II
“ถ้าน้ำซุปตื่น เราไปดูพระอาทิตย์ที่ภูเก็ตดีไหม”
“วันนี้ลีโอเข้มแข็งแล้วนะ .......เข้มแข็งพอที่จะเห็นน้ำซุปนอนขี้เซาอย่างนี้ตลอดไป โดยไม่ตื่น”
นิค และ นิครอส ได้แต่มองคนเป็นนายอย่างเป็นห่วง ปากบอกว่าเข้มแข็ง แต่เมื่อกี้เพิ่งเดินเข้าไปหลั่งน้ำตาเงียบๆคนเดียวในห้องน้ำอยู่เลย
1 เดือน ที่ หัวใจดวงที่สองของ ลีโอ แอ็คซายน์ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง
1 เดือน แห่งความโศกเศร้า แต่เคล้าไปด้วยความรัก ความเอาใจใส่ที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้
1 เดือน ที่ลีโอ แอ๊คซายน์ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิตชีวา ขยับเคลื่อนไหวก็เพียงร่างกายเท่านั้น
ร่างของคนป่วยนอนนิ่งอยู่ที่เตียงในห้องนอนสีเบส กระท่อมน้อย คอยรักที่ร่างบางเคยบอกว่าชื่อมันลิเกนั้น ณ ตอนนี้ เป็นสถานที่ให้ผู้ป่วยหลบมาพักผ่อน โดยมีแพทย์ประจำตระกูลแอ๊คซายน์ดูแลอย่างใกล้ชิด
“ไปกินอะไรบ้างเถอะนะลูก ผอมจนหมดหล่อแล้วนะ เดี๋ยวน้ำซุปตื่นมาก็ตกใจหรอก” คุณหญิงแพรวเดินเข้ามาโอบบ่าอันแข็งแรงของลูกชาย หล่อนรู้เสมอว่าแท้จริงแล้วภายใต้หน้ากากอันนิ่งเฉย เย็นชา เต็มไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวด
“เดี๋ยวผมลงไปกินครับ เผื่อน้ำซุปตื่นขึ้นมาแล้ว...............”
“หยุดทรมานตัวเองเสียที!!!!” ผู้เป็นมารดาตวาดลูกชายตัวเองอย่างเหลืออด
“..................................”
“ถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน แล้วแม่จะทำอย่างไร แค่นี้แม่ก็รับไม่ไหวแล้วนะ ขอร้องเถอะลีโอ ทานข้าวบ้างเถอะนะ แม่ข้อร้อง”
หัวอกคนเป็นแม่ปวดร้าวทุกครั้งที่เห็นลูกตัวเองทุกข์ระทม นางเองก็ทุกข์พอๆกับลูกชาย แต่อย่างน้อย ให้ข้าวซักจานได้ตกถึงท้องของลีโอบ้างเถอะ แล้วหลังจากนั้นจะมานั่งทั้งวันนางจะไม่เอ่ยปากห้ามปรามเลย
เมื่อร่างสูงพยักหน้า คุณหญิงแพรวก็ยกถาดอาหารมาวางบนตักแล้ว ดวงตาคมเข้มมองคนเป็นแม่อย่างลุแก่โทษที่ทำตัวให้เป็นห่วงอยู่นานสองนาน แต่จะให้ทำไงได้ ใจมันต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่าง หัวสมองมันไม่เบลอไปหมด ความหวังที่เคยมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นก็ริบรี่ลงทุกที
ร่างสูงตักข้าวเข้าปากได้เพียง 5 คำเท่านั้น มากกว่านี้กว่าไม่ไหวอีกแล้ว คุณหญิงแพรวพยักหน้าอย่างจำยอม มันสุดความสามารถของนางแล้วที่จะบังคับให้ลูกชายทานอาหารบำรุงสุขภาพ จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ ลูกชายของนางจะเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อกังขาและข้อโต้แย้ง นั่นก็คือคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นไงล่ะ
“ลูกแม่ วันนี้ก็ยังขี้เกียจอยู่เหมือนเดิมนะ เมื่อไรจะตื่นขึ้นมาซักที ไม่มีคนคอยเรียก คุณหญิงๆ มันน่าเบื่อมากเลย” มารดาของร่างบางเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารบำรุงสุขภาพนานาชนิด นางรู้ว่าลูกชายของนางไม่สามารถตื่นขึ้นมาทานได้ แต่นางก็ยังทำมาเยี่ยมทุกวันอยู่ดี เพราะในใจหวังว่า ลูกชายของนางสุดท้ายต้องฟื้นขึ้นมาอยู่ดี ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้นางก็รอได้
“คุณแม่ ไม่ต้องลำบากทำมาทุกวันก็ได้ เพราะยังไงน้ำซุปก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี” ร่างสูงเดินไปรับตระกล้าเยี่ยมไข้ของมารดาร่างบางแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะข้างๆเตียง ร่างสูงจัดให้คุณหญิงแม่ของร่างบางนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เสร็จแล้วตัวเองก็มายืนอยู่อีกฝาก
“ถึงน้ำซุปยังไม่ตื่นขึ้นมากิน งั้นเราก็กินแทนแล้วกัน เห็นยัยแพรวบ่นกับแม่ว่าเราไม่ยอมทานข้าวทานปลา เดี๋ยวก็ไม่สบายล้มไปอีกคนพอดี”
“ครับๆ ผมพยายามแล้วครับ แต่มันไม่ไหวจริงๆ” มารดาของร่างบางพยักหน้าเข้าใจ เพราะนางเองก็กลืนอะไรไม่ลงเหมือนกัน
“การงานที่บริษัทก็อย่าทิ้งนะ ว่างๆแวะไปดูแผนงานของบริษัทแม่บ้าง ยังไงเราสองคนก็ต้องไปช่วยแม่ทำงานอยู่ดี”
“เดี๋ยวเย็นนี้ผมให้ไอ้นิคไปเอาแผนงานคร่าวๆนะครับ ผมจะเอามานั่งอ่านดูซักรอบ”
ทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ปัญหาต่างๆถูกหยิบยกมาสนทนาหมด ไม่เว้นแม่แต่อาการป่วยของร่างบาง
“ถ้ามันไม่ดีขึ้นจริงๆ แม่ว่าเราน่าจะส่งน้ำซุปไปรักษาต่างประเทศนะลูก” ร่างสูงยิ้มรับเล็กน้อย แล้วก้มลงจูบหน้าผากเนียนของร่างบางาอย่างอดไม่ได้ เรียกรอยยิ้มให้กับมารดาของร่างบางไม่น้อย
“ผมว่าเราน่าจะรออีกซักนิดนะครับ ผมเชื่อว่ายังไงน้ำซุปก็ต้องฟื้น เราต้องให้เวลาเขาซักหน่อย”
“แม่ก็อยากที่จะหวังนะ แต่ดูท่าแล้วลูกแม่ยังไม่ฟื้นง่ายๆแน่ แม่กลัวว่าจะเสียเขาไป”
“คุณแม่เชื่อนะครับ ว่ายังไงน้ำซุปก็ต้องฟื้นอยู่ดี เราอย่าเพิ่งท้อ รอเขากลับมานะครับ” มารดาของร่างบางพยักหน้า ร่างสูงสังเกตเห็นหยาดน้ำตาที่หัวตาของนางเล็กน้อย หัวอกคนเป็นแม่คงร้อนรุ่ม เจ็บแปลบอยู่ในอก เมื่อเห็นสภาพลูกชายตัวเองที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้
คุณหญิงขอตัวกลับไปช่วงบ่ายเพราะต้องไปเตรียมงานและเอกสารให้ร่างสูงได้ศึกษา ลีโอเดินมาส่งมารดาของร่างบางที่หน้าบ้าน จึงเจอกับกลุ่มเพื่อนสนิทของร่างบางเข้าพอดี
“น้ำซุปอยู่ด้านบนน่ะ ขอโทษนะที่ผมไม่ได้ส่งข่าวให้พวกคุณรู้” เหล่าคนใช้เข้ามาถือของเยี่ยมที่เพื่อนสนิทของร่างบางต่างพากันขนมาอย่างเยอะแยะ
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้พวกผมขอรบกวนหน่อยนะครับ” เพียงฟ้าเป็นตัวแทนในการกล่าวขออนุญาตเพราะวันนี้พวกเขากะว่าจะมานั่งเฝ้าเพื่อนตัวเองทั้งวัน
“ไม่เป็นไร เชิญด้านบนกันเลยดีกว่า” ทุกคนต่างทยอยกันขึ้นไปด้านบนหมด เหลือแต่ก็เพียงเคลวินและลีโอที่ยังยืนอยู่ด้านล่างกันสองคน
“ไหวไหมว่ะ อย่าเพิ่งน๊อคนะโว้ย” เคลวินตบบ่าเพื่อนสนิทอย่างให้กำลังใจ ในยามนี้คำพูดสวยหรูดูช่างไม่มีความหมายอะไรเสียแล้ว
“ไม่ไหวก็ต้องไหวว่ะ ถ้าล้มแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนเมียฉันว่ะ” สองเพื่อนซี้เดินกอดคอคุยกันขึ้นไปด้านบน แต่ยังไม่เข้าไปข้างในเพราะอยากให้เพื่อนๆเขาอยู่ด้วยกันเสียมากกว่า
“น้ำซุป ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!! อย่ามาทำตัวขี้เกียจ รู้หรือเปล่าว่าตัวเองทำให้คนอื่นเขาเป็น...ห่วง” นัทพูดไปทั้งน้ำตา เมื่อเห็นสภาพเพื่อนตัวเองแล้วก็อดที่จะหลั่งน้ำตาไม่ได้ ไม่เพียงแต่นัทเท่านั้น ไมค์ ตัส เพียงฟ้า ต้นกล้าก็ยืนร้องไห้ห้อมล้อมเตียงนอนอย่างเงียบๆ
เตรียมใจมาแล้วเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ไม่เคยนึกโกรธ ลีโอ แอ็คซายน์เลยซักนิดที่เพิ่งส่งข่าวไปบอกว่าน้ำซุปโดนลอบยิง เพราะพวกเขาเข้าใจว่าคนที่รับความเจ็บปวดทั้งหมดไว้คนเดียวคือคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั่นเอง
“แกผอมเลยนะ นอนอย่างเดียวแล้วทำไมผอมเอาๆว่ะ” ต้นกล้าเดินเข้ามาลูบหัวเพื่อนตัวเองอย่างปลอบประโลม
“เลิกร้องได้แล้วพวกมึงอ่ะ เดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาเห็นพวกเราน้ำตานองหน้าก็ด่าสาดหรอก” ตัสพูดติดตลกแล้วเดินไปกอดเพียงฟ้าแล้วร้องไห้โหเสียงดังอย่างเก็บไม่อยู่
ทุกคนนั่งคุยนั่งเฝ้าอยู่ในห้องผู้ป่วยตลอดทั้งวัน โดยมีร่างสูงของลีโอคอยเข้ามาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดร่างกายของน้ำซุป อีกทั้งยังคอยทำกายภาพบำบัดให้ตลอดเวลาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อนสนิทของร่างบางมองร่างสูงอย่างชื่นชม ที่ไม่ว่าในยามทุกข์ ยามสุข คนทั้งสองก็ยังคนผูกผันและรักกันอย่างไม่เสื่อมคลาย
กว่าทั้งหมดจะลากลับเวลาก็ล่วงเลยเข้าเช้าวันใหม่ แต่ไฟในห้องก็ยังคงสว่างไม่เปลี่ยนแปลง ร่างสูงยังคงนั่งทำงานเงียบๆข้างเตียง และจะคอยเหลือบดูคนรักตลอดเวลา เพื่อมองหาปฏิกิริยาตอบสนอง แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสายตาของลีโอ เลยซักนิด
ลีโอ แปลว่า เสือ น้ำซุปเคยบอกว่าชื่อนี้เหมาะกับเขามาก เพราะเขาเหมือนเสือที่เต็มไปด้วยความสามารถและความดุร้ายในด้านของวงการธุรกิจ แต่เมื่อกลับบ้านแล้วเสืออย่างเขาก็พร้อมที่จะกลายร่างเป็นแมวตัวน้อยๆที่เชื่องและเชื่อฟังน้ำซุปทุกอย่าง ไม่ว่าร่างบางจะพูดจะบอกอะไร ร่างสูงจะเออ ออ เห็นดีเห็นงามไปด้วยทุกอย่าง
แต่มาบัดนี้ ราชสีห์ผู้เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวในสายตาของทุกคน กลับกลายเป็นผู้ชายที่อ่อนแอคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความกล้า หรือความเข้มแข็งอะไรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ความอ้างว้างที่แสนโหดร้ายกำลังเล่นงานหัวใจเขาจนไม่เหลือชิ้นดี
เพียงเพราะไม่ใครอีกคนมาอยู่เคียงข้าง ความเหงาที่เคยคิดว่าต่อไปนี้มันจะหายไปโดยมีทางกลับมา แต่ ณ ตอนนี้ ไอ้ความเหงาที่ไม่มีตัวตนได้หวนคืนสู่อ้อมกอดเขาอีกครั้ง
เพียงเพราะเป็นคนธรรมดาที่เดินดิน ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่ตอนนี้คนธรรมดาอย่างเขาขาดเสาหลักในการพักพิง ขาดอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่คอยกอดปลอบให้กำลังใจ ขาดเสียงหวานที่จะต้องมาพูดให้ได้ยินทุกวัน
หมดแล้ว ถ้อยคำ คำพูด ที่จะบรรยายความเจ็บปวดที่มันอยู่ในใจ มันหมดแล้ว ตอนนี้เขาแบกรับความรู้สึกนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
วันนี้ขอเป็นผู้ชายที่อ่อนแอได้ไหม
วันนี้ขอร้องไห้คิดถึงคนรักได้ไหม
วันนี้ขอถอดเกาะที่แสนเย็นชาออกจากตัวเองได้ไหม
“ลีโอ เหนื่อยแล้วนะน้ำซุป วิ่งเล่นพอหรือยัง เมื่อไรจะกลับมาเสียที”
ใบหน้าหล่อซบลงที่ลำแขนบางของน้ำซุปอย่างต้องการพักพิง ขอแค่ 1นาทีก็ได้ ช่วยลืมตาขึ้นมาเป็นแสงสว่างให้กับผู้ชายคนนี้ได้ไหม
“ขอวันนี้ให้ลีโออ่อนแอซักวันเถอะนะ ลีโอฝืนทำตัวเข้มแข็งไม่ได้อีกแล้ว............”
เสียงสะอื้นดังลอดผ่านลำคอออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ ผู้ชายตัวโตคนหนึ่งน้อยนักที่จะมีเรื่องให้กระทบกระเทือนใจจนต้องหลั่งเป็นน้ำตาออกมา
เคยคิดว่าถ้าขาดน้ำซุปไป ตัวเองจะอยู่ได้ไหม แต่ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว ว่าหากขาดแสงสว่างของคนตัวเล็กไป ชีวิตเขาคงดำดิ่งสู่ก้นเหวของนรกอีกครั้ง
หยดน้ำตามากมายหลั่งรินสู่มือบางของน้ำซุปที่ร่างสูงยกขึ้นมาพรมจูบอย่างไม่รู้จักเบื่อ สายตาคมทอดมองไปที่ดวงหน้าหวานของคนรัก ริมฝีปากบางของน้ำซุป นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ดูดชิมความหวานของริมฝีปากนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นแววตาสุกใส นานแค่ไหนแล้วที่รอยยิ้มของคนตัวเล็กไม่ได้ปรากฏออกมาให้เขาได้เห็น
แต่แล้วเหมือนปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเมื่อร่างสูงเห็นการเคลื่อนไหวของมือน้อยในอุ้งมือใหญ่ของเขา นิ้วมือเรียวบางค่อยๆขยับไปมาอย่างช้าๆ
+ กับ เม้น จงไหลมาเทมา สาธุ!!!!!!!!!!!!!!