่อม
"เอ้อ กูรู้ล่ะ พ่อให้คนส่งข้อความมาบอกตะกี้...มึงอยากต่อยกะใคร ...มึงก็ลงไป ชนะได้ก็เอาเงินไป แบ่งกันเจ็ดสิบสามสิบไม่เอาก็ไปซะกูขี้เกียจคุยกะเด็ก" สมปองขมวดคิ้วแน่นเห็นได้ชัดว่าไม่คุ้มแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ความคุ้มค่าไม่ได้เป็นประเด็น เขาจะโกรธจัดเสียแล้ว
"ผมจะต่อยกะไอ้เหี้ยเนี่ย...
แม่ง...อยากเอากูเหรอ มาเลยกูจะเอาให้มึงคลานกลับบ้านไปเลยไอ้เวร" สารพันคำด่าพรั่งพรูมาจากปากคนอารมณ์เสีย สมปองยกนิ้วกลางให้ทันที ได้ผลเจ้าฝรั่งที่ดูจะสูงพอๆกับเจ้าของร้านที่ทำให้เขาขุ่นเคืองมาตลอดอาทิตย์ คว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มเหวี่งเข้าไปกลางวงทันที
++++++++++
ร่างผอมของสมปองโซซัดโซเซออกมานั่งบนฟุตบาทถ่มเลือดไปอีกทาง เหงื่อโทรมกายจนเสื้อผ้ามียี่ห้อที่ใส่มาเปียกชื้นเส้นผมตกลงปรกหน้าดูไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นปรากฏว่ามีเลือดกลบปากกลบจมูก สองแขนถลอกเป็นแผลเลือดซิบเพราะลงไปกลิ้งคลุกอยู่กับพื้นอยู่หลายรอบ สองมือแดงช้ำบนข้อนิ้วแตกไปไม่น้อยโชคดีที่ไม่ได้โดนเข้าที่ตาทำให้ยังพอมองเห็นได้บ้างร่างเล็กขยับลุกขึ้นเดินไปซื้อน้ำมาหนึ่งขวด ตอนแรกแม่ค้าไม่กล้าขายให้เพราะกลัว แต่เขากลับยิ้มและเอ่ยอย่างสุภาพ จนได้น้ำเปล่ามาหนึ่งขวดล้างเลือดที่ติดอยู่ออกจนพอเห็นหน้าตาตัวเองได้ชัดเจนขึ้น อารมณ์ขุ่นเคืองถูกปลดปล่อยไปจนหมด หลงเหลือแค่ความบอบช้ำบนร่างกาย
"เอาล่ะ..." สมปองเอ่ยกับตัวเอง พลางกดจมูกรีดเอาเลือดที่คั่งอยู่ข้างในออกไปจนรู้สึกว่าหายใจได้ดีขึ้น แล้วออกเดิน
"กลับร้านดีกว่าเรา......." เพราะมัวแต่มองซ้ายขวาเดินชมร้านก็ชนเข้ากับคนเดินถนนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะแรงกระแทกทำให้ร่างที่โซเซอยู่แล้วทรุดลงแทบจะทันที เด็กหนุ่มกัดฟันกลั้นความเจ็บเอาไว้
"อึ่กกกก"
"น้องๆ เป็นอะไรรึเปล่า? " เสียงของพลเมืองดีดังขึ้นด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนราวๆ 3-4คน
"ไม่เป็นไร......" เด็กหนุ่มยกมือโบกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อยันตัวเองลุกขึ้น
"ขอบคุณครับ"
" โอย น้องไปทำอะไรมาเนี่ย ไปโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวพี่เรียกแทกซี่ให้ "
++++++++++
เสียงของพลเมืองดีที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงทำให้กลุ่มของชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่เดินออกมาจากผับดังกลางถนนข้าวสารต้องหันมามอง
" มีอะไรเหรอครับ พี่แมกซ์? "เด็กหนุ่มหน้าขาว ถามพลางมองตามสายตาของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ พวกเขากำลังจะไปต่อกันที่อื่นอยู่แล้ว
" โทษทีนะ พี่ติดธุระด่วนนะ "พูดจบชายหนุ่มก็ทิ้งหนุ่มหน้าขาวคนนั้นแล้วเดินไปยังกลุ่มที่เริ่มเสียงดังทันที
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงต้องเดินเข้าไปที่นั่น แต่สัญชาตญาณบางอย่างทำให้เขาเดินเข้าไปในกลุ่มทันที
" มีอะไรรึเปล่าครับ? " ชายหนุ่มเอ่ยถามคนกลุ่มนั้น
เสียงนั้นคุ้นหู เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง
"คุณแมกซ์!!???" สมปองอุทานลั่น เขาไม่คิดว่ามาเจออีกฝ่ายอีหร็อบนี้
" อ้าว รู้จักกันเหรอครับ? "
พลเมืองดีรีบหลีกทางให้พศวัตทันที ส่วนชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเลย เขาดึงมือของคนที่สะบักสะบอมไปทั้งตัวให้ลุกขึ้นทันที
"โอ้ย...." เด็กหนุ่มร้องออกมาทันทีเช่นกัน หากเป็นปรกติคงพยายามยื้อเอาไว้แล้วแต่คราวนี้ทำไม่ได้มีเพียงแค่เสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บเท่านั้น
" ...................... " ชายหนุ่มร่างสูงไม่พูดอะไรเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่พาสมปองเดินไปยังที่จอดรถและทันทีที่เปิดประตูและดันให้คนเจ็บเข้าไปในรถได้ เขาก็สตาร์ทเครื่องแล้วเหยียบคันเร่งออกไปอย่างแรงทันที
" ไปทำอะไรมา? "เสียงนั้นเรียบเฉยจนน่าตกใจ
"........" เด็กหนุ่มเงียบ ก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ไปต่อยคนมาครับ"แสงไฟจากริมถนนที่สาดส่องเข้ามาถายในทำให้เห็นรอยดำคล้ำบนเสื้อราคาแพงที่ใส่อยู่
"ขอโทษครับ เสื้อที่คุณแมกซ์ซื้อให้เลยเปื้อนเลย" เด็กหนุ่มพยายามหัวเราะ
"ผมจะรีบกลับไปซักที่ร้าน"
"ทำแบบนั้นทำไม? " คิ้วหนาขมวดอย่างไม่เข้าใน ชายหนุ่มตบไฟเลี้ยวออกจากตัวเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยแสงสี
"คุณแมกซ์....ร้าน...ไม่ได้จะพาไปที่ร้านเหรอฮะ" สมปองหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเหลอหรา...ใบหน้านั้นยังมีรอยเลือดเกาะอยู่เลย
"บ้านอยู่ไหนล่ะเรา? "พศวัตไม่มองหน้าที่บวมช้ำของสมปองเลย กลิ่นเลือด และกลิ่นสกปรกลอยเข้ามาในรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ และกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นกายของเจ้าของรถ เกิดเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่น่าหลงใหล หากใครได้อยู่ใกล้ๆ
สมปองสูดลมหายใจเข้า พลันหัวใจสั่นวูบ นึกขัดแย้งกับกลิ่นเหงื่อโทรมกายของเจ้าฝรั่งหน้าหื่น หรือ กลิ่นน้ำมันมวยที่สนามมวย
....มันก็ผู้ชายเหมือนกันไหงหอมนักล่ะ.....
"บ้าน?...บ้านผมอยู่ขอนแก่น..." สมปองตอบตามซื่อ
"แล้วที่กรุงเทพนี่ ไม่มีบ้านเหรอ?.. หมายถึง หอ หรือ มีญาติอยู่นี่บ้างไหม? "ถ้าเป็นเวลาอื่นพสวัตคงจะหัวเราะร่ากับคำตอบซื่อๆนี่แล้ว แต่ใบหน้าปูดบวมที่เขาไม่อยากมองในเวลานี้ น่าแปลกที่ตอนที่เห็นว่าสมปองมีสภาพอย่างไร ในอกมันเจ็บอย่างประหลาด
"มีฮะ...บ้านน้าอยู่ที่ฝั่งธน..."สมปองว่าพลางชี้นิ้วไปด้านหลัง "แต่มันอีกทาง..."
" ขี้เกียจไป " เจ้าของรถสปอร์ตสีแดงตอบกลับมาสั้นๆ ก่อนจะพาคนเจ็บออกจากเส้นทางที่คุ้นเคย
++++++++++
ด้วยความเหนื่อยอ่อนกับเส้นทางที่ดูจะไกลออกไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มขยับตัวพิงกับประตูรถเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดกับกลิ่นกายของตัวเอง ก่อนจะผล็อยหลับไป จนเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ารถหยุดนิ่งก็เห็นประตูอลูมิเนียมกำลังค่อยๆเลือนเปิด มองเข้าไปด้านในแม้จะดึกดื่นแล้วก็ยังเห็นได้ว่าตึกที่อยู่ด้านในนั้นใหญ่โตโอ่อ่า
"............................" เด็กหนุ่มอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองหน้าของผู้เป็นเจ้านาย
"บ้านพี่เอง"ว่าแล้วก็เลี้ยวไปจอดที่โรงรถ แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่สมปองเห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่านอกจากรถสีแดงคันนี้ ยังมีรถสปอร์ตสวยๆจอดเรียงกันอยู่อีกหลายคัน
"แต่...แต่...คุณแมกซ์ฮะ ผมสภาพแบบนี้...ผม...กลับร้านไม่ดีกว่าเหรอครับ" ทั้งๆที่มาถึงที่แล้วยังไม่วายอยากจะเถียง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายพามาถึงบ้านแบบนี้ เขาคงจะทำให้อีกฝ่ายเสียหายใหญ่แน่ที่พาเด็กมอมแมมไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้เข้ามาในบ้าน
" กลับบ้านพี่นี่แหละ มีคนช่วยดูแล" พศวัตให้เหตุผล ที่มีน้ำหนักเพียงพอพลางมองไปที่ชายชราท่าทางแข็งแรงและใจดีที่เดินมาจากประตูหน้าที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหลังจากปิดประตูใหญ่เรียบร้อย ยังไม่ทันที่คนที่นั่งมาข้างๆจะได้ตอบอะไร เสียงดังก็ดังมาจากด้านนอก ตาเล็กกุรีกุจอวิ่งมาเปิดรถให้พศวัต
"คุณแมกซ์กลับมาแล้วเหรอครับ....อ้าวแล้วพ่อหนุ่มนี่ใครล่ะครับ" สมปองยกมือไหว้ชายชราจากที่นั่งอีกฝั่ง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อประตูอีกด้านก็มีหญิงร่างใหญ่มาเปิดประตู
"สวัสดีค่ะ...คุณแมกซ์ แหมกลับแต่วันเชียว...อุ้ยตาย พ่อหนูทำไมหน้าตาเป็นแบบนั่นล่ะลูก เจ็บไหม" เพราะทางด้านที่นมใหญ่ยืนอยู่มีแสงส่องสวว่างประกอบกับยืนอยู่ใกล้ทำให้ต้องอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้
" น้อย นี่ นมใหญ่ แม่นมพี่เองแล้วก็ตาเล็กสามีของนมใหญ่"ชายหนุ่มแนะนำให้เด็กหนุ่มรู้จักคนในครอบครัวของเขา ถึงจะอยู่เรือนเล็กแต่ก็เป็นคนสำคัญ
"ส...สวัสดีครับ" สมปองยกมือไหว้ท่วมหัวอีกรอบ
"เด็กที่ไหนกันละคะ คุณแมกซ์" นมใหญ่ถามอย่างใคร่รู้ พศวัตไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยซักครั้งจะมีก็เพียงทินกฤตเพื่อนสนิทเท่านั้น
"เด็กที่ร้านน่ะครับ หน้าปูดแบบนั้น นมใหญ่ช่วยดูแลให้หน่อยก็แล้วกันนะครับ"พูดจบก็ดันหลังสมปองไปหานมใหญ่ทันทีสมปองหันมามองหน้าพศวัตอย่างงงๆ แต่ก็ต้องเดินตามนมใหญ่ที่บ่นด้วยความเป็นห่วงบาดแผลของเจ้าหนูนี่ไปอย่างช่วยไม่ได้
"ไปทำอะไรมาน้อ ถึงได้เป็นแบบนี้...... " ก่อนนมใหญ่จะหยุดทำเอาคนที่เดินตามเกือบชนกับหลังอวบๆอย่างช่วยไม่ได้
"อ้อ จะให้หนูเขานอนที่เรือนเล็กเลยไหมเจ้าคะ คุณแมกซ์" หญิงชราหันกลับมาถามเจ้าของบ้าน
" ใช้ห้องไอ้แมนไปก่อนก็ได้ครับ "ชายหนุ่มว่า พลางยิ้มให้กับแม่นมของเขา รอยยิ้มนั้นผิดกับที่สมปองเคยเห็นเลยทีเดียว
++++++++++
นมใหญ่พาสมปองไปที่"ห้องของแมน"ที่เป็นเรือนไม้แยกออกไปทางด้านหลัง ห้องไม่กว้างไม่แคบมากเด็กหนุ่มมองซ้ายขวาสำรวจตรวจตราเล็กน้อย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเนมใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
"อ่ะ ผมทำเองได้ครับคุณป้า..."เด็กหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณ
"จะทำเองเหรอ ไม่ได้หรอกป้าทำให้ดีกว่า ไหนเอาแขนมาให้ป้าดูซิ่แล้วปากนั่นอีกตายแล้วพ่อคุณ ...." ว่าพลางกุลีกุจอเอายาขึ้นมาชุบสำลีทาให้ที่มุมปากเจ่อๆของเด็กหนุ่ม ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าขัดใจคนแก่ สมปองยอมให้นมใหญ่จัดการกับแผลของเขา...เฉพาะที่นมใหญ่เห็นจนเรียบร้อย สองมือถูกพันผ้าพันแผลไว้เรียบร้อย เด็กหนุ่มอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาไม่มีใครดูแลแบบนี้มานานแล้วเด็กหนุ่มก้มลงแทบจะกราบขอบคุณ
"ขอบคุณครับ..."
"เดี๋ยวป้าไปเอาผ้ามาให้เปลี่ยนนะลูก..."ท่าทางนอบน้อมทำให้นมใหญ่ยิ้ม มืออวบลูบเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู พูดพลางก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งอยู่คนเดียว
++++++++++
"อ้าว นมใหญ่ไปไหนแล้วล่ะ? " เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องของน้องชายอีกคน
" พี่เอาเสื้อผ้ามาให้ ของมินน่ะ เรามันตัวแค่นี้ใส่เสื้อไอ้แมนคงไม่ไหว "ดวงตาสีเข้มมองตามตัวอีกฝ่าย เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เขาอยากจะถามนักว่าไปทำอะไรมา แต่มันไม่ควรจะเป็นตอนนี้
"อ่ะ..จะดีเหรอครับ ผมนอนแบบนี้ก็ได้..."เด็กหนุ่มเอ่ยพลางเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ดวงตากลมมองเสื้อของรามินทร์ทีอยู่ในมือใหญ่นั้น
"คุณมินคงไม่ชอบถ้าผมจะมาใส่ของคุณเขาแบบนี้..."
" ไม่ได้ๆ ไม่ใส่เสื้อนอนก็มีแต่
ตอนอย่างว่าแหละ "พศวัตวางเสื้อผ้าที่เขาเลือกมาให้ลงบนเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ
"ตอนอย่างว่า?..."ถามกลับแต่ก็นิ่ง....มองอีกฝ่ายเดินไปที่เตียงพร้อมกับวางเสื้อผ้าลง
"คุณมินไม่ว่าแน่เหรอครับ..." เด็กหนุ่มเดินไปหยุดอยู่เยื้องๆกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วยกมือไหว้พศวัตอีกรอบ
"ขอบคุณครับ"ว่าแล้วก็หยิบเสื้อผ้ากับกางเกงนอนของรามินทร์มาใส่ทับบ็อกเซอร์ของตัวเอง
เรียบร้อยก็นั่งลงตรงพื้นพลางมองหน้าของอีกฝ่าย ดวงตากลมโตสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
"ขอบคุณครับ คุณแมกซ์...."เด็กหนุ่มยิ้มแล้วยกมือกราบแทบตักอีกรอบ เหมือนอย่างที่ทำกับพ่อสุธี
สิ่งที่ไม่เคยมีใครทำให้นั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกับทำตัวไม่ถูก มือแกร่งที่วางลงข้างๆตัวไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ยกขึ้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ
" พี่ไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย "รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
"ทำให้เยอะแล้วล่ะครับ
...ทำมากเสียจน..."เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อย....
....ผมคงจะสำคัญตัวผิดไป....