แม้จะขาดการติดต่อที่แสนจะกวนประสาทจากทินกฤตไปอีกหลายวัน แต่นั่นก็ไม่ยับยั้งพี่ชายของเจ้าของร้านไม่ให้ออกตระเวณยามค่ำคืนได้ ทั้งที่ในช่วงกลางวันก็ได้รับการขอร้องจากน้องชายให้มาช่วยคิดเงินดูบัญชีให้เพราะกตัญญูลาหยุดกลับบ้านไปหลายวัน จนไม่ได้ติดต่ออะไรกับน้องชายคนรองนี้เลย จนกระทั่งได้ยินเรื่องงานแต่งงานของกตัญญูผ่านสายโทรศัพท์ที่น้ำเสียงของคนส่งข่าวอย่างรามินทร์นั้นไม่ได้ยินดีไปตามข่าวเลยแม้แต่น้อย
ผับเดิมร้านเดิมที่เคยไปเป็นประจำ ทินกฤตที่วันนี้ดูจะไม่สนใจใครเลย นั่งดื่มอยู่ที่บาร์ท่าทางเหมือนครุ่นคิดจนหันไปเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองเดินเข้ามา อีกทาง
"เฮ้ยย...ไอ้คนเรื่องมาก....ไปไงมาไงวะ"
"หายหัวไปซะหลายวัน กูนึกว่ามึงต้องไปเข้าคอสเจ้าบ่าวซะอีก " พศวัตนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่ม
" มาร์ตินี่ "
"คอร์สเจ้าบ่าวเดือนหน้า...มึงจะไปกับกูไหมล่ะ" ทินกฤตหันมามองหน้าของอีกฝ่ายพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
" เอ้อ ไอ้แมนก็จะแต่งงาน วันมะรืนนี้ .. แม่ง สงสารว่าที่เมียมันว่ะ "คนที่พูดถึงน้องชายตัวเอง รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขารู้ว่ากตัญญูไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่ก็ยังทำแบบนั้นคนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด
"เขาตัดสินใจแล้ว เขาก็รับผิดชอบได้อยู่หรอก พนันได้ว่าที่บ้านมันต้องมีเรื่องจำเป็นอะไรแน่ๆ..." ทินกฤตเอ่ยเขารู้เรื่องกตัญญูทุกอย่าง เพียงแต่ปรกติแล้วกตัญญูจะมัววุ่นอยู่กับที่ร้านจนแทบไม่ได้เจอหน้าคร่าตากันก็เท่านั้น"ว่าแต่มึงไม่ไปงานแต่งน้องมึงรึไง"
" คุณหญิงแม่กู ใช้ให้กูกับมินไปแทน .. คนนั้นก็ทำหน้าอย่างกับจะไปงานศพ เซ็งว่ะ "เขาส่งสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์เพื่อขอเหล้าชนิดเดียวกันนี้อีกแก้ว "แล้วก็นะโว้ย จำเป็นแค่ไหนต้องแต่งงานวะ ไอ้เชี่ยแมนก็แบบเนี้ย ไม่เคยมองกูมองไอ้มินว่าเป็นพี่น้อง มีอะไรไม่เคยปรึกษาพวกกูเลย "
"เรื่องมันก็อาจจะแบบว่า พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจก็ได้ แม่งเลยปิดปากเงียบซะ....พูดไปแม่งก็เท่านั้น ไม่มีใครเข้าใจ"ทินกฤตพูดด้วยเสียงเรียบๆ แต่สายตานั้นมองมาทางพศวัตอย่างพาดพิง
" แต่กูเป็นพี่มันนะโว้ย "คิ้วหนาขมวดอย่างไม่สบอารมณ์ ยิ่งสบสายตากับทินกฤตแล้วก็ยิ่งพาลเข้าไปใหญ่
" ไม่ต้องเลย งานมึง กูก็ไม่ไป "
"ทำไมวะ...มึงเป็นอะไรนักหนากับงานแต่งกู มึงกลัวตัวเองไปร้องไห้โฮตอนกูเข้าหอหรือไง" ทินกฤตชักเหลืออดมันหลายครั้งแล้วที่พศวัตพูดแบบนี้ ว่าพลางตบมือลงบนหน้าเคาท์เตอร์บาร์
ชายหนุ่มลุกขึ้น คว้าแก้วเบียร์ที่กินเหลืออยู่สาดใส่หน้าอีกฝ่าย
"มึงมันไอ้ขี้ขลาด กลัวการอยู่คนเดียวแล้วมายัดเยียดความผิดให้กู...ห่าเอ้ย..." ทินกฤตเอ่ยอย่างเหลืออด เขาควักเงินจ่ายค่าเครื่องดื่มของตัวเองแล้วเดินไป
"ไปล่ะแม่งหมดรมณ์แดกละ..."
" ....................... " คำพูดของทินกฤตมันแทงใจดำเสียจนพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกทั้งเจ็บที่หัวใจ ความเย็นจนชาของเบียร์ที่สาดใส่หน้า ทำให้พศวัตไม่แต่นั่งอยู่แบบนั้นมือแกร่งยกขึ้นเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นไร เมื่อบาร์เทนเดอร์ยื่นผ้าให้ ก่อนจะสั่งเหล้ามาอีกหนึ่งขวด แล้วดื่มตามลำพัง
++++++++++++
ไฟที่ร้านกาแฟใจกลางย่านธุรกิจดับลง หากมองจากด้านนอกก็ยังคงมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงรำไรที่ลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกดึงลงจนมิด พนักงานที่นอนเฝ้าร้าน กำลังเก็บอุปกรณ์ที่ล้างและพึ่งลมเอาไว้จนแห้งดีแล้วขึ้นบนชั้น หันมองนาฬิกาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เด็กหนุ่มยิ้มที่วันช่วงนี้ส่วนครัวของร้านไม่ได้ให้บริการ อุปกรณ์ทั้งหลายที่ต้องเก็บกวาดนั้นไม่มีอะไรมากงานจึงเสร็จเร็วกว่าที่คาด คิดได้แบบนั้นรีบขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านบนก่อนจะวิ่งฉิวลงมานั่งดู โทรทัศน์ที่อยู่ในร้านด้านหน้า มีเพียงแค่แสงสลัวจากครัวด้านหลังเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนกันในยามค่ำคืน
เสียงเบรกเมื่อเลี้ยวเข้ามาในร้านดังขึ้นอย่างแรง จากรถสปอร์ตสีแดงของเจ้าของร้านซึ่งปกติมักจะมาในเช้ามืดหลังจากออกตระเวณราตรีเสมอ ทำให้สมปองต้องเดินออกไปดูทันที และสิ่งที่เห็นก็คือ ร่างสูงใหญ่ของพศวัตเดินเซลงมาจากรถ โดยไม่สนใจจะปิดประตู
" ไง..ไอ้ตัวเล็ก.. "
"คุณแมกซ์?" สมปองอุทานขึ้นทั้งแปลกใจทั้งตกใจ จะว่าเคยเห็นอีกฝ่ายเมามาก็มาก แต่ก็ไม่ขนาดไม่ปิดประตูรถสุดหวงแบบนี้ เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างสูงเอาไว้ สายตาเหลือบมองแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้เรื่องแน่เลยหันไปใช้ ปลายเท้าเตะประตูรถเบาๆให้มันผลักปิดลงไปเอง
"ไมมาเอาเวลานี้ฮะ ผับยังไม่ปิดเลย..."
"ทำไม?..นี่มันร้านพี่ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้โว้ย อะ..นี่ๆ "ร่างสูงที่เซไปมา ล้วงกระเป๋าเงินแล้วยื่นใบห้าร้อยให้
" ซื้อเบียร์มา หมดนี่เลย ไปๆๆๆ "มือแกร่งโบกมือไล่สมปอง เป็นเชิงบอกว่าเขาเดินเข้าร้านเองได้
"ไม่เป็นไรแน่นะ...คุณแมกซ์ฮะ ระวังกระถางต้นไม้...." แต่ยิ่งเตือนยิ่งโดนไล่ทำให้จำใจต้องรีบวิ่งไปที่ร้านที่ยังไม่ปิด...เซเว่น....
ผ่านไปนานพอควรเพราะมัวแต่เจรจากับพนักงานเพราะอายุเขายังไม่สามารถซื้อเหล้าเบียร์ได้เอง แต่สุดท้ายก็หลอกล่อจนซื้อมาจนได้ "มาแล้วครับๆๆ" เด็กหนุ่มว่าพร้อมกับถุงใหญ่ๆสองถุงที่เต็มไปด้วยขวดเบียร์
"คุณแมกซ์จะกินหมดนี่เลยเหรอครับ" เด็กหนุ่มว่าเดินไปเอาแก้วและน้ำแข็งมาวางไว้ให้คนที่ไปนั่งทำท่ามึนๆอยู่ที่มุมโซฟายาวของร้าน
" หมดดี่ .. อยากกินป่าววว? "ชายหนุ่มถาม เพราะเมามากๆเลยชวนเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดอย่างสมปองกินเบียร์หน้าตาเฉย
"อ่า...กินคนเดียวคงเหมือนพวกอมทุกข์เนอะ... ถ้าคุณแมกซ์ชวนผมก็กิน" เด็กหนุ่มก็เซ็งไม่น้อยที่ร้านรวงต่างมาเข้มงวดเรื่องการขายเบียร์เมื่อก่อนนี้ออกจะหากินง่ายแท้ๆว่าพลางก็เดินไปหยิบแก้วอีกใบมาแล้วจัดการเปิดขวดรินให้เจ้านายทันที ดวงตากลมของเด็กหนุ่มเหลือมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ส่วนตัวเขานั่งอยู่กับพื้น พลางคิด
....วันนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ.... "นี่ฮะ" เด็กหนุ่มยื่นให้ก่อนจะรินใส่แก้วตัวเองบ้างแล้วยกขึ้นทีเดียวหมดแก้ว
" เก่งนี่หว่า .. อย่างนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย ฮ่า ฮ่า "มือแกร่งตบไหล่ล็กๆของอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วยกแก้วเบียร์ของตัวเองดื่มรวดเดียวหมด
"เก่งดิ่ ไม่เก่งได้ไง..."สมปองว่า "ผมนะ...อยู่ที่ค่ายต้องทำได้หมด ไม่งั้นพวกพี่ๆเขาจะว่าเอาว่าแหย.."
เด็กหนุ่มว่าพลางรินเบียร์ให้เจ้านายอีกรอบ ไม่ลืมที่จะเติมให้ตัวเองด้วย
" หาไรกินกับเบียร์หน่อยดิ "พศวัตว่า วันนี้ดูเขาจะร่าเริงเกินเหตุเพราะความเมา จนสมปองเองรู้สึกแปลกริมฝีปากของสมปองหยักยิ้ม กับท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่าย
...ไม่เคยเห็นทำหน้าแบบนี้เลย...."คุณแมกซ์อยากทานอะไรล่ะครับ...หรูนักผมทำไม่เป็นหรอกนะครับ"
" อะไรก็ได้ เอามาเลยๆ "มือแกร่งโบกมือไล่อีกฝ่ายให้เข้าครัวไป พลางแปิดกระป๋องเบียร์อีกกระป๋อง
สมปองได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เดินหายเข้าไปในห้องครัวเปิดค้นตู้เย็นเจอวัตถุดิบอยู่ไม่มาก เด็กหนุ่มเกาหัวแกร่ก ก่อ่นจะกลับออกมาพร้อมกับกับแกล้มสองจาน หนึ่งคือยำกุ้งแห้งใส่กุญเชียงกับอีกจานใหญ่หน่อยก็คือถั่วอบแบบรวมมิตรทุกสิ่งทุกอย่างเพราะดูจะเป็นวัตถุดิบที่มีเยอะที่สุดในร้านด้วยกตัญญูมักจะเอาไว้ทำขนมนั่นเอง
"ทำได้แค่นี้ล่ะครับ"ว่าพลางก็วางลงบนโต้ะกระจกตรงหน้าอีกฝ่าย ตัวเองก็นั่งลงกับพื้นตรงข้างๆโต้ะ
" ไม่ต้องเลย มานั่งนี่ๆ "มือแกร่งตบที่นั่งข้างๆ ท่าทางจะถูกใจกับแกล้มที่อีกฝ่ายทำมาให้ไม่น้อย
"ไม่เอาอ่ะ คุณแมกซ์เป็นผู้ใหญ่ให้ผมไปนั่งไงอ่ะ" สมปองส่ายหัว
" โว๊ย บอกใหมานั่งก็มาดิวะ ไอ้นี่! "เขาลุกขึ้นมาดึงแขนเล็กผอมของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วจับไปนั่งที่โซฟา แต่เพราะความที่ไม่รู้ตัวว่าดื่มไปมากเพียงใด จึงทำให้ไม่สามาถยืนได้อย่างมั่นคงได้มือแกร่งรวบทั้งร่างผอมของสมปอง และตัวเองล้มลงกับโซฟานั้น
"เหวอ...ขอโทษฮะๆๆ" สมปองร้องลั่นเมื่อตัวเองล้มทับอีกฝ่ายไปตามแรงดึง ร่างเล็กเด้งออกมาจากตัวของอีกฝ่ายทันที
"คุณแมกซ์เป็นไรป่ะฮะ "
หากแต่พศวัตกลับไม่ยอมปล่อยร่างในอ้อมแขน ดวงตาสีเข้มคู่คมที่มักจะมองอย่างบังคับ เข้มงวดกับสมปองเสมอกลับมองเด็กคนนี้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
"คุณแมกซ์เมาแหงเลย....ปล่อยดีกว่าเนอะเดี๋ยวโดนแบบคราวก่อนน้า..." เด็กหนุ่มว่าแรงที่ดึงรัดร่างเขาไว้ทำให้สัญชาตญานการป้องกันตัวของเขาเริ่มส่งสัญญาณเตือน แต่เมื่อกี้ก็ดื่มไปเยอะอยู่เหมือนกันทั้งๆที่ยังไม่มีกับแกล้มเสียด้วยซ้ำ
"คุณแมกซ์เป็นไรมากป่ะนี่...อกหักมารึไง" อาจเพราะความสงสัยกับความเมานิดๆทำให้กล้าถามไปแบบนั้น
" อะไร .. จะทำอะไรได้วะ? "พศวัตหัวเราะในคอก่อนจะทำในสิ่งที่ตัวเขาเอง และสมปองก็คิดไม่ถึง
ริมฝีปากหนา อุ่นร้อน ประกบกับริมฝีปากบาง เล็กๆ ของเด็กในร้านทันที พร้อมกับปลายลิ้นร้อนที่ลากไล้กับริมฝีปากนั้นให้เผยอออกมือที่กอดเอวเล็กนั้นไว้ไต่เข้าไปในชายเสื้อยืดลากไล้ไปตามแนวสันหลังแล้วจับท้ายทอยให้เงยหน้าขึ้นรับจูบจากเขาอย่างชำนาญ
"อื้อ....."สมปองได้แต่ส่งเสียงประท้วงในลำคอ ปลายลิ้นที่รุกร้ำเข้ามาตามเฝ้าประกบแม้เขาพยายามจะหนีสองมือดันอกอีกฝ่ายออกระยะประชิดเช่นนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย ในสมองสั่งการล่าช้าไปกว่าทุกที ยิ่งปลายนิ้วไล้ไปตามแผ่นหลังยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนจะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไหล่ทั้งสองข้างกระตุกเมื่อรู้สึกถึงเรียวลิ้นที่เข้ามาสัมผัสอยู่ในริมฝีปาก เกี่ยวรัดกับปลายลิ้นที่พยายามจะถอยหนีของเขา ดูดดึงให้เข้าไปอยู่ใต้การครอบครอง ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกโพลงด้วยตกใจ ก่อนจะต้องปิดลงอีกครั้งเพราะเขาเริ่มจะหายใจไม่ออกสองมือพยายามดันร่างของอีกฝ่ายออก
พศวัตถอนริมฝีปากออก ปลายลิ้นเลียที่ริมฝีปากของสมปองเบาๆราวกับจะยั่ว ก่อนจะพล็อยหลับไปตรงนั้นเอง โดยที่มือไม้ก็ยังล้วงเข้าไปในเสื้อของอีกฝ่ายอยู่เลย
"อ่ะ....................อะไรวะเนี่ย...." สมปองพูดออกมาพร้อมแรงถอนหายใจ เขาหายใจเข้าออกรุนแรง ในหัวใจเต้นไม่เป็นซ่ำ ที่ริมฝีปากยังรู้สึกถึงความชื้นจากเรียวลิ้นที่ไล้เล็มอย่างยั่วเย้าเมื่อครู่
และในตอนนี้ใบหน้าคมของพศวัตยังกองอยู่กับอกเขา...เด็กหนุ่มทิ้งหัวลงกับโซฟาในหัวเขายังคงมึนงงคิดอะไรไม่ออก จนรู้สึกได้ถึงมือที่ยังสัมผัสอยู่ใต้ผิวผ้าเด็กหนุ่มรีบดึงตัวเองออกจากการทาบทับของอีกฝ่ายทันที
"เมา....เมา....แม่ง เมาแหงม...." สมปองพึมพำกับตัวเองหัวใจยังไม่กลับมาเต้นเป็นปรกติ รู้ได้เลยว่าใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเมื่อครู่มันคืออะไร แต่เพราะรู้แจ่มแจ้งเกินไปต่างหาก ประสบการณ์ตรงนี่มันส่งผลกระทบได้มากมายขนาดนี้เลยหรือไง ดวงตากลมหันซ้ายเหลียวขวา เขาควรจะทำอะไรในตอนนี้ สัมผัสที่ควรจะรู้สึกแขยง....
"ล้างปากด่วนเลยกู....." ว่าแล้วก็คว้ากระป๋องเบียร์ที่เปิดทิ้งเอาไว้มาดื่มพรวดๆ และต่อเนื่องจากนั้นไปอีกหลายกระป๋อง มากเสียจนผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่แน่ใจ