34
เสียงครืดคราดเหมือนมีอะไรครูดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ทำเอาคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงลืมตาตื่น มองบรรยากาศรอบๆห้องยังไม่ทันสว่างดี ไอ้เสือตัวแสบก็ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด กลัวว่าเสียงที่ยังคงดังอยู่ข้างนอกจะไปรบกวนคนนอนหลับก็เลยต้องค่อยๆขยับลงจากเตียง ..ก่อนไปยังไม่วายก้มลงมาขโมยจูบหน้าผากเนียนอีกที
"บ๊อบบี้!! ชู่ว์~~" พอเปิดประตู ไอ้เจ้าตัวทำเสียงดังมันก็วิ่งพรวดเข้ามา ทำท่าจะพุ่งตัวขึ้นไปบนเตียง ยังดีที่หมอปุ่นคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน
ส่วนคนที่บงการไอ้เจ้าลูกชายตัวนี้ก็ยืนอยู่อีกฟากของประตู กำลังชะโงกหน้าเข้ามาเมียงมองในห้องด้วยสายตากึ่งล้อเลียน เดาเอาว่า...คงไม่ต้องอธิบายให้มากความแล้วล่ะมั้ง..ว่าทำไมน้องชายของพี่เต้ถึงยังไม่ตื่น
"คือ..พี่แค่จะมาถามว่า จะไปทำบุญที่วัด หรือจะเปลี่ยนมาตักบาตรที่หน้าบ้านดี" พี่เต้บอกเสียงเบา พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าคุณแม่ครัวคนสวยพี่มุกกำลังจัดเตรียมของให้
"เดี๋ยวผมถามเจ้าตัวให้ก็แล้วกันครับ" หมอปุ่นหันกลับไปมองคนที่ยังนอนหลับบนเตียงอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะหันมาคลี่ยิ้มแหยๆ ให้พี่เต้ที่อุตส่าห์มาปลุกเรียก
"อืม..มีเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าจะใส่บาตรก็ล้างหน้าล้างตาซะ พี่จะได้ให้คนยกของไปตั้งที่หน้าบ้าน" ยังไม่ทันที่หมอปุ่นจะได้เข้าไปถามความเจ้าของวันเกิดในห้อง ก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่เต้สรุปเอาเองไปแล้ว พอเห็นว่าสายตาคนตรงหน้ามองไปข้างใน แต่พอหันกลับมามองก็ยังคงเห็นแต่คนขี้เซาอยู่นั่นเอง
"ขอบคุณครับ.." พี่เต้ส่งยิ้มให้ ก่อนจะกวักมือเรียกไอ้เจ้าลูกชายคนใหม่ของบ้านนามว่าบ๊อบบี้ให้ออกไปด้วยกัน มันยังดื้อดึงหันไปมองคนบนเตียงอย่างลังเล สุดท้ายพี่ชายคนโตของบ้านก็เลยต้องเรียกเสียงต่ำ มันถึงได้เดินคอตกออกไปจากห้องแต่โดยดี
หมอปุ่นเดินกลับมาที่เตียง อยากจะนอนต่ออีกหน่อย อยากกอดไอ้เสืออีกซักนิดก็ยังดี แต่...ถ้าขนาดว่าตักบาตรที่หน้าบ้านยังออกไปสายล่ะก็ คงจะได้โดนแซวกันอีกยาวแน่ ไอ้เสือแสบมันยิ่งเขินโหดอยู่ด้วย กลายเป็นงอนขึ้นมาจะยุ่งกันไปใหญ่
"ตัวแสบ...ได้เวลาตื่นแล้ว!!" ปลุกด้วยการแกล้งบีบจมูกเบาๆ แต่ดูเหมือนจะเบาไปคนหลับก็เลยยังนิ่งสนิท ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับ เลยเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงก่อน ถึงได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไอ้เสือที่กำลังแกล้งหลับ
ที่จริงตื่นตั้งแต่ตอนที่หมอปุ่นขยับตัวลงไปจากเตียงแล้ว พอได้ยินเสียงพี่เต้ถามก็เลยทำไม้ทำมือชี้บอกเป็นนัยๆ ว่าจะทำบุญที่นี่ แล้วก็แกล้งทำเป็นหลับต่อตอนที่หมอปุ่นหันกลับมา ก็แค่..อาย..เพราะดันไปนึกถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะซิ เรื่องที่ทำไปก่อนจะนอนกอดกันทั้งคืนแบบนี้ ยิ่งมันเด่นชัดเท่าไหร่ก็พาลไม่อยากจะลืมตาขึ้นมามองซะอย่างงั้น
"ลักหลับซะดีไหมนะ ขี้เซาแบบนี้" คนแกล้งหลับยังคงนอนนิ่ง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโดนจับพิรุธได้ตั้งนานแล้ว นิ้วมือที่เกลี่ยอยู่บนผิวหน้าทำให้จั๊กจี้จนเผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นหลับตา ทำเนียนเป็นคนนอนละเมอ
"ไม่ตื่นจริงอ่ะ ของขึ้นแล้วนะ..." คำขู่ที่ฟังยังไงก็เหมือนแกล้ง ชีต้าห์แทบจะอดกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะแทบไม่อยู่ ริมฝีปากอุ่นแตะลงบนแก้ม หน้าผาก เลื่อนไปกัดเม้มที่หู แล้วกำลังจะเลยมาที่ริมฝีปากที่กำลังเม้มเป็นเส้นตรง
"อื้อ.." ยังไม่ทันจะได้แตะลงไป เจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมากั้นเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ
"แกล้งหลับเหรอ ตัวแสบ!" จากที่เอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ คนแกล้งหลับก็เลยได้นอนดิ้นไปมา เพราะไอ้พี่หมอมันเอามือจี้เอว ก่อนที่จะปล่อยเสียงหัวเราะจะดังลั่นห้อง
"ฮ่าๆ โอ๊ยๆ เจ็บอยู่ ฮ่าๆ" เท่านั้นแหละคนชอบแกล้งถึงได้หยุดจิ้มเอวไอ้แสบลุกขึ้นมานั่งทำหน้าเหมือนกับว่าตัวเองเจ็บซะเอง ส่วนไอ้ตัวแสบที่ตื่นเต็มตากำลังนอนแผ่บนเตียงหอบหายใจเพราะหัวเราะมากไป
"ขอโทษที..เราลุกไหวไหม" คนที่บอกว่าเจ็บหันมามองคุณหมอขี้แกล้งที่น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง แววตาอ่อนโยนคู่นั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน นี่ล่ะมั้งเวลาที่เรารักใครมากๆ ก็ย่อมจะไม่อยากเห็นความเจ็บปวดของคนนั้น ชีต้าห์แอบถอนหายใจก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างไปวางแปะบนใบหน้าของหมอปุ่น
"ลุกไม่ไหว พี่หมอพาไปห้องน้ำที" ในเมื่อลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะรับผิดชอบด้วยความเต็มใจ หมอปุ่นก็เลยช้อนตัวไอ้เด็กแสบขึ้นมา แต่...อย่าได้คิดว่ามันจะให้อุ้มท่าเจ้าหญิงเหมือนในนิยาย..ไม่ใช่ เพราะไอ้เด็กตัวยุ่งมันไม่ยอมนะซิ!!
"ตกลงว่าจะเป็นลิง หรือเสือกันแน่!!" ไอ้เจ้าเด็กแสบมันทำหน้าบูด ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ยอมให้อุ้มทั้งที่ตัวเองเป็นคนขอ ไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆ พอจะแบกไปก็บอกว่าเจ็บ ยังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว จนต้องย่อตัวนั่งหันหลังให้มันถึงได้โดดขึ้นมาแปะบนหลังเป็นลูกลิงอยู่นี่
บ่นไปก็เท่านั้น เพราะยังไงก็ต้องแบกไอ้เสือที่กลายร่างเป็นลิงเข้ามาในห้องน้ำ วางเจ้าตัวเอาไว้บนชั้นที่เป็นอ่างล่างหน้า บีบยาสีฟันใส่แปรงให้ตามคำสั่งคุณชาย หยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ แอบคิดเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องต่อด้วยอาบน้ำตอนเช้าให้ด้วย ...แต่...แทนที่จะได้ยินคำว่า 'อาบน้ำด้วยกันนะ' หรือไม่ก็ 'อาบน้ำให้ผมด้วยซิ' กลับกลายเป็นว่าโดนไล่ออกมาจากห้องซะก่อน!!
"พี่หมอ..!!" พอโดนดันหลังออกมาจากห้องน้ำจนได้ ไอ้เสือมันยังไม่ปิดประตูโผล่ออกมาแต่หัว พร้อมกับคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่เหลือเค้าของคนเจ็บจนหงอยเหมือนเมื่อกี้
"ขอโทษนะ..เมื่อกี้ผมโกหก"
ปัง!! ประตูห้องน้ำปิดลง ทิ้งให้คนที่โดนไล่ออกมาจากห้องน้ำยืนงงกับประโยคเมื่อครู่ ..กว่าหมอปุ่นจะคิดได้ว่าหลงกลไอ้เด็กแสบก็สายไปเสียแล้ว...!!
หมอปุ่นเดินออกมาจากห้องไปขอยืมห้องน้ำของพี่เต้ใช้ก่อน เพราะขืนรอไอ้เสือมันเสร็จธุระก็จะเปลืองเวลาไปเปล่าๆ แล้วจะเดินไปใช้ที่บ้านของไอ้เจ้าแตงกวาเหมือนเมื่อคืนก็คงไม่ทัน ขนาดว่าเริ่มออกตัวทีหลังยังเสร็จก่อน เลยต้องออกมาช่วยพี่เต้กับพี่มุกยกของไปเตรียมที่หน้าบ้าน แล้วค่อยกลับมาตามตัวเจ้าของงานอีกรอบ
"อ้าว..มาเลยไอ้เสือ พระท่านจะมาแล้วนะ" พอเปิดประตูออกมาจากห้อง พี่เต้ก็คว้าข้อมือน้องชายตัวเอง ก่อนจะลากออกไปหน้าบ้าน เพราะพี่มุกกวักมือเรียกเป็นสัญญาณว่าพระท่านกำลังบิณฑบาตผ่านมาทางนี้แล้ว
"ผมต้องทำยังไงบ้างล่ะ.." ชีต้าห์หันไปกระซิบถามพี่ชาย ด้วยความที่ไม่เคยชินกับการตักบาตรตอนเช้าแบบนี้ เคยไปวัดอยู่ก็แค่สองสามครั้งตอนเด็ก แต่ตอนนั้นก็มีคนจัดการให้หมด ตัวเองแค่ไปรับศีลรับพรเท่านั้นเอง
"หมอปุ่นมาช่วยน้องซิ.." พี่มุกรั้งตัวพี่ชายออกไปแล้วคะยั้นคะยอให้คุณหมอไปช่วย มองผิวเผินเหมือนการตักบาตรธรรมดา แต่สำหรับคนที่รู้จักทั้งคู่ดี คงมองเหมือน...คู่บ่าวสาวกำลังช่วยกันต่างหาก
เมื่อไอ้เด็กแสบมันทำเก้ๆกังๆ ไม่รู้เรื่อง หมอปุ่นก็เลยต้องจับมือเอาไว้ ช่วยประคองให้ตักข้าวใส่บาตร วางกับข้าวที่เตรียมไว้ลงไป เมื่อพระท่านปิดฝาบาตรก็วางช่อดอกไม้สดลงไปแล้วยกมือไหว้ ทำแบบนี้ซ้ำๆ จนกระทั่งถึงพระรูปสุดท้ายโดยมีนักเรียนที่ดีคอยช่วยหยิบจับโน่นนี่ตลอดเวลา จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นถวายบรรดาของใช้ของแห้งที่พี่มุกกับพี่เต้ช่วยกันจัดให้ พร้อมกับก้มหน้าพนมมือรับพร
ความรู้สึกแรกหลังจากใส่บาตรแล้ว ชีต้าห์ก็หันมายิ้มให้ เหมือนรู้สึกอิ่มเอิบใจ มีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อหา เพียงแค่มีครอบครัวที่รัก คนรักคอยอยู่เคียงข้าง เข้าใจกัน เพียงแค่นั้นชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่ง ก็แทบจะไม่ต้องการอะไรอีก
"กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนนะหมอปุ่น อีกเดี๋ยวก็เตรียมเสร็จ.." เจ้าของบ้านที่ขอตัวนั่งอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไซบีเรียนอยู่ในบ้าน เพราะทุกเช้าคุณทิวาก็จะตื่นมาใส่บาตรเสมอ วันนี้จึงขอสละซักวันให้ลูกๆได้ใส่บาตรพร้อมกัน
"ขอบคุณครับ..คือ..ผมต้องเข้าเวรเช้า.." คำปฏิเสธแบบสุภาพที่สุด ทำเอาไอ้เสือหันขวับไปมองอย่างแปลกใจ..จะว่าไปตั้งแต่ออกมาจากห้องก็ยังไม่ยอมคุยด้วยเลยซักคำ..
"กินเสร็จแล้วเอารถพี่ไปก็ได้ ขากลับก็ให้ธีโอขับกลับมา..พ่อก็รออยู่ข้างในแล้วด้วย" พี่เต้ยื่นข้อเสนอพร้อมกับประโยคสุดท้ายที่ฟังคล้ายคำขู่ เพราะหันไปเห็นสายตาของน้องชายที่กำลังมองไปทางคุณหมอเข้า
"เออ..เอาแบบนั้นก็ได้ครับ.."
ชีต้าห์เดินตามหลังหมอปุ่นไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้าเอ่ยปากใดๆ เหมือนกำลังพิจารณาตัวเองอยู่ จนกระทั่งเดินผ่านเข้าไปในห้อง แวบหนึ่งเหมือนรู้สึกผิด คงเป็นเพราะเรื่องที่ตัวเองไปแกล้งเอาไว้เมื่อเช้า ทั้งที่รู้ว่าทำให้ต้องเป็นห่วง..แต่ก็แค่อยากเอาแต่ใจ ไม่อยากเห็นแววตาเหมือนแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดคู่นั้นอีก
"พี่หมอ...โกรธเหรอ..โกรธผมใช่ไหม..!!?" กว่าจะทำใจกล้าเอ่ยปากถามขึ้นมาได้ เจ้าของแผ่นหลังกว้างก็ไม่ยอมหันกลับมาตอบให้ชื่นใจซักคำ ..คนถามก็เลยเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา รู้ตัวว่าแกล้งมากไปหน่อย
"ผมก็แค่...ไม่อยากเห็นพี่หมอโทษตัวเองอีก แล้วผมก็ไม่ได้เจ็บด้วย ไม่ต้องมาเป็นห่วง..."
"ก็เพราะเป็นเราไงชีต้าห์!! พี่ถึงได้ห่วงนักห่วงหนา มีอยู่คนเดียวจะให้พี่ไปห่วงใคร!!?" ชีต้าห์สะดุ้ง..ยังพูดไม่ทันจะจบ หมอปุ่นก็หันกลับมาใส่เป็นชุด จำได้ดีเลยแววตาเหมือนตอนที่แกล้งกินอาหารทะเลเข้าไปทั้งที่แพ้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นตวาดเสียงดังแต่ก็ทำให้กลัวจนต้องถอยหลังไปสองสามก้าวได้
"ผมก็ชอบให้ห่วง ชอบให้กอด แล้วก็...ชอบให้รัก แล้วทำไมพี่หมอต้องทำหน้าแบบนั้นเล่า!!" ไอ้เสือเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจบ้าง ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนวูบๆ ทั้งที่ไม่ได้ตะโกนเสียงดังอะไร อาจเป็นเพราะพูดเรื่องน่าอายออกไปเนื้อตัวมันก็เลยร้อนไปหมด
"พี่ก็รักเรามาก ขอโทษนะ" พออุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้น อารมณ์ก็ชักจะเริ่มสูงตาม พอได้ยินคำบางคำที่ไม่อยากได้ยิน คนฟังก็แทบจะควันออกหู
"จะขอโทษอะไรนักหนา ไม่เห็นจะเข้าใจ ถ้าคิดว่าตัวเองผิดนัก คราวหลังก็ไม่ต้องทำซิ!!" สงสัยว่าคงจะโมโหมากไป คำพูดธรรมดาก็เลยกลายเป็นเหมือนเป็นไปตามอารมณ์ ทั้งที่ตอนนี้อยากจะเดินเข้าไปให้อ้อมแขนคู่นั้นกอด อยากเอาแต่ใจให้ไอ้พี่หมอบ้าหัวหมุน แต่ตอนนี้ชีต้าห์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหัวหมุนเสียเอง
"ไม่ได้รู้สึกผิดแบบนั้น ก็แค่กลัว..ว่าครั้งต่อไปจะทำเราเจ็บอีกต่างหาก"
กรรม!! กลับกลายเป็นว่าเข้าใจผิดกันไปเอง ..ใครว่าเราแค่มองตาก็เข้าใจ บางครั้งคำพูดมันก็สำคัญนะ แล้วเมื่อกี้ที่ได้ยิน'ครั้งต่อไป'งั้นเหรอ ไอ้พี่หมอบ้ามันวางแผนเอาไว้แล้วนี่หว่า สรุปว่าที่เห็นทำหน้าเศร้าๆ เป็นเพราะกำลังวางแผนระยะยาวอยู่หรอกรึ!!! อ๊ากกกก...แล้วเมื่อกี้หลุดปากพูดอะไรออกไปจนได้นะเรา!!
"ไอ้...ไอ้พี่หมอลามก!!" แทนที่จะโมโหที่ตัวเองโดนด่า ไอ้พี่หมอตรงหน้ากลับคลี่ยิ้มออกมาอีก เล่นเอาคนด่าทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเอาสายตาเหล่ไปมองอะไร เอามือไม้ไปวางตรงไหน เหมือนมันเกะกะไปหมดตอนที่หมอปุ่นเดินเข้ามาแล้วรั้งตัวเข้าไปกอด
"แล้วพี่จะ'รัก'ตัวแสบให้มากๆนะครับ" คนที่โดนคว้าเข้าไปกอดกำลังยืนตัวแข็งเป็นหิน เพราะคำหวานที่กระซิบข้างหู รู้สึกเหมือนหัวใจมันเริ่มเต้นเป็นจังหวะแปลกๆอีกแล้ว ใบหน้าก็ร้อนเหมือนยื่นหน้าเข้าไปในห้องอบซาวน่า แต่...ด้วยศักดิ์ศรีของไอ้เสือตัวแสบมันจะมาหมดลายด้วยเรื่องแค่นี้ได้ยังไงเล่า!!
"งั้นผมก็จะเอาแต่ใจกับพี่หมอให้มากๆก็แล้วกัน" ชีต้าห์กระซิบตอบกลับไปแบบเดียวกัน พร้อมกับยกแขนคล้องที่รอบคอหมอปุ่นแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนที่เคยทำ ทั้งที่ในใจตอนนั้นอายแทบจะเรียกว่าบ้าเลยก็ว่าได้
"ไม่ไหวนะ..ถ้าเอาแต่ใจแบบนี้ ร่างกายจะแย่เอา..." สงสัยจะจริงอย่างที่หมอปุ่นพูด เพราะตอนนี้เหมือนกับว่าร่างกายมันไม่ยอมทำตามอย่างที่ใจสั่งเลย เหมือนจะเพลียจนอยากจะหลับคาอกซะเดี๋ยวนี้เลย
"พี่หมอ...ผมว่ามันแปลกนะ ง่วงยังไงก็ไม่รู้" หมอปุ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน เหมือนกำลังใช้ความคิด พอลองยื่นมือไปแตะที่หน้าผากถึงได้รู้ว่าไอ้เสือมันเหมือนจะมีไข้ เพราะลมหายใจที่ระบายออกมาก็อุ่นจัด
"..เหมือนจะมีไข้ ยังเจ็บอยู่รึเปล่า" ไอ้เสือมันส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่ได้เจ็บแล้ว เมื่อเช้าก็แค่แกล้งทำไปแบบนั้นเพราะอยากจะอ้อนก็เท่านั้นเอง
“ก็บอกแล้วว่าเรื่องเมื่อเช้าผมโกหก แต่ตอนนี้มันมึนจริง” หมอปุ่นยังคงเอามือแตะที่หน้าผาก พาไอ้เด็กแสบไปนั่งพักที่เตียง สงสัยว่าเมื่อคืนจะปฏิบัติภารกิจตอนที่ไอ้เสือมันเปียกไปทั้งตัว แถมเมื่อคืนก็นอนทั้งที่ยังไม่ได้เช็ดผมให้แห้งอีก ถึงได้ออกอาการมึนเหมือนคนจะเป็นไข้
“เดี๋ยวพี่หมอไปยกข้าวมาให้เอาไหม จะได้กินยาแล้วก็นอนพัก”
“ไม่เอา..กินข้างนอกนั่นแหละดีแล้ว” ไอ้เสือจับหมับเข้าที่ชายเสื้อตอนที่จะเดินออกไปจากห้อง เจ้าตัวเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนกำลังบ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียว
“ดื้ออีกแล้ว!!” หมอปุ่นแกล้งบีบจมูกเด็กดื้อเล่น ทำเอาเจ้าตัวเลยหันมาทำหน้าย่นใส่
”ไม่ได้ดื้อซักหน่อย ผมก็อายเป็นนะ” ไอ้เด็กแสบบ่นพึมพำพลางก้มหน้าหลบสายตา แค่เห็นหน้าพี่เต้เมื่อเช้าสายตาที่มองมาอย่างล้อเลียนนั่นอีก พ่อกับพี่เต้ต้องรู้แน่ไม่งั้นก็คงเดากันไปต่างๆนานาแล้วมั้งตอนนี้ ยิ่งมาทำเป็นป่วยหลบอยู่ในห้องก็เหมือนไปสนับสนุนความจริงที่เค้าคิดกันนะซิ ...
หมอปุ่นยืนมองอย่างไม่เข้าใจ แต่พอจะมองเห็นอยู่หรอกไอ้เด็กแสบที่ยืนก้มหน้าก้มตาแต่หน้าก็แดงมาจนถึงใบหู ทำเอาคนมองเริ่มหน้าร้อนไปด้วยเพราะดันไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนเข้า... แม้จะรู้ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หน้าหนาขนาดจะมองหน้าคุณพ่อตาที่มองมาเหมือนจะจับผิดได้ตรงๆ ...นี่ถ้าเป็นลูกสาวคนเล็กคงได้กินลูกปืนเป็นอาหารเช้าแน่
“งั้นออกไปกินข้าว ทานยา แล้วกลับมานอนนะครับ” ทั้งที่ยังยืนก้มหน้า ชีต้าห์พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย เลยไม่ทันได้ระวังตอนที่อีกคนยื่นหน้าเข้ามาขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่
“ฉวยโอกาสตลอด!!” เจ้าของแก้มขาวเงยหน้าขึ้นมาดุ แต่หัวขโมยเจ้าเล่ห์ก็หาได้สำนึก กลับคลี่ยิ้มอารมณ์ดี แล้วก้มหน้าลงไปขโมยหอมแก้มอีกข้างอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ขอชื่นใจก่อนไปทำงานไง” ชีต้าห์เหลือบมองด้วยหางตาแต่ริมฝีปากกำลังกลั้นยิ้ม ที่จริงต้องเป็นฝ่ายที่อยู่บ้านต้องยื่นหน้าเข้าไปหอมไม่ใช่รึไง แต่..ถ้าจะพูดออกไปแบบนั้นก็เกรงว่าตัวเองจะเสียเปรียบอีกรอบนะซิ
“แล้วก็ไม่ต้องไปแจกยิ้มให้คนอื่นอีกล่ะ ผมหวง!!” พูดจบคนขี้หวงก็กระชากประตูแล้วเดินนำออกไปจากห้อง ส่วนคนที่เดินตามหลังไปติดๆ ก็อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ฟังทีไรก็ไม่เบื่อคำว่า’หวง’ที่เหมือนกับเจ้าตัวบอกรักแบบนั้น ไอ้เสือปากแข็ง!!
.
.
.
พอเห็นว่าเพื่อนกลับมาบ้านอย่างอารมณ์ดี หมอเนสก็อดมองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ แถมยังได้รับสิทธิ์พิเศษขับรถของคนที่รีสอร์ทมาอีกต่างหาก แบบนี้ก็เข้านอกออกในได้สะดวกแล้วซิ ไฟเขียวซะขนาดนั้น
“หน้าบานมาเชียวนะ” คำทักทายของคุณเพื่อนทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน หมอปุ่นหันไปยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยื่นกล่องอาหารที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้เจ้าพ่อครัวจำเป็นที่กำลังจะเริ่มต้นลงมือทำอาหารเช้า
“พี่เต้แบ่งมาให้ สงสารหมอหิวโหยแถวนี้น่ะ” หมอหิวโหยที่ว่า แทบจะสำลักกาแฟที่กำลังยกซด ดีว่านั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ไม่งั้นได้ลุกไปเตะคนอารมณ์ดีกันบ้าง
“ขอบคุณครับ คุณลูกเขยเจ้าของรีสอร์ท หมั่นไส้ว่ะ!!” คำประชดประชันที่ไม่ได้ทำให้คุณลูกเขยลดความอารมณ์ดีลงไปได้ หน้าบานมาขนาดนี้คงมีอะไรดี ๆ มากกว่านี้แน่ แต่คงยังซักฟอกมันไม่ได้ปล่อยให้จำเลยรอดไปก่อน
“ช่วยไม่ได้คนมันมีความสุขนี่หว่า แตงกวาขากลับพี่เต้ฝากเอารถกลับไปด้วย” หมอปุ่นวางกุญแจรถไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะเดินผิวปากเข้าไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปทำงาน ไม่ได้หันมาสนใจสายตาของเพื่อนหมอที่มองตามหลังอย่างหมั่นไส้จัด
“คุณเนสทานเลยไหมครับ ผมจะได้จัดจานเลย” หมอเนสหันไปพยักหน้าตอบ พักหลังรู้สึกว่าตัวเองมีพ่อบ้านคอยจัดโน่นนี่ให้ยังไงก็ไม่รู้ มันออกจะขัด ๆ ก็เลยเดินไปช่วยหยิบช่วยเทของใส่จาน
“นั่งลงดิ ยังจะมายืนยิ้มอยู่ได้ เดี๋ยวก็อดกินอ่ะ” ทั้งที่โดนดุแต่ธีโอก็ยังคงยิ้มออกมาได้ อารมณ์คงเหมือนที่หมอปุ่นบอกเมื่อกี้ล่ะมั้ง..ก็เพราะกำลังมีความสุข ต่อให้ผู้ร้ายปากแข็งแต่ใจดีคนนี้ดุอีกกี่ครั้งก็ยังยิ้มออกมาได้อยู่ดี..
===========================
ใครที่มารอตัดริบบิ้นไหน ๆ เผลอไม่ได้จริงเชียว
ขอบคุณกำลังใจและคำติชมของตอนที่แล้ว แหะ แหะ
ตอนหน้าค่อยลากตะกร้าแตงกวาออกมาวางขายก็แล้วกันนะ
รอบนี้แตงกวามัวปั่นจักรยานอยู่ สปีดไม่ได้ 555
แอบ กอดทุกคนก่อนไป หึหึ