เล้าเป็ดไม่ดีตรงหนายยยย
แต่ว่าจิ๊บใช้ชื่อจริงเลยเหรอคับ
นั่นสิคะ ..ชาวเล้าออกจะน่ารักเนอะ
น้องจิ๊บใช้ชื่ออื่นไงคะ แต่แบบด้านบนน้องลอคอินจากเครื่องพี่ก้อง รูป protait มันตรงกัน พี่เค้าก็เลยรู้น่ะค่ะ .. ตามนั้น
พี่ก้องเอางานช้างมาให้จิ๊บอีกแระ
ช่างเป็นแฟนที่ดีเลศประเสริฐศรีจริงๆนะพี่ก้อง
งานเข้าแร้ววววว
กี๊ดดดดด งั้นชวนพี่ก้องมาอยู่ในเล้าด้วยกันเลยน่ะน้องจิ๊บ
อย่าเพิ่งโกดเลยน่ะ
รีดเดอร์ชอบว่าพี่ก้องหัวโบราณ แล้วเค้าจะมาอยู่ด้วยไหมคะนั่นนน อิ อิ
อาร๊าย ลุง มะรุจักเหรอ เล้าเป็ดอ่ะ
โหยยยยยยยยยยยยยย เชยอ่ะ
เออ เนาะเป็นลุงนี่หว่าจะรู้จักเล้าเป็ดได้ไงอ่ะ
ตะว่า จิ๊บ เอ้ย งานเข้าเระ เอาไงดีเนี่ย สงสัยลุงคงมะชอบอ่ะ
แต่ว่าก็เนาะ คุยกับจิ๊บดี ๆ หน่อยนะลุง นะ สงสารเด็กดอยตาดำ ๆ
ช่วยกันขอร้องพี่ก้อง เร้วววว
ปล. รีดเดอร์คะ .. คราวหน้าเตรียมทิชชู่กันมาด้วยนะคะ
ด้วยรัก
ไรเตอร์+โคไรเตอร์ อิ อิ
ไรเตอร์คะ... ทิชชู่คงซับไม่พอค่ะ ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ด้วยความขอบคุณค่ะ
เป็นความคิดที่ดีค่า.......เรื่องผ้าเช็ดตัว... มาต่อกันเถอะค่ะ ..
ไรเตอร์จะช่วยซับน้ำตานะ
+++++++++++++++
คำถามของอีกฝ่าย ทำเอาคิ้วต้องเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ ดวงตากลมโตมองที่โน๊ตบุค ตรงหน้าของคนรัก
" ทำไม เหรอครับ? " เด็กหนุ่มถามเสียงเบา
"พอดีมันมีขึ้นมาในคอมพี่...เลยเปิดดู" ชายหนุ่มดันเก้าอี้ล้อเลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้เห็นหน้าจออย่างถนัดตา ดวงตาคมยังไม่ละจากใบหน้าของอีกฝ่าย
"จิ๊บเอาเรื่องของเราไปเล่าให้คนอื่นฟังเหรอ" ไม่มีคำลงท้ายเหมือนอย่างทุกที เช่นเดียวกับสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไป ฟังดูเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก
" ก็...ไม่มีใครรู้นี่เราเป็นใคร
จิ๊บไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลย! " ท่าทางของอีกฝ่ายที่ทำราวกับเขาผิดนักหนาทำให้เด็กหนุ่มต้องเถียงขึ้นมาเสียงดัง
ถ้าไม่มีคนพวกนี้ บางทีเขาอาจจะถอดใจเรื่องก้องภพไปนานแล้ว ไม่ได้มีความสุขอย่างทุกวันนี้หรอก
"ไม่เสียหาย?...นั่นซิ่นะ..." ก้องภพเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาอีกฝ่าย
"มันไม่เสียหาย....อะไรเลย" มือแกร่งเดินเข้าไปจับแขนของอีกฝ่าย
"เล่าให้คนอื่นฟังเสียละเอียด....ไม่เสียหายอะไรเลยจริงๆ!" " โอ๊ย! เจ็บ! "แขนขาวไม่ได้แค่โดนจับ แต่ด้วยความโกรธจึงทำให้ก้องภพออกแรงบีบไปด้วย ใบหน้าคมที่เคยฉายแววใจดี บัดนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน
" พี่จะคิดยังไงก็ช่าง แต่ถ้าไม่มีพวกเขา .. จิ๊บไม่ได้มาอยู่กับพี่แบบนี้หรอก! "ใบหน้าสวยนิ่วด้วยความเจ็บแต่ก็ยังเถียงไม่เลิก
"พี่จะคิดยังไง...ก็ช่าง..อย่างนั้นเหรอ?..."ชายหนุ่มทวนคำ
"ชอบเอาเรื่องบนเตียงไปโพทนาให้ชาวบ้านเขารู้?...อย่างนั้นเหรอ!" ก้องภพขึ้นเสียง
เห็นท่าทีที่ไม่ได้สำนึกผิดหรือฉุกคิดอะไรทั้งในการกระทำและคำพูดของตนเองเลยแบบนั้นทำให้ก้องภพยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ชายหนุ่มแทบกระชากอีกฝ่ายไปที่ประตู
"งั้นก็ไป...ออกไปด้วยกัน"
" โอ๊ย! บอกว่าเจ็บไง ปล่อย!! "ร่างเพรียวสะบัดแขนออกจากอีกฝ่ายยอ่างแรง แต่เรี่ยวแรงเด็กหนุ่มอย่างเขากลับสู้แรงคนอายุมากกว่าอย่างก้องภพไม่ได้เลย
"ทำไมล่ะ...ไม่ชอบ? พี่จะพาจิ๊บออกไปโชว์ข้างนอกไง เล่าแค่ตัวหนังสือจะสนุกอะไร จริงไหม"
ก้องภพหยุดพลางหันมามองหน้าของอีกฝ่าย มือแกร่งคลายออกเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยออกจากแขนของจิ๊บ ....นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกร้อนจนแทบอยากจะระเบิดออกมาแบบนี้
ซึ่งจิ๊บก็อาศัยจังหวะนั้นสะบัดตนเองให้หลุดพ้นจากอีกฝ่ายทันที ข้อมือขาวเป็นรอยบีบอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมมองอีกฝ่ายราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน
...พี่เป็นอะไร จิ๊บบอกพี่แล้วว่าเจ็บไม่ใช่เหรอ..." จิ๊บจะกลับ.. "
"ไปใส่เสื้อผ้าซะ... "ก้องภพเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
"พี่ขอบอกแค่ว่า เรื่องอะไรเล่าได้ เรื่องอะไรเล่าไม่ได้จิ๊บเองก็น่าจะกลั่นกรองเองได้บ้าง คำว่าส่วนตัวของคน ลิมิตมันถึงแค่ไหนพี่ก็อยากจะให้จิ๊บลองนึกถึงใจของพี่บ้าง ..อย่ามาบอกว่าพี่ไม่เข้าใจจิ๊บ... หรือพี่ทำตัวแย่กับจิ๊บ..เพราะสิ่งที่จิ๊บพูดมันก็อธิบายตัวเองดี" ชายหนุ่มหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วเดินไปที่ประตู
"แต่งตัวเสร็จแล้วก็กลับไปเองนะวันนี้ พอดีพี่มีงานค้างไว้....คงไปส่งไม่ได้" ว่าพลางก็เดินลงไปข้างล่าง ไม่ได้หันมามองหน้าอีกฝ่ายอีกเลย
ก้องภพกัดริมฝีปากแน่น เขาไม่อยากเห็นหน้าของอีกฝ่าย แววตาที่เห็นนั้นมันทำให้เขานึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่แม้อยากจะลืมก็ทำไม่ได้
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ตัวเองก่อนจะเดินออกไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที
...กลัวซิ่นะ....ใช่แล้ว...ต้องกลัวซิ่นะ... เด็กหนุ่มใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเก็บกระเป๋าออกจากบ้านหลังนั้นทันที ไม่สนเจ้าเคนที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาเสียด้วยซ้ำ
ตลอดทางที่นั่งรถเมล์กลับหอ จิ๊บขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกปนเปกันหลายอย่างทั้งโกรธ ทั้งไม่เข้าใจ
ในเวปบอร์ดนั่น ... มีผู้คนมากมายให้กำลังใจจนเขาได้คบกับผู้ชายคนนี้ .. ตัวเขาเองที่มาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง เรียนหนังสือก็เรียนภาคพิเศษ เพื่อนก็ไม่มีที่ไหนอีก แล้วยิ่งตัวเขาเป็นแบบนี้ จะให้ถามใครได้...
... แล้วกับการที่เขาปรึกษา คนพวกนั้น ทำไมถึงต้องโกรธขนาดนี้!...
+++++++++++++++
ในสายของวันรุ่งขึ้น ก้องภพแต่งตัวสบายๆเดินออกไปที่หน้าปากซอยเพื่อซื้อกาแฟเหมือนเช่นทุกๆวัน
ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในร้าน บนใบหน้ามีเหงื่อซึมเล็กน้อย แต่ดวงตาคมนั้นไม่ได้มองหาพนักงานคนเดิมของร้านเหมือนเช่นเคย
"น้อย...คาปูชิโน่ไม่หวาน...แก้วนึงครับ" ก้องภพเรียกพนักงานอีกคน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำ
คนที่ยืนชงกาแฟอยู่เงยหน้าขึ้นจากเครื่องแล้วหันไปตามเสียงที่คุ้นเคยทันที
"อ่า....เอ่อ......."เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อดูท่าจะแปลกใจไม่น้อยเพราะแต่ไหนแต่ไรก้องภพก็มักจะสั่งกาแฟกับจิ๊บอยู่เป็นประจำ ก่อนจะเดินเกาหัวแกรกเข้าไปหาก้องภพ
"คาปูชิโน่ไม่หวานหนึ่งนะฮะ...คุณก้องจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ"
"ไม่ล่ะ แค่กาแฟก็พอ...วันนี้พี่อยู่ไม่นาน" ก้องภพตอบ ไม่ได้หันไปมองหน้าของจิ๊บเลยแม้แต่น้อย
จิ๊บเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเทกาแฟใส่แก้วทรงสูง เพื่อรอเสิร์ฟ แล้วทำคาปูชิโน่ให้ก้องภพต่อ
"พี่จิ๊บ เดี๋ยวแก้วได้แตกพอดี" น้อยเดินมาสะกิดๆคนที่ทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าเคาท์เตอร์
แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันดี เสียงกระดิ่งจากในครัว ก็ทำให้น้อยต้องเอาสปาเก็ตตี้ไปเสิร์ฟ พร้อมกับกาแฟนั่นเสียแล้ว
น้อยก็แทบจะปรี่เข้าไปเอาเมนูทั้งสองมาใส่จานก่อนจะเดินไปเสิรฟกาแฟที่โต๊ะสาม ริมหน้าต่าง และ สปาเกตตี้ให้กับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกัน
"กาแฟฮะคุณก้อง" เด็กหนุ่มวางแก้วกาแฟลง ดวงตานั้นมองหน้าของเจ้าของชื่อที่ดูเคร่งเครียดกว่าปรกติอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปเสริฟสปาเกตตี้ให้อีกโต๊ะ
"เขาเป็นอะไรกันน้อสองคน" น้อยบ่นพึมพำเมื่อเข้ามาถึงห้องครัว
" แล้วไปยุ่งอะไรกับเขาวะ? "เสียงห้าวๆดังขึ้นมาจากในครัว
" เอ้า คลับแซนวิช โต๊ะห้า "
"ก็ไม่ได้ยุ่งนี่เฮีย แค่ส่งสัยปรกติ ดูพี่เขาคุยกันดี๊ดี...." ว่าพลางก็บุ้ยใบ้ไปทางจิ๊บที่ยืนชงกาแฟ คนๆเหมือนจะตำส้มตำ
เด็กหนุ่มเกาหัวอีกระลอกก่อนจะเดินเอาคลับแซนวิซไปเสริฟ
ดูเหมือนว่าแขกที่มาที่ร้านจะไม่ได้สนใจกับกาแฟตรงหน้าซักเท่าไร กาแฟที่ชงมาเสียดิบดียังไม่ทันพร่องก้องภพก็เอนตัวออกมาจากโต๊ะ
"น้อย เก็บเงินด้วย"
"ฮะ? ...ครับ? ....จะกลับแล้วเหรอครับ" พนักงานเสริฟของร้านเลิกคิ้วสูง "งั้นซักครู่นะฮะ..." เด็กหนุ่มว่าพลางวิ่งไปกดเครื่องกดเงิน
แล้วก็วิ่งกลับมาใหม่อีกครั้ง
"ทั้งหมดก็ แปดสิบบาทครับ" เด็กหนุ่มว่าพลางยื่นถาดที่มีบิลวางอยู่ใส่ให้กับอีกฝ่าย
ก้องภพวางเงินลงหนึ่งร้อยบาท ก่อนจะลุกเดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ดวงตากลมโตของคนชองกาแฟได้แต่มองตามร่างสูงนั้นไป
.. เขากำลังเตรียมรับมืออยู่แท้ๆว่าถ้าก้องภพเข้ามาถึงที่นี่จะทำยังไง ..แต่อีกฝ่ายกลับ...
ขอบตากลมโตนั่นร้อนผ่าว .. หัวใจมันเจ็บโดยไม่รู้สาเหตุ
...ก้องภพไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว...
ช่วงเลิกงานในตอนสี่ทุ่มน้อยโบกมือลาเชฟร่างใหญ่ที่รีบรุดจะไปที่ใดซักที่ ก่อนจะหันกลับมาเห็นจิ๊บนั่งซึมอยู่ตรงเชิงบันไดหลังจากเปลี่ยนเสื้อเสร็จ
"อ้าว พี่จิ๊บ ไม่รีบกลับเหรอ เดี๋ยวฝนตกนา"
" เอ่อ .. กำลังจะกลับพอดี .. งั้น ไว้เจอกันนะ "
เสียงเรียกของเด็กในร้านทำให้จิ๊บรู้สึกตัว เขารีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไปทันที
+++++++++++++++
อากาศร้อนเหนียวเนอะหนะ อีกไม่นานฝนก็คงตก
และมันก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเดินไปยังไม่ถึงป้ายรถเมล์ ฝนก็ดันตกลงมาเสียก่อน เขาจึงวิ่งไปหลบในเซเว่น แอร์เย็นจัด ทำให้สั่นด้วยความหนาว
แต่อาศัยเซเว่นหลบฝนอยู่นาน ก็ไม่มีทีท่าว่าฝนจะหบุดตกเสียที
รถเมล์ก็คงจะใกล้มาแล้ว .. ขืนรอต่อไปก็คงไม่ได้กลับไปแน่ .. และเขาก็คงกลับไปอยู่กับคนท้ายซอยคนนั้นไม่ได้ด้วย...
คิดได้แบบนั้นจึงวิ่งตากฝนไปแออัดกับคนที่รออยู่ก่อน จนกระทั่งได้ขึ้นรถเมล์ในที่สุดด้วยสภาพทั้งเปียกทั้งหนาว
แม้จะลงรถแล้วก็ยังต้องยอมตากฝนเดินต่อไป การกลับถึงห้องของจิ๊บวันนี้จึงต้องผจญทั้งความลำบากกายและใจ
สุดท้าย การได้เป็นพระเอกมิวสิควีดีโอกลางสายฝนก็ต้องแลกมาด้วยอาการ ปวดหัวแทบระเบิดจนลุกไม่ขึ้นจนได้
+++++++++++++++
วันร่งขึ้นถึงจะสายมากแล้ว แตยังไม่เห็นวี่แววว่าจิ๊บจะมาทำงานน้อยจึงได้ดทรไปหา แต่ก็ต้องได้ยินเสียงแหบพร่าของคนป่วยลอดมาตามสาย จิ๊บเข้ามาทำงานในวันนี้ไม่ได้เป็นแน่ คิดได้แบบนั้นก็รีบโทรไปหากตัญญูทันที
"เฮียย....พี่จิ๊บไม่บายอ่ะ....สงสัยมาทำงานไม่ไหวแหงม"
" สงสัยจะตรอมใจว่ะ ฮะ ฮะ "กตัญญูไม่วายพูดติดตลก
" ก็ถ้าจิ๊บมันไม่มา แกก็ทำแทนไปละกัน "พูดไปแบบนั้นแล้วเกิดไปเปิดเตาอบ แล้วจัดการกับหน้าเค้กให้สวยงาม แล้วใส่ตู้เย็นแบบโชว์ด้านหน้าของร้าน
"หา...จะกินกันได้รึเปล่าน้อ....ฮ่วย..." น้อยโวยวาย
"คุณรามินทร์อ่ะ ไม่มาเหรอ..."
" เดี๋ยวลองโทรดูก่อน ...ก็แล้วกัน "
แมนว่าแล้วเที่ยงไปโทรศัพท์ที่หลังร้าน ข้อตกลงเดิมยังคงใช้ได้ ถ้าจิ๊บป่วย รามินทร์จะมาทำงานแทน
"จะมาใช่ไหมอ่ะ...โหยเฮีย ให้ผมชงอ่ะก็ชงได้นะ แต่ระหว่าง อร่อยเฉยๆ กับ อร่อยสุดๆ เนี่ย อร่อยสุดๆ มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วใช่ม้า" ว่าพลางก็เดินไปสะกิดๆเชฟร่างใหญ่
ว่าพลางก็ยิ้มแห้งๆ เขาแค่คิดไม่ออกว่านรกเวลาต้องวิ่งไปวิ่งมาไหนจะรับออเดอร์ไหนจะเสริฟ ไหนจะชงเนี่ยมันเป็นยังไงก็เท่านั้น
ริมฝีปากหนายิ้มน้อยๆ เมื่อรามินทร์รับปากว่าจะมาช่วย
" มาดี่วะ เรื่องชงกาแฟน่ะ ข้าว่าให้มินเขาทำคงดีกว่าให้เอ็งทำว่ะ "มือแกร่งขยี้ผมอีกฝ่ายไปมา แล้วหัวเราอย่างอารมณ์ดีขึ้น ผิดหูผิดตา
+++++++++++++++
เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ต้องนอนซมด้วยพิษไข้อยู่เกือบวัน โชคดีที่ในห้องยังมียาแก้ไข้ และโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป โทรศัพท์มือถือถูกเปิดเอาไว้ แต่ก็ไม่มีใครโทรมา...
มองไปยังเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กนั้น หวังว่ามันจะส่งเสียงร้องขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่มีเลย
ในวันเดียวกันชายหนุ่มร่างสูงเดินไปยังร้านกาแฟร้านประจำ เขาหยุดกึกอยู่ที่หน้าร้านเมื่อมองเข้าไปด้านในแล้วเห็นว่าใครบางคนไม่อยู่ชงกาแฟและมี น้องชายของคนที่ต่อยเขาเสียจนหน้าหงายเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนมายืนทำหน้าที่แทน
น้อยที่หันออกมาเห็นร่างสูงนั้นพอดีก็โบกมือไม้ ก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับถาดสแตนเลส ที่ยังอยู่ในมือ
"คุณก้องฮะ ไม่เข้าไปด้านในล่ะครับ....วันนี้น่ะ กาแฟอร่อยที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยนะฮะ เจ้าของร้านเขามาเอง"
"อ่า...แล้วจิ๊บล่ะน้อย ...ไม่มา? " เห็นจิ้บไม่อยู่แบบนั้นใจก็นึกร้อนรน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าคนเรานั้นจะใจร้อนเพราะเรื่องสองเรื่องในเรื่องคราวเดียวกันได้ไหม
"พี่จิ๊บป่วย ลาตั้งกะเมื่อวาน..." เจ้าน้อยว่า
"จะเข้าไปด้านในไหมฮะ...เดี๋ยวผมบอกคุณมินให้ได้ว่าคุณก้องชอบรสแบบไหน"
"ป่วยเหรอ...อืม..จะเป็นอะไรมากไหมนะ "ก้องภพพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะชะเง้อชะแง้เข้าไปด้านในร้าน
"....คุณแมกซ์มาที่ร้านหรือเปล่าล่ะ" ก้องภพเอ่ยถาม
"ไม่มาฮะ...มีอะไรเหรอครับ?" น้อยยังถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ไม่มีอะไรหรอก...ไปเข้าไป..สั่งคาปูชิโน ให้พี่ด้วย อ้อ แล้ววันนี้ขอสปาเกตตี้มีทซอสด้วยนะ" ก้องภพหัวเราะกับท่าทางแบบนั้นของเด็กหนุ่มก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะสามด้านในสุดของร้าน
เห็นได้ว่าร่างสูงโปร่งของก้องภพเดินเข้ามา บาริสต้าและโอนเนอร์คนเก่งของร้าน ดูจะชะงักงันจากงานตรงหน้าแทบจะในทันที ดวงตาสวยหันเหลือบไปมองด้านหลัง ลึกเข้าไปในห้องครัว
ร่างสูงใหญ่ของกตัญญูยังคงทำงานอย่างขมีขมัน... อย่างน้อยวันนี้เขาก็มีแบ็คอัพที่ดี กว่าพี่ชายแท้ๆยืนอยู่ มันคงไม่เป็นอะไรมากนัก
"คุณรามินทร์ฮะ ขอคาปูชิโนเย็น ไม่หวานนะครับ โต๊ะสาม.....ขอบคุณฮะ..."น้อยกระโดดสกิปเล็กๆเข้ามาหาบาริสต้า ก่อนจะวิ่งฉิวไปที่หน้าต่างบานเล็กๆพร้อมกดกระดิ่ง
"เฮีย ออเดอร์ คุณก้องมีทซอสมื้อเที่ยงหนึ่ง...."
" เออ " ปกติแล้ว แมนจะไม่เปิดหน้าต่างห้องครัวออกมาหากอาหารยังไม่พร้อมเสิร์ฟ แต่วันนี้ชายหนุ่มผิวเข้มกลับเปิดประตูออกกว้าง
ดวงตาสีเข้มมองไปยังคนทั้งคู่ แล้วหันไปสนใจแซนวิชต่อ
"โอ๊ะ วันนี้มาแปลกวุ้ย..." น้อยพึมพำก่อนจะคว้าผ้าเช็ดโต๊ะไปเช็ดโต๊ะต่อ
และดูเหมือนว่าจะน่าแปลกอีกเช่นกันที่รามินทร์ซึ่งดูจะไม่ค่อยอยากเข้าใกล้แขกคนไหนเดินถือแก้วคาปูชิโนไปวางไว้ตรงหน้าก้องภพที่ มองผ่านขอบหนังสือที่ทำท่าเหมือนจะอ่านมาตลอด
"มองหาใครที่เคาท์เตอร์เหรอ...ไม่มีหรอกนะ วันนี้เด็กคนนั้นหยุด" ดวงตาคู่สวยนั้นจ้องหน้าของก้องภพฉายด้วยแววกร้าวอย่างอธิบายไม่ถูก
"วันนี้ได้กินกาแฟฝืมือมิน...พี่คงโชคดีมาก" ชายหนุ่มหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาชิม "ยังอร่อยเหมือนเดิม"
"นั่งซิ่..." ก้องภพว่าพลางยื่นมือออกไปหมายจะดึงเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง แต่รามินทร์ขยับถอยอัตโนมัติ
"ไม่ล่ะ...วันนี้คนไม่พอ...เด็กมันป่วย นี่คงไม่ได้ไปทำเขาป่วยอีกหรอกใช่ไหมล่ะ ได้ข่าวว่าพี่ถนัดนักนี่กับการทำให้คนอื่นนอนซมอยู่กับเตียงน่ะ..."
น้ำเสียงที่เอ่ยถึงคนเจ็บนั้นมีนัยแอบแฝง และก้องภพรู้ดีว่ามันคืออะไร....อดีตที่หลอกหลอนเขามาโดยตลอด...และแน่นอน คนที่อยู่ตรงหน้าก็เช่นกัน
ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง ใบหน้านั้นมองมายังเขาด้วยท่าทีรังเกียจ มองเหมือนอยากจะให้เขาออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
"มิน.....ช่วยฟังพี่หน่อยจะได้ไหม" ก้องภพมีสีหน้าลำบากใจมากกับการพูดในสิ่งที่ต้องการจะบอกอีกฝ่าย
"มินไม่มีความจำเป็นจะต้องฟังอะไร...แค่นี้นะ ลูกค้าของร้านนี้ไม่ได้มีแต่คุณคนเดียว" ร่างเล็กกว่าพูดพลางหันหลังให้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัว สวนทางกับน้อยที่ถือสปาเกตตี้มีทซอสที่จัดมาเป็นเซ็ททานคู่กับขนมปังและซุปใสออกมาเสริฟ
ซึ่งก้องภพก็ได้แต่มองตามร่างบางนั้นไปก่อนจะถอนหายใจ
....พี่คงจะเก่งแต่ทำเรื่องแย่ๆใส่คนอื่นซี่นะ.....
ชายหนุ่มนั่งทานสปาเกตตี้ต่อไปอย่างเงียบๆ จนแม้แต่น้อยเองก็แทบจะลืมการมีอยู่ของลูกค้าขาประจำไปเลย
+++++++++++++++
จิ๊บลาป่วยสามวัน ตลอดเวลานั้น รามินทร์ก็มาทำงานแทน แต่ท่าทีของเจ้าของร้านกับเชฟคนเก่งกลับแปลกไป ส่วนน้อยเองก็มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนกัน จนไม่ได้สนใจใครๆอย่างทุกที
บรรยากาศของร้านดูแปลกๆไปเลยทีเดียว
อาทิตย์หน้าจะสอบแล้ว...แต่จิ๊บกลับรู้สึกห่อเหี่ยว ตลอดสามวันที่ลาป่วยมานี่ไม่มีใครโทรมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขาเลย คนอื่นยังพอเข้าใจได้ แต่ก้องภพ...
" พี่ไม่สนใจเลยใช่ไหม ว่าจิ๊บหายไปไหน เป็นอะไรไป? "
เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองขณะที่นั่งมองกองหนังสืออย่างหดหู่
ทันใดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แต่จิ๊บก็ต้องผิดหวังเมื่อเบอร์ที่ปรากฏนั้นเป็นเบอร์ของแม่ไม่ใช่ใครที่รอคอยอยู่
"จิ๊บ...ทำอะไรอยู่น่ะ กินข้าวหรือยัง "เสียงที่คุ้นเคยดังที่ข้างหู
" จิ๊บอ่านหนังสือครับแม่..ข้าวก็..กินแล้วครับ "
เสียงนั้นแผ่วเบาลงในประโยคหลัง น้ำเสียงใจดีของผู้เป็นแม่ที่ใกล้หู นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยิน นับเดือนแล้วที่เขาเอาแต่อยู่กับก้องภพ ไม่ติดต่อกับที่บ้านเลย
"เสียงไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย...อย่าอ่านมากจนเป็นลมล้มพับเอาล่ะ สุดท้ายจะไม่ได้ไปสอบเอา"
" พอดี ฝนตกหนักแถวหออะครับ ไม่สบายนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีแล้วครับ .. พอแม่โทรมาก็หายเลยล่ะ "
จิ๊บพยายามร่าเริง เพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ แต่มีหรือที่จะปิดอะไรได้
"อย่ามาทำพูดดีเลยเรา กินยาพักเยอะๆนะ...แล้วถ้ามีอะไรที่มันไม่สบายใจจริงๆ จะเล่าให้แม่ฟังบ้างก็ได้ ...แม่มีลูกชายอยู่คนเดียวก็เป็นห่วงนะ"
"......................."
เด็กหนุ่มได้แต่เงียบ รู้สึกร้อนผ่าวที่ชอบตาทั้งๆที่อาการไข้หายไปแล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าจิ๊บ"
" แม่ครับ..คือ..จิ๊บ........เหนื่อย แม่..จิ๊บไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ "มือเรียวกำโทรศัพท์แน่น
"ถ้าไม่สบายใจที่จะอยู่ จะกลับบ้านเราก็ได้นะลูก..." " ไว้...จิ๊บสอบเสร็จก่อนนะครับ อาทิตย์หน้านี้แล้ว .. แล้วจิ๊บจะโทรหาแม่นะครับ "
คำว่าบ้านทำให้หยดน้ำตาที่กักเอาไว้ไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ มือข้างว่างรีบเช็ดมันออกทันที
"จ้ะ แบบนั้นก็ได้ ตั้งใจสอบล่ะ แต่อย่าหักโหมให้มากนักนะ"
จิ๊บรับคำผู้เป็นแม่ ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไป นึกโกรธตัวเองที่เวลามีความสุขไม่ได้นึกถึงคนๆนี้ แต่เวลามีความทุกข์กลับนึกถึง เขาเป็นเด็กที่แย่มากเลยสินะ
เพราะฉะนั้น เพื่อแม่ เขาควรจะเลิกเศร้าได้แล้ว! +++++++++++++++
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับจิ๊บทำให้ก้องภพไม่สบายใจ และมันแสดงออกมาทางผลงานของเขาอย่างเห็นได้ชัด ภาพวาดสีน้ำมันมีแต่ความยุ่งเหยิงและจิตใจของเขาสับสน เขาไม่พอใจอย่างมากที่จิ๊บดูจะทำอะไรตามใจตัวเองไปซักนิด และเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเขาเลย ทั้งๆที่ตลอดเวลาไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำตัวดื้อดึงเช่นไรเขาก้ไม่เคยจะว่าซักครั้ง และมักจะถามความต้องการของอีกฝ่ายตลอด
ที่สำคัญที่สุดคงจะเป็น เขาโกรธที่อีกฝ่ายเอาเรื่องราวของเขาและตนไปเล่าให้ใครต่อใครฟังเช่นนั้น
....ทุกคนจะรู้จักคนรักของเขาหมด... มันเป็นความหึงหวงในส่วนนึง และเขาได้แสดงออกความไม่พอใจตรงนั้นออกไปให้อีกฝ่ายเห็น
เช่นเดียวกันกับในอดีต...
"
พี่มันก็ดีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บซิ่นะ มิน...มินพูดไม่ผิดเลย"