เวลาที่เหลือสมปองเร่งทำงานทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบเหมือนทุกครั้ง เขาตั้งใจกว่าทุกวันโดยการปิดเพลง เพื่อไม่ให้ เสียงนั้นไปรบกวนคนที่บอกว่าจะนอนและเขาคิดว่า วันนี้ทั้งวันเขาพักผ่อนไปกับการออกไปกับทินกฤตมามากพอแล้วภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง เครื่องครัว พื้น กระจก ก็เงาวิบเด็กหนุ่มหันไปมองนาฬิกา เวลาเกือบจะตีห้าครึ่งเข้าไปแล้วแต่กตัญญูยังมาไม่ถึงร้าน ทำให้สมปองอกแปลกใจไม่ได้ แต่ก่อนอื่นเขาต้องไปปลุกเจ้านายอีกคนของเขาเสียก่อนที่ข้างนอกรถจะติด เด็กหนุ่มเคาะที่ประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน
"คุณแมกซ์ครับ ถ้าไม่รีบกลับรถจะติดนะครับ"หากแต่เจ้าของร้านหลับหลับสนิท อยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวโต
ใบหน้าหล่อเหลา คมเข้มด้วยคิ้วหนา ที่มักจะขมวดเข้าหากันเสมอ แต่ในเวลานี้กลับผ่อนคลาย จมูกโด่งเป็นสันนั่นเป็นจุดเด่นพอๆกับริมฝีปากหยักหนาที่เชิดขึ้น ฉายแววเอาแต่ใจไม่น้อยในตอนนี้พศวัตกำลังหลับสบาย
เด็กหนุ่มมองหน้าของคนที่กำลังหลับ เขาไม่เคยเห็นพศวัตในลักษณะเช่นนี้ปรกติแล้วจะเห็นแต่ร่างสูงใหญ่เดินไปเดินมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามดังเหมือนโกรธใครอยู่ตลอด แต่เมื่อมามองตอนที่อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ แบบนี้ก็คงต้องยอมรับว่า พี่น้องบ้านนี้หน้าตาดีกันทั้งบ้านจริงๆ ...อาจจะยกเว้น กตัญญูไว้บ้าง เพราะรายนั้นดูจะไม่ได้ใส่ใจ รูปลักษณ์ของตัวเองซักเท่าใดนัก
....ทำบุญด้วยอะไรกันน้อ เกิดมาหน้าตาดีทั้งบ้านเนี่ย....."คุณแมกซ์ครับ"
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เรียกอะไรต่อ เสียงเรียกของเชฟหนุ่มก็ดังขึ้นที่หน้าประตู ทำเอาสมปองถลาออกจากออฟฟิศไปแทบไม่ทัน
"อ้าว น้อยเป็นอะไรวะ หน้าตื่นเลย..." กตัญญูขมวดคิ้วถามอีกฝ่าย
"โทษทีนะเว้ย วันนี้มาสาย"
สมปองอ้ำอึ้ง อดแปลกใจไม่ได้ตัวเองทำหน้าตื่นขนาดนั้นเลยหรือยังไง ก่อนจะหันไปเห็นรามินทร์เดินสโหลสเหลตามเข้ามา
"เห็นรถพี่แมกซ์อยู่ข้างนอก มานอนที่นี่หรือไง"
"เอ่อ ครับ..." เด็กหนุ่มรับคำ "พักอยู่ในออฟฟิศน่ะครับ" รามินทร์ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในออฟฟิศทันที
"พี่แมกซ์ จะนอนก็กลับบ้านไป" เมื่อเรียกเสียงดังแล้วยังไม่ตื่น น้องชายจึงเดินเข้าไปเขย่าร่างพี่ชายแรงๆ เสียงหนึ่งที
"พี่แมกซ์ ตื่นได้แล้ววว"
" ฮึ่ย อะไรวะ? ... อ่าว มิน มาแล้ว? "พศวัตสลืมสลือตื่น พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
" ทำไมมาสายล่ะ? "
"เอ่อ..... " ชายหนุ่มอ้ำอึ้งเล็กน้อย
" เอาเถอะน่า...พี่นั่นล่ะ ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง กลับไปได้แล้ว อย่ามานอนแถวนี้เกะกะร้าน "
" มาทำงานมั่งไม่ได้รึไงวะ อยู่บ้านคุณหญิงจิตราได้บ่นยาวอีก "ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะเปิดปากหาวอีกรอบ
"คราวหลังก็หอบข้าวหอบของมานอนกะสมปองมันเลยก็แล้วกัน " รามินทร์ว่าก่อนจะเดินไปอีกทาง
"เดี๋ยวแขกเข้าร้าน...เห็น คนเมาเพิ่งสร่างมาเดินอยู่ในร้านคงไม่ดีนักหรอก" รามินทร์ยังคงต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชายเหมือนทุกที
" ไม่ได้เมาซักหน่อย แค่เมือคืนสอยแฝดได้ เลยออกกำลังมากไป ก็แค่นั้น "เขาพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะมองออกไปด้านนอกห้อง
" ไอ้แมนมันเป็นอะไรของมัน? "
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอก" รามินทร์ตอบทันควัน
" รู้ได้ไงวะ? "คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างแปลกใจในท่าทางของน้องชายก่อนจะลุกขึ้นขยับแขนขาแล้วออกจากห้องไปทักทายน้องชายอีกคน
++++++++++++++++
ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆอยู่แถบชานเมืองที่ทินกฤตจำใจขับรถมาตามนัดของพศวัตนั้นมีการแบ่งโต้ะอาหารแยกเป็นสัดส่วนเหมาะกับการนัดมาพูดคุยกันระหว่างเจรจาธุรกิจ ชายหนุ่มเหลียวมองซ้ายขวาก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโซนที่เป็นศาลาริมน้ำ พศวัตกำลังเปิดเมนูเตรียมจะสั่งอาหาร
"นัดเสียไกล.... เลี้ยงด้วยก็แล้วกัน" ว่าพลางนั่งลงตรงข้ามกับอีกฝ่าย ทินกฤตถอดแว่นกันแดดออก ก่อนจะหันออกไปมองแสงแดดยามเที่ยงด้านนอก ไม่ชินตาเอาเสียเลย ...
"คราวหลังเอาห้องแอร์ด้วยจะดีมาก....เพราะไอ้แอร์เคลื่อนที่นี่มันเอา แดดบ้านเราไม่อยู่หรอก"
" มาถึงยังไม่ทันแดกก็บ่นเลยนะมึง "พศวัตเอ่ยทักทายอีกฝ่ายแบบนี้เป็นประจำ ก่อนจะเข้าเรื่องเสียเลย
"ว่าแต่ไอ้ถังมันสบายดีรึเปล่า? "
"ไอ้ถัง?...ก็สบายดีน่ะซิ่" ทินกฤตเอ่ย ก่อนจะบอกรับน้ำดื่มมาจากพนักงานเสิรฟ
" กูนึกว่ามันไม่สบาย .." พศวัตสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
"ป่วยไข้อ้วกแตกอ้วกแตนจนผอมเหลือตัวเท่าลูกหมา "
"ทำไม...สุขภาพร่างกายน้องกูมันไปหนักอะไรกะมึงไม่ทราบ ไอ้ถังมันก็อยู่ออสเตรเลียออนเอ็มออนเฟสบุ้คกะสาวอยู่นั่นล่ะ" ทินกฤตมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
"พูดแบบนี้แสดงว่าเห็นฝีมือกูแล้วล่ะซิ่ น่ารักใช่ไหมล่ะ"
ได้ยินเพื่อนพูดถึงน้องชายคนเดียวของตัวเองที่โดนส่งไปเรียนเมืองนอกและขุนตัวเองจนหนักกว่าร้อยกิโลแบบนี้แสดงว่าต้องได้เห็นเด็กไซส์เล็กแบบสองปองมาแล้วถึงได้คิดเปรียบเทียบได้จนเห็นภาพขนาดนั้น
" สัตว์ มึงคิดจะทำอะไรของมึงกันแน่? "คิ้วหนาของชายหนุ่มใบหน้าคมขมวดเข้าหากันอีกรอบ
"ก็เห็นว่าเด็กมันไม่สเปคเลยจับแปลงโฉมนิดหน่อยจะได้สเปคมากขึ้น นี่เสียดายวันนั้นไม่มีเวลา กูจะพาไปเข้าสปา ขัดๆๆให้ขาวขึ้นอีกหน่อย เห็นตอนมันเปลี่ยนเสื้อ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรขนาดนั้นนี่หว่า" ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำเสียจนตาหยีมากขึ้นไปอีก
" สนุกล่ะสิ ..
กูไม่ยักรู้ว่ามึงเห็นคนเป็นของเล่นแบบนี้นะ ไอ้เทียน "คนตัวใหญ่กว่าว่าก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"เป็นปรกติกูก็คงไม่ทำหรอก...แต่นี้มึงรับคำท้ากูแล้วว่าจะจีบเด็กนั่น...แลกกับที่มึงจะยอมเสด็จไปงานแต่งกูเลยนะเว้น..." ทินกฤตหัวเราะ
"กูก็แค่อยากชนะเท่านั้นล่ะ" ชายหนุ่มคว้าแว่นกันแดดมาขยับเล่นในมือ
"มึงเรียกกูมากินหรือเรียกกูมาด่า" เทียนถามไม่ได้สบตากับอีกฝ่ายก่อนจะวางแว่นลกันโต้ะอีกรอบ
"ถ้าจะเรียกกูมาด่า กูก็จะกลับทั้งหมดมันก็เพราะมึงเรื่องมากกะอีแค่ทักซิโด้ตัวเดียวเท่านั้นล่ะ"
" แล้วกับแค่ทักซิโด้ตัวเดียว มึงต้องดึงเด็กนั่นมาเกี่ยวด้วยรึไง? มึงโกหกคนเป็นร้อยเป็นพันยังไม่พอ
มึงยังอยากให้เด็กคนนึงต้องเป็นเกย์เพราะเรื่องแค่นี้รึไง?! "พศวัตตบโต๊ะดังปัง
"กูไม่ได้อยาก แต่มึงดันเข้ามายุ่งกับการตัดสินใจของกู มึงนั่นล่ะสร้างเงื่อนไขขึ้นมาก่อน..."ชายหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งขบฟันแน่น
"แล้วมึงแน่ใจนักแล้วหรือไงว่า เด็กมันจะชอบมึง"
" มันเด็กเกินไป ..
มึงก็รู้ว่ากูไม่เปลี่ยนรสนิยมใคร "พศวัตกำมือแน่นเป้าหมายของเขาเด็กเกินกว่าที่จะเอามาเล่นอะไรกันแบบนี้ สมปองมันเด็กเกินกว่าที่เขาจะทำลายอนาคตของเด็กคนนี้
"พูดแบบนี้แน่ใจนักซิ่นะว่าเด็กมันจะตกหลุมมึงก่อน..." ทินกฤตยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ยอมรับมาเถอะว่าเห็นลุคใหม่มันแล้ว มึงก็ใจเต้นอยู่เหมือนกันน่ะ..." ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆยกน้ำขึ้นดื่ม
"มึงมันอคติเกินกว่าจะพิจารณาเด็กมันก็แค่นั้นล่ะ...กูไม่ได้เดาสุ่มนะ"
“....................................”
ไม่ได้ยินอีกฝ่ายโต้เถียงอะไรกลับมาริมฝีปากของทินกฤตเหยียดเป็นรอยยิ้มหยัน
"ไม่อยากทำใช่ไหม ก็จบ กูจะได้แต่งงานสบายๆ ไม่ต้องมาวิ่งทำอะไรบ้าๆแบบนี้... แล้วมึงก็แค่ไปงานแต่งงานกูเท่านั้น ก็พอ"
" กูไม่ไป "พศวัตเถียงทันที ท่าทางเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆเช่นทุกครั้ง
"ก็ไม่ต้องไป แค่นี้มันก็สิ้นเรื่องซะตั้งแต่แรก...แต่ยังไงเตี่ยกูก็ต้องให้กูถือพานเอาการ์ดไปกราบเชิญพ่อมึงแม่มีงอยู่ดี...ถ้ามึงไม่พอใจนัก...มึงไม่ต้องไปก็ได้" ชายหนุ่มยิ้มพลางยักคิ้ว
"ดีไหมล่ะ"
" มึงอยากทำอะไรก็เอาเลยก็แล้วกัน "พศวัตไม่อยากมองหน้ากวนประสาทของอีกฝ่ายตอนนี้แม้ซักนิด ชายหนุ่มหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อดับอารมณ์โกรธเคืองคนตรงหน้า
"ก็ดี...งั้นเดี๋ยววันหลังกูจะได้พาเด็กมันไปสปาเสียหน่อย" ทินกฤตยังไม่วายกวนประสาทเพื่อนต่อไป เขาไม่เคยเห็นพศวัตเป็นแบบนี้ ไม่นึกว่าเพื่อนจะแคร์ความรู้สึกใครแบบนี้
...ความจริงก็ถูกใจเด็กมันใช่ไหมล่ะ... "แต่ก็น้า...ดูท่าจะเป็นเด็กซื่อๆ...เห็นแบบนี้เป็นใครก็ต้องเอ็นดูนั่นล่ะนะ...มึงจะยอมแพ้ไปซะก็ไม่แปลก"
" ใครยอมแพ้? "พศวัตเถียงขึ้นมาทันที "กูุก็แค่ สงสารเด็กมันก็แค่นั้น " ทินกฤตไม่ตอบ ชี้หน้าของอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้ว
"ไม่ใช่มึงหรอกเหรอ...สงสาร...ก็จะนำไปสู่การไม่อยากทำ...ไม่อยากจีบให้เป็นไปตามกฏ...ไม่อยาก ก็ไม่เล่น ไม่เล่นก็แพ้ๆไปซะ แล้วก็ทำใจกับการแต่งงานของกูแต่โดยดีไปดีกว่า ประท้วง งอนเป็นเด็กอมมือไปได้"
" แล้วมึงจะรีบไปตายที่ไหนวะ อีกตั้งหลายเดือนจะแต่ง ไม่ใช่รึไง? "คิ้วเข้มขมวดอีกรอบ
"อ้าว กูก็ต้องการเวลาเอาไปทำความรู้จักว่าที่เมียกูหน่อยซิ่ พาเขาไปกินข้าว พาเขาไปซื้อของ..." ทินกฤตยิ้ม ในใจนึกถึงว่าที่ภรรยาของตัวเอง
"กูไม่ได้รีบไปตายกูแค่ไปเตรียมตัว"
" งั้นมึงก็ไปเตรียมซะให้พอ กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู "พศวัตตัดบทอีกรอบ พร้อมกับอาหารมากมายที่ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
"กูจะทำอะไรก็เรื่องของกูเช่นกัน" ชายหนุ่มเชื้อจีนยิ้มเสียจนตาหยีอีกรอบก่อนจะตักกุ้งแม่น้ำผัดฉ่าของโปรดของตัวเองเข้าปากไป
ตลอดมื้ออาหารทินกฤตยังคงพูดยั่วโมโหอีกฝ่ายอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเอ่ยใบ้ถึงแผนการที่จะพาสมปองไปปรุงโฉม และความน่าเอ็นดูอีกหลายๆอย่างของเด็กหนุ่มคนนั้น
"มึงว่า เด็กมันยังซิงไหม"
คำพูดกวนประสาทมากมาย กลับไม่ได้รับการตอบโต้จากพศวัตที่นั่งทานอยู่เงียบๆ ซึ่งบางครั้งจะทำหน้าดุใส่เพื่อนสนิทบ้าง เขารู้ดีว่าถ้าหยุดเถียง เดี๋ยวทินกฤตก็หยุดไปเอง
"เฮอะ...วันนี้มาแปลกนะ จริงจัง?"
" มึงต่างหากที่แปลก พูดมาก " เมื่อเจออีกฝ่ายเถียงกลับแบบนี้ทินกฤตจึงเงียบเขารู้ว่าเขาเองจริงจังกับเรื่องนี้ไม่น้อยอาจจะเป็นเพราะ ส่วนหนึ่งในใจของเขากำลังหวังให้ เด็กที่ชื่อน้อยคนนั้นทำให้พศวัตแพ้ ยอมควักเงินจ่ายเพื่อให้ได้มาเหมือนอย่างทุกตรั้งก็เป็นได้ เขาแค่อยากจะให้พศวัตแพ้ เพราะคนที่เขาอยากจะเห็นให้มาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานที่แม้มันจะจอมปลอมครั้งนี้มากที่สุดก็คือตัวพศวัตนั่นเอง
" อิ่มรึยัง? " คำพูดสั้นๆแสดงความห่วงใยนั้นมีให้เช่นทุกวัน แต่หลังจากแต่งงานก็คงไม่มีโอกาสได้พูดเช่นนี้อีกแล้ว เขาถึงได้ไม่อยากให้ทินกฤตแต่งงานเลยจริงๆ
"เออ อิ่มแล้ว อิ่มข้าว อิ่มมึงเทศน์กูด้วย" ทินกฤตตอบห้วนๆ
"เลี้ยงด้วยนะ นัดกูมานี่" ยังไม่วายกวนเหมือนทุกครั้ง ก็คงจะมีแต่พศวัตนี่ล่ะที่เขาจะกวนเพื่อให้อีกฝ่ายเลี้ยงข้าวให้แบบนี้
" กลับไปเลยไป "มือแกร่งโบกมือไล่อีกฝ่ายก่อนจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน
"เออ กลับล่ะนะ....ส่วนเรื่องเด็กนั่นก็....อย่าให้เสียชื่อล่ะ..." ชายหนุ่มลุกขึ้นพลางคว้าแว่นดำที่วางเอาไว้ขึ้นมาสวม ร่างสูงโปร่งที่ยืดขึ้นเมื่อลุกขึ้นยืนนั้นหากใช้มือสัมผัสผ่านผิวผ้าคงนุ่มลื่นมือเพราะเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อนทำจากผ้าเนื้อดี
"กูกลับล่ะ"