(จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน  (อ่าน 263254 ครั้ง)

Solar cell

  • บุคคลทั่วไป
ซาหนุกทู้กกกกกกกกกกกตอน
อ่านรวดเดียวจบ ตอนสั้น ๆ กระทัดรัด
แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ขอบคุณนะคร้าบ
+1 เป็นกำลังใจตอนต่อ ๆ ไปคับป๋ม

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาแปะรูปประตูสีขาว ขอบคุณพี่มาร์คขามากนะคะ




..................ตอบเมนท์เล็กน้อยงิ
ซาหนุกทู้กกกกกกกกกกกตอน
อ่านรวดเดียวจบ ตอนสั้น ๆ กระทัดรัด
แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ขอบคุณนะคร้าบ
+1 เป็นกำลังใจตอนต่อ ๆ ไปคับป๋ม
ขอบคุณมากๆเหมือนกันนะคะที่เข้ามาอ่าน ดีใจที่ชอบค่ะ

:serius2: รอตอน ต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย 




โอม  :call: จงมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ก่อนที่ใจเค้าจะขาดดดดดดดดดดดดดดด :m15:
เย้ยยยยยยยยย ใจเย็นค่ะ ไม่เกินวันสองวันนี้ได้อ่านแน่ ตอนนี้ตอนต่อไปมาสองหน้าแล้ว(เหมือนจะเยอะ กร้ากกกกส์)

ขนาดฝันยังหวานกันได้ขนาดนี้  :-[ อ่านแล้วอยากกลับไปนอนฝัน(ถึงสามีชาวบ้าน)บ้างจัง :laugh:
ฝันเลยๆๆๆๆ ฝันแล้วอย่าลืมมาเล่าด้วยนะคะ เผื่อนุ่นจะยืมมาเขียนต่อยอดซะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล.ตอนต่อไปกำลังตีกันอยู่ในสมองน้อยๆว่าจะเขียนเรื่องที่ไม่ใช่คน หรือจะเขียนแบบว่า....คนนี่แหละ แต่เอ่อ.....เหมือนจะขายมาม่าเคลือบน้ำตาลดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2010 12:22:48 โดย anajulia »

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
ชอบทุกเรื่องเลย  :L2:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
โรแมนติกได้อีกนะ นุ่น...
สัมผัสกันด้วยความรู้สึกที่สื่อกันถึงใจ ฮิ้ววววว
เนอะ เป็นความอบอุ่นในใจจิง ๆๆ ที่มีความสุข  :จุ๊บๆ:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ตอบเมนท์อีกสองรายดีกว่า ไม่รู้ว่าภายในวันนี้จะได้อ่านตอนต่อไปรึเปล่านะคะ ไม่กระเตื้องเลย
กลัวว่าจะได้เสิร์ฟมาม่าแหงๆ หงิงๆ

กอดโนเนะจ๋า กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หวานเนอะ เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

และยินดีต้อนรับ คุณชะรอยน้อย ค่ะ  ดีใจมากมายที่ชอบทุกเรื่อง ปลาบปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมม ^o^

...............................................


ว่าแล้วก็ขอส่งกลอนขัดดอกให้อ่านเล่นสักสองบทสี่บาทนะคะ
.......................

ความเอ๋ยความรัก

ความเอ๋ยความรัก   ให้รสหวานซ่านนักเมื่อรักชื่น
ดั่งน้ำค้างใสกระจ่าง ณ กลางคืน   ดุจจะกลืนกินแก้ระหายคลาย
หากเพียงแสงอาทิตย์ส่องเมื่อรุ่งสาง   ก็กลับจางเลือนรางและลับหาย
เสมือนภาพลวงกลางทะเลทราย   ไม่อาจหมายว่ามีจริง.....สิความรัก


อารมณ์ตอนนี้ เขียนอะไรออกมาก็มาแบบนี้ เลยหยุดมือก่อนน่ะค่ะ ไม่งั้นสงสัยจะมาม่ารสจัด หงิงๆ
ชอบไม่ชอบอย่างไรวิจารณ์ได้ตามสะดวกนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
คุณนายนุ่น อย่ามาทำแบบนี้น่ะ... เดี๋ยวเค้าจะยกตำแหน่งคุณนายสามสลึงให้แทนเลยนิ

จะมาม่า ยำยำ จะอะไรยังไงก็มาแบบ ไวไว เถอะ เค้าหงุดหงิดใจอย่างอ่านมาก ๆ ๆ ๆ ๆ

(ทำเป็นเนียน ๆ ทวงก่อน เดี๋ยวเจอนุ่นไปตามทวงของเค้า 555)

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
ราขึ้นแล้วค่า คุณนุ่น
แรต้องการต้น ไม่เอาดอกก็ได้!!! T^T
มาม่ารสจัดก็แจ่มค่ะ
รออย่างจดจ่อสุดๆ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
มาม่า ไม่นะ  o22
ขอไวไว หรือ ยำยำ แทน ได้มั้ยคะคุณนุ่น หุหุ

>> ดั่งน้ำค้างใสกระจ่าง ณ กลางคืน   ดุจจะกลืนกินแก้ระหายคลาย

ตรงนี้พิมพ์ตก ก หรือเปล่าคะ เดาว่า น่าจะเป็น กระหาย หรือเปล่าเอ่ย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ง่า......ถูกทวงๆๆๆ หงิงๆ
พี่พีนัทกะคุณRinze ใจเย็นนะคร้า มาแล้วค่ะมาแล้ว (มาอีกสองหน้าแล้ว กร้ากกกกกกกกกกกกกส์)

คุณน้ำตาลขา กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตรงนั้นตั้งใจใช้แค่"ระหาย"ค่ะ แปลแบบเดียวกับกระหายเลย แต่โบราณกว่าหน่อย แล้วก็ให้ระดับเสียงที่เพราะกว่าเมื่ออยู่ในบทนี้อ้ะค่ะ ขอบคุณนะคร้า ^o^


คุณโรซีน ขอบคุณค่ะ กอดดดดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆ

ไอจังงงงงงงงง สงสัยจิตตกติดพันจากชั่วฟ้าดินสลาย มิได้เป้นอะไรงิ  :กอด1: แหะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 13:08:12 โดย anajulia »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
555 ชั่วฟ้าดินสลาย บอกมานะยายนุ่น ว่า อะนันดา กับ พลอย ก้น ใครสวยกว่ากัน หุ ๆๆ

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
ถ้ารู้จักพี่นุ่นเร็วกว่านี่คงดี
จะได้ให้พี่นุ่นช่วยเรื่องกลอน((การบ้านภาษาไทย))
 :laugh:
ห่วยภาษาไทยมากมาย

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
 :เฮ้อ: จิตตกจากหนังคือกันเลยอ่ะพี่นุ่น
จะมาม่ารสอะไรก็จัดมาเลยพี่
ถ้าพี่นุ่นต้มให้กิน รสไหนก็อร่อย การันตีได้เลย o13

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เค้าชอบหมดอ่ะ ตั้งเเต่ที่อ่านมาทุกตอน

สนุกจริงๆเล๊ย! จะติดตามไปเรื่อยนะค่ะ เพราะเราชอบนิยายเเบบนี้ เเละมันเป็นเรื่องสั้น จึงไม่ต้องกลัวจะมีหักมุมอะไรมาก

ข้ามพอข้ามชาติ รักเเท้ บุพเพสันนิวาส พรมหมลิขิต ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากจะให้มันเกิดกับตัวเองบ้าง

เผื่อว่ารัก จะไม่ถูกมองว่าโหดร้ายไปอีกคน^^

butajang

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ กลอนเพราะ ได้รู้จักภาษาคำใหม่อีกเเล้ว เเต่มันเศร้านะ ไรเตอร์ ขึ้นชื่อว่า มาม่า ถึงเคลือบน้ำตาลก็ไม่เอาอะ เพราะสุดท้ายข้างในก็เป็นมาม่า หยุดพักก่อนก็ได้นะ เเต่เราก็รอตอนต่อไปอยู่ คุคุคุ

butajang

  • บุคคลทั่วไป
เเอบเข้ามาดู มาหน้า 3 เเล้วอะ หาไม่เจอ หงิง หงิง หงิง ไรเตอร์ไม่มาต่อเหรอ คิดถึงเรื่องสั้นเเละ ชาติต่อๆมาเเล้วอะ

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ได้อารมณ์แฟนซี ไปอีกแบบ
ทำซ๊ะให้สงสัยซ๊ะหลายเรื่องเลย
แต่คงต้องไปนั่งจิ้น ตอบคำถามตัวเองซ๊ะแระ

+1 กำลังให้คุณนุ่น :กอด1: ขอบคุณค่ะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
จิ้มคนแปลงชื่อเปลี่ยนร่าง แล้วไล่กดบวกคืนนักอ่านทั้งหน้าซะ


ข้าพเจ้าคนเขียนขอรายงานว่า
เรื่อง บทที่หนึ่งในความทรงจำที่กำลังเขียนไปแปะไป กำลังจะจบในอีกสองตอน
ดังนั้น ขอไปจัดการจบเรื่องของอิสรภาพกับEduardo ก่อนนะคะ
แล้วจะเร่งผลิตเรื่องสั้นชุดนี้ตอนต่อไปมาส่งค่ะ

ท่านไหนรออยู่ แวะไปพักอ่านอย่างอื่นก่อนนะคะ :กอด1: แน่นๆทุกท่านเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆที่อุดหนุนกันมาตลอด

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
 :เฮ้อ: ทุกข์ของนักเขียน ที่มีเรื่องลงไว้หลายเรื่อง
แถมยังเรื่องอยากเขียนมากมาย  แต่สองมือน้อยๆ รัวแป้นพิมพ์ไม่ทัน :laugh:

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

ออฟไลน์ อนันตกาล

  • กาลเวลา ไม่อาจทำให้คนเปลี่ยน แต่ทำให้ความคิดเปลี่ยน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +931/-14
วันนี้พี่นุ่นมาต่อไม่ได้นะค่ะ

เห็นพี่นุ่นบอกว่าเขียนได้ครึ่งนึงและ แต่ถูกกาลไหว้วาน  ให้ช่วยทำงานนิดหน่อยเลยไม่เสร็จแน่ๆๆ

ดังนั้นเจอกับเรื่องเล่าตอนต่อไป

เร็วๆนี้แน่นอนนนนน 



Flower night

  • บุคคลทั่วไป
เจ่เจ้ ตามอ่านหมดแล้วทุกเรื่องเลย
แล้วแต่ละเรื่องก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า
เออ ........ อยากอ่านเป็นเรื่องยาววะ 555555555
รู้สึกเรื่องสั้นจะไม่พอต่อความต้องการแล้วววว  :monkeysad:
แบบสั้นเรื่องนึงน่าจะสัก 4-5 ตอนจบอ่ะะ จริงๆนะ แบบอยากอ่านยาวๆกว่านี้
บางครั้งมันก็อารมณ์ ค้าง แบบ มากๆๆๆ
อย่าง เจ้าสอนของเรียมเอย โบก็อยากอ่านตอนต่ออีก มันน้อยไปอ่ะ หงุงหงิงง 
ตอนแฟนตาซีก็อยากอ่านเพิ่มอีกก ขออีกสักตอนมิได้เร้ออ เจ้

ปล. ขอสารภาพ ว่าชอบทุกเรื่องสั้นเลย มันหลากหลายแนวมาก อ่ะ
มารอตอนต่อไปป 

 :กอด1: +1  จุ๊บๆ

:PP

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
จิ้มๆๆจึกๆศิษย์น้องเอ้ย

ก็ไปอ่านเรื่องไม่สั้นของเจ้แก้ขัดก่อนดิ
จบไปอีกเรื่องแล้วอ้ะ

อันนี้เรื่องที่เพิ่งจบนะคะทุกท่านที่หลงเข้ามา
บทที่หนึ่งในความทรงจำ
เรื่องนี้เพิ่งจบไปสดๆร้อนๆเมื่อสามวันก่อนค่ะ เป็นเรื่องรักใสกิ๊งไร้มลพิษ
เนื่องจากเนื้อเรื่องดำเนินไปในเมืองบ้านนอกของบราซิลโน่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่เนินสูงๆต่ำๆกับไร่อ้อย ข้าวโพด กระทั่งไร่ส้ม ไร่กาแฟ
ตอนแรกเขียนๆไปก็นึกว่าจะไม่หวานจัด ที่ไหนได้ เขียนไปเรื่อยๆ เอ๊ะ..ยังไง คนอ่านบอกมันหวานมาก กึ๋ยๆๆๆ
ท่านไหนชอบของหวานแล้วยังไม่ได้ลองก็เชิญไปอุดหนุนกันนะคะ เรื่องไม่ยาวมากค่ะ 18 ตอนถ้วน

คนเขียนสูญเสียพลังงานไปมากมาย เขียนไปก็อินไป หงิงๆ สรุปว่าภูมิใจนำเสนอมากค่ะ  :-[


และอีกเรื่องค่ะ นี่จบไปนานแล้ว แต่ยังมีเสียงเรียกให้ไปต่อตอนพิเศษให้เรื่อยๆ นี่คนเขียนก็กะว่าวิวห้าหมื่นเมื่อไหร่จะมีตอนพิเศษไปอีกสักตอน
(อ้ะ ล้อเล่น...ไม่รอหรอกค่ะ คงมีก่อนแหละ อิคนเขียนกลัวรอจนปีหน้าแล้วยังไม่ได้เขียน กร้ากกกกกกกส์)

เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก
อันนี้เรื่องยาวจริงจังค่ะ ตอนแรกวางโครงแค่สิบตอนนิดๆ คนเขียนเจอลูกยุจากคนอ่านเข้าเลยเติมพล็อตเพิ่มซะจนกลายเป็นเรื่องยาวรสหวานจัด
(แถมหวานตลอดเรื่องด้วยสิคะ อันนี้เป็นเสียงยืนยันจากคนอ่านนะเออ ข้าพเจ้ามิได้โฆษณาเกินจริงแต่อย่างใด)
แถมอีกนิด.....เรื่องนี้ความยาวทั้งตอนหลักทั้งตอนข้างๆเรื่องรวมกันอยู่ที่ประมาณ60ตอนค่ะ และ.....ทั้งเรื่องไม่มีคนเลวเลยสักคน
เพราะงั้น ใครไม่ชอบเจอเรื่องร้าย เชิญเข้าไปอ่านได้อย่างสะดวกใจนะคะ  :m13:


สำหรับเรื่องสั้นชุดเรื่องเล่าจากความฝันตอนต่อไป ตอนนี้พล็อตมากมายกำลังตีกันอยู่ในสมองน้อยๆ ขอใช้เวลาจัดระเบียบความคิดอีกสักนิดนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดค่ะ  :กอด1:

butajang

  • บุคคลทั่วไป
เเวะมาดู เห็นไรเตอร์ มาตอบ ขอบคุณค่ะ จะนั่งรออย่างสงบต่อไป หงิง หงิง หงิง (ขอสารภาพ  อิส +เอดู ยังไม่กล้าไปอ่านสองตอนสุดท้ายของเรื่อง เนื่องจากตอนที่สามก่อนจบทำมาม่าให้กิน รีดเดอร์ช่วงนี้ภูมิต้านทานมาม่าต่ำ ขอเพิ่มพลังก่อนจะกลับไปหา 555++)

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วค่ะ เขียนนานมาก พล๊อตก็ตีกันอยู่ในสมองน้อยๆมากมาย
ในที่สุดเลยตัดสินใจจับสองพล๊อตมารวมกันซะเลย (เล่นเอาแอบยาก)

กลัวว่าพออ่านตอนนี้ปุ๊บ เรททิ่งของเรื่องเล่าจากความฝันจะตกลงทันที
ความจริงคิดอย่างนี้ตั้งแต่เขียนตอนแรกแล้วค่ะ
เคยเล่าให้น้องที่คุยกันบ่อยๆนอกรอบรู้แล้วด้วย น้องบอกว่าปล่อยๆให้คลุมเครือไว้ก็ดีนะ
แต่ๆๆๆ.......เมื่อมีไฟ ก็ต้องเขียนนะคะ เพราะงั้น...ท่านไหนเปิดเข้ามา ก็เชิญไปอ่านกันได้เลยค่ะ

คำแนะนำสำหรับตอนนี้: ควรอ่านตอนแรก "ในค่ำคืนแห่งความฝัน" ที่หน้าแรกก่อนนะคะ แล้วจะเข้าถึงเรื่องได้มากขึ้น
...............................................

นิมิตกลางกูณฑ์


อคฺนิมีเฬ ปุโรหิตํ ยชฺญสฺย เทวมฺฤตฺวิชมฺ      โหตารํ รตฺนธาตมมฺ
อคฺนิะ ปูรฺเวภิรฺรฺษิภิรีฑฺโย นูตไนรุต             ส เทวาเนห วกฺษติ
                                                                       (*อ้างอิงจากฤคเวท บทที่หนึ่ง)

บทสวดบำบวงต่อองค์อัคนิเทพดังต่อเนื่องจากร่างในอาภรณ์สีขาวที่เยื้องกรายแช่มช้าประทักษิณรอบกองไฟ นิ้วมือเรียวยาวปลายเล็บเจียนเรียบสะอาดสะอ้านตามแบบฉบับผู้ทรงศีลชั้นสูงโปรยเครื่องหอมเข้าสู่กองไฟนั้นจนเกิดประกายไฟสีเหลือบฟ้าลุกโชติช่วง ส่งกลิ่นหอมอวลราวอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์กำจายไปทั่วทั้งบริเวณ


‘มัฏฏกะ........มัฏฏกะบุตรแห่งเรา’


สุ้มสำเนียงเปี่ยมไปด้วยเมตตาพลันดังขึ้นโดยตรงในดวงจิตของมัฏฏกะพราหมณ์ คุรุหนุ่มบุตรแห่งสำนักพราหมณ์อันยึดเอาอัคนิเทพเป็นเทพสูงสุด

ด้วยสดับสำเนียงนั้น มัฏฏกะพลันเงยหน้าขึ้นสู่เบื้องบนอันเป็นที่สถิตแห่งทวยเทพ เปล่งเสียงตอบโต้ออกไปด้วยเคารพและปรีติใจ

“โอ......อัคนิเทพผู้เป็นบิดา พระผู้ให้กำเนิดแก่ทุกชีวิต......ข้าพระองค์ขอน้อมศิระกราบกราน”

‘ด้วยการปฏิบัติบูชาต่อเราเป็นนิจ และวัตระงดงามแห่งเจ้า มัฏฏกะเอย....พ่อมีคำเตือนมาสู่เจ้า จงรับฟังเถิด.....’

“ข้าพระองค์ขอน้อมรับ”

‘เช่นนั้นจงทำการเพ่งกสิณ เปิดจิตให้กว้าง แล้วเจ้าจักได้รู้ถึงพฤติการณ์อันเป็นเหตุแห่งทุกขเวทนาในอนาคตอันใกล้นี้.....พ่อทำได้แค่ตักเตือน หนทางที่เจ้าเลือกจักเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเจ้าเอง หากเจ้ายอมละพันธะสัญญาที่ได้ลั่นวาจาแต่ปางบรรพ์ เจ้าย่อมมิต้องเผชิญทุกขเวทนาอันจะเกิดขึ้นตามมา จงใช้สติพิจารณาเถิดมัฏฏกะบุตรแห่งข้า....’



ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวล้วนยอบกายทำศิรประณามอีกครั้งแล้วจึงทรุดกายลงนั่งในท่าขัดสมาธิ เพ่งตาและจิตยึดเอาเปลวไฟในกองกูณฑ์เป็นที่ตั้ง เพียงชั่วขณะเท่านั้น พลันปรากฏภาพขึ้นกลางเปลวเพลิง แจ่มชัดราวกับมัฏฏกะได้เข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์กระนั้น



สถานที่ในนิมิตงดงามราวทิพย์พิมาน ทุกโต๊ะตั่งล้วนแล้วแต่ส่งประกายราวสลักเสลาขึ้นด้วยอัญมณี หากสิ่งที่เรียกความสนใจคือเสียงบัญชาจากบุรุษผู้มีรัศมีแห่งเทพซึ่งสถิตเหนือพระแท่นสูงสุด

“มาตลี จงรับบัญชาแห่งเรา เดินทางสู่คิริปุระ แห่งชมพูทวีป เชิญเสด็จราชธิดาองค์สุดท้องมาเป็นบาทบริจาริกาแห่งเรา”

“รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า”



พลันภาพสถานที่ในคลองจักษุกลับแปรเปลี่ยนเป็นตลาดกลางเมืองใหญ่ แน่นขนัดไปด้วยผู้คนและสินค้าหลากหลาย นายวาณิชต่างแก่งแย่งส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าที่สัญจรผ่านไปมา มัฏฏกะมองเห็นเทพบุตรนามมาตลีในอาภรณ์ราวคนยาก หัตถ์สีทองแดงแกร่งหนาถือพิณเก่าคร่ำคร่ายืนอยู่ด้านหน้ารูปสำริดซึ่งมีอักษรจารว่าเป็นต้นวงศ์กษัตริย์ผู้ครองแคว้น สายตาสอดส่องไปตามร้านรวงอย่างสบายอารมณ์

กระแสความคิดของสารถีเทพพลันดังขึ้นให้มัฏฏกะได้ร่วมรับรู้ราวกับเป็นผู้คิดเฉกนั้นด้วยตนเอง
‘เราออกเดินทางทันทีจึงมาถึงตั้งแต่สุริยเทพยังทอแสงกล้า ท่าอยู่ที่นี่จนถึงเพลาดึกสงัดค่อยเข้าไปสู่ราชฐานรับพระธิดาตามพระบัญชาจักเหมาะกว่า’

สิ้นกระแสความคิด มัฏฏกะก็เห็นเทพบุตรในคราบคนจรเริ่มบรรเลงเพลงพิณ เกิดท่วงทำนองสนุกสนานรื่นเริงราวกับจะปลุกชีวิตชีวาของทุกสรรพสิ่งรอบกาย เพียงไม่นานก็มีผู้คนหยุดยืนฟังเพลงพิณจนแน่นขนัด

ทันใดนั้นบรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจของตลาดกลางจัตุรัสพลันเงียบสนิท เมื่อมีเสียงฝีเท้าม้ากว่าสิบตัวควบตะบึงมาทางทิศที่เจ้าคนจรกำลังยืนบรรเลงเพลงพิณ ผู้ชมกว่ายี่สิบชีวิตแตกฮือไปคนละทิศละทาง จะเหลือก็แต่เจ้ามานพน้อยที่โพกผ้าเนื้อหนากระดำกระด่างปกคลุมใบหน้ากว่าครึ่งที่ยังยืนอยู่ที่เดิมหันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก ชวนให้ผู้แสดงตนเป็นวณิพกพนเจรเข้าใจไปว่าเจ้าหนุ่มน้อยมัวตื่นตกใจจนไม่ทันหลบหลีกกองม้าขนาดย่อมที่กำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว

เทพบุตรจำแลงพุ่งกายรั้งร่างเจ้ามานพน้อยแนบอกแล้วพาหายตัวไปสู่สถานที่ลี้ลับเท่าที่ดวงจิตที่กำลังหวั่นจะเกิดอันตรายกับเจ้าหนุ่มน้อยจะนึกออกในทันที ชั่วขณะจิตสารถีเทพแห่งสวรรค์ก็พาร่างน้อยนั้นไปถึงสระอโนดาตแห่งป่าหิมพานต์ เมื่อทรงตัวยืนได้เจ้ามานพน้อยก็โวยวายเสียงดังพร้อมทั้งผลักไสให้เจ้าคนจรถอยออกห่าง

เทพจำแลงเห็นดังนั้นจึงเอื้อมคว้า ตั้งใจจะดึงรั้งไว้ หากพลาดคว้าจับได้เพียงชายผ้าโพกกระดำกระด่างนั้น เสียงอุทานเล็กแหลมดังขึ้นพร้อมกับเกศาดำสนิทดกหนาเป็นคลื่นทิ้งตัวยาวถึงโค้งสะโพกที่มาตลีเทพเพิ่งจะได้สังเกตว่าทั้งผายทั้งงอนเกินชาย วงพักตร์ที่เปิดเผยแก่สายตาเล่าก็ผุดผ่องพริ้มเพรา โดยเฉพาะแววเนตรที่ทอประกายครึ่งโกรธระคนหวาดกลัวนั้น ระยิบระยับยิ่งกว่าดวงดาราที่ทอประกายบนฟากฟ้า


ดวงจิตของมัฏฏกะพราหมณ์พลันกระตุกวาบราวกับถูกของร้อนทันทีที่เจ้ามานพน้อยซึ่งกำลังตระหนกเงยหน้าขึ้นสบตากับเทพจำแลง
เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับที่มาตลีเทพบุตรก็สัมผัสได้มิต่างกัน และเจ้าพราหมณ์หนุ่มก็รับรู้ในบัดนั้นว่าดวงจิตของตนและเทพจำแลงในนิมิตนั้นเป็นดวงจิตเดียวกัน หาได้แยกจากกันไม่

ณ ริมธาราสีเขียวมรกตใสกระจ่างราวกระจกเงานั้น การณ์ปรากฏว่าเจ้าร่างน้อยที่แต่งกายอำพรางราวกับมานพหนุ่มนั้นแท้จริงแล้วเป็นสตรี และที่นั้นเอง.....ที่ตำนานรักระหว่างเทพและมนุษย์ได้เริ่มต้นขึ้น เพียงเนตรสบเนตรก็ราวกับมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้ต่างเคลื่อนกายเข้าหา



สองต่างเคลื่อนกายเข้าหา   ไม่ปล่อยเวลา
ให้ผ่านแม้สักนาที
โอษฐ์แย้มยั่วเย้าในที   ไร้ถ้อยพจี
สื่อสารแค่เพียงแววตา
เนตรน้องสบเนตรพี่ยา   เปี่ยมเสน่หา
ร้อนรนล้นห้วงหทัย
เอื้อมหัตถ์แตะเนื้อเหนือใจ   นิ่มน้องอุ่นไอ
สะท้านซ่านถึงวิญญาณ์
ร้อนร้อนรุมเร้าราวบ้า   เร่งโลมแก้วตา
ตามเชิงชำนาญโลกีย์
ปทุมมาลย์ในสระศรี   บานเหนือนที
ส่งกลิ่นยวนเย้าภมร
ภู่ผึ้งเคล้าคลึงเกสร   ลิ้มชิมเนื้ออ่อน
สั่นสั่นสะท้อนรับลิ้น
ไหวเอนราวจะพังภิณฑ์   ภมรลืมถิ่น
เฝ้าเคล้าแต่เจ้าเยาวมาลย์



ไร้ซึ่งบทสนทนา ไร้ซึ่งคำถามและข้อสงสัย......
สองร่างแตะต้องเรียนรู้กันและกันราวเฝ้ารอมานาน ราวปุถุชนกระหายน้ำแล้วพานพบกระแสธาราใสไหลเย็นกระนั้น
บทรักร้อนแรงเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างอ้อยอิ่ง ร่างน้อยนุ่มละมุนวรรณะขาวกระจ่างราวน้ำนมที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อจนทั่วซุกซบอยู่กับแผ่นอกกว้างสีทองแดง

“ท่าน......ต้องพาข้ากลับไปส่งบ้าน แล้วก็รีบหนีไปให้ไกลที่สุด........” เสียงแว่วหวานดังขึ้นเพียงแผ่วปนหอบสะอื้นเมื่อเริ่มได้สติ

“อย่าร้องไห้สิ พี่พาเจ้ากลับไปส่งบ้านได้ แต่คงไม่ทำตามที่เจ้าบอกให้หนีแน่.....พี่รักเจ้าจริงแท้ เหตุไฉนจึงต้องหนีให้ไกลด้วยเล่า หรือเจ้ารังเกียจที่พี่เป็นเพียงคนจร”

ด้วยลักษณาการเช่นนั้น มาตลีเทพบุตรในร่างจำแลงดุจวณิพกพเนจรตั้งคำถามลองใจกับนางงามที่ยังซบพักตร์อยู่กับอุระแห่งพระองค์แล้วสะอื้นไห้

“อย่าได้ลองใจข้าเช่นนี้ ถึงท่านจะเป็นเพียงคนจรก็มีวิชา หาใช่วณิพกธรรมดาไม่”

สุ้มเสียงหวานจัดหากแต่ห้วนจัดทำให้สารถีเทพต้องแย้มสรวลอย่างไม่มีผู้ใดเคยได้เห็น ความพึงพอใจในนางงามนี้ยิ่งเพิ่มพูน ใช่จะพบเจอได้ง่ายๆสตรีที่งามทั้งรูปแลเปี่ยมด้วยปัญญา

“เมื่อเจ้าเองก็รู้ว่าพี่มิใช่วณิพกธรรมดา แล้วจักกังวลอันใด เจ้าเองก็ไม่ได้รังเกียจพี่ ฉะนั้นพี่จะไปพบพ่อแม่ของเจ้า คุยกับท่านว่าจะขอเจ้าไปอยู่กับพี่ เช่นนี้ไม่ดีหรือไร”

“ท่านมั่นใจได้อย่างไร ว่า.....เอ่อ....ที่บ้านข้าจะยอมให้ข้าไปกับท่านได้โดยง่าย”
ร่างน้อยคว้าเอาผ้าที่หลุดกองกระจัดกระจายมาห่มตัวแล้วค่อยลุกขึ้นนั่ง และต้องสูดปากครางด้วยความเจ็บร้าวไปจนถึงปลายเท้า เมื่อนึกถึงสาเหตุแห่งอาการเจ็บร้าวนี้ก็รู้สึกเขินอายจนต้องผินหลังให้บุรุษที่เพิ่งได้สังเกตว่ามีเรือนร่างสง่างามผึ่งผาย ผิวสีทองแดงเสมอกันไปทั้งเรือนกาย

เห็นท่าทางของนางงามและได้สดับคำพูดดังนั้น มาตลีเทพบุตรจึงจำแลงกายกลับสู่ภาวะแห่งเทพ ปลดปล่อยรัศมีเรืองรองออกมาทั่วร่าง ทรงผ้าทิพย์สีเขียวมะกอกสอดดิ้นทอง เครื่องถนิมพิมพาภรณ์ก็ล้วนแล้วแต่อัญมณีมีค่า

“เจ้าหันมาดูทีหรือว่าพี่เป็นใคร เผื่อจะเลิกสงสัยว่าที่บ้านเจ้าจะยอมให้ไปกับพี่หรือไม่ หึๆๆ”

“........ทะ ท่าน.......ท่านไม่ใช่มนุษย์”

“เก่งจริงเจ้า.....กระนี้แล้ว ยังจักให้พี่หนีไปให้ไกลอีกหรือ” สารถีเทพถือโอกาสที่ร่างน้อยยังพิศวงกับการสำแดงองค์จริงรั้งให้นางงามนั้นนั่งลงซ้อนตัก

“อ๊ะ! อย่า.......ขะ ข้า......”

“พี่ไม่ได้จะทำอะไร เห็นว่าเจ้าเจ็บ พี่ก็จะรักษาให้ อยู่นิ่งๆสิคนดี ว่าแต่ บ้านเจ้าอยู่ไหน แล้วเจ้ามีนามว่าอย่างไร......เดี๋ยวไม่ใช่ไปถึงบ้านเจ้า พี่ไปขอบุตรีกับท่านพ่อของเจ้าแต่กลับไม่รู้นามแห่งนาง พี่คงขายหน้าแย่”
มาตลีเทพบุตรยึดให้ร่างงามอยู่นิ่ง ก่อนจะแผ่รัศมีเทพจนเข้มข้นแล้วปล่อยให้ซึมเข้าสู่ผิวเนื้อของนางมนุษย์ ความรู้สึกอบอุ่นพลันวาบเข้าถึงเนื้อหัวใจ และความเจ็บร้าวก็ปลาสนาการไปจนสิ้น

“คือ....ขอความมั่นใจให้ข้าก่อน ว่าท่านไม่ใช่อสูรปลอมแปลงมา”

“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้านี่นะ เอาเถิด...ข้าขอกล่าววาจาสัตย์ ข้าคือมาตลีเทพ ตำแหน่งสารถีเทพแห่งสวรรค์ ใกล้ชิดกับจอมเทพแห่งสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เจ้าพอใจแล้วหรือไม่”

อ้อมพาหาที่รัดรึงให้แผ่นหลังเปลือยเปล่าเบียดแนบกับอ้อมอุระออกแรงมากขึ้นจนเหมือนจะแกล้งให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวทำให้เสียงหัวเราะกังวานหวานหลุดออกจากปากของร่างน้อยที่บัดนี้ผิวเนียนละเอียดกลับมีบางส่วนขึ้นสีจัดราวกับแต้มแต่งด้วยกลีบบุปผาสีชมพูเข้ม

ร่างน้อยนุ่มนิ่มปลดอ้อมพาหาแห่งองค์เทพออก แล้วหมุนกายประนมกรกราบลงกับพระอุระราวจะฝากชีวิต

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องแทนตัวใหม่ หม่อมฉันพลาดไปแล้วที่พูดจาล่วงเกินพระองค์.....อภัยให้หม่อมฉันนะ....นะเพคะ”

“พี่ไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก แล้วเจ้าก็ไม่ต้องเปลี่ยนคำแทนตัว ไม่ต้องเพคะกับพี่ พูดตามที่ถนัดกับพี่เช่นเดิมเถิด.....แล้วนี่พี่จะมีหวังได้รู้นามของเจ้าหรือไม่”
พระกรหนาโอบอ้อมร่างน้อยให้ซุกซบกับอุระ หัตถ์อีกข้างก็กอบกุมมือน้อยๆทั้งสองข้างที่ยังประนมไว้แนบแน่น แย้มสรวลอ่อนหวานให้กับกิริยาออดอ้อนนั้นอย่างพึงใจ ทันทีที่คำถามเชิงเย้าหลุดจากพระศอก็เรียกเสียงหัวเราะระรื่นหวานหูให้ดังขึ้น

“ฮะๆๆๆๆ ศวัตรา....นามของหม่อมฉันคือศวัตรากุมารี สมเด็จพ่อของหม่อมฉันคือพระราชาผู้ครองคิริปุระ ส่วนสมเด็จแม่....”

“เดี๋ยว.....เจ้าว่ากระไรนะ พระราชาผู้ครองคิริปุระกระนั้นหรือ ช่วยบอกพี่ทีเถิดศวัตรา.....ว่าเจ้ามิใช่ราชธิดาองค์เล็กของราชาแห่งคิริปุระ”

“.....ทำไม......มีเรื่องอันใดหรือ ใช่แล้ว หม่อมฉันคือลูกคนสุดท้องของสมเด็จพ่อ”

“โอ......รักของเรามีอุปสรรคเสียแล้วศวัตราของพี่”




น้ำตาหนึ่งหยดหลั่งรินจากดวงตาของมัฏฏกะพราหมณ์ หนึ่งในคุรุผู้ได้รับการนับถือในนิกายแห่งไฟอย่างไม่ทันห้ามตนเอง ถึงไม่ทำการเพ่งกสิณต่อ บทตอนต่อไปของตำนานรักที่เกิดขึ้นจริงแต่ปางบรรพ์ก็ชัดเจนในจิตวิญญาณ

สารถีเทพแห่งสวรรค์ครุ่นคำนึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนบอกเล่าเหตุผลที่เดินทางมาสู่คิริปุระกับศวัตรายอดดวงใจ นางทั้งตื่นตระหนกทั้งสำแดงอาการต่อต้านออกมาทันที

“แล้วพระองค์จักทำเช่นไร ได้ตัวหม่อมฉันออกมาแล้ว จักทรงนำหม่อมฉันไปถวายตามบัญชาแห่งองค์สักกะเทวราชหรือไม่ หากทรงทำเช่นนั้นหม่อมฉันจักไม่มีวันให้อภัยพระองค์เลย”

“เดี๋ยวๆศวัตรา อย่าเพิ่งโวยวายไป เจ้าจักยอมเสี่ยงกับพี่หรือไม่ หากเจ้าเลือกที่จะไปกับพี่ จากนี้ต่อไป เจ้าจักต้องละทิ้งชีวิตเบื้องหลัง เจ้าจักไม่มีสิทธิ์กลับบ้าน ไม่มีสิทธิ์กลับมาพบสมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของเจ้าอีก เจ้าจักยอมแลกหรือไม่”

“......ทำไม”

“พี่มีวิธีจักซ่อนเจ้าไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้พบเห็น เจ้าจะว่าอย่างไร”

“แล้วสมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของหม่อมฉันเล่า จักไม่ถูกเพลิงพิโรธจากองค์สักกะเทวราชทำลายจนแหลกลาญกระนั้นหรือ”

“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้ และไม่กลับไปที่บ้านอีก หากทำเช่นนี้ แม้นองค์สักกะเทวราชทรงทราบความว่าพี่ลักตัวเจ้าไว้เอง สมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของเจ้าก็จักไม่มีส่วนรู้เห็นใดใด”

“แล้ว.....แล้วพระองค์เล่า หากองค์เทวราชทรงล่วงรู้ พระองค์จักเป็นเช่นไร”

“สักวันความลับย่อมเปิดเผย หากถึงจะรู้เช่นนั้นแต่พี่พร้อมเสี่ยงเพื่อจะมีเจ้าอยู่ข้างกาย ไม่ว่าโทสะของพระองค์จะหนักหนาเพียงไหน พี่ก็พร้อมจักน้อมรับ.....”

“......เช่นนั้นหม่อมฉันก็มีคำตอบให้พระองค์แล้ว จากนี้ทั้งกายและใจ ทั้งชีวิตของหม่อมฉันก็เป็นของพระองค์ หม่อมฉันจักไปกับพระองค์ จักมีชีวิตอยู่เพื่อฝ่าบาทพระองค์เดียว....”



รอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าที่สงบนิ่งเป็นนิจของพราหมณ์หนุ่ม ด้วยซาบซึ้งถึงหัวใจว่าคำพูดจากปากอิสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่ลมปากและมักเชื่อถือมิได้นั้น แท้จริงมีสตรีนางหนึ่งเคยพิสูจน์มาแล้ว ว่าหนักแน่นยิ่งกว่าภูผาหิน


ณ ปางนั้น มาตลีเทพบุตรร่ายมนตรา เปลี่ยนร่างให้ยอดดวงใจกลับกลายเป็นมานพน้อย แล้วพากลับไปครองรักยังวิมานบนสรวงสวรรค์ จักเปลี่ยนให้กลับคืนสู่ร่างอิสตรีก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่รโหฐาน จากนั้นกลับไปรายงานกับองค์สักกะเทวราชว่าบุตรสุดท้องของราชาแห่งคิริปุระเป็นบุรุษมิใช่อิสตรี

หากคำกล่าวที่ว่าความลับไม่มีในโลกนั้นเป็นสัจจะของโลกทั้งสาม ซึ่งรวมไปถึงโลกสวรรค์
และโทสะแห่งเทพนั้นก็ร้ายแรงเกินคาดเดา ความผิดของสารถีเทพแห่งสวรรค์จึงล่วงถึงพระกรรณแห่งองค์เทวราชหลังจากเพลานั้นไม่นาน




“เจ้าอาจหาญกระทำการหยามเกียรติเราถึงเพียงนี้ มีอันใดจะอธิบายหรือไม่”

“ข้าพระบาทไม่มีอันใดจักอธิบาย นอกจากจะขอน้อมรับโทษผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว”

“ขอน้อมรับไว้เพียงผู้เดียวกระนั้นหรือ”

“พระเจ้าข้า การนี้ข้าพระบาทกระทำเพียงผู้เดียว ไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดแต่อย่างใด แม้แต่ศวัตรากุมารีก็ถูกล่อลวงมา นางมิได้รับรู้เลยว่าที่แท้แล้วจักต้องไปเป็นบาทบาริจาริกาแห่งพระองค์”

“หยุดกล่าวความเท็จต่อเรามาตลี เผื่อเราจะเมตตาลดโทษแก่เจ้า”



ไม่มีคำใดหลุดจากโอษฐ์แห่งสารถีเทพ จนกระทั่งองค์เทวราชสั่งให้นำศวัตรากุมารีขึ้นเฝ้า นางนั้นกลับยืนกรานขอรับโทษแม้จะสั่นไปทั้งกายด้วยเกรงฤทธิ์โทสะแห่งองค์เทวราช

และยิ่งทรงชายเนตรแลเห็นสายตาของมาตลีเทพบุตรและนางมนุษย์ที่ลอบสบกัน  โทสะก็ยิ่งทับทวี

“เจ้าควรรู้ดียิ่งกว่าใครมาตลี ว่านามหนึ่งของข้าคือสหัสนัยน์ ผู้มีดวงตาถึงพัน.....ข้ารับรู้ทั้งหมด ทุกรายละเอียด ใช้วิธีแปลงร่างนางให้เป็นบุรุษเพื่ออำพรางข้าสินะ......งั้นข้าจักอำนวยพร ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ต้องเหนื่อยอีกมาตลี ด้วยโองการแห่งข้า ขอให้นางศวัตรากุมารีผู้นี้จงอยู่ในร่างบุรุษเพศตลอดกาล!”



มาตลีเทพบุตรโอบอุ้มร่างไร้สติของศวัตราแล้วพาเหาะกลับวิมาน หากเมื่อเจ้าร่างน้อยฟื้นคืนสติก็กลับรับสภาพของตัวเองไม่ได้ ความมั่นใจที่จะยืนอยู่ข้างกายองค์เทพหมดไป ไม่ใช่แค่ไม่ยอมเปิดเผยร่างกายต่อหน้าสารถีเทพอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ยอมแม้แต่จะให้องค์เทพเข้าใกล้

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาใกล้หม่อมฉัน ฮือ.....หม่อมฉันไม่มีสิ่งที่จะทำให้พระองค์มีความสุขได้ ไม่มีวันมีอีกแล้ว ฮือ.....”

“ศวัตรา.....ฟังพี่ คนดีของพี่ พี่รักเจ้า ไม่ว่าร่างกายเจ้าจักเป็นเช่นไร ไม่สำคัญเลยสักนิด เจ้าอย่าได้คิดว่าเป็นเช่นนี้แล้วจะทำให้พี่ไม่มีความสุข เพียงรอยยิ้มของเจ้า เพียงเสียงหัวเราะของเจ้า ก็ทำให้พี่ยิ้มได้ ศวัตราของพี่เป็นคนเก่ง เป็นคนเข้มแข็งมิใช่หรือ”

อุ้งหัตถ์ใหญ่หนายื่นออกไปหา ทรงรอด้วยความอดทน ตั้งพระทัยจะรอจนกว่ายอดดวงใจจะพร้อมก้าวออกมาหาด้วยตนเอง

หากเนื้อแท้ของศวัตรานั้นเป็นเฉกที่องค์เทพทรงรู้.....จิตใจเข้มแข็งนัก และแน่ล่ะ เมื่อได้สดับคำปลอบประโลมเช่นนั้น แม้จะยังไม่มั่นใจในร่างกายของตน แต่ความอบอุ่นที่รู้ดีว่าจะได้รับจากอุ้งหัตถ์ใหญ่หนานั้นก็เย้ายวนเกินกว่าจะทนอยู่กับตัวเองลำพังต่อไปได้

หัตถ์น้อยอันประกอบด้วยนิ้วเรียวยาวเกลี้ยงเกลาราวลำเทียน อูมอิ่มราวโกมุทแรกผุดจากบึงน้ำค่อยยื่นออกมาจากหลังม่านเหนือแท่นบรรทมสี่เสาประดับด้วยรัตนชาติมีค่าทั้งเก้าอย่างกล้าๆกลัวๆ หากอุ้งหัตถ์แกร่งที่ยื่นรอก็มิได้เร่งเร้าแต่อย่างใด จวบจนปลายนิ้วแตะเข้าที่กลางหัตถ์หนาสีทองแดงจึงถูกรวบจับไว้อย่างแน่นหนา หากแต่ร่างน้อยก็ยังมิยอมจะเยี่ยมพักตร์จากหลังม่านนั้นแม้เพียงนิด

“ศวัตรา......คนดีของพี่ ไหนเจ้าเคยบอกกับพี่ จะมีชีวิตอยู่เพื่อพี่ แล้วนี่พี่ต้องการให้เจ้ามาอยู่ในอ้อมกอด เจ้ากลับไม่ยอมแม้จะเยี่ยมหน้าออกมาหากระนั้นหรือ”

สิ้นกระแสสุรเสียงอ่อนโยนนั้น วงพักตร์ที่ยังคงงดงามราวจันทร์กระจ่างฟ้า ผิดก็แต่มีความเข้มคมของขนงและเนตรเพิ่มขึ้นก็ค่อยเยี่ยมออกมาพ้นชายม่าน หัตถ์เรียวยาวขาวผ่องอีกข้างคอยเช็ดอัสสุชลที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสาย

มาตลีเทพบุตรส่งรอยแย้มสรวลอบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่เคยไปให้ กระตุกหัตถ์น้อยในอุ้งหัตถ์เบาๆ เพียงเท่านั้น ศวัตราก็โถมกายเข้าใส่ทั้งตัว

“หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ จากนี้ต่อไปพระองค์ก็ไม่ต้องมาบรรทมกับหม่อมฉันอีก.....”

“ไม่ให้นอนกับเจ้า แล้วจะให้พี่ไปนอนที่ไหนเล่าศวัตรา.....นี่เจ้าคิดจะยึดเตียงนี้ไว้แต่ผู้เดียวล่ะหรือ หึๆๆ”
เสียงสรวลเบาๆนั้นเรียกค้อนวงโตได้จนมาตลีเทพห้ามพระทัยไม่อยู่ ก้มลงจุมพิตไปทั่ววงพักตร์นวลเนียนนั้นซ้ำๆ

“เทพอัปสรล้วนแล้วแต่งามๆ ชายเนตรให้พระองค์ หม่อมฉันเห็นอยู่มากมาย......”

“แล้วอย่างไร เจ้าจะให้พี่ไปขอนอนเตียงเดียวกับพวกนางหรือ”

“หากนั่นจักทำให้พระองค์มีความสุข หม่อมฉันก็......”

“แล้วยอดดวงใจของพี่จะมีความสุขหรือ.......แค่คิดเจ้าก็ร้องไห้อีกแล้วนะศวัตรา พี่ไม่ชอบเห็นเจ้าร้องไห้ แล้วใช่ว่าร่างกายของเจ้าตอนนี้จะทำให้พี่มีความสุขไม่ได้นี่นะ”

“เอ๊ะ!”

“ตกใจอันใด หากเจ้าไม่เชื่อ พี่จะพิสูจน์เดี๋ยวนี้ล่ะ”


อืออื้อเสียงครวญครางลั่น   กายก่ายเกยกัน
เหนือพระแท่นทองรูจี
เนตรสบเนตรน้องไม่หนี   รักล้นฤดี
ส่งผ่านสู่ห้วงหทัย
อะอาเสียงหอบหายใจ   หันเหียนเวียนไล่
รุกเร้าด้วยเล่ห์กลกาม
โอษฐ์พร้องร้องเรียกเพรียกนาม   โอ้เจ้านงราม
เปิดทางให้พี่ได้ชม
อ๊ะอื้อแล้วขบเขี้ยวคม   ตามห้วงอารมณ์
ฝากรอยเหนือเบื้องอังสา
รุกล้ำดำดิ่งมรรคา   หฤหรรษา
ลืมสิ้นโศกหม่นเศร้าหมอง
มธุธาราเจิ่งนอง   ถ้วนกันทั้งสอง
ต่างองค์ต่างเปรมปรีดา
กอดน้องกล่อมนวลนิทรา   ยอดเสน่หา
หลับเสียแก้วตาขวัญใจ



เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง ความเศร้าหมองและความกังวลจะไม่สามารถทำให้มาตลีเทพพอพระทัยได้หายไป หากแต่ศวัตรายังคงไม่พอใจจะใช้ชีวิตบนวิมาน ท่ามกลางสายเนตรของเทพเทวาและเทพอัปสรองค์อื่น อีกทั้งกังวลว่าเทพองค์อื่นจักเย้ยหยันสารถีเทพอันเป็นที่รักที่บูชา จึงขอร้องให้องค์เทพบุตรไปสร้างสถานที่ลับบนโลกมนุษย์ สำหรับจะอยู่แต่เพียงผู้เดียว

มาตลีเทพบุตรให้ตามคำขอของมนุษย์น้อยหนึ่งเดียวอันเป็นที่รัก เนรมิตปราสาทขึ้นไม่ไกลจากสระอโนดาตใจกลางหิมพานต์ ว่างเว้นจากหน้าที่ที่ได้รับบัญชาจากองค์สักกะเทวราชเมื่อใด สารถีเทพแห่งสวรรค์จะไปใช้ชีวิตเรียบง่ายกับศวัตรายอดดวงใจทุกครั้ง


“หม่อมฉันเป็นเพียงมนุษย์ ไม่อาจมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะเช่นพระองค์ ทั้งน้ำอมฤตก็ถูกราหูเทพใช้ไปจนหมดแล้ว อีกไม่นานจากเพลานี้ หม่อมฉันก็จักถึงอายุขัย หากชีวิตต้องสิ้นไปแม้นได้ไปถือกำเนิดใหม่ หม่อมฉันจักขอพรข้อเดียว......ขอให้ได้พบและได้รักกับพระองค์ทุกคราวไปได้หรือไม่”
“ลงไปนั่งตรงหน้าพี่สิ ศวัตรา....”

เทพสารถีแห่งสวรรค์ประนมกรระลึกถึงพระคุณแห่งองค์สหัสนัยน์ ส่งกระแสจิตขอรับพลังเพื่อประสาทพรจากพระองค์ เมื่อสำเร็จแล้วจึ่งลืมเนตรทั้งสองขึ้น สบเนตรกับมนุษย์น้อยผู้เดียวอันเป็นที่รัก ก่อนยื่นหัตถ์ลากอักขระประสาทพรลงตรงนลาฏที่เงยขึ้นน้อมรับพระพร

“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่คราว เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกครั้งไป”


มัฏฏกะพราหมณ์สดับเสียงอำนวยพรจากโอษฐ์องค์เทพตามคำขอของเจ้าร่างน้อย แล้วนึกรู้ได้ทันที ที่องค์อัคนิเทพอันเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดในชีวิตนี้ทรงสำแดงเดชมาตักเตือนเรื่องของทุกขเวทนาที่ใกล้เข้ามา จักต้องเกี่ยวพันกับคำพรนั้นเป็นแน่

ยังไม่ทันละจากการเพ่งกสิณ พราหมณ์หนุ่มก็แว่วเสียงม้าร้องก้องขึ้นอย่างเจ็บปวดหนึ่งครั้ง ไม่ไกลจากอาศรมที่เลือกปลูกสร้างขึ้นโดดเดี่ยวกลางป่าห่างไกลจากชุมชนนัก ตบะฌานอันบำเพ็ญมาแต่ยังเยาว์ทำให้รู้ได้ทันที ว่าเจ้าของพันธะสัญญาอยู่ไม่ไกล

มัฏฏกะพราหมณ์กระทำศิรประณามคารวะต่อองค์อัคนิเทพ แล้วเร่งเดินไปตามทิศที่ได้ยินเสียงม้าร้อง ดวงจิตได้คำตอบของหนทางที่จะเลือกเดินตั้งแต่ยังไม่ทันได้พบหน้าของอีกคนในชีวิตนี้ แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม แลแม้ต้องทนทุกขเวทนาเพียงใด เราจักไม่ยอมปล่อยให้เจ้าของดวงเนตรแวววามในห้วงนิมิตต้องเผชิญกับเรื่องร้ายเพียงลำพังแน่นอน


..................................................
..................จบตอนค่ะ.....................
      
ปล.ว่าแล้วก็หนีก่อน :m32:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2010 09:40:38 โดย anajulia »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
แอบใช้สมาธิเล็กน้อยในการอ่าน ง่วง+โง่ด้วยอ่ะค่ะ :laugh:
ซึ้งๆๆกันไปก่อนนอน อิอิ สงสัยองค์เทวราชไม่เคยอ่านวาย
สาปให้กลายเป็นมานพน้อยก็เข้าทางพอดี :-[

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
จุดเริ่มต้นของคู่นี้เป็นอย่างนี้นี่เอง ^^ ว๊าวววมากค่ะ :-[ ชอบอ่ะ พี่นุ่นเขียนออกมาได้ดีจัง ผูกเรื่องได้รื่นมาก :m4: ไม่รู้จะพูดยังไงไปมากกว่านี้แล๊ะ แบบว่า o13 อ่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2010 05:22:20 โดย เกริด้า(๐-*-๐)v »

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
นี่คือที่มานี่เอง ดำเนินเรื่องได้ดีมากค่ะ  :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด