พิมพ์หน้านี้ - (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 15:40:52

หัวข้อ: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 15:40:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



ชี้แจง สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
กระทู้นี้จะเป็นการรวบรวมเรื่องสั้นจบในตอน ซึ่งบางเรื่องจะเกี่ยวข้องกัน
บางเรื่องก็ไม่ เชิญอ่านตามสะดวกค่ะ ไม่ถูกใจเรื่องแรกๆก็ลองข้ามไปอ่านเรื่องถัดไปนะคะ


สวัสดีค่ะ มาอีกแล้ว เอาเรื่องสั้นที่สั้นมากๆมานำเสนออีกแล้วค่ะ
จะว่าไงดี พล๊อตนี้มาเพราะคนเขียนไปเผชิญหน้ารถติดไฟแดงน้านนนนานมาค่ะ

ท่านไหนหลงเข้ามาอ่านเชิญติชมตามสะดวกเลยนะคะ  :กอด1:
...............................

“ในค่ำคืนแห่งความฝัน”


“พี่ชาย....ช่วยซื้อหน่อยเถอะครับ”
“พี่ชายใจดี พวงสุดท้ายแล้ว ผมจะได้กลับบ้าน ......ช่วยหน่อยนะครับ”


ใครจะว่าผมบ้าผมก็ไม่สนใจหรอก
เพราะ.....ผมอาจจะบ้าจริงๆก็ได้.......



ทุกเย็นหลังเลิกงานผมจะขับรถผ่านแยกอสมท.เข้าไปทางถนนพระรามเก้า มุ่งหน้ากลับคอนโด
ผมผ่านแยกนี้ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลาประมาณหกโมงเย็น
ก็เห็นหรอกนะว่ามีเด็กๆทั้งชายทั้งหญิงวิ่งขายพวงมาลัยเยอะแยะ
.....แต่ ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผมได้เลย

จนวันหนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครั้งแรกที่ผมอยู่ทำงานล่วงเวลา
แล้วเวลาที่ต้องมาผ่านแยกเดิมๆนี้ มันเปลี่ยนไป
20.20 น. โดยประมาณ รถผมมาติดไฟแดงเป็นคันที่สอง...
แล้ว เด็กผู้ชายคนนั้นก็เข้ามายกมือไหว้อยู่ข้างกระจก......

ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาขะมุกขะมอม กระดำกระด่าง
หรือเพราะแววตาขอร้อง ขอความเห็นใจเหมือนเจ้าด่างที่บ้าน
หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนั้น ผมโล่งใจที่สะสางงานด่วนจนเสร็จไปได้ทันเวลากันแน่
ผมก็......ลดหน้าต่างกระจกลง


“พี่ชาย.....ช่วยซื้อหน่อยเถอะครับ”
“พี่ชายใจดี พวงสุดท้ายแล้ว ผมจะได้กลับบ้าน ......ช่วยหน่อยนะครับ”


“เท่าไหร่ล่ะ?”

“ยี่สิบครับ ขอบคุณนะครับ พี่ชายใจดีจริงๆ”

ผมหยิบเหรียญสิบสองเหรียญในช่องข้างประตูยื่นส่งไปให้
แล้วรับพวงมาลัยที่มีมะลิบานๆอยู่แค่สองสามแถวมาจากมือที่ขาวสะอาด
อืม......มือเล็กๆนั่น ทำไมถึงได้ขาวและสะอาด ผิดกับใบหน้านัก

ผมเงยหน้ามองใบหน้าของเจ้าของสุ้มเสียงกระตือรือร้นอีกครั้ง
ก็ยังคงเห็นว่ามีแต่คราบฝุ่น และยังคงดูสกปรกกระดำกระด่างเหมือนเดิม
ที่เพิ่มมาคงเป็นรอยยิ้มขอบคุณกว้างขวาง
จนทำให้เห็นรอยกดที่สองข้างแก้ม บุ๋มลงไปโดยไม่ต้องสังเกต


เสียงเครื่องยนต์ของรถรอบๆพร้อมใจกันดังขึ้น
พร้อมๆกับเจ้าของลักยิ้มสองข้างแก้มหันซ้ายหันขวา
แล้ววิ่งพรวดพราดเป็นลิงกลับไปยืนหมิ่นเหม่บนเกาะกลางถนน

ผมออกรถตามคันหน้าไป.....
กลับถึงคอนโด อาบน้ำ
หยิบอาหารแช่แข็งในช่องแช่แข็งของตู้เย็นขนาดกลาง
อุ่นอาหารที่ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรด้วยไมโครเวฟ
จัดการเติมกระเพาะที่ว่างจนเต็ม.......


.......คืนนั้นผมนอนหลับ
โดยมีมาลัยมะลิบาน ส่งกลิ่นหอมระรวยมาจากโต๊ะเล็กข้างเตียง

และคงเพราะกลิ่นหอมนั่นเอง
ผมถึงฝัน...ฝันถึงสถานที่แสนพิเศษ

แอ่งน้ำสีเขียวเข้มที่มีน้ำใสสะอาดและนิ่งสนิทราวแผ่นกระจก
รอบสระน้ำนั้นเต็มไปด้วยกอไม้ดอกไม้หลากสี
และแน่นอน ข้างแผ่นหินที่ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่
พุ่มดอกมะลิที่กำลังแย้มบาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง......
ไม่ต่างจากร่างเล็กบาง แววตาพราวหวานที่ทอดกายอยู่เคียงข้าง


เนตรน้องสิแวววาม   ผิว์จะหยามยะเย้ยดาว
ปรางค์นวลละอองพราว   และก็ฉ่ำละอองสินธุ์
โอษฐ์เอื้อนวจีรื่น      ดนุชื่นจะยลยิน
หัตถ์น้อยตระกองบดินทร์   มนมอบมิสร่างซา



ผมคงบ้าไปแล้วจริงๆ เพราะหลังจากนั้น....ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นที่ตื่นขึ้นมา
ถึงจะไม่มีงานเร่งงานด่วน
ถึงจะไม่จำเป็นต้องอยู่เกินเวลางาน
ผมก็ยังหาเรื่องโต๋เต๋เดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆออฟฟิศได้ทุกวัน

เฝ้าคอยเวลาให้ได้ขับรถไปติดไฟแดงที่แยกนั้นทุกสองทุ่มยี่สิบนาที


20.20 น.
ผมกดเลื่อนกระจกลงโดยไม่ต้องรอให้เด็กผู้ชายคนเดิม
คนที่อยู่ในความฝันทุกค่ำคืนมาร้องเรียก

“พี่ชาย....วันนี้มาลัยหมดแล้ว แต่ผมรออยู่.......”

“................”

“พี่ชาย พรุ่งนี้ผมไม่ต้องไปเรียน พี่ชายให้ผมไปด้วยได้มั้ย?”
....................................
....................................


(มีต่อค่ะ)



ชี้แจง.....มีต่ออยู่ข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 04-07-2010 15:46:08
สั้นไปไหมเจ้

ถ้ากาลเป็นพี่ชาย  กาลจะตอบว่า

"ได้ ขึ้นมาเลยน้อง "
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 04-07-2010 15:48:59
โอ้ว!

กินเด็ก - -+

อืม นั่นสินะคะ เป็นหนูก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะไปต่อยังไงดีเหอๆ

ว่าแต่...ทำไมคุณน้องกล้าจังเลยคะ จะดีเหรอลูก!
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 04-07-2010 15:58:00
จะไปอยากไร"แค่เปิดประตูเท่านั้น"มันไม่อยากอยู่แล้วใช่ม่ะพี่ชาย
สั้นจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 04-07-2010 16:12:42
จะสั้นไปไหนอะ

 :z13: :z13: :z13:

น่าจะโดนอีกสักสิบที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 04-07-2010 17:39:15
เจ๊ นี่ มัน โคตร สั้น เลย ไม่ใช่ สั้น ธรรมดา แล้ว 5555

 อารมณ์ ค้าง จริงจัง  o22

อยากจะรู้ยิ่งนัก น้องชาย จะขอขึ้นรถไปด้วยทำหยังงง

 :z13: คน สั้นๆ สักที

ลามไปถึงพี่นัทท แหม มาอ่านเรื่องนี้ แสดงว่า ก็ชอบ สั้นๆอะดิ ก๊ากก

ปล.  ถ้าล่วงเกินประการใด  ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย (ทางการมาก) -0-

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 04-07-2010 18:00:44
 :o8: น้องจะให้พี่ใจดีไปส่งที่ไหนครับ
ถ้าคิดไม่ออกไปคิดต่อที่คอนโดพี่ก็ได้


อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 04-07-2010 18:54:32
ตอบว่า

แล้วน้องไม่ได้ไปเรียน  แล้วจะไปกับพี่ทำไมละคับ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอน
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-07-2010 19:13:17
จุดเริ่มต้นว่าแปลก ตอนจบอึ้งได้อีกกกกกกกก


เพิ่มค่ะ..
เป็นตอนจบที่คอมพลีทดีแท้ ^o^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 04-07-2010 19:24:22
มันก็จิ้นได้หลายทางนะคะ 555
แอบคิดเหมือนกัน...น้องไม่ไปโรงเรียน แล้วมันจะไปกับพี่ทำไมฟระ? (รู้จักกันหรือก็เปล่า)
ถ้าเอาอารมณ์โรแมนติกจิ้นหน่อยก็อาจจะแบบ...น้องเค้าก็ฝันถึงก็เลยรอเพราะอยากเจออะไรแบบนั้น ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-07-2010 19:30:05
จบซะงั้นเลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 19:43:28
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ

ถึงทุกท่านที่หลงเข้ามาค่ะ
เนื่องด้วยมีเด็กน้อยสองคนมาแง้วๆว่ามันสั้นไป ข้าพเจ้าเลยไปเขียนมาอีก และๆๆๆ
ขออนุญาตแปะต่อนะคะ เอ........รึจะแปะที่หัวกระทู้ต่อเลยดีหนอ??
ไม่เอาอ้ะ แปะเลยตรงนี้ดีกว่าเนอะคะ
มาค่ะ มาอ่านต่อกันเลย..........................

...............................
...............................

“ในค่ำคืนแห่งความฝัน”


เนตรน้องสิแวววาม   ผิว์จะหยามยะเย้ยดาว
ปรางค์นวลละอองพราว   และก็ฉ่ำละอองสินธุ์
โอษฐ์เอื้อนวจีรื่น      ดนุชื่นจะยลยิน
หัตถ์น้อยตระกองบดินทร์   มนมอบมิสร่างซา


โอ้ใจมิอาจรั้ง   รึจะขังก็ยังกล้า
โบกโบย ณ เวหา   และจะพัก ณ ที่หมาย
อ้อมอก ธ ปกป้อง   จะประคองมิเว้นวาย
น้องนี้จะทอดกาย   รติรักนิรันดร   



“น้ำจัณฑ์จอกนี้ทั้งหอมทั้งหวานล้ำลึกนัก เจ้าหมักเองจริงหรือศวัตรา”

“เป็นเช่นนั้น ถูกพระทัยขนาดนี้ หากหม่อมฉันจักทวงถามสินรางวัลคงไม่มากไปสินะฝ่าบาท”
จอกทองคำที่หัตถ์น้อยๆนั้นยกขึ้นป้อนให้ถึงโอษฐ์แห่งมาตลีเทพบุตรถูกรั้งกลับ
แล้ววางลงเหนือแง่หินไกลเกินเอื้อมหัตถ์แห่งองค์เทพบุตรอย่างกะทันหัน

กิริยาถือสนิทและแววตาซุกซนทอประกายหวานจากร่างน้อยที่ยังทอดกายแนบชิด
ไม่ได้ทำให้สารถีเทพแห่งสวรรค์ขัดเคืองเลยแม้แต่น้อย
ทั้งยังเรียกรอยแย้มสรวลให้ปรากฏบนวงพักตร์ที่มักนิ่งสงบและเคร่งขรึมอยู่เป็นนิจได้อีกด้วย

“สินรางวัลที่เจ้าว่า หากไม่เกินความสามารถที่พี่จักบันดาล ก็จงเอ่ยมาเถิด.....ศวัตรา”
ร่างน้อยขยับเข้าจนใกล้กับองค์เทพ แนบปรางค์ลงตรงพระอุระเบื้องซ้าย แล้วถึงเอ่ยวาจาขอประทานสินรางวัล

“หม่อมฉันเป็นเพียงมนุษย์ ไม่อาจมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะเช่นพระองค์ ทั้งน้ำอมฤตก็ถูกราหูเทพใช้ไปจนหมดแล้ว อีกไม่นานจากเพลานี้ หม่อมฉันก็จักถึงอายุขัย หากชีวิตต้องสิ้นไป แม้นได้ไปถือกำเนิดใหม่ หม่อมฉันจักขอพรข้อเดียว......ขอให้ได้พบและได้รักกับพระองค์ทุกคราวไปได้หรือไม่”

กรใหญ่หนาแห่งมาตลีเทพบุตรโอบร่างน้อยในอ้อมอุระให้แนบแน่นเข้าอีก
ก่อนจะยันกายขึ้นนั่งเหยียดปฤษฎางค์ห้อยพระชงฆ์ข้างหนึ่งลงในขณะที่อีกข้างยังพับราบบนแท่นหิน

“ลงไปนั่งตรงหน้าพี่สิ ศวัตรา....”

เทพสารถีแห่งสวรรค์ประนมกรระลึกถึงพระคุณแห่งองค์สหัสนัยน์ ส่งกระแสจิตขอรับพลังเพื่อประสาทพรจากพระองค์
เมื่อสำเร็จแล้วจึ่งลืมเนตรทั้งสองขึ้น สบเนตรกับมนุษย์น้อยผู้เดียวอันเป็นที่รัก
ก่อนยื่นหัตถ์ลากอักขระประสาทพรลงตรงนลาฏที่เงยขึ้นน้อมรับ

“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่คราว เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกครั้งไป”


แปลกจริง....ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความฝันเดิมๆทุกคืน
ตั้งแต่ได้พบกับพี่ชายใจดีในคืนวันนั้น

บางครั้งในความฝันก็มีแต่ภาพและการกระทำซึ่งไร้เสียง
ในบางคืน ความฝันนั้นก็สั่นไหว จนแทบจับภาพใดๆไม่ได้
แต่ทุกครั้ง.....ผมรู้ แม้หน้าตาหรือรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป
แต่คนที่กอดคือพี่ชายคนนั้น และ....คนที่ถูกกอด คือผมเอง

ผม.....จะทำยังไงดี
ทุกวันที่ตื่นขึ้นจากฝัน ผมกลัว กลัวว่าจะไม่ได้เจอกับพี่เขาอีก
กลัว.....กลัวว่าคืนนี้เมื่อหลับตาลง จะไม่ได้พบกับความฝันแบบเดิมอีก
.......แล้วพี่เขา จะพบกับความฝันแบบเดียวกับผมบ้างรึเปล่า.......



20.20 น.
นั่นไง รถนิสสันสีดำ เลขทะเบียนที่ผมท่องจำจนขึ้นใจ มาตรงเวลา
เหมือนที่เป็นมาทุกวันตลอดเดือนที่ผ่านมานี้
วันนี้แหละ ผมจะหาคำตอบให้กับคำถามของผมเสียที


“พี่ชาย....วันนี้มาลัยหมดแล้ว แต่ผมรออยู่.......”

“................”

“พี่ชาย พรุ่งนี้ผมไม่ต้องไปเรียน พี่ชายให้ผมไปด้วยได้มั้ย?”
....................................
....................................


พี่เขามองหน้าผมตาโตเหมือนจะไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไปจะเป็นเรื่องจริง

“พี่ครับ จะหมดเวลาไฟแดงแล้วนะ”
ผมรู้ตัวว่าสุ้มเสียงของตัวเองคงจะร้อนรนเต็มที


///ครึก แกร๊กกกกก///



“ขึ้นมาสิ.......ศวัตรา”

...........................
...........................



(จบ จริงๆแล้วค่ะ completelyเลย)
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 04-07-2010 19:52:22
 :z13: เจ๊นุ่น ก่อนนน เดี่ยวมาอ่าน น้อ

---------------
แฮ่ๆ เจ๊จ๋า อย่าตบโบน่ะ เหมือนจะเข้าใจ 55555

อื้ม  คิดว่าคงเข้าใจไม่ผิดนะ  เจ๊อะเล่นศัพท์ ซะ หูยย 

นับถืออ ๆ งั้นก็แสดงว่า สองคนนี้ เค้ารู้จักกัน ใช่ป ช่างมันเถอะเจ๊ โบคง  งงไปเอง
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 04-07-2010 19:53:50


อ้อออออออออออออออ...มันเป็นเช่นนี้แล (ฮา)

ขยายความมาให้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกนิด(ส์)นึง 55555555555555555555

ไม่ว่ากี่ชาติ ขอแค่ได้พบกัน ก็จะจำกันได้ิเองอะไรประมาณนี้หรือเปล่าคุณนุ่น??? เค้าเ้ข้าใจถูกแล้วชิมิ???

ชอบแนวนี้นะ...แบบว่ารักกันมานานแล้ว หรือเป็นคู่กันมาแต่ชาติปางก่อนอะไรอย่างนี้

มันแสดงถึงความรักที่มั่นคงไม่แปรเปลี่ยนดีอ่ะ >/////////<


หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 04-07-2010 19:58:16
 :z13: นุ่น มาทักทายก่อนไปอ่าน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-07-2010 20:00:12
แสดงว่าฝันเหมือนกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 20:04:23
กรรม โบจังของเจ้ ยังงงอยู่อีกเร้อ?
ดูคุณนาบีดิ ยังเข้าใจเลย

แหะๆ ทักทายทุกท่านค่ะ แนนจ๋า จุ๊บๆกอดๆ ช่ายๆๆสรุปว่าน้องมันก็ฝัน ไม่งั้นมันคงไม่กล้าขอไปด้วยหรอกนิ
(ตอนแรกกะจะเขียนหื้อเด็กมันลวงไปปลดทรัพย์ หุหุ)

ปล.ไม่เข้าใจตรงไหนอ้ะ? ตรงฉันท์ป้ะ? จะได้ถอดความ หงิงๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 04-07-2010 20:23:49
 :o8:
เจอกันในฝัน
แล้วได้กอดกันในความจริง
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 04-07-2010 20:26:20
อุ้ยย..เดาถูกซะงั้น 555



มันเป็นยังงี้นี่เอง~  :give2: เจอกันทุกชาติสิน่า...
จากนี้เราก็จิ้นกันต่อ...ว่าไอ้ที่เค้าจะไปน่ะ...ไปไหนกัน 555

ขอบคุณมากค่าพี่นุ่น  :L2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 04-07-2010 20:27:43
บวก 1 แต้มให้นุ่นค่ะ
เป็นเรื่องสั้นที่แรงบันดาลใจเล็กๆ แต่เนื้อเรื่องไม่เล็กไปด้วยนะคะ

มาตลีเทพบุตรในค่ำคืนนี้เป็นสารถีมารับศวัตราถึงสี่แยกไฟแดง
ต่างฝ่ายต่างฝัน ต่างรำลึกถึงกัน ด้วยพรอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ขอไว้แต่กาลก่อน

อินทรวิเชียรฉันท์ผลงานของนุ่นเองด้วยใช่มั้ยคะ ไพเราะมากๆเลย และเพิ่มอรรถรสให้กับเรื่องนี้มากๆด้วยเช่นกันค่ะ

ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 04-07-2010 21:05:53
รักกันข้ามภพข้ามชาติเลยคู่นี้
ตอนแรกคิดว่าจบแค่นั้น แอบงงนะ
แต่พออ่านต่อก็เข้าใจ ที่แท้น้องแกฝันถึงนั้นเอง
แอบงงกับศัพท์เล็กน้อย พยายามบีบคัดซีเรบรัมแล้ว
พอจะอ่านรู้เรื่องอยู่ ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 04-07-2010 22:13:00
:a5: อ๊ะ....จบแล้ว?
อ่านแล้วเหมือนมันจะมีต่อ +1 ให้คนแต่งพร้อมภาษาสวยๆจ้า
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 04-07-2010 23:04:18
 :z13: นุ่นอีกที โรแมนติกดีนะ ได้พบได้เจอได้รักทุกชาติไป... o13
+ให้เลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-07-2010 23:10:13
เกิดกี่ชาติก็จะรักเธอตลอดไป
คำนี้น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้นะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 04-07-2010 23:14:32
อ้ายยยยยยยยย :serius2:จบสั้น แบบบริบูรณ์เลย :L1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-07-2010 23:17:01
ฮึบๆตอบเมนท์ดันตัวเองเสียหน่อย


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้ความเห็นและคำแนะนำนะคะ
ตอนแรกเขียนแค่ส่วนของพี่ใจดีก็นึกว่าจะตอบโจทย์แล้วทิ้งปริศนาไว้พอเหมาะ
แต่กลับทำให้คนอ่านค้างเสียได้ ขอโทษนะคะ จุ๊บๆ

สำหรับส่วนที่สองนี้ เพิ่มมาเพื่อทำให้น้องลักยิ้มแก้มบุ๋มไม่ดูเป็นประเภทใจง่าย
หรือดูน่ากลัวเหมือนพวกล่อลวงไปปลดทรัพย์มากเกินค่ะ

อินทรวิเชียรฉันท์ที่ประกอบเรื่องสั้นนี่นุ่นเขียนเองค่ะ ขอบคุณที่ชมนะคะคุณน้ำตาล ปลื้มมมมมมม ^o^
ด้วยความที่เริ่มจากสี่แยกไฟแดง แต่กลับจินตนาการถึงสระอโนดาตโน่น
เลยคิดว่าต้องเป็นลีลาแบบฉันท์นี่แหละถึงจะเหมาะกับสองคนนี้

สำหรับใครที่อยากให้ถอดความฉันท์ ก็เร่เข้ามาอ่านตรงนี้นะคะ
..............
เนตรน้องสิแวววาม   ผิว์จะหยามยะเย้ยดาว
ปรางค์นวลละอองพราว   และก็ฉ่ำละอองสินธุ์
โอษฐ์เอื้อนวจีรื่น      ดนุชื่นจะยลยิน
หัตถ์น้อยตระกองบดินทร์   มนมอบมิสร่างซา

สำหรับส่วนของพี่ใจดีนะคะ เป็นฉันท์ชมโฉมของน้องแก้มบุ๋มเมื่อภพชาติที่เป็นศวัตราค่ะ
ถอดความแบบทีละบรรทัดเลยแล้วกันนะคะ
"ดวงตาวาววามระยิบระยับจนประกายดาวยังอาย
แก้มก็นวลผ่อง มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่(จินตนาการว่าอาจจะเพิ่งขึ้นมาจากลงไปดำผุดดำว่ายเล่นน้ำในสระ)
ปากนั่นก็มีแต่คำพูดที่ประโลมใจ ท่านเทพได้ยินทีไรก็อารมณ์ดีทุกที
มือน้อยๆนั่นก็โอบกอดผู้สามี(บดินทร์ แปลว่าสามีได้ค่ะ) และทั้งหัวใจก็มอบให้มา"


โอ้ใจมิอาจรั้ง   รึจะขังก็ยังกล้า
โบกโบย ณ เวหา   และจะพัก ณ ที่หมาย
อ้อมอก ธ ปกป้อง   จะประคองมิเว้นวาย
น้องนี้จะทอดกาย   รติรักนิรันดร  


ส่วนของน้องแก้มบุ๋มนะคะ

น้องเขารำพึงกับตัวเองค่ะว่า
ไม่อาจจะห้ามหัวใจได้จริงๆ ต่อให้ถูกกักขังไว้
หัวใจก็คงโบยบินไปอยู่ดี และจะพักก็ต่อเมื่อได้พบกับที่หมายเท่านั้น
ส่วนที่หมายของหัวใจน้องแก้มบุ๋มก็คืออ้อมอกของท่านเทพที่คอยปกป้องตลอดมา
น้องแก้มบุ๋มเขาสัญญาว่าทั้งกายและใจรักจะมอบให้ท่านเทพผู้เดียวชั่วนิรันดร์


กึ๋ยๆๆ พอมาเขียนออกมาเป็นร้อยแก้วแล้วรู้สึกว้านนนนนนหวานนะคะ
ไม่ไหวๆ คนเขียนขอพักหัวใจไปแหวะตัวเองก่อนนะคะ แหะๆๆๆ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และ.....แวบกดบวกให้คนอ่านที่น่ารักด้วยดีกว่า จุ๊บๆกอดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 04-07-2010 23:27:33
กี่ชาติแล้วนี่ แต่ที่รู้ชาตินี้น่ารัก  มันค้างๆยังไงไม่รู้นะครับ น่าจะมีต่ออีกซัก40-50 ตอนนะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-07-2010 01:08:04
^
^
^
เข้ามาจิ้มมมมมมม จึกๆคนอ่านก่อนไปนอน

เอ่อ.....อีกสัก40-50ตอน
แว้กกกกกก ไม่ไหวนะคะ ปล่อยพี่ใจดีกับน้องแก้มบุ๋มเขาไปดูแลกันและกันเถิดนะคะ
ไม่ได้เจอกันนาน ป่านนี้คิดถึงกันแย่แล้ว
สองคนเขาคงมีเรื่องต้องพูดกันยาวแน่ๆเลยค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 05-07-2010 03:06:16
นุ่นน่าจะขึ้นแนะนำก่อนอ่านนะ

ว่ากรุณาพกพจณานุกรมฉบับแปลไทยเป็นไทยด้วย

เขาจะได้อ่านเข้าใจจร้า อิอิ

แต่พี่ชอบนะภาษาสวยดี o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-07-2010 03:17:23
หึๆๆๆๆๆๆๆขออีกตอนไม่ได้เหรอ  ไงดีละชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 05-07-2010 09:46:28
หึๆๆๆๆๆๆๆขออีกตอนไม่ได้เหรอ  ไงดีละชอบอ่ะ

 o13
พี่นุ่นขาาา
ขออีกซักตอนสองตอนได้รึเปล่า ชอบ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 05-07-2010 10:49:53
 :a5: :a5:

ออกงง แต่ เข้าใจล่ะ

 :กอด1: :กอด1:

คนสวยของน้องซินนนน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 05-07-2010 12:49:19
อร๊ายยยยยยยยยยยยย มีเพิ่มเติม!

น่ารักจังเลยค่ะ อดีตชาติ ฮิ้ว

พี่นุ่นจ๋า เอาภาคต่อด้วยได้มั้ยคะ *ตะแง้วๆ*

คู่นี้ก็ท่าทางจะหวานและดราม่าไม่เลว >////<
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 05-07-2010 13:31:25
แต่งต่อเป็นเรื่องยาวเลยได้มั้ยเนี่ย  :impress2: ชอบๆ แนวนี้ ถึงจะสั้นไปนิดแต่ก็สนุกดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 05-07-2010 17:14:20
กรีดร้อง สั้น สั้นนน สั้น อ่า

แต่ยังหวานเหมือนเดิม

อ่านไปละลายไป 555+
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-07-2010 00:52:40
มาตอบเมนท์ดีกว่า เขียนเรื่องยาวแล้วติดๆขัดๆค่ะ หุหุ
........................

นุ่นน่าจะขึ้นแนะนำก่อนอ่านนะ

ว่ากรุณาพกพจณานุกรมฉบับแปลไทยเป็นไทยด้วย

เขาจะได้อ่านเข้าใจจร้า อิอิ

แต่พี่ชอบนะภาษาสวยดี o13

กรรม ศัพท์ก็ไม่ได้ยากขนาดน้านนนนนนนนนิพี่นัทนิ หงิงๆ ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่าน
(แต่ข้อแนะนำให้เปิดพจนานุกรมไปด้วย งืมๆๆ อ่านไปเปิดไปไม่เสียอารมณ์เหรอคะ?)

หึๆๆๆๆๆๆๆขออีกตอนไม่ได้เหรอ  ไงดีละชอบอ่ะ
ที่จริงก็ชอบเหมือนกันนะคะ แต่นุ่นว่าจบตอนนี้กำลังดี เลยคิดว่าจะไม่เขียนต่อน่ะค่ะ
...แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเคลียร์ตัวป่วนกับพี่อากาศเรียบร้อย แล้วมีไฟพอ ก็อาจจะเก็บโครงเรื่องมาปัดฝุ่นได้ค่ะ แหะๆ

หึๆๆๆๆๆๆๆขออีกตอนไม่ได้เหรอ  ไงดีละชอบอ่ะ

 o13
พี่นุ่นขาาา
ขออีกซักตอนสองตอนได้รึเปล่า ชอบ
 :กอด1:
ตอนสองตอนตอนนี้คงไม่ได้นิผิงผิง แต่อนาคต......ไม่แน่ค่ะ หุหุ

:a5: :a5:

ออกงง แต่ เข้าใจล่ะ

 :กอด1: :กอด1:

คนสวยของน้องซินนนน
อย่างน้อยอ่านเข้าใจพี่นุ่นก็ดีใจค่ะ แล้ว.......มัวแต่อึ้งเลยไม่รู้ว่าจะชอบรึไม่ชอบดีรึเปล่าหรือคะ?

อร๊ายยยยยยยยยยยยย มีเพิ่มเติม!

น่ารักจังเลยค่ะ อดีตชาติ ฮิ้ว

พี่นุ่นจ๋า เอาภาคต่อด้วยได้มั้ยคะ *ตะแง้วๆ*

คู่นี้ก็ท่าทางจะหวานและดราม่าไม่เลว >////<
เง้อ......ไว้พี่นุ่นคิดออกก่อนนะคะ อย่าเพิ่งแง้วววววววววว (แต่.....ถ้ามันมาแบบดราม่าจริง พี่นุ่นจะเขียนไหวหรือคะ?)

แต่งต่อเป็นเรื่องยาวเลยได้มั้ยเนี่ย  :impress2: ชอบๆ แนวนี้ ถึงจะสั้นไปนิดแต่ก็สนุกดีค่ะ  o13
ขอบคุณที่ชอบค่ะ ถ้ายังไง ถ้ามีไฟ คงได้เขียนต่อนะคะ แต่สำหรับตอนนี้ จบบริบูรณ์ค่ะ

กรีดร้อง สั้น สั้นนน สั้น อ่า

แต่ยังหวานเหมือนเดิม

อ่านไปละลายไป 555+
น้องฝนนนนนนนน คิดถึงนะคะ กอดดดดดดดด แหะๆๆสั้นมากนิ ตอนแรกสั้นกว่านี้อีก กร้ากกกกกกกกส์

ปล.ไม่มีใครเฉลียวใจคิดถึงบางอย่างเลยแฮะ....... :m32:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-07-2010 01:23:22
ผมจะเจอแบบนี้บ้างไหม?
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 06-07-2010 07:49:55
 :serius2:  พี่นุ่น....สั้น....มาก  o22
ไม?มันจบเยี่ยงนี้เล่า ท่านพี่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: hephzibah ที่ 06-07-2010 18:21:59
ทั้งหวาน ทั้งสนุกเลยอ่ะ
ภาษาเลิศเพิศพริ้งสุดๆ

พล็อตเปิดมาก็แปลกแล้ว ปิดด้วยความแปลกอีก เป็นอะไรที่ลงตัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 07-07-2010 00:07:30
ภาษาสวยจริงๆ ถึงแม้เรื่องจะสั้นไปหน่อยก็เถอะ ^^ ชอบค๊าา
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: covnizz ที่ 07-07-2010 03:24:19
เปิดพจนานุกรมเกือบไม่ทัน .. ภาษาสวยจริงๆ ..


แต่ทำไมสั้นได้อีก ..  :เฮ้อ:


แต่ภาษาพี่นุ่นนี่   o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-07-2010 08:43:05
 :L2:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-07-2010 22:31:22
แอบมาตอบเมนท์รอบอลมื้อดึก หุหุ

เนื่องจากมีหลายความคิดเห็นอยากให้เขียนต่อ แต่ๆๆ ถ้าจะเขียนต่อก็คงจะอีกนานแหละค่ะ
เพราะเรื่องนี้จากที่หลายท่านบอกว่าหวานๆงงๆ จะเปลี่ยนเป้นเรื่องฮาไปเสีย  :-[

เพราะงั้น......รักษาความหวานและงงต่อไปดีกว่าเนอะคะ

ผมจะเจอแบบนี้บ้างไหม?
งืม.....ลองนึกๆดูสิคะ ว่ามีใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วเรารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศรอบตัวเขาบ้างรึเปล่า คนเขียนเอง ก็อยากจะเจอแบบนี้บ้างเหมือนกันค่ะ ^^

:serius2:  พี่นุ่น....สั้น....มาก  o22
ไม?มันจบเยี่ยงนี้เล่า ท่านพี่  :เฮ้อ:
ก็จบแฮปปี้นี่นาดาด้า รึดาด้าจ๋าชอบแบบsad ending พี่ใจดีถูกน้องแก้มบุ๋มล่อลวงไปปลดทรัพย์ โอวววววว ม่ายยยยยยยยยยยน้า.......

ทั้งหวาน ทั้งสนุกเลยอ่ะ
ภาษาเลิศเพิศพริ้งสุดๆ

พล็อตเปิดมาก็แปลกแล้ว ปิดด้วยความแปลกอีก เป็นอะไรที่ลงตัวจริงๆ
ขอบคุณนะคะ อ่านเมนท์นี้แล้วตัวหนักๆจะลอย โฮะๆๆๆๆๆๆๆ ไว้มีพล๊อตแปลกๆเกิดในหัวจะเขียนมาฝากอีกนะคะ ^o^

ภาษาสวยจริงๆ ถึงแม้เรื่องจะสั้นไปหน่อยก็เถอะ ^^ ชอบค๊าา
ขอบคุณค่ะไอจัง สั้นไปมากเนอะ แหะๆ

เปิดพจนานุกรมเกือบไม่ทัน .. ภาษาสวยจริงๆ ..


แต่ทำไมสั้นได้อีก ..  :เฮ้อ:


แต่ภาษาพี่นุ่นนี่   o13 o13 o13 o13
จริงอ้ะ? ถึงกับต้องเปิดพจนานุกรมเลยเร้อ?? แต่...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและชอบนะพีจังงงงงง

:L2:

นุ่นขอบคุณสำหรับช่อกำลังใจนะคะ ไว้คิดอะไรออกจะเขียนมาแปะให้อ่านกันอีกค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: firrytail ที่ 07-07-2010 22:54:29
ชอบอ่ะป้า
ภาษาสวยดี(แต่บางที่ก็อ่านไม่เข้าใจ กร๊ากกก)
จะกี่ภพกี่ชาติก็ขอให้รักกันตลอดไป
จบแบบค้างนิดหน่อย และก็เป็นเรื่องสั้น(มากๆๆๆๆ)จริงๆ

ปอลิง.แบบว่า งงอิำีพี่คนที่ซื้อพวงมาลัยอ่ะ คือแกกลับชาติมาเกิดแล้วใช่มะถึงเรียกน้องแก้มบุ๋มว่า ศวัตรา
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 08-07-2010 07:10:35
อร้ายส์......อร้ายส์.......มาแบบสั้นๆแต่น่ารักมากมาย

จะรักกันทุกภพทุกชาติ อยากมีแบบนี้บ้างจัง

(แต่เอ๋? ถ้าน้องเกิดมาเป็นหญิงล่ะมันก็ไม่ใช่นิยายวายอ่ะดิ)
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-07-2010 12:41:45
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ในที่สุด
พี่แต๋มคะ  :กอด1: :กอด1: สองกอดเลย เพราะ....

อร้ายส์......อร้ายส์.......มาแบบสั้นๆแต่น่ารักมากมาย

จะรักกันทุกภพทุกชาติ อยากมีแบบนี้บ้างจัง

(แต่เอ๋? ถ้าน้องเกิดมาเป็นหญิงล่ะมันก็ไม่ใช่นิยายวายอ่ะดิ)
นี่แหละค่ะ ที่นุ่นกำลังรออยู่ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ถ้าจะเขียนเรื่องนี้ต่อก็พล๊อตแบบนี้แหละค่ะที่กระตุ้นอารมณ์ให้อยากเขียน แต่..เป็นทางตรงกันข้ามนะคะ หุหุ)

ชอบอ่ะป้า
ภาษาสวยดี(แต่บางที่ก็อ่านไม่เข้าใจ กร๊ากกก)
จะกี่ภพกี่ชาติก็ขอให้รักกันตลอดไป
จบแบบค้างนิดหน่อย และก็เป็นเรื่องสั้น(มากๆๆๆๆ)จริงๆ

ปอลิง.แบบว่า งงอิำีพี่คนที่ซื้อพวงมาลัยอ่ะ คือแกกลับชาติมาเกิดแล้วใช่มะถึงเรียกน้องแก้มบุ๋มว่า ศวัตรา
แอบไปตอบตัวตัวมาแล้ว ไม่งงแล้วนะคะน้องเฟิน ขอให้ทำงานส่งอาจารย์ได้ดีๆแล้วก็การสอบครั้งต่อๆไปก็จู้ๆๆน้าาาาาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Mercy ที่ 08-07-2010 13:46:01
^
^
^
^
แอบมาจิ้มคุณนุ่น


กรี๊ดดดดด ทำไมฉันพลาดดดด เรื่องนี้ไปได้...

พึ่งจะเห็นเลยพึ่งได้มาอ่านค่ะคุณนุ่น...


ชอบๆๆๆๆๆ แต่งเรื่องสั้นมาอีกนะคะ อารมณ์มันหวานแบบวาบหวาม ยังไงบอกไม่ถูก แต่ชอบค่ะ... o13
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: huimei ที่ 08-07-2010 17:15:36
ถึงจะสั้น แต่ก็ชอบอ่ะพี่นุ่น  o13

ภาษาสวยมากกก

ถ้าเป็นไปได้ก็แต่งต่อนะคะ
นะๆๆๆๆๆๆๆ  :man1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 08-07-2010 17:21:50
อืม.....พี่นุ่นจะแต่งให้ยาวก็ได้นะเนี่ย
อ่านแล้วไม่เห็นจะงงตรงไหน
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ZomZaa^^ ที่ 08-07-2010 17:46:26
สั้นๆแต่ได้ใจความ

น่าร๊ากกกกกอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 08-07-2010 18:07:24
ก็คล้ายๆ หลายรีพลายหลายๆ คน เป็นเรื่องสั้นๆๆๆๆๆ จริงๆ ค่ะ
แต่ก็สนุกดี เล่าเรื่องสลับกับคำฉันท์
ภาษาไม่ยาก  เพียงแต่ต้องค่อยๆ อ่านให้ช้าๆ จะได้ละเลียดความสุขให้อยู่กับเราได้นานๆ

หลายคนเลยอยากให้มีตอนต่อ ก็อยากรู้ว่าถ้าขึ้นรถไปแล้วจะเจออะไรน้อ... :z1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 09-07-2010 11:05:33
เก็บเมนท์มาตอบอีก แหะๆ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ  :กอด1:

^
^
^
^
แอบมาจิ้มคุณนุ่น


กรี๊ดดดดด ทำไมฉันพลาดดดด เรื่องนี้ไปได้...

พึ่งจะเห็นเลยพึ่งได้มาอ่านค่ะคุณนุ่น...


ชอบๆๆๆๆๆ แต่งเรื่องสั้นมาอีกนะคะ อารมณ์มันหวานแบบวาบหวาม ยังไงบอกไม่ถูก แต่ชอบค่ะ... o13
หงะ ถูกจิ้มตรูดดดดดดดดด หงิงๆ
หวานแบบวาบหวาม >//////////< เป็นคำจำกัดความที่ทำให้นุ่นเขินเลยคุณไนท์ คิดไรเนี่ย อรั๊ยยยยยยยยย

ถึงจะสั้น แต่ก็ชอบอ่ะพี่นุ่น  o13

ภาษาสวยมากกก

ถ้าเป็นไปได้ก็แต่งต่อนะคะ
นะๆๆๆๆๆๆๆ  :man1:
กอดตอบน้องออม เอาเป็นว่าเริ่มมีพล๊อตผุดขึ้นมาแล้วค่ะ ขอจัดการเรื่องยาวกับเรื่องสั้นอีกเรื่องให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

อืม.....พี่นุ่นจะแต่งให้ยาวก็ได้นะเนี่ย
อ่านแล้วไม่เห็นจะงงตรงไหน
อิอิ ดีใจที่น้องไม่งง แล้วก็สำหรับจะขยายเป็นเรื่องยาว เริ่มมีไฟแล้วค่ะ

สั้นๆแต่ได้ใจความ

น่าร๊ากกกกกอ่ะ :-[
ขอบคุณค่ะคุณส้มซ่า (ใช่มั้ยนิ?) พี่ใจดีกับน้องแก้มบุ๋มน่ารักเนอะ ตอนเป็นท่านเทพกับศวัตรา ศวัตราก็อ๊อนนนนอ้อน  :impress2:

ก็คล้ายๆ หลายรีพลายหลายๆ คน เป็นเรื่องสั้นๆๆๆๆๆ จริงๆ ค่ะ
แต่ก็สนุกดี เล่าเรื่องสลับกับคำฉันท์
ภาษาไม่ยาก  เพียงแต่ต้องค่อยๆ อ่านให้ช้าๆ จะได้ละเลียดความสุขให้อยู่กับเราได้นานๆ

หลายคนเลยอยากให้มีตอนต่อ ก็อยากรู้ว่าถ้าขึ้นรถไปแล้วจะเจออะไรน้อ... :z1:
อา.......เมนท์ที่ทำให้คนเขียนจะลอยมาอีกแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนที่ว่าหลังจากขึ้นรถไปจะเป็นยังไง หุหุ เอาไว้ก่อนนะคะ แล้วอาจจะมีมาบอกค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: posshiza ที่ 09-07-2010 20:42:47
ถึงจะสั้นแต่ได้ใจความค่ะ
ชอบค่ะอ่านแล้วเข้าใจง่ายดี
ถ้าได้ต่ออีกก็คงดีนะค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: bigeye ที่ 10-07-2010 00:51:49
โอวว...สั้นจริงค่า..แต่ภาษาสวยมากอ่า o13  ชอบๆ
รักครั้งนี้เป็นชาติไหนกันน๊า...อยากอ่านชาติอื่นๆมั่งอ่ะคุณนุ่น...เหอๆ :z1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 10-07-2010 19:01:39
 :o8: โรแมนติกจังเลย

ชอบๆๆๆๆๆๆ

อยากได้ตอนพิเศษจังเลยค่ะ อยากรู้ว่าต่อไปจะทำยังไง อิอิ

ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 10-07-2010 21:01:08
โรแมนติกสุดๆ ขอพรให้พบและรักกันทุกชาติ แถมยังฝันเหมือนกันด้วย ถ้าเจอแบบนี้บ้างก็คงดี
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 11-07-2010 00:23:41
ถ้ามีต่อจะเจ๋งมากๆๆ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-07-2010 10:19:25
 :a5:

อีก 3 ตอนเลยล่ะกานน่ะ
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 11-07-2010 17:32:14
สั้นไปหน่อยอ่ะนุ่น

เข้าใจแต่งกลอนอ่ะนุ่น เราหัวไม่ค่อยมีเท่าไรกับเรื่องแบบนี้ ตกภาษาไทยอ่ะ ฮาาาาา

รักกันข้ามภพเลยอ่ะ  :-[  เสียดายสั้นไปหน่อย ไม่หน่อยล่ะ

สั้นมากเลย
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dp ที่ 11-07-2010 19:59:08
เปลี่ยนมานั่ง 3 door สีเขียวของพี่ดีกว่ามะ เด๋วจะไปหาแถวฟอจูนมั่ง  :o8:



สั้นนนนน จิงๆด้วย --"
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-07-2010 17:14:33
แล้วทั้ง 2 ก็เข้าสู่นิทรา..
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-07-2010 02:55:28
ฮึบๆๆ มาตอบเมนท์ก่อนจะถูกย้ายไปอยู่ที่ห้องเรื่องจบแล้วค่ะ
น่าจะอีกไม่นานแล้วนิ
ยังไง ถ้าท่านไหนเข้ามาอ่านแล้วมีคำแนะนำเชิญเลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^o^

ถึงจะสั้นแต่ได้ใจความค่ะ
ชอบค่ะอ่านแล้วเข้าใจง่ายดี
ถ้าได้ต่ออีกก็คงดีนะค่ะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดดดด ถ้ายังไงในอนาคตคงได้ต่อค่ะ แต่ขอให้พล๊อตมันกระจ่างในใจกว่านี้อีกนิดนะคะ

โอวว...สั้นจริงค่า..แต่ภาษาสวยมากอ่า o13  ชอบๆ
รักครั้งนี้เป็นชาติไหนกันน๊า...อยากอ่านชาติอื่นๆมั่งอ่ะคุณนุ่น...เหอๆ :z1:
คริคริ หลายภพหลายชาติแล้วค่ะ น้องแก้มบุ๋มมาเกิดแล้วก็ทำเรื่องอยู่เรื่อย น่าสงสารพี่ใจดีนะคะ

:o8: โรแมนติกจังเลย

ชอบๆๆๆๆๆๆ

อยากได้ตอนพิเศษจังเลยค่ะ อยากรู้ว่าต่อไปจะทำยังไง อิอิ

ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
เอิ่ม......."อยากรู้ว่าต่อไปจะทำยังไง" กึ๋ยๆๆ ทำอะไรคะ? คนเขียนเปล่านะ ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ แต่ก็นะ "ทำยังไง" มันน่าคิดไกลจริงๆนะเออ

โรแมนติกสุดๆ ขอพรให้พบและรักกันทุกชาติ แถมยังฝันเหมือนกันด้วย ถ้าเจอแบบนี้บ้างก็คงดี
ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเมนท์เช่นกันค่ะ อยากเจอแบบนี้ด้วยคน หงิงๆ

ถ้ามีต่อจะเจ๋งมากๆๆ
แหะๆ ไม่แน่ค่ะ ในอนาคตเมื่อเรื่องยาวที่เขียนอยู่จบ อาจจะได้เขียนต่อนะคะ

:a5:

อีก 3 ตอนเลยล่ะกานน่ะ
ถ้าเขียนต่อจริง คงไม่ใช่แค่อีกสามแน่ๆเลยค่ะ  :o8:

สั้นไปหน่อยอ่ะนุ่น

เข้าใจแต่งกลอนอ่ะนุ่น เราหัวไม่ค่อยมีเท่าไรกับเรื่องแบบนี้ ตกภาษาไทยอ่ะ ฮาาาาา

รักกันข้ามภพเลยอ่ะ  :-[  เสียดายสั้นไปหน่อย ไม่หน่อยล่ะ

สั้นมากเลย
จุ๊บๆแอม ก็นะ สั้นบ้างอะไรบ้างงงงงงงงง

เปลี่ยนมานั่ง 3 door สีเขียวของพี่ดีกว่ามะ เด๋วจะไปหาแถวฟอจูนมั่ง  :o8:



สั้นนนนน จิงๆด้วย --"
นั่นแน่ ถูกใจน้องแก้มบุ๋มล่ะสิดีพ อุเหม่ จองเด็กทั้งบอร์ดรึยังเนี่ย?  :m20:

แล้วทั้ง 2 ก็เข้าสู่นิทรา..
งืม......ไม่รู้จะนิทราทันทีรึเปล่าน่ะสิคะ? อย่างน้อยก็คงต้องมีการซักประวัติกันก่อนแหละน่า....เนอะๆ

หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jinni ที่ 13-07-2010 21:21:36
เรื่องสั้น
สั้นจริง ๆ นะเนี่ยะ
สั้นแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มีแปลกลอนด้วย เยี่ยมเลย
แปลเอง ไม่ได้หวานขนาดนั้นหรอกเรา
หัวข้อ: Re: [[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]] “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” แก้ไขแล้ว สมบูรณ์เมื่อ19.42น.(4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-07-2010 14:07:22
แหะๆ แอบมาตอบเมนท์ดันตัวเอง แล้วก็ขอเปลี่ยนหัวเรื่องนะคะ
เพราะไอเดียกระฉูดมากเลยกำลังพิมพ์เรื่องสั้นตอนเดียวจบมาอีก แล้วเลยกะจะแปะไว้ในกระทู้นี้แหละ
เอาให้เป็นซีรี่ส์จากความเพ้อฝันของคนเขียนไปซะเลย


เรื่องสั้น
สั้นจริง ๆ นะเนี่ยะ
สั้นแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มีแปลกลอนด้วย เยี่ยมเลย
แปลเอง ไม่ได้หวานขนาดนั้นหรอกเรา

ขอบคุณนะคะ หวังว่าจะมาอุดหนุนกันในคราวต่อๆไป โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. ถ้าไม่มีอะไรด่วนเข้ามา เย็นนี้คงได้แปะเรื่องสั้นเรื่องที่สองค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: “ในค่ำคืนแห่งความฝัน” (4/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-07-2010 17:35:24
มาแล้วค่ะ เรื่องสั้นเรื่องที่สอง จบในตอนตามเคย
เชิญท่านที่เข้ามาอ่านได้เลยค่ะ
มีคำติคำชม และข้อแนะนำใดๆ เชิญได้เต็มที่เลยนะคะ  :o8:
.....................................................

The Sweet Mirage:
ภาพลวง ฤา คือฝัน......


“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”


เสียงฝีเท้าม้าแทนที่จะดังกุบกับ กลับได้ยินเป็นเสียงสวบสาบๆ ดังกระชั้นเข้ามาทุกที

ร่างสูงโปร่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมสีดำรุ่มร่ามถูกกระชากขึ้นไปพาดอยู่ด้านหน้าของผู้ควบคุมม้าตัวใหญ่สีดำสนิทราวกับราตรีกาลอันไร้ดาว โดยที่อาชาพ่วงพีนั้นไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงเลยสักนิด ยังคงควบขับต่อไปบนพื้นทรายอันร้อนระอุ ทิ้งให้ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายเป็นทางอยู่เบื้องหลัง

“ปล่อยยยยยยยยย ปล่อยข้าลง”
“เจ้ามันบ้า เจ้าจะจับข้ากลับไปทำไมกัน ปล่อยนะ ปล่อยข้า.....แค่กๆๆ”

ร่างโปร่งที่ถูกจับพาดลงกับหลังม้าทั้งเจ็บทั้งหายใจลำบาก เนื่องด้วยเมื่อถูกมือแข็งแรงของคนที่ยังบังคับม้าอยู่กระชากขึ้นมานั้น คนกระชากก็ปล่อยให้ช่วงอกกระแทกลงกับขอบอานที่ทำขึ้นจากหนังแข็งๆทันที

แรงกระแทกที่ไม่มีปรานีปราศรัย แล้วยิ่งควบขับม้าด้วยความเร็ว แม้จะเป็นการเดินทางบนพื้นทรายแต่แรงกระแทกตรงกลางอกก็ยังทำให้หายใจได้ลำบาก จนต้องไอออกมาเมื่อพยายามตะโกนเรียกร้องขออิสระอยู่ดี

“ปล่อยข้าลง เจ้าคนถ่อย แค่กๆๆๆ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับตัวข้า ปล่อยยยยยยย แค่กๆๆๆๆ ปล่อยซี่ ไอ้คนบ้า ไอ้ป่าเถื่อน”
“ไอ้คนถ่อย ข้าบอกให้ปล่อยข้า หูหนวกรึไง”

ไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากใต้ผ้าคลุมหน้าที่พันไว้จนมิดชิด เหลือเพียงดวงตาคมกร้าวที่มีแววตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทองโผล่ออกมาส่งสายตาดุดันแต่กลับแฝงซ่อนความขบขันไว้เร้นลึก ให้กับแผ่นหลังของเจ้าของเสียงโวยวายที่ตั้งแต่ลากขึ้นมาอยู่บนหลังม้าด้วยกันได้ นอกจากเวลาที่ไอกับพักกลืนน้ำลายแล้วยังไม่ยอมหยุดโวยวายเลยสักนิด

เจ้าของดวงตาสีเหลือบทองยิ่งเร่งกระตุ้นให้เจ้าดำปลอดเร่งฝีเท้าขึ้นอีกโดยไม่สนใจกับเสียงโวยวาย ทำราวกับเสียงนั้นเป็นเสียงนกเสียงกา

ก็จะมัวช้าอยู่ได้อย่างไร กลางทะเลทราย แดดกล้าขนาดนี้ แล้วคนที่ปากเก่งอยู่ตอนนี้ก็หายออกมาจากกระโจมที่พักตั้งสี่ชั่วโมงแล้ว
ตอนที่เห็นจากระยะไกลก็ว่าท่าเดินดูแปลกๆ ยิ่งควบม้าเข้ามาใกล้ก็ยิ่งชัดว่าเซไปเซมา
คงทั้งเหนื่อย ทั้งหิว แถมน้ำในถุงกระเพาะวัวที่พกมาก็คงหมดไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังปากดีอยู่ได้ก็แค่แรงทิฐิประจำตระกูลเท่านั้นแหละ....

.....ซาเยต นิโคล อัล นาอีม......

หึ....ตระกูล อัล นาอีม ถือศักดิ์นักว่าตัวเองสืบเชื้อสายจากสุลต่านองค์ก่อน นี่ขนาดรายนี้เป็นชั้นหลาน แถมยังเป็นหลานลูกเสี้ยวที่มีย่าเป็นหญิงต่างชาติแท้ๆ ไอ้เจ้าอาการทิฐิแรงถือดีจนน่าหมั่นไส้นี่ยังไม่ผิดเพี้ยนไปจากพวกญาติวงศ์คนอื่นๆเลย


“โว้ยยยยยยย บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า ไอ้ป่าเถื่อน เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งรึไง โอ๊ะ!!”
เสียงก่นด่าต้องสะดุดลงจนได้เพราะจู่ๆม้าที่ควบด้วยความเร็วเต็มฝีเท้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งเจ้าของร่างใหญ่ที่ดำรงตนราวกับเป็นใบ้มาตลอดทางตวัดขาพาตัวเองลงจากหลังเจ้าดำปลอด แล้วจึงโอบอุ้มเอาร่างของคนที่เพิ่งจะโล่งอกว่าจะได้เป็นอิสระจากท่าพาดหลังม้าไปยืนบนพื้นด้วยขาตัวเองเสียทีต้องโมโหกรุ่นจนต้องโวยวายออกมาอีกครั้ง ทั้งที่ลำคอแห้งผากและรู้สึกได้แต่ความสากระคายของฝุ่นทราย เนื่องจากพอพ้นจากหลังม้าแข็งๆร่างที่แทบจะหมดแรงต่อต้านโดยสิ้นเชิงก็ถูกจับพาดบ่าพาเดินมุ่งหน้าเข้าสู่กลางโอเอซิสทันที

“หยุดดิ้น แล้วก็เงียบเสียทีซาเยต ตะโกนโวยวายมาตลอดทาง เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือไง?”
น้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่มีอันใดในโลกจะทำให้เกิดความทุกข์ร้อนได้ของคนที่เปลี่ยนตัวเองมาทำหน้าที่พาหนะแทนม้าดังออกมาจากใต้ผ้าสีดำที่พันพาดตั้งแต่ลำคอจนปิดมาถึงใต้ดวงตาคู่คม

แล้วก็แค่ประโยคเรียบๆเย็นๆนั้นไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ แต่กลับส่งผลให้ร่างโปร่งเจ้าของนามซาเยตหยุดดิ้นรนได้ทันทีเหมือนกัน

“แค่กๆ แค่กๆ เจ้าไม่ต้องการข้า ก็ปล่อยข้าไปสิ ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยเจ้าเบดูอินป่าเถื่อน....”
คนที่โวยวายเสียงดังมาตลอดเลยพลอยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบเสงี่ยมขึ้นได้ แต่ถ้อยคำที่ใช้ก็ไม่พ้นการบริภาษเจ้าของนัยน์ตาคมอยู่ดี

“ไอใหญ่แล้วซาเยต เดี๋ยวเข้าไปให้ถึงตาน้ำก่อน แล้วเจ้าค่อยด่าข้าต่อเถิดนะ อย่าทรมานตัวเองนักเลย”
น้ำเสียงยังคงเรียบเรื่อยก็จริง แต่ความหมายที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้นก็ทำให้คนที่โวยวายต่อต้านมาตลอดทางถึงกับยิ้มออก

“งั้นก็ปล่อยข้าลงสิ ข้าจะเดินเอง”

“อย่ามาอวดเก่งหน่อยเลย เจ้าไม่มีแรงแล้ว ทำไมข้าจะไม่รู้”

“ถ้างั้น....ก็อุ้มดีๆไม่ได้เหรอ จับข้าห้อยหัวอย่างนี้มันคลื่นไส้ ข้าจะอ้วก”
แล้วพอความรู้สึกดีๆเอ่อท้นขึ้นมา น้ำเสียงแข็งกระด้างต่อว่าต่อขานมาตลอดทางก็กลับกลายเป็นน้ำเสียงออดอ้อนไปโดยเจ้าของไม่ทันรู้ตัว
ส่วนคนฟังก็ยิ้มออกมาเต็มที่จนรอยย่นรอบเบ้าตานั้นกดลึก ยิ่งขับเน้นให้โครงหน้าที่มีกรอบตาลึกนั้นชัดเจนขึ้นไปอีก
น่าเสียดาย....ที่เจ้าของเสียงที่ทำให้เกิดรอยยิ้มได้ไม่มีโอกาสได้เห็น

“ไม่ได้หรอกซาเยต ข้าเองก็ไม่มีแรงจะอุ้มเจ้าดีๆเสียแล้ว ก็ก่อนจะหนีออกมา นอกจากถุงน้ำที่เจ้าเอาติดตัวมาด้วยถุงนั้นเจ้าก็เล่นเทน้ำดื่มทิ้งจนหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดหรือ ข้าจะปล่อยให้เจ้ากระหายจนเสียงแหบเสียงแห้งอย่างนี้.....”
น้ำเสียงที่โต้ตอบมายังคงเรียบเรื่อย ไม่มีร่อยรอยของความโกรธเกรี้ยวเลยสักนิด ทั้งๆที่สิ่งที่ทำลงไปถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงนัก

ทำลายสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการดำรงชีวิตในทะเลทราย....จงใจทำให้หัวหน้าเผ่าแห่งเบดูอินต้องตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและอันตรายต่อชีวิต

ก็เพราะมายัลลีเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่รับตัวของหลานชายคนเล็กแห่งตระกูลอัล นาอีม มา ทดแทนกับหนี้ที่ตระกูลติดอยู่กับเผ่าที่มายัลลีเป็นหัวหน้า ไม่เคยมีสักครั้งที่จะปฏิบัติด้วยดั่งซาเยต นิโคล เป็นคนที่ต่ำต้อยกว่า ทั้งที่มีสิทธิ์เต็มที่แท้ๆ ในขณะที่กับคนอื่นมายัลลีไม่เคยไว้หน้า เมื่อทำผิดโทษที่จะได้รับจะเป็นโทษขั้นสูงสุดเสมอ
.....ขโมยของ ตัดมือ .....ขโมยชีวิต ตัดหัว


ทำไมคนฉลาดอย่างซาเยตจะไม่รู้ว่ามายัลลีคิดกับตนเองอย่างไร
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อตอนแรกออกฤทธิ์ไว้มากมาย จนตอนนี้ถูกพามาอยู่กับมายัลลี ถูกบังคับให้ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา
ต้องเจอหน้ากันทุกวัน เวลานอนก็ต้องนอนอยู่ในกระโจมเดียวกัน....ที่จริงก็ไม่ใช่แค่กระโจมเดียวกันหรอก แต่เป็นการนอนบนพู่ลาดผืนเดียวกันเลยด้วยซ้ำ

แถมเจ้าของตาคมๆเหลือบทองนี่ยังขยันส่งสายตาเป็นประกายมาให้วันละไม่รู้ว่ากี่ครั้ง ต่อให้ดื้อ ให้หัวแข็งแค่ไหนมันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง


“เอาล่ะ ดื่มน้ำซะ แล้วอย่าได้คิดจะวิ่งหนีไปจากข้าอีก”
กำลังคิดเพลินๆ คนที่อุทิศตนเป็นพาหนะให้กับร่างกายอ่อนล้าของซาเยตก็วางร่างเพรียวที่แบกมาไม่ต่ำกว่าห้านาทีลงบนพื้นหินข้างแอ่งน้ำขนาดใหญ่เสียแล้ว

“แค่กๆๆ อื้ม....”
ไม่น่าเชื่อว่ามือใหญ่ที่ทั้งหยาบทั้งกร้านเนื่องจากการใช้ชีวิตบนหลังม้าในทะเลทรายพอๆกับในเมืองจะให้สัมผัสที่อ่อนโยนได้ขนาดนี้
มายัลลีทรุดตัวลงเคียงข้าง ลูบหลังร่างโปร่งบางที่กำลังสำลักกระอักกระไอเพราะดื่มน้ำเร็วเกินไปช้าๆ

“ซาเยต เจ้าเด็กน้อย...... เราชาวทะเลทรายควรรู้ดี ว่าหลังจากไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเวลานานๆ ไม่ควรดื่มอย่างรวดเร็วแบบที่เจ้าทำ”

“แค่กๆ ไอ้คนเถื่อน แทนที่เจ้าจะดุด่าข้า เจ้าควรจะปลอบข้าถึงจะถูก ฮึ่ม อีกอย่างข้าอายุสิบแปดแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่เจ้าว่า”

“กอดเจ้าอยู่ทุกวัน ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าโตแล้ว แต่การกระทำของเจ้าต่างหากทำให้ข้าเข้าใจว่าภายใต้ร่างกายที่เติบโตเป็นหนุ่มนี้ เจ้าก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น”

ได้ผล ร่างเพรียวเจ้าของแววตาดื้อรั้นที่งอตัวไออยู่เมื่อครู่แว้งตัวกลับราวกับงู ปัดมือที่กำลังลูบหลังให้อยู่ทันที แล้วพุ่งหมัดกะจะประเคนให้ตรงหน้าของมายัลลี
แต่ก็ทำร้ายได้แค่ลม เมื่อมายัลลีทำแค่เบี่ยงตัวออกด้านข้างนิดเดียว หมัดที่พุ่งตรงมาก็เลยผ่านหน้าไปเสียแล้ว
แถมยังส่งผลให้เจ้าของหมัดเสียหลักไถลลงไปในแอ่งน้ำกว้างใหญ่เสียทั้งตัว

///ตู้มมมมมมมมมมม///


“ซาเยต อย่าเล่นเป็นเด็กๆ ขึ้นมาได้แล้ว”
“ถ้าเจ้าช้าเราจะต้องค้างแรมที่นี่นะ”


“ซาเยตตตตตตต ซาเยตตตตตตตตตตต!!!”


ร่างใหญ่หนาปลดอาภรณ์ที่เกะกะชั้นนอกออกจนเหลือเพียงกางเกงผ้าฝ้ายรัดข้อเท้าตัวใน แล้วพุ่งตัวตามลงไปในจุดที่เห็นเจ้าของดวงใจหายลับไปทันที

////ตู้มมมมมมมม////



เสียงบรรเลงแห่งท่วงทำนองที่ไม่รู้จักจากเครื่องดนตรีจำพวกเครื่องสายดังขึ้นในโสตประสาทของหนุ่มน้อย พร้อมๆกับภาพที่ปรากฏขึ้นในคลองจักษุเปลี่ยนไป
ปาล์มน้ำมันและเฟิร์นโบราณที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในโอเอซิสใกล้ที่ราบสูงอักกาห์ที่เคยชินแปรเปลี่ยนเป็นพรรณไม้ดอกหอมระรวย และไม้ยืนต้นที่มีใบดกหนาสีเขียวหลากเฉด

ซาเยตยกมือขึ้นขยี้ตาก็แล้ว ลองหลับตาแล้วนับหนึ่งถึงสิบแล้วค่อยลืมตาขึ้นใหม่ด้วยหวังว่าภาพลวงตาที่เห็นจะหายไปก็แล้ว ภาพและเสียงตรงหน้าก็ยังไม่หายไป  แต่กลับต้องตกใจยิ่งขึ้นกับสภาพของตัวเอง
เมื่อมองเห็นผิวที่เคยขาวอมชมพูแบบเลือดผสมยูเรเชี่ยนกลับกลายเป็นผิวสีน้ำนม เสื้อผ้าที่เป็นชุดคลุมสำหรับเดินทางในทะเลทรายสีดำสนิทกลับกลายเป็นแพรบางเบาสีชมพูอ่อน

ใช่แล้ว....สีชมพูอ่อนเหมือนกลีบบัวที่เห็นในบึงน้ำก่อนจะก้าวขึ้นมานี่เอง แล้วท่อนบนที่เปลือยเปล่า มีเพียงเครื่องประดับทำจากทองคำและรัตนชาติมีค่า เรียงร้อยในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนประดับอยู่ทั้งที่คอ ข้อมือ ต้นแขน รอบสะโพก และยังรวมไปถึงข้อเท้า

นี่ยังไม่รวมถึงอากาศ อากาศรอบกายที่เมื่อกี้ยังแห้งผากและถูกอาบเลียด้วยเปลวแดดร้อนแรง แปรเปลี่ยนเป็นอากาศเย็นสบายราวกับถูกปรับไว้ด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นเลิศที่นอกจากจะให้ความเย็น ยังปลดปล่อยความชื้นสู่บรรยากาศได้ด้วย


พลันก็มีเสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ศวัตรา เลิกเล่นซนเถิด อยู่ในน้ำนานๆ เจ้าจักไม่สบายไปเสีย”
ความรู้สึกอุ่นวาบแล่นริ้วขึ้นมาจนเอ่อล้นหัวใจ อยากจะห้ามขาไม่ให้ก้าวไปหาต้นเสียงนั้น แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟัง เร่งก้าวจนแทบจะเป็นวิ่งพุ่งไปหาเจ้าของเสียงทันที

และเพียงแค่เหลือบตาเห็นบุรุษผู้มีรัศมีเรืองรองล้อมกาย ยืนอยู่หน้าแท่นศิลาทอดตาแลมาเท่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในจิตวิญญาณโดยตรง

โอ้ใจมิอาจรั้ง   รึจะขังก็ยังกล้า
โบกโบย ณ เวหา   และจะพัก ณ ที่หมาย
อ้อมอก ธ ปกป้อง   จะประคองมิเว้นวาย
น้องนี้จะทอดกาย   รติรักนิรันดร



ซาเยต นิโคล อัล นาอีม เกิดตัวรู้ผุดขึ้นในทันใด ว่าบุรุษผู้มีรัศมีเรืองรองที่กำลังทอดตามองมาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่คือคนคนเดียวกับมายัลลี หัวหน้าเผ่าเบดูอินนาห์ยันแห่งที่ราบสูงอักกาห์


“ซาเยต ซาเยตตตตตต เจ้าฟื้นสิ ซาเยต!!!”

“แค่กๆๆ มะ.....มายัลลี”

ครั้งแรกที่ปล่อยให้ชื่อของอีกฝ่ายหลุดออกจากปาก เกือบจะสายไปแล้วมายัลลี ข้าเกือบจะไม่มีโอกาสได้เรียกชื่อเจ้าเสียแล้ว

เจ้าของร่างกายใหญ่หนาผิวคล้ำแดด ไม่ได้สนใจกับปฏิกิริยาและเสียงเรียกนั้นสักนิด เพราะตอนนี้สัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างตรงหน้ามีชีวิตสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
มายัลลีดึงร่างกายของคนที่เกือบจะทิ้งกันไปเสียแล้วเข้ามากอดไว้กับอก ปากก็พร่ำเรียกแต่นามซาเยตซ้ำไปซ้ำมา

“ซาเยต ซาเยต...... เกือบไปแล้ว ข้าเกือบจะสูญเสียเจ้าไปแล้ว ทำไมกัน ทุกทีเจ้าก็ว่ายน้ำคล่องราวกับปลา?”

“ก็.....ข้า.....”

“ไม่เป็นไร เจ้ายังเหนื่อย ยังไม่ต้องตอบข้าหรอกนะ แค่กลับมาอย่างนี้ก็ดีเกินพอแล้ว”

เมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำอุ่นๆจากใบหน้าของร่างโปร่งที่กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆยอมซุกซบกับอกโดยดี มายัลลีจึงประคองดวงหน้านั้นให้นอนลงกับตักช้าๆ แล้วลูบแผ่วๆผ่านเปลือกตา บังคับให้เจ้าของแววตาหวานสุกใสที่ทำให้หลงใหลตั้งแต่แรกเห็นหลับตาลง
“หลับตาเสียเถิด ข้าพอมีขนมหวานติดมาบ้าง พอให้เราสองคนอยู่ได้โดยไม่ต้องกลับไปรวมกับชุมนุมอีกไม่ต่ำกว่าสองวันเชียวล่ะ พักเถิดนะซาเยต น้องน้อยของข้า”



ซาเยต นิโคล ตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบกับผืนฟ้าประดับไปด้วยดวงดาวเสียแล้ว เมื่อยันกายขึ้นนั่งจึงพบว่าตัวเองถูกจับเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเป็นเสื้อผ้าของมายัลลี มองไปทางขวาจึงเห็นเจ้าของชุดอยู่ในชุดกางเกงขายาวสีขาวตัวเดียว ปล่อยให้ร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทักทายกับสายลมหนาวของยามค่ำคืนในทะเลทรายอยู่ข้างกองไฟ

มายัลลีกำลังย่างตัวอะไรสักอย่างที่ซาเยตชักจะไม่อยากรู้เท่าไหร่ว่าคืออะไร เพราะกลัวว่าถ้าเกิดรู้จะไม่กล้ากินทั้งๆที่เนื้อย่างนั้นเริ่มตกมันและส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอแล้ว

“ตื่นแล้วหรือ? รออีกนิดนะ เดี๋ยวเดียวก็สุกแล้ว”
เหตุการณ์ระทึกผ่านไป มายัลลีก็กลับเป็นมายัลลีคนเดิม นิ่ง เฉย สงบได้ราวกับรูปปั้นหินทราย

“เจ้ากลับไปเป็นรูปปั้นทรายอีกแล้วหรือมายัลลี?”
สุ้มเสียงล้อเลียนดังจากปากของร่างโปร่งบางทำให้คนที่กำลังประกอบอาหารถึงกับหันมาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

ก็เกือบสองเดือนแล้วที่รับตัวมาจากคฤหาสน์ในเมืองของตระกูลนาอีม ไม่เคยเลยสักครั้งที่ซาเยตจะพูดด้วยอย่างเป็นมิตร
แล้วยิ่งเรียกชื่อ....เอ หรือว่าจมน้ำคราวนี้สมองจะกระทบกระเทือนด้วยกระมัง
ก็ทุกทีเรียกแต่ไอ้บ้า ไอ้เถื่อน ไอ้ถ่อย จนมายัลลีเองแทบจะเชื่อเสียแล้วว่าตัวเองมีชื่อเล่นแบบนั้นจริงๆ

“เอาล่ะสุกแล้ว มากินให้กระเพาะของเจ้าเต็มก่อนซาเยต แล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว”
ซาเยตทำตัวเป็นเด็กดี ปฏิบัติตามคำสั่งเสียจนมายัลลียังแปลกใจ พอบอกให้มากิน ก็เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พอคนออกคำสั่งใช้มีดพกเฉือนเอาเนื้อย่างที่ห้อยคาอยู่เหนือกองไฟที่เริ่มราลงส่งให้ ก็รับไปนั่งแทะกินอย่างไม่มีเกี่ยงงอน

จนอิ่มกันทั้งสองคนแล้วเดินไปล้างปากที่แอ่งน้ำแล้วนั่นแหละมายัลลีจึงดึงตัวเจ้าของร่างโปร่งบางให้มานั่งอิงไหล่อยู่ข้างกองไฟ แล้วเลยยิ่งแปลกใจว่าซาเยตยอมนั่งใกล้แบบนี้โดยดี ไม่มีข้อโต้แย้งหรือการทำร้ายร่างกายสักนิด


“ว่ามาสิ ทำไมเมื่อเช้าเจ้าถึงหนีออกมา? จากครั้งสุดท้ายที่เจ้าตั้งใจหนีจากข้านั่นมันเดือนกว่าแล้วนะซาเยต”

“ก็.....ก็เจ้ากำลังจะรับทาสสาวนั่นไว้ไม่ใช่เหรอ?”
เสียงตอบตะกุกตะกักเหมือนกับเจ้าของเสียงไม่แน่ใจในตัวเอง ทำให้คนที่นั่งอุทิศไหล่เป็นพนักพิงต้องเอียงหน้าไปมองหน้าคนพูดทันที

“หืม......นี่เจ้าหึงข้า?”
แล้วก็เหมือนเดิมถามคำถามแบบนี้ทั้งที่สีหน้าเรียบเฉย จนอีกคนแทบอยากจะเอากำปั้นประเคนใส่หน้าอีกรอบ แต่ที่ทำได้ก็แค่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะแสดงความไม่พอใจเท่านั้น

“ไม่ได้หึง .....ก็ จะให้หึงได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ปฏิเสธเสียงแข็งทันควันที่ต้นประโยค แต่พอมาถึงท้ายประโยค เสียงแข็งๆนั่นกลับอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ
จนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่รู้สึกว่าชัยชนะมาลอยอยู่ตรงหน้าได้

“ก็ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันทางพฤตินัยสักที มันไม่ใช่เพราะเจ้าปฏิเสธข้าหรอกหรือ.....”

“ข้า.......”
เมื่อเตรียมจะผละออกห่าง ข้อมือของเด็กน้อยปากแข็งก็ถูกรั้งเอาไว้ ก่อนมายัลลีจะรั้งให้ร่างโปร่งบางนั้นเข้ามานั่งลงตรงกลางหว่างขาแล้วกอดเอวไว้เบาๆ

“นางทาสที่พ่อเอามาขายให้เมื่อเช้า ข้าตั้งใจรับไว้ให้เป็นเพื่อนพูดคุยกับเจ้า.... เดือนหน้าข้าต้องไปติดต่อเรื่องเหมืองเพชรที่โมนาโค ข้ากลัวว่าเจ้าจะเบื่อเลยจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อน”

“อะไรกัน แล้วทำไมไม่ให้ข้าไปด้วย?”

“เฮ้อ......ก็เพราะข้ากลัวน่ะสิ อยู่กลางทะเลทรายแบบนี้ ถึงเจ้าจะคิดหนีข้าไปวิ่งเล่นบ้าง ไม่กี่ชั่วโมงข้าก็ตามเจอ แต่ถ้าเป็นในเมือง เจ้าเกิดเบื่อขี้หน้าข้า อยากจะหนีไปวิ่งเล่นที่ไหนขึ้นมา กว่าข้าจะตามเจ้าจนเจอ ข้าคงอกแตกตายเสียก่อน.....”

“มายัลลี......”

“ว่าอย่างไร?”

“เจ้า คิดยังไงกับข้ากันแน่?”

“ซาเยต...ซาเยต เท่าที่ข้าทำอยู่ทุกวันนี้ เจ้าไม่เข้าใจหรอกหรือ ที่ข้าผูกเจ้าไว้กับตัวทุกวัน แทบจะตลอดเวลาอย่างนี้ ก็เพราะข้าอยากอยู่ใกล้ อยากให้เจ้าอยู่ในสายตา ข้ามีความสุขแค่ได้เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้า หึๆๆ ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะมาพร้อมกับการผรุสวาท ข้าก็มีความสุขอยู่ดี แบบนี้.....เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าข้าคิดอย่างไร”

“งั้น ถ้าข้าถาม เจ้าจะตอบตามตรงมั้ย?”
ซาเยตย่นคอหนีการซุกไซ้เข้าหาของคนที่นั่งซ้อนอยู่เบื้องหลังพร้อมกับถามออกไป ขอยืดเวลาทำใจอีกนิด ทั้งที่หัวใจกำลังรู้สึกปรีดิ์เปรมอย่างที่สุด

“ว่ามาสิ ข้าไม่มีเรื่องอันใดปิดบังเจ้าอยู่แล้ว”
มือร้อนๆที่เกาะเกี่ยวอยู่บริเวณบั้นเอวเริ่มสอดซุกเข้าหาผิวเนื้อเนียนทางรอยแยกด้านข้างของชุดคลุม

“ทำไม อื้ม...ทำไมถึงเป็นข้าล่ะมายัลลี?”

“ข้าไม่มีเหตุผลหรอก เพียงแต่พบเจ้าและได้สบตากับเจ้าครั้งแรก ข้าก็เก็บเจ้ามาฝันถึงอยู่ทุกวัน....อืม...ซาเยต เป็นของข้าเถิดนะ”

ไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธ อุ้งมือรุ่มร้อนข้างหนึ่งก็จัดการแตะประคองให้เจ้าของดวงตาที่สะกดหัวใจไว้ตั้งแต่แรกเจอหันมารับจุมพิตดูดดื่มอ่อนหวาน
ลิ้นร้อนจัดแทรกผ่านริมฝีปากบางที่เผยอตอบรับเข้าไปรุกไล่อยู่ภายในโพรงปาก
ความรู้สึกคุ้นเคยจากสัมผัสลึกซึ้งทำให้ทั้งคู่ยิ่งแน่ใจ....ใช่แล้ว นี่แหละคนที่เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน

มายัลลีจัดการถอดเสื้อตัวยาวชั้นนอกออกจากร่างโปร่งตรงหน้า แล้วปูลาดลงกับผืนทรายข้างกองไฟนั้น
เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็ต้องตื่นเต้นจนมือสั่น เมื่อเห็นเจ้าของเรือนร่างที่อยากจะครอบครองเหลือเกินกำลังปลดชุดด้านในออก เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวกระจ่างของเลือดผสมยุโรปและเอเชียตะวันออกกลาง

ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นร่างงามตรงหน้าเปลือยเปล่า ได้เห็นมาจนนับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยตื่นเต้นเท่าครั้งนี้


เพราะมายัลลีรู้......คืนนี้ ใต้ท้องฟ้ากระจ่างดาว ซาเยตพร้อมแล้วที่จะรับเอาความรู้สึกของเขาทั้งหมดไว้

และโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากกัน ซาเยตก็ค่อยทรุดตัวลงกับผืนผ้าเนื้อหนานั่น
ทอดกายลงช้าๆ แล้วหลับตารอรับสัมผัสจากร่างใหญ่หนาที่แสดงออกจนหมดใจว่าปรารถนาในตัวเขาแค่ไหน

เมื่อหลับตาลงในมโนภาพกลับเห็นเป็นบุรุษสูงสง่าในพัสตราภรณ์สีเขียวเข้ม บนเศียรประดับด้วยมงกุฎทรงสูงทอดยิ้มส่งมา หากเมื่อลืมตาก็พบสายตาที่บรรจุไปด้วยเสน่หาของมายัลลีซ้อนทับ

ฝ่ามือกร้านของร่างหนาเบื้องบนไล้ละไปตามร่างกาย เริ่มจากแผ่วเบา แล้วค่อยรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ จุมพิตอ่อนหวานละมุนละไมเริ่มแปรเปลี่ยนไปสู่สัมผัสเร่าร้อน ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกับริมฝีปากที่ทั้งดูดทั้งดึงจนสติของซาเยตเริ่มล่องลอย

มือไม้ที่แต่เดิมกำแน่นอยู่กับอกเริ่มลากไล้ไปตามบ่ากว้าง พอร่างเบื้องบนจะผละริมฝีปากออกก็กลับออกแรงรั้งที่ต้นคอ ให้ก้มลงมามอบจุมพิตต่อเนื่องอย่างไม่รู้จักอิ่ม
รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมือร้อนผ่าวกอบกุมเอาแก่นกายที่เริ่มแข็งขึงไว้ แล้วเริ่มกระตุ้นให้ตื่นตัวขึ้นอีกด้วยการรูดรั้งไปตามความยาวเสียแล้ว

“อะ....ฮะ..... อื้อ” ใบหน้าแดงจัดของซาเยตแหงนเงยขึ้น พร้อมกับลำตัวที่ยกขึ้นเป็นจังหวะตามแรงกระตุ้น

“ซาเยต .....ที่รัก” เสียงครางจากมายัลลีแหบเครือด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะครอบปากลงบนยอดอกที่เป็นสีแดงจัดราวจะยั่วให้กลืนกิน

“อ๊ะ......อาห์......”

“ยอมให้ทั้งหมดเถิดนะซาเยต ขอทั้งหมดเลยได้มั้ย”

แทนคำตอบ เรือนร่างโปร่งบางนั้นกลับยื่นมือไปแตะต้องความเป็นชายที่แข็งตระหง่านของมายัลลี พร้อมกับแยกขาออกจากกัน ก่อนจะยื่นมือข้างที่ว่างไปจับเอามือของคนที่มากันถึงขนาดนี้แล้วยังมัวขออนุญาตมาตรงหน้า แล้วเริ่มแลบลิ้นออกมาลากเลียไปตามข้อนิ้ว ทีละนิ้วๆ ก่อนจะปล่อยให้ปลายนิ้วนั้นล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปาก


คืนนั้นใต้ฟ้าพร่างดาว ยามที่สองร่างร่วมรักกันไปจนถึงที่สุด ในจิตวิญญาณของทั้งคู่ได้ยินเสียงหนึ่ง สำเนียงทรงอำนาจที่แสนคุ้นเคย กับคำพูดที่ไม่รู้จักด้วยภาษา แต่ความหมายในประโยคนั้นกลับซ่านซึ้งถึงหัวใจ

“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”

..................................
..................................

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Boy/MBPage097-1.jpg)


(จบ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 20-07-2010 17:44:07
 :z13:
จิ้มก่อนได้ก่อน เอิ๊ก ๆ (จำเค้ามา)

 :m25: อั๊ก!!! ขาดใจตายอย่างสงบ อยู่ข้างหลังพุ่มไม้แถวนั้น
อ๊ากกกก พี่นุ่น ด้าจะไปทะเลทราย อยู่แถวไหนเนี๊ยะ   o9
แค่ไปเก็บตัวอย่างบ้างอะไรบ้่าง  :m24:

 :jul1: ความหวานท่วมท้น ...ไม่ไหวแร้วววววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-07-2010 17:58:51
เรื่องสองยังไม่ได้อ่าน แต่อ่านแค่เรื่องแรกแล้วชอบอย่างหนัก

คนเขียนมีเลือดกวี...

ทำให้เรื่องออกมาดูหวานแบบละมุนละไมอย่างยิ่งเนอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 20-07-2010 18:15:28
:o8: เด๋วนี้สกิลฉากฉ.ฉิ่งลื่นไหลอะพี่นุ่น แอร๊ยยยย...เขิน
โรแมนติกไปอีกแบบนะเนี่ย...รักอบอุ่นท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ
เปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆนะคะ ชอบๆ หลายๆชาติหลายๆอารมณ์อ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-07-2010 18:18:29
มาตลีและศวัตรา ชาตินี้ ภพนี้ หวานกันกลางทะเลทราย
ลื่นไหลมากค่ะ ทำให้สองบรรยากาศซ้อนทับกันได้อย่างลงตัว
ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรมาก แค่รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากค่ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 20-07-2010 18:39:18
กีสสสสสส ภพนี้ เหมือนบอกรักกันด้วยคำด่านะ อิอิ แต่ยังไง ก็หนีไม่พ้น...
“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป” โรแมนติกมาก..
แบบว่าหาไม่ได้อย่างนี้  :เฮ้อ:
+1 ให้นุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: huimei ที่ 20-07-2010 19:56:33
“ข้าไม่มีเหตุผลหรอก เพียงแต่พบเจ้าและได้สบตากับเจ้าครั้งแรก ข้าก็เก็บเจ้ามาฝันถึงอยู่ทุกวัน....อืม...ซาเยต เป็นของข้าเถิดนะ”   :-[
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสส โรแมนติก
 :man1:พี่นุ่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 20-07-2010 21:33:14
“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
อร๊ายยยยยหวาน คนอ่านชอบ :m3: รักแรกพบด้วย
 ps.น้องแก้มบุ๋มอยู่ละแวกเดียวกันเลยอ่ะ ไปแอบดูที่นั้นยังทันมั้ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-07-2010 22:49:34
แอบมาตอบเมนท์เล็กน้อยค่ะ

บอกก่อนเลยว่าตอนนี้ของเรื่องสั้นชุดเรื่องเล่าจากควาฝันเกิดขึ้นได้จากการที่ คุยกับน้องคนนึง(น้องในบอร์ดนี่แหละ)
แล้วคนเขียนก็เกิดความอยาก แบบว่าอยากเขียนเรื่องราวที่มีบรรยากาศของทะเลทราย แต่ไม่เอาตบจูบและขืนใจ

คิดไปคิดมาเลยคิดได้ว่าถ้าไม่เอาร้อนแรงตบจูบมันก็น่าจะมีน้ำ
ได้มาถึงตรงนี้เลยผุดความคิดขึ้นมาว่างั้นก็ต้องมีแหล่งน้ำอย่างโอเอซิสสิ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทีนี้ตัวละครล่ะจะเอายังไงดี เลยนึกถึงท่านมาตุลีเทพบุตรกับศวัตราขึ้นมาได้
ว่าเคยบอกเอาไว้ว่าถ้ามีพล๊อตได้เรื่องได้ราวจะมาเขียนต่อให้อ่านกัน
อีกอย่างก็คือว่าเกิดมาจนเกือบแก่ป่านนี้คนเขียนไม่เคยไปทะเลทรายเลยสักที แถมเพื่อนชาวตะวันออกกลางก็ไม่มีเลยสักคน
(ชื่อเดียวที่รู้จักนอกเหนือจากชารีฟแห่งฟ้าจรดทราย และการิมแห่งตามหัวใจไปสุดหล้าแล้ว ก็คือ "มาเรียม" แห่งวง B5)
คุณกูเกิ้ลเลยเป็นที่พึ่งสุดท้าย ทั้งหาชื่อที่ดูเป็นคนแถบนั้น ทั้งแผนที่ภูมิศาสตร์รวมถึงรัฐกิจของดินแดนแถวๆทะเลทรายซะฮารา

เป็นความอยากเขียนที่ทำให้คนเขียนหาเรื่องใส่ตัวตามเคย แต่ก็สนุกมากๆเลยค่ะ ^o^

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และทุกท่านที่คอมเมนท์นะคะ :กอด1:

:z13:
จิ้มก่อนได้ก่อน เอิ๊ก ๆ (จำเค้ามา)


อ่านจบมาเม้นท์ใหม่
มัวหลับแหงๆเลยดาด้า มาจิ้มเจ้จนเจ็บตรูดแล้วไม่รับผิดชอบ >///////<

เรื่องสองยังไม่ได้อ่าน แต่อ่านแค่เรื่องแรกแล้วชอบอย่างหนัก

คนเขียนมีเลือดกวี...

ทำให้เรื่องออกมาดูหวานแบบละมุนละไมอย่างยิ่งเนอะ :กอด1:
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกไม่ลื่นไหลหรือติดขัดตรงไหนบอกกันได้เลยนะคะ ^o^

:o8: เด๋วนี้สกิลฉากฉ.ฉิ่งลื่นไหลอะพี่นุ่น แอร๊ยยยย...เขิน
โรแมนติกไปอีกแบบนะเนี่ย...รักอบอุ่นท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ
เปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆนะคะ ชอบๆ หลายๆชาติหลายๆอารมณ์อ่า

ได้ค่ะน้องพาร์ ไว้รอบหน้าเอาชาติอื่นบ้างเนอะ
ปล.ปลื้มใจกับคำชมเรื่องฉาก ฉ ฉิ่ง หงิงๆๆ พัฒนาแล้วใช่ม้ายยยยยยยยยยยย

มาตลีและศวัตรา ชาตินี้ ภพนี้ หวานกันกลางทะเลทราย
ลื่นไหลมากค่ะ ทำให้สองบรรยากาศซ้อนทับกันได้อย่างลงตัว
ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรมาก แค่รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากค่ะ


ขอบคุณคุณน้ำตาลเหมือนกันนะคะที่เข้ามาอ่าน บางทีความรักมันก็ไม่ต้องการคำอธิบายเนอะคะ (จากความคิดของคนไร้ประสบการณ์ แหะๆ)

กีสสสสสส ภพนี้ เหมือนบอกรักกันด้วยคำด่านะ อิอิ แต่ยังไง ก็หนีไม่พ้น...
“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป” โรแมนติกมาก..
แบบว่าหาไม่ได้อย่างนี้  :เฮ้อ:
+1 ให้นุ่น  :กอด1:
กอดดดดดดดดดดดดดค่ะโนเนะ อุย โนเนะสาวแตก ถึงกับกีสเลยทีเดียว55555555
โรมานซ์เนอะ ใต้ฟ้าพร่างดาว ริมกองไฟ กลางลมหนาวแห่งซะฮารา>///////////<

“ข้าไม่มีเหตุผลหรอก เพียงแต่พบเจ้าและได้สบตากับเจ้าครั้งแรก ข้าก็เก็บเจ้ามาฝันถึงอยู่ทุกวัน....อืม...ซาเยต เป็นของข้าเถิดนะ”   :-[
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสส โรแมนติก
 :man1:พี่นุ่น
อิอิ ชอบเนอะ มั่นคงแม้กาลเวลาเปลี่ยน สถานที่เปลี่ยน พื้นโลกเคลื่อนตัว กร้ากกกกกกกกกกส์

“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
อร๊ายยยยยหวาน คนอ่านชอบ :m3: รักแรกพบด้วย
 ps.น้องแก้มบุ๋มอยู่ละแวกเดียวกันเลยอ่ะ ไปแอบดูที่นั้นยังทันมั้ย ฮ่าๆๆๆ
ใช่ๆๆค่ะ คุ่นี้เค้าจะมีเอกลักษณ์ แบบว่าอย่างน้อยต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้จำกันได้
อย่างชาติมายัลลี กับซาเยตนี่ซาเยตจำได้เพราะจมน้ำแล้วหลุดไปอีกโลก แต่มายัลลีจำเรื่องเก่าไม่ได้ รู้แค่รักคนนี้อ้ะ ก็รักนี่ อะไรประมาณนั้น อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-07-2010 23:21:11
หวานอีกแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 21-07-2010 00:22:44
ชาตินี้มาเร่าร้อนกลางพื้นทราย
โรแมนติกม๊ากมากอ่ะชอบประโยคนี้จัง
“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
 :-[ อยากอ่านชาติต่อๆไปจัง ลุ้นๆว่าจะเป็นชนชาติไหนต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-07-2010 00:40:28
หวานอีกแล้ว แต่คราวนี้

หวานร้อน

เพราะเกิดที่กลางทะเลทราย :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 21-07-2010 03:44:42
ชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นที่พี่นุ่นเคยเขียนเลยย

หวานดี ปกตอเจอแต่เลี่ยนๆ 555+

ชอบจ้า เอาไปเลย+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-07-2010 09:30:11
แหะๆๆ ขอบคุณกำลังใจล้นหลามค่ะ >////////<

หวานอีกแล้วววววววว
ง่า....แนนก๊อ อยากกินชมก็ไม่บอก เดี๋ยวมีอารมณ์นุ่นจะลองเขียนขมๆบ้างนะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชาตินี้มาเร่าร้อนกลางพื้นทราย
โรแมนติกม๊ากมากอ่ะชอบประโยคนี้จัง
“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
 :-[ อยากอ่านชาติต่อๆไปจัง ลุ้นๆว่าจะเป็นชนชาติไหนต่อ
กึ๋ยๆๆๆ สองคนเขาขอทั้งหมดกับให้ทั้งหมดกันโดยมีหมู่ดาวเป็นพยานค่ะ >////////<

หวานอีกแล้ว แต่คราวนี้

หวานร้อน

เพราะเกิดที่กลางทะเลทราย :laugh:
ก็นิดนึง คราวหน้าเอาหวานเย็นดีป้ะคะพี่นัท? เอ.......รึเอาหวานหลุดโลกดี?? งืมๆๆ

ชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นที่พี่นุ่นเคยเขียนเลยย

หวานดี ปกตอเจอแต่เลี่ยนๆ 555+

ชอบจ้า เอาไปเลย+1
หวานดี? ปกติเจอแต่เลี่ยนๆ?
งืมๆๆๆ แปลว่าต้องมีแบบจิกกัดบ้าง ลงไม้ลงมือกันบ้างไรงิป้ะนิหนูกาล?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 21-07-2010 10:59:17
หวานมากกกกกกกกกก    o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SJ ที่ 21-07-2010 13:25:36
ชอบมากมายค่ะ ทั้งสองเรื่องเลย ทั้งภาษา ทั้งเนื้อเรื่อง
อร๊ายยย  :haun4: กะเรื่องที่สอง

มาแต่งเรื่อยๆเลยได้ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 21-07-2010 13:45:22
หวานได้ใจจริงๆเลย :o8: :-[

ความหวานกำลังละลายเพราะความร้อน :z1: :haun4:

ทั้งชีวิตของไรเตอร์คงจะมีแต่ความหวาน
ที่เขียนไม่ว่าเรื่องไหนก็มีแต่ความหวานเต็มไปหมด :กอด1:
 :เฮ้อ:อยากเจอความหวานแบบนั้ยมั่ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 21-07-2010 16:33:20
 :jul1: หลั่งเลือดกลางทะเลทราย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 21-07-2010 16:55:09
พี่นุ่น ขอสูบก่อนนะคะพรุ่งนี้มาเม้นให้น้า ช่วงนี้วุ่นวายมวากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Mercy ที่ 21-07-2010 17:12:35
คุณนุ่น...

พึ่งเห็นว่ามาอัพเรื่องสั้นต่อแล้ว...


ชอบมากกกกกกกก...

ปกติเราชอบอ่านพวกทะเลทรายอยู่แล้ว เลยอินจัดเลยค่ะ...

ส่วนฉาก ฉ ฉิ่ง...(เรียกตามน้องพาร์) วาบหวาม และอ่อนหวานมากเลยคุณนุ่น...


รอคู่นี้ในชาติอื่นๆ อีกนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ +1 จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 21-07-2010 17:19:22
ชีวิตนี้จะมีบุญเจอหนุ่มหล่อกลางทะเลทรายกะเขาบ้างไหมนะ

อยากเจอมั่งจัง อ่านแล้วอิจฉา  *เคลิ้ม*
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-07-2010 13:00:05
มีน้องสาวน่ารักหาภาพประกอบมาฝากอีกแล้ว
ขอบคุณมากนะคะ กอดดดดดดดดดดดดด

นี่ค่ะ ภาพประกอบ มายัลลีกับซาเยต ตรงใจรึเปล่าหนอ???
คิดว่ายังไงกันคะ?

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Boy/MBPage097-1.jpg)


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 22-07-2010 13:03:01
^
^
^ :z13:

ขอเป็นเหยี่ยวตัวนั้นได้หม๊ายยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 22-07-2010 13:38:16
บอกคำเดียวว่า

"สุดยอดมากๆ" o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-07-2010 19:57:26
ฮึบๆๆ ตอบเมนท์ดันตัวเองพร้อมเรียกลูกค้า โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ

^
^
^ :z13:

ขอเป็นเหยี่ยวตัวนั้นได้หม๊ายยยย  :z1:
เป้นเหยี่ยวห้ามตั้งกล้องนะดาด้า เดี๋ยวโดนสอยลงมาถอนขนย่างกิน ยิ่งเสียพลังงานกันเยอะอยู่สองคนนั้น >///////<

บอกคำเดียวว่า

"สุดยอดมากๆ" o13
เอร๊ยยยยยยยย ขอบคุณมากค่ะ ไว้มีพล๊อตดีๆจะเขียนมาให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 25-07-2010 20:47:12
^
l
l
 :z13: ไว้ก่อน

เดี๋ยวแวบมาอ่านนะคะพี่นุ่น จุ๊บุๆ

สอบเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอเห็นเกรดตัวเองแล้วไม่อยากให้มันเป็นธรรมชาติเลยค่ะ T-T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 25-07-2010 22:03:50
สุดยอด
+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-07-2010 21:14:45
เรื่องแรกสั้นมากจริงๆ 5555 ดีนะมีต่อตอนสอง ค่อยหายงงหน่อย หุๆ

เรื่องสองก็มาต่อเรื่องแรกเลย

อืมม เรื่องต่อไปต่อกันอีกมั้ยเนี่ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-07-2010 11:08:27
มาตอบเมนต์พร้อมรายงานว่า ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้จะมีเรื่องสั้นจบในตอนตอนต่อไปมาเสิร์ฟนะคะ
ตอนนี้เรื่องราวอยู่ในหัวหมดแล้ว แต่มันเขียนออกมาให้เห็นภาพยาก อาจจะใช้เวลานิดนึง ^o^

แล้วมาดูกันว่าจะเป็นเรื่องแบบไหน.....โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ

...................

เรื่องแรกสั้นมากจริงๆ 5555 ดีนะมีต่อตอนสอง ค่อยหายงงหน่อย หุๆ

เรื่องสองก็มาต่อเรื่องแรกเลย

อืมม เรื่องต่อไปต่อกันอีกมั้ยเนี่ย  :กอด1:
แล้วจะมาเฉลยค่ะว่าต่อกันรึเปล่า ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ เขินเลย ตามอุดหนุนทุกเรื่อง (แอบไปเห็นว่าไปอุดหนุนเรื่องโน้นนนนนนน ที่ห้องเรื่องจบแล้วมาด้วย >///<)

สุดยอด
+1
ขอบคุณนะคะ ปลื้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

^
l
l
 :z13: ไว้ก่อน

เดี๋ยวแวบมาอ่านนะคะพี่นุ่น จุ๊บุๆ

สอบเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอเห็นเกรดตัวเองแล้วไม่อยากให้มันเป็นธรรมชาติเลยค่ะ T-T
จิ้มคนแก่หื้อเจ็บตรูดแล้วทิ้งไว้ไม่ดูดำดูดี โฮวววววววววววววววว (โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สอบเสร็จยังนิกระต่ายน้อย?)

ปล.ถ้าเขียนได้อย่างใจ คืนนี้เจอกันค่ะ ^3^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 29-07-2010 12:05:40
สงสัยจังตอนต่อไปจะเป็นไงน้า
ตอนที่ผ่านมาน่ารักมาก
รอตอนต่อไปจ้า :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน...+ภาพประกอบ (20/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-07-2010 22:48:17
คืนนี้มีเรื่องสั้นจบในตอนมานำเสนอค่ะ
ขอเตือนไว้ก่อนว่าเนื้อหาเพิ่งมาแค่ครึ่งแรกนะคะ ครึ่งหลังยังพิมพ์ไม่เสร็จ แต่อยากลง หงิงๆ
ว่าแล้ว....เรามาหลงป่ากันเถิดค่ะ
เอ จะว่าหลงได้รึเปล่าหนอ ในเมื่อคนหนึ่งหลง แต่อีกคนไม่หลงนี่นา
.......................

Beija-Flor of the Amazon:
วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี


‘หนาว....หนาวจัง’
โอย....ปวดหัว ปวดหัวจนเหมือนจะระเบิด แล้วก็หนาว....หนาวเหลือเกิน

‘อื้อ...ขม ไม่เอา อืม.....’



ผม........อยากตื่น แต่กลับลืมตาไม่ขึ้น ในหูได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ
เสียงของการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบา ฝีเท้าที่ก้าวย่าง.....แผ่วเบาราวกับการย่องเข้าตะครุบเหยื่อของเสือดาว

ผมกลัว........
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาสัตว์ผู้ยาก โปรดปลดปล่อยลูกจากห้วงเหวแห่งความมืดลึกสุดหยั่งนี้ด้วยเทอญ


เฮือกกกกก!!

“ปล่อย คุณเป็นใคร ....อื้อ อะ แค่กๆๆ”
พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังคำอ้อนวอนของผม ปลดปล่อยผมจากความมืดมนจริงๆ แต่นี่มันอะไรกัน ที่นี่มันที่ไหน แล้วคน.....ใช่ ถึงจะดูแปลกๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาเป็นคนแน่ๆที่เมื่อกี้พอเห็นว่าผมลืมตาก็พูดอะไรไม่รู้สองสามคำแล้วส่ายหัว ก่อนจะตรงเข้ามาประคองให้ผมนั่งแล้วยัดเยียดน้ำคั้นจากใบอะไรสักอย่างสีเขียวปี๋กรอกปากผม

รสชาติที่ผมจำได้ว่าได้ลิ้มรสมาแล้วหลายครั้งระหว่างที่ยังลืมตาไม่ขึ้น งั้น.....ถึงรสชาติจะขมจะเฝื่อนแค่ไหน แต่กินเข้าไปก็คงไม่ตายหรอก......มั้ง? ผมคิดว่านะ.....

ผมกล้ำกลืนฝืนความอยากอาเจียนเอาไว้ได้แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าผู้ช่วยชีวิต แล้วก็ได้เห็นดวงตาคมดุราวกับเหยี่ยวที่มองตรงมาก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นจากใบหน้าผู้ชายมาให้


เอ่อ.....ผมคงพลาดลืมเล่า งั้นเล่าตรงนี้เลยแล้วกัน ผมเป็นนักสำรวจ ถูกส่งมาจากกองทัพของโปรตุเกส แต่ผมไม่ใช่ทหารนะ ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์

เมื่อวานนี้ หรืออาจจะมากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้ เพราะผมยังไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหน เรือที่เราล่องมาตามแม่น้ำฮาวารี สาขาหนึ่งของอะมาซอนถูกจู่โจมโดยสัตว์น้ำขนาดใหญ่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวอะไร ที่แน่ๆคือลำตัวของมันส่วนที่ผมเห็นมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่าครึ่งเมตร แล้วก็ความยาวของมันคงมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะผมมีโอกาสเห็นมันเพียงแวบเดียว แล้วก็มองเห็นแค่ช่วงลำตัวหนานั่น ไม่ได้เห็นส่วนหัวหรือมีโอกาสทำความรู้จักกับหน้าตาของมันเลยด้วยซ้ำ

เสียงอื้ออึงและคำสั่งโหวกเหวกจับความไม่ได้ ทำให้ผมรู้ว่าพวกเรากำลังเจอกับวิกฤตการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต ผมทำได้แค่คว้าเอาเป้ประจำตัวที่ทุกคนต้องวางไว้ที่หัวนอนเสมอมาถือไว้ แล้วจากนั้น.......ผมก็ตกลงไปในกระแสน้ำดำมืดของฮาวารี

รู้สึกตัวอีกที ก็มานอนแอ้งแม้งขยับนิดนึงก็ปวดไปหมดทั้งตัวอยู่ตรงนี้แล้ว


.....เอ่อ ผมรู้สึกว่าผู้ช่วยชีวิตของผมคงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่พูดออกมา ก็เมื่อกี้พอผมเงยหน้าขึ้นสบตาเท่านั้นแหละ เขาก็ทำท่าเหมือนกับตะลึง หรือไม่ก็อึ้งกับความหล่อของผมจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
กระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ในมือก็ยกค้างอยู่อย่างนั้นแหละไม่วางลงเสียที มองกันขนาดนี้ มันอึดอัดนะครับคุณผู้ช่วยชีวิต

“คุณ คุณชื่ออะไรเหรอ?” มนุษยสัมพันธ์ดีก็งี้แหละผมน่ะ ก็ถูกมองแบบนี้ถ้าหากสายตาของคุณผู้ช่วยชีวิตเป็นรังสีทะลุทะลวง ป่านนี้ผมคงพรุนไปแล้ว เพราะงั้นหาเรื่องคุยดีกว่า

“ดากา.......ดากา” เฮ้ยยยยยยยย!! จะไม่ให้ตกใจได้ไง ก็พอผมถามว่าชื่ออะไร แทนที่จะตอบมาแบบธรรมดา อิตานี่กลับโผเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัว พูดซ้ำไปซ้ำมา ดากา ดากา ชื่อดากาหรือไงเนี่ย ปล่อยยยยยยยยยยย ปล่อยสิโว้ยยยยยยยยย

“ปล่อยๆๆ อื้อออออ” คำแรกผมยังพูดได้เป็นคำอยู่หรอก แต่ไอ้บ้านี่ปล่อยให้ผมพูดได้เดี๋ยวเดียว พอผละออกให้ผมโล่งใจว่าจะได้อิสระแค่สองวินาที มองหน้าผม ส่งยิ้มเหมือนกับดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแล้วก็กดหัวผมให้ซบลงกับซอกคอหนาๆของตัวเองอีก

แต่....จะว่าไป ทำไมผมถึงรู้สึกดีที่ถูกกอดไว้แน่นๆแบบนี้ก็ไม่รู้แฮะ แถมยังเป็นอ้อมกอดของผู้ชายซะด้วยสิ
เอ หรือจะเป็นเพราะผมกำลังหนาว แล้วเนื้อตัวของหมอนี่มันก็อุ่น คงจะเป็นอย่างนั้นละมัง....แต่ เฮ้ย จะมาหลงปลื้มไปกับความอุ่นของหมอนี่ไม่ได้ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“ชื่อน่ะ ชื่อ เข้าใจมั้ย?” ผมออกแรงจากสองแขนเต็มที่ยันตัวให้ห่างออกมาจากอกของคุณคนป่า แล้วมองไปรอบๆก่อนจะถามอีกครั้ง

ผมไม่โง่พอจะตอบโต้ด้วยการทำร้ายร่างกายอย่างชกสักหมัดหรอกน่า ก็ที่นี่มันส่วนไหนของฮาวารีก็ไม่รู้ หรือกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั่นพัดผมมาไกลจนมาถึงสาขาอื่นของอะมาซอนแล้วก็ไม่รู้ แถม....ผมหิวจนไส้จะขาดแล้วด้วย ขืนทำเป็นเก่งหาเรื่องกับคุณผู้ช่วยชีวิตจนต้องถูกทิ้งไว้กลางป่าคนเดียว ผมไม่รอดแน่ๆ

ก็พอได้กวาดสายตาไปโดยรอบ ผมถึงได้รู้ว่านอกจากลำธารเล็กๆที่อยู่ต่ำลง ห่างออกไปเกือบยี่สิบก้าวนั่น มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ ปกคลุมครึ้มไปหมดจนแม้แต่เงยหน้าขึ้นยังไม่เห็นท้องฟ้าเลยสักนิด
ที่ผมหนุนนอนอยู่เมื่อกี้ก็รากไม้ รากเล็กๆขนาดเท่าต้นขาล่ำๆของคุณผู้ช่วยชีวิตที่คุยกันไม่รู้เรื่องแต่กอดเอากอดเอาคนนี้แหละ คนบ้าอะไรต้นขาใหญ่ชะมัด

อันที่จริง จะบอกว่าต้นขาใหญ่อย่างเดียวคงไม่ถูกนัก เพราะผู้ชายคนนี้ใหญ่ไปทุกส่วนเลย ทั้งแขนกล้ามเป็นมัดๆ อกหนาๆ ขาใหญ่ๆ เอ่อ......แล้วก็สะโพกด้วย คือ ไม่ได้หมายถึงสะโพกผายแบบผู้หญิงนะ แต่ผมหมายถึงกล้ามเนื้อ เอ่อ...ที่แก้มก้นน่ะ ใหญ่จริงๆนะ ใหญ่รับกับต้นขานั่นแหละ คือตอนนี้เขาลุกขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่างลักษณะเป็นแผ่นกลมๆสีเหลืองอ่อนออกมาจากสิ่งที่หน้าตาคล้ายๆย่าม เพียงแต่มันไม่ได้ทำมาจากผ้า แต่เป็นเชือกจากเถาวัลย์เหนียวๆเอามาลอกเป็นเส้นเล็กๆแล้วสานสลับไปมามีสายสะพายที่คงเอาไว้สะพายเฉียงไหล่ได้พอดี

ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมาก มากกว่าผมเกือบสองคืบได้ เขามีผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีเข้มคมเหมือนตาเหยี่ยว ปากยกขอบหนา จมูกโด่งงุ้มงอที่ส่วนปลายน้อยๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ใบไม้สดหนึ่งใบปกปิดความเป็นชายโดยใช้เชือกเถาวัลย์เส้นเล็กๆร้อยไว้แล้วผูกเหนือสะโพกเท่านั้น แล้วพอเขาลุกขึ้นเดินอย่างนี้ ทุกจังหวะของการก้าว ผมก็เลย...เห็นหมด เฮ้อ.....ใบไม้ใบออกใหญ่ก็ยังปิดไม่ได้เอาจริงๆ

ไม่ได้การแล้ว ผมต้องไม่ไปสนใจกับอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายสิ ผมเงยหน้าขึ้นพิจารณาส่วนลำตัวช่วงบนต่อเพื่อให้หายฟุ้งซ่าน ก็เห็นว่าที่หน้าผากของคุณคนป่ามีสัญลักษณ์เป็นเส้นตรงสามเส้นลากขวางไว้ด้วยสีแดงสด บนศีรษะมีสายรัดเหนือหน้าผากที่ประดับไปด้วยหินและขนนกสีเหลือบฟ้าและเหลือง

แต่.....ถึงจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ช่วงบน ทำไมอาการใจสั่นฟุ้งซ่านของผมถึงไม่ลดลงเลย


ผู้ช่วยชีวิตของผมเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆอีกครั้งพร้อมกระบอกไม้ไผ่อีกกระบอก เขาเอาใบไม้ใบใหญ่วางลงกับพื้น แล้ววางแผ่นแป้งสีเหลืองอ่อนนั่นลง ก่อนจะหยดน้ำจากกระบอกลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็บิแผ่นแป้งออกเป็นชิ้นพอดีคำแล้วส่งให้ผม พอผมรับมาถือไว้เขาก็จัดการบิอีกชิ้นใส่ปากตัวเอง

ผมจัดการกินอาหารชาวป่าแท้ๆดูบ้าง ก็ไม่ได้แย่อะไร แป้งนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้อะไรสักอย่าง แล้วก็มีรสเค็มน้อยๆ กินไปได้สองคำ ผู้ช่วยชีวิตก็เอื้อมมือมาเช็ดเบาๆที่มุมปากของผม เขาส่งยิ้มมาให้ แล้วก็ชี้ไปที่ตัวเอง

“มาฮัวคา” เขาชี้ซ้ำๆที่อกตัวเอง อ้อ.....มาฮัวคา คงเป็นชื่อของเขาสินะ
“มาฮัวคา,  โย ดาก๊า?” เอาแล้วไง ทำไมต้องมองมาที่ผมเหมือนกับคาดหวังอะไรสักอย่างด้วยล่ะ

“แซร์จิโอ้” ผมทำตามเขาบ้าง ชี้ที่ตัวเองแล้วก็บอกชื่อ แล้วเลยลองเลียนแบบประโยคของเขาดู “แซร์จิโอ้, โย ดาก๊า”

“ดากา........แซโจ้” เออๆแซโจ้ก็แซโจ้ แล้วนี่มันอะไร.....แค่ผมพูดตามเท่านั้น หมอนี่...เอ่อ มาฮัวคาก็ดึงผมเข้าไปกอดอีกแล้ว แล้วทำไมต้องมองมาด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความดีใจขนาดนั้นด้วย

“มาฮัวคา อย่าร้องไห้.......” ผมไม่รู้จะทำยังไง จู่ๆเขาก็มีน้ำตาคลอ รู้ทั้งรู้ว่าพูดปลอบไปเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ทำไม....ผมถึงรู้สึกทนไม่ได้ถ้าผู้ชายคนนี้จะต้องมีน้ำตา ไม่ทันได้ห้ามตัวเองผมก็เป็นฝ่ายกอดเขาเอาไว้จนแน่นเสียแล้ว

มาฮัวคาก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากของผม ผมก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ แถมยัง......เริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ความอายมันเริ่มมาทักทายผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมเลยพยายามจะผละออกจากร่างกายอุ่นๆ แล้วก็แน่นไปทุกส่วนนั่น แต่อ้อมแขนแข็งแกร่งไม่ยอมปล่อยผมเสียแล้ว มาฮัวคาจับผมให้นั่งอิงกับอกเขาดีๆแล้วบิแผ่นแป้งนั่นป้อนให้ผมเรื่อยๆ

ทำไงได้ล่ะ จู่ๆผมก็รู้สึกว่าที่ตรงนี้ ในอ้อมแขนนี้แหละคือที่ของผม เป็นที่ที่ผมจะอยู่ได้อย่างสบายที่สุด ปลอดภัยที่สุด.....

พอผมแสดงท่าว่าอิ่มแล้ว เขาก็จัดการเอาแผ่นแป้งที่เหลือไปผิงไฟเพื่อไล่น้ำ แล้วสะพายย่ามหยิบหน้าไม้พร้อมกระบอกขึ้นสะพายไหล่อีกข้าง ส่งเป้ของผมที่ตอนแรกคิดว่าคงหายไปกับกระแสน้ำแล้วมาให้ รั้งให้ผมลุกขึ้นเดินตามไปที่ลำธาร ปล่อยให้ผมล้างหน้าทำความสะอาดตัวเองเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะทำท่าให้ผมเดินตามเขาไป

ผมก็ทำได้แค่ทำตามคำสั่งแบบไม่มีปากเสียง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหยิบเข็มทิศในเป้ขึ้นมาเทียบหาทิศด้วยซ้ำ หึๆก็ถึงพูดถามอะไรไปเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เอาเถอะ..อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่ามาฮัวคาจะไม่ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปในดงดอกไม้พิษ หรือว่าเดินตกบ่อทรายดูดแน่ๆ


เราสองคนเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน จนผมไม่รู้แล้วว่าเราเดินมานานแค่ไหน เพราะว่ามันทั้งเหนื่อย ทั้งเมื่อย จนผมต้องหาเรื่องอื่นมาคิดให้ลืมไปว่าตัวเองกำลังก้าวเดินอยู่ เดินไปได้สักพักผมก็รู้สึกว่าป่าที่เมื่อกี้ว่าทึบแล้วมันยิ่งอับทึบขึ้นไปใหญ่ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมากองทับถมกัน ความชื้นในอากาศทำให้เกิดกลิ่นบางอย่างที่ทำให้หายใจไม่สะดวก

ผมตัดสินใจนับเลข นับทุกก้าวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง พร้อมๆกับที่มาฮัวคาหันมาแล้วทำท่าว่าตั้งแต่นี้ผมต้องเดินตามรอยเท้าเขาไปแบบก้าวต่อก้าว ในที่สุดผมก็หมดแรงขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมทำตามคำสั่งของผมที่สั่งให้ก้าวไปข้างหน้าอีก ผมล้มฮวบลงกองกับพื้นเมื่อนับไปได้สองพันแปดร้อยสี่สิบก้าวพอดิบพอดี

“แซโจ้!!”
มาฮัวคาที่อยู่ห่างไปข้างหน้าเกือบสิบเมตรคงได้ยินเสียงดังตุบเมื่อผมล้มลงไปนั่งพับอยู่บนกองใบไม้ที่ทับถมกันจนไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนก็รู้สึกยวบยาบไปหมดนั่นแหละ เขาค่อยๆเดินย้อนกลับมาโดยเหยียบลงบนรอยเท้าเดิมของตัวเองจนมาถึงตัวผม เขาปลดกระบอกน้ำแล้วค่อยๆป้อนให้ผมจิบทีละน้อย แต่เมื่อผมขอจะดื่มอีกเขากลับส่ายหน้าไม่ยอมให้ดื่ม

ผมคงทำสีหน้าไม่พอใจออกไปเหมือนกับอารมณ์หงุดหงิดที่จู่ๆก็ปะทุขึ้นมาเพราะรู้สึกรำคาญความอ่อนแอของตัวเองแน่ๆ มือใหญ่ๆของมาฮัวคาจึงลูบหลังลูบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะฉวยโอกาสจูบหนักๆลงบนหน้าผากของผมอีกครั้ง แล้วก็นั่งยองๆหันหลังให้ดึงแขนของผมให้ไปโอบรอบคอ จัดการเอาเชือกเถาวัลย์ในย่ามมามัดเอวของผมติดกับเอวของเขา ให้สัญญาณเสียงที่ผมเข้าใจว่าหมายถึง ‘จะไปล่ะนะ’ แล้วก็เริ่มแบกผมติดหลังเป็นลูกลิงก้าวยาวๆเดินทางต่อทันที


ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มาฮัวคาวางผมลงให้นั่งเหยียดขาพิงกับลำต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียจนมองขึ้นไปไม่เห็นยอด ภูมิประเทศที่เห็นในลานสายตาตอนนี้โปร่งโล่งกว่าที่เดินผ่านมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนมาก

มาฮัวคาเอาหลังมือแตะลงกับหน้าผากของผมแล้วส่ายหน้าเหมือนหงุดหงิด ก่อนจะลงมือปลดเอารองเท้าบู๊ตพร้อมทั้งถุงเท้าที่ผมใส่อยู่ออก แล้วเลยยิ่งสบถออกมาเสียยาวเพราะเจอเข้ากับตุ่มน้ำที่เกิดขึ้นจากการถูกเสียดสีเป็นระยะเวลานาน

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อสบตากัน....
ผมก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังขอโทษ เขากำลังรู้สึกผิดที่ดูแลผมไม่ดี ทำให้ผมต้องเจ็บแบบนี้

ผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรอกนะ
หากจะสรุปว่าสายตาและการกระทำของมาฮัวคา....ทั้งหมดนั้นมันแปลว่า....รัก




(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/yaoi01425.jpg)


(มีต่อนะคะ)

ปล.ขอบคุณภาพประกอบจากการสรรหาของดาด้าค่ะ >//////< โป๊โชว์ก้นโด้ย กึ๋ยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี 1/2 (29/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 30-07-2010 00:03:52
เห็นภาพประกอบแล้วเขินอ่า
>///////<
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี 1/2 (29/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-07-2010 05:53:15
โอ้.......ลูกค้าคนแรกและคนเดียว
ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ มาอ่านต่อได้เลยค่ะ >///////<

............................

Beija-Flor of the Amazon:
วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี

แซโจ้หลับไปแล้ว....น่าสงสารเหลือเกิน ที่รักของข้า

คงเป็นลิขิตแห่งอัมมุนที่ทำให้ข้าได้พบกับร่างน้อยแสนงามนี้ ผิวขาวราวกับกลีบยามินาร์กับเส้นผมอ่อนนุ่มสีเหลือบทองอันยามแสงแห่งอัมมุนส่องกระทบ ก็ราวกับมีมงกุฎทองคำแท้ประดับ

ข้าไม่อยากจะคิด หากเมื่อสองราตรีที่ผ่านมาข้าไม่ไปพบเข้าพอดี แซโจ้คงตกเป็นเหยื่อของกาห์..วิญญาณแห่งอะมาซอนไปแล้ว



ข้า...มาฮัวคาแห่งฮัวโอรานีนับอายุได้ครบสิบเจ็ดฝนเมื่อเพ็ญที่ผ่านมา ข้าออกเดินทางลงใต้เพื่อมุ่งสู่ปลายทางแห่งลำน้ำฮาวารีตามคำทำนายของพ่อปู่ผู้ประกาศตนเป็นโอษฐ์แห่งอัมมุน ชายที่พ้นวัยเด็กจะต้องพิสูจน์ตนด้วยการเดินทางผู้เดียวตามคำทำนายหลังอายุครบสิบเจ็ดปี หากใช้เวลาสามรอบเพ็ญอยู่ในป่าได้โดยไม่เกิดอันตรายถึงชีวิต เมื่อเดินทางกลับสู่เผ่าชายหนุ่มผู้นั้นจะได้รับการยอมรับให้เป็นนักรบแห่งฮัวโอรานีอย่างเต็มภาคภูมิ ข้ายังจำคำทำนายของพ่อปู่ผู้เฒ่าได้ขึ้นใจ

‘เมื่อแสงแรกแห่งอัมมุนจับขอบฟ้า มาฮัวคา...วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี เจ้าจงเดินเท้าลงใต้ เลียบไปตามลำน้ำฮาวารีอันเป็นถิ่นกำเนิด คำตอบของโชคชะตาที่เจ้าตามหาจะมาอยู่ต่อหน้า แสงสว่างแห่งอัมมุนจะอยู่กับเจ้าเสมอ ไปเถิด....มาฮัวคา’

‘เดี๋ยวท่านผู้เฒ่า คำตอบของโชคชะตาที่ข้าตามหา....?’   

‘เจ้ารู้แก่ใจ สิ่งที่เจ้ารอนั่นแล้วคือคำตอบ หึๆๆ’


พวกเราเผ่าฮัวโอรานีนับถืออัมมุนซึ่งให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่น รวมถึงทำให้กาห์แห่งป่าคงอยู่ และเหล่าสรรพสัตว์เจริญเติบโต เป็นเทพเจ้าอันควรค่าแก่การเคารพสูงสุด

ทุกรุ่งเช้าเราจะหันหน้าไปทางทิศที่แสงสว่างสีทองจับขอบฟ้า แล้วระลึกถึงการเกิดขึ้นของชีวิต เมื่ออัมมุนลอยสูงขึ้นจนตรงกับศีรษะและทำให้เงาที่ทอดยาวเข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย เราจักหลับตาลงสงบใจเพื่อให้ร่างกายและกาห์..จิตวิญญาณแห่งเราได้ประสานรวมเป็นหนึ่ง และเมื่อลำแสงสุดท้ายแห่งอัมมุนกำลังจะลาลับ เราฮัวโอรานีจักระลึกถึงบุญคุณแห่งอัมมุนสำหรับสัตว์และพืชที่เติบโตใต้ความอบอุ่นนั้นแล้วได้ใช้ไปเพื่อเป็นอาหารในแต่ละวัน

แต่ตอนนี้ นอกจากระลึกถึงบุญคุณแห่งอัมมุน ข้า.....ยังลงคุกเข่า วิงวอนขอพร ขอให้ความอบอุ่นแห่งอัมมุนช่วยให้แสงสว่างกับกาห์ของร่างน้อยนี้ด้วย


แซโจ้กำลังไม่สบายมาก มีไข้หนัก ร่างกายรุมร้อนไปทั้งตัว ข้ารู้ดีว่าใบแก่ของต้นอัวลันบดละเอียดคั้นเอาน้ำผสมกับผงจากเปลือกไม้มาราคูจาที่ข้าป้อนเข้าไปจะยังไม่ออกฤทธิ์จนกว่าจะผ่านเวลาชั่วน้ำเดือด หากเป็นตัวข้าที่ต้องทรมานกับอาการไข้คงไม่เท่าไหร่ แต่เมื่ออาการทรมานนี้มาเกิดกับเจ้าของดวงตางามราวประกายดาวนี้ข้ากลับทนแทบไม่ได้

ดวงตางามคู่เดียวกันกับที่ข้าเคยเห็นในความฝันตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อยามที่พ่อของข้าเหลาหน้าไม้ของเด็กเล่นให้เป็นคันแรก และยังฝันถึงอยู่เสมอแม้เมื่อเติบโตสู่วัยฉกรรจ์

หลังแยกออกมาจากเผ่าข้าเดินทางตามคำทำนายล่องใต้มาตลอด บางครั้งเดินทางยามมีแสงแห่งอัมมุน หากแต่บางค่ำคืนเมื่อข้าไม่รู้สึกว่าต้องการหลับ ข้าก็เดินทางใต้แสงดวงดาว สองราตรีก่อนขณะข้าเดินเลี้ยวพ้นโค้งแห่งคุ้งน้ำเชี่ยวกรากในส่วนที่กว้างที่สุดของลำฮาวารีและกำลังตั้งใจจะพักนอน ข้าก็เหลือบไปเห็นแสงสะท้อนจากอะไรบางอย่างที่ข้างโขดหินต่ำลงไปกว่าระดับที่ข้ายืนอยู่เพียงสามช่วงก้าว

ข้าค่อยๆย่องเข้าไปจนใกล้ด้วยเกรงว่าจะมีอันตราย จนเมื่อจะพ้นแง่หินที่บังสายตาอยู่ข้าจึงได้รับรู้ว่าร่างที่เห็นนอนตะแคงแนบไปกับแท่นหินนั้นเป็นร่างกายของมนุษย์ ขณะข้ากำลังจะเข้าไปสำรวจว่าร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ลมที่เปลี่ยนทิศกะทันหันก็ทำให้ข้าสำเหนียกถึงอันตรายจากสาบสางของสัตว์ใหญ่ที่ลอยมาเข้าจมูก ความรุนแรงของกลิ่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆทำให้รับรู้ได้ว่ามันกำลังมุ่งตรงมาทางทิศนี้

ข้าเลื่อนคันหน้าไม้ที่สะพายติดไหล่อยู่ลงมาไว้ที่มืออย่างแผ่วเบา อีกมือก็เอื้อมไปหยิบลูกดอก เลือกเอาดอกที่อาบกัมโป....พิษจากกบมีพิษสีแดงที่บาดแผลเลือดออกเพียงสะกิดก็ทำให้ถึงตายได้อย่างรวดเร็ว

ซุ่มรออยู่ชั่วอึดใจ เจ้าของกลิ่นสาบสางรุนแรงก็เยื้องกรายออกมาให้เห็นตัวท่ามกลางแสงสลัวรางของคืนเดือนมืด สัตว์สี่เท้าหนึ่งในเผ่าพันธุ์อันเป็นที่เคารพบูชา ร่างกายที่เคลื่อนไหวแผ่วเบาปกคลุมด้วยพื้นขนสีเหลืองทองมีจุดสีดำแทรกอยู่โดยทั่ว ข้ายกหน้าไม้ขึ้นเตรียมพร้อม ขึ้นลูกดอกรอ แล้วเล็งไปที่เป้าหมายตรงก้านคอ พร้อมเริ่มอธิษฐานส่งกระแสจิตเตือนว่าข้าและร่างน้อยที่เห็นนั่นมิใช่เหยื่อ หากไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกันมาก่อนก็จงผละไปเสีย

หากแต่กระแสจิตของข้าถูกตอบกลับในทางตรงกันข้าม ข้าตัดสินใจปล่อยลูกดอกให้ทะยานออกจากแล่ง จังหวะเดียวกับที่ร่างสีเหลืองลายดำนั่นโจนขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ร่างน้อยที่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้ารู้ดีว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากลูกดอกอาบยาพลาดเป้า......ข้าย่อมตกเป็นเป้าหมายของผู้ล่าในทันที

ร่างใหญ่โตยาวเกือบสองเมตรนั่นชะงักกลางอากาศ ตกลงกับพื้นแล้วกลับตัววิ่งกลับเข้าไปในราวป่า ข้ารอฟังเสียงสักครู่จนแน่ใจว่ากาห์ของสัตว์ร้ายนั้นได้สละร่างไปแล้ว จึงออกจากที่อำพรางตัวเข้าไปที่ร่างของมนุษย์ผู้นั้น

ผิวขาวซีดราวกับแสงจันทร์ในคืนแรมกับเปลือกตาปิดสนิททำให้ข้าหวั่นใจ ต่อเมื่อเอานิ้วรอที่ปลายจมูกถึงได้พบว่ายังมีลมหายใจอยู่ แม้จะแผ่วเบานักก็ตาม ข้าก้มลงแนบหูกับตำแหน่งกลางหว่างอกอันเป็นที่อยู่ของหัวใจ เสียงตุบเบาๆช้าๆแต่สม่ำเสมอนั้นบ่งบอกถึงสัญญาณของชีวิต


ข้าค่อยๆโอบอุ้มเอาร่างของมนุษย์ผู้หมดสตินั้นขึ้นมาสู่พื้นที่แห้งและเหมาะจะพักแรม จัดการก่อกองไฟเล็กๆขึ้น ก่อนจะถอดเอาสิ่งที่มนุษย์ผู้นี้ใช้ห่อหุ้มร่างกายออกจนหมด เก็บเศษไม้ลำยาวๆมาปักใกล้กองไฟแล้วนำเครื่องหุ้มกายที่ขาดวิ่นเป็นริ้วขึ้นย่างไฟไว้เพื่อไล่ละไอน้ำออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงบดใบอัวลันคั้นเอาน้ำผสมกับผงจากเปลือกมาราคูจา กรอกใส่ปากให้คนที่ยังไร้สติและเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้

ตลอดวันที่ผ่านมาอาการไข้ของร่างน้อยนี้ก็ค่อยๆลดลง แล้วเพียงแค่เขาลืมตาตื่นขึ้นและข้าได้สบตากับเขาครั้งแรกเท่านั้น ความฝันที่ตามรบกวนข้ามาตั้งแต่ยังเยาว์ก็ย้อนกลับมาหา ชัดเจนทุกบททุกตอน

“ดากา.......ดากา” จำได้แล้ว....ข้าจำได้แล้ว ไร้ซึ่งความเคลือบแคลงใดๆ ร่างน้อยเจ้าของดวงตาแห่งประกายดาวนี่แล้วคือคำตอบของคำถามตลอดชีวิตของข้า


ความรู้และระลึกได้ทำให้ข้าอยากกอดแซโจ้ เป็นชื่อที่ประหลาดนัก......ภาษาของคนนอกออกเสียงตามได้ลำบาก แต่กระนั้นเมื่อมันเป็นนามของผู้เป็นที่รัก ข้าย่อมฟังแล้วระรื่นหูอยู่ดี ข้าไม่เคยห้ามตัวเอง เมื่ออยากกอดข้าจึงกอด ตอนแรกร่างน้อยๆนั่นเกร็งขืนตัวไว้ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานนักก็กลับโอนอ่อนยอมอยู่ในอ้อมกอดของข้าแต่โดยดี ข้าพยายามอธิบายว่าถึงข้าจะรักเจ้าและสงสารเจ้าที่กำลังไม่สบายแถมยังมีบาดแผลฟกช้ำจากการกระทบกระแทกแง่หินขณะลอยมาตามลำน้ำแค่ไหน แต่เราก็ควรต้องออกเดินทางเสียที


แซโจ้.......ข้าเสียใจที่ทำให้เจ้าต้องฝืนเดินทางทั้งยังอ่อนแอแบบนี้
ข้าพลาด ที่นึกเอาเองว่าเจ้าคงจะไหว รู้ตัวอีกทีเจ้าก็หมดแรงล้มลงเสียแล้ว
ถ้าเจ้าร้องเรียกข้า บอกกับข้าสักนิดว่าเหนื่อย.....ว่าเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าต้องฝืนตัวเองจนไข้ขึ้นสูงอีกเช่นตอนนี้

ข้าเอนกายลงเคียงข้างแล้วโอบกอดร่างน้อยที่สั่นสะท้านเพราะพิษไข้ไว้แนบอก เจ้าของร่างนุ่มนิ่มนั่นก็ยิ่งเบียดกายเข้าหา ไม่นานนักอาการสะท้านสั่นนั้นก็หยุดลง เมื่อดูแลให้คนได้ไข้หลับสนิทดีแล้วข้าจึงลุกขึ้นมาเติมเศษไม้แห้งลงไปในกองไฟอีก พอข้าผละห่างมาได้ไม่นานแซโจ้ก็ส่งเสียงอืออาแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง พอมองมาสบสายตากับข้าก็เรียกชื่อข้าด้วยสุ้มเสียงดีใจ เหมือนกับเด็กน้อยที่กลัวว่าพ่อแม่จะทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียวกลางป่าเปลี่ยวกระนั้น

“มาฮัวคา” ข้ารีบตรงเข้าไปจับมือน้อยๆที่ยื่นมาหาเอาไว้ ก่อนจะทรุดกายลงเคียงข้างแล้วโอบประคองร่างกายที่ขับเหงื่อออกมาเนื่องจากยาที่ข้าให้ไปจนเครื่องหุ้มกายนั้นชุ่มโชก ข้าแตะหลังมือลงกับหน้าผากชื้นเหงื่อ ยามนี้ที่สัมผัสได้คือความเย็น เย็นชืดจนน่ากลัว

“ไม่เป็นไรนะ เจ้าจะไม่เป็นไร ไข้ก็ไม่มีแล้ว จะหายแล้วนะแซโจ้” ข้ารู้ดีว่านี่คือการปลอบใจตัวเอง ก็ในเมื่อข้าพูดไปแซโจ้ก็ฟังไม่ออก แล้วจะให้ข้าใช้คำพูดปลอบได้อย่างไร ที่ทำได้ก็คือการกระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้า และก้มลงประทับจูบปลอบประโลมที่หน้าผากนวลเนียนนั่นเท่านั้น

“quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”


มีบางอย่างผิดแปลกไป จู่ๆร่างบางในอ้อมกอดก็เริ่มปลดเครื่องห่มกายของตนเองออก เสียงสั่นพร่าที่พูดคำในภาษาอื่นออกมาไม่ต้องมีคำแปลก็เข้าใจได้ในทันทีว่าคงจะรู้สึกร้อน ร้อนมากจนทนให้มีอันใดมาพันกายไว้ไม่ไหว และสำเนียงสั่นพร่าที่เอ่ยนามของข้านั่นก็ชักจะทำให้ร่างกายของข้ารุ่มร้อนตามไปด้วย

ผิวกายเย็นชืดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอุ่นจัดจนเกือบร้อนราวกับมีไฟกองใหญ่ลุกไหม้อยู่ภายใน มันเกิดอะไรกับแซโจ้ หรือสูตรยาที่ข้าใช้มีอะไรผิดไป
แซโจ้ถอดทุกสิ่งที่ปิดบังร่างกายจากสายตาของข้าออกไปจนหมดแล้วเริ่มขยับร่างกายเสียดสีกับเนื้อตัวของข้า ผิวกายนวลเนียนเต่งตึงไปทุกส่วนทำให้ข้ารู้สึกร้อนเร่าไปกับทุกสัมผัส เสียงทุ้มนุ่มแหบพร่าพร่ำเรียกชื่อข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความแข็งขึงอุ่นจัดที่สัมผัสได้บริเวณหน้าท้อง และดวงตาเว้าวอนของร่างน้อยที่โถมทับ ทำให้อารมณ์ปรารถนาในกายข้าลุกโชน ความรู้สึกปั่นป่วนและทะยานอยากโหมกระพือยิ่งกว่าเปลวไฟ เสียงแมลงกลางคืนที่ดังอยู่เมื่อครู่พลันเงียบสนิทราวกับจะเงี่ยหูสดับเสียงครวญครางจากเราทั้งสองแทน

พลันนั้นข้าก็พลิกกายกลับขึ้นไปซ้อนหลังของร่างน้อยที่ยังคงบิดกายส่ายเอวไปมายั่วยวนอยู่ตรงหน้า รั้งสะโพกขาวผ่องสะท้อนแสงจากกองไฟเป็นสีชมพูอมส้มให้ยกขึ้นสูงด้วยมือซ้าย แล้วใช้แขนขวาอ้อมไปกอบกุมเอาความแข็งขึงร้อนผ่าวที่ด้านหน้า เพียงแค่แตะต้องส่วนปลายเบาๆเสียงครวญครางแสนหวานก็ยิ่งดังขึ้น และเมื่อข้าเริ่มกำรอบแล้วรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ ร่างน้อยที่บรรจุด้วยไฟปรารถนาก็ขยับโยกตามการชักนำได้เป็นอย่างดี

ข้าพรมจูบไล่ไปตามแผ่นหลังขาวผ่องนั้น จูบด้วยปาก แตะชิมด้วยลิ้นอุ่นร้อนไปจนทั่วทั้งแผ่นหลัง ดูดดุนตามแนวกลางหลังเรื่อยมาจนถึงร่องที่แบ่งก้อนเนื้ออวบหยุ่นตึงมือออกเป็นสองข้าง ข้าละมือจากการประคองสะโพกเอาไว้ แล้วเปลี่ยนมาแหวกเนินเนื้ออวบหยุ่นทั้งสองข้างออก ลากนิ้วไปตามร่องนั้นอย่างแผ่วเบาจากบนลงล่าง

“อะ.......อาห์....”
การกระทำนั้นเรียกเสียงครางพร้อมกับอาการสะท้านสั่นไหวไปทั้งตัว จากเจ้าของร่างกายที่ทำให้ข้าหลงใหลได้ทันที แซโจ้เอี้ยวตัว หันหน้ามาหาข้า ส่งสายตาเหมือนจะร้องขอและเว้าวอน ก่อนจะเอื้อมมือมารั้งคอข้าให้รับจุมพิตดูดดื่มร้อนแรงที่ริมฝีปาก

ปลายลิ้นที่พัวพันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกายจะระเบิด ข้ารีบส่งปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางนุ่มนิ่มร้อนผ่าวที่เพิ่งจะลากนิ้วหยอกล้อนั้นทันที ร่างน้อยที่กำลังมอบจุมพิตให้ข้าสะดุ้งขึ้นทั้งตัว พยายามจะถอนจูบออก แต่มีหรือข้าจะยอม ข้าละมือจากการกระตุ้นความแข็งขึงที่ด้านหน้ามาประคองกดไว้ที่ท้ายทอยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมอ่อนนุ่มนั้น ในขณะเดียวกันก็พยายามดันนิ้วรุกล้ำเข้าไปเรื่อยๆ

ช่องทางร้อนผ่าวนั้นเกร็งเขม็ง บีบรัดข้าจนแน่น ข้ายอมปล่อยให้ริมฝีปากสีแดงจัดนั้นเป็นอิสระแล้วไล้เลียไปตามลำคอขาวผ่องแทน เมื่อข้าจูบเบาๆลงที่หลังใบหู เสียงครางที่เงียบไปเมื่อครู่เพราะถูกรุกล้ำด้านหลังก็หลุดออกมาให้ได้ยินอีกครั้ง คราวนี้ข้าขยับนิ้วเข้าออกช้าๆหมุนวนไปทั่วภายในช่องทางนุ่มนิ่มนั้น จนร่างน้อยเริ่มขยับส่ายสะโพกตามอีกครั้งข้าก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก ปากทางคับแคบเริ่มเปิดออกให้มองเห็นด้านในที่เป็นสีชมพูอ่อนราวผลสุกของกัวราน่าที่มีรสชาติหวานหอม

เมื่อความอดทนถึงขีดสุด ข้าก็เข้าไปในตัวของแซโจ้ มือข้างหนึ่งข้าเอื้อมไปปิดปากที่รักเอาไว้แน่นเพื่อสกัดกั้นเสียงกรีดร้อง อีกมือก็กุมทับไปบนมือน้อยๆที่เกร็งจนกำขยำลงกับพื้นหญ้า ข้ากระซิบปลอบโยนที่ข้างหูของร่างน้อย แม้จะด้วยถ้อยคำภาษาที่แตกต่าง แต่ข้าแน่ใจว่าคนที่กำลังประสานกันเป็นหนึ่งอยู่ย่อมเข้าใจความหมายที่ข้าต้องการสื่อไปถึง

“ข้ารักเจ้า ที่รัก.......อาห์ รัก ข้ารักเจ้า” ข้าพร่ำพูดคำรักซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่เราทั้งสองต่างขยับกายสอดประสานอยู่ในจังหวะเดียวกัน ตอบสนองซึ่งกันและกัน มอบความสุขและบอกรักผ่านการกระทำทางกาย ในแบบที่ไม่ว่าภาษาใดก็ไม่อาจเทียบได้

ข้าสะดุ้งตื่นในตอนใกล้รุ่งเมื่อร่างบางข้างกายซุกซบเข้ามาหาไออุ่น เมื่อมองเห็นดวงหน้าอิ่มสุขที่เกยอยู่กับอกถึงมั่นใจว่าที่ผ่านไปเมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝันเหมือนที่เคย



นับเวลาผ่านไปหนึ่งฝนแล้วตั้งแต่ข้าได้พบกับแซร์จิโอ้
ที่รักของข้าบังคับให้ข้าหัดออกเสียงชื่อเขาจนถูกใจสำเร็จจนได้ ส่วนตัวเขาเองก็เข้าใจภาษาของฮัวโอรานีได้เป็นอย่างดี ฟังได้พูดได้ แต่การโต้ตอบอาจจะช้าไปบ้าง

นี่ถ้าไม่มีพ่อปู่ผู้เฒ่า ข้าคงถูกขับออกจากเผ่า และเราสองคนคงต้องไปใช้ชีวิตลำพัง แต่พ่อปู่ผู้ประกาศตนว่าเป็นโอษฐ์แห่งอัมมุนกลับบอกทุกคนว่าแซร์จิโอ้ของข้าจะนำความรุ่งเรืองมาสู่เผ่าเรา และหลังจากนั้นไม่นานที่รักของข้าก็พิสูจน์ให้ทุกคนในเผ่าเห็นว่าคำทำนายของท่านผู้เฒ่าไม่เคยผิดพลาด เมื่อเขาสอนให้เราต้มน้ำก่อนดื่มกิน และสอนให้ทำการเพาะปลูกข้าวโพด

แซร์จิโอ้บอกกับข้าว่าที่จริงมีมากกว่านี้ที่เขาสามารถสอนชาวฮัวโอรานีได้ พอข้าถามให้ยกตัวอย่าง ข้าก็เห็นด้วยกับที่รักว่าไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อฮัวโอรานีพอใจจะอยู่กับกาห์แห่งอะมาซอนต่อไปแบบนี้ ไม่ได้คิดที่จะเปิดตัวติดต่อค้าขายกับสังคมภายนอก

ที่รักของข้าอุทานออกมาเมื่อข้าพาเที่ยวเล่นไปจนถึงต้นน้ำแห่งลำฮาวารี แซร์จิโอ้เอาอุปกรณ์หน้าตาประหลาดที่แอบหย่อนใส่ย่ามของข้าไปด้วยไปขุดๆเจาะๆตรงผาหินที่มีน้ำตกหลายสายผุดพุ่งออกมาแล้วก็ตื่นเต้นอยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นก็เก็บเครื่องมือนั่นลงย่าม บอกกับข้าว่า ถ้าฮัวโอรานีเปลี่ยนใจอยากจะค้าขายกับโลกภายนอกเมื่อไหร่ต้องระวังไม่ให้คนนอกเข้ามาที่ต้นน้ำนี่ได้ง่ายๆ มันจะเป็นอันตรายต่อกาห์แห่งอะมาซอนและทุกชีวิตแถบนี้ได้

และวันนี้หลังจากที่เมื่อวานข้าเกือบจะพลาดเจ็บหนักจากการออกล่าชาคาแหร่ห์เกเร สัตว์ใหญ่แห่งลำน้ำฮาวารีที่ล่มเรือของชาวเผ่าไปแล้วสองลำ แซร์จิโอ้ที่นอกจากกอดข้าไว้จนแน่นแต่ไม่ได้พูดห้ามปรามอะไรก็ขอผืนหนังที่ขัดฟอกจนเป็นสีอ่อน กับยางมาเรนโญ่ผสมไขสัตว์ที่ใช้สำหรับวาดสัญลักษณ์ตามร่างกายมา แล้วก็นั่งลงเขียนหนังสือบันทึกลงแผ่นหนังมาตั้งแต่สาย จนนี่จะเที่ยงอยู่แล้ว ยังไม่ยอมลุกมากินอะไรเลย

“แซร์จิโอ้ ไม่หิวหรือ? หยุดบันทึกก่อนเถิด” ที่รักเงยหน้าเหลือบตามองข้าแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากพอข้าเดินเข้าไปใกล้จะจูงให้ตามออกไปนอกกระท่อมที่พักนอน แซร์จิโอ้ก็กลับเปลี่ยนใจบุ้ยปากให้ข้านั่งลงแทนที่ แล้วตัวเองก็เข้ามาแทรกด้านหน้าหย่อนตัวนั่งซ้อนตักข้าไว้ ก่อนจะลงมือเขียนบันทึกนั่นต่อ

“หิวแล้ว....แต่ข้าขี้เกียจบิกินเอง มาฮัวคา......”

แค่นั้นแหละ แล้วข้าก็แพ้เสียงออดอ้อนนั่นเหมือนเคย แต่ใครจะไปสนเรื่องแพ้ชนะเล่า ตราบใดที่ข้ายังมีเจ้าของดวงตาประกายดาวคู่นี้อยู่ในอ้อมกอด
ถึงจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ไปจนกาห์ออกจากร่าง....ข้าก็ยอม

....................................


“ศรา....เก็บอะไรมาเล่นน่ะเรา?”

“พี่ภพ ข้างในนี้มีแผ่นหนังอะไรไม่รู้ ตอนแรกศรานึกว่าภาษาอังกฤษ แต่กลับอ่านไม่ออกเลยสักคำ พี่ภพดูสิ”


เด็กหนุ่มที่ก้มๆเงยๆอยู่ริมหาดยกแผ่นหนังเก่าคร่ำคร่า ที่เพิ่งคลี่ออกมาจากม้วนในขวดแก้วเนื้อหนาชูขึ้นสูงเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่มที่นั่งแผ่หลาอยู่บนเก้าอี้ชายหาดใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว ห่างออกไปเกือบสิบเมตร

“เอามาให้ดูตรงนี้สิ พี่ขี้เกียจเดิน”

“โห่....พี่ภพอะ ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้” หนุ่มน้อยที่ท่าทางจะแสบเอาเรื่องบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมลุกจากพื้นทรายหอบเอาทั้งขวดทั้งแผ่นหนังแปลกหน้านั่นเดินเข้ามาหาคนขี้เกียจเป็นตาแก่โดยดี

มาถึงก็ยื่นแผ่นหนังที่พอกางออกก็ปรากฏว่ามีตัวอักษรสีแดงเข้มเขียนไว้เต็มทั้งผืน แต่แทนที่ข้ามภพจะรับแผ่นหนังที่ยื่นส่งมา มือใหญ่ที่เอื้อมมาทำท่าจะรับกลับจับหมับลงที่ข้อมือเด็กซนแล้วดึงให้นั่งลงกลางหว่างขาบนเก้าอี้ชายหาดตัวเดียวกัน

“พี่ภพ!!”

“ไหน ศราจะให้พี่ดูอะไร?” ทำมาถามด้วยเสียงเอาการเอางานกลบเกลื่อนอีก นายข้ามภพนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากจะถามเอาการเอางานแล้วจากที่นั่งพิงพนักตามสบายก็กลับลุกขึ้นนั่งหลังตรงจนแผงอกกำยำแนบไปกับแผ่นหลังของเด็กซนตรงหน้าที่เที่ยวได้เก็บโน่นเก็บนี่มาเล่นเสียสนิทเชียว

“นี่ไง....ตัวอักษรเหมือนภาษาอังกฤษเลยนะ แต่บางตัวก็ไม่เหมือน พี่ภพดูสิ ตัว c มีหางด้วย”

“อืม....ศราอ่านไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก ก็นี่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เท่าที่ดูพี่ว่าน่าจะเป็นพวกภาษาสเปนไม่ก็โปรตุเกส.....ไหนๆมีลงวันที่ด้วยนี่  Agosto, 1842 ถ้าพี่เดาไม่ผิด คงจะเป็น  August  เดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 1842 โอ้โห....นี่ท่าทางเราจะซนจนได้เรื่องแล้วล่ะศรา ถ้าเป็นปี 1842 ก็เกินร้อยห้าสิบปีอีกนะเนี่ย”

“168 168ปีแล้วพี่ภพ หึๆๆ เราเอาไปขายดีกว่า น่าจะได้ราคาดีเนอะพี่ภพเนอะ” สุ้มเสียงตื่นเต้นดังมาจากหนุ่มน้อยที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้า พร้อมกับเอี้ยวตัวกลับมาส่งยิ้มจนแก้มบุ๋มพร้อมด้วยสายตาเป็นประกายพราวที่คนตัวโตนั่งซ้อนหลังเข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ ว่ามันหมายความว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหลือเกินแล้ว ว่าข้อความบนแผ่นหนังที่ถืออยู่จะเกี่ยวกับอะไร

“เวอร์แล้วศรา อาจจะไม่ใช่อย่างที่พี่บอกก็ได้ นี่อาจจะเป็นของเก่าแบบทำเทียมก็ได้”

“หึ.....แล้วถ้ามันเป็นของจริงล่ะพี่ภพ ถ้าข้อความพวกนี้มันเป็นลายแทงล่ะ พี่ภพ....ถ้าเป็นลายแทงจริงๆ พี่ภพจะไปหาสมบัติกับศรามั้ย?” มือขาวๆของศราเด็กซนแถมจินตนาการสูงเขย่ามือใหญ่ๆที่โอบอยู่รอบเอวแรงๆระหว่างที่ตั้งคำถามนี้

“.......ไปสิ ศราอยู่ที่ไหน พี่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเสมอแหละ เราจะไม่แยกจากกันอีก สัญญากันไว้แล้วนี่”

“อื้ม....แล้วถึงมีความจำเป็นจะต้องจากกันขึ้นมา เราสองคนก็จะกลับมาพบกันอีก.....เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย พี่ภพ?” ศราม้วนแผ่นหนังบางๆในมือจนเรียวเล็กแล้วเก็บใส่ในขวดแก้วเหมือนเดิม ก่อนจะวางลงกับพื้นทราย

“ใช่ เราจะกลับมาพบกันอีกแน่นอน......พี่สัญญา”

..................................
..................................

(จบค่ะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 30-07-2010 09:40:52
 :z13: จิ้มก่อน


================
ก่อนอื่นใด..... :m25:

ขอบอกว่าอยากไเจอคนป่าอย่าง มาฮัวคา บ้าง :m1:

อ่านแล้วเหมือนย้อนเวลา กลับไปอยู่ในยุคนั้นด้วย

แอบเสียดา่ยเล็ก ๆ ที่เป็นเรื่องสั้นจบแล้ว

ขอบบอกว่าชอบม๊ากกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 30-07-2010 09:52:59
อ่านแล้ว แอบงงบ้างเล้กน้อย แต่ก็สนุกดี

จุ๊บเจเจ้

แต่เจ่เจ้นี่หวานสม่ำเสมอจริงๆ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 30-07-2010 10:28:26
กด+1ให้คนแต่งจ้า :กอด1:
อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากๆเลย
รู้สึกอบอุ่นกับความรักของทั้งสองคนไม่ว่ากี่ชาติกี่ภพหรือวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร
ทั้งสองคนก็ยังรักกันไม่เปลี่ยนแปลง :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: joe.nana ที่ 30-07-2010 12:36:58
หนุกมากเลย เพิ่งเข้ามา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :impress2:

อยากให้แต่งยาวกว่านี้จัง หนุก ๆๆๆๆ :m25:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 30-07-2010 13:36:45
:m10: พี่นุ่นปั๊ดตานาแว้วววว~
ยังมะได้เก็บรายละเอียด เด๋วค่อยกลับมาอ่านอีกรอบน้าา เค้าต้องไปแร้ววววว~
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 30-07-2010 15:26:07
ขอบคุณมากๆครับพี่หวาน เรื่องสั้นแต่ได้ใจผมไปเลยครับรบกวนมาต่ออีกนะครับผม
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 30-07-2010 15:43:53
ภาษาสวยดีอ่ะ ชอบ ดูอลังการดี 55555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-07-2010 16:18:08
ภาษาสวยมาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 30-07-2010 16:47:14
เปลี่ยนให้พระเอกนุ่งแผ่นหนังแทนใบไม้สดจะดีกว่ามะอ่ะ  อิอิ

เคยอ่านการ์ตูนเรื่องที่เป็นภาพประกอบด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 30-07-2010 17:37:27
กิ้ว ๆๆ ภพนี้...บุบุย บุบุย มาฮัวคา ล่ำกำยำ...หวีดกันได้อีกภพนะ
รอลุ้นภพต่อไป...
 :z13: +บวกนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 30-07-2010 19:26:31
ถึงจะพูดกันคนล่ะภาษา แต่ก็เข้าใจกันได้
ด้วยภาษากาย  :z1:
ภาพประกอบชวนจิ้นมากเลย
ภาษาเริศ ไร้ที่ติ ชอบมากกกกกกกก
ทั้งเนื้อเรื่อง และการบรรยายเลย  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-07-2010 21:25:28
แวะเข้ามาตอบเมนท์ค่ะ ดีใจจังเลยที่ยังมีคนอ่านที่น่ารักเข้ามาอุดหนุน
นึกว่าจะขายไม่ออกเสียแล้วสิ สินค้าชิ้นนี้ (แบบว่ามีน้องบอกชื่อไม่ดึงดูดตามเคย)

แต่ๆๆ คนเขียนภาคภูมิใจกับชื่อนี้มากเลยค่ะ
Beija-flor แปลว่า นกฮัมมิ่งเบิร์ดในภาษาโปรตุกีสค่ะ
ที่คนเขียนชอบคำนี้เพราะพอดูจากคำศัพท์สองคำที่มารวมกันแล้ว มันเป็นชื่อนกที่โรมานซ์มากกกกกกกกกกกกกก

beijar = to kiss
flor = flower
หวานเนอะ........ :o8:

พล็อตนี้มานานแล้วค่ะ ตั้งแต่เขียนเรื่องในทะเลทรายเสร็จนั่นแหละ เพียงแต่ยังสับสนว่าจะเลือกให้ออกมาแบบไหนดี
ระหว่างนายเอกของเราเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาสำรวจทรัพยากร(แบบที่เขียนออกมา)
กับอีกแบบคือต่างเผ่าแต่เป็นศัตรูกัน (อันนี้สองคนจะคุยกันรู้เรื่อง)

คิดนานมากก่อนเริ่มต้นเขียนออกมาว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไรดี เพราะสองคนต้องคุยกันไม่รู้เรื่อง
ในที่สุดเลยให้ออกมาเล่ากันคนละส่วนเสียเลย

สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจหลังอ่านจบนะคะ ก็เหมือนเดิม สองคนนี้ก็คู่เดิมนั่นแหละ ศวัตรากับท่านเทพ อิอิ
เพียงแต่เลเวลการจำกันได้ในชาตินี้ของสองคนนี้เลเวลต่ำอย่างมากมายเมื่อเทียบกับชาติของน้องแก้มบุ๋มและพี่คนนั้นที่มาซื้อมาลัย
เพราะมาฮัวคา จำได้แต่ประกายแววตา แล้วก็ฝันถึงบ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายในฝันคือใคร
ส่วนSergioยิ่งแย่ใหญ่ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากความรู้สึกเป็นสุข อบอุ่นปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอด
........... >/////////<

ส่วนภาษาต่างด้าวที่ใช้ในเรื่อง ^o^
เป็นภาษาโปรตุกีสจริงๆกับภาษานุ่น(มั่วขึ้นมาเองค่ะ)

ส่วนที่Sergioพูดน่ะ โปรตุกีสจริงๆ นอกนั้นพวกสัตว์ พวกพืชในป่า มาจากทั้งสมมติมาและผสมปนเปกับโปรตุกีสจนยุ่งเลยค่ะ
คำถาม
อ่านมาจนจบตอนแล้วมีใครไม่รู้จักเทพสูงสุดของเผ่าฮัวโอรานีไหมคะ? ยังมีใครสงสัยมั้ยว่าอัมมุนคืออะไร?
แล้วยังสงสัยมั้ยคะว่า กาห์ คืออะไร?

สำหรับผิวขาวสวยของSergioที่มาฮัวคาชมว่าเหมือนกลีบยามินาร์ คือว่าขอบคุณจัสมินนะคะ
เพราะมะลิป่าที่มาฮัวคานึกถึง พี่นุ่นยืมคำว่าjasminมาแปลงเป็นภาษานุ่นว่า ยามินาร์ ง่ายๆอย่างนั้นเองค่ะ ^o^

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความขอบคุณผู้สนับสนุนวัตถุดิบอย่างคุณกูเกิ้ลสำหรับแผนที่อะมาซอน และข้อมูลของชาวเผ่าอินเดียนในลุ่มอะมาซอนนะคะ


ถึงจะพูดกันคนล่ะภาษา แต่ก็เข้าใจกันได้
ด้วยภาษากาย  :z1:
ภาพประกอบชวนจิ้นมากเลย
ภาษาเริศ ไร้ที่ติ ชอบมากกกกกกกก
ทั้งเนื้อเรื่อง และการบรรยายเลย  o13

ส่วนตัวพี่นุ่นชอบตอนที่เสือจากัวร์จะเข้ามาแอทแทคแซร์จิโอ้ที่หมดสติมากเลยค่ะ มาฮัวคาเท่ห์โก้ดดดดดดดดดด

กิ้ว ๆๆ ภพนี้...บุบุย บุบุย มาฮัวคา ล่ำกำยำ...หวีดกันได้อีกภพนะ
รอลุ้นภพต่อไป...
 :z13: +บวกนุ่น
กิ๊ววววววว โนเนะจ๋า ขอบคุณสำหรับการมาอุดหนุนค่ะ กอดดดดดดดด หวีทเนอะ แซร์จิโอ้กินเด็กอ้ะ มาฮัวคาเพิ่งสิบเจ็ดเอง คริคริ

เปลี่ยนให้พระเอกนุ่งแผ่นหนังแทนใบไม้สดจะดีกว่ามะอ่ะ  อิอิ

เคยอ่านการ์ตูนเรื่องที่เป็นภาพประกอบด้วยล่ะ
เคยอ่านด้วยเหรอคะ สนุกมั้ยนิ? สำหรับใบไม้ อิอิ คือพอดีว่าเผ่าที่ไปรีเสิร์ชข้อมูลมาเป็นต้นแบบสมัยก่อนจะมีมิชชันนารีเข้าไปเค้าไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเอาสีเปลือกไม้มาย้อมตัวอ้ะค่ะ
อีกอย่างเผ่านี้เค้าเคารพจิตวิญญาณของชีวิตทุกชีวิตค่ะ สังเกตว่ายิงจากัวร์ตายไปตัวมาฮัวคายังไม่ตามไปถลกหนังเลย
คือว่ามันต้องมีการตามชามัน(หมอผี)มาทำพิธีมากมายก่อนจะเอาชิ้นส่วนจากสัตว์ที่ถูกฆ่ามาใช้ได้อ้ะค่ะ

ภาษาสวยมาก

ภาษาสวยดีอ่ะ ชอบ ดูอลังการดี 55555
ขอบคุณมากค่ะ ชอบการใช้ภาษาแบบนี้เหรอคะ? แล้วไว้มีพล็อตดีๆจะเขียนมาอีกนะคะ

ขอบคุณมากๆครับพี่หวาน เรื่องสั้นแต่ได้ใจผมไปเลยครับรบกวนมาต่ออีกนะครับผม
ภาคภูมิใจที่ได้เป็นพี่หวาน 55555555 ขอบคุณค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ

หนุกมากเลย เพิ่งเข้ามา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :impress2:

อยากให้แต่งยาวกว่านี้จัง หนุก ๆๆๆๆ :m25:
รับฝากทั้งเนื้อทั้งตัวค่ะ ^o^

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 30-07-2010 23:45:09
^
^
 :z13: จิ้มพี่นุ่น
อ๊ายยย เห็นพี่ตอบคอมเม้นแล้วปลื้มมมมมม
ชื่อเค้าได้รับการดัดแปลงให้เข้าไปอยู่ในนิยายด้วย  :m4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-07-2010 23:48:07
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 31-07-2010 00:25:51
 :-[
ชอบเรื่องนี้อ่ะครับน้องนุ่น
สนุกดี ได้ไปเที่ยวอเมซอน


ต้องแอบกระซิบถามสูตรยามาฮัวคาซะหน่อยแล้ว
 :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 31-07-2010 11:04:42
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ เข้ามาอ่านเรื่องล่าสุด น่ารักมากกกกกกกก ภาพประกอบสวยดีชอบๆ เเต่ว่าข้อความในเเผ่นหนังคืออะไรยังมีต่อใช่เปล่าไรเตอร์ เเล้วก็ไรเตอร์ จะเขียนเป็นเเต่ละชาติเลยเปล่า เรื่องสั้นจบในตอนก็ดีนะ ไม่ต้องลุ้นนาน คุๆๆๆ เดี๋ยวไปตามอ่านตอนเเรกๆเเล้วจะเมนท์ใหม่นะ  อ้อ ชื่อเรื่องเป็นเอกลักษณ์ ของเราไง เเปลกเเต่ดูดี ขอบคุณคำเเปลด้วยนะคะเข้าใจขึ้นเยอะเลย “quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”  มันอ่านว่าอะไรเเล้วเเปลว่าอะไรอะไรเตอร์ อ่านไม่ออกอะ ขอบคุณล่วงหน้า รอตอนต่อไปเเละจะไปตามตอนก่อนหน้า บายๆๆ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-07-2010 11:15:20
^
^
^
ฮึบๆๆ ว่าจะทิ้งให้เดากันเองแล้วเชียวค่ะ 555555

"ร้อน ร้อนจังเลย..."
"ช่วยชั้นด้วย.....อาห์ ช่วยด้วย..อื้มมมม มาฮัวคา"

คำอ่าน อิอิ
"แค้งชิ, โต คง แค้งท์...."
"มี อะจูดะ.....อาห์ อะจู๊ด้า ฮ่าห์.......มาฮัวคา"

(แว้กกกกกกกกกกกกกกก เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 31-07-2010 13:45:50
ชอบมากกกกกกกก
ชอบมากๆทั้งสามเรื่องเลย
ต่อยอดเป็นเรื่องยาวทั้งสามเลยเถอะ นะๆๆๆๆ   :o8:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 31-07-2010 15:21:51
ไอเพิ่งเห็นว่าพี่นุ่นมาต่อยอดเรื่องสั้นออกไปอีก ^^

ชอบมากเลยค่ะ :m3: โรแมนติกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

แบบนี้เป็นออกแนวหลายภพหลายชาติของท่านเทพกับศวัตราสินะคะ :m18:

รูปที่ใช้แทนซาเยตกับมายัลลีก็เข้ากันดี

รูปที่ใช้แทนแซร์จิโอ้กับมาฮัวคาก็สมกันดี

อ่านเรื่องBeija-Flor of the Amazonนี้แล้ว...ไอนึกถึงหนังเรื่องAvatarอ่ะ ^^

 :L2: ~ขอบคุณค่ะ มาต่ออีกเนอะ ไอจะรออ่านๆๆๆๆๆๆ.....

ป๋อหล๋อ ยังรีเควสอยากให้เป็นเรื่องยาวอยู่นะคะ ทำแนวหลายๆภพหลายๆชาติมาmixรวมกันแต่เขียนยาวกว่านี้สัก200ตอนอะไรแบบนั้น อิอิ~
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-07-2010 21:51:41
แวะมาตอบเมนท์เรื่องสั้นเพราะเขียนไอ้ป่วนไม่ได้อย่างใจค่ะ แหะๆ

สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จักไอ้หนูป่วนและผองเพื่อน เชิญตามลิงค์ไปทำความรู้จักได้นะคะ
คาดว่าตอนหน้าจะถึงบทจบแล้วค่ะ ^o^

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14565.0 (เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก)

.................................
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆครับ
ขอบคุณมากค่ะ เป็นลูกค้าที่อุดหนุนกันทุกเรื่องเลย ขอบคุณนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ ^o^

:-[
ชอบเรื่องนี้อ่ะครับน้องนุ่น
สนุกดี ได้ไปเที่ยวอเมซอน


ต้องแอบกระซิบถามสูตรยามาฮัวคาซะหน่อยแล้ว
 :z1:
พี่มาร์ค แล้วอยากไปเที่ยวไหนอีกคะ? คือนุ่นเห็นว่ามายัลลี้พาเที่ยวทะเลทรายซะคอแห้ง นุ่นเลยให้แซร์จิโอ้พาไปตกน้ำป๋อมแป๋มที่ฮาวารีซะเลย หุหุ
(ส่วนสูตรยาที่ว่า ใบอัวลัน..เอ่อ นุ่นมั่วขึ้นมาค่ะ ส่วน มาราคูจานั่น มันคือเสาวรสค่ะ ^o^)

ขอบคุณนะคะไรเตอร์ เข้ามาอ่านเรื่องล่าสุด น่ารักมากกกกกกกก ภาพประกอบสวยดีชอบๆ เเต่ว่าข้อความในเเผ่นหนังคืออะไรยังมีต่อใช่เปล่าไรเตอร์ เเล้วก็ไรเตอร์ จะเขียนเป็นเเต่ละชาติเลยเปล่า เรื่องสั้นจบในตอนก็ดีนะ ไม่ต้องลุ้นนาน คุๆๆๆ เดี๋ยวไปตามอ่านตอนเเรกๆเเล้วจะเมนท์ใหม่นะ  อ้อ ชื่อเรื่องเป็นเอกลักษณ์ ของเราไง เเปลกเเต่ดูดี ขอบคุณคำเเปลด้วยนะคะเข้าใจขึ้นเยอะเลย “quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”  มันอ่านว่าอะไรเเล้วเเปลว่าอะไรอะไรเตอร์ อ่านไม่ออกอะ ขอบคุณล่วงหน้า รอตอนต่อไปเเละจะไปตามตอนก่อนหน้า บายๆๆ  

คุณบูตะจังงงงงงง เรื่องคำแปลและการออกเสียงของแซร์จิโอ้ตอนนั้นนุ่นตอบไปข้างบนแล้วนะคะ
ส่วนเรื่องที่ว่าตอนต่อๆไปจะมีพาดพิงถึงแผ่นหนังอีกมั้ย.....อืม ต้องลองรอดูค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชอบมากกกกกกกก
ชอบมากๆทั้งสามเรื่องเลย
ต่อยอดเป็นเรื่องยาวทั้งสามเลยเถอะ นะๆๆๆๆ   :o8:
กึ๋ยๆๆ ยาวทั้งสามเรื่องเลยถ้าจะไม่ไหวค่ะ แค่เขียนได้แบบนี้แต่ละตอนก็ใช้เวลาน้านนนนนนนาน แต่จะมาเรื่อยๆแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่มาอุดหนุน แล้วก็ดีใจมากๆเลยค่ะที่ชอบ ^o^


ไอเพิ่งเห็นว่าพี่นุ่นมาต่อยอดเรื่องสั้นออกไปอีก ^^

ชอบมากเลยค่ะ :m3: โรแมนติกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

แบบนี้เป็นออกแนวหลายภพหลายชาติของท่านเทพกับศวัตราสินะคะ :m18:

รูปที่ใช้แทนซาเยตกับมายัลลีก็เข้ากันดี

รูปที่ใช้แทนแซร์จิโอ้กับมาฮัวคาก็สมกันดี

อ่านเรื่องBeija-Flor of the Amazonนี้แล้ว...ไอนึกถึงหนังเรื่องAvatarอ่ะ ^^

 :L2: ~ขอบคุณค่ะ มาต่ออีกเนอะ ไอจะรออ่านๆๆๆๆๆๆ.....

ป๋อหล๋อ ยังรีเควสอยากให้เป็นเรื่องยาวอยู่นะคะ ทำแนวหลายๆภพหลายๆชาติมาmixรวมกันแต่เขียนยาวกว่านี้สัก200ตอนอะไรแบบนั้น อิอิ~
ไอจังงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดดดด
เรื่องรูปนั่นยกความชอบให้ดาด้าไปโลดค่ะ อิอิ พยายามหามาก ยิ่งเรื่องของแซร์จิโอ้กับมาฮัวคานี่ดาด้าหานานมากกกกกกกก
เดี๋ยวพี่นุ่นมีพล๊อตดีๆเข้าท่าๆจะมาเขียนตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 31-07-2010 22:20:36

 :z13:   ได้อีกละ

ชอบมากกกค่ะ โรแมนติกดี
ภาษาสวยมาก  ชอบภาพประกอบค่ะ
คอนเซ็ปเดิมนะคะคุณนุ่นหวานมากๆ    :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-08-2010 03:26:32
กอดดดดดดดดดดดดค่ะ คุณ234
ตอนนี้ตอนต่อไป(ซึ่งคงจบแหงๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด)ของไอ้หนูป่วนมาได้สองหน้าแล้วค่ะ
พอจะจบเลยไปอ่านทวนตั้งแต่ตอนแรก เอาให้ชัวร์ว่าไม่ทิ้งปมรึอะไรที่ไม่ควรทิ้งเอาไว้
คาดว่าพรุ่งนี้ดึกๆน่าจะเรียบร้อยมาลงได้นะคะ

ขอบคุณที่มาอุดหนุนเรื่องนี้ค่ะ ดีใจมากๆที่ชอบ
ส่วนเรื่องที่ว่าหวาน......แหะๆ สงสัยจะเป็นนิสัยไปแล้วค่ะ เรื่องเพ้อฝันมาเขียน ขอให้เป็นฝันที่เป็นสุขแล้วกันนะคะ
ไว้ถ้าเมื่อไหร่ฝันไม่สุขจะหาทางเตือนคนอ่านก่อนอ่านค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 01-08-2010 13:06:53
^
^
 :กอด1:   คุณนุ่น

ฝันเป็นสุขทุกๆคืนนะคะ คนอ่านไม่อยาก    :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 01-08-2010 22:00:37
กอดดดดดดดดดด พี่นุ่น :กอด1:

รออีกสองร้อยกว่าตอนอยู่นะพี่นุ่น~ ตอนนี้คิดไรไม่ออกเลยเหรอเคอะ อยากอ่านเรื่องสั้นโรแมนส์ติ๊กๆอ่ะ  :t2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 01-08-2010 23:52:06
น่ารักดีค่ะ แอบหลงรักมาฮัวคา (ดูรูปแล้วจิ้นตาม  :laugh:)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-08-2010 03:15:18
แม้จะต่างภพ ต่างชาติ ต่างภาษา
ไม่ว่าภพใด ชาติใด ภาษาใด
ทั้งสองก็ยังกลับมาเคียงคู่กันเสมอไป

อ่านตอนนี้แล้วนึกภาพกลางผืนป่าดงดิบ และความเชื่อโบราณ
เหมือนกำลังอ่านนิยายย้อนยุคจริงๆค่ะ
ทั้งคำศัพท์ ทั้งการบรรยายฉาก ชวนให้เห็นภาพมากๆ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากๆนะคะ สนุกจริงๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 02-08-2010 21:09:07
หวานสุดๆ คู่กันทุกชาติทุกภพไป ต่อเป็นเรื่องยาวเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 03-08-2010 04:13:27
 :sad4: อ่านแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจได้อ่านอีกอ่ะ แต่ยังเหลือตอนสุดท้าย มาเม้นก่อน อิอิ


ชอบอ่ะ โรแมนติกมากอ่ะ น้ำตาซึม มันเหมือนจะไม่เหวือหวา แต่มันอบอุ่นอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆ


จะรักกันไปทุกชาติ......


ชอบมากมายอ่ะ จะมีจริงมั้ยน้อ คู่แท้แบบนี้  o18




ขอบคุรนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 03-08-2010 09:52:06
อ่านเรื่องที่สองจบเมื่อกี้เองค่ะ
อ่อนหวานละมุนละไมมากเลยทีเดียว
ไม่ว่าภพไหนก็กลับมาเจอกันจนได้
อ่านจบก็อิ่มไปเลย แถมมีฉากวาบหวิวเล็กๆ ให้จินตนาการณ์ต่อได้อีก
ชอบค่ะ^^ ส่วนเรื่องที่ 3 ยังไม่ได้อ่านนะคะ
แว๊บงานมา ไว้เดี๋ยวมาตามเก็บทีหลัง
เป็นกำลังใจให้จ้า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-08-2010 16:44:38
มาตอบเมนท์ดีกว่า อิอิ

กอดดดดดดดดดด พี่นุ่น :กอด1:

รออีกสองร้อยกว่าตอนอยู่นะพี่นุ่น~ ตอนนี้คิดไรไม่ออกเลยเหรอเคอะ อยากอ่านเรื่องสั้นโรแมนส์ติ๊กๆอ่ะ  :t2:
พล็อตมาแล้วค่ะไอจัง แต่แบบว่า....พล๊อตนึงวัตถุดิบเยอะมาก ยังย่อยไม่เสร็จ
ส่วนอีกพล็อตยังมีวัตถุดิบไม่พอ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์ (ว่าแต่...สองร้อยกว่าตอน??? *o*)

น่ารักดีค่ะ แอบหลงรักมาฮัวคา (ดูรูปแล้วจิ้นตาม  :laugh:)
อ้ะนะ ชอบแบบล่ำๆ เป็นไอ้หนุ่มผมยาวเหรอคะ? หรือเพราะว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้ ซุกแล้วอุ่น โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
>//////< ชอบเหมือนกันค่ะ เข้าใจว่าหลงปลื้มตัวละครตัวเองคงไม่ผิด

แม้จะต่างภพ ต่างชาติ ต่างภาษา
ไม่ว่าภพใด ชาติใด ภาษาใด
ทั้งสองก็ยังกลับมาเคียงคู่กันเสมอไป

อ่านตอนนี้แล้วนึกภาพกลางผืนป่าดงดิบ และความเชื่อโบราณ
เหมือนกำลังอ่านนิยายย้อนยุคจริงๆค่ะ
ทั้งคำศัพท์ ทั้งการบรรยายฉาก ชวนให้เห็นภาพมากๆ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากๆนะคะ สนุกจริงๆค่ะ  o13
ขอบคุณมากค่ะคุณน้ำตาล คืออยากเขียนให้เห็นภาพมาก เลยใช้เวลานาน แต่ก็อยากให้คนอ่านรู้สึกเหมือนได้ไปอยู่ข้างๆสองคนนั้น
เห็นทั้งภาพ ได้ยินเสียง แล้วก็รู้สึกร่วมไปด้วย แม้แต่กลิ่นก็อยากจะบรรยายให้คนอ่านรู้สึก
นุ่นจะพยายามในตอนต่อๆไปนะคะ ^_________^

หวานสุดๆ คู่กันทุกชาติทุกภพไป ต่อเป็นเรื่องยาวเลยเถอะ
แหะๆคุณเอ๋คะ กอดดดดดดดดดดดดดดด จะมาต่อเรื่อยๆค่ะ ^^

:sad4: อ่านแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจได้อ่านอีกอ่ะ แต่ยังเหลือตอนสุดท้าย มาเม้นก่อน อิอิ


ชอบอ่ะ โรแมนติกมากอ่ะ น้ำตาซึม มันเหมือนจะไม่เหวือหวา แต่มันอบอุ่นอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆ


จะรักกันไปทุกชาติ......


ชอบมากมายอ่ะ จะมีจริงมั้ยน้อ คู่แท้แบบนี้  o18




ขอบคุรนะคะ  :กอด1:
เอร๊ยยยยยยยยยยย รออยู่เลยค่ะ จำได้ว่าเป็นคนนึงที่มาอ่านเรื่องแรกแล้วยุให้เขียนตอนต่อ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจที่ชอบนะคะ

อ่านเรื่องที่สองจบเมื่อกี้เองค่ะ
อ่อนหวานละมุนละไมมากเลยทีเดียว
ไม่ว่าภพไหนก็กลับมาเจอกันจนได้
อ่านจบก็อิ่มไปเลย แถมมีฉากวาบหวิวเล็กๆ ให้จินตนาการณ์ต่อได้อีก
ชอบค่ะ^^ ส่วนเรื่องที่ 3 ยังไม่ได้อ่านนะคะ
แว๊บงานมา ไว้เดี๋ยวมาตามเก็บทีหลัง
เป็นกำลังใจให้จ้า
 :กอด1:
คุณวี กอดดดดดดดดดดดดค่ะ ปลื้มที่บอกว่าอ่านแล้วอิ่มนะคะ ^o^ รู้สึกเหมือนคนดังเข้ามาทัก กร้ากกกกกกกกกกกส์
(แอบบอกว่าตอนที่สามยิ่งหวิวใหญ่ >/////////<)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 03-08-2010 20:52:20
หรือจะเป็นพลอตใหม่ของเรื่องต่อไป หลังจากจบนู๋ป่วน



รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 03-08-2010 22:06:23
อยากจะบอกว่าชอบมากเลยคับ ชอบทุกตอน โดยเฉพาะตอนที่ 1 เด็กขายพวงมาลัย
ชอบทุกองค์ประกอบของเรื่อง บรรยายจนเห็นเป็นรูปเลย เหมือนอยู่ในที่นั้นด้วย
บอกไม่ถูกว่าชอบอะไรอีกแต่ชอบมากคับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 04-08-2010 13:59:32
หวานน้ำตาลขึ้นอีกแล้วอ่ะพี่นุ่น

แบบว่าต่อยอดเถอะนะ นะ นะ นะ นะ น้า  pleaseeeeeeee o1

ชอบมากมายก่ายกองมหาศาลบานตะไท <<<เว่อไปป่าวหว่า 555 เอาเป็นว่าชอบทั้งหมดแหละคะ
 :-[

เค้าอยากรู้ว่าภพแรกที่สองคนมาเจอกันเป็นยังไงง่ะพี่นุ่น เทพกะมนุษย์
ว่าแล้วก็กรีดร้อง เปลี่ยนเป็นเรื่องยาวได้ม้ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 04-08-2010 23:53:29
น่ารักทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 05-08-2010 02:22:46
ค่ะ อีกสองร้อยกว่าตอน หุหุหุ แบบว่าโดนบังคับให้เขียนเป็นเรื่องยาวยังไม่รู้ตัวอีกเหรอจ๊ะ :laugh: จะรอนะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 05-08-2010 14:42:16
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า    ><

ชอบมากๆๆเลยค่ะ   แต่งได้สนุกมากมายย    อยากให้แต่งเป็นเรื่องยาวๆจังเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ

^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-08-2010 15:51:07
แวบบบมาตอบเมนท์
พร้อมรายงานว่าเรื่องที่สี่ถ้าทันจะมาคืนนี้ ถ้าไม่ทันคงได้มาเสิร์ฟพรุ่งนี้นะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดค่ะ
..................

เพิ่งเข้ามาอ่านค่า    ><

ชอบมากๆๆเลยค่ะ   แต่งได้สนุกมากมายย    อยากให้แต่งเป็นเรื่องยาวๆจังเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ

^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ นุ่นมีเรื่องยาวที่จบแล้วเรื่องหนึ่ง อยู่ที่ห้องนิยายจบแล้ว ยังไงไปอุดหนุนกันได้นะคะ ^^

ค่ะ อีกสองร้อยกว่าตอน หุหุหุ แบบว่าโดนบังคับให้เขียนเป็นเรื่องยาวยังไม่รู้ตัวอีกเหรอจ๊ะ :laugh: จะรอนะ
แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอต่อปายยยยยยยยยยยย

น่ารักทุกเรื่องเลย
ขอบคุณมากค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ^o^

หวานน้ำตาลขึ้นอีกแล้วอ่ะพี่นุ่น
เค้าอยากรู้ว่าภพแรกที่สองคนมาเจอกันเป็นยังไงง่ะพี่นุ่น เทพกะมนุษย์
ว่าแล้วก็กรีดร้อง เปลี่ยนเป็นเรื่องยาวได้ม้ายยยยยยยยยยยยยย
เอ.......เรื่องพี่ใจดีกับน้องแก้มบุ๋ม อิอิ น้องฝน น้องฝนไม่คุ้นกับศราที่หันมายิ้มแก้มบุ๋มให้อิตาข้ามภพตอนคุยกันเรื่องแผ่นหนังของแซร์จิโอ้เหรอ? โฮะๆๆๆ

อยากจะบอกว่าชอบมากเลยคับ ชอบทุกตอน โดยเฉพาะตอนที่ 1 เด็กขายพวงมาลัย
ชอบทุกองค์ประกอบของเรื่อง บรรยายจนเห็นเป็นรูปเลย เหมือนอยู่ในที่นั้นด้วย
บอกไม่ถูกว่าชอบอะไรอีกแต่ชอบมากคับ

ดีใจมากค่ะที่คนอ่านชอบ เรื่องแรกนั่นเขียนเร็วสุดแล้วค่ะ แล้วส่วนตัวคนเขียนก็ชอบมากๆเลยด้วย ยังไงคืนนี้ลองมาอ่านเรื่องต่อไปนะคะ
(ถ้าเขียนได้อย่างใจจะมาต่อคืนนี้ค่ะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-08-2010 23:13:05
เอาเรื่องสั้นมาส่งค่ะ ไม่ทราบจะชอบกันรึเปล่า แต่ยังไงเมื่อมีไฟก็ต้องเขียนนะคะ
อ่านแล้วชอบไม่ชอบอย่างไร หรือไม่เข้าใจตรงไหนบอกกันได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอุดหนุนค่ะ
ว่าแล้วก็ ไปอ่านกันเล้ยยยยยยยยย :m17:
................................

ริมฝั่งยมุนา


บัดนั้น   มาฏราชชาติยักษา
เหาะลัดพลัดถึงยมุนา   ตามบัญชาน้องยาทศกัณฑ์
ร่อนลงตรงที่ริมน้ำ   แล้วงำกายร่ายเวทย์ผายผัน
กลายเป็นหนุ่มน้อยโดยพลัน   ไม่ทันมีใครสงกา
ลอยชายกรายกรลงสระสรง   ดำลงกลางธารหรรษา
ว่ายวนจนเจอหมู่ปลา   ก็จับเป็นภักษาจนอิ่มเอม


บัดนั้น   สุวันนะวานรมีฤทธิ์
รุ่นหนุ่มกำลังย่ามจิต   จึ่งคิดเร้นกายจากมารดา
ออกซอกซอนเที่ยวเล่นตามพงพฤกษ์   คะนองคึกไปตามราวป่า
จนถึงเขตธานีมิถิลา   จึ่งแปลงกายาเป็นมานพ
แวะพักริมฝั่งธาราไหล   เคลิ้มไปจนตะวันเจียนพลบ
สะดุ้งตื่นลืมตาก็ประสบ   ได้พบเนตรคมจับมา


“เจ้าเป็นใคร ทำไมมานอนหลับอยู่กลางป่า?/ เจ้าเป็นใคร ทำไมมายืนจ้องข้า?”


สองสำเนียงดังขึ้นประสานแทบจะพร้อมๆกัน ก่อนที่ฝ่ายที่ยืนอยู่จะเผยอยิ้มจนเห็นเขี้ยวคมๆในปากทั้งสองข้าง ส่งไปให้มานพน้อยร่างบางที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนท่าทางเกียจคร้านอยู่ใต้ร่มไทรใหญ่

ใบหน้ากลมป้อมแก้มเป็นพวงบ่งบอกว่ายังอยู่ในวัยเยาว์ แล้วยังแววตาซุกซนทั้งๆที่เพิ่งตื่นจากนิทราทำให้มาฏราช ผู้เป็นทั้งพระญาติและผู้ทำหน้าที่ส่งสารให้ราชาแห่งลงกาตนปัจจุบันคือพิเภกพลอยรู้สึกรื่นรมย์เสียยิ่งกว่าตอนลงไปดำผุดดำว่ายในกระแสธารแห่งยมุนาเสียอีก

“ข้ามีนามว่ามาฏราช ข้าเดินทางท่องเที่ยวมาจากแคว้นทางใต้ ด้วยมีกิจจากญาติต้องไปทำในมิถิลานคร แล้วเจ้าเล่ามานพน้อย”

“สุวันนะ นามของข้าคือสุวันนะ ท่านว่าจะเข้าไปในเมืองกระนั้นหรือ” ยักษ์แปลงสังเกตเห็นแววตากระตือรือร้นใคร่รู้ของเจ้าร่างน้อยตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกถูกตาต้องใจนัก

“เป็นเช่นนั้น”

“ท่าน......มาฏราช ท่านให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่” เมื่อเห็นว่ามนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าครุ่นคิด ราวกับจะประเมินผลได้ผลเสียหากยอมให้ติดสอยห้อยตามเข้าเมืองไปด้วย คำบรรยายสรรพคุณแห่งตนก็รัวออกมาจากปากน้อยนั่นทันที
“เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ แต่ข้าแรงดีนะ สัมภาระของท่าน ข้าจักแบกหามให้ หากท่านหิว ข้าก็หาผลไม้ป่ามาให้ได้ อีกอย่าง ข้าเดินเร็ววิ่งเร็ว ท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจักเป็นตัวถ่วงให้การเดินทางของท่านล่าช้าเลย”

“กระนั้นหรือ เจ้าก็เห็นว่าข้าไม่มีสัมภาระอันใด ส่วนเรื่องอาหาร....ข้าก็เพิ่งอิ่มมา แต่เอาเถิดถ้าสัญญาว่าจักเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี อย่างไรเสียคืนนี้เราทั้งสองก็ไม่อาจไปถึงทันทวารบาลปิดประตูเมือง คืนนี้เจ้าก็อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อนนิทราเป็นอย่างไร”

“ได้สิ ท่านมีข้า รับรองได้ว่าไม่มีทางเบื่อแน่ ว่าแต่...ท่านอิ่มแล้ว แต่ข้าหิว งั้นท่านรออยู่นี่ ข้าจักไปหาผลไม้” ว่าอย่างนั้นแล้วสุวันนะเจ้าลิงแปลงก็ลุกขึ้นพรวดพราด จะผละเข้าไปในราวป่า แต่ข้อมือกลับถูกยึดไว้ด้วยหัตถ์ใหญ่หนา

“จะไปไหน ข้าว่าจับปลาในยมุนานี้ง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ ไม่เห็นความจำเป็นที่เจ้าจักต้องเข้าไปในราวป่ายามพลบใกล้ค่ำเช่นนี้”

“ข้าไม่กินปลา อันที่จริง บ้านข้าไม่กินเนื้อ” เสียงปฏิเสธดูกระวนกระวายเหมือนกับปิดบังอะไรเอาไว้ ทำให้มาฏราชต้องหรี่ตาลงจับสังเกตสีหน้าของมนุษย์น้อยที่อยู่ในเงื้อมมือ ก่อนจักถามหยั่งเชิง

“หืม......บ้านเจ้าถือศีลกระนั้นหรือ ข้าก็ถือศีล แต่เฉพาะคืนเพ็ญ มิน่า....เจ้าถึงร่างน้อยนัก”

“เอ่อ....จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ง่า....ข้าไปครู่เดียว เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” เจ้าลิงน้อยก้มหน้าหลบสายตาคมดุที่จับจ้องมาพัลวัน ไม่ได้สำนึกเลยว่ายิ่งพยายามหลบ ยิ่งก่อให้เกิดพิรุธ

“เอาเถิด ข้าจักรอตรงนี้ หากเจ้าไม่กลับมาก็จักถือว่าเด็กน้อยอย่างเจ้า ที่ขอติดตามข้าคงแค่ลมปาก เมื่อถึงพลบค่ำ เด็กน้อยย่อมต้องกลับไปบ้านให้มารดากล่อมนิทรา”

“นี่ เจ้า!! ข้าจักกลับมาแน่นอน รอดูเถิด” สุวันนะเจ้าวานรน้อยโกรธเกรี้ยวจนส่งสายตาขุ่นขวางไปให้ยักษ์แปลง ในใจได้แต่คิด....นี่หากข้ารู้ทางเข้าเมืองเอง มีหรือจักต้องพึ่งเจ้า

ปล่อยให้เจ้าหนุ่มน้อยที่มีอันใดปกปิดนั้นเข้าไปหาอาหารในป่าแล้วมาฏราชจึงเริ่มรวบรวมเศษไม้ แล้วก่อไฟขึ้นเป็นกองใหญ่เพื่อใช้เป็นไออุ่นเมื่อต้องค้างแรมกลางป่า


มาฏราชนั่งลงรอเวลาที่ร่างน้อยที่ถูกตาต้องใจจนต้องหยุดยืนมองขณะหลับจะกลับมาอย่างจดจ่อ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงต้องใจจนอยากจะให้ไปอยู่เสียด้วยกัน ด้วยศักดิ์ที่เป็นถึงพระญาติของเจ้ากรุงลงกา นางในที่ได้ประทานมาบ้าง รับบรรณาการมาบ้างจึงมีมากมาย ทั้งนางยักษี ทั้งนางมนุษย์ หากไม่เคยมีนางใดที่ทำให้ดวงหทัยเต้นแรงได้ทัดเทียมกับเพลาที่ได้สบตากับมนุษย์น้อยผู้นี้

‘สุวันนะ ต่อให้ยากเย็นเพียงไร ข้าจักพาเจ้ากลับลงกาด้วยให้จงได้’     



เสียงการเคลื่อนไหวรวดเร็วที่ดังใกล้เข้ามาแผ่วเบาและไม่สม่ำเสมอ ราวกับว่าผู้ที่เคลื่อนกายเข้ามาเดี๋ยวก็เดินอยู่บนพื้น บัดเดี๋ยวก็ขึ้นไปห้อยโหนโจนทะยานบนยอดไม้กระนั้น มาฏราชขมวดขนงนิ่วหน้าครุ่นคิด เราเองก็ไม่ใช่มนุษย์ยังปลอมแปลงตนเป็นมนุษย์ได้ หากเจ้าเด็กน้อยสุวันนะนั่นไม่ใช่มนุษย์ด้วยก็คงเป็นไปได้ มิได้ผิดแปลกอันใดเลย.....


เพียงชั่วความคิด ร่างน้อยนั้นก็ค่อยๆย่องเข้ามาหา มาฏราชจับสังเกตทิศทางการเคลื่อนตัวของสุวันนะก็พลันพบว่าเจ้ามนุษย์น้อยนั่นจงใจเดินอ้อมให้ห่างจากกองไฟที่ก่อไว้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
‘กลัวไฟ.......’

“เจ้ากลัวไฟกระนั้นหรือ อัคคีก่อให้เกิดความอบอุ่น ทั้งยังช่วยเป็นเครื่องมือในการประกอบอาหาร.....น่าแปลก” ไวเท่าความคิด มาฏราชก็เอ่ยปากหยั่งเชิงไปอีกครั้ง

“ข้า.....ข้าไม่ได้กลัว เพียงแต่หากเข้าใกล้นัก มันจักเป็นอันตราย ก็แม่ข้าสอนไว้ ข้าเป็นบุตรที่ดีก็ต้องปฏิบัติตามโอวาท ไม่เห็นแปลกตรงไหน”

เมื่อเห็นว่าเจ้าร่างน้อยค่อยย่องเข้ามาจนใกล้จะถึงตัว มาฏราชจึ่งลอบดีดลูกหินในมือให้ไปกระทบกับฟืนกลางกองไฟ ตั้งใจให้พระเพลิงนั้นกระจายออกเป็นวงกว้างเพื่อทดสอบสุวันนะ

“เอ๊ยยยยยยยยยยยย!!”
สุวันนะวานรน้อยหรือจะเท่าทันเล่ห์ โถมกายเข้าเกาะกอดยักษ์แปลงเอาไว้ทั้งตัว ใบหน้าหรือก็ก้มซุกเข้ากับแผ่นหลังของมาฏราช ไม่กล้าจะเงยขึ้นมามอง

มาฏราชถือโอกาสหมุนกายกลับไปโอบกอดร่างน้อยที่สั่นเทาเอาไว้แนบแน่น ก่อนจะปลอบใจเด็กน้อยที่เพิ่งแน่ใจว่าเป็นมนุษย์แปลงไม่ต่างกันในอ้อมแขน

“ไม่ต้องกลัว แค่สะเก็ดไฟ เงยหน้าขึ้นเถิดสุวันนะ”

ได้ยินน้ำเสียงปลอบประโลมดังนั้น สุวันนะจึงเงยหน้าขึ้น พอเงยหน้าขึ้นจึงสบเข้ากับดวงตาของมาฏราชพอดี

“เจ้ามิใช่มนุษย์ เป็นเผ่าพันธุ์ใดหรือ”

“ข้า........เอ๊ะ!! เจ้าก็ไม่ใช่มนุษย์ เจ้ามีดวงตาที่ไร้แวว เจ้าเป็นอะไร” วานรน้อยเริ่มรู้สึกถึงอันตรายจึงพยายามออกแรงบิดตัวจะดิ้นให้พ้นอ้อมกอดของร่างสูงใหญ่ที่นั่งพิงต้นไม้ตามสบาย ไม่ได้มีทีท่าจะต้องออกแรงต่อต้านสักนิดหากเพียงจับยึดไว้ เรี่ยวแรงทั้งหมดของสุวันนะกลับไม่สามารถพาตัวเองให้พ้นออกมาได้

“ข้าพอจะคาดได้ไม่ยากว่าเจ้าคือวานร แต่....เจ้าอยากรู้จริงหรือว่าข้าเป็นอะไร” ดวงตาทอประกายซุกซนอยากรู้อยากเห็นบัดนี้กลับส่อแววหวาดระแวงออกมา พร้อมๆกับที่สุวันนะตัดสินใจคลายมนต์ให้ตนกลับสู้ร่างแท้จริง แล้วสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมทันทีพร้อมทั้งถอยออกห่าง


บัดนั้น   สุวันนะพึมพำคำเวทย์
อ้าองค์อวตารปกเกศ   ให้ข้าพ้นเหตุเภทภัย
ปรากฏเป็นร่างวานรน้อย   กระจ้อยร่อยพ้นพันธนาได้
แล้วถอยร่นจนห่างอย่างว่องไว   เผ่นโผนโจนไปในไพรรก

มาฏราชชาติยักษา   เอื้อมคว้าไม่ทันให้ตระหนก
เกรงไม่ได้ร่างน้อยมาแนบอก   จึ่งโผนผกตามติดไม่รอรี
ปากพร่ำคำปลอบอยู่ไม่ขาด   เจ้าอย่าหวาดกลัวไปนะโฉมศรี
พี่ไม่คิดร้ายต่อเจ้านะคนดี   หยุดตรงนี้อยู่กับพี่อย่าหนีไกล

ว่าพลางจำแลงกายา   กลับสู่ร่างเดิมกำยำใหญ่
สกุณากู่ร้องก้องไพร   โผผินบินไกลด้วยเกรงฤทธิ์
หนึ่งก้าวยาวเท่ากับสิบเส้น   มองเห็นสุวันนะก็เข้าชิด
วานรน้อยหนีไม้พ้นให้ป่วนจิต   คะนึงคิดถึงมารดาน้ำตานอง

เมื่อนั้น   สุวันนะประนมกรขึ้นทั้งสอง
วิงวอนชะอ้อนขอให้ปล่อยน้อง   หากต้องตายขอข้าพบกับมารดา
ข้าเพียงหนีออกจากบ้านมาเที่ยวเล่น   มิรู้เวรหรือกรรมมาพบหน้า
ต้องตกเป็นภักษาอสุรา   คงเพราะข้าดื้อรั้นจึ่งมีภัย
ป่านฉะนี้แม่ข้าคงโศกนัก   ด้วยลูกรักหายจากไม่สงสัย
ต่อแต่นี้คงโดดเดี่ยวไม่มีใคร   คงโหยไห้อยู่ข้างหลังทุกวารวัน

บัดนั้น   มาฏราชอสุราใจกล้า
จับเอาร่างน้อยใส่มือมา   แล้วผันผายไคลคลาสู่ริมธาร
พร่ำปลอบประโลมน้องให้คลายโศก   อย่าวิโยคเลยหนาน่าสงสาร
พี่ไม่กินเจ้าดอกนะเยาวมาลย์   จักลนลานไปไยกระไรมี
ว่าแล้ววางน้องริมฝั่งน้ำ   แล้วจำแลงกายาเข้าเร็วรี่
เกาะกุมกรน้อยไว้ไม่ให้หนี   เจ้าคิดเองที่ว่าพี่เป็นอันตราย
แล้วรั้งร่างน้อยมาแนบอก   อย่าวิตกไปเลยนะโฉมฉาย
ที่ตามติดเพราะอยากได้มาแนบกาย   ไม่ทำร้ายให้เจ้าช้ำอย่างแน่นอน

สุวันนะยินคำยิ่งตระหนก   ทั้งหัวอกสั่นไหวไม่ถ่ายถอน
ทวนน้ำคำอสุราทุกบทตอน   ยิ่งสะท้อนถอนสะอื้นด้วยหวั่นใจ
สองมือยันเข้ากับอุระ   เมตตาน้องเถิดนะแล้วร่ำไห้
เราต่างพันธุ์จะรักกันได้อย่างไร   โลกจักหยันไยไพไม่บังควร


โอ้เจ้าแน่งน้อยกลอยใจพี่   รักนั้นมีต้นกำเนิดเกิดแต่ไหน
จากสวรรค์ชั้นฟ้าหรือหัวใจ   ตามบุราณว่าไว้แต่ก่อนมา
ว่าแม้นเทพอสูราฤามนุษย์   หากได้รักมิอาจหยุดอาลัยหา
แต่นาคียังเกิดรักกับครุฑา   ไฉนมาห้ามยักษากับวานร
ว่าพลางอุ้มน้องขึ้นวางตัก   พิศพักตร์ยิ่งริรักไม่อาจถอน
เชยปรางค์ทางชมโฉมบังอร   นามเจ้าสมพรแห่งสุวรรณ
ด้วยผิวกายแท้แท้ดั่งทาทอง   ผุดผ่องกว่าจันทราในคิมหันต์
กลิ่นกายหอมกว่ากระแจะจันทน์   เนตรนั้นงามจริงยิ่งดารา

พระพายพัดลมระบัดใบไม้ไหว   กลิ่นมาลีแย้มกำจายชื่นนาสา
ลมรำเพยแผ่วพลิ้วต้องกายา   เสมือนฟ้าเป็นใจให้ภิรมย์
เอนองค์ลงทาบทับน้อง   เจ้าเนื้อทองของพี่ช่างงามสม
เอวบางอย่างอัปสราช่างน่าชม   เร้าอารมณ์เมื่อขวยเขินสะเทิ้นอาย
พระแตะต้องกลีบผกาก็ถดหนี   นี่จงใจยั่วพี่หรือโฉมฉาย
ค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนกาย   ร่วมรักสมัครหมายทั้งราตรี


เมื่อนั้น   สุวันนะวานรน้อยก็กลับฟื้น
ลืมตานึกว่าฝันทั้งยังตื่น   ก็ขืนตัวออกจากอกอสุรา
ยิ่งขืนยิ่งขัดยิ่งขวยเขิน   ได้แต่เมินว่าอย่าจ้องมองข้า
ก้มหน้าหลบเนตรที่สบมา   มิรู้จักซ่อนหน้าได้อย่างไร

เจ้าเอ๋ยเจ้าน้องน้อย   เจ้าจักคอยหลบพี่ไปข้างไหน
มาให้พี่รับขวัญนะดวงใจ   ว่าอย่างไรเชื่อว่ารักแล้วหรือยัง
หรือต้องให้พี่ย้ำซ้ำซ้ำอีก   ผินหน้ามาหาพี่อย่าหันหลัง
เฝ้าแต่จูบลูบโลมเป็นหลายครั้ง   จนวิหคจากรังออกหากิน



“เดินไหวหรือไม่สุวันนะ ให้พี่อุ้มไปดีกว่า”

“ไม่ต้อง!! ข้าเดินเองได้ แค่อย่าไปเร็วนักก็พอ”

“ตกลงไปกับพี่นะ เสร็จธุระในมิถิลานครพี่ก็ต้องกลับลงกา ไปกับพี่เถิดนะ”

“ลงกา มีแต่รากษส ท่านไม่เห็นข้าเป็นภักษาหารก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคพวกของท่านตนอื่นจะไม่กินข้านี่”

“หึๆ นี่เจ้ากับแม่มัวแต่อยู่ในป่า ไม่รู้เลยหรือว่าหลังสงครามยุติและองค์อวตารมอบหมายให้พญาพิเภกซึ่งก็คือท่านอาของข้าครองกรุงลงกา เราก็มีข้อห้ามการกินเนื้อ เรางดเว้นการกินเนื้อมนุษย์และเนื้อวานร และยิ่งไปกว่านั้นหากเจอมนุษย์หรือวานรตกอยู่ในอันตราย เราต้องยื่นมือช่วยเหลือทันที”

“กระนั้นหรือ แต่......แต่”

“เหตุไฉนถึงมีแต่อีกเล่าสุวันนะ”

“ท่านแม่ของข้าเล่า”

“ค่อยยังชั่ว พี่นึกว่าที่เจ้าจะปฏิเสธเป็นเพราะยังไม่เชื่อว่าพี่รักเจ้าจริงๆเสียอีก หึๆๆ”

“ท่าน!!”
สุวันนะในร่างมนุษย์หยุดเท้าที่ก้าวตามร่างกำยำของยักษ์แปลงที่นำอยู่เบื้องหน้าทันที อยากจะพุ่งเข้าทำร้ายร่างกายของมาฏราชนักก็ได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับที่ จนมาฏราชกระตุกข้อมือน้อยที่จับจูงไว้เบาๆให้ก้าวเท้าตามนั่นแล้ว วานรน้อยก็ยังไม่ยอมตามใจ

“พี่เย้าเจ้าก็เพราะรัก หากไม่มีกิจธุระของท่านอามีหรือพี่จะยอมปล่อยเจ้าจากอ้อมอก อยากจะกอดเจ้าไว้ตลอดเวลา ไม่รู้หรอกหรือ”

“ข้า.....ข้า....”

“เอาเถิด ไม่ต้องเอ่ยปากพี่ก็รู้ว่าเจ้าเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เสร็จภารธุระเมื่อใด พี่จะไปพูดกับท่านแม่ของเจ้า ขอให้เจ้าไปอยู่กับพี่”

“แล้ว หากท่านแม่ของข้าไม่ยินยอมเล่า”

“พี่ก็จักพาเจ้าหนี แล้วค่อยส่งคนมารับท่านแม่ของเจ้าไปอยู่ลงกาเสียด้วยกัน เจ้าจะหนีไปกับพี่หรือไม่เล่า สุวันนะ” คราวนี้เป็นมาฏราชที่หยุดเดิน แล้วหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เชยคางของร่างน้อยที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆขึ้นมาแล้วบังคับให้สบตาด้วย ก็ได้คำตอบจากแววตาที่ทำให้ปลื้มเปรมใจจนอยากจะไชโยโห่ร้องออกมาเสียเดี๋ยวนั้น
.............................................

“ราชสาสน์จากพระเจ้ากรุงลงกากระนั้นหรือ เจ้าอุตส่าห์เดินทางไกลถือมาให้ข้าถึงมิถิลา ก็อ่านให้ข้าฟังหน่อยเป็นไร”

“ตามบัญชา ท่านนิลพัท”

‘คารวะนิลพัทผู้สหาย   ข้าพิเภกมีกิจรบกวนทั่น
อันอสุราที่ถือสาสน์สำคัญ   คือหลานชายคนขยันของข้าเอง
ด้วยข้าจับยามตรวจชาตา   พบว่าจักมีคู่เหมาะเหม็ง
พบข้างยมุนาด้วยตนเอง   จึ่งสั่งเร่งให้ออกเดินทาง
สองราจักพบก่อนเขตนาคร   แล้วจักร่วมบรรจถรณ์ก่อนรุ่งสาง
หวังสหายเตรียมเสบียงเพื่อแรมทาง   เป็นสื่อกลางกับมารดาของคู่ชม’


.....................................
.....................................

(จบค่ะ)

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/04.jpg)


(http://image.ohozaa.com/is/barbarian__s_slave_by_shuangwen.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=2d9476cb732b4d6b16b7c992fac8d500)


ปล.เรื่องนี้ท่านไหนไม่คุ้นกับรามเกียรติ์อาจจะงงๆหน่อยนะคะ
ปล.อีกครั้ง ดาด้าบอกว่าพยายามหาอิมเมจแล้ว ได้มาเท่านี้ กร้ากกกกกกส์
ปล.อีกแล้ว อิมเมจรูปล่างขอบคุณพี่มาร์คขานะคะ ได้เนอะ สุวันนะผู้มีวรรณะดั่งทองทา เอร๊ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 06-08-2010 23:44:04
กี๊ซซซซซซซ  เจ๋งเด็ด   o13
รักแรกพบระหว่างพี่ยักษ์กะน้องลิงตัวจริงเสียจริงเลยทีเดียว
มีพิเภกเป็นพ่อสื่ออีกต่างหาก  ชอบๆๆๆๆๆ  อ่านแล้วลื่นไหลเข้าใจง่ายดีเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 06-08-2010 23:52:18
 :impress2:
ยักษากับวานรน้อย
ชอบๆๆ
ฝากรักทั้งราตรีเลยเหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 07-08-2010 00:13:00
ชอบอะค่ะพี่นุ่น...เหมือนย้อนไปสมัยยังนั่งเรียนภาษาไทยในห้อง >.<
น่ารักอะ 555

ปล. ตอนเก่าก็ยังคงอ่านไม่จบอยู่ดี ฮ่าๆ แปะไว้ก่อนนะคะ รอบิ๊วท์อะรมณ์ก่อน  :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-08-2010 00:47:10
ยักษาและวานร ^_____^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-08-2010 00:51:56
ชอบมากค่ะ ไม่รู้จะบอกยังไงดี >___<
Romanceมากกกกกกกกกกกก
กดบวกล่ะกัน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 07-08-2010 00:56:27
น่ารักเจ่เจ้

ชอบตอยสุดท้าย สารจากภิเพก

อิอิ  

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 07-08-2010 01:33:22
Well...I gotta say you've done a tremendously great job!!! I like the poem things so much. It's like reading รามเกียรติ์ itself.!!! You got a really great flair in composing poetry!! The กลอนบทละคร you've placed at the beginning of the story gave me goosebumps...it reads so smooth and so...alive!!!

Damn!! I 'd really much like you to write a novel in verses like what ทมยันตี did her สุริยวรรมัน novel. It's gonna be great!!!

There's something in your prose which dazzles the senses and hooks the hearts. Just like a lone traveler lost in a desert who, on the eve of seeing death, came upon an oasis and a well ,brimmed with water, where he drank to his heart's content.

 o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-08-2010 01:44:17
ท่านพิเภกสุดยอด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-08-2010 08:27:44
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 07-08-2010 09:00:37
ซาบซึ้งสุดทรวง T^T
เป็นวรรณคดี(Y)ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ถ้าจะถามว่าชอบภพไหนมากที่สุด
ตอนนี้ภพ "ริมฝั่งยมุนา"มาเป็นอันดับหนึ่ง
ชอบมากทำไงดี (อยากอ่านภพหน้า  :กอด1:)

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 07-08-2010 10:34:17
น่ารักดีค่ะคุณนุ่นยักษากะวานร
วรรณคดีฉบับวาย
ชอบตอนสุดท้ายสารจากท่านพิเภก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ    :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 07-08-2010 12:18:14
เหตุเกิดเพราะดูหมอเหรอนี่  อารมณ์รื่นเริงตามกลอน
เรื่องลิงกับยักษ์ ไม่ทะเลาะเปลี่ยนมาเป็นความรัก  อิอิ
ชอบอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-08-2010 12:54:50
ขอชื่นชมไรท์เตอร์ค่ะ ทั้งสำนวน โวหาร พล็อทเรื่อง

ความคิดสร้างสรรค์บรรเจิดมาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 07-08-2010 15:46:40
บรรเจิด!!
เทพจริงๆนะคนแต่ง
ชอบซีรีย์นี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-08-2010 15:50:02
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมมมม จึกๆคุณ Rinze


แวบมาตอบเมนท์จั๊กหน่อย อิอิ
เรื่องนี้เกิดพล๊อตขึ้นมาหลังจากอ่านอะไรๆข้ามสายพันธุ์มาเยอะค่ะ
แล้วเลยนึกถึงเรื่องทางฝั่งเอเชียของเราขึ้นมา ว่าสายพันธุ์ไหนที่พอด้ยินปุ๊บต้องนึกว่าเป็นศัตรูกัน
เลยคิดถึงยักษ์กับลิงขึ้นมาได้ (ขอบคุณคุณไนท์ที่ไปเมนท์ในเรื่องไอ้หนูป่วนพาดพิงถึงรามเกียรติ์นะคะ)

ทั้งนี้และทั้งนั้นตัวละครที่ขอยืมมาแสดงนิดหน่อยคือท่านพญาพิเภกกับนิลพัทค่ะ
สำหรับท่านที่หลงเข้ามาอ่านแล้วไม่รู้จักสองนามนี้นะคะ และไม่คุ้นเคยกับรามเกียรติ์นะคะ
รามเกียรติ์เป็นเรื่องที่ไทยเอามาดัดแปลงจากมหากาพย์รามายณะของอินเดียค่ะ ผู้แต่งคนแรกตามข้อมูลท่านเป็นฤๅษี ชื่อฤๅษีวาลมิกิ
เนื้อเรื่องคร่าวๆก็คือการรบกันระหว่างสองฝ่ายคือฝ่ายยักษ์ซึ่งมีหัวหน้าคือทศกัณฑ์เจ้าเมืองลงกา โดยมีเครือญาติและไพร่พลเป็นยักษ์ทั้งหมด
ส่วนอีกฝ่ายผู้นำคือพระราม(ซึ่งเป็นองค์นารายณ์อวตาร) มีไพร่พลเป็นลิงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานของเทวดาทั้งนั้น
ต้นเหตุของเรื่องเกิดตั้งแต่สมัยที่ทศกัณฑ์ยังล้างเท้าเทวดาอยู่บนสวรรค์ เทวดาก็ช่างกลั่นแกล้งต่างๆนานาจนโกรธด้วยน้อยใจด้วย
จึงไปขอพรพระอิศวรผู้เป็นใหญ่ให้มีนิ้วเพชรชี้ไปที่ใครก็ขอให้ตายทันที พระอิศวรก็ประทานพร
จากนั้นเจ้ายักษ์ก็เกิดกำเริบฆ่าเทวดาตายเป็นเบือ จนเทวดาไปขอให้พระนารายณ์ช่วยมาปราบ
พระนารายณ์จึงใช้วิธีจำแลงกายเป็นนางฟ้านางรำ แล้วมายั่วยักษ์ ยักษ์ก็หลงจีบพอนางฟ้ายั่วให้รำตามก็รำตาม
จนในที่สุดก็ถึงท่าที่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พระนารายณ์ท่านก็ปราบเจ้ายักษ์ได้ ทีนี้ก่อนตาย พระนารายณ์ท่านก็คืนร่างเดิมมีสี่พระกร แล้วเหยียบอกเจ้ายักษ์เอาไว้
ยักษ์ที่กำลังจะตายก็บอกว่า ที่แพ้พระองค์ก็เพราะพระองค์เป็นเทพผู้ใหญ่ มีฤทธิ์ มีถึงสี่มือ แปลงกายก็ได้ อะไรแบบนั้น
พระนารายณ์ท่านเลยบอกว่า ชาติหน้าเจ้าจะไปเกิดเป็นทศกัณฑ์ มีสิบหน้า ยี่สิบมือ
ส่วนพระนารายณ์จะอวตารไปเป็นมนุษย์ธรรมดา หายตัวก็ไม่ได้ แปลงร่างก็ไม่ได้ แต่จะเอาชนะแล้วฆ่าทศกัณฑ์ให้ดู
(ลืมตัวเล่ายาวเลยชั้นนนนนนนนน)

นั่นแหละค่ะ นั่นคือต้นเรื่อง พอทศกัณฑ์มาเกิดก็มีภรรยา เป็นนางงามที่สวยที่สุดคือนางมณโฑทีนี้พอนางมณโฑคลอดพระธิดาออกมา
โหรก็ทำนายว่าพระธิดาจะทำให้วงยักษ์วอดวาย ทศกัณฑ์เลยให้เอาพระธิดาใส่ผอบแล้วไปฝังดินนอกเมืองไกลๆโน้นนนนน
ปรากฏว่าพระธิดานั่นคือพระลักษมี(ชายาของพระนารายณ์)อวตารมา ก็พอดีมีเจ้าเมืองอีกเมืองเก็บไปเลี้ยงเป็นพระธิดา ให้ชื่อว่า"สีดา"
(สรุปว่าทศกัณฑ์หลงรักลูกสาวของตัวเอง โดยไม่รู้ตัว)
ทีนี้พอพระรามแต่งงานได้ไม่นาน กรรมที่เคยทำตอนเด็กๆคือการแกล้งยายค่อมในวังก็ส่งผลให้ต้องออกมาเดินป่า
นางสีดาที่เป็นพระชายาแล้ว และพระลักษมณ์(พญานาคขององค์พระนารายณ์มาเกิด)ก็ตามเสด็จด้วย
ดันมาเจอทศกัณฑ์เข้า ทศกัณฑ์เลยออกอุบายฉุดนางสีดามา กะจะปล้ำเป็นนางเล็กๆอีกคน แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะพอเข้าใกล้กายก็จะร้อนเหมือนถูกไฟเผา
แทนที่จะส่งนางคืน ทศกัณฑ์ก็ยังดื้อดึง จนพระรามตามมาพร้อมพลลิง

พิเภกที่เป็นน้องชายทศกัณฑ์ซึ่งเป็นเทพบุตรเวสสุญาณจุติลงมาเกิดตามบัญชาของพระอิศวร
มีความสามารถพิเศษดูดวงแม่นมาก ก็รายงานว่าให้ส่งนางสีดาคืน ไม่งั้นบ้านเมืองเราล่มจมแน่ แต่ทศกัณฑ์ไม่เชื่อ แถมไล่น้องออกจากเมืองอีก
พิเภกเลยไปสมัครรับใช้พระราม(เพราะดูดวงตัวเองแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เกิดมาทำไม) หลังจากชนะเรียบร้อยทศกัณฑ์ตายแล้ว
พระรามท่านเลยสั่งให้พิเภกขึ้นเป็นพระราชาครองกรุงลงกาแทน

ส่วนนิลพัท สำหรับคนที่ไม่รู้จักนะคะ
นิลพัทเป็นทหารอีกตนของพระราม เป็นบุตรของพระกาฬ จึงมีร่างกายดำสนิท ที่จริงนิลพัทมีฤทธิ์เสมอกับหนุมาน แต่บทน้อย (ฮ่าๆๆ)
เพราะดันไม่ถูกกันกับหนุมาน จนมีครั้งนึงก่อเรื่องตีกันเอง พระรามท่านสอบสวนแล้วพบว่านิลพัทเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน
ท่านเลยส่งตัวกลับไปเมืองขีดขินหรือไม่ก็เมืองชมพูเนี่ยแหละ(คนเขียนก็ลืมเหมือนกันค่ะ)
พอจบศึก นิลพัทก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปราชเมืองชมพู ดังนั้น ถ้าท่านไหนเคยทราบมาว่านิลพัทอยู่เมืองชมพู
แล้วทำไมในเรื่องมาอยู่ที่มิถิลา ก็บอกไว้เลยนะคะว่าเรื่องนี้เพราะคนเขียนอยากได้ชื่อเมืองที่ลงท้ายด้วยสระอาค่ะ (ง่ายๆอย่างนี้เลย)

ส่วนมาฏราชและสุวันนะ เป็นตัวละครที่สมมติขึ้นมาเองนะคะ เอาให้สองรายนี้เขาเกิดและเติบโตในยุคหลังสงครามแล้ว
เพราะไม่อยากให้มารักกันระหว่างรบค่ะ สงสารตัวละคร (คนเขียนใจอ่อน หงิงๆ)

ปล.ตอนแรกว่าจะตอบเมนท์ แต่เผลอเล่าซะยาว ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆนะคะ

คุณWordslingerคะ โอย ปลื้มจนตัวจะลอย >//////< ท่านผู้หญิง(เข้าใจว่าปัจจุบันเป็นตำแหน่งนี้นะคะ) ท่านระดับครูค่ะ คนเขียนไม่กล้าไปเทียบเลย แต่ถ้าอ่านแล้วจะรู้สึกว่ามาแนวนั้นก็ไม่แปลกค่ะ คนเขียนจำได้ว่าอ่านนิยายเรื่องยาวครั้งแรกช่วงป.4 ก็เป็นเรื่องของท่านเจ้าของนามปากกาทมยันตีนี่แหละ ส่วนเรื่อง สุริยวรรมัน อ่านไปสองรอบค่ะ (เพราะรอบแรกอ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองเก็บไม่หมด) ประทับใจมาก ท่านโยงเรื่องได้กลายเป็นความโรแมนติคอย่างที่สุดจริงๆ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-08-2010 16:39:18
แปะไว้ก่อนนะนุ่น อาทิตย์เย็น ๆ จะมาตามอ่าน 555
ขอปั่นของตัวเองก่อน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 07-08-2010 18:45:17
เรื่องสุริยวรมันเราก็อ่านสองรอบ  รอบแรกอ่านสมัยเด็กมากๆ อ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ฝังใจแค่ตอนที่นางเอกตาย  แล้วพระเอกเอาคนร้ายไปขังไว้ใต้ที่เก็บศพนางเอกอ่ะ เหอๆ
มาอ่านอีกรอบตอนมอปลายน่ะ  พูดแล้วก็นึกถึงเขาพระวิหารเลยเนอะ ยังไม่เคยไปเลยด้วย

จะรออ่านภพต่อๆ ไปนะจ้ะ  ลองเอายุคซามูไรดูบ้างมั้ยล่ะนุ่น  อิอิ  :impress2:

 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 07-08-2010 19:20:56
เรื่องนี้สุดยอด o13
ประทับใจสุดๆ เหมือนกำลังอ่านเรื่องรามเกียรติ์
เหมือนได้เคาะฝุ่นความรู้สมัยยังสาวๆเลยอ่ะ :o8:
ชอบงานเขียนของคุณทมยันตีเหมือนกันเลย
เค้าตามอ่านทุกเรื่องเลย เรื่องล่ะหลายๆรอบ
อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ภาษางาม โครงเรื่องเยี่ยม
ชอบงานเขียนของพี่นุ่นเหมือนกันนะ
เหมือนได้อ่านวรรณกรรมมากกว่านิยายธรรมดาๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 07-08-2010 19:34:38
 o13 จบไปหนึง่ตอนแล้ว เย้ รอบนี้อ่านรุ้เรื่องมากกกกกกกกกกกกก  กรี๊ดดดดดดดดด
The Sweet Mirage:
ภาพลวง ฤา คือฝัน......   น่ารักก ชอบบบบ ซาเยตตต มายัลลี  
สำนวนการใช้ภาษาดีมากๆอะเจ่เจ๊  ชอบ มากก เอาไปหลายๆกอดเล้ยยย   :L2:

----- เดี่ยวไปอ่านอีกเรื่องก่อนน อยากจะบวกให้สัก 10เลย   แต่ บอกได้อันเดียวว +1 จัดไป สวยๆ ^ ^
อะเมซอนนน  ชอบว่ะเจ่เจ๊  โฮกฮากก รักกันข้ามภพข้ามแดนเลย  มันแบบ ดีอะ 
โบชอบคำว่า “ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
หรือ “ใช่ เราจะกลับมาพบกันอีกแน่นอน......พี่สัญญา”  แบบ โอยย สุดๆ พูดไม่ถูกแหะ
เจ๊เรื่องต่อไป ไปที่ไหนอะ เดี่ยวตามไป ในป่า กลางทะเลทรายแล้ว ต่อไป ที่ไหนดี หุหุ

ปล.  รุปภาพของ แซร์อิโจ้ กับ มาฮัวคา ได้อีก .... เปิดมาพอดีกับที่แม่หันมามอง 5555 ปิดแทบไม่ทันน ก๊ากกก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-08-2010 20:23:57
แปะไว้ก่อนนะนุ่น อาทิตย์เย็น ๆ จะมาตามอ่าน 555
ขอปั่นของตัวเองก่อน
พี่พีนัททททททททททท นุ่นรอน้องนิวอยู่ (ปฏิบัติการทวงข้ามทู้ โฮะๆๆๆๆๆๆๆ)

เรื่องสุริยวรมันเราก็อ่านสองรอบ  รอบแรกอ่านสมัยเด็กมากๆ อ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ฝังใจแค่ตอนที่นางเอกตาย  แล้วพระเอกเอาคนร้ายไปขังไว้ใต้ที่เก็บศพนางเอกอ่ะ เหอๆ
มาอ่านอีกรอบตอนมอปลายน่ะ  พูดแล้วก็นึกถึงเขาพระวิหารเลยเนอะ ยังไม่เคยไปเลยด้วย

จะรออ่านภพต่อๆ ไปนะจ้ะ  ลองเอายุคซามูไรดูบ้างมั้ยล่ะนุ่น  อิอิ  :impress2:

 
แว้กกกกกกก นึกภาพตามแล้วน่ากลัวมากอ้ะ หลอนสุดๆ น้ำเหลืองและอื่นๆ กึ๋ยๆๆๆ
ปล. ตอนนี้มีเสียงเชียร์ซามูไรมาสามเสียงแล้วค่ะ ขอหาวัตถุดิบก่อนนะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดด (ไม่เคยไปเขาพระวิหารเหมือนกัน)

เรื่องนี้สุดยอด o13
ประทับใจสุดๆ เหมือนกำลังอ่านเรื่องรามเกียรติ์
เหมือนได้เคาะฝุ่นความรู้สมัยยังสาวๆเลยอ่ะ :o8:
ชอบงานเขียนของคุณทมยันตีเหมือนกันเลย
เค้าตามอ่านทุกเรื่องเลย เรื่องล่ะหลายๆรอบ
อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ภาษางาม โครงเรื่องเยี่ยม
ชอบงานเขียนของพี่นุ่นเหมือนกันนะ
เหมือนได้อ่านวรรณกรรมมากกว่านิยายธรรมดาๆ
ขอบคุณนะคะแม่นางยามินาร์ กร้ากกกกกกกกกกกส์ เรื่องแรกพี่นุ่นอ่านรักลวงค่ะ (นึกออกแล้ว)
คุณนายที่บ้านเช่ามาสองเล่ม คุณนายอ่านเล่มแรก พี่นุ่นขี้เกียจทำการบ้านเลยเนียนหยิบเล่มสองมาอ่าน หลังจากนั้นเลยหยุดไม่ได้ หุหุ

o13 จบไปหนึง่ตอนแล้ว เย้ รอบนี้อ่านรุ้เรื่องมากกกกกกกกกกกกก  กรี๊ดดดดดดดดด
The Sweet Mirage:
ภาพลวง ฤา คือฝัน......   น่ารักก ชอบบบบ ซาเยตตต มายัลลี   
สำนวนการใช้ภาษาดีมากๆอะเจ่เจ๊  ชอบ มากก เอาไปหลายๆกอดเล้ยยย   :L2:

----- เดี่ยวไปอ่านอีกเรื่องก่อนน อยากจะบวกให้สัก 10เลย   แต่ บอกได้อันเดียวว +1 จัดไป สวยๆ ^ ^
อะเมซอนนน  ชอบว่ะเจ่เจ๊  โฮกฮากก รักกันข้ามภพข้ามแดนเลย  มันแบบ ดีอะ 
โบชอบคำว่า “ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกคราวไป”
หรือ “ใช่ เราจะกลับมาพบกันอีกแน่นอน......พี่สัญญา”  แบบ โอยย สุดๆ พูดไม่ถูกแหะ
เจ๊เรื่องต่อไป ไปที่ไหนอะ เดี่ยวตามไป ในป่า กลางทะเลทรายแล้ว ต่อไป ที่ไหนดี หุหุ

ปล.  รุปภาพของ แซร์อิโจ้ กับ มาฮัวคา ได้อีก .... เปิดมาพอดีกับที่แม่หันมามอง 5555 ปิดแทบไม่ทันน ก๊ากกก
กรรม แม่คะ อย่าเพิ่งม้าาาาาาาาาาาาาา
เห็นป้ะ บอกแล้วเรื่องสั้นของเจ้มีแต่อ่านแล้วอารมณ์ดี ยิ้มได้ ว่าแต่....คราวหน้าเราไปกันใกล้ๆก็พอมั้งนิ? รึเอาไง ภูเขาน้ำแข็งเรยดีป้ะ?
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 07-08-2010 21:10:32
เจ๊ จบแล้ว แอ๊ว แอ๊ววว นานมาก ตอนนี้กว่าจะจบบบ ฮ่าๆ มัวแต่ โม้ เพลินอยุ่

ไม่อยากจะบอกว่าชอบตอนนี้มากๆๆ
 มันเป็นกลอนมาให้ นั่งอ่าน สนุกดีอะ โบชอบบบ ภาษา ดีมากกก
เจ๊ไปลงประกวดแต่งกลอนเลยดีปะ???
 กอลนที่เจ๊แต่งนะ อื้ม หืมม แปลมา แล้วจะเขิน 55555555 
นั่งอ่านไป นึก โวหาร ภาพพจน์ไป ได้ประโยชน์ สองเด้งง

น้องสุวันนะของพี่เอย  อิอิ  ... พี่ โบจักมอบ ความรักให้น้องนา (ก๊ากก เริ่มจะเพ้อเจ้อออแล้ว)

เจ๊ รอบหน้า  ภูเขาน้ำแข๊ง ชนเผ่าก็ดีนะ  จะได้อบอุ่นๆๆ อิอิ  ขอ กลอนมาอีกได้ม่ะ ชอบๆอะะะ (อาให้เจ๊ทำงานยากซะแล้วว)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 07-08-2010 21:13:03
หวัดดีจ้าน้องนุ่น

 :pig4: มากๆ เลย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สวยงามมาก

ที่แท้ รักครั้งนี้ ท่านพิเภก เป็นผู้ประสานงานให้สินะคะ

ที่สำคัญ คือ เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ให้ด้วยอ่ะ ชอบมากอีกเช่นกัน
ขอสารภาพว่า อ่านเรื่องนี้ไม่จบซะที ยาวมากอ่ะ
พอน้องนุ่นมาสรุปให้ฟังแบบนี้ เลยชอบจริงๆ

+1 ให้ด้วยเลยจ๊ะ

และยังตามอ่านทุกเรื่องของน้องนุ่นอยู่นะจ๊ะ รวมถึงเรื่องของพี่ปุ่นด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-08-2010 21:58:04
สุดยอดดดดด  ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-08-2010 09:48:16
ตอบเมนท์ดันตัวเองอีกนิด โฮะๆๆๆๆๆๆๆ


สุดยอดดดดด  ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดดด ดีใจที่ชอบค่ะ ^o^

หวัดดีจ้าน้องนุ่น

 :pig4: มากๆ เลย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สวยงามมาก

ที่แท้ รักครั้งนี้ ท่านพิเภก เป็นผู้ประสานงานให้สินะคะ

ที่สำคัญ คือ เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ให้ด้วยอ่ะ ชอบมากอีกเช่นกัน
ขอสารภาพว่า อ่านเรื่องนี้ไม่จบซะที ยาวมากอ่ะ
พอน้องนุ่นมาสรุปให้ฟังแบบนี้ เลยชอบจริงๆ

+1 ให้ด้วยเลยจ๊ะ

และยังตามอ่านทุกเรื่องของน้องนุ่นอยู่นะจ๊ะ รวมถึงเรื่องของพี่ปุ่นด้วยล่ะ

นุ่นก็ขอบคุณค่ะพี่แม่หมู(มั้ย?) ใช่ค่ะ ท่านพิเภกท่านขีดๆเขียนๆกระดานชนวนดูดวงหลานชายแล้วเลยทำเป็นมีงานให้ทำ ส่งหลานเดินทางไปหาเนื้อคู่ซะงั้น ^^
สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ เอาไว้ว่างๆจริงๆลองไปปัดฝุ่นอ่านนะคะ สนุกดี

เจ๊ จบแล้ว แอ๊ว แอ๊ววว นานมาก ตอนนี้กว่าจะจบบบ ฮ่าๆ มัวแต่ โม้ เพลินอยุ่

ไม่อยากจะบอกว่าชอบตอนนี้มากๆๆ
 มันเป็นกลอนมาให้ นั่งอ่าน สนุกดีอะ โบชอบบบ ภาษา ดีมากกก
เจ๊ไปลงประกวดแต่งกลอนเลยดีปะ???
 กอลนที่เจ๊แต่งนะ อื้ม หืมม แปลมา แล้วจะเขิน 55555555 
นั่งอ่านไป นึก โวหาร ภาพพจน์ไป ได้ประโยชน์ สองเด้งง

น้องสุวันนะของพี่เอย  อิอิ  ... พี่ โบจักมอบ ความรักให้น้องนา (ก๊ากก เริ่มจะเพ้อเจ้อออแล้ว)

เจ๊ รอบหน้า  ภูเขาน้ำแข๊ง ชนเผ่าก็ดีนะ  จะได้อบอุ่นๆๆ อิอิ  ขอ กลอนมาอีกได้ม่ะ ชอบๆอะะะ (อาให้เจ๊ทำงานยากซะแล้วว)
กร้ากกกกกกกกกกกกกกส์ กล้าไปแย่งกับมาฏราชเร้อโบจัง? ยักษ์เชียวนะ แถมพอคืนร่างเดิมก้าวทีไปได้ไกลตั้งสิบเส้น
หนียังไงก็ไม่ทันแหงๆ ขนาดเจ้าลิงน้อยยังถูกตามจับร้องไห้สะอึกสะอื้นเล้ยยยยยย

ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ ได้กำลังใจดี ไฟก็มา ปัญญาก็เกิดค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PsYchopaThic ที่ 08-08-2010 11:14:45
โหยยยยยย นุ่นสุดยอด!!!
เล่นศัพท์เล่นภาษาซะ... ขอบอกว่าสุดๆ เก่งอ่ะ
นี่ไงๆ ที่เคยอ่านเจอว่าช่วงเวลาแค่วินาที ก็ทำให้คนเราตกหลุมรักได้ ตกหลุมรักกับคนๆนั้นตลอดไป
แต่นี่แค่สบตา... แค่ไม่กี่วินาทีที่น้องคนนั้นมายืนข้างกระจก...เราก็ไปเจอกันในฝัน
แล้วเราก็เจอกันอีกครั้ง..... หุๆๆๆ

เห็นมีอีกเรื่องด้วย แฮะๆๆ เดี๋ยวกลับไปอ่านก่อน ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 08-08-2010 14:35:20
เควส...ได้มั้ย
^__^ พอดีเมื่อคืนฝันค่ะ..
เล่าแล้วอาย อ๊าย~  แบบว่าประมาณว่าเจอในฝัน ไม่รู้ว่าใคร แต่รู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่กับคนนี้ ไรงี้
ไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าใคร แต่อบอุ่น มีความสุข~ 
แล้วเราก็ตื่น... สรุปค้างจากฝันตัวเอง(ฮา)
ก็เลยอยากอ่านแนวนี้น่ะค่ะ แล้วเจอกันจริงๆ โหย~ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: PsYchopaThic ที่ 08-08-2010 14:36:28
เรื่องเล่าจากความฝัน: The Sweet Mirage:ภาพลวง ฤา คือฝัน... (20/7/2010)
นุ่น....สุดยอดดดดด
นอกจากงานที่ทำประจำแล้วนุ่นทำอะไรอยู่รึเปล่าเนี่ย...
จะบอกว่า...ชอบภาษาที่นุ่นเขียนอ่ะ มันดีมากเลยเน๊อะ (จะชวนไปตั้งสำนักพิมพ์ พิมพ์หนังสือขายกันเอง ฮ่าๆๆๆๆ ล้อเล่นนะ อิๆๆ)

“ข้าไม่มีเหตุผลหรอก เพียงแต่พบเจ้าและได้สบตากับเจ้าครั้งแรก ข้าก็เก็บเจ้ามาฝันถึงอยู่ทุกวัน....อืม...ซาเยต เป็นของข้าเถิดนะ” 
แอบขำและเขินที่อยู่ดีๆ ขอกันเดี๋ยวนั้นเลย อิๆๆ


เรื่องเล่าจากความฝัน: Beija-Flor of the Amazon:วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี (30/7/2010)
Sergio... ไม่รู้ทำไมนึกถึง Broken sky (ไปโน้น!!!! คนละแนวกันเลย5555)
ภาคนี้ก็สนุก
ขอบคุณนุ่นมากจ้า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-08-2010 16:20:44
^
^
^
จิ้มๆ โก้จ๋า
Broken Sky เลยเรอะ กร้ากกกกกกกกกส์ เรื่องนี้ไม่ไหวอ้ะ ดูแล้วมันเจ็บอก แบบว่าหายใจขัดยังไงไม่รู้
(เออ ว่าไปคล้ายอาการอึดอัดเวลาอ่านเรื่องของปาล์มกะโซมากกว่านะ กึ๋ยๆๆ)

สงสัยอ่านเรื่องอิตาSergio แล้วนึกไปโน่นเพราะเป้นฝรั่งละตินเหมือนกันแหงๆ 55555555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วก็ดีใจที่ชอบ ปลื้มมมมมมมมมมม ^o^

----------------------------

เควส...ได้มั้ย
^__^ พอดีเมื่อคืนฝันค่ะ..
เล่าแล้วอาย อ๊าย~  แบบว่าประมาณว่าเจอในฝัน ไม่รู้ว่าใคร แต่รู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่กับคนนี้ ไรงี้
ไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าใคร แต่อบอุ่น มีความสุข~ 
แล้วเราก็ตื่น... สรุปค้างจากฝันตัวเอง(ฮา)
ก็เลยอยากอ่านแนวนี้น่ะค่ะ แล้วเจอกันจริงๆ โหย~ 
ได้ค่ะ กร้ากกกกกกกกกกกส์ นุ่นใจง่ายเนอะ
จริงๆแล้วเพราะมีพล๊อตแนวนี้อยู่ในหัวน้อยๆแล้วค่ะ แต่ยังไม่ใช่จะมาเร็วๆนี้นะคะ ตอนนี้คาดว่าเรื่องต่อไปน่าจะเป็นแนวอื่นก่อน
อยากจะฝันแบบคุณRinzeบ้าง เง้อ........
(ที่จริงพล๊อตแนวๆนี้มาหลังจากฟังเพลง I Knew I Love You Before I Met You ของซาเวจ การ์เด้น ค่ะขอสารภาพ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-08-2010 17:31:31
เรื่องสั้นแนวนี้ ชอบสุดๆอะพี่นุ่น  :o8:
โดยเฉพาะลิงน้อยกับพี่ยักษ์เนี่ย โรแมนซ์สุดๆอ่ะ
ดีที่เคยอ่านรามเกียรติ์ จิ้นตามได้เป็นฉากๆเลย อิอิ :o8:
เรื่องสั้นดีตรงที่ไม่ต้องทนทรมานตามอ่านแบบจะขาดใจ เวลาถึงช่วงไคลแมกซ์
แต่บางทีก็สนุกเกินจนอยากให้เป็นเรื่องยาว ช่างเป็นนักอ่านที่เอาแต่ใจตัวเองสิ้นดี :laugh:
+1 ขอบคุณค่ะพี่นุ่น รออ่านเรื่องสั้นตอนต่อไปนะค้าาา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-08-2010 18:57:49
จิ้มรีบน 555



นุ่นจ๋าพี่ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้เอามาขยายเป็นเรื่องยาว
เพราะมันจะเหนื่อยมาก 555 กับความหวานความพอดีที่เป็นอยู่
มันอาจกลายพันธุ์เป็นอย่างอื่นไป เพราะความลงตัวจบในแบบที่เป็น
มันสมควรและเหมาะดีแล้วค่ะ


รออ่านเรื่องต่อไปนะคะนุ่นคนสวย

ปล.อัพให้แล้วนะคะนุ่น ทั้ง 2 เรื่อง (นี่ก็มาบอกข่าวข้ามกระทู้อีกคน)

แต่พี่ก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ของคนอ่านมากๆ เหมือนกัน 555

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 09-08-2010 09:26:31
เพิ่งอ่านเรื่องแรกจบค่ะคุณนุ่น
อาห์...ละลายเพราะกลอนและ 'ศวัตรา'
ยังเหลืออีกหลายเรื่องใช่มั้ยคะนี่..ค้างเรื่องยาวของคุณนุ่น(แถมย้ายไปห้องนนิยายจบแล้วด้วยยยย) ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยอ่าาาา
งานเยอะมากมาย..เดี๋ยว 10 โมงเช้ามีประชุมอีก
วันหนึ่งผ่านไป..กิจกรรมในแต่ละวันก็มีแต่งานเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้น
ชีวิตเหมือนไม่ได้อะไรเลย..
จิคิดมากรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ555
จิจะอ่านเวลาเครียดและนอนไม่หลับนะคะคุณนุ่น
จิ้มบวกขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณนุ่นค่ะ
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-08-2010 17:03:49
สนุก...ชอบมากๆเลยนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-08-2010 22:07:46
ชอบจริงๆค่ะ ไม่มีอะไรจะเมนท์มากไปกว่า

"งดงามด้วยศาสตร์แห่งวรรณคดี แพรวพราวด้วยศิลป์แห่งบทกวีไทย" ยิ่งนัก

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆนะคะ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kimagain ที่ 09-08-2010 22:22:39
แอบอ่านไปสองเรื่องแล้วค่ะ เรื่องที่สามยังไม่ได้อ่านเลย ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ ^O^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-08-2010 17:13:00
ตอบเมนท์ดันตัวเองตามประสาค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

แอบอ่านไปสองเรื่องแล้วค่ะ เรื่องที่สามยังไม่ได้อ่านเลย ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ ^O^
ขอบคุณนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ ไว้ว่างๆค่อยมาอ่านค่ะ ทำแบบคุณจิก็ได้ มาอ่านตอนเครียดๆ จะได้คลายเครียดนะคะ ^o^

ชอบจริงๆค่ะ ไม่มีอะไรจะเมนท์มากไปกว่า

"งดงามด้วยศาสตร์แห่งวรรณคดี แพรวพราวด้วยศิลป์แห่งบทกวีไทย" ยิ่งนัก

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆนะคะ


กอดดดดดดดดดดดดค่ะคุณน้ำตาล ตัวลอยแล้ว ตุ๊บป่องๆเลย (ลอยในน้ำได้เพราะปริมาตรเยอะ หาใช่ลอยในอากาศไม่ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

สนุก...ชอบมากๆเลยนะคะ

 :L2:
ดีใจจังค่ะที่คนอ่านชอบ ตอนนี้พล๊อตอยู่ในหัวเยอะมากเลย ขอเวลาจัดระเบียบนิดนะคะ แล้วจะนำตอนต่อไปมาเสิร์ฟค่ะ

เพิ่งอ่านเรื่องแรกจบค่ะคุณนุ่น
อาห์...ละลายเพราะกลอนและ 'ศวัตรา'
ยังเหลืออีกหลายเรื่องใช่มั้ยคะนี่..ค้างเรื่องยาวของคุณนุ่น(แถมย้ายไปห้องนนิยายจบแล้วด้วยยยย) ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยอ่าาาา
งานเยอะมากมาย..เดี๋ยว 10 โมงเช้ามีประชุมอีก
วันหนึ่งผ่านไป..กิจกรรมในแต่ละวันก็มีแต่งานเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้น
ชีวิตเหมือนไม่ได้อะไรเลย..
จิคิดมากรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ555
จิจะอ่านเวลาเครียดและนอนไม่หลับนะคะคุณนุ่น
จิ้มบวกขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณนุ่นค่ะ
 :กอด1: :pig4:
งืมๆๆ คุณจิเครียดกับงานมากเลยนะคะนั่น ยังไงก็อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะเหมือนกระต่ายน้อยเอาความเครียดไปลงกับตัวละคร
ไม่ใช่อะไรค่ะนุ่นสงสารน้องพิกับไทโยซังล่วงหน้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไว้เครียดๆมาอ่านนะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆเล้ยยยยยย

จิ้มรีบน 555



นุ่นจ๋าพี่ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้เอามาขยายเป็นเรื่องยาว
เพราะมันจะเหนื่อยมาก 555 กับความหวานความพอดีที่เป็นอยู่
มันอาจกลายพันธุ์เป็นอย่างอื่นไป เพราะความลงตัวจบในแบบที่เป็น
มันสมควรและเหมาะดีแล้วค่ะ


รออ่านเรื่องต่อไปนะคะนุ่นคนสวย

ปล.อัพให้แล้วนะคะนุ่น ทั้ง 2 เรื่อง (นี่ก็มาบอกข่าวข้ามกระทู้อีกคน)

แต่พี่ก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ของคนอ่านมากๆ เหมือนกัน 555


พี่พีนัท จุ๊บๆค่ะ ไม่หรอกค่ะ ทุกตอนเป็นเรื่องสั้นแน่ๆ (เว้นแต่มันจะเกี่ยวเนื่องกันบ้างเท่านั้นเอง)

เรื่องสั้นแนวนี้ ชอบสุดๆอะพี่นุ่น  :o8:
โดยเฉพาะลิงน้อยกับพี่ยักษ์เนี่ย โรแมนซ์สุดๆอ่ะ
ดีที่เคยอ่านรามเกียรติ์ จิ้นตามได้เป็นฉากๆเลย อิอิ :o8:
เรื่องสั้นดีตรงที่ไม่ต้องทนทรมานตามอ่านแบบจะขาดใจ เวลาถึงช่วงไคลแมกซ์
แต่บางทีก็สนุกเกินจนอยากให้เป็นเรื่องยาว ช่างเป็นนักอ่านที่เอาแต่ใจตัวเองสิ้นดี :laugh:
+1 ขอบคุณค่ะพี่นุ่น รออ่านเรื่องสั้นตอนต่อไปนะค้าาา
คริคริ กอดน้องเบียร์ จบในตอนดีเนอะ สุขสุดๆไปเลยในคราวเดียว ไม่ค้างคาด้วย อีกอย่าง....คนเขียนไม่ต้องรู้สึกผิดเวลาไม่มีเวลามาต่อด้วย กร้ากกกกกกส์

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-08-2010 19:13:38
จิ้มนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 10-08-2010 21:51:48
สนุกคะ  จบในตอนแต่มีที่มาจากสัญญารักของคนคู่หนึ่ง
ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์  เชื้อชาติ  เผ่าพันธ์ไหน  รักคือรัก
บทสรุป เลยดูน่ารักทุกเรื่อง

อ่านเรื่องคุณนุ่นแล้ว  มีกลิ่นอายของทมยันตี  บางทีก็นึกถึงกิ่งฉัตร
บางทีก็นึกถึงกฤษณา อโศกสิน  มันเจือเข้ามาแต่ไม่ได้เข้าไปรบกวนงานเขียน

เป็นกำลังใจให้คะ สำหรับนิยายวายที่เขียนดีๆ แบบนี้ o13 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-08-2010 22:05:43
เสนอหน้าเข้ามาถามรีบนนิดนึง จากนักเขียนที่คุณกล่าวถึงแสดงว่าอายุเราคงจะพอกันเราเห็นด้วยกับที่คุณเสนอมานุ่นเขียนได้ดีและชวนให้ติดตามเสมอคะ
แต่เราก็ไม่รู้ว่าเด็กๆสมัยใหม่นี้จะรู้จักหรือได้อ่านเรื่องของนักเขียนเหล่านั้นหรือเปล่า
ฝากลองไปหาอ่านกันดูนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 10-08-2010 23:19:59
ชอบตอนทะเลทรายอ่ะพี่นุ่น
ตอนคนป่า(55+)ก็หนุกดี
แต่มารามเกียรติ์นี่สุดยอดอ่ะ ฉาก NC เป็นกลอนซะงั้นเจ๋งอ่ะ o13
ปล.ราชสารอะไรว่ะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 11-08-2010 14:41:22
ชอบอ่ะครับ555+ตอนอ่านรามเกียรติ์มีแต่ฝ่ายลิงจับพวกยักษ์ทำภรรยา งวดนี้ยักษืจับลิงทำภรรยา555+ชอบอ่ะครับผม
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-08-2010 10:04:38
เรื่องต่อไปรอกันนานนิดนึงนะคะ แบบว่าคนเขียนไปภูธรค่ะ
แอบต้องไปวุ่นวายๆนิดนึง ^o^

ตอบเมนท์เสียหน่อย แหะๆๆๆ
ชอบอ่ะครับ555+ตอนอ่านรามเกียรติ์มีแต่ฝ่ายลิงจับพวกยักษ์ทำภรรยา งวดนี้ยักษืจับลิงทำภรรยา555+ชอบอ่ะครับผม
ใช่ๆๆๆ หนุมานอ้ะตัวดีเลยเนอะ แค่คนเอ๊ยตนเดียว เก็บเรียบไปไม่รู้กี่ราย กร้ากกกกกกกกกกกกส์

ชอบตอนทะเลทรายอ่ะพี่นุ่น
ตอนคนป่า(55+)ก็หนุกดี
แต่มารามเกียรติ์นี่สุดยอดอ่ะ ฉาก NC เป็นกลอนซะงั้นเจ๋งอ่ะ o13
ปล.ราชสารอะไรว่ะเนี่ย :laugh:
ดีใจที่ชอบนะบุ้งกี๋ กอดดดดดดดดดดดดดด ไว้ตอนหน้าจะพาเที่ยวใกล้ๆ ไม่ไกลแล้ว (เขียนไปได้หลายหน้าอยู่ เดี๋ยวกลับมาจะมาแปะให้อ่านน้า)

เสนอหน้าเข้ามาถามรีบนนิดนึง จากนักเขียนที่คุณกล่าวถึงแสดงว่าอายุเราคงจะพอกันเราเห็นด้วยกับที่คุณเสนอมานุ่นเขียนได้ดีและชวนให้ติดตามเสมอคะ
แต่เราก็ไม่รู้ว่าเด็กๆสมัยใหม่นี้จะรู้จักหรือได้อ่านเรื่องของนักเขียนเหล่านั้นหรือเปล่า
ฝากลองไปหาอ่านกันดูนะคะ

นุ่นไม่เด็กค่ะ อายุ 27 (ครบเดือนนี้แหละ) แต่อ่านของทั้งสามท่านเยอะมาก โดยเฉพาะนามปากกาทมยันตีกับกิ่งฉัตรนะคะ
เพราะของกฤษณา อโศกสิน นั่นอ่านไม่ค่อยไหว เพราะแนวชีวิต อ่านแล้วมันจะหมดแรงเอาดื้อๆ แหะๆ

สนุกคะ  จบในตอนแต่มีที่มาจากสัญญารักของคนคู่หนึ่ง
ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์  เชื้อชาติ  เผ่าพันธ์ไหน  รักคือรัก
บทสรุป เลยดูน่ารักทุกเรื่อง

อ่านเรื่องคุณนุ่นแล้ว  มีกลิ่นอายของทมยันตี  บางทีก็นึกถึงกิ่งฉัตร
บางทีก็นึกถึงกฤษณา อโศกสิน  มันเจือเข้ามาแต่ไม่ได้เข้าไปรบกวนงานเขียน

เป็นกำลังใจให้คะ สำหรับนิยายวายที่เขียนดีๆ แบบนี้ o13 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ดีใจที่คนอ่านอ่านแล้วสนุก แล้วก็เข้าใจธีมหลักของเรื่องทั้งหมดด้วยค่ะ
ไม่ว่าจะเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือความต่างอันใดก็ไม่สามารถทำให้ความรู้สึกว่ารักแปรเปลี่ยนไปได้แน่นอน


ปล.ถ้าตอนไหนจะเสิร์ฟมาม่า นุ่นจะหาทางเตือนก่อนดีมั้ยคะ?
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-08-2010 10:44:52
หนุกและแปลกดีค่ะ หุๆ รูปล่างที่หามาก็นะ เหมาะกับการจิ้นมาก 555 อีตานี่ก็เหมาะกับคำว่าเจ้าชู้ยักษ์มาก เอิ๊กกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 12-08-2010 15:16:56
:z13: นุ่น  :pig4: ที่เขียนตอนนี้ออกมา เป็นการส่งเสริมความเป็นไทยทางอ้อม...
เด็กรุ่นใหม่ ๆๆ ไม่ค่อยจะได้เห็นงานเขียนลักษณะนี้ มากนัก...


หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ริมฝั่งยมุนา (6/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-08-2010 02:52:20
รีบมารีบแปะค่ะ เน็ตแอร์การ์ดไม่อำนวย
ฮึบๆๆ ไม่หวานจัดนะคะ แต่ไม่มาม่า อิอิ ^o^

....................

‘เจ้าสอนของเรียมเอย’


“แม่ วู้ววววววว แม่”
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นมาถึงชั้นบนของเรือนไม้ใต้ถุนสูง ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นตัวเจ้าของเสียง
เรียกความสนใจจากผู้หญิงสามคนสามวัยที่เพิ่งนั่งล้อมวงลงเปิบข้าวได้ไม่กี่คำได้ทันที


ผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดอยู่ในวัยสาวรุ่นยันตัวลุกขึ้นยืนจากท่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่อย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งรี่ลงไปตามไม้กระดานที่นำมาพาดไว้ลวกๆแทนกระได อ้อมตรงไปทางท่าน้ำริมคลองเล็กๆหน้าบ้านทันที
ได้ยินเสียงเอ็ดตามหลังจากผู้สูงวัยที่สุดแต่ไม่ได้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านดังตามมา

“อีเล็กกกกก เอ็งจะลุกจะนั่งก็ให้มันดีๆ ผาดโผนเป็นทโมนอย่างนี้เอ็งไม่ขึ้นคานอยู่ให้ข้าเลี้ยงไปจนแก่เรอะ อีหลานคนนี้”


ร่างโปร่งบางของคนที่ถูกเรียกว่า ‘อีเล็ก’ ตอบโต้ด้วยการหัวเราะเสียลั่นคุ้ง โดยที่ไม่ได้ลดความเร็วของการวิ่งลงเลย

“ไง....แม่สายสวาท วิ่งอย่างนี้ถ้าผ้าถุงหลุดพี่จะสมน้ำหน้า”

“พี่สอน ฉันนึกว่าพี่จะมาไม่ทันเรือเที่ยวสุดท้ายเสียแล้ว นี่ก็เพิ่งตั้งสำรับ ทั้งแม่ทั้งย่าชะเง้อคอยพี่กันจนคอยาว ฉันล่ะหมั่นไส้จริงๆ”

“แม่กับย่าชะเง้อคอคอย แล้วเอ็งล่ะ?”

“ฮี่ๆๆ ฉันก็ชะเง้อ แต่ไม่ได้คอยพี่หรอกนะ ฉันคอยของฝากจากบางกอกตะหาก”
แม่สายสวาทของพี่สอนและอีเล็กของย่าแสวง หรือย่าแหวงคนดังแห่งบ้านไผ่ช้างล้อมรับถุงกระดาษที่พี่ชายยื่นให้มาถือไว้ เดินนำกลับเรือนไปก็แหวกปากถุงออกดูของไปด้วย

“หึๆๆ เดินไปดูบนบ้านก็ได้สาย ถุงใหญ่นั่นของเอ็ง ที่เหลือของแม่กับย่า”

“เหอะ ถึงพี่จะให้ฉันเอาถุงเล็กฉันก็ไม่เอาหรอก สีคนแก่......เออ พี่สอน พี่จำอีเผื่อนได้ไหม”

“อีเผื่อนไหน”

“ก็อีบัวเผื่อนลูกผู้ใหญ่ผันไง นี่เขาว่า......”
แม่สายสวาทที่ตามสำมะโนครัวชื่อนางสาวสายใจยังไม่ทันได้บอกว่าเขาไหนว่ามาว่าอย่างไร ก็พอดีเดินขึ้นมาถึงบนเรือนเสียก่อน

“ย่า แม่ สวัสดีจ้ะ ฉันไปบางกอกแค่ไม่เท่าไหร่ ทำไมกลับมาคราวนี้ย่าถึงผอมลงนักล่ะจ๊ะ ไม่ค่อยกินข้าวเหรอ”
ไอ้สอนก้าวขึ้นเรือนวางของลงได้ก็ทรุดลงนั่งกราบย่าที่ตัก ก่อนมื้อเย็นจะเริ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมหน้ากันทั้งบ้านเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน



“น้ำค้างตกแล้วนะพี่ ไม่เข้าบ้านอีกเหรอ”

“พี่ขอตากน้ำค้างอีกนิดเถอะสาย อยู่ในบางกอกนานจนจะลืมกลิ่นน้ำค้างเสียแล้ว” ไอ้สอนนอนหงายหนุนหมอนขวานเก่าๆอยู่นอกชานเรือน สายตาจับไปที่ดวงดาวดวงที่สุกใสที่สุดกลางท้องฟ้า ขาข้างหนึ่งชันขึ้นในขณะที่อีกข้างไขว่ห้างแถมยังกระดิกตีนไปมาอย่างสบายอารมณ์

“เออ พี่สอนเรื่องอีเผื่อนน่ะ.....” น้องสาวคนเดียวเลยเดินย้อนกลับไปหยิบแส้เก่าๆที่เอาไว้ใช้ปัดไล่ยุง แล้วจึงย้อนกลับมาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ มือก็คอยปัดยุงให้พี่ชายไปด้วย ก่อนจะเริ่มบทสนทนาที่ค้างคาอยู่ขึ้นมาอีก

“ฮ่าๆๆๆ นี่เอ็งคันปากอยากเล่าขนาดนั้นเลยรึ เฮ้อ....เอ็งนี่น้า.....” ไอ้สอนยกตัวขึ้นขยี้หัวน้องสาวไปที แล้วค่อยเอนตัวลงนอนในท่าเดิมต่อ

“แหม......นี่ถ้าไม่เกี่ยวกับพี่ ฉันก็ไม่เล่าหรอกน่า”

“หืมมมมม แล้วเรื่องของลูกสาวผู้ใหญ่ผันจะมาเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ”

“ก็เขาว่ามันท้องไม่มีพ่อ”

“นั่นยิ่งไม่เกี่ยวกับพี่เข้าไปใหญ่ พี่ไปอยู่บางกอกงวดนี้ตั้งสามเดือน ยังไงก็เป็นพ่อให้ลูกในท้องอีเผื่อนของเอ็งไม่ได้หรอก หึๆๆ”

“ก็ไม่ได้จะบอกว่าพี่สอนเป็นพ่อนี่.....คนที่อีเผื่อนมันบอกว่าเป็นพ่อเด็กน่ะ คือพี่มั่นตะหาก”

“ไอ้มั่น!!!”
ชื่อที่หลุดจากปากน้องสาวคนเดียวทำให้เรือนร่างแกร่งเกร็งแบบคนทำงานของไอ้สอนสะดุ้งขึ้นทั้งตัว แต่ชั่วอึดใจสีหน้านั้นก็กลับสงบนิ่ง แล้วหันไปจับสายตาอยู่กับดวงดาวดวงเดียวนั้นเหมือนเดิม แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่น้องสาวคนเดียวอย่างอีสายจะสรุปสิ่งที่สงสัยมาตลอดได้

“พี่สอน.....พี่กับพี่มั่น รักกันใช่ไหม”

“.....................”

“....................”

.................................................

“สอนเอ๊ย......กลับบ้านมาช่วยไถนาคราวนี้ เอ็งนัดกับไอ้มั่นแล้วยังลูก แม่ว่าไม่เกินวันนี้พรุ่งนี้ฝนคงตกแล้วนะ”

“ยังเลยจ้ะแม่ เดี๋ยวบ่ายๆหนูจะเดินไปดูมันเสียหน่อยแล้วจะได้นัดกันเลย อาบน้ำให้อีแหง่มันก่อน มันโตไวเหมือนกันนะแม่ อีแหง่เป็นสาวแล้วสงสัยต้องหาผัวให้มันเสียที แม่สายสวาทจะได้มีลูกแหง่น้อยๆไว้เลี้ยงเล่น เผื่อหน้านาปีหน้า ไม่มีใครมันอยากจะมาช่วยไถช่วยหว่าน บ้านเราจะได้มีควายสองตัวช่วยผ่อนแรง หึๆๆๆ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปหากคนไม่คุ้นเคยย่อมเข้าใจว่าผู้พูดรู้สึกสนุกสนานเหมือนกับเนื้อความ หากสำหรับแม่ที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมาเข้ายี่สิบปีอย่างแม่เปี่ยมกลับสะดุดหูกับประโยคท้าย เหมือนลูกชายจะมีตะกอนในใจกับเพื่อนรักเสียแล้ว

“.....สอน เอ็งได้ยินข่าวแล้วรึ”

“.......แม่.....แม่รู้......” คำถามของนางเปี่ยมที่ดูเป็นคำถามทั่วๆไปและน้ำเสียงเรียบเรื่อยนั้นย่อมไม่ทำให้ไอ้สอนตกใจได้หากไม่ประกอบกับสายตาแสดงความเข้าอกเข้าใจที่คนเป็นแม่ทอดมองมา
“น้องเอ็งมันปากมาก ....แล้วเอ็งเชื่อปากคนรึเปล่าล่ะลูก” ใช่ว่าคนเป็นแม่จะภาคภูมิใจที่รับรู้ว่าบุตรชายคนเดียวของตนมีหัวใจรักให้ผู้ชายด้วยกัน แต่เมื่อคืนนางเปี่ยมได้ยินเสียงกุกกักนอกชานเลยย่องออกไปดู แล้วบังเอิญได้ยินบทสนทนาของลูกทั้งสองเข้าพอดี

คำถามของลูกสาวทำให้หัวอกคนเป็นแม่ปั่นป่วน แล้วยิ่งความเงียบที่เป็นคำตอบจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สำหรับคนเป็นแม่แล้วมันดังยิ่งกว่าเสียงระฆังที่พระท่านตีบอกเวลาเพลเสียอีก นางเปี่ยมในวัยเฉียดห้าสิบปีค่อยๆถอยหลังกลับเข้าไปในมุ้ง พลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่ค่อนคืน จิตใจร้อนรนครุ่นคิด ทบทวนแต่ว่าจะทำอย่างไร

จนสายใจมุดมุ้งเข้ามานั่งคุกเข่าสวดมนต์กราบพระอยู่ข้างๆแล้วล้มตัวลงนอน นางก็แข็งใจแสร้งทำเป็นหลับสนิท จนได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจากลูกสาวนั่นแหละ นางเปี่ยมจึงลุกขึ้นมานั่งพนมมือสวดมนต์ ขอเอาคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง นั่งหลับตากำหนดจิตให้เป็นสมาธิ สักครู่คำสอนที่ได้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ยังเยาว์ก็ดังขึ้นในห้วงความคิด ‘หากยังยึดถือว่าตัวกู ของกู ก็จะปลดทุกข์ไม่ได้ สังขารนั้นมันไม่เที่ยง ชีวิตก็ไม่เที่ยง ตัวเราไม่ใช่ของเรา เสื้อผ้าไม่ใช่ของเรา ลูกก็ไม่ใช่ของเรา ผัวก็ไม่ใช่ของเรา......ไม่ใช่ของเราทั้งนั้น’  

“แม่จ๋า หนูขอโทษ......หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้” ไอ้สอนวางมือจากอีแหง่ลูกรัก แล้วก้าวสวบๆขึ้นมาก้มลงกราบแม่ที่กำลังเลือกเก็บมะเขือขื่นลงตรงไหล่บอบบางหากไอ้สอนรู้ว่าไหล่นี้บ่านี้แข็งแกร่งนัก

ปฏิเสธว่าสิ่งที่แม่รู้ไม่เป็นความจริงไปก็เท่านั้น นางเปี่ยมไม่ใช่คนมักพูดแบบหญิงชาวบ้านทั่วไป แม่ของเขาคิดก่อนพูดเสมอ และถ้าเรื่องไหนไม่มั่นใจว่าเป็นความจริงจะไม่มีทางหลุดจากปากของแม่ได้เลย

ไอ้สอนยิ่งคิดยิ่งอยากจะหัวร่อ เป็นมันเองแท้ๆที่ทำพิรุธจนแม่กับน้องจับได้ ก็ตั้งแต่จำความได้ เพื่อนสนิทที่สุดก็มีเพียงไอ้มั่นคนเดียว โตมาด้วยกัน บ้านก็ห่างกันแค่คลองกั้น คลองสายเล็กๆ ว่ายน้ำแค่ไม่ทันเหนื่อยก็ไปเจอกันได้แล้ว ทั้งมันทั้งไอ้มั่นบวชเรียนเป็นเณรก้นกุฏิท่านพระครูรูปเดียวกัน เรียนหนังสือที่วัดด้วยกันมาตลอด จนจบเปรียญ ไอ้มั่นลาสิกขาออกมารับมรดกที่นาเหยียบร้อยไร่เพราะพ่อมันตายกะทันหัน ในขณะที่ไอ้สอนเข้าไปเป็นนักมวยในบางกอก สองสามเดือนจึงจะกลับมาบ้านที

เวลาที่ต้องกลับมาทุกปีนอกจากสงกรานต์ที่ต้องกลับมารดน้ำให้แม่กับย่า ก็ก่อนเข้าพรรษาหน้านานี่แหละ ที่ไอ้สอนมันต้องกลับมาช่วยไถดะไถแปรไปจนถึงหว่านข้าว ที่นาแค่ห้าไร่ก็จริง แต่ลำพังแม่กับอีสายน้องสาวคนเดียว ถึงอีสายมันจะบอกว่าไหว แต่ไอ้สอนเองนั่นแล้วที่ไม่อยากให้แม่กับน้องต้องเหนื่อยจนเกินกำลัง

นอกไปจากนั้น.....เพราะมีเพียงช่วงเวลานี้ ที่มันกับไอ้มั่นจะใช้ด้วยกันสองคนโดยไม่ต้องเกรงสายตาใคร ถึงแดดจะกล้าแค่ไหน แต่พอจับคันไถไล่ต้อนควายให้ก้าวไปพร้อมๆกับไอ้มั่น มีไอ้มั่นคอยเย้าแหย่ คอยชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แถมบางทียังแถมร้องเพลงให้ฟังเสียอีก ไอ้สอนเลยได้อาบเหงื่อไปพร้อมกับอาบสุขได้ทุกที


สองปีที่แล้วน้ำท่วมหนักจนนาล่ม แม่ปรึกษากับไอ้สอน แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจขายอีหมาควายที่เลี้ยงไว้ใช้งานตัวเดียวเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ค่าปุ๋ยที่ไปเชื่อร้านเขาไว้ ไอ้สอนในตอนนั้นที่ยังไม่ได้เข้าไปเป็นนักมวยในบางกอกเล่าให้เพื่อนรักฟังเพื่อระบายตามประสา ไอ้มั่นถึงกับเสนอจะเอาเงินของมันไปจ่ายหนี้ให้แทน แต่มีหรือไอ้สอนที่ถึงจะเป็นลูกชาวนาแท้ๆแต่ก็รักศักดิ์ศรีจะยอมให้เพื่อนรักช่วยเหลือเรื่องเงิน วันที่ตัดสินใจเอาอีหมาไปขายทั้งน้ำตา ไอ้มั่นมันโกรธจนไม่ยอมพูดด้วยและไม่ยอมมองหน้าไปเกือบเดือน

แต่พอพ้นเดือนเท่านั้น จู่ๆมันก็มาตะโกนเรียกหน้าบ้านพร้อมกับจูงอีแหง่ลูกรักนี่มาด้วย จะไม่รับไว้เพราะเห็นเป็นของมีราคา ไอ้มั่นมันก็ว่าอีสวยของมันตกลูกแฝด เลี้ยงลูกแหง่สองตัวไม่ไหว

ไอ้สอนมันรู้ใจตัวเองดี ที่อยู่มาจนอายุครบบวชแล้วยังไม่มีใครก็เพราะทั้งหัวใจมันมีแต่ไอ้มั่น ตั้งแต่เล็กจนโต มันไม่เคยมีสายตาแลสาวบ้านไหน ก็เพราะมันคอยแต่จะมองไอ้มั่นเพื่อนรักอยู่คนเดียว แต่ที่มันไม่รู้ก็คือใจของไอ้มั่น.....ไอ้ความรักแบบเพื่อนต่อเพื่อน ไอ้มั่นมันมีให้แน่ๆ แต่ความรักแบบที่จะอยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่นั้น ไอ้สอนเองก็ไม่เคยกล้าที่จะคิดจะฝันถึง
 

“ไม่ต้องรู้สึกผิด เอ็งไม่ได้ทำอะไรผิด......ใจของเอ็งก็เป็นของเอ็ง ถ้าไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ได้เบียดเบียนใคร เอ็งก็ไม่ได้ทำผิดนะสอน”

“..................”

“วันบุญใหญ่ที่แล้วแม่ไปทำบุญที่วัด หลงปู่ของเอ็งท่านสอนเรื่องพระสูตรอะไรน้า....ชื่อเรียกยาก แม่ก็จำไม่ได้เสียด้วย แต่ใจความท่านว่า อย่าได้ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ..... อย่าเชื่อเพราะครูท่านว่า อย่าเชื่อ....เพราะเขาเล่าว่า.....ไอ้ข้อท้ายๆหลงปู่ท่านยังสอนอีกนะว่าอย่าเชื่อ....แค่เพราะสายตาเห็นว่า.....”

“แม่จ๋า......หนู.....เฮ้อ..........”

“เออ สอนคิดอย่างไรล่ะลูก ถ้าแม้แต่ครูเรายังเชื่อไม่ได้ แถมสายตาเรามองไปเห็นแท้ๆพระพุทธองค์ท่านยังห้ามไม่ให้เชื่อ.....แล้วเรายังจะเชื่ออะไรได้อีกล่ะลูก”

“แหม.......แม่ ฉันว่านะ ถ้าอะไรๆมันก็เชื่อไม่ได้ ไอ้ที่หลงปู่ท่านสอน เราก็อย่าเชื่อเลยนะแม่ ฮะๆๆๆๆ”

“เอ็งก็เหมือนกันสาย เที่ยวเก็บเอาขี้ปากคนอื่นมาพูดดีนัก” ว่าแล้วนางเปี่ยมก็เงื้อมือเตรียมจะฟาดลูกสาวเสียหนึ่งเผียะ แต่นกรู้อย่างอีสายก็ปรู๊ดหลบไปอยู่หลังพี่ชายเสียก่อน “ทโมนเหมือนที่ย่าเอ็งว่าจริงๆลูกคนนี้ หึๆๆๆ”


‘น้ำค้างเดือนหกตกแล้ว น้องเอยน้องแก้วเจ้าไม่หนาวบ้างหรือไร เมื่อไหร่จะหาเพื่อนมาช่วยจับคันไถ รู้ตัวหรือเปล่าว่าใคร คนหนึ่งชอบน้องงงงงงง’

เสียงเพลงจากลำคอหนาของร่างสูงแกร่งกล้ามเป็นมัด ที่หนายิ่งกว่าคนที่เป็นนักมวยไทยอาชีพอย่างไอ้สอนดังคลอกับเสียงของนักร้องชื่อดังจากลำโพงทรานซิสเตอร์เครื่องน้อยอย่างไม่เกรงว่าใครจะได้ยิน


จนไอ้สอนก้าวเข้าไปจนชิดกับแคร่ไม้ไผ่ที่ต่อขึ้นอย่างลวกๆที่ใต้ถุนเรือนไม้สักทั้งหลังนั่นแล้ว ร่างหนาของไอ้คนที่คิดว่าตัวเองเสียงดีนักหนาก็ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ดี ไอ้สอนจึงตัดสินใจนั่งลงไปข้างๆร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหลับตาฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์เสียเลย

เมื่อรู้สึกถึงความยวบของแคร่ไม้ไผ่ ไอ้มั่นจึงแสร้งทำจมูกฟุดฟิด ผินหน้าไปซ้ายทีขวาทีทั้งที่ยังไม่ลืมตา แล้วก็เลื่อนตัวควานจนเจอตักอุ่นๆของไอ้สอน ก่อนจะวางหัวที่มีผมหยักศกดำขลับลงไปบนตัก แล้วทั้งๆที่ยังไม่ลืมตานั่นแหละ ไอ้มั่นก็เริ่มจีบไม้จีบมือ ร้องเพลงไทยเดิมที่เคยได้ยินวงปี่พาทย์เบิกโรงของลิเกคณะเพชรน้อยเอามาเล่นเมื่อปีกลายแล้วมันฝังใจคิดถึงไอ้สอนมันทันที

“หอมกลิ่นเกสร.....เกสรดอกไม้ อือฮื่อ....... หอม กลิ่นคล้าย...คล้ายเจ้าสอนของเรียมเอย.....หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้น....ยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอ๋ยเรา.......ละเหนอ....”

“หึๆๆๆ ไอ้มั่น เพลงนี้ออกดัง เอ็งก็เอามาร้องผิดๆได้เนอะ”

“ก็ที่รักของข้าชื่อสอน ไม่ได้ชื่อสูนี่หว่า แล้วข้าจะร้องเพลงชมกลิ่นไอ้สูมันทำไมล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

“เอ็งมันก็ดีแต่ล้อข้าเล่นไปวันๆ แล้วว่าอย่างไร จะให้ข้าช่วยอะไรก็บอก เอ็งจะจัดงานยังไงเมื่อไหร่ ข้าจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เอ็งแน่ๆ”

“เพื่อนเจ้าบ่าว.....พูดเรื่องอะไรของเอ็ง” ได้ยินคำจากปากเจ้าของตักที่ยึดเป็นหมอนหนุนนอน ไอ้มั่นถึงกับเด้งตัวลุกขึ้นพรวดพราด แล้วเปลี่ยนเป็นนั่งเผชิญหน้าพร้อมทั้งจับยึดข้อมือของไอ้สอนไว้ทันที

“.............................” ไอ้สอนไม่ตอบคำถาม แต่กลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น จนเมื่อไอ้มั่นเอื้อมมือไปแตะปลายคางให้หันกลับมานั่นแหละ จึงได้เห็นว่ามีน้ำตาคลออยู่จนเกือบล้นออกมาจากดวงตาที่ปกติก็หวานหยาดเยิ้มอยู่แล้วทั้งสองข้างของคนที่มันเรียกว่าที่รักเสียแล้ว

“สอน.....มีเรื่องอะไร เอ็งไปได้ยินอะไรมา ข่าวลือเรื่องข้ากับอีเผื่อนใช่หรือไม่” พอไอ้มั่นมันถามออกไป ไอ้สอนก็ก้มหน้าหลบสายตาลงทันที พร้อมๆกับที่ไอ้มั่นรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆหยดหนึ่งที่ตกต้องลงบนหลังมือด้านที่ใช้เชยคางของไอ้ตัวขี้แยอยู่เมื่อกี้

ไอ้สอนมันเป็นอย่างนี้แหละ เป็นมาตั้งแต่เด็ก เวลามีเรื่องกับคนอื่นมันสู้ได้ไม่เคยถอย แต่พอเรื่องจบแล้วมาเห็นว่าไอ้มั่นมันเจ็บเท่านั้น แม้จะมีบาดแผลแค่รอยแมวข่วน ไอ้สอนมันก็ร้องไห้ได้ง่ายๆ พูดง่ายๆขอให้เป็นเรื่องของไอ้มั่นเถอะ ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ไอ้สอนมันจะรู้สึกมากกว่าเจ้าตัวเสียทุกครั้งไป

“อื้ม”

“เอ็งก็รู้ ข้ารักเอ็ง รักเอ็งอยู่คนเดียว แล้วข้าจะไปเป็นพ่อเด็กในท้องอีเผื่อนมันได้ยังไง......หรือเอ็งไม่รู้” คราวนี้ไอ้มั่นจึงได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าถี่ๆจากไอ้สอน ทั้งที่ยังไม่ยอมสบตาด้วยอยู่นั่นเอง

“เอ็งไม่รู้ว่าข้ารักเอ็ง หรือไม่รู้ว่าข้าจะไปเป็นพ่อเด็กได้ยังไงกันแน่”

“บ้า ไอ้มั่น เอ็งนี่นะ ฮึ่ยยยยยยยยย”

“หึๆๆ หน้าแดงอย่างนี้ ข้าจับปล้ำเอาไม่รู้นะเว้ย” ไม่ว่าเปล่าไอ้มั่นฉวยทีเผลอฉกจูบลงไปบนริมฝีบางบางเฉียบของไอ้คนที่นั่งหน้าตาแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกทันที ก็บอกด้วยปากมากี่ครั้งมันยังบอกว่าไม่รู้ ไอ้มั่นเลยตัดสินใจบอกมันด้วยการกระทำนี่แหละ ง่ายดี

“โอ๊ยยยยยยย!!”
ได้ผล ไอ้คนถูกขโมยจูบมันลุกพรวดแล้วเสยเข้าปลายคางพอดิบพอดี ไอ้มั่นถึงกับร้องเสียงหลงพร้อมทั้งลงไปวัดพื้นทำหน้าตาเหยเกทันที แล้วพอตั้งสติได้ ก็เป็นไอ้สอนอีกแหละที่รีบพยุงไอ้คนเข่าอ่อนลงไปพับเพียบกับพื้นขึ้นมานั่งบนแคร่

“เจ็บมากไหม ข้าขอโทษ.......ก็ ข้าตกใจ จู่ๆเอ็งก็....ก็...”

“เจ็บสิ เจ็บมาก เจ็บที่อกเนี่ย คนบอกรักแทนที่จะบอกรักตอบ กลับถูกชกเสียได้....ว่าที่เมียข้านี่หมัดหนักแท้ๆ กว่าจะได้เอ็งมาเป็นเมียข้าไม่น่วมเป็นกระท้อนเรอะ แต่สำหรับเอ็งนะสอน ข้ายอม....อยากจะทุบจะถองเท่าไหร่ก็ยอม ให้เอ็งคนเดียวเลย.....”

“....................” ไอ้มั่นมันเลื้อยตัวเองจนวางหัวลงบนตักไอ้สอนอีกแล้ว แถมคราวนี้ยังจับยึดมือทั้งสองข้างของไอ้สอนเอามากุมไว้ตรงหว่างอกอีกด้วยสิ

“ถึงข้าจะไม่เหมือนกระท้อนที่ยิ่งทุบก็ยิ่งหวาน แต่สำหรับเอ็ง ข้าหวานได้ทุกเวลาเลยนะสอน”

“ก็นี่แหละ เพราะเอ็งดีแต่พูดเล่นแบบนี้ ข้าเลยไม่รู้....ว่า....เอ่อ....”

“สอน.....ขอให้เชื่อข้าเถิดนะ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ข้ามองเอ็งคนเดียว มีแต่เอ็งคนเดียวมาตลอด ข้ารู้ว่ามันแปลกที่ข้ารักเอ็งทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ก็มันรักไปแล้วนี่ อีกอย่าง เอ็งรู้ไหม......ที่ข้าคอยแหย่ คอยพูดเล่นกับเอ็งแบบนี้ได้ ก็เพราะอยู่กับเอ็งทีไร ข้าก็รู้สึกสบายใจ รู้สึกมีความสุข จนความสุขมันแทบจะจุกอกทุกที ข้าเคยคิดว่าข้าคงไม่ชอบผู้หญิงแต่ชอบผู้ชาย แต่พอข้าลองมองผู้ชายคนอื่น ข้าก็ไม่เห็นจะรู้สึกรักแบบที่รู้สึกกับเอ็งได้เลยสักที....เพราะอย่างนั้นเอ็งเชื่อข้าเถิดนะ ข้าไม่มีอะไรกับอีเผื่อนมันจริงๆ สายตาของข้า มีไว้มองเอ็งคนเดียว.......อือ....อื้ม..”

ไอ้สอนมันคงเขินมากกระมัง จะเอามือปิดปากที่พูดบอกรักอยู่นั่นแก้เขินก็ทำไม่ได้ จะลุกหนีก็ถูกยึดตักไว้เสียอีก มันเลยก้มหน้าลงเอาปากมันนั่นแหละ แนบไปกับปากที่ขยับเจื้อยแจ้วอยู่เสียเลย เอ.....หรือไอ้สอนมันจะกลัวไอ้มั่นน้อยใจ ก็ไอ้มั่นเล่นบอกทั้งคำพูดทั้งการกระทำออกขนาดนั้น ไอ้สอนมันเลยเอาบ้าง ไม่กล้าบอกออกจากปาก บอกทางการกระทำคงทดแทนกันได้หรอก

และดูนั่น ดูท่าไอ้มั่นจะถูกใจเสียด้วยสิ พอไอ้สอนมันขยับจะถอนปากออก ไอ้มั่นมันถึงเอื้อมมือไปกดที่ท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ไอ้สอนผละจากไปได้......
เป็นอย่างนี้ ไอ้มั่นมันคงไม่ต้องกังวลแล้วกระมังว่าตัวเองจะน่วมก่อนจะได้ไอ้สอนเป็นเมีย.....
....................................
....................................


(มีต่อที่หน้า7ค่ะ)
(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/feimo-103176b26.jpg)

ปล.แอบบอกหลังอ่าน เรื่องนี้คนเขียนตั้งใจให้ แม่เป็นนางเอก อีสายเป็นนางรอง ย่าเป้นตัวประกอบทำหน้าที่ด่าอีสาย..ส่วนอีกสองคน..เอ่อ..เป็นคนรักกันค่ะ



หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-08-2010 03:29:39
ว้าวๆๆๆๆ บรรยากาศท้องทุ่ง
ลมเย็นๆโชยมา หอมกลิ่นความรักของเจ้าสอนกับเจ้ามั่น

ทั้งหยอด ทั้งหยอก จบแบบหวานๆ เพราะเจ้ามั่นไม่กั๊ก รักก็บอกว่ารัก
เปิดใจกันไปตรงๆ แบบมั่นอกมั่นใจ แบบนี้ก็แฮปปี้เอนดิ้ง
มีความสุขกันไปเลย

ขอบคุณคุณนุ่นมากๆนะคะ
บวก 1 แต้มเช่นเคย ชอบจังค่ะ  :3123:


หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 13-08-2010 05:15:46
ไม่หวานมาก กำลังพอดีเชียวคะนุ่น 555
ปากไม่กล้าพูดแต่ใช้ปากจูบกันง่ายกว่าเยอะจริงๆนะคะ 555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 13-08-2010 06:46:46
พากันขึ้นเรือนปิดประตูใส่กลอนให้แน่นหนาเลยดีกว่าพี่มั่นพี่สอน
เอ...หรือจะรอตอนค่ำๆ หลังกองฟางดีล่ะ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-08-2010 09:18:49
ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆชอบซะด้วยซิแบบนี้
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 13-08-2010 09:47:09
 :-[
ชอบอีกแล้ววววว
บอกด้วยการกระทำแบบนี้


..........
ไอ้คนที่นั่งหน้าตาแดงก่ำเป็นมะเขือสุกทันที--มะเขือเนี่ยมะเขือเทศหรือป่าวครับ บรรยากาศบ้านทุ่งใช้ลูกตะลึงสุกก็ดีนะครับ


ไอ้มั่นไอ้สอนทำอะไรกันน่ะ
ขอหามุมดีๆส่องก่อน
ย่องไปนั่งข้างดาด้า อ่ะเอากย.มาฝาก
v
v
v
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 13-08-2010 09:47:59
 :z13: จิ้มคนข้างบน จึก ๆ (เจเจ้ฝากบอกว่าคิดถึงตามสั่งทุกประการเรยทีเดียว :กอด1:)
----------------------------------

เอ็งทำกับข้าเยี่ยงนี้ได้ยังไง อ้ายสอน อ้ายมั่น
ข้ารึอุตส่าห์เตรียมกล้องอย่างดีมาส่องดู
กลับจบอยู่แค่นี้ได้เยี่ยงไร ข้าไม่ยอมหรอก
(ป่าไผ่ข้างบ้านเอ็งก็ยุงเยอะใช่เล่น)
 :m23: (อินจัด 555)


----------------------
กำลังอมยิ้มแก้มตุ่ยอยู่เร้ยยยย (เสี่ยงตายอ่านในเวลางานด้วยนะ)
จบซะงั้นเลยครับท่าน  :o8:
(คือแบบ จินตนาการมันไปไกลแระ 5555)
มั่นทำซึ้งอ่ะ (>///<)
สอนก็เขินได้ใจ (กัดปากคู่ต่อสุ้เลย งับ ๆ )
 :-[ ชอบ ๆ
กอดเจเจ้ก่อนไป (มีความสุขแล้ววันนี้ หึหึ)
=======================
ขออนุญา่ติแปะรูปเอ็งของคนหน่อยนะ
(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/feimo-103176b26.jpg)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 13-08-2010 10:22:54
เอ้ยยย...ชอบเรื่องนี้อะค่ะพี่นุ่น
ได้กลิ่นท้องทุ่งท้องนาโชยมาดีอะ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันจริงใจ (ยังไง? 5555)

อยากอ่านต่ออีกอะ ><
ยังข้องใจ....ไอ้มั่นจะเอาไอ้สอนทำเมีย.....คุณนักมวยเป็นรับเหรอคะ?
>[]< กรี๊ดดดด กล้ามชนกล้ามดิ?
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-08-2010 11:04:45
วิ่งเข้ามากอดคนอ่านที่น่ารักทุกท่าน อย่างแวบๆเพราะเน็ตไม่เอื้อ

กอดพิเศษแล้วหมุนตัวไปมาให้พี่มาร์คสำหรับลูกตำลึง จรุ๊บบบบบบบบบบบบค่ะ น่ารักใจดีที่สุดเล้ยยยยยยยยย >///////<


(ดาด้าเอ้ย เจ้ไปแปะรูปตามตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วเน้อ คริคริ ได้ฟีลเพื่อนกัน วิธ ซัมธิง วร้องวรองมั่กๆๆๆๆๆ เอริ้กๆๆๆๆ)


ปล.ถึงน้องพาร์ ก็ไม่รุ้เหมือนกันค่ะว่าไอ้มั่นมันจะได้เมียแน่รึเปล่า เรื่องในมุ้งของมันสองคน
เฮ้อ....ที่แน่ๆนึกภาพหนุ่มลูกทุ่งเปลือยอกนุ่งกางเกงขาก๊วยเคียนผ้าขะม้า กล้ามเป้นมัดๆอาบเหงื่อต่างน้ำงุ้งงิ้งกันได้เล้ยยยยยย โฮะๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-08-2010 11:15:05
‘น้ำค้างเดือนหกตกแล้ว น้องเอยน้องแก้วเจ้าไม่หนาวบ้างหรือไร เมื่อไหร่จะหาเพื่อนมาช่วยจับคันไถ รู้ตัวหรือเปล่าว่าใคร คนหนึ่งชอบน้องงงงงงง’
 พระเจ้าช่วย  พี่จะต้องเรียกน้องนุ่นหรือพี่นุ่นดีเนี่ยะ
หนูเกิดทันเพลงนี้ด้วยเหรอ

ชอบบรรยากาศตอนนี้มากเลยค่ะ ทำให้นึกถึงบ้านยายตอนเด็ก ๆ
 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 13-08-2010 12:04:37
บรรยากาศไทยๆ ลูกทุ่งๆ

ของชื่นชมคนแต่งค่ะ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-08-2010 12:20:06
อวยสุดตับไต
น่ารักไม่ไหวจะทน >___<b
ชอบบรรยากาศรักในท้องทุ่งแบบนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-08-2010 12:35:28
ชอบบรรยากาศ
รีบจบไปไหนน้องนุ่น
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 13-08-2010 13:42:01
หวานละมุนกลมกล่อมมาก
ตอนเดียวจบ
ทีเดียวรู้เรื่อง  ชอบจัง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 13-08-2010 14:39:15
กรุณา..........แต่งฉากหลังกองฝาง กะ ท้ายสวนด้วยค่ะ :laugh:
 :z13:นี่แหนะ จิ้มพี่นุ่นซะเรย
ปล.ตอนนี้มันคือสมัยก่อน ชิมิคิ  อยากให้มีแบบฮาๆมั่งอ่ะ(เอาภาคอิสาน อิอิ)แต่หวานๆก็ดี o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (13/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-08-2010 20:21:53
แอบเห็นเสียงเรียกร้องจากเด็กน้อยบ้างไม่น้อยบ้าง
แถมบรรยากาศตอนนี้ยังเอื้อ เลยแอบมาแปะตอนต่อค่ะ
ฮึบๆๆๆๆๆๆ มาอ่านกันเล้ยยยยย...ไอ้มั่นกะไอ้สอนยังไม่ไปไหนนะเออ ^o^
......................

เจ้าสอนของเรียมเอย
: เป็นของข้าทั้งตัวและหัวใจเถิดนะ....


“น้องสอนจ๋า พี่มั่นว่าอย่าเพิ่งใช้อีแหง่เลยดีกว่า ปีนี้เอาไอ้สดมาใช้ก่อน จะแค่ยืมไปใช้หน้านาแล้วเอามาคืนหรือน้องสอนจะเอามันไปให้น้องเมียของพี่มั่นเลี้ยงไว้ดูเล่นเลยก็ได้นะจ๊ะ พี่มั่นถือเป็นค่าสินสอด”

“ไอ้มั่น!!!”


“โถๆๆๆ ทำไมมองพี่มั่นตาขวางอย่างนั้นล่ะจ๊ะ กระหายน้ำรึเปล่า หรือว่าเพราะแดดแรง น้องสอนของพี่ถึงทำตาขวางเป็นหมาบ้าแบบนี้ งั้นน้องสอนไปพักที่ร่มใต้ขามเทศก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่มั่นพาทั้งอีแหง่ทั้งอีสวยนี่ไปกินหญ้าเอง”


ผัวะ//โอ๊ยยยยยย!!!

“ใจร้าย ลงไม้ลงมือกับผัวตลอดเลย ผัวอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ....” ไอ้มั่นมันโดนเข้าไปอีกผัวะจนได้ คราวนี้ไอ้สอนมันตุ๊ยท้องเข้าไปเต็มๆ แต่ก็นั่นแหละ ไอ้มั่นมันเป็นคนยั่ว มันก็ย่อมจะรู้ทางรู้ทัน เลยเกร็งกล้ามท้องรับได้ทันท่วงที แต่ที่ทำเป็นลงไปนั่งกับพื้นกุมท้องตัวงอก็แค่มารยาจะให้ไอ้สอนมันติดกับเท่านั้นแหละ

“ใครใช้ให้มึงเอาชื่อพ่อกูไปตั้งชื่อควาย มึงมานี่เลย แล้วปากดีนักนะ เรียกแทนตัวเองผัวทุกคำ ยังไม่ได้เป็นผัวห้ามเรียก!!” ไอ้สอนก็ติดกับมันง่ายๆ ปากด่าไอ้มั่นก็จริง แต่ตัวนั่น ก้มลงไปประคองมันให้ลุกขึ้นยืนดีๆทั้งตัวแล้ว

“งั้น.....น้องสอนก็ยอมพี่มั่นเสียทีสิจ๊ะ พี่มั่นอยากได้น้องสอนใจแทบขาด นี่ฝนก็ตกมาสองวันแล้ว พรุ่งนี้พอเริ่มไถดะ หลังจากนี้อีกไม่เกินเดือนน้องสอนก็จะกลับบางกอก เอ....ความจริงน้องสอนไม่ต้องกลับแล้วก็ได้นี่จ๊ะ เดี๋ยวพี่มั่นเอาเงินที่เหลือจากขายข้าวเมื่อปีกลายเป็นสินสอดไปขอน้องสอนกับแม่เปี่ยมดีกว่า ปีกลายข้าวราคาดี ได้เกียนละเจ็ดบาท พี่มั่นเก็บเงินได้โข ต่อให้แม่เปี่ยมก๊ะย่าแหวงเรียกสินสอดเป็นทองเท่าหัวพี่มั่นก็หามาให้ได้ หึๆๆๆๆ”

“..............” ไอ้สอนปล่อยมือที่โอบประคองร่างแกร่งของเพื่อนรักที่เพิ่งตกลงเป็นคนรักกันได้แค่สองวันทันที แล้วผละไปทรุดตัวนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ร่มมะขามเทศใหญ่อย่างเงียบๆ ไอ้มั่นมองตามเรือนร่างอุดมไปด้วยมัดกล้ามในกางเกงขาก๊วยสีดำขะมุกขะมอมที่มีผ้าขาวม้าสีซีดจางพันรอบศีรษะตลบชายกันเหงื่อเข้าตาไว้ลวกๆแล้วก็ต้องถอนใจ นี่คำพูดจากปากของมันคงทำร้ายจิตใจคนที่รักที่สุดอีกแล้ว


“สอน....เอ็งเป็นอะไร คิดมากเรื่องอะไรอีก ไม่พอใจเรื่องที่ข้าพูดเมื่อตะกี้เรอะ ข้าขอโทษ.....ข้ามันปากไม่ดีเอง กวนอารมณ์เอ็งอยู่เรื่อย” ไอ้มั่นจัดการปล่อยให้อีสวยและอีแหง่เดินหากินยอดหญ้าขึ้นใหม่จากฝนต้นพรรษาตามใจอยาก ส่วนตัวเองก็ก้าวยาวๆมาทรุดตัวลงนั่งยองๆลงตรงหน้าของไอ้สอน ปลดผ้าขาวม้าที่เคียนอยู่กะเอว แล้วเอาชายมาซับเบาๆให้ตามไรผมของไอ้คนคิดมาก

“ข้า....ไม่มีอะไรคู่ควรกับเอ็งเลยนะมั่น ข้าไม่มีอะไรสักอย่าง ที่ทางแค่ห้าไร่นั่นข้าก็อยากจะยกให้อีสายมัน มันเป็นลูกผู้หญิง ไม่มีสมบัติติดตัวคนเขาจะดูแคลนเอาได้ อีกอย่างข้า....ชาตินี้ข้าคงมีหลานให้แม่ไม่ได้ ถ้าข้ายังจะคิดเอาสมบัติอีก......”

ไอ้มั่นเชยคางของเจ้าของตาคมๆที่ก้มหน้าก้มตาพูดไปถอนหายใจเฮือกไปขึ้นมาให้สบตากัน แล้วก็จัดการปิดปากบางๆนั่นด้วยปากอุ่นๆของตัวเอง หยุดคำพูดแสดงความน้อยอกน้อยใจในชะตาชีวิตของไอ้คนพูดมันทันที

ไอ้มั่นมันป้อนจูบรสเสน่หาให้คนที่มันรัก จูบแล้วจูบเล่า พอมันผละจะถอนปากออกแล้วเห็นไอ้สอนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาอีก มันก็จัดการประกบปากจูบลงไปใหม่ วนเวียนอยู่แบบนี้ จนในที่สุดไอ้สอนมันก็หมดแรงที่จะพูด พอริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้งเลยได้แต่หอบหายใจจนอกสะท้อนขึ้นลงถี่ยิบ

“อะ....ไอ้....มั่น....... อือ เอ็งแกล้งข้า...”

“ข้าไม่ได้แกล้ง.....ข้าแค่จะบอกเอ็งว่าอย่าคิดมาก ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเอ็งมากไปกว่าเท่าที่เอ็งให้มาแล้วเลย แค่หัวใจที่เอ็งให้ข้ามาข้าก็พร้อมจะยอมแลกกับทุกอย่าง” พูดมาถึงตรงนี้ไอ้มั่นที่ตอนนี้เข้าไปคุกเข่าอยู่หว่างขาของไอ้สอนก็ก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากนิ่มๆนั้นหนักๆอีกที มือข้างหนึ่งเท้าอยู่ที่โคนต้นมะขาม อีกมือที่ว่างก็ลูบแก้มของไอ้สอนมันช้าๆ

“จริงๆรึ” ไอ้สอนเองก็ยอมรับจูบโดยดี แล้วยังช้อนตาขึ้นตั้งคำถามอ้อนเอากับไอ้มั่นมันอีก

“จริงสิ....แค่หัวใจทั้งดวงของเอ็ง มันก็มีค่ามากกว่าสมบัติทุกอย่างของข้าแล้วรู้ไหม หึๆๆๆ ยิ่งถ้าได้ของแถมก็จะยิ่งดีใหญ่....” ท้ายประโยคไอ้มั่นมันก้มลงกระซิบที่ริมหูของไอ้คนน่ารักแต่คิดมากจนน่าสงสารนั่นเสียชิด แถมด้วยเป่าลมร้อนเข้าใส่เสียอีกด้วย เล่นเอาไอ้สอนที่เก่งแต่เชิงมวยแต่ไม่เคยหัดรักกับใครสักทีเขินอายจนหน้าร้อนไปหมด

ไอ้มั่นถือโอกาสดันตัวไอ้สอนจนพิงแนบไปกับโคนมะขาม แล้วจูบไซ้ไปตามข้างแก้ม มือที่เท้าอยู่กับลำต้นไม้ก็เลื่อนมาโอบประคองที่แผ่นหลังชื้นเหงื่อของไอ้คนที่หลับตาแน่นเนื้อตัวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟอยู่ตรงหน้า ค่อยๆผ่อนให้ร่างแกร่งเกร็งนั้นเอนกายลงนอนราบไปกับพื้นดินที่มีหญ้าอ่อนขึ้นอยู่ประปราย โดยที่ทั้งปากทั้งลิ้นไม่หยุดเล็มไล้ไปตามร่างกายที่เริ่มร้อนขึ้นทุกขณะเลยสักนิด


“อะ...โอ๊ยยยยยยย!!”

“อะไรสอน เอ็งเป็นอะไร ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“หนาม หนามขามเทศตำหลังข้าอะ เอ็งดูให้ที.......โอ๊ย”
.............................


“โอ๊ยยย!!”

“อะไรศรา เป็นอะไร?” เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดจากเจ้าของร่างโปร่งที่เดินตามมาด้านหลังทำให้ข้ามภพหยุดฝีเท้าที่ก้าวย่างอย่างสม่ำเสมอ แล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับหนุ่มน้อยที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยทันที

“พี่ภพ ศราเจ็บหลังอะ เหมือนถูกหนามตำเลย พี่ภพดูให้ศราหน่อย”

“หืม ก็เดินมาด้วยกัน ศราจะไปถูกหนามตำได้ยังไง เดี๋ยวเอาไว้ให้ถึงที่ร่มตรงโคนมะขามเทศต้นนั้นก่อนแล้วกันนะศรา ก็พี่บอกแล้วว่าที่ดินมรดกจากคุณตามั่นไม่ได้มีอะไรน่าดู มีแต่ที่นาเปล่าๆ แดดก็ร้อนจะแย่ ศราก็ยังดื้อจะตามมาด้วยนี่นา....” ว่าอย่างนั้นแล้วก็มองไม่เห็นว่าจะมีอะไรมาทำให้หนุ่มน้อยที่เดินตามหลังมาเจ็บได้ตรงไหน ข้ามภพก็หันหลังกลับก้าวนำไปทางทิศที่มีมะขามเทศยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่ทันที

“พอเลยพี่ภพ บ่นเป็นตาแก่อีกแล้ว ก็ศราอยากมาด้วย อยู่บ้านศราก็เหงาแย่สิ อุตส่าห์เป็นวันหยุดทั้งที” เด็กหนุ่มร่างโปร่งตวัดค้อนให้ชายหนุ่มที่เดินล้ำอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเบะปากจนริมฝีปากบนเชิดขึ้นแทบจะชนกับปลายจมูกรั้น แล้วเลยงอนจนหยุดเดินเอาดื้อๆมันกลางแดดนี่แหละ

เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวตามมาอย่างเคย ข้ามภพจึงเบือนหน้ากลับมาดู เห็นปากเบะๆและคิ้วขมวดแทบจะเป็นโบแล้วเลยต้องส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนจะก้าวเท้ากลับมาจนชิดกับเจ้าของร่างโปร่ง

“งอนพี่เหรอ?”

“อื้ม......เอ๊ะ!!!”

ข้ามภพใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบลงไปไม่เบานักตรงปากที่ยื่นเป็นเป็ดนั่นอย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงอุทานไม่พอใจจากเด็กที่ทั้งขี้งอนทั้งเอาแต่ใจได้อีกระลอก แล้วเลยเอาใจด้วยการย่อตัวลงนั่งยองๆตรงหน้า ก่อนจะตบหลังตัวเองปุๆ

“ถ้าพี่ยอมเป็นม้า....เด็กแถวนี้จะหายงอนมั้ยน้า......”ศราโถมทั้งตัวเกาะเกี่ยวข้ามภพอย่างแน่นหนา เมื่อคนอุทิศตัวเป็นม้าเริ่มลุกขึ้นและก้าวเดิน หนุ่มน้อยบนหลังก็ส่งเสียงหัวเราะระรื่น สดใสเสียจนเจ้าม้าต้องพลอยยิ้มตามไปด้วย


“ฮะๆๆๆๆๆๆ ไอ้มั่น หากเอ็งอยากได้ข้าจริง ข้าว่า....กลางคืนที่ลอมฟาง น่าจะดีกว่าแดดเปรี้ยงๆใต้ต้นขามเทศ รึเอ็งว่าอย่างไร”

“หืม....ศราว่าไงนะ?”
........................................
........................................


(จบค่ะ คราวนี้จบจริง โฮะๆๆๆ)
 
ปล.รึจะไปแก้ที่ข้างบนที่แปะไปแล้วดีหนอ งืมๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 13-08-2010 20:30:11
 :o8: ในที่สุดก็มาต่อเสียได้...
อุตส่าห์แอบในป่าไผ่ เอ็งทั้งสองก็ดันมาพลอดกันใต้ต้นมะขามเทศซะงั้น
ข้าละวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ แต่ก็ยังทันได้ยินคำที่ไอ้สอนบอกนัดไอ้มั่นล่ะ :haun5:
แบบนี้..คงต้องเตรียมยากันยุงไปด้วยซินะ  :interest:
ไปเก็บเห็ดฟางซักหน่อย หึหึ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 13-08-2010 21:41:23
หวานชื่นใจ หอมกลิ่นบ้านทุ่ง และ ลอมฟาง เลยค่ะ
จะมีอะไรเกิดขึ้นที่ลอมฟางบ้างเอ่ย  คนอ่านจิ้นไปไกลแล้วค่ะน้องนุ่น  :haun4:

ต่อไปนี้ เจอหนามขามเทศ คงต้องนึกถึงเจ้าสอนของเรียมเอย แล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ ชอบมากเลย

ขอ +1 ให้กับตอนนี้นะคะ
แพ้กลิ่นบ้านทุ่งจังเลยเรา อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 13-08-2010 21:48:28
หุหุ พี่นุ่น  :-[
แบบนี้..คงต้องเตรียมยากันยุงไปด้วยซินะ  
เห็นด้วยอ่านะ อย่างแรง!! :laugh3:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-08-2010 22:13:54
ขอบคุณที่มาอัพเพิ่ม
ต่ออีกตอนก้อได้นะน้องนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 13-08-2010 22:42:33
อ่ะๆ  บอกแล้วว่าต้องที่กองฟาง  คลาสิคที่สุดละ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 13-08-2010 23:08:46
ตอบคุณPEENAT 1972: คนอ่านนิยายไม่มีรุ่น  ไม่มีวัยหรอกหรอกคะ  ฮ่าๆๆ ตัวเองว่าเรื่องไหนดี แนวไหนน่าสนใจอ่านได้หมดล่ะ ทั้งบนดิน ใต้ดิน ในโลกไซเบอร์  ขอแค่ถูกใจ

ส่วนตอนนี้ก็หอมกลิ่นบ้านนา  กับความรักซื่อๆ ฉบับคลองแสบรีมิกซ์
 :m26: อยากเห็นฉากเลิฟซีนฉบับบ้านนาจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 13-08-2010 23:18:06
ดาด้าข้าบอกเอ็งแล้วใช่มั้ยว่าให้ไปปัดใต้ต้นมะขามเทศให้ดี
ดูซิหนามตำไอ้สอน เลยอดดูฉากเด็ดกันเลย

ไม่เป็นไรคืนนี้ ข้าจะเตรียมกย.ไปเอง
เอ็งเอากล้องวีดีโอไปด้วย


 :laugh: อินจัด
ชอบอ่ะ
รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 13-08-2010 23:35:30
ไปหลบใต้ลอมฟางคืนนี้...
กร๊ากกกกก
แหมๆ ใต้มะขามเทศก็ต้องหาอะไรไปปูสิจ๊ะ ดูสิ อารมณ์ค้างเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-08-2010 23:59:17
กลิ่นอายบ้านทุ่งอบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-08-2010 00:00:39
ลุ้นว่าจะเล่นพิสดารกลางวันแสกๆ แดดเปรี้ยงๆ 555
เปลี่ยนคิวเป็นค่าๆ แทน ธุระกิจกองถ่ายคงจะเหนื่อยน่าดู555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 14-08-2010 00:17:58
เจ้ามั่นกับเจ้าสอน พอแก่ตัวลงไปยกที่ดินให้รุ่นหลานรึ
แล้วลูกเต้าเหล่าใครกันหละนั่น
พ่อข้ามภพกับพ่อศราน่ะ

แล้วจะมีมาต่ออีกมั้ยคะ ยังติดใจอยู่เลยค่ะ

บวกแต้มยังไม่ได้แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ


หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 14-08-2010 05:21:05
อร้ายส์...............................น่ารัก หวานใส

ได้ใจเจ้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 14-08-2010 05:50:37
อ้อใช่...มันต้องมีโคกันระหว่างอดีตชาติถึงจะเข้าคอนเซปท์นี่เนอะคะ อิอิ

นิสัยเจ้าสอนนี่น่ารักจัง คิดมาก + ขี้แย  :o8:
ว่าแต่ หนามมะขามเทศตำหลังกันข้ามชาติเลยทีเดียว  :laugh:

แต่นั่นคนอ่านไม่สน เราสนที่ว่า "ใต้ลอมฟางคืนนี้" ของมั่นกับสอนจะเป็นยังไงต่างหาก...
เอ๊ะ หรือจะกลายเป็นคืนนี้ของภพกับศรา?  o18


ปล. หนูเม้นตามกระแสนะคะพี่นุ่น...จริงๆแล้วกองฟางกองเฟิงอะไร พาร์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย กรั่กกกกก~
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-08-2010 08:18:01
หวานข้ามชาติเลย อิๆๆๆๆๆๆๆๆชอบด้วยดิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 14-08-2010 12:28:31
series ชุดนี้แปลกดี ออกแนวแฟนตาซี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-08-2010 12:46:26
ิอ่านแล้วอ๊ายยยยยอาย รักกันกลางทุ่งเชียว :o8:
ดีแล้วที่เปลี่ยนใจไปลอมฟางแทน


ว่าแล้วก็เตรียมจุดไต้  หาตะเกียงก่อน





อ๊ากกกกกก กดผิด จะกดบวกดันกลายเป็นลบแทน พอกดบวกกลับ คะแนนเท่าเดิมซะงั้น
งืออออ รออีก 24 ชม.แนะกว่าจะกดได้อีก T___T
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 14-08-2010 13:50:36
คราวนี้ กลิ่นโคลนสาปควายลอยมาแต่ไกลเลยนะ...
โชคดีแอบอยู่ในล้อมฟางมะคืนพอดี  :jul1:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 14-08-2010 14:00:40
เล่าเรื่องได้น่ารัก  :o8: หลายรสชาติ หลากอารมณ์จริงๆ
ขอบคุณมากค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-08-2010 15:26:02
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านเลยนะคะ
แบบว่าเน็ตไม่เป้นใจ แต่ก็ยังพยายามเข้ามาบอกว่าขอบคุณมาก

คุณฟุกุ ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องเครียดเรื่องบวกๆลบๆหรอกค่ะ ดีใจมากมายที่ชอบนะคะ จุ๊บๆๆๆ
(ไว้เอาแต้มไปแลกทองมาเป็นสินสอดไอ้สอนได้เมื่อไหร่ค่อยเครียด โฮะๆๆๆๆ)

ยินดีต้อนรับทั้งนักอ่านหน้าใหม่และหน้าคุ้นเคยทุกท่านนะคร้า

ปล.พี่iforgiveคะ (เนียนเรียกพี่) แบบว่าเกิดเป็นลูกครึ่งสุพรรณทั้งทีไม่รู้จักเพลงนี้เดี๋ยวเขาว่าไม่รักถิ่นฐานค่ะ
ตอนนี้มาแบบสำนึกรักบ้านเกิดโดยแท้ ชื่ออีแหง่ อีหมา อีสวยนั่นน่ะ สองตัวเป็นควายของบ้านพ่อสมัยพ่อยังเด็กๆนะคะ
ครีเอจจริงๆ ให้ควายชื่อหมา กร้ากกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 14-08-2010 15:40:56
เรื่องเล่าจากความฝัน หลายรสชาตมากมาย 

ขออภัยที่ตามมาอ่านช้าน่ะจ๊ะ  เพิ่งเหลือบมาเห็นชื่อคนแต่งๆ 

ยิ่งตามมาอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆๆ   

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 14-08-2010 16:54:11
 :interest:กองฝางซินะ หึหึ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: TON1974 ที่ 14-08-2010 23:23:13
นุ่นครับต้นอ่านมาทั้ง 2 เรื่องแล้วชอบทั้ง 2 เรื่องเลยครับ...

นุ่นนี่โครตสุดยอดเลยผูกเรื่องหลายเรื่องรวมเป็นเรื่องเดียวกัน

ได้อย่างเนียนเลยครับต้นอ่านไงงและไม่สับสนเลยครับ...ตอน

นี้ต้นพยายามศึกษาเทคนิคการผูกเรื่องของนุ่นเอาไปใช้กับเรื่อง

ของต้นบ้างคงไม่ว่ากันนะครับ...ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นุ่นนะครับ

.................(+1)ให้เลยครับ.................
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 16-08-2010 19:49:41
แวะมาตอบเมนท์ดันตัวเองสักเล็กน้อย หุหุ

เรื่องเล่าจากความฝัน หลายรสชาตมากมาย 

ขออภัยที่ตามมาอ่านช้าน่ะจ๊ะ  เพิ่งเหลือบมาเห็นชื่อคนแต่งๆ 

ยิ่งตามมาอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆๆ   


ขอบคุณค่ะ ลูกค้าเก่าตามมาอุดหนุน คนเขียนก็ปลาบปลื้มมมมมมมมมมม โฮะๆๆๆๆๆๆๆ
ดีใจที่ชอบนะคะ เรื่องในตอนต่อไปแแอบเข้มข้นนิดนึง เขียนไปได้เกือบครึ่งแล้วค่ะ แต่ตัวเองอ่านเองยังไม่ชอบ เลยยังไม่ได้เขียนต่อ
คงต้องลองไปหาแรงบันดาลใจเพิ่ม 55555555555

:interest:กองฝางซินะ หึหึ
กรรม น้องสาวเจ้ มาวิ้งอะไรขนาดน้านนนนนนนนนนนน กร้ากกกกกกกกกกกกส์

นุ่นครับต้นอ่านมาทั้ง 2 เรื่องแล้วชอบทั้ง 2 เรื่องเลยครับ...

นุ่นนี่โครตสุดยอดเลยผูกเรื่องหลายเรื่องรวมเป็นเรื่องเดียวกัน

ได้อย่างเนียนเลยครับต้นอ่านไงงและไม่สับสนเลยครับ...ตอน

นี้ต้นพยายามศึกษาเทคนิคการผูกเรื่องของนุ่นเอาไปใช้กับเรื่อง

ของต้นบ้างคงไม่ว่ากันนะครับ...ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นุ่นนะครับ

.................(+1)ให้เลยครับ.................

อูย เดี๋ยวนุ่นจะตัวลอยตุ๊บป่องๆไปก่อนนะคะคุณต้น ขอบคุณที่ชมค่ะ
ถ้าที่นุ่นเขียนไปมีประโยชน์กับงานเขียนของคุณต้นก็จะดีใจมากเลยล่ะค่ะ ^o^
เล่าเรื่องได้น่ารัก  :o8: หลายรสชาติ หลากอารมณ์จริงๆ
ขอบคุณมากค่า  :L2:
ยินดีต้อนรับนะคะ ดีใจที่อ่านแล้วมีความสุขค่ะ เขินเรอะคะ งั้นนุ่นเขินเป็นเพื่อน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 18-08-2010 14:15:48
 :impress2: ช๊อบ ชอบ...........แต่งเก่งมาก ๆ เลยคุณนุ่น  แต่ชอบที่สุดตอน...ริมฝั่งมยุนา

หวานมาก ๆ
                                                 o13 ขอบคุณนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-08-2010 20:08:49
ขอบคุณนะคะคุณคิสมี ตามมาอุดหนุนด้วย นุ่นล่ะปลาบปลื้มมมมมมมมมมมมม ^o^


ถึงทุกท่านค่ะ ถ้าไม่มีอะไรด่วนเข้ามา ไม่เกินพรุ่งนี้จะมีเรื่องเล่าจากความฝันตอนต่อไปมาฝากกันนะคะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ในเอเชียค่ะ แล้วเจอกันนะคร้าาาาาาาาา

:กอด1: นักอ่านที่น่ารักทุกท่านเล้ยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 19-08-2010 20:21:43

เพิ่งอ่านตอนสุดท้ายค่ะ
แปลกกว่าทุกตอนที่ผ่านมาเลยนะคะ
บรรยากาศท้องทุ่ง กลิ่นโคลนสาปควาย กองฟาง
ยังคงความหวานเหมือนเดิมนะคะ
 o13 :กอด1:คุณนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 19-08-2010 20:22:39
โผล่มาแสดงตัวว่าอ่าน อิอิ อ่านและไม่ค่อยได้เม้นแต่ตามอ่านขอเจ่เจ้อยู่เสมอนะ

จุ๊บบ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-08-2010 21:48:31
และแล้วก็มีคนมาแสดงตัว1คน 555
 
รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ‘เจ้าสอนของเรียมเอย’ (แก้ไขค่ะ มีมาต่ออีกนิดอยู่หน้า7) (13/08/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-08-2010 20:19:31
เฮ้อ..............เขียนนานมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ
แล้วก็ ไม่ค่อยได้อย่างใจเท่าไหร่ด้วย สงสัยพล็อตแบบนี้อาจจะวนเวียนกลับมาอีกในอนาคตเพราะคนเขียนยังต้องพัฒนาอีก
ยังไงท่านไหนหลงเข้ามาก็ติได้ตามสบายเลยนะคะ มีข้อแนะนำก็ใส่มาเต็มที่เลย รับได้ทุกอย่างค่ะ

แปะด้วยความไม่มั่นใจอย่างแรง กร้ากกกกกกกกกกกกกกกส์ เอาวุ้ย ฮึบๆ :a1:
......................

เรื่องเล่าจากความฝัน
:ลูบคมมังกร

ฮ่องกง ปี 1962
แก๊งค์มังกรแดง


“พี่หมิน ได้ตัวมันมาแล้วพี่”

“แก้มัดมัน แล้วพวกแกออกไปได้”


...............................
ย้อนกลับไปเช้าตรู่สองวันก่อน

“พี่หมิน คนของเราเจ็บ 7 ตาย 2 สูญหายไป 1 ครับ”

“พวกไหน?” เสียงทุ้มต่ำราบเรียบดังเอื่อยๆออกมาจากปากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในสูทสีขาวบริสุทธิ์จนทำให้ทั้งห้องใหญ่ทึบทึมนั้นเหมือนกับจะสว่างเรืองรองไปด้วย ร่างนั้นยืนเท้าแขนทั้งสองกับกรอบหน้าต่าง เหม่อมองออกไปด้านนอกราวกับกำลังชื่นชมกับธรรมชาติและเสียงนกร้องเพลงยามเช้า

“เอ่อ.....”

“พวกแกมีเวลานับจากตอนนี้ ยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าหาคำตอบมาไม่ได้ พี่คงต้องรายงานมาดาม”

“พี่หมิน!!!”

สิ้นเสียงประสานกันของอาเล่ยที่เปรียบเสมือนมือขวากับลูกน้องที่เข้ามารายงานผลหลังงานล้มเหลว แถมยังถึงกับสูญเสียชีวิตของลูกน้องไป ร่างที่ยังคงความสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการว่าร้อนรนสักนิดจึงหันกลับมาช้าๆ แล้วค่อยๆกราดสายตาจับไปยังใบหน้าลูกน้องที่มายืนเรียงกันไปทีละคน

“คงรู้นะ ว่าจะเป็นไง มาดามไม่ได้ใจดีแบบพี่ อย่างน้อยพวกแกต้องหาข่าวมาให้ได้ ชีวิตที่เสียไป ไม่ว่าจะจากแก๊งค์อื่น หรือจากตำรวจ เราต้องเอาคืน”

“อาเล่ย ไม่ต้องออกไป แกสอบสวนพวกข้างในให้หมด ดูให้ละเอียด นอกจากหนึ่งคนที่สูญหายมีใครหายไปตามตัวไม่ได้ และมีใครที่รู้กำหนดการณ์ส่งของแล้วตอนนี้ติดต่อไม่ได้บ้าง ได้ผลยังไงรายงานพี่ทันที” สั่งเสร็จจ้าวหมินก็สาวท้าวก้าวออกจากห้อง

“พี่หมินจะไปไหนพี่”

“ไปโรงพยาบาล คนของเราบาดเจ็บตั้งเจ็ดคน พี่ต้องไปเยี่ยมดูอาการ”

“ให้ผมคุ้มกันนะพี่” ร่างสูงในชุดขาวไม่เสียเวลาชะงักฝีเท้าสักนิดเมื่อยกมือขึ้นโบกปฏิเสธ

จากเวลานั้นอีกสามชั่วโมง ลูกน้องอีกรายหนึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังจากทีมแพทย์พยายามยื้อชีวิตไว้เต็มที่ ภายใต้สีหน้าท่าทางเรียบเฉย แท้จริงจ้าวหมินเริ่มรู้สึกร้อนใจ เขาเป็นเด็กกำพร้าและมาดามจ้าวรับเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ให้เขาใช้สกุลจ้าว ตั้งแต่อายุสิบขวบ ตอนที่เขาเริ่มจะแน่ใจแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักของมูลนิธิจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ

สิบหกปีในฐานะคุณชายของสกุลจ้าวและหนึ่งในผู้มีสิทธิสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์มังกรแดง จ้าวหมินพยายามทำตัวให้ดีที่สุด เก่งที่สุด ให้สมกับโอกาสที่มาดามจ้าวหยิบยื่นให้

ตั้งแต่เรียนจบแล้วเข้ามารับตำแหน่งในแก๊งค์ ไม่มีสักครั้งที่งานที่อยู่ในมือจะเกิดความผิดพลาดร้ายแรง ยิ่งผิดพลาดจนถึงขั้นสูญเสียชีวิตลูกน้องทีเดียวถึงสามคน ทำให้จิตใจที่ตัวเองเชื่อมาตลอดว่าแกร่งดั่งหินผาคลอนแคลน

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใจแข็งพอจะรายงานความผิดพลาดให้มาดามรู้ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นห่วงลูกน้องที่ขึ้นตรงกับตัวเอง แต่ที่ทำให้จ้าวหมินละอายแก่ใจ.....
ใช่ เขากลัวสายตาผิดหวังจากมาดามผู้เป็นเสมือนแม่พระประจำชีวิต......




“เจอตัวอาปิงแล้วพี่ คนที่ตอนแรกมันตกน้ำที่ท่าเรือแล้วรายงานว่าสูญหายน่ะครับ”

“ดี สอบมันรึยัง”

“เรียบร้อยพี่ มันบอกว่ามันสงสัยว่าจะเป็นคนจากแก๊งค์ธนูเพลิง”

“หืม......แก๊งค์จากเซี่ยงไฮ้”

“ครับพี่หมิน อาปิงมันว่ามันเห็นรอยสักรูปธนูที่ต้นแขนของไอ้คนที่ยิงมันจนตกน้ำ แล้วมันก็บอกว่าจำหน้าไอ้ตัวหัวหน้าได้ด้วยนะพี่”

“ให้ช่างของเราวาดรูปตามคำบอกของอาปิง แล้วควานหาตัวมาให้ได้ โดยเฉพาะไอ้ตัวหัวหน้า อย่าให้มีรอยขีดข่วน เราต้องการข้อมูลจากมัน”



เสียงกระดิ่งกระเบื้องเคลือบดังระรัวขึ้นเป็นจังหวะกระชั้นตามอารมณ์ของผู้ดำรงตำแหน่งประมุขของคฤหาสน์ ร่างระหงในชุดคลุมหลังอาบน้ำผ้าไหมเนื้อดีสีแดงสดของเผยผิวขาวราวงาช้าง ในท่านั่งหลังตรงสง่างามอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ผิวเนียนละมุนและใบหน้าที่หากไม่สังเกตจะไม่มีทางพบริ้วรอยแห่งวัยเลยสักนิดขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยในความไม่ทันใจของคนสนิท


“มาแล้วค่ะมาดาม”

“เรียกอาซื่อมาพบฉันที”

“เอ่อ....คือ”

“พูดมา อย่าอ้ำๆอึ้งๆ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” สายตาคมกริบจับจ้องไปนี่ดวงตาของสาวใช้คนสนิทผ่านเงาสะท้อนจากกระจกทันที

“คุณชายน้อยยังไม่ตื่นเลยค่ะมาดาม”

“นี่ยังไง เพราะอาซื่อเป็นแบบนี้ ฉันถึงปล่อยมือไม่ได้”

“โธ่.....มาดามคะ คุณชายน้อยเพิ่งกลับมาฮ่องกงไม่ถึงสามวัน คงยังปรับเวลาไม่ได้”

“เสี่ยวหลาน!! เธออย่านึกว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นว่าลูกรักของเธอทำอะไรลงไปบ้าง ไม่ตื่นก็ต้องปลุก เดี๋ยวนี้!!”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวที่ไม่ได้ใช้กับคนสนิทบ่อยนักดังลอดจากริมฝีปากบางเฉียบ ผู้รับคำสั่งที่เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าสาวใช้ก็ถึงกับสะดุ้ง รีบย่อตัวรับคำแล้วออกไปทำตามคำสั่งทันที

จากนั้นอีกไม่ทันชั่วน้ำเดือด เสียงปึงปังก็ดังแว่วมาจากปีกซ้ายของคฤหาสน์สีแดงอิฐที่กินเนื้อที่เฉพาะอาคารหลักกว่าสองไร่ เสียงตึงตังดังอยู่เพียงชั่วครู่ ร่างสูงโปร่งการเคลื่อนไหวประเปรียวก็เดินลากขาผ่านประตูไม้ที่เปิดอ้ากว้างตกแต่งด้วยม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มเดินดิ้นทองเข้ามาในห้อง กวาดตามองชั่วครู่ไม่เห็นร่างของประมุขคฤหาสน์ คุณชายน้อยของคฤหาสน์จึงก้าวผ่านม่านกำมะหยี่อีกชั้นที่กั้นส่วนด้านนอกกับส่วนแต่งตัวเข้าไป

“แม่จ๋า....อืม.....หอมจังเลย....” พอก้าวเข้าไปถึงตัวร่างประเปรียวนั้นก็ทรุดตัวลงโอบแขนไปรอบเอวของผู้ที่กำลังแตะแต้มเรียวปากด้วยพู่กันให้เป็นสีแดงสดอยู่พอดี ก่อนจะวางศีรษะลงกับตักนิ่มอย่างออดอ้อน

“ไม่ต้องมาอ้อนแม่ ทำอะไรตามอำเภอใจไม่ปรึกษาแม่สักนิด อาซื่อยังเห็นว่าแม่สำคัญอยู่มั้ย” น้ำเสียงตัดพ้อดังจากริมฝีปากของร่างระหง ในขณะที่ฝ่ามือที่ประกอบไปด้วยนิ้วเรียวดั่งลำเทียนกับเล็บที่ตัดแต่งอย่างดีเคลือบสีแดงสดไม่ต่างจากริมฝีปากละจากพู่กันที่กำลังวาดลงบนริมฝีปากมาลูบไล้บนกลุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มเหลือบทองของลูกชายคนเดียว

“โธ่.......แม่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า....ผมอยากจะลงมือด้วยตัวเอง แซมโตแล้วนะจ๊ะแม่จ๋า แม่อย่าห้ามแซมเลยนะ ให้แซมได้ทำถึงที่สุดก่อน....นะจ๊ะแม่”

“ตกลง แต่ถ้าเรื่องไม่เป็นไปอย่างที่ลูกคิด อาซื่อก็ต้องปล่อยวางนะลูก”

“ขอบคุณครับแม่ ใครว่าแม่ผมดุกัน ทั้งใจดีทั้งสวยที่สุดในโลกเลยนะเนี่ย” ได้รับคำอนุญาตแบบไม่ค่อยเต็มใจ แซมมวล หรืออาซื่อก็โหย่งตัวขึ้นจูบหนักๆที่สองข้างแก้มของผู้หญิงสวยที่สุดในโลกที่ปล่อยให้เสียงหัวเราะเบาๆที่คนนอกไม่เคยได้ยินหลุดออกมาจนได้

.............................

“พี่หมิน ได้ตัวมันมาแล้วพี่”

“แก้มัดมัน แล้วพวกแกออกไปได้”


สิ้นคำสั่งจากจ้าวหมิน เรือนร่างโปร่งในกางเกงยีนส์สีซีดมีรอยขาดตรงปลายขาทั้งสองข้างกับเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทปล่อยชายที่ถูกจับมัดทั้งแขนทั้งขาจนอยู่ในสภาพตัวงอเข่าทั้งสองชิดอก ก็ถูกปล่อยลงกับพื้น

อาเล่ยจัดการก้าวเข้ามาแก้เชือกที่มัดแขนและขาติดกับลำตัวออกตามคำสั่ง แต่ยังคงทิ้งผ้าปิดปากและปิดตาจนใบหน้าเปื้อนฝุ่นและร่องรอยบวมช้ำใต้โหนกแก้มขวาโผล่ออกมาให้เห็นแต่ปลายคางแหลม ผิวแก้มสีแดงเหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางแดดจ้า และผมสีน้ำตาลทอง....เหมือนพวกลูกครึ่ง

รอจนทั้งมือขวาและลูกน้องออกไปจนหมด ร่างสูงในชุดคลุมหลังอาบน้ำสีขาวบริสุทธิ์จึงเดินตามไปปิดพร้อมลงล็อคประตู แล้วเดินกลับมาพิจารณาเรือนร่างที่ยังคงสลบไสลไม่ได้สติจนชิด

จ้าวหมินเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว แล้วค่อยๆรินรดลงไปบนใบหน้าของร่างที่ยังไม่ได้สติที่กองอยู่บนพื้น

ร่างนั้นสะดุ้งขึ้นทันทีที่รู้สึกถึงสายน้ำเย็นจัด แต่อาการดิ้นรนที่จ้าวหมินคาดว่าจะได้เห็นกลับไม่มี มีเพียงอาการสะดุ้งขึ้นครั้งเดียว แล้วพอมีสติรู้ตัวก็พลิกตัวจนอยู่ในท่านั่งเหยียดขา บิดตัวซ้ายทีขวาทีเหมือนต้องการขับไล่อาการเมื่อยขบ ไม่ได้ส่งเสียงประท้วงใดๆสักนิด


จ้าวหมินถอยไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาปลายเตียงเงียบๆหันหน้าจับตามองการกระทำของร่างโปร่งผู้ต้องสงสัยว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกที่เข้าจู่โจมแล้วชิงของตัดหน้าคู่ค้ารายใหญ่ไปได้ รวมถึงทำให้คนของเขาบาดเจ็บถึงหกคน เสียชีวิตรวมแล้วสามคนอย่างสนใจ

ร่างนั้นยกมือที่เป็นอิสระดึงผ้าปิดปากให้เลื่อนลงมากองอยู่ที่ลำคอระหง ก่อนจะเอื้อมมือปลดผ้าปิดตาออกง่ายๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับจ้าวหมินที่นั่งไขว่ห้างแผ่นหลังเหยียดตรงมองตรงมาจากปลายเตียง

เพียงได้สบตา ฝ่ายที่ต้องสะกดอารมณ์เก็บอาการให้นิ่งที่สุดกลับเป็นจ้าวหมิน
แค่สบตา.....เหมือนมีแรงผลักจากภายในทำให้อยากจะตรงเข้าไปหา ไปประคองให้ขึ้นมานั่งบนเตียงให้สบาย อยากจะช่วยซับน้ำที่ไหลเปรอะเปื้อนตั้งแต่ศีรษะจนลามเลยถึงใบหน้าสีทองแดงนั้นให้อย่างเบามือ

สายตาสองคู่ประสานกันนิ่ง ไม่มีฝ่ายใดยอมเอ่ยปากส่งเสียงออกมาก่อน ราวกับเสือสองตัวที่กำลังช่วงชิงจังหวะได้เปรียบ หากฝ่ายใดเผยช่องว่างให้คู่ต่อสู้ อึดใจแห่งความตายคงมาถึงในทันที

“ยินดีที่ได้พบ......คุณชายจ้าว” สุดท้ายร่างที่นั่งชันเข่าเท้าแขนทั้งสองไปด้านหลังก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“แกเป็นใคร”

“แล้วคุณอยากให้เป็นใครล่ะ”

“หึๆ นั่นสินะ.....” จ้าวหมินสูดลมหายใจเข้ายาวแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้กระจกที่สูงจรดเพดาน หยิบเอาขวดแก้วเจียระไนบรรจุของเหลวสีอำพันออกมาพร้อมแก้วใบหนาอีกสองใบ
“บรั่นดีหน่อยมั้ย”

“หนาวๆอย่างนี้บรั่นดีสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน” คำตอบถูกส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ถ้าสายตาของจ้าวหมินไม่หลอกตัวเอง มันเต็มไปด้วยการยั่วเย้า

“ก็แล้วถ้าผมบอกว่าอยากให้คุณเป็นอะไร คุณจะเป็นสิ่งนั้นสำหรับผมได้รึเปล่าล่ะ” ร่างสูงในชุดคลุมสีขาวเดินเข้ามาทรุดตัวลงส่งแก้วที่มีบรั่นดีอยู่หนึ่งในสามให้ร่างที่พื้น ไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบใบหน้าเรียวจากโหนกแก้มบวมช้ำจนถึงปลายคางเรียวแหลมอย่างเบามือ อะไรบางอย่างในสัมผัสของเชลยยิ่งทำให้จ้าวหมินรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

อาคันตุกะผู้ไม่ยอมทำตัวเหมือนเชลยยกแก้วเนื้อหนาขึ้นแตะปากเหมือนชิมรสชาติของเหลวในแก้ว ยื่นปลายลิ้นออกมาแตะที่ริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะกระดกข้อมืออีกครั้งเทบรั่นดีในแก้วลงคอรวดเดียว ในขณะที่จ้าวหมินเองก็กระดกหมดในครั้งเดียวเช่นกัน หากสายตากลับไม่ละไปจากใบหน้าของเชลยตรงหน้าแม้เสี้ยวนาที

“มันก็ขึ้นกับข้อเสนอของคุณคืออะไร คุณชายจ้าว..... ยิ่งสิ่งมีค่ามาก เงื่อนไขย่อมสูงตามไปด้วย” คราวนี้แววตาที่เงยสบเต็มไปด้วยความท้าทาย

จ้าวหมินอ่านสารที่อีกฝ่ายสื่อมาได้ทะลุปรุโปร่ง.....ถ้าเขากล้าพอ ก็เข้ามารับไปได้เลย

“งั้นคำถามใหม่....ของอยู่ไหน” จ้าวหมินเลือกที่จะถอย ร่างสูงถอยไปนั่งไขว่ห้างลงที่ปลายเตียงเหมือนเดิม ก่อนจะป้อนคำถามใหม่

“เอาอย่างนี้ดีกว่า เรามาแลกกัน ถ้าคุณตอบหนึ่งคำถาม ผมก็จะตอบคุณหนึ่งคำถาม ยื่นหมูยื่นแมวแบบนี้แฟร์ดี คุณว่ามั้ย”

“คุณไม่น่าจะให้ผมต้องย้ำนะ ว่าคุณอยู่ในฐานะอะไร คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ตอบคำถามมาดีกว่า”

ร่างโปร่งของคนที่ตกเป็นเชลยยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาบริเวณไรผม สายตาที่กราดไปทั่วห้องในทีแรกเบนกลับมาจับจ้องที่ใบหน้าของร่างในชุดคลุมขาว  ลมหายใจหอบสะท้อนถี่เร็ว

“นี่.....ทำไมคุณมีสองคนล่ะ คุณชาย..จ้าว.......คุณ....วางยา...”

“รู้ตัวช้าจริง.......มานอนบนเตียงดีๆดีกว่า” จ้าวหมินก้าวไปพยุงตัวคนที่ทำท่าจะนอนลงบนพื้นให้นอนลงบนเตียงช้าๆ

“ยา....อะไร”

“แค่ส่วนผสมบางอย่างที่จะช่วยให้คุณคายความลับออกมาง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกผิดเท่านั้นเอง.......อ๊ะ!!”

ร่างหอบสะท้านที่เห็นว่าอ่อนแรงอยู่เมื่อครู่พลิกกลับมาอยู่ด้านบน พร้อมกับใช้เข่าทั้งสองข้างกดลงบนข้อพับเข่าของจ้าวหมินบังคับให้อยู่ในท่าคลาน ก่อนจะดึงลวดที่ซ่อนอยู่ในหัวเข็มขัดออกมาพันรอบคอของคนที่เพิ่งถูกบังคับให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันตั้งตัว

“หะ........หะ........คุณ....ระ ร้ายยยยยย มาก.....หะ....หะ.....”

“ถ้าคุณไม่อยากฆ่าผม ก็เอาลวดนี่ออกไปดีกว่า มือคุณสั่นออกขนาดนี้ ถ้าพลาดขึ้นมามันจะยุ่ง” น้ำเสียงจากร่างในชุดคลุมขาวยังคงเรียบเรื่อย ราวกับไม่ตระหนักถึงเงามัจจุราช
“ของอยู่ที่ไหน”

“โกดังยี่สิบสี่....อื้อ...หยะ หยุดถามเดี๋ยวนี้นะ...” มือที่รั้งลวดสองข้างกระตุกเกร็งเป็นระยะ ทำให้คนป้อนคำถามแทบจะกลั้นหายใจ แต่สีหน้าที่เห็นผ่านกระจกบานเล็กหัวเตียงกลับนิ่งสนิท ในขณะที่สีหน้าของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังและมีอาวุธสังหารในมือกลับร้อนรน ทั้งแววตาสับสนและเหงื่อที่ซึมออกมาจนแทบจะเป็นน้ำ

“หัวหน้าของคุณคือใคร”

“มะ ไม่......มี” ประกายตาของผู้ตกเป็นเชลยสะท้อนแสงแวววับ

“แปลว่าคุณคือหัวหน้าใหญ่ของแก๊งค์ธนูเพลิงงั้นสิ.....แปลก”

“ไม่ใช่.....หะ......บอกให้หยุดถามไงเล่า......”


จังหวะที่เหงื่อหยดหนึ่งไหลเข้าตาของร่างด้านหลัง จ้าวหมินที่จับตาดูอยู่ก็เหยียดมือหยิบโคลท์ .38 ใต้หมอนแล้วพลิกตัวจ่อปากกระบอกเข้ากับขมับของคนที่เบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงพร้อมทั้งปลดห้ามไกทันที แรงจากการขยับตัวอย่างรวดเร็วทำให้ลวดที่ทาบอยู่กับลำคอบาดเนื้อจนเลือดซึมออกมาเป็นสาย

“ไม่!!!! อย่าเป็นอะไรนะ”
แทนที่คนถูกจ่อด้วยปืนจะพยายามหนีห่างหรือแม้แต่หยุดนิ่งเพราะตกใจ ปฏิกิริยาของร่างโปร่งที่ชื้นเหงื่อกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ร่างนั้นยื่นมือสั่นเทิ้มแตะลงบนรอยแผลด้านหน้าลำคอหนาแผ่วเบา ใช้ปลายนิ้วของตัวเองเช็ดซับของเหลวสีแดงเข้มที่ซึมออกมาช้าๆนั่น ก่อนจะกดไว้แน่น

“...............?............”

“ห้ามเลือด...หะ......รีบห้ามเลือดสิ เร็วเข้า.......หะ.....เลือด...ไหลใหญ่แล้ว....”

จ้าวหมินปล่อยปืนในมือให้ตกลงกับพื้นเตียง แล้วรั้งร่างโปร่งที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัวเข้ามากอดไว้แน่น


“หึๆ คุณชื่ออะไร”

“เยี่ยนซื่อ........จ้าว.....เยี่ยนซื่อ......”

“ฮะ!?!”

จ้าวหมินดันร่างชื้นเหงื่อออกแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาทันที ริมฝีปากสีแดงสดสั่นสะท้าน แววตาเด็ดเดี่ยวนั่นก็มีความหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้น

“จ้าวเยี่ยนซื่อ......เป็นคนของแก๊งค์ไหน”

“......มังกรแดง......”

“ตำแหน่งล่ะ” คนที่ถือว่าตัวเองเหนือกว่าเริ่มมีสีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนตอบคำถามพยายามอย่างยิ่งที่จะห้ามตัวเองไม่ให้พูดความจริง

“ผู้สืบทอด......พอแล้ว.....ผม....ผมเป็นลูกแท้ๆของมาดามจ้าว มาดามจ้าวคนเดียวกับคุณนั่นแหละ”

“......คุณเป็นใครกันแน่”

“เป็นคนรักของคุณชายจ้าว.....อ๊ะ!!”
 มือที่ทาบอยู่กับอกเปลือยเพราะชุดคลุมถูกดึงรั้งจนเลื่อนหลุดมากองอยู่ตรงเอวถูกเจ้าของดึงกลับไปปิดปากตัวเองกะทันหัน ในขณะที่ร่องรอยของความเข้าใจบางอย่างจุดขึ้นในดวงตาของจ้าวหมิน

“คุณแม่.......มาดามส่งคุณมาเรอะ”

“ไม่ใช่......ผมทำทั้งหมดเอง ผมวางแผนทั้งหมด”

“เพื่ออะไร”

“เพื่อ......รัก....ผมรักคุณ”

...................................................


///แปะๆๆๆๆ///

เสียงปลดล๊อคประตูจากด้านนอกดังขึ้นตามด้วยเสียงปรบมือดังๆสามสี่ครั้ง ก่อนที่ร่างระหงของมาดามจ้าวในชุดยาวสีดำสนิทจะก้าวผ่านประตูเข้ามา


“แม่.....///คุณแม่!!”

“อาหมิน แม่ยินดีแนะนำให้รู้จักน้องชายของลูก.....อาซื่อ”

“น้องชาย........”

ร่างโปร่งที่ยังคงสั่นสะท้านในอ้อมกอดเบียดซุกเข้าหาจนแนบแน่น แขนสองข้างเกาะเกี่ยวกับพี่ชายจนต่อให้คนถูกกอดพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางจะผละห่างได้ และระหว่างที่จ้าวหมินยังไม่กล้าสบตากับผู้ที่เป็นเสมือนแม่พระของชีวิต ก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาปนหอบดังให้พอได้ยินกันสองคน

“พี่หมิน....ต้องเป็นพี่ชายของผม เป็นผู้สืบทอดเหมือนกับผม......แล้วก็เป็นคนรักของผม ผมเชื่อ....ว่าเก่งอย่างพี่ ต้องทำหน้าที่ทั้งหมดได้ดีแน่ๆ โดยเฉพาะหน้าที่ของคนรัก....อ้อ พี่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไปแน่....”

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/485c15578533.jpg)
.......................................
...........(จบค่ะ).................



ปล.ไม่มั่นใจเรยเอยยยย
ปล.อีกครั้ง ภาพประกอบจากพี่มาร์คขา ขอได้รับความขอบคุณจากข้าพเจ้านะเจ้าคร้าาาา คริคริ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 20-08-2010 20:24:29
 :z13: จิ้มด้วยความรักก่อนอื่นใด (รูปสวย คึคึ)

แค่พบกันอาซื่อของเราก็ช้ำไปทั้งตัว
อาหมิน ทำไมลื้อถึงไม่ดูให้ดีห๊า!! ทำน้องเจ็บตัวแบบนั้นได้อย่างไร
(เด๋วปั๊ดฟ้องมาดามซะหรอก!!)
แต่แบบ...มาดามออกมาเร็วไปหม้ายยยยย
น่าจับอาซื่อกดซักรอบ แหม..อุตส่าห์เสี่ยงตายแอบส่องอยู่ใต้เตียงแล้วเชียว
ภาคนี้แอบเอาแต่ใจนะ..แต่ก็ชอบ น่าจะมีต่ออีกนิดนะ แบบว่า..จิ้นไปไกลแระท่าน :m10:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-08-2010 20:34:21
ให้ตายเถอะ  มังกรหน้าตามันน่าโดนลูบคมจริง ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-08-2010 20:55:19
อ่านแล้วแต่พี่งงค่ะนุ่น แบบว่าสงสัยอยากจะรู้ต่ออีกนิด 555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-08-2010 21:05:12
งงแท้  :serius2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 20-08-2010 21:12:10

ภาพประกอบสวยน่าลูบค่ะ

จบแค่นี้หรือคะคุณนุ่น น่าจะต่ออีกนิดนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 20-08-2010 21:18:29
แล้วทำไมต้องวางแผนไรซับซ้อนจังอ่ะ :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-08-2010 21:26:10
^
^
อาซื่อเป้นเด็กแสบซ่าส์แสนซน เอาแต่ใจสุดๆ แบบว่าแอบปิ๊งพี่หมิน
แต่พี่หมินไม่เคยรู้ว่าจากบ้านใหญ่ทุกๆปี ปีละสิบวันจะมีเด็กบ้าแอบมองตลอดเว
แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาดามมีลูกแท้ๆ กึ๋ยๆๆ
(ยังไงจะลองคิดดูค่ะ ว่าจะเขียนตอนต่อของคู่นี้รึเปล่า อิอิ)


แต่ๆๆๆ แอบชอบตอนจบแบบนี้นะคะ แบบหนังฝรั่งไง จบให้จินตนาต่อ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์

ขออภัยที่ข้าพเจ้าทำให้ค้าง หงิงๆ  :impress:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 20-08-2010 21:53:27
"ทามมายลื้อไม่ลูแลน้องลื้อให้ลีๆห๊า~"
พยายามจะทำเสียงให้เหมือน ฮ่าๆ
จิ้มด้วยความรัก น่ารักมากจ๊ะ แต่งงๆนิดหน่อยน่ะ
ถ้ามีตอนต่อจะดีใจมากเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 20-08-2010 22:08:27
งง.......งงค่ะพี่นุ่น ตอนล่าสุดเนี๊ยอ่ะ o2

ส่วนตอนของเจ้าสอนกะตามั่นก็เป็นภาษาแบบที่ไอไม่ถนัด ไอเลยอ่านแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ที่แน่ๆก็คือหวานนนนนนนนเชียยย~ :o8:

ออออ... เพราะงั้นตอนริมฝั่งยมุนา ที่เป็นกลอนแบบนั้น ไอยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ :z10: (ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ภาษาก็ไพเราะสวยดีค่ะ o13)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: SJ ที่ 20-08-2010 22:10:54
รู้สึกเหมือนมันไม่เคลียร์อ่ะ มาต่อเหอะนะ นะ อยากอ่านต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 20-08-2010 23:52:31
งงๆ จริงๆ อ่ะแหละ  แหะๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 21-08-2010 01:35:38
 :กอด1: ไม่งงครับ

แต่อยากให้ต่ออ่ะ
ยังไม่รู้เลยว่าพี่หมิงจะทำโทษเด็กซน เอาแต่ใจยังไง
 :z1:
ต่อเนอะน้องนุ่นเนอะ

นิดนึงอ่านตอนบรรยายมาดามตอนที่แต่งหน้าอยู่
ไม่รู้ยังไงคิดถึงพี่พีนัทขึ้นมา
พี่พีนัทรับจ๊อบหลายเรื่องแล้วนะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-08-2010 03:02:22
เขียนต่อเลยน้องนุ่น
ค้า้งงง
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-08-2010 08:52:14
น้องชายมาแรงจัง แอบรักไม่กล้าบอกนี่น่า
กะรวบรัดตัดความ  จับพี่กด(หรือจะกดพี่)

ท่าทางมาดามก็รู้เห็นเป็นใจ  

น้องคิดแปลกดีจังแฮะ  ตกลงวางแผนให้ทำงานผิดพลาดเพื่ออะไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 21-08-2010 08:55:41
ฉากนัวเนียกันบนเตียงรู้สึกไม่ชัดเจนนะ ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะแยกออก
ว่าใครเป็นใคร
หรือเพราะกาลโง่ไม่รู้ ต้องอ่านสามสี่รอบแนะกว่าจะแยกออกว่าใครทำอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 21-08-2010 10:49:00


o22
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 21-08-2010 12:42:00
พี่นุ่น  มันจึกๆกั๊กๆยังไงไม่รู้งะ  มาเล่าอีกนิดนะคับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 21-08-2010 15:55:21
น้องเค้าแรงจริงๆ

แต่ก็แอบโรแมนติคนะคะ

ถ้าได้ตอนต่ออีกสักนิด ทำนองบทลงโทษน้องน้อย
ก็แจ่มเลยนะคะน้องนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-08-2010 16:48:35
หม่ามี้ก็ใจดีเนอะ ยอมให้ลูกๆมังกรรักกันด้วยอะ :-[
แหม่ แต่วางแผนอะไรกันเยอะแยะ จับพี่หมินกดตั้งแต่แรกก็จบค่ะอาซื่อ กร๊ากกก :m20:
+1 ขอบคุณค่ะพี่นุ่น ตอนต่อไปนี่แนวไหนน้าาา :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 21-08-2010 17:09:11
อยากให้ต่อ อีกนิดเหมือนกันค่ะ เสียดายตอนท้าย ดูตัดฉับๆไปหน่อย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 21-08-2010 17:32:19
ตอนเเรก น่ารักดี จำได้เยอะ

ตอนที่สอง อร๊างงง น่ารักอ่ะ

ตอนที่สาม โอ้ จึงจะเเทบจำกันไม่ได้ ก็ยังรักกัน เเถมมีตนเองในอีก 168 ปีต่อมา
รักกันอยู่มาเจอข้อความนั่นอีก ภาษานั่นเอาไปแปลในกูเกิ้ล โอ้ สงสัยยาผิดสูตรล่ะมั้ง หุหุ ส่วนศัพท์ เรารู้เรื่องหมดเเหละ กาห์เเปลว่าวิญญาณเนอะ ส่วนอัมมุนก็เทพพระอาทิตย์นั่นเเหละ ดูเหมือนจะไปทางอียิปต์นะค่ะ เเหะๆ)

ตอนที่สี่นี่โอ้เป็นยักษษกะวานรน้อยเชียว อู้ว ศัตรูกันไม่ใช่หรือ (ติดเเล้วอ่ะ อ่านนานๆเเล้วจะติด เเเหะๆ)

เอ เรื่องเจ้าสอนของเรียม นี่ มีภพกัยศรามาเอี่ยวด้วยเต็มๆเลย

ส่วนเรื่องที่อ่านอันสุดท้าย ลูบคมมังกร เเหม อุตส่าห์คิดลึกๆ ตอนเข้ามา เเต่ก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่

เนอะ

ชอบเรื่องสั้นชุดนี้จัง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-08-2010 17:47:29
       
                                "เนตรน้องสิแวววาม   ผิว์จะหยามยะเย้ยดาว
                               ปรางค์นวลละอองพราว   และก็ฉ่ำละอองสินธุ์
                                     โอษฐ์เอื้อนวจีรื่น      ดนุชื่นจะยลยิน
                              หัตถ์น้อยตระกองบดินทร์   มนมอบมิสร่างซา"
        พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ วันนี้เองค่ะน้องนุ่น และพึ่งจะอ่านแค่ตอนเดียว แต่ก่อนจะอ่านตอนต่อไป
ขอเม้นท์ เพื่อแสดงความชื่นชม อินทรวิเชียรฉันท์สองบทนี้ก่อนค่ะ น้องนุ่นขาเยี่ยมมากค่ะ  พี่ว่าฉันท์เนี่ย
เป็นอะไรที่ยากค่ะ เพราะต้องมีครุ ลหุ ด้วยนี่แหละ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-08-2010 19:27:42
แบบนี้ต้องบอกว่า เหนือจ้าวหมินยังมีจ้าวเยี่ยนซื่อ
เพราะท่าทางในอนาคต หากคุณชายเจ้าคนพี่ไม่ยอม คงโดนวีนแหลกจากคุณชายเจ้าคนน้อง
มาดามเจ้าเป็นใจขนาดนี้ ไม่รอดแล้ว  :laugh:

อ่านแล้วนึกถึงบรรยากาศเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ค่ะคุณนุ่น
สนุกไปอีกแบบ ขอบคุณมากนะคะ บวกอีก 1 แต้มค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Natjy012 ที่ 21-08-2010 22:46:43
มีต่อไหมอะค่ะ :o8:
แบบว่าอ่านต่อ ตอนต่อไป :-[
มันยังไงกันละเนี้ย  :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 21-08-2010 23:09:25
พี่นุ่นขา มันค้างๆอ่ะค่ะ ต่ออีกนิดได้ไหมคะ
รู้สึกเหมือนหนังจบอารมณ์ไม่จบเลยค่ะ :m26:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 22-08-2010 00:09:04
อย่างที่ด้าบอก มาดามออกมาเร็วไปหรือป่าว
จิ้นไปไกลแระ... :laugh:
อาซื่อเอาแต่ใจตัวเองมากเลย...พี่หมินไม่ต้อง น้องจัดการเอง.... :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-08-2010 17:54:37
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมมมม จึกๆโนเนะ
พร้อมเข้ามาบอกว่า คืนนี้เจอกันนะคะ

เรียกร้องตอนต่อกันมาก เลยทำตัวยุขึ้นเขียนมาให้อ่านซะเลย ตอนนี้พิมพ์ไปเกินครึ่งแล้วค่ะ
คืนนี้ได้เจอคุณชายจ้าวทั้งสองอีกแน่นอน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กอดดดดดดดดดดดดดดด นักอ่านทุกท่านเลยนะคร้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-08-2010 18:09:24
^
^
^

จิ้มต่อๆ อิอิ~ จะรอดูเน้ออออออ :m14:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-08-2010 20:43:51
มาตามคำยุและเสียงเรียกร้องค่ะ
เรื่องของคุณชายจ้าวทั้งสอง :m32:
เขินนะเนี่ย กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์ มาค่ะมาอ่านกันดีกว่านะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

หมายเหตุ สำหรับตอนนี้ควรอ่านตอนลูบคมมังกรที่หน้า 8 ก่อนนะคะ ถึงจะเข้าใจได้แบบเคลียร์ๆ
.............................

ลูบคมมังกร
: เล่ห์หงส์


“แม่จ๋า.....แซมรักพี่หมิน....ไม่ใช่แบบพี่ชายอย่างที่แม่สอนให้รักและเคารพพี่หมินเป็นพี่ชาย แต่แซมรักพี่เขา.....เหมือนกับที่แม่รักแม่เสี่ยวหลาน.......”

..........................

“อาหมิน ต่อไป ชื่อของเธอคือจ้าวหมิน เธอเป็นคนของสกุลจ้าว เป็นลูกชายของฉัน.....เป็นคุณชายจ้าว ต่อไปนี้ คฤหาสน์มังกรแดงคือบ้านของเธอ”


มือขาวนวลราวงาช้างล้ำค่าจับจูงข้อมือของเด็กชายในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวผ้าบางเก่าจนเกือบดูไม่ออกว่าเคยเป็นสีอะไร หากแต่สะอาดสะอ้านไปทั้งเนื้อทั้งตัวให้ก้าวลงมาจากรถยนต์สองประตู

สีหน้าของเด็กชายวัยสิบขวบผสมปนเปไปด้วยความงุนงงและตื่นเต้น เมื่อทอดสายตาจับจ้องไปยังตัวตึกสีแดงอิฐกว้างใหญ่ที่ตั้งขวางทางอยู่ด้านหน้า ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร ความสูงใหญ่ของตัวตึกทำให้ถึงกับต้องแหงนมองคอตั้งบ่า เด็กชายเหลียวหน้ากลับไปมองประตูไม้บานหนาที่เพิ่งปิดสนิทลงห่างออกไปเกือบร้อยเมตร

หากทั้งที่อยู่ในวัยเพียงสิบขวบและทั้งยังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น การเคลื่อนไหวทุกท่วงท่าของเด็กชายกลับเต็มไปด้วยความนุ่มนวล และระมัดระวัง หลังและคอตั้งตรง อกผายไหล่ผึ่ง ไม่ได้มีทีท่าบ่งบอกว่าถูกเลี้ยงดูมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแบบขาดไปแทบทุกสิ่งมาตั้งแต่ยังเป็นทารกเลยด้วยซ้ำ

เป็นที่รู้กันทั่วว่าประมุขคนก่อนของตระกูลจ้าวมีบุตรีคนเดียว สาวงามที่ไม่ได้มีดีแค่รูปกาย หากสมองอันปราดเปรื่องและลักษณะนิสัยเด็ดขาดที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดา คุณหนูจ้าวอิงหลิงมีคุณสมบัติเพียบพร้อม จนเมื่อประมุขของแก๊งค์มังกรแดงคนก่อนวางมือ เธอก็ขึ้นรับตำแหน่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ท่ามกลางสายตาของทั้งคนในและคนนอกที่เฝ้าจับตา รอดูว่าชายที่ผู้นำของแก๊งค์อันดับหนึ่งที่แผ่อิทธิพลครอบคลุมย่านสี่หยุนอันไว้ทั้งหมดเลือกมาเป็นคู่ชีวิตจะเป็นคนแบบไหน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีข่าวใดใดให้ได้ระแคะระคาย จนเริ่มมีเสียงลือไปทั่วว่ามาดามจ้าวแห่งแก๊งค์มังกรแดงไม่มีรสนิยมชื่นชอบเพศตรงข้าม แล้วยิ่งเวลาผ่านไป คำถามที่ตามมาจึงกลายเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจภายในแก๊งค์มังกรแดง และต่างก็เฝ้ารอเวลาที่อำนาจจะถูกเปลี่ยนมือ ความสั่นคลอนของกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อทุกชีวิตในโลกมืด


หากทว่า....หลังจากอำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือของประมุขสกุลจ้าวคนปัจจุบันได้สิบปีเต็มก็มีข่าวที่ยืนยันได้ร่ำลือไปทั่ววงการ ว่าแก๊งค์มังกรแดงมีผู้สืบทอดแล้ว เด็กที่ชื่อจ้าวหมิน เป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ มาดามจ้าวบอกกับคนสนิทว่า.....นี่แหละลูกชายของเธอ

“จากนี้เธอต้องเรียกฉันว่าแม่ นี่คือห้องของเธอ........ห้องของลูก อาหมิน พรุ่งนี้จะมีครูมาสอนหนังสือและเรื่องพื้นฐานอื่นๆให้ รับปากกับแม่ซิ ว่าอาหมินจะตั้งใจเรียน”

“ครับมาดาม.....คุณแม่ ผมจะตั้งใจเรียน”


จ้าวหมินในฐานะคุณชายของสกุลจ้าวใช้ชีวิตอยู่ในตึกใหญ่ของคฤหาสน์มังกรแดงจนอายุ15 แล้วมาดามจ้าวก็จัดการส่งบุตรบุญธรรมไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ความรักและหวังดีที่มีให้ลูกชายนอกสายเลือดเพิ่มทวีไม่ต่างกับที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสี่หยุนอันมีให้กับลูกชายที่สืบสายเลือดจากเธอโดยตรง......ใช่ ลูกชายแท้ๆที่ถูกปิดบังว่ามีตัวตนอยู่จริงและใช้ชีวิตตลอดสิบปีตั้งแต่ลืมตาดูโลกที่สเตท ในฟิลาเดลเฟีย



เจ็ดปีก่อนจะรับจ้าวหมินมาอุปถัมภ์ ความกดดันจากผู้ใหญ่ในแก๊งค์เรื่องผู้สืบทอดทำให้จ้าวอิงหลิงตัดสินใจพาคนสนิทและคนรักที่ลอบรักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงคุณหนูจ้าวเดินทางไปปรึกษาศาสตราจารย์นายแพทย์แซมมวล วิลเลียม ผู้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องการผสมเทียมในมนุษย์

“ตกลงว่าคุณจะเลือกรับบริจาคเชื้ออสุจิจากใครก็ได้อย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่จากใครก็ได้ค่ะศาสตราจารย์ ดิฉันต้องการเลือกจากคนที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็จะขอใช้น้ำเชื้อจากศาสตราจารย์ จะได้ไหมคะ”

“เอ่อ.......คือ....เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับมาดามจ้าว”

และนี่คือวิธีที่จ้าวเยี่ยนซื่อถือกำเนิด ไข่ของจ้าวอิงหลิงกับน้ำเชื้อจากศาสตราจารย์ผู้ทำวิจัย และ......การตั้งครรภ์ของเสี่ยวหลาน คนรักหนึ่งเดียวของประมุขแห่งแก๊งค์มังกรแดง


“อะ.....อื้อ...หลิงเอ๋อร์ อา......อะ...”
สองร่างขาวนวลไร้อาภรณ์ปกปิดแม้เพียงชิ้นกอดก่ายกันแนบแน่นบนพรมขนสัตว์สีขาวหน้าเตาผิง เหงื่อไหลซึมออกจากทุกขุมขน ทั้งที่นอกกระจกปรากฏละอองหิมะที่ยังกระหน่ำอย่างหนาแน่นมากกว่าสองชั่วโมง

จ้าวอิงหลิงยิ่งเพิ่มความเร็วของการขยับร่างกายขึ้นอีก ตามไฟปรารถนาที่โหมกระพือรุนแรงราวกับเปลวเพลิงในเตาผิงหลังเติมเชื้อไฟ เพียงแรงขยับจากข้อมือไม่พอเพียงอีกต่อไป ที่จะส่งให้ความรู้สึกของร่างชื้นเหงื่อที่นอนหายใจหอบถี่ตรงหน้าไปถึงฝั่ง

เสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนที่ถูกปรนเปรอกระตุกขึ้นทั้งตัว ก่อนจะลงไปนอนแผ่อย่างหมดเรี่ยวแรงกับพื้นพรม แล้วยกแขนขึ้นไขว่คว้าหาทั้งที่ดวงตาทั้งสองยังปิดสนิท
จ้าวอิงหลิงคว้าแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของคนรักให้โอบแนบรอบลำคอ แล้วตามลงไปกอดเอาไว้ทั้งตัว อกอวบหยุ่นบดเบียดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว ก่อนจะมอบจูบแผ่วเบาหากเต็มไปด้วยเสน่หาซ้ำๆลงบนริมฝีปากแดงจัดที่เผยอหอบหายใจน้อยๆ

“อืม.....เสี่ยวหลาน ฉัน....ต้องคิดถึงเธอมากแน่ๆ......”

“หลิงเอ๋อร์ อืม.......จูบอีก....จูบฉันอีก.....”

บทรักร้อนแรงเริ่มขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อเป็นการสั่งลา และตอกย้ำว่าต่างยังมีอีกฝ่าย แม้จะต้องห่างไกลกันตามภาระหน้าที่ก็ตาม


วันรุ่งขึ้นเสี่ยวหลานเข้ารับการฉีดฝังตัวอ่อนลงในมดลูก และหลังจากนั้นเพียงสามวัน หัวหน้าแก๊งค์มังกรแดงก็ต้องเดินทางกลับฮ่องกง กลับสู่อาณาจักรของตนโดยทิ้งทั้งหัวใจไว้ที่แผ่นดินซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปถึงครึ่งโลก คนในแก๊งค์ต่างสงสัยถึงการหายตัวไปของสาวใช้คนสนิทที่มักอยู่ข้างกายของมาดามจ้าวตลอดเวลา หากแต่ไม่มีใครกล้าทักถาม

การมีอยู่ของเสี่ยวหลานรับรู้ได้เพียงในใจของจ้าวอิงหลิง จำนวนเงินในธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ที่มีในอเมริกาทำให้พอจะวางใจได้ว่าคนรักและลูกที่คาดว่าจะเกิดในอีกเก้าเดือนจะใช้ชีวิตได้อย่างสบายที่สุดเท่าที่อำนาจเงินจะทำได้ การติดต่อส่งข่าวทางจดหมายมีถึงกันสม่ำเสมอ หากแต่ต้องใช้รหัสที่มีเพียงสองคนจึงจะเข้าใจ

ทั้งมาดามจ้าวและเสี่ยวหลานต่างอดทนรอเวลาที่มั่นใจว่าศัตรูภายในจะไม่แว้งกัดโดยไม่รู้ตัว และรอเวลาที่ลูกซึ่งหลังจากคนทางไกลคลอดได้เกือบเดือนจ้าวอิงหลิงจึงรู้ว่าเป็นลูกชาย จะเติบโตพอที่จะวางใจให้กลับมาอยู่ที่สี่หยุนอันโดยไม่เป็นอันตราย

ข่าวจากสายที่เชื่อถือได้ทำให้จ้าวอิงหลิงรู้ว่ามีข่าวลือเรื่องเสี่ยวหลานและลูกกระพือไปทั่วทุกกลุ่มอิทธิพล การไปทำบุญบริจาคให้มูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า แล้วได้สบตากับเด็กชายวัยสิบขวบที่ได้ยินผู้ดูแลเรียกว่าอาหมินจึงทำให้แผนดึงความสนใจจากคนรักและบุตรที่แท้จริงผุดขึ้นมาโดยไม่ทันได้คิดไว้ก่อน จ้าวอิงหลิงจึงยื่นซองเงินบริจาคจำนวนหนึ่งให้มูลนิธิ แล้วขอให้รักษาความลับเรื่องที่เธอรับอาหมินเป็นบุตรบุญธรรมไว้ แล้วจูงมือเด็กชายที่มีสีหน้าแปลกใจขึ้นรถกลับคฤหาสน์มังกรแดงด้วยทันที

หลังจากวันนั้นเพียงหนึ่งเดือน คุณชายจ้าวหมินก็ได้รับการแนะนำให้ทุกคนรู้จักในฐานะผู้มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์มังกรแดงคนต่อไปในงานเลี้ยงภายในของแก๊งค์ แน่นอนว่าข่าวของคุณชายจ้าวย่อมเล็ดลอดออกไปถึงหูทุกชีวิตในโลกสีดำ


จ้าวหมินเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลและความรักอย่างจริงใจที่มาดามจ้าวมีให้เด็กชายเสมือนลูกแท้ๆ เติบโตและสง่างามได้ตรงใจมาดามจ้าวทุกอย่าง ปีแรกที่จ้าวหมินถูกส่งไปอังกฤษก็เป็นครั้งแรกที่จ้าวอิงหลิงมั่นใจในความปลอดภัยจนยอมให้เสี่ยวหลานและจ้าวเยี่ยนซื่อกลับมาที่สี่หยุนอันได้แบบลับๆ

เสี่ยวหลานเลี้ยงจ้าวเยี่ยนซื่อมาโดยไม่มีการปิดบัง ภาพถ่ายของจ้าวอิงหลิงถูกติดประดับไว้ในห้องนอนของลูกชายคนเดียวตั้งแต่ยังแบเบาะ จ้าวเยี่ยนซื่อรับรู้มาตั้งแต่รู้ความว่าตนเองไม่มีพ่อ แต่มีแม่สองคน ทุกคืนก่อนเข้านอนเสี่ยวหลานจะจูบแก้มลูกชายพร้อมกับบอกว่าแก้มซ้ายจากแม่เสี่ยวหลาน แก้มขวาจากแม่หลิงเอ๋อร์ ดังนั้นจ้าวเยี่ยนซื่อในวัยไม่เต็มสิบปีจึงก้าวเข้าสู้อ้อมกอดที่รอรับของแม่อีกคนทันทีที่ถูกพาเข้ามาถึงห้องส่วนตัวของมาดามจ้าว

ท่าทางช่างออดอ้อนออเซาะของเด็กน้อยตาโต แก้มใส ขนตาหนาเป็นแพทำให้มาดามจ้าวเกิดความรู้สึกทั้งรักทั้งห่วง พร้อมกันนั้นก็ตัดสินใจยอมทิ้งความรู้สึกส่วนตัวที่อยากจะกอดจะจูบ จะพูดคุยกันทุกวันกับลูกชายและคนรักออกไป แล้วอนุญาตให้อยู่ฮ่องกงได้เพียงปีละสิบวัน

“แม่จ๋า.....จะให้แซมกลับไป แม่จะไม่คิดถึงแซมเหรอ” เจ้าตัวเล็กทั้งส่งเสียงออดอ้อนทั้งแสดงกิริยาประกอบด้วยการซุกหน้าแนบเข้ากับตักของจ้าวอิงหลิงไปด้วย

“คิดถึงสิลูก แต่แม่อยากให้อาซื่อไปเรียนหนังสือที่โน่น พออาซื่อโตขึ้นจะได้กลับมาช่วยแม่ทำงานไงลูก”

“ไม่ใช่เพราะแม่รักพี่หมินมากกว่าแซมเหรอ” จ้าวเยี่ยนซื่อถูกแนะนำให้รู้จักกับพี่หมินตั้งแต่มาถึงฮ่องกงวันแรก เพราะรูปถ่ายใบเดียวที่ใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะทำงานของมาดามจ้าวเป็นรูปถ่ายของหนุ่มน้อยผมดำตาดำสนิทสวมสูทสีขาวนั่งอยู่หน้าเปียโน เบือนหน้ามายิ้มน้อยๆ

“ไม่หรอกลูก แม่รักทั้งอาซื่อทั้งพี่หมินมาก มากจนบอกไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ามากแค่ไหน เท่าที่รู้แม่รักลูกทั้งสองคนมากกว่าตัวเองเสียอีก” อาซื่อของมาดามจ้าวยิ้มออกมาเสียจนบรรยากาศทึบทึมในห้องทำงานหัวหน้าแก๊งค์สว่างไสว เมื่อได้ยินคำพูดนี้จากปากของผู้ที่ถูกสั่งสอนมาตลอดว่าคือแม่ จำได้ว่าวันแรกที่ไปโรงเรียนแม่เสี่ยวหลานยังให้บอกกับรูปของแม่หลิงเอ๋อร์ก่อนออกจากบ้านด้วยซ้ำ

“ถ้างั้นแซมก็จะรักพี่หมินบ้าง รักมากๆให้เท่ากับที่แม่รักแม่เสี่ยวหลานเลยนะครับ”

ทั้งมาดามจ้าวและเสี่ยวหลานไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของลูกชายคนเล็กในวันนั้น
หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิบวันที่รอคอยจะได้อยู่พร้อมหน้าสามแม่ลูกมาถึง คุณชายน้อยที่เสี่ยวหลานเรียกเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลที่สามก็ไม่เคยสักครั้งที่จะลืมเลือน ‘พี่หมิน’ ไปจากความคิดคำนึง



จ้าวหมินเรียนจบและกลับฮ่องกงเมื่ออายุย่างเข้า 22 ปี เมื่อกลับมาถึงสกุลจ้าว จ้าวหมินก็ขออนุญาตมาดามจ้าวไปอยู่ตึกเล็กที่แยกออกมาด้านหลังของตึกใหญ่ ในระยะห่างเพียงเดินสามนาทีก็ถึง จ้าวหมินเข้าทำงานให้แก๊งค์โดยไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าคุณแม่ที่เขายึดเป็นแม่พระของตัวเองมาตลอดมีลูกชายแท้ๆอยู่อีกคน

ไม่ใช่ว่าจ้าวอิงหลิงต้องการจะปกปิดลูกชายคนโต แต่เพราะคำขอร้องของจ้าวเยี่ยนซื่อตั้งแต่ลูกชายคนเล็กอายุได้ 15 ปี ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริงของพี่ชายเลยสักครั้ง.......คำขอร้องโดยมีเหตุผลข้อเดียว......ความรัก

“แม่จ๋า.....แซมขออะไรแม่สักอย่างจะได้ไหม” ลูกชายเล็กที่เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาอ้อนจากท่าที่ซบอยู่กับตักทำให้มาดามจ้าวผู้แข็งแกร่งเด็ดขาดใจอ่อนตั้งแต่ยังไม่ทันรู้ถึงคำขอด้วยซ้ำ

“ถ้าแม่ให้ได้.....”

“แม่อย่าเพิ่งเล่าเรื่องแซมกับพี่หมินได้ไหม......”

“.....ทำไมล่ะลูก”

“เพราะแซมรักพี่หมิน”

“อาซื่อ......” ถ้าไม่มีอ้อมแขนของเสี่ยวหลานที่โอบกอดจากด้านหลัง มาดามจ้าวคงเผลอตัวลุกหนีสายตาแบบนี้ของลูกชายเล็กแน่ๆ

“แม่จ๋า แม่ฟังแซมนะ พี่หมินเคยเป็นคนรักของแซมมาก่อน แซมจำได้.....แม่จ๋า.....แซมรักพี่หมิน....ไม่ใช่แบบที่แม่สอนให้รักและเคารพพี่หมินเป็นพี่ชาย แต่แซมรักพี่เขา.....เหมือนกับที่แม่รักแม่เสี่ยวหลาน.......”

“อาซื่อ พูดอะไรน่ะลูก!!”

“เป็นอย่างนี้แหละหลิงเอ๋อร์ แซมพูดแบบนี้มาตั้งแต่เห็นรูปอาหมินครั้งแรกแล้ว.....ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”

“แล้วแน่ใจหรือ ยังไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำนะอาซื่อ”

“แซมแน่ใจ เหมือนกับที่แน่ใจว่าแม่รักแม่เสี่ยวหลานนั่นล่ะครับ”

“ก็แล้วถ้าแม่จะบอกกับอาหมินเรื่องของลูก มันจะไม่ดียังไงล่ะ”

“แซมอยากให้แน่ใจ ว่าถ้าพี่หมินจะรัก พี่เขาจะรักเพราะนี่คือตัวแซมจริงๆ ไม่ใช่เพราะสงสารสมเพชน้อง หรือเกรงใจแม่ อีกอย่าง.....แซมต้องการเวลา และวิธีที่จะพิสูจน์ ว่าพี่หมินมีค่าแค่ไหนกับการรัก แม่จ๋า....แซมขอเท่านี้ แม่จะให้แซมได้มั้ย”



หลังจากนั้นทุกๆปี สิบวันที่จ้าวเยี่ยนซื่อกลับมาฮ่องกง มานอนที่คฤหาสน์มังกรแดง มาดามจ้าวรับรู้เสมอมาว่าลูกชายคนเล็กใช้เวลาก่อนเข้านอนหมดไปกับการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของห้องบนชั้นสองที่มักเปิดไฟจนครึ่งค่อนคืนเพราะเจ้าของห้องอย่างจ้าวหมินทำงานข้ามวันเป็นกิจวัตร

ปีแรกก็ยังแค่มองด้วยตาเปล่า หากปีที่สองจ้าวเยี่ยนซื่อกลับบ้านมาพร้อมกับกล่องบรรจุกล้องส่องทางไกลที่ทะนุถนอมมาตลอดการขนย้าย จากที่เคยตื่นสายจนเป็นคนสุดท้ายของบ้าน คุณชายน้อยที่สมาชิกในบ้านต่างคุ้นหน้า แต่กฎเหล็กจากปากมาดามคือห้ามพูดถึงต่อหน้าคุณชายจ้าวกลับตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมารอเฝ้ามองพี่ชายที่ตึกเล็กซึ่งมักจะเยี่ยมหน้าออกมาทักทายบรรยากาศยามเช้าตรงหน้าต่างเสมอ

รอจนจ้าวหมินกลับเข้าไปทำธุระส่วนตัวนั่นแหละ จ้าวเยี่ยนซื่อถึงพาตัวเองไปซุกตัวเข้ากับโปงผ้าห่มใหม่พร้อมกับรอยยิ้มระบายเต็มดวงหน้า


จนมาปีนี้ หลังจากได้แต่เฝ้ามองข้างเดียวมาสามปีเต็ม จ้าวเยี่ยนซื่อก็กลับมาพร้อมกับปริญญาบัตรวุฒิทางการเงิน ไม่น่าแปลกใจด้วยมันสมองชั้นเลิศจากทั้งมาดามจ้าวและศาสตราจารย์นายแพทย์ที่ยอมบริจาคน้ำเชื้อ จ้าวเยี่ยนซื่อในวัยยี่สิบปีที่ฝีมือและเล่ห์เหลี่ยมในศิลปะการต่อสู้ไม่เคยทำให้อาจารย์อย่างแม่เสี่ยวหลานต้องขายหน้า ก็บอกกับมาดามจ้าวว่าจะขอกลับมาอยู่ฮ่องกงแบบถาวร และเรื่องของจ้าวหมิน คุณชายน้อยแห่งสกุลจ้าวก็จะขอจัดการเอง


จนวันนี้.......หลังจากยืนฟังเหตุการณ์อยู่หน้าห้องด้วยเป็นห่วงลูกชายทั้งสองจนทนรอรับการรายงานสถานการณ์จากเด็กที่ให้คอยจับตาการเคลื่อนไหวจากตึกเล็กไม่ได้ แทบจะเข้ามาตั้งแต่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวโครมครามดังลอดออกจากประตูห้อง แต่ก็พยายามยับยั้งใจไว้เพราะได้รับปากกับลูกชายคนเล็กไปแล้ว และเมื่อได้ยินคำว่ารักจากปากจ้าวเยี่ยนซื่อก็ทำให้มาดามจ้าวถึงกับถอนหายใจยาว ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้ามาในห้อง

“แม่.....///คุณแม่!!”

“อาหมิน แม่ยินดีแนะนำให้รู้จักน้องชายของลูก.....อาซื่อ”


“น้องชาย........”

เสียงแผ่วต่ำหลุดออกมาจากลูกชายคนโต ทำให้มาดามจ้าวยิ่งจับสังเกตไปที่สีหน้าของจ้าวหมินที่แม้จะยังนิ่งสนิท แต่กลับซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเห็นว่าลูกชายคนเล็กกระซิบอะไรบางอย่างแผ่วเบากับพี่ชาย แล้วสีหน้าที่มาดามไม่เคยได้เห็นมาก่อนของจ้าวหมินก็ถึงกับทำให้มาดามจ้าวต้องลอบยิ้มในหน้า.....อาหมินของแม่ คงจะจำน้องได้เหมือนกันกระมัง ถึงได้หน้าแดงขนาดนั้น

ร่างของลูกชายคนเล็กยังคงสั่นสะท้านจนเห็นได้ชัดอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพี่ที่ค่อยๆสูดลมหายใจเข้ายาว แล้วเงยหน้าสบตากับผู้เป็นแม่พระประจำชีวิต แววตาที่มองมามีทั้งการสำนึกผิดรวมไปถึงความดื้อรั้นจนแยกจากกันไม่ออก


“คุณแม่ครับ.......ผมกับ...น้อง เรารักกันครับ”

“แม่รู้แล้ว.....”


“........งั้น....อย่างนั้นหรือครับ”

“อาหมินไม่ต้องกลัวแม่จะตำหนิ ถ้าลูกสองคนรักกันจริงก็ดูแลกันให้ดี เพียงแต่ต้องรับปากกับแม่ว่าจะไม่ให้กระทบกระเทือนกับแก๊งค์ อีกอย่าง.....ถ้าเลิกรักกันวันไหน ห้ามทั้งสองคนทำร้ายจิตใจกัน จำไว้ว่าไม่ว่ายังไง อาหมินกับอาซื่อก็เป็นลูกของแม่ และทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน......รับปากได้ไหม”

“ครับแม่.....เอ่อ...น้อง......น้องหลับไปแล้วครับ”

“หึๆๆ....แม่เห็นแล้ว อาซื่อเป็นเด็กเอาแต่ใจ อาหมินคงต้องอดทนมากหน่อยนะลูก ส่วนเรื่องของและลูกน้องที่รายงานมาว่าเจ็บและตาย แผนของอาซื่อทั้งนั้นนะ แม่ไม่เกี่ยว แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วย ทุกคนสบายดี คนที่อยู่โรงพยาบาลตอนนี้แม่เรียกกลับมาหมดแล้ว ให้นอนกินแรงเพื่อนนานนักไม่ดี ส่วนคนที่รายงานมาว่าตาย น้องเราส่งไปพักร้อนไกลหน่อย ยังไงก็รออาซื่อตื่นแล้วอาหมินก็ถามน้องเอาเองแล้วกันนะลูก”



มาดามจ้าว.....คุณแม่ เดินออกไปนานแล้ว แต่จ้าวหมินยังอยู่ในท่าเดิม กึ่งนั่งกึ่งนอนโอบกอดร่างกายชื้นเหงื่อที่จะมองยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน แถมยังตัวโตพอๆกันไว้ให้ซบอยู่กับอก เลือดของตัวเองที่เปรอะเปื้อนอยู่ทั้งสองมือของคนที่หลับใหลไม่ได้สติแห้งกรังเป็นคราบ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะตกหลุมรักผู้ชาย แต่จะทำยังไงได้ เจ้าความรู้สึกอยากปกป้องดูแลที่แวบขึ้นมาทันทีที่สบตา จนมาตอนนี้แล้วมันยังไม่เลือนหายไปเลยสักนิด
‘พี่หมิน....ต้องเป็นพี่ชายของผม เป็นผู้สืบทอดเหมือนกับผม......แล้วก็เป็นคนรักของผม ผมเชื่อ....ว่าเก่งอย่างพี่ ต้องทำหน้าที่ทั้งหมดได้ดีแน่ๆ โดยเฉพาะหน้าที่ของคนรัก....อ้อ พี่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไปแน่....’

จ้าวหมินมาย้อนคิดถึงข้อความที่น้องชายหมาดๆเพิ่งกระซิบก่อนจะหมดสติไปก็ได้แต่ขำในใจ....อย่างที่คุณแม่บอกนั่นไม่ผิดไปเลย อาซื่อ.....ท่าทางจะเป็นเด็กเอาแต่ใจมากจริงๆ อย่างนี้คงต้องปรามไว้ก่อน เอาให้อยู่หมัดก่อนล่ะมั้ง





“อืม.......อะ พี่หมิน อ๊ะ......พี่ทำอะไร ปล่อยผมนะ!!!”

“หึๆๆๆ” เสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอดังออกมาจากร่างสูงผมดำสนิทที่ตอนนี้อยู่ในชุดคลุมตัวใหม่ หยดน้ำยังเกาะตามไรผม จ้าวหมินโน้มตัวลงไปจนใกล้กับร่างของน้องชายเจ้าวางแผน ที่พอตื่นขึ้นมาเห็นสภาพของตัวเองก็โวยวายเสียงลั่น

ก็อาซื่อเล่นวางแผนแกล้งกันขนาดนี้ จะไม่เอาคืนเดี๋ยวจะได้ใจไปกันใหญ่ ปล่อยให้หลับยาวตั้งแต่เมื่อคืนจนนี่เช้าวันใหม่แล้ว เมื่อคืนนอนกอดน้องชายที่ขนาดจับพลิกหน้าพลิกหลังเช็ดตัวทำความสะอาดจนทั่วยังไม่รู้ตัวทั้งคืน จ้าวหมินหลับสนิทแถมยังฝันดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วน้องชายตัวดีเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก เล่นหลับยาวจนเช้า แถมเขาลุกไปอาบน้ำแล้วกลับมาแกล้งจับถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก็ยังไม่ยอมรู้ตัว

เมื่อคืนจัดการให้น้องชายหลับสบายแล้วจ้าวหมินก็เรียกลูกน้องในปกครองทั้งหมดมาพบ แล้วจัดการสอบรายตัว พบว่าอาเล่ยแหละตัวดีรับคำสั่งของเขาก็จริง แต่ก็รับคำสั่งพิเศษจากนายใหญ่อย่างมาดามจ้าวที่ขอเป็นกรณีพิเศษให้ช่วยภารกิจของคุณชายน้อย.....ภารกิจลูบคมมังกรอย่างเขา มังกรต่างเลือดอย่างจ้าวหมิน

จ้าวหมินคาดโทษลูกน้องทุกคน อาเล่ยมือขวาโดนหมายหัวเป็นพิเศษ ดีนะ.....ที่เขาคิดแล้วคิดอีกแล้วสรุปได้ว่าเจอกันครั้งแรกแบบนั้นก็ดี เพราะอย่างน้อย ท้ายที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายชนะ รีดเอาความจริงออกจากปากอาซื่อได้โดยไม่เสียท่าไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นถึงจะเป็นคนอารมณ์เย็นแค่ไหน แต่ลูกน้องคงจะได้เจ็บตัวกันถ้วนหน้าแน่

“พี่หมิน ปล่อย ผมบอกให้ปล่อยไงเล่า!!”

“อาซื่อ อย่าดิ้นแรงนักสิ เดี๋ยวข้อมือเป็นแผล พี่ไม่อยากให้เราต้องเจ็บนะ” จ้าวหมินแตะจูบลงตรงข้อมือที่ถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจมือติดกับหัวเตียง เพียงเบาๆเท่านั้น แต่ร่างเปลือยเปล่าที่พอถอดกางเกงออกถึงเห็นสีผิวขาวอมชมพูแบบลูกผสมก็สะดุ้งขึ้นทั้งตัว แสงแดดยามเช้าที่ควรจะทอเข้ามาอาบห้องให้สว่างถูกกรองด้วยม่านบางๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยถูกรูดปิดแต่วันนี้เจ้าของห้องกลับรูดปิดหน้าต่างไว้เสียทุกบาน

“อ๊ะ!!” เสียงอุทานดังขึ้นมาพร้อมๆกับใบหน้าขึ้นสีจัด ทำให้อารมณ์อยากแกล้งของจ้าวหมินเริ่มเปลี่ยนไป....ก็ทั้งๆที่ตอนอาบน้ำก็จัดการตัวเองไปแล้วแท้ๆ ต้องให้น้องชายที่รักรับผิดชอบแล้วมั้ง.....

จ้าวหมินถอยร่างออกมาจากร่างเปลือยเปล่าไม่อยู่สุขแล้วปลดเชือกที่ผูกชุดคลุมสองข้างให้ปิดบังร่างกายไว้ออก เผยเรือนร่างของวัยหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจากการออกกำลังกาย ผิดกับภาพลักษณ์นิ่งสงบยามปกปิดร่างกายด้วยสูทสีขาวเจนตา

“คุณแม่บอกว่าอาซื่อชอบแอบมองพี่ คราวนี้ไม่ต้องแอบแล้วนะ พี่เต็มใจให้มอง.....” จ้าวเยี่ยนซื่อที่มองอยู่ทำได้แค่สะบัดหน้าหนี แล้วส่งเสียงโวยวายที่ฟังยังไงก็เป็นการแก้อาย

“พะ....พี่หมินหน้าไม่อายว่ะ ปล่อยเลย ผมหิวแล้ว” เสียงแข็งๆนั่นกลับเจือไปด้วยกระแสสั่นจนเห็นได้ชัด แถมซีกแก้มที่โผล่ให้เห็นก็ยิ่งแดงจัดเข้าไปใหญ่

“ถ้าเป็นเด็กดี พี่จะปล่อยไปกินข้าว” จ้าวหมินกระซิบจนใกล้ที่ริมหู แล้วเริ่มพรมจูบไปตามขมับละเรื่อยไปตามข้างแก้มแดงๆของคนที่ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้

“อะ.....ก็ปล่อยเลยสิ แซมสัญญานะ จะไม่แกล้งพี่หมินอีก......”

“พี่ก็อยากปล่อย แต่ทำไงดีล่ะอาซื่อ.....มันเป็นแบบนี้ซะแล้ว” พร้อมกับคำพูดนั้น จ้าวเยี่ยนซื่อก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ร้อนผ่าวและแข็งขึงจากร่างของจ้าวหมินนาบอยู่แถวหน้าขา พอจะถดตัวหนีก็ติดที่ร่างเปลือยเปล่าของพี่ชายทิ้งน้ำหนักทับลงมาแทบทั้งตัว
“อาซื่อ......คนดี..... จะไม่รับผิดชอบพี่หน่อยเหรอ” ริมฝีปากรุมร้อนเริ่มจู่โจมซุกไซ้ไปตามซอกคอ สลับกับป้อนจูบยั่วเย้าลงตรงปากแดงๆของผู้ได้ชื่อว่าน้องชาย

“คะ คือ.....แซม แซม.....ไม่เคยทำกับใครเลยนะ......”

“ก็เพราะแซมรอพี่ไม่ใช่เหรอ.....ให้พี่ได้รักแซมเถอะนะ.....” จ้าวหมินโน้มน้าวด้วยคำพูด แล้วมือทั้งสองก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของร่างโปร่งแข็งแกร่งที่เริ่มจะหายใจถี่ด้านล่าง

“......พี่รักแซมจริงๆใช่มั้ย......”

“ครับ.....รัก ตั้งแต่ได้สบตา แค่สบตาพี่ก็รู้แล้วว่าแซมคือคนที่พี่รอ.......”

จ้าวหมินละมือออกจากการลูบโลมผิวเนื้อตึงแน่นของจ้าวเยี่ยนซื่อเพื่อเอื้อมหยิบกุญแจที่หัวเตียงไขปลดล็อคกุญแจมือให้ และไม่ทันได้พูดจนจบประโยค คนเอาแต่ใจด้านล่างก็ใช้มือทั้งสองที่เพิ่งได้รับอิสระรั้งคอให้พี่ชายลงไปมอบจูบอีกครั้งเสียแล้ว

วันนั้นเป็นวันแรกนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานที่คุณชายจ้าวคนขยันลาพักโดยไม่ยอมแม้แต่ออกจากห้อง ไม่เสียเวลาแม้แต่จะออกไปบอกกับคนสนิทอย่างอาเล่ยเลยด้วยซ้ำ
...........................................
แต่จะกังวลอะไรล่ะ ในเมื่อมาดามจ้าวเพิ่งสั่งงานพิเศษอยู่เมื่อคืน......
งานดูแลน้องชายเอาแต่ใจอย่างอาซื่อ ไม่ใช่จะทำเสร็จได้ง่ายๆนี่นะ.......

....................................
....................................
(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/008.jpg) (http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/99208d9a.jpg)

..........จบจริงค่ะ............


ปล.แวะเข้ามาแปะอิมเมจอีก เมื่อวานก็คิดนานว่าจะเอาอิมเมจไหนดี แตชอบสีหน้าของทั้งสองคนในภาพเมื่อตอนที่แล้ว แต่พออยู่บนเตียง....ก็คงจะร้อนแรงกันประมาณนี้มั้ง....โฮะๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณภาพจากดาด้าและพี่มาร์คนะคะ กอดดดดดดดดดดค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร: เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 22-08-2010 20:45:55
เอร้ยยยยย ในที่สุดก็ได้อ่านต่อ
ไม่เสียแรงที่แอบใช้เน็ตเถื่อนเข้ามา กร๊ากกกก
เออ..คือแบบว่า...แบบ...(ไม่รู้จะเม้นท์ยังไงครับท่าน)
บอกได้คำเดียวว่าวายกระอักกันทั้งครอบครัว
อาซื่อ เอาแตใจได้เก่งมาก  :m25:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร: เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 22-08-2010 21:03:57
แหม ภารกิจระดับชาติซะด้วยซิพี่หมินถึงไม่ยอมออกจากห้อง :o8:
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มังกรสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันได้ :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร (20/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 22-08-2010 21:23:16
อ๊ายยยยยยยยยยย บวกหนึ่งให้ไรท์เตอร์เลย

พล็อตนี้ถูกใจจริงๆๆ แถมให้สองตอนด้วย  ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร: เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-08-2010 21:25:25
คุณlasom ท่าทางตอนนี้จะขายไม่ออก หงิงๆ
นี่นุ่นควรต้องขึ้นคำเตือนก่อนอ่านรึเปล่าคะว่าเป็นตอนที่มี double Y
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์

เอร๊ยยยยยยยยยยย คุณjaaeyboy กอดค่ะ กำลังคิดว่าขายไม่ออกแล้วจะเสียความมั่นใจอยู่เชียว
แหะๆ กอดดดดดดดดดดดดดดดดค่ะ


เขียนไม่เนียนขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ :m17:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร: เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 22-08-2010 21:36:31
^
 :z13:  :กอด1:

ขายออกค่ะ คนซื้อมาแล้ว

Y ทั้งบ้าน

พี่น้องสองจ้าวพอกันเลย    :m25:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 22-08-2010 21:57:48
วายกับไปหมดทั้งบ้าน ดีไม่ลามไปยันลูกน้อง 555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 22-08-2010 22:11:44
 :z1: ลงโทษกันซะจนพี่หมินไม่ออกไปทำงานเลย


 :o8: ครอบครัววายของแท้
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-08-2010 22:12:59
ว้าววววววววววววววววว  o13
พล็อตได้ใจมากๆ ที่มาที่ไป ยิ่งทำให้เรื่องนี้เข้มข้น ล้นปรี่ แม้จะมีแค่สองตอนสั้นๆ
วายรุ่นแม่ ส่งต่ีอมายังวายรุ่นลูก แรงจัดชัดจริงมากๆค่ะ

อยากบวกแต้มอีก แต่ยังบวกไม่ได้
แต่ก็ขอบคุณคุณนุ่นมากๆนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 22-08-2010 22:13:43
 :o8: อ๊ายยยย ตอนต่อตามคำเรียกร้อง พี่หมินอย่าตั้งใจทำภารกิจมากเกินปายยย เด๋วจะหมดแรงกันซะก่อน  :o8:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 22-08-2010 22:39:34
จบแล้ว นึกว่าจะมีแค่นั้น.......แล้วจะมีตอนต่อไปอีกไหมคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 22-08-2010 23:09:45
ความวายมันสืบทอดผ่านทางสายเลือดได้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-08-2010 00:03:52
ภาพสวยเรื่องราวน่าอ่านเสมอ ชอบๆๆๆๆมากๆเลยครับ
แล้วจะอ่านตอนต่อไปนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 23-08-2010 02:28:51
 :impress2: กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ดีใจๆๆๆๆๆๆๆ ได้อ่านอีกหลายแนวเลยอ่ะ

ชอบทุกตอนอ่ะ ชอบมากมาย อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ

(บางตอนแอบร้องไห้ด้วย ไม่ได้เศร้าอะไรนะ แต่มันอธิบายไม่ถูกอ่ะ เหมือนแบบว่า มันซึ้ง มันอบอุ่นอะไรประมาณนี้อ่ะ)

ชอบคอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุรนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 23-08-2010 10:17:13
อิอิ ชัดเจนและกระจ่าง...
จ้าวหมินคงดูแลอาซื่ออย่างดีทั้งคืนเลย  :jul1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-08-2010 13:59:53
น่ารักมากมายเกินห้ามใจ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-08-2010 14:08:55
Y กันตั้งแต่รุ่นคุณแม่ 555
แหม แต่ขี้แกล้งพอกันเลยเนอะ :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 23-08-2010 14:58:04
เห็นชื่อคุณนุ่นก็ตามมาอ่าน
แล้วก็ทึ่งในความสามารถที่สามารถเขียนเรื่องสั้นได้คนละอารมณ์
และที่เหมือนกันทุกเรื่องคือ สนุก มากกกกค่ะ
อ่านจบแล้วก็แบบว่า อยากเขียนได้อย่างงี้มั่งอ่ะ (แค่คิดนะคะ รออ่านคุณนุ่นน่าจะดีกว่า)
ชอบเรื่อง ริมฝั่งยมุนา มากค่ะ ได้อารมณ์เหมือนกับไปเรียนมอปลายอีกครั้ง
เข้ามาอ่านนิยายคุณนุ่น ไม่เคยจะหวังให้มีฉาก เอ็นซี
แค่อยากเข้ามาอ่านนิยายที่มีภาษาสวยๆ อบอุ่นๆ จบประทับใจ
ขอบคุณค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 23-08-2010 16:57:31
พี่นุ่นไม่มีก๊อสซิปเจาะลึกหลังม่านบ้างอะไรบ้างหรอคะ :m24:
มาดามจ้าวเป็นหญิงแกร่งสุดยอดดดด
รอตอนต่อไปค่ะ สู้สู้
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์ (22/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-08-2010 18:37:46
^
^
^
กอสสิปแบบนี้ใช้ได้ป้ะคะน้องสาว???
คริคริ
สำหรับตอนนี้ เป็นตอนแถมค่ะ ไม่อ่านก็ได้ไม่มีสาระอะไร เอาฮาเจ๋ยๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ถ้าท่านไหนจะอ่านแล้วไม่ได้ตามมาทุกตอน คนเขียนแนะนำให้อ่านสองตอนก่อนหน้าก่อนนะคะ
ไปตามลิงค์ได้เลยค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16808.msg1071251#msg1071251  ลูบคมมังกร
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16808.msg1074233#msg1074233  ลูบคมมังกร....เล่ห์หงส์


หมายเหตุ นี่คือข้อความบันทึกลับของสาวใช้ไร้สติ โปรดอย่าใส่ใจนะคะ..(กระซิบกระซาบ อย่าไปปูดกับมาดามเชียว หงิงๆ).............................

บันทึกลับการสนทนาระหว่างคุณหนูหม่า(เพื่อนข้างบ้าน) กับ เสี่ยวเยี่ยน(สาวใช้น้อยๆ)

เหตุการณ์ในเช้าวันนั้น เริ่มต้นขึ้นที่คุณหนูหม่าเอาของฝากจากบ้านตระกูลหม่ามาให้มาดามจ้าว(เพื่อนแม่)
แล้ว.......


คุณหนูหม่า said :
...แง้ ๆๆๆๆ วิ่งไปฟ้องมาดาม...มาดามขรา เสี่ยวเยี่ยนแกล้งนู๋

เสี่ยวเยี่ยน (บันทึก)
มาดาม: เสี่ยวเยี่ยน ไปขัดส้วมทั้งตึก แกล้งคุณหนูหม่าได้ยังไง ฮึ่ยๆๆๆ

คุณหนูหม่า said with สีหน้าสะใจสุดฤทธิ์ :
กร๊ากกกกก ขัดส้วมเรยยยย 5555

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said :
เสี่ยวเยี่ยน: ค่ะ มาดาม (รับคำแล้ววิ่งไปตึกเล็กทันที เอ...ส้วมแรกขอเป็นส้วมในห้องคุณชายดีกว่า)

คุณหนูหม่า said (แอบได้ยินความคิดเสี่ยวเยี่ยน กี๊ดดดดดด คุณหนูมีพลังจิต) :
เอร้ยยยย ได้ไง

เสี่ยวเยี่ยน >/////< thought:
((มาดามไม่ได้บอกนิว่าตึกทั้งตึกอะ ตึกไหน))

And เปล่งเสียงหัวเราะมารร้ายแผ่วๆ:
ฮี่ๆๆๆ

คุณหนูหม่า acted :
วิ่งตามไปควบคุมเสี่ยวเยี่ยนที่ห้องคุณชาย หึหึ


คุณหนูหม่า  said :
เสี่ยวเยี่ยน ทำไมไม่เข้าไปขัดส้วมล่ะ มายืนทำอะไร?

เสี่ยวเยี่ยน>/////< said :
จุ๊ๆๆเบาๆค่ะคุณหนู มาแนบหูฟังกับหนูสิคะ >////<



facial expressions

คุณหนูหม่า: O_o
เสี่ยวเยี่ยน: *o*


คุณหนูหม่า acted :
กรี๊ดดดดดดด...กัดลิ้นกรี๊ด

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said:
จุ๊ๆๆ ชู่วววว

คุณหนูหม่า said :
ระ รู้แล้ว...สาเหตุที่ต้องส่งซักพรมคราวก่อนนั้น

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said :
กึ๋ยๆๆ แหะๆ

คุณหนูหม่า said :
ชั้นจะเป็นลม แต่ขอแข็งใจดูให้จบก่อน
เสี่ยวเยี่ยน >/////< said with สีหน้าโก้ดจริงจัง:
แต่เสี่ยวเยี่ยนขอฟังแค่ใกล้จบพอ แบบว่าไม่มั่นใจในสปีดตรีนส์ตัวเองเทียบกะสปีดลูกเตะคุณชายทั้งสองเท่าไหร่
กร้ากกกกกกกส์

คุณหนูหม่า said :
กำ..อย่าเพิ่งไป รอกันก๊อนนนนน


เราทั้งสองต่างแย่งชิงพื้นที่ที่ใกล้รอยแยกระหว่างบานประตูกับกรอบประตูอย่างไม่มีใครยอมใคร

คุณหนูหม่า acted:
กระอัก เช็ดเลือดที่เลอะประตูก่อน
   เดี๋ยวเหลือหลักฐาน

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said:
คริ
คุณหนูอ้ะ ไม่ใจเรย สะกดอารมณ์ยุบหนอ ยุบหนอไว้สิคร้า โห่วววว
เสี่ยวเยี่ยน >/////< said:
(กระซิบกระซาบ วันก่อนนะคะหนูจะมาตามคุณชายไปร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับมาดาม ก็ต้องยืนรอหน้าห้องแบบนี้แหละค่ะ ฮู้ยยยยย เสียงนะคะ ดั๊งงงงดัง)

คุณหนูหม่า said and acted:
ซู้ดดดด แค่กลั้นเลือดก็แย่แระ ห้องน้ำไม่ต้องขัดกัน ตายแร้ววววว เอามือปิดตา กางนิ้ว

คราวหน้าบอกก่อนนะเสี่ยวเยี่ยน จะได้เอากล้องวีดีโอติดมือมา หึหึ  

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said:
อุย หนูไม่เสี่ยงด้วยกะคุณหนูหรอกนะคะ หนูตาดูหูฟังเพื่อช่วยเรื่องสุขภาพเฉยๆ พอดีหนูความดันต่ำ พอมาแนมฟังทีไรเลือดสูบฉีดดีกระปรี้กระเปร่าทุกที

คุณหนูหม่า said:
5555 เราสองคนจะโดนคุณชายจ้าวส่องกบาลก็คราวนี้แหละ (สองจ้าวเลยนะ ทั้งเล็กทั้งใหญ่)

เสี่ยวเยี่ยน >/////< said and acted:
อะไรคะคุณหนู เสี่ยวเยี่ยนมาตามคำสั่งของมาดาม คุณหนูแหละ มายืนฟังด้วย มาดามไม่ได้สั่งมา ระวังนะคะ ถ้าคุณชายรู้เข้าล่ะก็....ว่าแล้วก็แบมือแล้วกระดิกนิ้วเบาๆ (เอาสักสิบดอลHKหนูก็อะเครปิดปากเงียบแล้วค่ะ)

คุณหนูหม่า said เอ่อ..ออกแนวกรีดร้องงิ:
- -ll ม้ายยยยยยยยยยยยยย

เสี่ยวเยี่ยน >/////< whispered:
((ช่วยไม่ได้นะคะ หนูเป็นคนของแก๊งค์ อยู่รับใช้มาดามมาตั้งแต่เด็ก มันก็ต้องมีติดนิสัยมืดๆมาบ้าง เอริ้กๆๆๆ))


......................
.........จะว่าไป เสี่ยวเยี่ยนเองก็สงสารคุณหนูหม่านะคะ แต่ทำไงได้ เสี่ยวเยี่ยนก็อยากได้ค่าขนมบ้างอะไรบ้างนี่คะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล.มีเด็กน้อยมาเรียกร้องจะอ่านกอสสิป กอสแบบนี้ได้มั้ยคร้า???

หมายเหตุ.....ขอบคุณคุณหนูหม่ามา ณ ที่นี้ ขออภัยที่บางประโยคเสี่ยวเยี่ยนจะใส่ความคุณหนูไปบ้าง....
แต่ในเมื่อนี่คือบันทึกของเสี่ยวเยี่ยน เสี่ยวเยี่ยนก็ต้องเติมแต่งตามใจบ้างนะคะคุณหนู โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 23-08-2010 18:52:10
 :z13: ตูดนุ่นเล่น ๆ เย็น ๆ ใจ



555 ไม่ไหว ปวดท้องมาก ขำกระจาย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-08-2010 19:15:48
^
^
จิ้มมมมมมมมม จึกๆคืนเลย นี่แน่ะๆ
พี่พีนัทขำจริงๆนะคะ

กำลังกลัวจะแป๊ก (ไม่ค่อยได้เขียนอะไรแนวนี้ ที่จริงนี่ก็เอามาแก้นิดหน่อยเอง ข้อความจากเอ็มเอสเอ็นงิ ขายของใกล้ตัวได้อีก)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-08-2010 20:21:25
เหอ  เหอ  จ้าวเล็ก  จ้าวใหญ่  พี่คิดมากนะเนี่ยะ  คลุมเครือ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-08-2010 20:39:52
^
^
^
พี่iforgive อ่านตอนเมื่อวานแล้วยังคะ?

ลูบคมมังกร ตอนเล่ห์หงส์ อ้ะค่ะ.......
(แบบว่ารู้สึกเหมือนขายไม่ค่อยออกไงไม่รู้ ที่จริงตอนเล่ห์หงส์นั่นนุ่นอยากให้คนอ่านแนะนำมากอ้ะ เพราะมันเขียนไปแล้วก็เคลียร์นะคะ แต่ยังไม่มั่นใจส่วนที่เป็นบทตอนต้นๆของมาดามจ้าวเท่าไหร่เลย กลัวคนอ่านขนาดตอนสองขยายความจากลูบคมมังกรแล้วยังงงอยู่น่ะค่ะ หงิงๆ)


ถ้าท่านไหนอ่านตอนล่าสุดไม่เข้าใจ ลองๆไปอ่านลูบคมมังกร ตอนแระที่หน้า8 และตอนเล่ห์หงส์ ที่หน้า9 ดูนะคะ
เผื่อจะช่วยได้ มันเป็นเรื่องชุดเดียวกันค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 23-08-2010 21:09:28
gossip ฮาดีค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 23-08-2010 21:37:37
ให้ยี่สิบดอล์เลย ขอคลิปได้มั้ยยยยยยยยยยยยยยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 23-08-2010 21:50:09
ความดันต่ำค่ะ  เสี่ยวเยี่ยนรบกวนอัดเทปให้พี่หน่อยจิ

แค่เสียงก็ยังดี  แบบว่าไม่มีไร อยากให้เลือดลมมานกระปรี้กระเปร่าบ้าง อะไรบ้าง  :m25:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 24-08-2010 08:01:04
 o22 เจเจ้...เอาความลับของเรามาเปิดเผยได้ไง
(เด๋วก็โดน .38 ส่องร๊อกกก!!)
กว่าจะวิ่งหนีออกมาได้..แทบตาย
เลือดพุ่งเป็นสาย..กร๊ากกกกก

 (http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Emo/872941.gif) ว่าแล้วก็วิ่งหนีไป(พร้อมกับลากอุปกรณ์การถ่ายทำครบมือติดมาด้วย อุตส่าห์เสี่ยงตายหขนาดนี้ ไม่มีให้หลุดมือ หึหึ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 24-08-2010 08:58:06
 :laugh: ขัดขาดาด้า
แล้วชิงอุปกรณ์การถ่ายทำที่ติดมือมาด้วย

หุหุ ปั้มแผ่นขายดีฝ่า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 24-08-2010 09:05:32

มาดามรับสาวใช้อีกซักคนมั้ยคะ

 :HBD2:  คุณนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 24-08-2010 09:42:56
:laugh: ขัดขาดาด้า
แล้วชิงอุปกรณ์การถ่ายทำที่ติดมือมาด้วย
หุหุ ปั้มแผ่นขายดีฝ่า

ม้ายยยย  :serius2: จะฟ้องมาดาม ๆ พี่มากขาเอาของนู๋หม่าคืนมา  :m15:

เออ...ที่บ้านไม่มีเครื่องไรท์นี่หว่า... :m17:
เอาไปก็ได้เผื่อด้วยแผ่นหนึ่ง  :haun5:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-08-2010 09:49:10
แหะๆ จุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบ
กอดรวบบบบบบบบบนักอ่านทุกท่านนะคร้าาาาาาาาาาา


มาดามรับสาวใช้อีกซักคนมั้ยคะ

 :HBD2:  คุณนุ่น

ขอบคุณค่ะคุณ234 กอดดดดดดดดแน่นๆเล้ยยยยยยยยยยยยยย

เสี่ยวเยี่ยน thought: จะให้มาดามรู้ว่าคุณ234มาสมัครงานไม่ได้ เดี๋ยวรายได้เราหดหาย.....ฮึบๆดัดเสียงหื้อแก่อีกนิดก่อน

มาดาม(เสี่ยวเยี่ยนดัดเสียงตะโกนข้ามรั้ว): พอดีสกุลจ้าวมีเด็กๆเยอะมากแล้ว ฉันคงไม่รับสาวใช้เร็วๆนี้หรอก....เธอลองไปสมัครงานที่คฤหาสน์สกุลหม่าดูแล้วกันนะ

((ว่าแล้วก็วิ่งกลับเข้าตึกอย่างด่วน เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆๆ))
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 24-08-2010 13:17:58
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ นุ่น มาอ่านตอน ลูบคมมังกร ครบทั้ง 2 ตอนเเล้ว ตอนเเรกก็ อ๊างๆๆๆ หงิงๆๆๆอาซื่อ น่ารักอะ น่ารักมากเลย เเอบเสียวตอนที่ลวดบาดคออะ เเง้ จะกลายเป็น นิยายสยอง ซะงั้น เเล้วมาอ่านตอนสอง ก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างไม่งง นะคะ รู้เรื่องเเล้วก็ หลงรักอาซื่ออีกเช่นเคย

ปล. อันนี้เป็น เรื่องราวความรักของ เทพ 2 คนนั้นอีกรึเปล่าไรเตอร์ เเล้วก็ เเฮะๆๆ รีดเดอร์ ยังไม่ได้อ่านตอนอื่นเลยอะ เข้ามาอ่านตอนนี้ก็เลยเมนท์ เเต่จะไปตามอ่านตอนอื่นอีก จริงๆนะ สัญญาด้วยสายเลือดวายในตัวเลย คริๆๆๆ อ้อเเล้วก็ กอสซิป ฮาอย่างเเรง คิคิคิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 24-08-2010 13:27:57
ขำๆ ฮาๆ แต่ว่าถ้ามีแอบถ่ายด้วยจะยิ่งดี  :laugh:

สาวใช้คนนี้ สมกับเป็นสาวใช้ของบ้านนี้จริงๆ

บวกไปอีก 1 แต้มแล้วนะคะคุณนุ่น ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 24-08-2010 15:49:59
 o13 o13

สนุกมากๆๆเลยค่ะ

แต่งต่ออีกน่ะค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 24-08-2010 16:51:50
ตามทันแหละ
ชอบที่ซู้ดดดดดด
 o13 o13 o13
มีหลากหลายเวอชั่น แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักมั่น
 :L2:
 :pig4:
คุณนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 24-08-2010 17:38:20
มาร์ค เผื่อด้วยแผ่นนึงนะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 24-08-2010 18:00:10
อ๊ายยยยยโดนค่ะพี่นุ่น ส่วนเล็กๆในบันทึกที่มีแต่คนต้องการ :m20:
พี่ๆขาน้องช่วยปล่อยแผ่นไหมคะ ?
ค่าจ้างไม่ต้อง แค่ขอฟรีแผ่นนึงแบบไม่มีม่านหมอกศิลธรรมโมเสกและเซนเซอร์เป็นพอ หุหุ

 :HBD1: นะคะพี่นุ่น
อวยพรๆ ขอให้พี่นุ่นสุขภาพแข็งแรง(สำคัญมาก!) แล้วก็ได้แรงบันดารใจดีดีมาเขียนเรื่องน่ารักๆมาให้อ่านเรื่อยๆนานๆ
ขอให้มีแต่คนรัก บวกน้องไปด้วยอีกคนน้าาาาา  :กอด1:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 25-08-2010 03:28:38
 :laugh:
 :m20:



หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-08-2010 11:07:21
ฮึบๆ แอบมาตอบเมนท์ดันตัวเองนิด

เห้นมีคุณบูตะจังมาถามว่าคุณชายจ้าวสองจ้าวนี่ใช่ท่านเทพกับศวัตรารึเปล่า

ปริศนานี้ขอให้มาอ่านในตอนต่อๆไปต่อๆไปนะคะ เราไม่ตอบค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


คุณcartoons ขอบคุณที่เข้ามาขำไปกับเสี่ยวเยี่ยนและคุณหนูหม่าค่ะ นิยายวายที่ตัวละครชายได้ออกมาแค่เสียง กร้ากกกกกกกกกกกกกส์

อ๊ายยยยยโดนค่ะพี่นุ่น ส่วนเล็กๆในบันทึกที่มีแต่คนต้องการ :m20:
พี่ๆขาน้องช่วยปล่อยแผ่นไหมคะ ?
ค่าจ้างไม่ต้อง แค่ขอฟรีแผ่นนึงแบบไม่มีม่านหมอกศิลธรรมโมเสกและเซนเซอร์เป็นพอ หุหุ

 :HBD1: นะคะพี่นุ่น
อวยพรๆ ขอให้พี่นุ่นสุขภาพแข็งแรง(สำคัญมาก!) แล้วก็ได้แรงบันดารใจดีดีมาเขียนเรื่องน่ารักๆมาให้อ่านเรื่อยๆนานๆ
ขอให้มีแต่คนรัก บวกน้องไปด้วยอีกคนน้าาาาา  :กอด1:


แหม่ๆๆๆ ยินดีรับไว้นะคร้าาาาาาาาาาาาา กอดดดดดดดดดดดด
(ว่าแต่ จะเอาก๊อปปี้ ไม่กลัวโดนลูกเตะคุณชายทั้งสองเหรอคะ?

มาร์ค เผื่อด้วยแผ่นนึงนะ  :haun4:

แหม่ๆๆ โนเนะก๊อออออออออ ไหนว่าเพิ่งสิบเจ็ด มิได้นะ ยังมิบรรลุนิติภาวะเรย กร้ากกกกกกกกกกกส์

ตามทันแหละ
ชอบที่ซู้ดดดดดด
 o13 o13 o13
มีหลากหลายเวอชั่น แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักมั่น
 :L2:
 :pig4:
คุณนุ่น
ขอบคุณค่ะคุณแมงปอ(มั่วอีกตรู) ยินดีต้อนรับสู่เรื่องเล่าจากความฝันค่ะ ^o^

o13 o13

สนุกมากๆๆเลยค่ะ

แต่งต่ออีกน่ะค่ะ

 :L2:
รับรองค่ะว่าจะมีมาเรื่อยๆ ความจริงพล็อตเข้าคิวอยู่เต็มเลย แต่ยังหาวัตถุดิบได้ไม่พร้อม แหะๆๆๆ (ยังไงเชิญไปอ่านเรื่อง "บทที่หนึ่งในความทรงจำ" แก้ขัดไปก่อนนะคะ แอบโฆษณาอีก หุหุ)

ขำๆ ฮาๆ แต่ว่าถ้ามีแอบถ่ายด้วยจะยิ่งดี  :laugh:

สาวใช้คนนี้ สมกับเป็นสาวใช้ของบ้านนี้จริงๆ

บวกไปอีก 1 แต้มแล้วนะคะคุณนุ่น ขอบคุณมากค่ะ

เสี่ยวเยี่ยนไม่ได้ตั้งใจข่มขู่รีดไถแต่อย่างใด แค่สถานการณ์มันเป็นใจเท่านั้นเองนะคะคุณน้ำตาล ฮี่ๆๆๆๆ(ปิดปากหัวเราะเบาๆ)

ปล.ต้องดันตัวเองนิด แบบว่าขายไม่ค่อยออก กร้ากกกกกกกกกกกกกส์

ปล.อีกครั้ง อย่าได้ใส่ใจกับฉากแบบอะจื๊ดๆของคนเขียนนะคะ แบบว่าวัตถุดิบน้อย เลยมาแบบแค่เสียงบ้าง แค่ภาพไร้เสียงบ้าง
(แอบมีเด็กน้อยมาบอกว่าอ่านแล้วขำด้วยสิ หงุงหงิง แต่ก็ปลื้มแล้วค่ะ อ่านฉากจึ๋ยๆแล้วขำดีกว่าอ่านแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเนอะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 26-08-2010 12:36:55
 :a5: ตามอ่านแทบไม่ทัน
อ่าน 2 เรื่องรวดเลย เหอๆๆ
จากลูกทุ่งจ๋า มาเป็นมาเฟียจีน
ลักษณะว่าาปรับอารมณ์ตามไม่ทัน 
แต่ก็ชอบทั้งคู่เลยนะ
ประทับใจคุณแม่ขาวายสุดแล้ว

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 26-08-2010 15:25:23
 :m20: ตอนแรกที่อ่านภาคนี้แอบมึนเล็กๆ แต่พอตอนที่สองนี่ :-[
แหมเสี่ยวเยี่ยนนี่นะ ถ่ายคลิปเผื่อมั่งเส้ :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 26-08-2010 15:55:18



:laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 26-08-2010 17:34:22
ฮา สองสาวเล่าเรื่อง ซุบซิบ
คุณพี่ก็"ดูแล"คุณน้องบ่อยๆนะคะ
รอเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 01-09-2010 14:52:23
จบเรื่องที่สองแล้ว..เหมือนยังอยู่ในห้วงฝัน..
อาฮ์  ภาษาการเขียนของคุณนุ่นขั้นเทพเลยค่ะ
ยังคงเป็นศวัตราสินะคะ
 :กอด1: :pig4:

จิจะทยอยอ่านเรื่อย ๆ นะคะ..งานเขียนของคุณนุ่นช่วยจิไว้ได้อีกแล้วนะคะนี่  :-[

 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 01-09-2010 20:29:23
แวะมาดันเฉย ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-09-2010 14:07:12
เข้ามากอดรวบคนอ่านที่น่ารัก พร้อมรายงานว่าวันนี้(ไม่ก็อย่างช้าพรุ่งนี้)
เรื่องสั้นจบในตอนเรื่องต่อไปจะมาส่งนะคะ

ขอบคุณพี่พีนัทที่แวะมาดัน แล้วก็ดีใจมากมายที่คุณจิอ่านแล้วอารมณ์ดีขึ้นค่ะ ^o^


ไปพยายามเขียนให้ชัดเจนก่อนนะคะ แอบบอกว่าคราวนี้พาเที่ยวไกล๊ไกลค่ะ แบบว่าแฟนตาเซียมาเลย กร้ากกกกกกกกกกกส์


ปล.ถึงคุณRinze ตามออเดอร์ค่ะ :a1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ลูบคมมังกร...[บันทึกลับของเสี่ยวเยี่ยน] (23/08/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-09-2010 20:33:45
มาส่งแล้วนะคะ สำหรับตอนนี้คนเขียนมีภาพในหัวสมองน้อยๆมานานแล้ว
แต่เพิ่งจะรวบรวมพลังงานเขียนออกมาให้คนอ่านที่น่ารักมาทดลองอ่านกันดูก็วันสองวันมานี้เอง

ยินดีต้อนรับสู้โลกของโซเล็มค่ะ  :oni2:
.......................

เรื่องเล่าจากความฝัน
Behind the Door: ประตูสีขาว


“ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
ทุกอย่างที่มองเห็น....ล้วนแล้วแต่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
.......................

ตั้งแต่....ข้าตัดสินใจเปิดประตูสีขาวบานนั้น
..........แล้วก้าวผ่านเข้ามา”
...

บันไดสีขาวทอดวนขึ้นไปในความเวิ้งว้างว่างเปล่าสุดสายตาจนมองไม่เห็นปลายทาง
หากเมื่อคิดจะย้อนกลับไปทางเก่า โซเล็มกลับต้องรู้สึกแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อประตูที่แน่ใจว่าเพิ่งก้าวผ่านเข้ามาเมื่อกี้กลับหายไป.....
อันตรธานไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง......


ที่มองเห็นในเวลานี้เป็นตัวเองซึ่งแทนที่จะยืนอยู่บนบันไดขั้นแรกเบื้องหลังบานประตูเก่าคร่ำคร่าสีขาว กลับเป็นตัวเองบนบันไดขั้นไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ใจได้คือจำนวนขั้นที่ทอดต่ำลงไปเบื้องล่างนั้นมากมาย และดูเป็นหนทางที่ทอดยาวไม่ต่างจากทางที่จะนำสู่เบื้องบนเลยทีเดียว

เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบกายเผื่อจะพบเจอสิ่งมีชีวิตอื่นพอให้อุ่นใจก็ยิ่งใจเสีย เพราะนอกจากจะไม่พบแม้แต่แมลงสักตัวแล้ว ความเวิ้งว้างรอบข้างกลับยิ่งชัดเจน มันว่างเปล่าจนไม่อาจพบเจอแม้แต่ความมืด


โซเล็มสูดลมหายใจเข้ายาวเหยียด ก่อนจะยกมือประสานที่หว่างอกสวดวิงวอนถึงพระผู้เป็นเจ้า แล้วจึงตัดสินใจก้าวเดินขึ้นสู่เบื้องบนอย่างรวดเร็ว จนเส้นผมสีส้มราวแสงอาทิตย์ยามใกล้จะลับขอบฟ้าที่ยาวเกือบกลางหลังพลิ้วสะบัด โดยไม่มองกลับหลังอีกเลย

น่าแปลก.....ทั้งๆที่เดินมานาน แต่แทนที่จะเหนื่อยหรือเมื่อยล้า หากยิ่งเดินร่างกายกลับยิ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่า โซเล็มจับจ้องแต่ที่ขั้นบันได ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองเดินมาไกลแค่ไหน จนรู้สึกถึงแสงเหลือบรุ้งลอดมากระทบสายตาจึงเงยหน้าขึ้นมอง

จากขั้นบันไดที่ยืนอยู่ในตอนนี้ อีกไม่ถึงสิบขั้นเท่านั้นมีบานประตูสีขาวอีกบานกั้นขวางอยู่ รูปร่างลักษณะเดียวกับประตูบานแรกนั่น หากต่างออกไปตรงที่ไม่มีร่องรอยเก่าคร่ำคร่าจนน่าจะถูกขโมยดอดมาถอดไปขายในตลาดค้าของเก่าท้ายเมือง อย่างที่โซเล็มคิดแวบขึ้นมาเมื่อได้เห็นประตูบานแรก

เจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งสูดลมหายใจเข้าอีกเฮือกพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นประดับใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเร่งสาวเท้าจนแทบเป็นวิ่งเข้าไปหาจุดหมายเบื้องหน้า ส่งให้เสียงกรุ๋งกริ๋งจากกระพรวนที่ข้อเท้ายิ่งดังเป็นจังหวะระรัว มือขวายื่นออกไปข้างหน้า อีกนิดเดียวก็จะแตะเข้ากับด้ามจับทองเหลืองรูปม้ามีปีกอยู่แล้ว

ฉับพลันทุกสิ่งทุกอย่างพลันสลายลงกับตา ราวกับมีมือยักษ์ล่องหนมาบดขยี้กระนั้น ทั้งบานประตูสีขาว และแม้แต่ขั้นบันไดทอดยาวสุดสายตากำลังปริร้าวและเริ่มแตกลงเป็นผุยผง

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
โซเล็มหลับหูหลับตาปล่อยเสียงอุทานโหยหวนยาวเหยียดตลอดเวลาที่ร่างกายดิ่งลงต่ำอย่างไร้ทิศทาง



“โซล!!! โซเล็ม นูร์!!”
แพขนตาสีแสงอาทิตย์ไม่ต่างจากเรือนผมค่อยขยับก่อนจะเบิ่งขึ้นเต็มที่ พร้อมกับมือทั้งสองที่เมื่อกี้ชูขึ้นไขว่คว้าพร้อมการเปล่งเสียงอุทานโหยหวนจับหมับเข้าที่สาบเสื้อตัวในของผู้ที่กำลังเขย่าปลุกอย่างหาที่ยึดเหนี่ยวทันที

“ลูซซซซซซ ลูซช่วยข้าด้วย!!”
น้ำเสียงละล่ำละลักของโซเล็มดังขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงโห่ฮาอีกห่าใหญ่ดังขึ้นรอบตัว เมื่อเหลียวมองรอบตัวจึงได้รู้ว่าที่ที่นั่งอยู่คือเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งในห้องเรียนโถงกระจก เงยหน้าขึ้นก็เจอกับสายตาขุ่นเข้มของท่านอาจารย์ลูซจ้องตอบมาจากหลังกรอบแว่นทรงกลมที่วางแปะอยู่บนดั้งจมูกปลายงองุ้ม ก่อนสายตาขุ่นๆนั้นจะเหลือบลงไปจับที่สองมือของลูกศิษย์ตัวดีที่ยังเกาะหนึบอยู่ตรงสาบเสื้อ

“ข้า....ข้าขอโทษท่านอาจารย์” โซเล็มปล่อยมือออกช้าๆ หลบตาลงมองพื้น แล้วเลยได้รับมะเหงกไม่เบานักเป็นรางวัลไปหนึ่งโป๊กจนต้องครางอูย

“เดี๋ยวตามไปที่ห้องพักอาจารย์ด้วยโซเล็ม” เสียงขึ้นจมูกบอกเบาๆกับนักเรียนที่บังอาจหลับขณะฟังบรรยาย แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเสียงประกาศดังก้องไปทั้งโถงกระจก
“เลิกๆ วันนี้พอแค่นี้นักเรียนทั้งหลาย ข้าหมดอารมณ์สอนแล้ว!!”


อาจารย์ที่เพิ่งประกาศเสียงดังฟังชัดว่าหมดอารมณ์สอน ก้าวฉับๆจนพื้นสะเทือนออกจากโถงกระจกที่มีนักเรียนอยู่สิบเจ็ดชีวิตไปแล้ว โซเล็มก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งกับแรงมือหนักๆของเหล่าเพื่อนๆที่รักที่เข้ามาตบหลังตบไหล่ ขอบอกขอบใจที่ช่วยเสียสละหลับแล้วละเมอจนได้เลิกเรียนเร็วกว่าปกติเกือบชั่วโมง

จนเมื่อเพื่อนทยอยออกไปจนหมดแล้วนั่นแหละ โซเล็ม นูร์ จึงกวาดข้าวของลงย่ามก่อนจะเดินลากขาซังกะตายไปหาท่านอาจารย์ตามคำสั่ง


“นั่งสิ” เพียงแค่โผล่ไปยืนอยู่หน้าห้อง ยังไม่ทันทำใจเตรียมรับการลงโทษ ประตูไม้หนาหนักก็เปิดออกเอง พร้อมเสียงอนุญาตให้นั่งดังจากปากของท่านอาจารย์ที่ง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงาน โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ

“เอ่อ.....คือ ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจ......”

“หึๆๆๆ ข้ารู้ แต่ที่สงสัยจนต้องเรียกมาถามก็เพราะไอ้ไม่ได้ตั้งใจของเจ้า มันสามครั้งแล้วนะโซล สามวันติดต่อกันแล้วที่เจ้าหลับในห้องเรียนจนละเมอเสียงดังแบบนี้......มีอะไรอยากบอกมั้ย?”

“ข้าไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงหลับ แต่ข้าฝันซ้ำๆมาทุกคืน .......ที่จริงคือทุกครั้งที่เผลอหลับ ข้าจะฝันเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา”

“เล่ามาซิ”
เท่านั้นแหละ เรื่องราวของประตูสีขาวกับบันไดวนที่ทอดยาวจนไม่เห็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดจึงหลุดจากปากของลูกศิษย์ตัวดี เจ้าของดวงตาสีฟ้าเข้มที่นอกจากจะเป็นลูกศิษย์แล้วยังเป็นน้องชายข้างบ้านที่ท่านอาจารย์ลูซเห็นเป็นของเล่นมาตั้งแต่ท่านอาจารย์อายุได้สิบขวบ

“นั่นแหละลูซ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลับในเวลาเรียนจริงๆนะ” เสียงออดอ่อยตบท้ายมาว่าอย่างนั้น ก่อนเจ้าตัวคนเล่ามันจะถือวิสาสะหยิบถ้วยกระเบื้องเนื้อหนาของอาจารย์มากระดกของเหลวใส่ปากซะเฉยๆ

“ตกลงฝันมาตั้งหลายครั้ง เจ้าไม่เคยได้เปิดประตูบานที่สองเลยเรอะ? เพราะว่ามีคนปลุกให้ตื่นก่อนทุกทีสินะ อืม.....”
ท่านอาจารย์โบกมือไปทางกาน้ำชาที่ริมโต๊ะแล้วจิ้มนิ้วส่งๆไปที่ถ้วยกระเบื้องทั้งสีหน้าครุ่นคำนึงถึงเรื่องราวจากความฝันของลูกศิษย์ตัวดี

เล่นเอาโซเล็มต้องอ้าปากค้างกับน้ำชาสีเข้มซึ่งแทนที่จะไหลเป็นสายลงถ้วยกระเบื้อง แต่พอพ้นจากพวยกากลับแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของม้าหนุ่มที่กำลังสยายปีกทั้งสองทำท่าเหมือนกับกำลังเผ่นโผนอยู่กลางอากาศชั่วแวบ ก่อนจะกระโจนลงถ้วยกระเบื้องในมือเด็กหนุ่มให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

“เอ่อ.....นี่แหละลูซ ที่จับประตูที่ข้าเห็นในฝัน เหมือนเจ้าม้าตัวเมื่อกี้ไม่ผิดเลย เว้นแต่มันทำมาจากทองเหลือง.....ไม่ใช่ชา”

“ข้ากำลังคิด.......โซล.......”
โซเล็มถึงกับขนลุกซู่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเรียกชื่ออันแสนคุ้นเคย มาพร้อมกับสายตาวิบวับเหมือนกับเจอเรื่องสนุกเข้าแล้วของท่านอาจารย์
“เจ้าคิดว่า.....หลังบานประตูสีขาวนั้นจะมีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ......ลูซ......พี่คงไม่....”

รอยยิ้มหวานฉ่ำส่งมาให้น้องชายข้างบ้าน พร้อมกับมือขาวๆบางๆหากแต่โซเล็มรู้ดีว่าเรี่ยวแรงมหาศาลทั้งจากสมรรถภาพทางกายของเจ้าตัวและมายาแห่งเวทย์ที่บรรจุอยู่ทั่วร่างยื่นมาวางลงบนบ่าซ้าย พร้อมๆกับที่ร่างเล็กที่เมื่อกี้ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะทำงานตัวใหญ่เคลื่อนไหวจนตาจับไม่ทันมายืนค้ำอยู่ข้างกาย

“คืนนี้ไปนอนบ้านข้า บอกท่านอาซีเรนว่าข้าต้องการให้เจ้ามาช่วยทำงาน......หึๆๆๆ โซลเอ๋ย ข้ารับรองว่าคืนนี้เจ้าจะได้เปิดประตูบานที่สองแน่ อยากรู้มิใช่หรือว่าหลังบานประตูมีอะไร.....ข้อแลกเปลี่ยนก็แค่ เจ้าต้องเล่าทุกสิ่งที่เจ้าเห็นหลังบานประตูนั้นให้ข้าฟังหลังจากตื่น คงรู้สินะว่ากับข้า.....ไม่เคยมีคำว่าความลับ หึๆๆๆๆ”



ลูซ ปาลันธ์จัดการให้น้องชายข้างบ้าน.....ของเล่นชิ้นโปรด นอนบนเตียงสี่เสาหลังเดิมเหมือนทุกครั้งที่โซเล็มมีเหตุให้ต้องมาค้างที่บ้านนี้

ที่ต่างไปโดยที่โซเล็มเองก็รับรู้ก็คือท่านอาจารย์ประจำวิชาเวทย์มนตร์2 จัดการเขียนสัญลักษณ์ล้อมรอบเตียงไว้ทั้งแปดทิศเพื่อกันการรบกวนใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับการนอนหลับของโซเล็มออกจนหมดสิ้น พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าต่อให้ฟ้าถล่มหรือแผ่นดินทลาย จนกระทั่งกองทัพมังกรบุกก็ตาม โซเล็มจะหลับได้อย่างสบายโดยไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเลยสักนิด

โซเล็มมีสีหน้าหวาดๆกับอานุภาพเวทย์มนตร์ของพี่สาวข้างบ้านเล็กน้อย แต่ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ พร้อมทั้งอาการของตัวเองที่รู้สึกเหมือนที่นอนมันดึงดูดเสียเหลือเกิน ก็ทำให้หลังจากอาบน้ำกินอาหารเย็นไปก็คลานขึ้นเตียงแล้วหลับเป็นตายทันที


ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวอ่อนกว้างไกล นอกจากบานประตูเก่าคร่ำคร่าสีขาวกระดำกระด่างกับที่จับทองเหลืองรูปม้าบินที่มีตะกรันเกาะเป็นคราบแล้วมองไปรอบตัวก็ไม่เจอทางอื่นที่น่าสนใจอีก

โซเล็มตัดสินใจดึงเจ้าม้านั่นเข้าหาตัว ก่อนจะก้าวข้ามช่องประตูเข้าไปเหมือนทุกครั้ง  เมื่อเริ่มก้าวเท้าพาตัวเองขึ้นสู่เบื้องบนก็ให้นึกแปลกใจตัวเองว่าเหตุใดกัน ไม่ว่าจะเข้ามาที่เส้นทางบันไดเวียนนี่กี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยมีความคิดจะทดลองก้าวลงไปสู่เบื้องต่ำเลยสักที

กระพรวนที่ข้อเท้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความเยาว์วัยของเด็กหนุ่มส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งทุกครั้งที่ย่างก้าว
เมื่อมาอยู่บนเส้นทางนี้โซเล็มนึกขอบใจที่ตัวเองยังอายุไม่ครบสิบห้าปี จึงได้ถูกบังคับให้ใส่กระพรวนติดข้อเท้าไว้ตลอดเวลา.....
ไม่เช่นนั้น....การเดินทางบนบันไดสีขาวนี้คงยิ่งเงียบเหงากว่าที่เป็นอยู่เป็นแน่



แสงเหลือบรุ้งลอดผ่านช่องว่างของบานประตูกับพื้นที่ระบุไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากวัสดุชนิดใดบนโลกผ่านเข้าสู่สายตาของเด็กหนุ่มอีกครั้ง โซเล็มไม่รีบร้อนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยความมั่นใจว่าจะไม่ต้องตื่นขึ้นกลางคันแน่ๆ จังหวะก้าวจึงสม่ำเสมอ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำลักษณาการราวกับลูกแมวจดๆจ้องๆจะตะครุบปลาตัวโตหากก็กลัวจะต้องเปียกน้ำกระนั้น

และแค่เพียงปลายนิ้วมือที่สัมผัสโดนแผงคอของเจ้าม้ามีปีกประตูสีขาวพลันเปิดออกกว้าง ไม่มีความลังเลใดๆ โซเล็มตัดสินใจก้าวผ่านเข้าไปทันที

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/m148533.jpg)
ทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าและทิวไม้ทั้งไม้พุ่มไม้เลื้อยและไม้ยืนต้นหลากหลายพันธุ์ รวมถึงส่ำสัตว์ที่เห็นทำให้โซเล็มได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เพราะทุกสิ่งล้วนตรงข้ามกับความเป็นจริงที่เคยสัมผัส

ผืนหญ้าใต้ฝ่าเท้าเป็นสีชมพูซ้ำยังให้สัมผัสนุ่มละมุนจนอยากจะทิ้งกายลงเกลือกกลิ้ง นกน้อยที่บินผ่านหน้าไปเมื่อครู่ก็มีขนปีกสีขาวเหลือบรุ้งทอประกายยิ่งกว่าเครื่องเพชรพลอยในกล่องสมบัติของท่านแม่ที่บ้านเสียอีก แล้วยังเจ้ากระต่ายน้อยหูยาวสีฟ้าสดใสดวงตาเหลืองราวกับแท่งอำพันอีกเล่า

ขณะที่กำลังตื่นตากับสิ่งที่เห็นรอบตัว ที่แม้แต่ตำนานปรัมปราในหอสมุดประจำเมืองที่โซเล็มชอบอ่านยังไม่เคยกล่าวถึง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“มาถึงแล้วรึ?” เสียงทุ้มนุ่มทรงอำนาจดังสะท้อนไปทั่วจนเด็กหนุ่มได้แต่หันซ้ายหันขวาล่อกแล่กเพราะไม่อาจหาต้นตอของเสียงได้

“........ท่าน ท่านเป็นใคร?”

“ข้าสิควรถามว่าเจ้าเป็นใคร เจ้ากำลังบุกรุกสถานที่ของข้าอยู่มิรู้ตัวหรือ?”

“ท่านอยู่ที่ไหน เป็นผีหรือเป็นคน บอกไว้ก่อนนะหากเป็นผีล่ะก็ข้าไม่สุงสิงด้วยแน่ ข้าไม่ถูกกับผี”

“หึๆๆๆ เข้ามาสิ มาพักดื่มกินแก้กระหายก่อน เจ้าเดินทางมาไกลมิใช่หรือเด็กน้อย......”คราวนี้น้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นเหมือนดังมาจากหลังพุ่มไม้ข้างหน้านี่เอง

โซเล็มบอกตัวเองว่านี่คือความฝัน แล้วในเมื่อมันเป็นความฝันของข้า ก็ย่อมไม่มีอันตรายอันใดกับข้าแน่ๆ แล้วจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเจ้าของเสียงนั้นตามคำชวน เมื่อเดินผ่านซุ้มกุหลาบที่ออกดอกสีเขียวเข้มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเข้าไป ก็พบกับชุดน้ำชาพร้อมทั้งขนมหวานชิ้นเล็กชิ้นน้อยวางอยู่ในจานเปลขอบทอง หน้าตาเหมือนกับชุดกระเบื้องที่บ้านสุดรักสุดหวงของท่านแม่ไม่มีผิด

“ดื่มชาแล้วก็กินขนมเถิดเด็กน้อย.....” โซเล็มเหลือบมองไปรอบตัวอีกครั้ง ก็คราวนี้เสียงนั้นดังขึ้นใกล้ๆ เหมือนเจ้าของเสียงจะอยู่ห่างไปไม่ถึงช่วงเอื้อมมือถึงด้วยซ้ำ แต่รอบกายกลับว่างเปล่า นอกจากเจ้ากระต่ายน้อยสีฟ้าสดที่แหงนหน้ามองกลับมาก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นอีกแท้ๆ

“อ๋อ.......ข้าเข้าใจล่ะ ที่แท้ ท่านก็คือจิตสำนึกของข้าใช่มั้ยล่ะ นี่ข้าก็เพิ่งจะรู้ตัวนะว่าตัวเองอยากให้หญ้าเป็นสีชมพู”
โซเล็มจัดการนั่งลงกับพื้นหญ้าข้างชุดน้ำชา แขนข้างหนึ่งเท้าพื้น อีกข้างยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ ไม่สนใจกับเสียงหัวเราะเบาๆที่ดังขึ้นใกล้เข้ามาจนราวกับเจ้าของเสียงมานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังอีก

เมื่อก้มหน้าลงสนใจกับขนมหวานหลากสีตรงหน้า เส้นผมยาวๆที่ควรจะร่วงลงมาให้ต้องรำคาญกลับถูกมือที่มองไม่เห็นจับขึ้นทัดไว้ที่ข้างหูให้อย่างนุ่มนวล พร้อมทั้งรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม....แผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่าน

“ช่างเป็นจิตสำนึกที่ทะลึ่งจริงๆ แต่ก็ขอบใจนะที่ช่วยจับผมให้ข้า ปกติข้าก็รวบแหละ แต่นี่นอนแล้วไงข้าเลยปล่อยผม ไม่งั้นข้าจะรู้สึกตึงๆหนังศีรษะแล้วพาลนอนไม่หลับเอา......เอ....ข้านี่ก็บ้า จะต้องเล่าให้เจ้าฟังทำไม เจ้าควรต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“ก็ใครว่าเล่า ว่าข้าเป็นจิตสำนึกของเจ้า เด็กน้อย......”คราวนี้เสียงทุ้มละมุนกระซิบอยู่ที่ริมหูนี่เอง โซเล็มถึงกับสะดุ้ง แต่ก็แสร้งทำใจกล้าถามกลับไป

“อ้าว ก็นี่มันความฝันของข้า.....เจ้าย่อมต้องเป็นส่วนหนึ่งในจิตใจของข้าสิ เอาเถิด ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ใช่จิตสำนึกของข้า ถ้างั้นเจ้าเป็นใครเล่า?”

“แล้วเวลานี้เจ้าเป็นใครล่ะเด็กน้อย ไหนลองบอกข้ามาซิ”

“ข้าชื่อโซเล็ม โซเล็ม นูร์ เป็นลูกชายของท่านแม่ซีเรนกับท่านพ่อฟาลันท์ บ้านอยู่เยื้องๆหอสมุดประจำเมืองไปไม่ไกล.......เอ๊ะ......เจ้าหลอกข้านี่ ข้าจะถามเจ้านะ ไม่ใช่ให้เจ้ามาถามข้ากลับแบบนี้ แล้วไม่ต้องมาหัวเราะข้าด้วย.....อ๊ะ!!!”

เพราะเสียงหัวเราะร่วนที่ดังขึ้นใกล้ๆแท้ๆ ทำให้โซเล็มปล่อยหมัดไปตามทิศทางของเสียง แล้วที่ต้องตกใจจนตัวแข็ง ก็เพราะแทนที่หมัดจะกระทบกับความว่างเปล่า กลับปะทะเข้ากับแผงอกหนา ที่ให้ความรู้สึกทั้งแข็งทั้งหยุ่น แถมยังอุ่นในคราวเดียวกัน

เมื่อจะดึงมือกลับก็กลับถูกจับยึดไว้ด้วยอุ้งมือที่มองไม่เห็น แถมยังถูกดึงจนรู้สึกว่าแผ่นหลังเข้าไปเบียดอยู่กับแผงอกของเจ้าของเสียงล่องหนนั่นจนแนบแน่น

“เมื่อเจ้าเป็นโซเล็ม ข้าก็คือมัทเตโอ.......จำนามของข้าให้ดีนะโซเล็ม นูร์ นามของข้าสำหรับเจ้าที่เป็นโซเล็มคือมัทเตโอ”
....................................


“อะไรกัน แค่นั้นแล้วเจ้าก็ตื่นขึ้นงั้นรึ?”

“อื้อ.....อะไรลูซ อย่ามามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นนะ”

โซเล็มแข็งใจทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สบตากับพี่สาวข้างบ้านที่พ่วงตำแหน่งแม่มดหน้าใหม่ไฟแรงหนึ่งในสิบคนแรกของภูมิภาคอย่างหน้าซื่อตาใส

“เอาเถิด ข้าจะถือว่าหญ้าสีชมพูกับกระต่ายสีฟ้าเป็นข้อมูลที่ดี น่าสนใจจะลองใช้เป็นแบบจัดสวนหน้าบ้านเสียใหม่”

“เอ่อ....งั้น ข้ากลับบ้านก่อนนะ”

“จะรีบไปไหน ไม่อยู่กินอาหารเช้ากับข้าก่อนรึ?”

“ไม่ล่ะลูซ ข้ายังอิ่มอยู่เลย เออ.....แปลกนะ ทำไมข้าถึงรู้สึกอิ่มได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นแค่ความฝัน.....”
........................................


“มัทเตโอ ข้ามาแล้ว”

“คิดถึงข้ารึเปล่าโซล?”
เสียงตอบรับมาพร้อมกับสัมผัสจากอ้อมแขนที่ตรงเข้ามาโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ทั้งตัว โซเล็มส่ายหน้าจนผมยาวๆนั้นกระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่แววตาพราวระยับ พลิกตัวซุกหน้าลงบนบ่าของร่างกายที่แม้จะมองไม่เห็นแต่เพียงสัมผัสก็พอจะทำให้อบอุ่นใจทุกค่ำคืน

“ไม่ทันได้คิดถึง......ก็เมื่อก่อนสางเราเพิ่งแยกกันเองนี่”
โซเล็มเองก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กัน ครั้งที่เท่าไหร่ของการพบกันในฝันแบบนี้ ที่ทำให้ความรู้สึกแปลกแยกเลือนหายไป  พร้อมกับความรู้สึกสนิทใจจนเกินกว่าที่เคยรู้สึกกับทุกคนในชีวิตเข้ามาแทนที่ ความรู้สึกสนิทใจ ไว้วางใจจนเหมือนกับโซเล็มเองเป็นเหมือนคนคนเดียวกันกับเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มหูนี้

“แค่ไม่กี่ชั่วยาม แต่ข้าก็คิดถึงเจ้านี่นา โซลของข้า......”
อ้อมกอดนั้นรัดแน่นขึ้นอีกในขณะที่โซเล็มพลิกหน้าเข้ามอบจูบเบาๆที่ข้างแก้มของมัทเตโออีกครั้งและอีกครั้ง แล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

“หัวเราะอะไรรึโซล?”

“ข้าดีใจ......วันนี้วันเกิดอายุครบสิบห้าปีของข้า เดี๋ยวรุ่งเช้าตื่นขึ้นข้าจะถอดกำไลข้อเท้า แล้วก็จะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะมัทเตโอ” อ้อมกอดยิ่งกระชับแน่นเข้า แน่นจนคนถูกกอดเริ่มรู้สึกเจ็บ จนต้องประท้วงออกไป
“อื้อ.....”

“โอ๊ะ! ข้าขอโทษ.....โซล เจ้าจะเป็นผู้ใหญ่ งั้นวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะที่เจ้าจะมาที่นี่”

“พูดอะไรน่ะ เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?” โซเล็มขืนตัวออกจากอ้อมแขนของอีกคนทันที แล้วเลื่อนมือมาเขย่าที่ท่อนแขนในความว่างเปล่านั้นอย่างเด็กเอาแต่ใจ

“ฟังนะโซล พรุ่งนี้เมื่อเจ้าตื่นขึ้น ถึงแม้เจ้าจะพยายามค้นหาทางกลับมาที่นี่เพียงไร แต่เจ้าก็จักไม่อาจหาทางกลับมาได้อีก.....โซล เด็กดี อย่าเพิ่งร้องไห้.......”

“ทำไม ทำไมถึงจะเป็นเช่นนั้น? ข้าไม่เชื่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้พอข้าหลับ ข้าก็จะกลับมาหาเจ้าได้อีก ข้ามาหาเจ้าอย่างนี้ทุกคืน กี่สิบกี่ร้อยคืนมาแล้วที่เราได้พบกัน พูดคุย เล่นสนุกด้วยกัน.....กี่คืนมาแล้วที่เจ้ากอดข้าเอาไว้แบบนี้ แล้ว.........แล้วทำไม.......มัท......ฮือ.......มัท......ข้า ข้าไม่ยอม.......”

“โซล......คนดี ฟังข้านะ เจ้าจะไม่ได้กลับมาที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้พบกัน.......ขอแค่เจ้าจำชื่อของข้าไว้เท่านั้น ทวนคำข้าซิโซล....เมื่อเจ้าเป็นโซเล็ม นามของข้าคืออะไร?”

“มัทเตโอ.......เมื่อข้าคือโซเล็ม เจ้าจะเป็นมัทเตโอ”

โซเล็มทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นหญ้าสีชมพูที่คุ้นตาคุ้นใจ ข่มน้ำตาให้หยุดไหล กลั้นสะอื้นจนตัวสั่น เหยียดขาไปด้านหน้าโดยมีแผ่นอกอุ่นซ้อนแนบอยู่ด้านหลัง มือข้างหนึ่งวางลงบนหลังมือของคนด้านหลังที่อ้อมมาโอบอยู่ตรงหน้าท้อง อีกข้างไล้เล่นอยู่กับยอดหญ้านุ่มละมุนอย่างอาลัย

“มัท.....แล้วหากข้าไม่หลับลงที่นี่ ข้าก็จะไม่ต้องตื่นขึ้นที่บ้านในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่?”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ?”

“ก็.......หากข้าไม่หลับลงที่นี่ เมื่อเวลาเช้าพรุ่งนี้มาถึง ข้าก็จะไม่ต้องกลับไปที่บ้าน ตราบใดที่ข้าไม่นอนหลับ ข้าก็จะอยู่ที่นี่ อยู่กับเจ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆใช่หรือไม่?”


“ไม่ได้หรอกนะโซล แล้วท่านแม่ท่านพ่อของเจ้าเล่า.....โซล คนดี เจ้าอย่าคิดอะไรสั้นๆ เพราะข้ารักเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำในสิ่งที่ผิดต่อคนที่รักเจ้าทุกคนเด็ดขาด”

“ถ้างั้นเจ้าช่วยกอดข้าให้แน่น แล้วจูบข้า เหมือนเมื่อคราวแรกที่เราเจอกันได้หรือไม่....”

โซเล็มผินหน้ากลับไปหาร่างที่มองไม่เห็นด้านหลัง หลับตาพริ้มรอรับจุมพิตจากริมฝีปากอุ่นร้อนที่บดเบียดเข้าหา ฝ่ามือของคนด้านหลังสอดเข้าไปในกลุ่มผมตรงท้ายทอย ขมวดพันพร้อมทั้งออกแรงบังคับให้ใบหน้าเนียนที่ยังคงมีคราบน้ำตาแหงนเงยขึ้นอีก

“ข้าจะไม่ได้เห็นใบหน้าของเจ้าจริงๆน่ะหรือ อย่างน้อย.....ให้ข้าเก็บใบหน้าของเจ้าไว้ในความทรงจำมิได้หรือ?”
แทนคำตอบ ฝ่ามือที่มองไม่เห็นจับประคองมือของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนให้สัมผัสไล่ระไปทุกส่วนบนใบหน้า ทั้งหน้าผาก คิ้ว สันจมูก เปลือกตา และจบลงตรงริมฝีปากยกขอบหนา

“โซล.....อย่าจดจำข้าด้วยหน้าตา แต่จงจารึกข้าลงในหัวใจของเจ้าด้วยความรู้สึก หลับนะคนดี.....สัญญา ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ารอนานแน่นอน”



“โซเล็ม นูร์ เจ้าคิดจะประกอบอาชีพเป็นบรรณารักษ์เช่นนั้นหรือ?”
เสียงขึ้นจมูกคุ้นเคยที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้เจ้าของผมสีพระอาทิตย์ยามเย็น เงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือบนโต๊ะไม้เนื้อแข็งขึ้นมาส่งยิ้มให้ท่านอาจารย์ลูซผู้มาเร็วไปเร็วไปหนึ่งที

“ลูซ พี่จะกลับบ้านแล้วหรือ อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าหอสมุดจะปิด พี่กลับก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวข้ากลับคนเดียวเอง”
ว่าอย่างนั้น แล้วโซเล็มก็ก้มหน้าก้มตาลงหมกมุ่นกับกองหนังสือตรงหน้าต่อ ไม่สนใจแม้คนที่อุตส่าห์มาตามถึงที่จะชะโงกหน้ามาดูชื่อหนังสือที่โซเล็มที่ตอนนี้เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วเอามาตั้งไว้อีกสองสามเล่ม

“อืม......การเดินทางข้ามมิติ มิติแห่งกาลเวลา ทฤษฎีความฝัน........นี่โซลน้อยๆของข้าโตจนสนใจเรื่องทฤษฎีหนักๆพวกนี้แล้วรึ หรือที่เจ้าอ่านหนังสือพวกนี้ เพราะอยากจะกลับไปฝันอีกกันแน่?”

“ลูซ........อย่า พอเถอะนะ พี่จะแกล้งอะไรข้าก็ได้ จับข้าเล่นแต่งตัวตุ๊กตาข้าก็ยอม แต่อย่าแกล้งข้าเรื่องนี้.......”
น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นสั่นพร่าราวกับคนขอร้องกำลังจะปล่อยโฮทำให้ลูซ....แม่มดแถวหน้าของทวีปต้องยอมปล่อยไป แต่กลับจุดยิ้มที่มุมปากพร้อมกับประกายตาวิบวับใต้กรอบแว่นขึ้นแทน

“งั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปวันนี้ แต่รีบกลับบ้านด้วยล่ะ วันนี้บ้านข้ามีงานเลี้ยงมื้อค่ำ ท่านแม่ของเจ้าก็มาด้วย เจ้าเองในฐานะน้องชายที่รักของข้าเจ้าควรจะไปถึงงานก่อนเวลา.....ข้ากลับก่อนล่ะนะ อ้อ......ถ้าเจ้าเบี้ยวนะโซล คงรู้นะจะเกิดอะไรขึ้น”



โซเล็มกลับถึงบ้านเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา รีบลนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมสำหรับงานเลี้ยงฤดูหนาวที่ประกอบด้วยผ้าหลายชิ้นจนกลัวว่าจะไปถึงงานสาย แทนที่จะเข้างานทางหน้าบ้านท่านแม่มดแถวหน้า ชายหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยสิบเจ็ดปีมาได้สองวันจึงตัดสินใจมุดรั้วไม้ ที่มีช่องลับเฉพาะที่เคยใช้เป็นประจำกับลูซสองคนเวลาไปมาหาสู่กันเข้าไปแทน

หากเมื่อก้าวออกมาจากพุ่มไม้เลื้อยที่ขึ้นบังช่องทางลับอยู่ก็เงยหน้ามาพบกับชายหนุ่มอีกคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน โซเล็มส่งยิ้มไปเป็นทัพหน้าตามประสาน้องชายที่รักของเจ้าบ้าน พร้อมทั้งยื่นมือออกไปรอเพื่อรับการจับมือทักทายแสดงความเป็นมิตร

“ข้าชื่อโซเล็ม เป็น....เอ่อ....เพื่อนบ้านของท่านลูซ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ท่าน.....?”

“อืม.......ข้าว่าแล้วว่าต้องเป็นเจ้า ลูซบอกกับข้าว่าคนชื่อโซเล็ม ผู้มีตาสีฟ้า และผมสีแสงอาทิตย์ต้องการพบข้า”

“เอ๊ะ?!”
โซเล็มมองตามสายตาของผู้ชายที่คงจะอายุพอๆกันตรงหน้าที่กำลังกวาดไปทั่วตัวเขาด้วยความรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ราวกับจะเป็นไข้ ดวงตาสีอำพันเช่นเดียวกับตาของเจ้ากระต่ายในโลกแห่งความฝัน กับเส้นผมสีดำสนิทที่รวบไปอยู่ด้านหลังให้ความรู้สึกคุ้นเคยประหลาด

และยิ่งต้องหัวใจกระตุกเมื่อสอดสายตาไปพบกับจี้ห้อยคอของชายหนุ่มตรงหน้าที่โผล่ออกมาจากผ้าคลุมสีเข้มเหมือนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด

“จี้นั่น?”

“จี้ของเก่าของท่านพ่อน่ะ รูปม้ามีปีกจากเทพนิยายของทวีปอื่น ยินดีที่ได้รู้จักโซล......ข้าเป็นน้องชายต่างบิดาของลูซ”
มือขาวเรียวยาวสวยยิ่งกว่ามือใครๆยื่นมาแตะประสานกับมือที่โซเล็มยื่นไปรอ ฉับพลันนั้นเหมือนกระแสไฟวิ่งผ่านจุดที่ปลายนิ้วแตะกันจนต่างคนต่างต้องกระชากมือออกแล้วสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆยื่นออกไปหากันใหม่อย่างกล้าๆกลัวๆ หากคราวนี้สัมผัสจากฝ่ามือที่ได้รับกลับคุ้นเคยอย่างประหลาด
“หึๆๆ เอาใหม่นะ ยินดีที่ได้รู้จัก โซล......ข้าเป็นน้องชายต่างบิดาของลูซ ชื่อมัทเตโอ......”

“ฮะ?!?”

“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องรอนานนะ โซลของข้า.......”

..............................................
..............จบตอนค่ะ...............  



ปล.ชอบไม่ชอบอย่างไร อ่านแล้วไม่เข้าใจตรงไหน บอกกันได้ทุกอย่างนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ^o^
ปล.อีกครั้ง ถึงคุณRinze มันยังไม่ได้แบบที่ออเดอร์มาอ้ะค่ะ สงสัยอารมณ์นั้นมันจะไม่เข้ากับแฟนตาเซียเท่าไหร่ ไว้รอเขียนในโลกที่จริงมากกว่านี้อีกนิดดีกว่า แหะๆ

หมายเหตุ ตอนนี้หากท่านไหนอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือขี้เกียจจินตนาการเอง เชิญไปอ่านคำชี้แจงที่หน้า11 reply 305 นะคะ
แต่อยากให้คิดเอาเองมากกว่าเนอะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 04-09-2010 21:14:29
มากอดรับขวัญตอนใหม่ :กอด1:



อ่านจบแล้วเจเจ้
ขอบอกว่าคราวหงิง หงิง
 :serius2:
ทำไมมันค้างอยู่แค่นั่นเล่าท่านพี่!!! :m15:
เอามัทเตโอออกมาให้ข้าเลยนะ T-T
 o9 นอนดิ้น ๆ งอแง ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 04-09-2010 21:54:37
^
^ จิ้มเจ้ด้า
มาอยู่ที่นี้นี้เอง 5555
ถึงจะแฟนตตาซีแต่ก็ยังไม่ทิ้งคอนเซป หวานบาดใจ
เป็นอีกตอนที่ชอบมาก การรอใครซักคนถึงจะทรมานบ้าง
แต่ก็มีความสุขที่ได้รอ  :o8:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 04-09-2010 23:02:54
โซลรอนานถึงสองปี แต่ก็ยังรอด้วยความหวัง

น่ารักมากเลย หวานมากมาย

ลูซก็เป็นแม่มดบวกแม่สื่อสินะคะ

ขอบคุณนะน้องนุ่น ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-09-2010 23:25:27
ความรู้สึกของโซลคงอิ่มเอิบเนาะ  เหมือนการรอคอยมันสิ้นสุดลงด้วยดีน่ะ
อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ  บุพเพสันนิวาสได้มั๊ย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-09-2010 00:07:44
“เมื่อเจ้าเป็นโซเล็ม ข้าก็คือมัทเตโอ.......จำนามของข้าให้ดีนะโซเล็ม นูร์ นามของข้าสำหรับเจ้าที่เป็นโซเล็มคือมัทเตโอ”

ชอบมากอ่ะประโยคนี้ >_____<


อิดฉาจังน๊า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-09-2010 00:10:19
ง่า แล้่วไหงโซเล็ม ถึงไปฝันถึงน้องชายของลูซซะเล่า  o22
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-09-2010 00:33:09
เข้ามาเพื่อตอบเมนท์นี้โดยเฉพาะเลยค่ะ
คุณ Whatever it is ^o^

ง่า แล้่วไหงโซเล็ม ถึงไปฝันถึงน้องชายของลูซซะเล่า  o22

อันนี้แปลว่าอ่านแล้วงงและเกิดคำถาม คือมันอย่างงี้ค่ะ
สำหรับตอนนี้ที่จริงมิติมันเหลื่อมซ้อนกันอยู่ เนื่องจากคนเขียนเกิดคำถามขึ้นมาว่า
ความจริงความฝันต่างกันอย่างไร เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าที่เรานั่งคุยกันทางสัญญาณอินเตอร์เน็ตนี่คือโลกจริง
หรือว่าเมื่อคืนที่เรากินเค้กนมสดอยู่กับแฟนเพื่อนเป็นเรื่องจริงกันแน่

เพราะฉะนั้น ความต้องการของคนเขียนก็คือ คำถามนั้นของผู้ชายในความฝันที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้นั่นเป็นคีย์ของตอนค่ะ
คือเมื่อคนคนนั้นถามโซเล็มว่า "แล้วเจ้าล่ะ ขณะนี้เจ้าเป็นใคร?"
หากโซเล็ม ตอบไปว่า ข้าคือซาเยต ชายคนนั้นในความฝันย่อมจะตอบว่า "ข้าคือมายัลลี"
หรือถ้าโซเล็มตอบคำถามนั้นไปว่า ข้าคือสุวันนะ คนในความฝันก็จะตอบใหม่ว่า "ข้าคือมาฏราช"


สรุปคือนั่นเป้นเหตุผล ว่าทำไมในความฝัน โซเล็มจึงไม่เคยมองเห็นมัทเตโอ
เพราะตอนนั้นจิตของคู่แท้ที่มาพบกันในมิติของความฝัน ไม่ใช่แค่มัทเตโอ แต่เขาเป็นทั้งหมด เขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แล้วแต่จิตของโซเล็ม ศวัตรา ซาเยต แซร์จิโอ้ จะเป็นใคร


แหะๆๆ กลัวว่ายิ่งอธิบายจะยิ่งงงจังเลยค่ะ แต่ที่ตั้งใจอีกอย่างก็คืออยากให้คนอ่านจินตนาการต่อเอาเอง
ที่จะเข้าใจว่าคนในฝันคือคนเดียวกับมัทเตโอน้องชายต่างบิดาของลูซก็ไม่ผิด
เพราะเขาก็เป็นมัทเตโอจริงๆนั่นแหละค่ะ

 :กอด1: ขอบคุณคนอ่านที่แวะเวียนมาอุดหนุนนะคะ ขอบคุณมากมายจริงๆ

ปล.ถึงแนน นุ่นก็ชอบประโยคนั้นมาก มันหมายความลึกจริงๆอย่างที่แนนเข้าใจนั่นแหละ ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 05-09-2010 03:39:39
เรื่องล่าสุดนี่ลึกซึ้งจังค่ะพี่นุ่น ไอก็เกิดคำถามไปต่างๆนานาเหมือนกัน ^^ แต่พอพี่เข้ามาตอบคำถามก็พอเข้าใจอ่ะนะ แต่ก็ยังงงนิสๆอยู่ดี~

รอเรื่องต่อไปปปปป ยังไงไอก็ชอบเรื่องสั้น(ที่อยากให้ยาว)ของพี่จังเลยค่ะ :impress2:

ปล.อยากจะบอกว่าเรื่องแนวจีนคราวก่อนต้องอ่าน3-4รอบกว่าจะเข้าใจ....แต่ก็ยังงอยู่ดี นี่ถ้าไม่ได้อ่านเมนท์ของคนอื่นๆคงไม่เข้าใจ เพราะงั้นขอไม่ออกความเห็นเรื่องนั้นนะคะ ^^

 :L1:  เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 05-09-2010 11:35:37
ลึกซึ้งมาก!!!
ถูกใจมาก!!
กลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น ขอบคุณมากๆค่ะ!!
ชอบจังเลย~ บุพเพสันนิวาส ฮ่าๆ
ปล. เมื่อคืนฝันแบบนี้อีกแล้ว แต่ไม่เเฟนตาซีนะ หรือว่าเราเพ้อไปเองหว่า
ปล2.ในฝันเรื่องที่เจอนี่ หลายวันก่อนมีสถานที่แบบ เดจาวูไรงี้มาด้วย เพิ่งมาได้ไปที่ในฝันเมื่อเร็วๆนี้เอง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 05-09-2010 12:44:43

“โซล.....อย่าจดจำข้าด้วยหน้าตา แต่จงจารึกข้าลงในหัวใจของเจ้าด้วยความรู้สึก หลับนะคนดี.....สัญญา ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ารอนานแน่นอน”    ชอบประโยคนี้อะพี่นุ่น

แต่ละเรื่องของพี่นุ่นลึกซึ้งจริงๆ ชอบมากเลยบุพเพสันนิวาสเนี่ย

+1  :กอด1:  พี่นุ่นเป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-09-2010 12:54:53
สนุกดีค่ะ
อ่านแล้วไม่งงค่ะ ยิ่งมาอ่านคำอธิบายก็ยิ่งเ้ข้าใจมากขึ้น
ที่คิดก็คือ ในขณะที่โซเล็มฝัน มัทเตโอก็ฝันด้วย หรือเปล่าคะ

สองเรื่องหลังนี้ มีตัวละครอื่นมาประกอบด้วย ไม่ใช่ตัวละครคู่รัก คู่แท้ัแค่สองตัวอีกแล้ว
ทำให้มีสีสันเพิ่มมากขึ้น แตกต่างไปอีกแบบค่ะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 05-09-2010 17:47:55
ก็จินตนาการไปแบบ งง หน่อยยะครับ
แต่ยังใหวอยู่ ก็มันชอบนี่ครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 05-09-2010 20:36:42


:a5:
พี่นุ่นทำไมทำกับน้องอย่างเน้!!!~
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-09-2010 20:49:03
^
^
^
ม้ายยยยยยยยยยยยยย เจ้ไม่ได้แกล้งเด็กน้อยน้าาาาาาาาาาาา
:m17:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Natjy012 ที่ 05-09-2010 20:50:53
 :o8:อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 เรื่องใหม่มาแล้วววว
เป้นกำลังใจให้นะค่ะ
อิอิอิ  :z1:

เนื้อเรื่องน่ารักอีกแล้วว
  :impress2:สู้ ๆ ๆ  ๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 05-09-2010 21:40:40
พี่นุ่นๆ พาร์ชอบเรื่องนี้มากเลยอะค่ะ  :o8:
อ่านแล้วแอบนึกถึงอลิสอินวันเดอร์แลนด์ด้วยอะ 555
อ่อ เข้าใจที่พี่นุ่นต้องการสื่อนะคะ :]

เรื่องก่อนหน้ายังไม่ได้อ่านเลยค่ะ (ไม่ใช่แนว นิดนึงอะ >.<)
มาต่อเรื่องนี้อีกน้าาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 06-09-2010 10:37:09
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆกันไปเลย อ่า น่ารักอะ ชอบเเล้วก็มาตามอ่าน อย่างที่ไรเตอร์ บอก ภพเดียวกันเปล่าไม่รุ้อะ เเต่รุว่าชอบ อ่านเเล้วไม่เครียด หงิงๆๆ หวานเเบบนี้ก็น่ารักดี มัทเตโอ ชื่อเเปลว่าอะไรแอะไรเตอร์ เเต่ โซล พอจะเข้าใจ อ่านเข้าใจนะ เเต่น่าจะมีเพิ่มซักตอนเนอะ คุคุคุ  +1 เอาไปเลย เผื่อตอนใหม่ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 06-09-2010 18:06:35
 :กอด1:พี่นุ่นชอบมากค่ะ
เห็นด้วยกะคุณpærəˈsɛtəmɒl นะ
นึกถึงอลิสอินวันเดอร์แลนด์เลยอ่ะ
น่าัรักจัง อย่างให้ต่ออีกสักนิดอ่ะ นะคะ :m5:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 06-09-2010 19:37:39
 o9 จาอาววววอีกๆๆๆๆ

รอตั้งสองปีเจอกันแล้วจบเลยได้ไงอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-09-2010 21:22:09
 :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 06-09-2010 22:59:09
มาอ่าน 2 เรื่องรวด
เป็นสองแนวที่แตกต่างกันน่าดู มาเฟียจีน กับ แฟนตาซี
อ่านแล้วไม่งงกับพล็อตทั้งคู่หรอกคะ  แต่ดูเหมือนแนวจีนจะออกเกร็งๆ กับสำนวนมากกว่าเรื่องหลังนะ
คงเพราะคนไทยและหลายๆ คนที่อ่านนิยายจีนยังติดสำนวนการแปลแบบ น.นพรัตน์ หรืออีกหลายๆ ท่าน
เพราะพวกท่านนั้นจะการใช้จะมีการสะบัด ตัดลีลา  ประหนึ่งว่าหงส์ร่ายมังกรรำ  หรือร่ำสุราใต้เงาจันทร์เคียงกันของหงส์ฟ้าและมังกรไฟ  อะไรประมาณนั้น  จนคนติดใจและติดตา เวลามาเขียนเองเลยไม่ไหล
แต่เนื้อเรื่องสนุก ในใจยังนึกว่าน่าจะโหดกว่านี้อีกสักหน่อยเลย ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องที่สอง  เนื้อคู่ในฝัน  จนเป็นพันธนาการรักที่อ่านแล้ว  อยากลองเจอแบบนี้สักครั้งจริงๆ :-[
(เม้นท์อาจดูลิเกไปนิด  อย่าว่าอะไรกันนะคะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 07-09-2010 20:55:36
 :serius2: เอาอีกๆๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆๆ ด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 08-09-2010 16:04:29
เเวะเข้ามาสำรวจ เเละบอกว่า อ่านหมดเเล้ว เปิดเรื่องมาได้ น่ารักมาก เด็กขายพวงมาลัย คุคุคุ ชอบค่ะไรเตอร์นุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mama ที่ 12-09-2010 15:01:10
เขียนดีจังเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-09-2010 20:26:36
^
^
^
จิ้ม จึกๆ

เอร๊ยยยยยยยย เขินเลย :m1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-09-2010 21:40:50
ชอบทุกเรื่องเลย   o13   o13 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 13-09-2010 07:43:44
เรื่องราวน่ารักมากๆ เลย อ่านแล้วรู้สึกฟูฟ่องคะ ขอบคุณไรท์เตอร์จ้ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 13-09-2010 21:37:10
ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง
+1ให้กับคู่แท้ที่ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็หากันจนเจอ
ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-09-2010 12:06:07
เข้ามาจิ้มบวกตอบแทนทุกกำลังใจ พร้อมตอบเมนท์สักน้อยดันตัวเองฮึบๆ

เรื่องสั้นต่อไปมีเรื่องราวลอยๆอยู่ในสมองน้อยๆแล้วค่ะ
แต่น่าจะอีกหลายวันกว่าจะได้เขียนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เพราะตอนนี้คนเขียนกำลังหมกมุ่นกับเรื่องของเอ๊ดูกับอิส (โฆษณาแฝงด้วย หุหุ)
แล้วก็ถ้าท่านไหนรอตอนพิเศษพี่อากาศกับตัวป่วนมันก็เชิญไปแง้มดูหน้านิยายจบแล้วนะคะ
เพิ่งแปะให้ไปเมื่ออีกตอนค่ะ ว่าด้วยเรื่องของการดื่มสุรา >//////<

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอุดหนุนกันนะคะ  :กอด1:

o9 จาอาววววอีกๆๆๆๆ

รอตั้งสองปีเจอกันแล้วจบเลยได้ไงอ่ะครับ

:serius2: เอาอีกๆๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆๆ ด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แว้กกกกกกกกกกกกก ตอนที่ผ่านมาเรื่องของมัทเตโอกะโซเล็มนุ่นก็ว่าสมบูรณ์ออกนะคะ เอ...รึว่าไม่??? คริคริ

มาอ่าน 2 เรื่องรวด
เป็นสองแนวที่แตกต่างกันน่าดู มาเฟียจีน กับ แฟนตาซี
อ่านแล้วไม่งงกับพล็อตทั้งคู่หรอกคะ  แต่ดูเหมือนแนวจีนจะออกเกร็งๆ กับสำนวนมากกว่าเรื่องหลังนะ
คงเพราะคนไทยและหลายๆ คนที่อ่านนิยายจีนยังติดสำนวนการแปลแบบ น.นพรัตน์ หรืออีกหลายๆ ท่าน
เพราะพวกท่านนั้นจะการใช้จะมีการสะบัด ตัดลีลา  ประหนึ่งว่าหงส์ร่ายมังกรรำ  หรือร่ำสุราใต้เงาจันทร์เคียงกันของหงส์ฟ้าและมังกรไฟ  อะไรประมาณนั้น  จนคนติดใจและติดตา เวลามาเขียนเองเลยไม่ไหล
แต่เนื้อเรื่องสนุก ในใจยังนึกว่าน่าจะโหดกว่านี้อีกสักหน่อยเลย ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องที่สอง  เนื้อคู่ในฝัน  จนเป็นพันธนาการรักที่อ่านแล้ว  อยากลองเจอแบบนี้สักครั้งจริงๆ :-[
(เม้นท์อาจดูลิเกไปนิด  อย่าว่าอะไรกันนะคะ)
ใช่ค่ะ แนวแก๊งค์จีนที่ฮ่องกงนั่นแปะไปด้วยความไม่มั่นใจอย่างสูง เลยต้องมีตอนเสริมมาอีกไงคะ หงิงๆ
คงจะเป็นแบบที่คุณwan_sugiบอกค่ะ เพราะนุ่นก็อ่านนิยายจีนพวกสำนวนท่าน น.นพรัตน์มาเยอะพอดู เลยเขียนไปเกร็งไป พยายามให้ได้บรรยากาศ

ส่วนเรื่องล่าสุด ความจริงภาพของฉากทุ่งหญ้าสีชมพูมันผุดขึ้นมาในสมองก่อนเรื่องจะมาค่ะ
(คือหมกมุ่นกับความคิดที่ว่าอีกสุดขอบปลายรุ้ง ถ้าเราเดินไปถึง มันจะเป็นยังไง เวิ่นเว้อเนอะคะ)

เเวะเข้ามาสำรวจ เเละบอกว่า อ่านหมดเเล้ว เปิดเรื่องมาได้ น่ารักมาก เด็กขายพวงมาลัย คุคุคุ ชอบค่ะไรเตอร์นุ่น
ดีใจที่ชอบนะคะ (แอบเห็นไปแนะนำในกระทู้เรื่องควรอ่านด้วย เขินเลย กึ๋ยๆๆๆ)

:L1:
เขียนดีจังเลย
ชอบทุกเรื่องเลย   o13   o13 
ขอบคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมจิงๆ ไว้ถ้าเรื่องราวที่อยู่ในสมองตอนนี้มันหนักแน่นพอแล้วจะเขียนมาให้อ่านกันอีกนะคะ ^o^

เรื่องราวน่ารักมากๆ เลย อ่านแล้วรู้สึกฟูฟ่องคะ ขอบคุณไรท์เตอร์จ้ะ
คนเขียนพอได้อ่านเมนท์แบบนี้แล้วก็ทั้งฟูฟ่องทั้งล่องลอยเลยค่ะ ^o^

ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง
+1ให้กับคู่แท้ที่ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็หากันจนเจอ
ชอบบบบบบบ

กอดคุณแมงปอเบอร์แปดแนบแน่น ขอบคุณสำหรับการอุดหนุนนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 14-09-2010 15:02:02
ขนาดฝันยังหวานกันได้ขนาดนี้  :-[ อ่านแล้วอยากกลับไปนอนฝัน(ถึงสามีชาวบ้าน)บ้างจัง :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 18-09-2010 01:58:17
 :serius2: รอตอน ต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย 




โอม  :call: จงมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ก่อนที่ใจเค้าจะขาดดดดดดดดดดดดดดด :m15:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 18-09-2010 02:50:36
ซาหนุกทู้กกกกกกกกกกกตอน
อ่านรวดเดียวจบ ตอนสั้น ๆ กระทัดรัด
แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ขอบคุณนะคร้าบ
+1 เป็นกำลังใจตอนต่อ ๆ ไปคับป๋ม
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-09-2010 12:19:33
เข้ามาแปะรูปประตูสีขาว ขอบคุณพี่มาร์คขามากนะคะ

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/m148533.jpg)


..................ตอบเมนท์เล็กน้อยงิ
ซาหนุกทู้กกกกกกกกกกกตอน
อ่านรวดเดียวจบ ตอนสั้น ๆ กระทัดรัด
แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ขอบคุณนะคร้าบ
+1 เป็นกำลังใจตอนต่อ ๆ ไปคับป๋ม
ขอบคุณมากๆเหมือนกันนะคะที่เข้ามาอ่าน ดีใจที่ชอบค่ะ

:serius2: รอตอน ต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย 




โอม  :call: จงมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ก่อนที่ใจเค้าจะขาดดดดดดดดดดดดดดด :m15:
เย้ยยยยยยยยย ใจเย็นค่ะ ไม่เกินวันสองวันนี้ได้อ่านแน่ ตอนนี้ตอนต่อไปมาสองหน้าแล้ว(เหมือนจะเยอะ กร้ากกกกส์)

ขนาดฝันยังหวานกันได้ขนาดนี้  :-[ อ่านแล้วอยากกลับไปนอนฝัน(ถึงสามีชาวบ้าน)บ้างจัง :laugh:
ฝันเลยๆๆๆๆ ฝันแล้วอย่าลืมมาเล่าด้วยนะคะ เผื่อนุ่นจะยืมมาเขียนต่อยอดซะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล.ตอนต่อไปกำลังตีกันอยู่ในสมองน้อยๆว่าจะเขียนเรื่องที่ไม่ใช่คน หรือจะเขียนแบบว่า....คนนี่แหละ แต่เอ่อ.....เหมือนจะขายมาม่าเคลือบน้ำตาลดี
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 18-09-2010 14:50:55
ชอบทุกเรื่องเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 18-09-2010 20:32:39
โรแมนติกได้อีกนะ นุ่น...
สัมผัสกันด้วยความรู้สึกที่สื่อกันถึงใจ ฮิ้ววววว
เนอะ เป็นความอบอุ่นในใจจิง ๆๆ ที่มีความสุข  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: Behind the Door: ประตูสีขาว (04/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-09-2010 02:46:38
ตอบเมนท์อีกสองรายดีกว่า ไม่รู้ว่าภายในวันนี้จะได้อ่านตอนต่อไปรึเปล่านะคะ ไม่กระเตื้องเลย
กลัวว่าจะได้เสิร์ฟมาม่าแหงๆ หงิงๆ

กอดโนเนะจ๋า กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หวานเนอะ เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

และยินดีต้อนรับ คุณชะรอยน้อย ค่ะ  ดีใจมากมายที่ชอบทุกเรื่อง ปลาบปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมม ^o^

...............................................


ว่าแล้วก็ขอส่งกลอนขัดดอกให้อ่านเล่นสักสองบทสี่บาทนะคะ
.......................

ความเอ๋ยความรัก

ความเอ๋ยความรัก   ให้รสหวานซ่านนักเมื่อรักชื่น
ดั่งน้ำค้างใสกระจ่าง ณ กลางคืน   ดุจจะกลืนกินแก้ระหายคลาย
หากเพียงแสงอาทิตย์ส่องเมื่อรุ่งสาง   ก็กลับจางเลือนรางและลับหาย
เสมือนภาพลวงกลางทะเลทราย   ไม่อาจหมายว่ามีจริง.....สิความรัก


อารมณ์ตอนนี้ เขียนอะไรออกมาก็มาแบบนี้ เลยหยุดมือก่อนน่ะค่ะ ไม่งั้นสงสัยจะมาม่ารสจัด หงิงๆ
ชอบไม่ชอบอย่างไรวิจารณ์ได้ตามสะดวกนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 19-09-2010 03:12:57
 :กอด1: พี่นุ่น   โอ๋ๆๆ~ เป็นไรคะ :n1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-09-2010 08:00:24
 :L1:ชอบทุกตอนเลยครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-09-2010 09:48:11
คุณนายนุ่น อย่ามาทำแบบนี้น่ะ... เดี๋ยวเค้าจะยกตำแหน่งคุณนายสามสลึงให้แทนเลยนิ

จะมาม่า ยำยำ จะอะไรยังไงก็มาแบบ ไวไว เถอะ เค้าหงุดหงิดใจอย่างอ่านมาก ๆ ๆ ๆ ๆ

(ทำเป็นเนียน ๆ ทวงก่อน เดี๋ยวเจอนุ่นไปตามทวงของเค้า 555)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 19-09-2010 12:42:16
ราขึ้นแล้วค่า คุณนุ่น
แรต้องการต้น ไม่เอาดอกก็ได้!!! T^T
มาม่ารสจัดก็แจ่มค่ะ
รออย่างจดจ่อสุดๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 19-09-2010 12:45:28
มาม่า ไม่นะ  o22
ขอไวไว หรือ ยำยำ แทน ได้มั้ยคะคุณนุ่น หุหุ

>> ดั่งน้ำค้างใสกระจ่าง ณ กลางคืน   ดุจจะกลืนกินแก้ระหายคลาย

ตรงนี้พิมพ์ตก ก หรือเปล่าคะ เดาว่า น่าจะเป็น กระหาย หรือเปล่าเอ่ย

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-09-2010 13:03:36
ง่า......ถูกทวงๆๆๆ หงิงๆ
พี่พีนัทกะคุณRinze ใจเย็นนะคร้า มาแล้วค่ะมาแล้ว (มาอีกสองหน้าแล้ว กร้ากกกกกกกกกกกกกส์)

คุณน้ำตาลขา กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตรงนั้นตั้งใจใช้แค่"ระหาย"ค่ะ แปลแบบเดียวกับกระหายเลย แต่โบราณกว่าหน่อย แล้วก็ให้ระดับเสียงที่เพราะกว่าเมื่ออยู่ในบทนี้อ้ะค่ะ ขอบคุณนะคร้า ^o^


คุณโรซีน ขอบคุณค่ะ กอดดดดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆ

ไอจังงงงงงงงง สงสัยจิตตกติดพันจากชั่วฟ้าดินสลาย มิได้เป้นอะไรงิ  :กอด1: แหะๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-09-2010 17:22:42
555 ชั่วฟ้าดินสลาย บอกมานะยายนุ่น ว่า อะนันดา กับ พลอย ก้น ใครสวยกว่ากัน หุ ๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 19-09-2010 17:57:07
ถ้ารู้จักพี่นุ่นเร็วกว่านี่คงดี
จะได้ให้พี่นุ่นช่วยเรื่องกลอน((การบ้านภาษาไทย))
 :laugh:
ห่วยภาษาไทยมากมาย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-09-2010 19:28:49
 :เฮ้อ: จิตตกจากหนังคือกันเลยอ่ะพี่นุ่น
จะมาม่ารสอะไรก็จัดมาเลยพี่
ถ้าพี่นุ่นต้มให้กิน รสไหนก็อร่อย การันตีได้เลย o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 19-09-2010 20:09:30
เค้าชอบหมดอ่ะ ตั้งเเต่ที่อ่านมาทุกตอน

สนุกจริงๆเล๊ย! จะติดตามไปเรื่อยนะค่ะ เพราะเราชอบนิยายเเบบนี้ เเละมันเป็นเรื่องสั้น จึงไม่ต้องกลัวจะมีหักมุมอะไรมาก

ข้ามพอข้ามชาติ รักเเท้ บุพเพสันนิวาส พรมหมลิขิต ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากจะให้มันเกิดกับตัวเองบ้าง

เผื่อว่ารัก จะไม่ถูกมองว่าโหดร้ายไปอีกคน^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 20-09-2010 11:45:14
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ กลอนเพราะ ได้รู้จักภาษาคำใหม่อีกเเล้ว เเต่มันเศร้านะ ไรเตอร์ ขึ้นชื่อว่า มาม่า ถึงเคลือบน้ำตาลก็ไม่เอาอะ เพราะสุดท้ายข้างในก็เป็นมาม่า หยุดพักก่อนก็ได้นะ เเต่เราก็รอตอนต่อไปอยู่ คุคุคุ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 24-09-2010 10:42:42
เเอบเข้ามาดู มาหน้า 3 เเล้วอะ หาไม่เจอ หงิง หงิง หงิง ไรเตอร์ไม่มาต่อเหรอ คิดถึงเรื่องสั้นเเละ ชาติต่อๆมาเเล้วอะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 24-09-2010 11:36:27
ได้อารมณ์แฟนซี ไปอีกแบบ
ทำซ๊ะให้สงสัยซ๊ะหลายเรื่องเลย
แต่คงต้องไปนั่งจิ้น ตอบคำถามตัวเองซ๊ะแระ

+1 กำลังให้คุณนุ่น :กอด1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-09-2010 12:44:06
^
^
^
จิ้มคนแปลงชื่อเปลี่ยนร่าง แล้วไล่กดบวกคืนนักอ่านทั้งหน้าซะ


ข้าพเจ้าคนเขียนขอรายงานว่า
เรื่อง บทที่หนึ่งในความทรงจำที่กำลังเขียนไปแปะไป กำลังจะจบในอีกสองตอน
ดังนั้น ขอไปจัดการจบเรื่องของอิสรภาพกับEduardo ก่อนนะคะ
แล้วจะเร่งผลิตเรื่องสั้นชุดนี้ตอนต่อไปมาส่งค่ะ

ท่านไหนรออยู่ แวะไปพักอ่านอย่างอื่นก่อนนะคะ :กอด1: แน่นๆทุกท่านเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆที่อุดหนุนกันมาตลอด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 24-09-2010 12:55:42


:z2:
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-09-2010 14:56:28
 :เฮ้อ: ทุกข์ของนักเขียน ที่มีเรื่องลงไว้หลายเรื่อง
แถมยังเรื่องอยากเขียนมากมาย  แต่สองมือน้อยๆ รัวแป้นพิมพ์ไม่ทัน :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 24-09-2010 15:24:33

:กอด1: รอพี่นุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 02-10-2010 22:05:05
วันนี้พี่นุ่นมาต่อไม่ได้นะค่ะ

เห็นพี่นุ่นบอกว่าเขียนได้ครึ่งนึงและ แต่ถูกกาลไหว้วาน  ให้ช่วยทำงานนิดหน่อยเลยไม่เสร็จแน่ๆๆ

ดังนั้นเจอกับเรื่องเล่าตอนต่อไป

เร็วๆนี้แน่นอนนนนน 


หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 03-10-2010 22:00:36
เจ่เจ้ ตามอ่านหมดแล้วทุกเรื่องเลย
แล้วแต่ละเรื่องก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า
เออ ........ อยากอ่านเป็นเรื่องยาววะ 555555555
รู้สึกเรื่องสั้นจะไม่พอต่อความต้องการแล้วววว  :monkeysad:
แบบสั้นเรื่องนึงน่าจะสัก 4-5 ตอนจบอ่ะะ จริงๆนะ แบบอยากอ่านยาวๆกว่านี้
บางครั้งมันก็อารมณ์ ค้าง แบบ มากๆๆๆ
อย่าง เจ้าสอนของเรียมเอย โบก็อยากอ่านตอนต่ออีก มันน้อยไปอ่ะ หงุงหงิงง 
ตอนแฟนตาซีก็อยากอ่านเพิ่มอีกก ขออีกสักตอนมิได้เร้ออ เจ้

ปล. ขอสารภาพ ว่าชอบทุกเรื่องสั้นเลย มันหลากหลายแนวมาก อ่ะ
มารอตอนต่อไปป 

 :กอด1: +1  จุ๊บๆ

:PP
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 03-10-2010 23:13:16
^
^
^
จิ้มๆๆจึกๆศิษย์น้องเอ้ย

ก็ไปอ่านเรื่องไม่สั้นของเจ้แก้ขัดก่อนดิ
จบไปอีกเรื่องแล้วอ้ะ

อันนี้เรื่องที่เพิ่งจบนะคะทุกท่านที่หลงเข้ามา
บทที่หนึ่งในความทรงจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15817.0)
เรื่องนี้เพิ่งจบไปสดๆร้อนๆเมื่อสามวันก่อนค่ะ เป็นเรื่องรักใสกิ๊งไร้มลพิษ
เนื่องจากเนื้อเรื่องดำเนินไปในเมืองบ้านนอกของบราซิลโน่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่เนินสูงๆต่ำๆกับไร่อ้อย ข้าวโพด กระทั่งไร่ส้ม ไร่กาแฟ
ตอนแรกเขียนๆไปก็นึกว่าจะไม่หวานจัด ที่ไหนได้ เขียนไปเรื่อยๆ เอ๊ะ..ยังไง คนอ่านบอกมันหวานมาก กึ๋ยๆๆๆ
ท่านไหนชอบของหวานแล้วยังไม่ได้ลองก็เชิญไปอุดหนุนกันนะคะ เรื่องไม่ยาวมากค่ะ 18 ตอนถ้วน

คนเขียนสูญเสียพลังงานไปมากมาย เขียนไปก็อินไป หงิงๆ สรุปว่าภูมิใจนำเสนอมากค่ะ  :-[


และอีกเรื่องค่ะ นี่จบไปนานแล้ว แต่ยังมีเสียงเรียกให้ไปต่อตอนพิเศษให้เรื่อยๆ นี่คนเขียนก็กะว่าวิวห้าหมื่นเมื่อไหร่จะมีตอนพิเศษไปอีกสักตอน
(อ้ะ ล้อเล่น...ไม่รอหรอกค่ะ คงมีก่อนแหละ อิคนเขียนกลัวรอจนปีหน้าแล้วยังไม่ได้เขียน กร้ากกกกกกกส์)

เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14565.0)
อันนี้เรื่องยาวจริงจังค่ะ ตอนแรกวางโครงแค่สิบตอนนิดๆ คนเขียนเจอลูกยุจากคนอ่านเข้าเลยเติมพล็อตเพิ่มซะจนกลายเป็นเรื่องยาวรสหวานจัด
(แถมหวานตลอดเรื่องด้วยสิคะ อันนี้เป็นเสียงยืนยันจากคนอ่านนะเออ ข้าพเจ้ามิได้โฆษณาเกินจริงแต่อย่างใด)
แถมอีกนิด.....เรื่องนี้ความยาวทั้งตอนหลักทั้งตอนข้างๆเรื่องรวมกันอยู่ที่ประมาณ60ตอนค่ะ และ.....ทั้งเรื่องไม่มีคนเลวเลยสักคน
เพราะงั้น ใครไม่ชอบเจอเรื่องร้าย เชิญเข้าไปอ่านได้อย่างสะดวกใจนะคะ  :m13:


สำหรับเรื่องสั้นชุดเรื่องเล่าจากความฝันตอนต่อไป ตอนนี้พล็อตมากมายกำลังตีกันอยู่ในสมองน้อยๆ ขอใช้เวลาจัดระเบียบความคิดอีกสักนิดนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 04-10-2010 11:12:17
เเวะมาดู เห็นไรเตอร์ มาตอบ ขอบคุณค่ะ จะนั่งรออย่างสงบต่อไป หงิง หงิง หงิง (ขอสารภาพ  อิส +เอดู ยังไม่กล้าไปอ่านสองตอนสุดท้ายของเรื่อง เนื่องจากตอนที่สามก่อนจบทำมาม่าให้กิน รีดเดอร์ช่วงนี้ภูมิต้านทานมาม่าต่ำ ขอเพิ่มพลังก่อนจะกลับไปหา 555++)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:มีกลอนสองบทสี่บาทมาฝากให้อ่านเล่นค่ะ (19/09/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-10-2010 01:37:30
มาแล้วค่ะ เขียนนานมาก พล๊อตก็ตีกันอยู่ในสมองน้อยๆมากมาย
ในที่สุดเลยตัดสินใจจับสองพล๊อตมารวมกันซะเลย (เล่นเอาแอบยาก)

กลัวว่าพออ่านตอนนี้ปุ๊บ เรททิ่งของเรื่องเล่าจากความฝันจะตกลงทันที
ความจริงคิดอย่างนี้ตั้งแต่เขียนตอนแรกแล้วค่ะ
เคยเล่าให้น้องที่คุยกันบ่อยๆนอกรอบรู้แล้วด้วย น้องบอกว่าปล่อยๆให้คลุมเครือไว้ก็ดีนะ
แต่ๆๆๆ.......เมื่อมีไฟ ก็ต้องเขียนนะคะ เพราะงั้น...ท่านไหนเปิดเข้ามา ก็เชิญไปอ่านกันได้เลยค่ะ

คำแนะนำสำหรับตอนนี้: ควรอ่านตอนแรก "ในค่ำคืนแห่งความฝัน" ที่หน้าแรกก่อนนะคะ แล้วจะเข้าถึงเรื่องได้มากขึ้น
...............................................

นิมิตกลางกูณฑ์


อคฺนิมีเฬ ปุโรหิตํ ยชฺญสฺย เทวมฺฤตฺวิชมฺ      โหตารํ รตฺนธาตมมฺ
อคฺนิะ ปูรฺเวภิรฺรฺษิภิรีฑฺโย นูตไนรุต             ส เทวาเนห วกฺษติ
                                                                       (*อ้างอิงจากฤคเวท บทที่หนึ่ง)

บทสวดบำบวงต่อองค์อัคนิเทพดังต่อเนื่องจากร่างในอาภรณ์สีขาวที่เยื้องกรายแช่มช้าประทักษิณรอบกองไฟ นิ้วมือเรียวยาวปลายเล็บเจียนเรียบสะอาดสะอ้านตามแบบฉบับผู้ทรงศีลชั้นสูงโปรยเครื่องหอมเข้าสู่กองไฟนั้นจนเกิดประกายไฟสีเหลือบฟ้าลุกโชติช่วง ส่งกลิ่นหอมอวลราวอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์กำจายไปทั่วทั้งบริเวณ


‘มัฏฏกะ........มัฏฏกะบุตรแห่งเรา’


สุ้มสำเนียงเปี่ยมไปด้วยเมตตาพลันดังขึ้นโดยตรงในดวงจิตของมัฏฏกะพราหมณ์ คุรุหนุ่มบุตรแห่งสำนักพราหมณ์อันยึดเอาอัคนิเทพเป็นเทพสูงสุด

ด้วยสดับสำเนียงนั้น มัฏฏกะพลันเงยหน้าขึ้นสู่เบื้องบนอันเป็นที่สถิตแห่งทวยเทพ เปล่งเสียงตอบโต้ออกไปด้วยเคารพและปรีติใจ

“โอ......อัคนิเทพผู้เป็นบิดา พระผู้ให้กำเนิดแก่ทุกชีวิต......ข้าพระองค์ขอน้อมศิระกราบกราน”

‘ด้วยการปฏิบัติบูชาต่อเราเป็นนิจ และวัตระงดงามแห่งเจ้า มัฏฏกะเอย....พ่อมีคำเตือนมาสู่เจ้า จงรับฟังเถิด.....’

“ข้าพระองค์ขอน้อมรับ”

‘เช่นนั้นจงทำการเพ่งกสิณ เปิดจิตให้กว้าง แล้วเจ้าจักได้รู้ถึงพฤติการณ์อันเป็นเหตุแห่งทุกขเวทนาในอนาคตอันใกล้นี้.....พ่อทำได้แค่ตักเตือน หนทางที่เจ้าเลือกจักเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเจ้าเอง หากเจ้ายอมละพันธะสัญญาที่ได้ลั่นวาจาแต่ปางบรรพ์ เจ้าย่อมมิต้องเผชิญทุกขเวทนาอันจะเกิดขึ้นตามมา จงใช้สติพิจารณาเถิดมัฏฏกะบุตรแห่งข้า....’



ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวล้วนยอบกายทำศิรประณามอีกครั้งแล้วจึงทรุดกายลงนั่งในท่าขัดสมาธิ เพ่งตาและจิตยึดเอาเปลวไฟในกองกูณฑ์เป็นที่ตั้ง เพียงชั่วขณะเท่านั้น พลันปรากฏภาพขึ้นกลางเปลวเพลิง แจ่มชัดราวกับมัฏฏกะได้เข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์กระนั้น



สถานที่ในนิมิตงดงามราวทิพย์พิมาน ทุกโต๊ะตั่งล้วนแล้วแต่ส่งประกายราวสลักเสลาขึ้นด้วยอัญมณี หากสิ่งที่เรียกความสนใจคือเสียงบัญชาจากบุรุษผู้มีรัศมีแห่งเทพซึ่งสถิตเหนือพระแท่นสูงสุด

“มาตลี จงรับบัญชาแห่งเรา เดินทางสู่คิริปุระ แห่งชมพูทวีป เชิญเสด็จราชธิดาองค์สุดท้องมาเป็นบาทบริจาริกาแห่งเรา”

“รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า”



พลันภาพสถานที่ในคลองจักษุกลับแปรเปลี่ยนเป็นตลาดกลางเมืองใหญ่ แน่นขนัดไปด้วยผู้คนและสินค้าหลากหลาย นายวาณิชต่างแก่งแย่งส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าที่สัญจรผ่านไปมา มัฏฏกะมองเห็นเทพบุตรนามมาตลีในอาภรณ์ราวคนยาก หัตถ์สีทองแดงแกร่งหนาถือพิณเก่าคร่ำคร่ายืนอยู่ด้านหน้ารูปสำริดซึ่งมีอักษรจารว่าเป็นต้นวงศ์กษัตริย์ผู้ครองแคว้น สายตาสอดส่องไปตามร้านรวงอย่างสบายอารมณ์

กระแสความคิดของสารถีเทพพลันดังขึ้นให้มัฏฏกะได้ร่วมรับรู้ราวกับเป็นผู้คิดเฉกนั้นด้วยตนเอง
‘เราออกเดินทางทันทีจึงมาถึงตั้งแต่สุริยเทพยังทอแสงกล้า ท่าอยู่ที่นี่จนถึงเพลาดึกสงัดค่อยเข้าไปสู่ราชฐานรับพระธิดาตามพระบัญชาจักเหมาะกว่า’

สิ้นกระแสความคิด มัฏฏกะก็เห็นเทพบุตรในคราบคนจรเริ่มบรรเลงเพลงพิณ เกิดท่วงทำนองสนุกสนานรื่นเริงราวกับจะปลุกชีวิตชีวาของทุกสรรพสิ่งรอบกาย เพียงไม่นานก็มีผู้คนหยุดยืนฟังเพลงพิณจนแน่นขนัด

ทันใดนั้นบรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจของตลาดกลางจัตุรัสพลันเงียบสนิท เมื่อมีเสียงฝีเท้าม้ากว่าสิบตัวควบตะบึงมาทางทิศที่เจ้าคนจรกำลังยืนบรรเลงเพลงพิณ ผู้ชมกว่ายี่สิบชีวิตแตกฮือไปคนละทิศละทาง จะเหลือก็แต่เจ้ามานพน้อยที่โพกผ้าเนื้อหนากระดำกระด่างปกคลุมใบหน้ากว่าครึ่งที่ยังยืนอยู่ที่เดิมหันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก ชวนให้ผู้แสดงตนเป็นวณิพกพนเจรเข้าใจไปว่าเจ้าหนุ่มน้อยมัวตื่นตกใจจนไม่ทันหลบหลีกกองม้าขนาดย่อมที่กำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว

เทพบุตรจำแลงพุ่งกายรั้งร่างเจ้ามานพน้อยแนบอกแล้วพาหายตัวไปสู่สถานที่ลี้ลับเท่าที่ดวงจิตที่กำลังหวั่นจะเกิดอันตรายกับเจ้าหนุ่มน้อยจะนึกออกในทันที ชั่วขณะจิตสารถีเทพแห่งสวรรค์ก็พาร่างน้อยนั้นไปถึงสระอโนดาตแห่งป่าหิมพานต์ เมื่อทรงตัวยืนได้เจ้ามานพน้อยก็โวยวายเสียงดังพร้อมทั้งผลักไสให้เจ้าคนจรถอยออกห่าง

เทพจำแลงเห็นดังนั้นจึงเอื้อมคว้า ตั้งใจจะดึงรั้งไว้ หากพลาดคว้าจับได้เพียงชายผ้าโพกกระดำกระด่างนั้น เสียงอุทานเล็กแหลมดังขึ้นพร้อมกับเกศาดำสนิทดกหนาเป็นคลื่นทิ้งตัวยาวถึงโค้งสะโพกที่มาตลีเทพเพิ่งจะได้สังเกตว่าทั้งผายทั้งงอนเกินชาย วงพักตร์ที่เปิดเผยแก่สายตาเล่าก็ผุดผ่องพริ้มเพรา โดยเฉพาะแววเนตรที่ทอประกายครึ่งโกรธระคนหวาดกลัวนั้น ระยิบระยับยิ่งกว่าดวงดาราที่ทอประกายบนฟากฟ้า


ดวงจิตของมัฏฏกะพราหมณ์พลันกระตุกวาบราวกับถูกของร้อนทันทีที่เจ้ามานพน้อยซึ่งกำลังตระหนกเงยหน้าขึ้นสบตากับเทพจำแลง
เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับที่มาตลีเทพบุตรก็สัมผัสได้มิต่างกัน และเจ้าพราหมณ์หนุ่มก็รับรู้ในบัดนั้นว่าดวงจิตของตนและเทพจำแลงในนิมิตนั้นเป็นดวงจิตเดียวกัน หาได้แยกจากกันไม่

ณ ริมธาราสีเขียวมรกตใสกระจ่างราวกระจกเงานั้น การณ์ปรากฏว่าเจ้าร่างน้อยที่แต่งกายอำพรางราวกับมานพหนุ่มนั้นแท้จริงแล้วเป็นสตรี และที่นั้นเอง.....ที่ตำนานรักระหว่างเทพและมนุษย์ได้เริ่มต้นขึ้น เพียงเนตรสบเนตรก็ราวกับมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้ต่างเคลื่อนกายเข้าหา



สองต่างเคลื่อนกายเข้าหา   ไม่ปล่อยเวลา
ให้ผ่านแม้สักนาที
โอษฐ์แย้มยั่วเย้าในที   ไร้ถ้อยพจี
สื่อสารแค่เพียงแววตา
เนตรน้องสบเนตรพี่ยา   เปี่ยมเสน่หา
ร้อนรนล้นห้วงหทัย
เอื้อมหัตถ์แตะเนื้อเหนือใจ   นิ่มน้องอุ่นไอ
สะท้านซ่านถึงวิญญาณ์
ร้อนร้อนรุมเร้าราวบ้า   เร่งโลมแก้วตา
ตามเชิงชำนาญโลกีย์
ปทุมมาลย์ในสระศรี   บานเหนือนที
ส่งกลิ่นยวนเย้าภมร
ภู่ผึ้งเคล้าคลึงเกสร   ลิ้มชิมเนื้ออ่อน
สั่นสั่นสะท้อนรับลิ้น
ไหวเอนราวจะพังภิณฑ์   ภมรลืมถิ่น
เฝ้าเคล้าแต่เจ้าเยาวมาลย์



ไร้ซึ่งบทสนทนา ไร้ซึ่งคำถามและข้อสงสัย......
สองร่างแตะต้องเรียนรู้กันและกันราวเฝ้ารอมานาน ราวปุถุชนกระหายน้ำแล้วพานพบกระแสธาราใสไหลเย็นกระนั้น
บทรักร้อนแรงเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างอ้อยอิ่ง ร่างน้อยนุ่มละมุนวรรณะขาวกระจ่างราวน้ำนมที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อจนทั่วซุกซบอยู่กับแผ่นอกกว้างสีทองแดง

“ท่าน......ต้องพาข้ากลับไปส่งบ้าน แล้วก็รีบหนีไปให้ไกลที่สุด........” เสียงแว่วหวานดังขึ้นเพียงแผ่วปนหอบสะอื้นเมื่อเริ่มได้สติ

“อย่าร้องไห้สิ พี่พาเจ้ากลับไปส่งบ้านได้ แต่คงไม่ทำตามที่เจ้าบอกให้หนีแน่.....พี่รักเจ้าจริงแท้ เหตุไฉนจึงต้องหนีให้ไกลด้วยเล่า หรือเจ้ารังเกียจที่พี่เป็นเพียงคนจร”

ด้วยลักษณาการเช่นนั้น มาตลีเทพบุตรในร่างจำแลงดุจวณิพกพเนจรตั้งคำถามลองใจกับนางงามที่ยังซบพักตร์อยู่กับอุระแห่งพระองค์แล้วสะอื้นไห้

“อย่าได้ลองใจข้าเช่นนี้ ถึงท่านจะเป็นเพียงคนจรก็มีวิชา หาใช่วณิพกธรรมดาไม่”

สุ้มเสียงหวานจัดหากแต่ห้วนจัดทำให้สารถีเทพต้องแย้มสรวลอย่างไม่มีผู้ใดเคยได้เห็น ความพึงพอใจในนางงามนี้ยิ่งเพิ่มพูน ใช่จะพบเจอได้ง่ายๆสตรีที่งามทั้งรูปแลเปี่ยมด้วยปัญญา

“เมื่อเจ้าเองก็รู้ว่าพี่มิใช่วณิพกธรรมดา แล้วจักกังวลอันใด เจ้าเองก็ไม่ได้รังเกียจพี่ ฉะนั้นพี่จะไปพบพ่อแม่ของเจ้า คุยกับท่านว่าจะขอเจ้าไปอยู่กับพี่ เช่นนี้ไม่ดีหรือไร”

“ท่านมั่นใจได้อย่างไร ว่า.....เอ่อ....ที่บ้านข้าจะยอมให้ข้าไปกับท่านได้โดยง่าย”
ร่างน้อยคว้าเอาผ้าที่หลุดกองกระจัดกระจายมาห่มตัวแล้วค่อยลุกขึ้นนั่ง และต้องสูดปากครางด้วยความเจ็บร้าวไปจนถึงปลายเท้า เมื่อนึกถึงสาเหตุแห่งอาการเจ็บร้าวนี้ก็รู้สึกเขินอายจนต้องผินหลังให้บุรุษที่เพิ่งได้สังเกตว่ามีเรือนร่างสง่างามผึ่งผาย ผิวสีทองแดงเสมอกันไปทั้งเรือนกาย

เห็นท่าทางของนางงามและได้สดับคำพูดดังนั้น มาตลีเทพบุตรจึงจำแลงกายกลับสู่ภาวะแห่งเทพ ปลดปล่อยรัศมีเรืองรองออกมาทั่วร่าง ทรงผ้าทิพย์สีเขียวมะกอกสอดดิ้นทอง เครื่องถนิมพิมพาภรณ์ก็ล้วนแล้วแต่อัญมณีมีค่า

“เจ้าหันมาดูทีหรือว่าพี่เป็นใคร เผื่อจะเลิกสงสัยว่าที่บ้านเจ้าจะยอมให้ไปกับพี่หรือไม่ หึๆๆ”

“........ทะ ท่าน.......ท่านไม่ใช่มนุษย์”

“เก่งจริงเจ้า.....กระนี้แล้ว ยังจักให้พี่หนีไปให้ไกลอีกหรือ” สารถีเทพถือโอกาสที่ร่างน้อยยังพิศวงกับการสำแดงองค์จริงรั้งให้นางงามนั้นนั่งลงซ้อนตัก

“อ๊ะ! อย่า.......ขะ ข้า......”

“พี่ไม่ได้จะทำอะไร เห็นว่าเจ้าเจ็บ พี่ก็จะรักษาให้ อยู่นิ่งๆสิคนดี ว่าแต่ บ้านเจ้าอยู่ไหน แล้วเจ้ามีนามว่าอย่างไร......เดี๋ยวไม่ใช่ไปถึงบ้านเจ้า พี่ไปขอบุตรีกับท่านพ่อของเจ้าแต่กลับไม่รู้นามแห่งนาง พี่คงขายหน้าแย่”
มาตลีเทพบุตรยึดให้ร่างงามอยู่นิ่ง ก่อนจะแผ่รัศมีเทพจนเข้มข้นแล้วปล่อยให้ซึมเข้าสู่ผิวเนื้อของนางมนุษย์ ความรู้สึกอบอุ่นพลันวาบเข้าถึงเนื้อหัวใจ และความเจ็บร้าวก็ปลาสนาการไปจนสิ้น

“คือ....ขอความมั่นใจให้ข้าก่อน ว่าท่านไม่ใช่อสูรปลอมแปลงมา”

“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้านี่นะ เอาเถิด...ข้าขอกล่าววาจาสัตย์ ข้าคือมาตลีเทพ ตำแหน่งสารถีเทพแห่งสวรรค์ ใกล้ชิดกับจอมเทพแห่งสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เจ้าพอใจแล้วหรือไม่”

อ้อมพาหาที่รัดรึงให้แผ่นหลังเปลือยเปล่าเบียดแนบกับอ้อมอุระออกแรงมากขึ้นจนเหมือนจะแกล้งให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวทำให้เสียงหัวเราะกังวานหวานหลุดออกจากปากของร่างน้อยที่บัดนี้ผิวเนียนละเอียดกลับมีบางส่วนขึ้นสีจัดราวกับแต้มแต่งด้วยกลีบบุปผาสีชมพูเข้ม

ร่างน้อยนุ่มนิ่มปลดอ้อมพาหาแห่งองค์เทพออก แล้วหมุนกายประนมกรกราบลงกับพระอุระราวจะฝากชีวิต

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องแทนตัวใหม่ หม่อมฉันพลาดไปแล้วที่พูดจาล่วงเกินพระองค์.....อภัยให้หม่อมฉันนะ....นะเพคะ”

“พี่ไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก แล้วเจ้าก็ไม่ต้องเปลี่ยนคำแทนตัว ไม่ต้องเพคะกับพี่ พูดตามที่ถนัดกับพี่เช่นเดิมเถิด.....แล้วนี่พี่จะมีหวังได้รู้นามของเจ้าหรือไม่”
พระกรหนาโอบอ้อมร่างน้อยให้ซุกซบกับอุระ หัตถ์อีกข้างก็กอบกุมมือน้อยๆทั้งสองข้างที่ยังประนมไว้แนบแน่น แย้มสรวลอ่อนหวานให้กับกิริยาออดอ้อนนั้นอย่างพึงใจ ทันทีที่คำถามเชิงเย้าหลุดจากพระศอก็เรียกเสียงหัวเราะระรื่นหวานหูให้ดังขึ้น

“ฮะๆๆๆๆ ศวัตรา....นามของหม่อมฉันคือศวัตรากุมารี สมเด็จพ่อของหม่อมฉันคือพระราชาผู้ครองคิริปุระ ส่วนสมเด็จแม่....”

“เดี๋ยว.....เจ้าว่ากระไรนะ พระราชาผู้ครองคิริปุระกระนั้นหรือ ช่วยบอกพี่ทีเถิดศวัตรา.....ว่าเจ้ามิใช่ราชธิดาองค์เล็กของราชาแห่งคิริปุระ”

“.....ทำไม......มีเรื่องอันใดหรือ ใช่แล้ว หม่อมฉันคือลูกคนสุดท้องของสมเด็จพ่อ”

“โอ......รักของเรามีอุปสรรคเสียแล้วศวัตราของพี่”




น้ำตาหนึ่งหยดหลั่งรินจากดวงตาของมัฏฏกะพราหมณ์ หนึ่งในคุรุผู้ได้รับการนับถือในนิกายแห่งไฟอย่างไม่ทันห้ามตนเอง ถึงไม่ทำการเพ่งกสิณต่อ บทตอนต่อไปของตำนานรักที่เกิดขึ้นจริงแต่ปางบรรพ์ก็ชัดเจนในจิตวิญญาณ

สารถีเทพแห่งสวรรค์ครุ่นคำนึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนบอกเล่าเหตุผลที่เดินทางมาสู่คิริปุระกับศวัตรายอดดวงใจ นางทั้งตื่นตระหนกทั้งสำแดงอาการต่อต้านออกมาทันที

“แล้วพระองค์จักทำเช่นไร ได้ตัวหม่อมฉันออกมาแล้ว จักทรงนำหม่อมฉันไปถวายตามบัญชาแห่งองค์สักกะเทวราชหรือไม่ หากทรงทำเช่นนั้นหม่อมฉันจักไม่มีวันให้อภัยพระองค์เลย”

“เดี๋ยวๆศวัตรา อย่าเพิ่งโวยวายไป เจ้าจักยอมเสี่ยงกับพี่หรือไม่ หากเจ้าเลือกที่จะไปกับพี่ จากนี้ต่อไป เจ้าจักต้องละทิ้งชีวิตเบื้องหลัง เจ้าจักไม่มีสิทธิ์กลับบ้าน ไม่มีสิทธิ์กลับมาพบสมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของเจ้าอีก เจ้าจักยอมแลกหรือไม่”

“......ทำไม”

“พี่มีวิธีจักซ่อนเจ้าไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้พบเห็น เจ้าจะว่าอย่างไร”

“แล้วสมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของหม่อมฉันเล่า จักไม่ถูกเพลิงพิโรธจากองค์สักกะเทวราชทำลายจนแหลกลาญกระนั้นหรือ”

“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้ และไม่กลับไปที่บ้านอีก หากทำเช่นนี้ แม้นองค์สักกะเทวราชทรงทราบความว่าพี่ลักตัวเจ้าไว้เอง สมเด็จพ่อสมเด็จแม่ของเจ้าก็จักไม่มีส่วนรู้เห็นใดใด”

“แล้ว.....แล้วพระองค์เล่า หากองค์เทวราชทรงล่วงรู้ พระองค์จักเป็นเช่นไร”

“สักวันความลับย่อมเปิดเผย หากถึงจะรู้เช่นนั้นแต่พี่พร้อมเสี่ยงเพื่อจะมีเจ้าอยู่ข้างกาย ไม่ว่าโทสะของพระองค์จะหนักหนาเพียงไหน พี่ก็พร้อมจักน้อมรับ.....”

“......เช่นนั้นหม่อมฉันก็มีคำตอบให้พระองค์แล้ว จากนี้ทั้งกายและใจ ทั้งชีวิตของหม่อมฉันก็เป็นของพระองค์ หม่อมฉันจักไปกับพระองค์ จักมีชีวิตอยู่เพื่อฝ่าบาทพระองค์เดียว....”



รอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าที่สงบนิ่งเป็นนิจของพราหมณ์หนุ่ม ด้วยซาบซึ้งถึงหัวใจว่าคำพูดจากปากอิสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่ลมปากและมักเชื่อถือมิได้นั้น แท้จริงมีสตรีนางหนึ่งเคยพิสูจน์มาแล้ว ว่าหนักแน่นยิ่งกว่าภูผาหิน


ณ ปางนั้น มาตลีเทพบุตรร่ายมนตรา เปลี่ยนร่างให้ยอดดวงใจกลับกลายเป็นมานพน้อย แล้วพากลับไปครองรักยังวิมานบนสรวงสวรรค์ จักเปลี่ยนให้กลับคืนสู่ร่างอิสตรีก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่รโหฐาน จากนั้นกลับไปรายงานกับองค์สักกะเทวราชว่าบุตรสุดท้องของราชาแห่งคิริปุระเป็นบุรุษมิใช่อิสตรี

หากคำกล่าวที่ว่าความลับไม่มีในโลกนั้นเป็นสัจจะของโลกทั้งสาม ซึ่งรวมไปถึงโลกสวรรค์
และโทสะแห่งเทพนั้นก็ร้ายแรงเกินคาดเดา ความผิดของสารถีเทพแห่งสวรรค์จึงล่วงถึงพระกรรณแห่งองค์เทวราชหลังจากเพลานั้นไม่นาน




“เจ้าอาจหาญกระทำการหยามเกียรติเราถึงเพียงนี้ มีอันใดจะอธิบายหรือไม่”

“ข้าพระบาทไม่มีอันใดจักอธิบาย นอกจากจะขอน้อมรับโทษผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว”

“ขอน้อมรับไว้เพียงผู้เดียวกระนั้นหรือ”

“พระเจ้าข้า การนี้ข้าพระบาทกระทำเพียงผู้เดียว ไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดแต่อย่างใด แม้แต่ศวัตรากุมารีก็ถูกล่อลวงมา นางมิได้รับรู้เลยว่าที่แท้แล้วจักต้องไปเป็นบาทบาริจาริกาแห่งพระองค์”

“หยุดกล่าวความเท็จต่อเรามาตลี เผื่อเราจะเมตตาลดโทษแก่เจ้า”



ไม่มีคำใดหลุดจากโอษฐ์แห่งสารถีเทพ จนกระทั่งองค์เทวราชสั่งให้นำศวัตรากุมารีขึ้นเฝ้า นางนั้นกลับยืนกรานขอรับโทษแม้จะสั่นไปทั้งกายด้วยเกรงฤทธิ์โทสะแห่งองค์เทวราช

และยิ่งทรงชายเนตรแลเห็นสายตาของมาตลีเทพบุตรและนางมนุษย์ที่ลอบสบกัน  โทสะก็ยิ่งทับทวี

“เจ้าควรรู้ดียิ่งกว่าใครมาตลี ว่านามหนึ่งของข้าคือสหัสนัยน์ ผู้มีดวงตาถึงพัน.....ข้ารับรู้ทั้งหมด ทุกรายละเอียด ใช้วิธีแปลงร่างนางให้เป็นบุรุษเพื่ออำพรางข้าสินะ......งั้นข้าจักอำนวยพร ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ต้องเหนื่อยอีกมาตลี ด้วยโองการแห่งข้า ขอให้นางศวัตรากุมารีผู้นี้จงอยู่ในร่างบุรุษเพศตลอดกาล!”



มาตลีเทพบุตรโอบอุ้มร่างไร้สติของศวัตราแล้วพาเหาะกลับวิมาน หากเมื่อเจ้าร่างน้อยฟื้นคืนสติก็กลับรับสภาพของตัวเองไม่ได้ ความมั่นใจที่จะยืนอยู่ข้างกายองค์เทพหมดไป ไม่ใช่แค่ไม่ยอมเปิดเผยร่างกายต่อหน้าสารถีเทพอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ยอมแม้แต่จะให้องค์เทพเข้าใกล้

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาใกล้หม่อมฉัน ฮือ.....หม่อมฉันไม่มีสิ่งที่จะทำให้พระองค์มีความสุขได้ ไม่มีวันมีอีกแล้ว ฮือ.....”

“ศวัตรา.....ฟังพี่ คนดีของพี่ พี่รักเจ้า ไม่ว่าร่างกายเจ้าจักเป็นเช่นไร ไม่สำคัญเลยสักนิด เจ้าอย่าได้คิดว่าเป็นเช่นนี้แล้วจะทำให้พี่ไม่มีความสุข เพียงรอยยิ้มของเจ้า เพียงเสียงหัวเราะของเจ้า ก็ทำให้พี่ยิ้มได้ ศวัตราของพี่เป็นคนเก่ง เป็นคนเข้มแข็งมิใช่หรือ”

อุ้งหัตถ์ใหญ่หนายื่นออกไปหา ทรงรอด้วยความอดทน ตั้งพระทัยจะรอจนกว่ายอดดวงใจจะพร้อมก้าวออกมาหาด้วยตนเอง

หากเนื้อแท้ของศวัตรานั้นเป็นเฉกที่องค์เทพทรงรู้.....จิตใจเข้มแข็งนัก และแน่ล่ะ เมื่อได้สดับคำปลอบประโลมเช่นนั้น แม้จะยังไม่มั่นใจในร่างกายของตน แต่ความอบอุ่นที่รู้ดีว่าจะได้รับจากอุ้งหัตถ์ใหญ่หนานั้นก็เย้ายวนเกินกว่าจะทนอยู่กับตัวเองลำพังต่อไปได้

หัตถ์น้อยอันประกอบด้วยนิ้วเรียวยาวเกลี้ยงเกลาราวลำเทียน อูมอิ่มราวโกมุทแรกผุดจากบึงน้ำค่อยยื่นออกมาจากหลังม่านเหนือแท่นบรรทมสี่เสาประดับด้วยรัตนชาติมีค่าทั้งเก้าอย่างกล้าๆกลัวๆ หากอุ้งหัตถ์แกร่งที่ยื่นรอก็มิได้เร่งเร้าแต่อย่างใด จวบจนปลายนิ้วแตะเข้าที่กลางหัตถ์หนาสีทองแดงจึงถูกรวบจับไว้อย่างแน่นหนา หากแต่ร่างน้อยก็ยังมิยอมจะเยี่ยมพักตร์จากหลังม่านนั้นแม้เพียงนิด

“ศวัตรา......คนดีของพี่ ไหนเจ้าเคยบอกกับพี่ จะมีชีวิตอยู่เพื่อพี่ แล้วนี่พี่ต้องการให้เจ้ามาอยู่ในอ้อมกอด เจ้ากลับไม่ยอมแม้จะเยี่ยมหน้าออกมาหากระนั้นหรือ”

สิ้นกระแสสุรเสียงอ่อนโยนนั้น วงพักตร์ที่ยังคงงดงามราวจันทร์กระจ่างฟ้า ผิดก็แต่มีความเข้มคมของขนงและเนตรเพิ่มขึ้นก็ค่อยเยี่ยมออกมาพ้นชายม่าน หัตถ์เรียวยาวขาวผ่องอีกข้างคอยเช็ดอัสสุชลที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสาย

มาตลีเทพบุตรส่งรอยแย้มสรวลอบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่เคยไปให้ กระตุกหัตถ์น้อยในอุ้งหัตถ์เบาๆ เพียงเท่านั้น ศวัตราก็โถมกายเข้าใส่ทั้งตัว

“หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ จากนี้ต่อไปพระองค์ก็ไม่ต้องมาบรรทมกับหม่อมฉันอีก.....”

“ไม่ให้นอนกับเจ้า แล้วจะให้พี่ไปนอนที่ไหนเล่าศวัตรา.....นี่เจ้าคิดจะยึดเตียงนี้ไว้แต่ผู้เดียวล่ะหรือ หึๆๆ”
เสียงสรวลเบาๆนั้นเรียกค้อนวงโตได้จนมาตลีเทพห้ามพระทัยไม่อยู่ ก้มลงจุมพิตไปทั่ววงพักตร์นวลเนียนนั้นซ้ำๆ

“เทพอัปสรล้วนแล้วแต่งามๆ ชายเนตรให้พระองค์ หม่อมฉันเห็นอยู่มากมาย......”

“แล้วอย่างไร เจ้าจะให้พี่ไปขอนอนเตียงเดียวกับพวกนางหรือ”

“หากนั่นจักทำให้พระองค์มีความสุข หม่อมฉันก็......”

“แล้วยอดดวงใจของพี่จะมีความสุขหรือ.......แค่คิดเจ้าก็ร้องไห้อีกแล้วนะศวัตรา พี่ไม่ชอบเห็นเจ้าร้องไห้ แล้วใช่ว่าร่างกายของเจ้าตอนนี้จะทำให้พี่มีความสุขไม่ได้นี่นะ”

“เอ๊ะ!”

“ตกใจอันใด หากเจ้าไม่เชื่อ พี่จะพิสูจน์เดี๋ยวนี้ล่ะ”


อืออื้อเสียงครวญครางลั่น   กายก่ายเกยกัน
เหนือพระแท่นทองรูจี
เนตรสบเนตรน้องไม่หนี   รักล้นฤดี
ส่งผ่านสู่ห้วงหทัย
อะอาเสียงหอบหายใจ   หันเหียนเวียนไล่
รุกเร้าด้วยเล่ห์กลกาม
โอษฐ์พร้องร้องเรียกเพรียกนาม   โอ้เจ้านงราม
เปิดทางให้พี่ได้ชม
อ๊ะอื้อแล้วขบเขี้ยวคม   ตามห้วงอารมณ์
ฝากรอยเหนือเบื้องอังสา
รุกล้ำดำดิ่งมรรคา   หฤหรรษา
ลืมสิ้นโศกหม่นเศร้าหมอง
มธุธาราเจิ่งนอง   ถ้วนกันทั้งสอง
ต่างองค์ต่างเปรมปรีดา
กอดน้องกล่อมนวลนิทรา   ยอดเสน่หา
หลับเสียแก้วตาขวัญใจ



เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง ความเศร้าหมองและความกังวลจะไม่สามารถทำให้มาตลีเทพพอพระทัยได้หายไป หากแต่ศวัตรายังคงไม่พอใจจะใช้ชีวิตบนวิมาน ท่ามกลางสายเนตรของเทพเทวาและเทพอัปสรองค์อื่น อีกทั้งกังวลว่าเทพองค์อื่นจักเย้ยหยันสารถีเทพอันเป็นที่รักที่บูชา จึงขอร้องให้องค์เทพบุตรไปสร้างสถานที่ลับบนโลกมนุษย์ สำหรับจะอยู่แต่เพียงผู้เดียว

มาตลีเทพบุตรให้ตามคำขอของมนุษย์น้อยหนึ่งเดียวอันเป็นที่รัก เนรมิตปราสาทขึ้นไม่ไกลจากสระอโนดาตใจกลางหิมพานต์ ว่างเว้นจากหน้าที่ที่ได้รับบัญชาจากองค์สักกะเทวราชเมื่อใด สารถีเทพแห่งสวรรค์จะไปใช้ชีวิตเรียบง่ายกับศวัตรายอดดวงใจทุกครั้ง


“หม่อมฉันเป็นเพียงมนุษย์ ไม่อาจมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะเช่นพระองค์ ทั้งน้ำอมฤตก็ถูกราหูเทพใช้ไปจนหมดแล้ว อีกไม่นานจากเพลานี้ หม่อมฉันก็จักถึงอายุขัย หากชีวิตต้องสิ้นไปแม้นได้ไปถือกำเนิดใหม่ หม่อมฉันจักขอพรข้อเดียว......ขอให้ได้พบและได้รักกับพระองค์ทุกคราวไปได้หรือไม่”
“ลงไปนั่งตรงหน้าพี่สิ ศวัตรา....”

เทพสารถีแห่งสวรรค์ประนมกรระลึกถึงพระคุณแห่งองค์สหัสนัยน์ ส่งกระแสจิตขอรับพลังเพื่อประสาทพรจากพระองค์ เมื่อสำเร็จแล้วจึ่งลืมเนตรทั้งสองขึ้น สบเนตรกับมนุษย์น้อยผู้เดียวอันเป็นที่รัก ก่อนยื่นหัตถ์ลากอักขระประสาทพรลงตรงนลาฏที่เงยขึ้นน้อมรับพระพร

“ไม่ว่าเจ้าจักเกิดหรือตายอีกกี่คราว เราสองจักได้พบและได้รักกันตามที่เจ้าขอทุกครั้งไป”


มัฏฏกะพราหมณ์สดับเสียงอำนวยพรจากโอษฐ์องค์เทพตามคำขอของเจ้าร่างน้อย แล้วนึกรู้ได้ทันที ที่องค์อัคนิเทพอันเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดในชีวิตนี้ทรงสำแดงเดชมาตักเตือนเรื่องของทุกขเวทนาที่ใกล้เข้ามา จักต้องเกี่ยวพันกับคำพรนั้นเป็นแน่

ยังไม่ทันละจากการเพ่งกสิณ พราหมณ์หนุ่มก็แว่วเสียงม้าร้องก้องขึ้นอย่างเจ็บปวดหนึ่งครั้ง ไม่ไกลจากอาศรมที่เลือกปลูกสร้างขึ้นโดดเดี่ยวกลางป่าห่างไกลจากชุมชนนัก ตบะฌานอันบำเพ็ญมาแต่ยังเยาว์ทำให้รู้ได้ทันที ว่าเจ้าของพันธะสัญญาอยู่ไม่ไกล

มัฏฏกะพราหมณ์กระทำศิรประณามคารวะต่อองค์อัคนิเทพ แล้วเร่งเดินไปตามทิศที่ได้ยินเสียงม้าร้อง ดวงจิตได้คำตอบของหนทางที่จะเลือกเดินตั้งแต่ยังไม่ทันได้พบหน้าของอีกคนในชีวิตนี้ แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม แลแม้ต้องทนทุกขเวทนาเพียงใด เราจักไม่ยอมปล่อยให้เจ้าของดวงเนตรแวววามในห้วงนิมิตต้องเผชิญกับเรื่องร้ายเพียงลำพังแน่นอน


..................................................
..................จบตอนค่ะ.....................
      
ปล.ว่าแล้วก็หนีก่อน :m32:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 05-10-2010 02:06:00
แอบใช้สมาธิเล็กน้อยในการอ่าน ง่วง+โง่ด้วยอ่ะค่ะ :laugh:
ซึ้งๆๆกันไปก่อนนอน อิอิ สงสัยองค์เทวราชไม่เคยอ่านวาย
สาปให้กลายเป็นมานพน้อยก็เข้าทางพอดี :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 05-10-2010 03:56:59
จุดเริ่มต้นของคู่นี้เป็นอย่างนี้นี่เอง ^^ ว๊าวววมากค่ะ :-[ ชอบอ่ะ พี่นุ่นเขียนออกมาได้ดีจัง ผูกเรื่องได้รื่นมาก :m4: ไม่รู้จะพูดยังไงไปมากกว่านี้แล๊ะ แบบว่า o13 อ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 05-10-2010 04:34:18
นี่คือที่มานี่เอง ดำเนินเรื่องได้ดีมากค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-10-2010 07:08:59
มาอีกตอนนแล้ว :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 05-10-2010 08:51:38
ซาบซึ้งในความรักแรกพบสบตากันของทั้งคู่
รักข้ามภพยังไม่พอ ยังจะมีรักข้ามตระกูลอีก...หงิง :monkeysad:
องค์สหัสนัยน์นี่เองที่เป็นผู้สนับสนุนความรักในครั้งนี้
(ก็เค้าเป็น ช-ญ  อยู่ดี ๆ แท้ ๆ เชียว :z1:)
มาตลีเทพบุตรทำซึ้งอ่ะ ขอให้รักกัน ๆ ทุกชาติไป
สาตุ๊ (http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Emo/emotion38.gif)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 05-10-2010 09:37:42
 :monkeysad: ซึ้งอะเจ่เจ้  มิน่าละ มันสัมพันธ์ กับตอนแรกนี่เอง

ปล.เจ้นุ่น ใช้ศัพท?ได้สุดยอดมากกกก อ่านแล้วก็เขิน 5555555
ไม่เขินธรรมดา เขินมากก ว๊ากกกกกกกก
มารอตอนต่อไปปปป มันจะแนวๆๆไหนนี่ หุหุ

กอดดด
+1 :PP แบร่
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 05-10-2010 10:06:47
ผมรู้ว่ามีคนชมพี่นุ่นไปเยอะแล้ว
แต่ว่า
ขอชมอีก...2 คนละกัน
สุดยอดๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 05-10-2010 10:27:38

ซาบซึ้ง ภาษาสวยมาก
สุดยอดเหมือนเคยค่ะพี่นุ่น   o13
บวก1ให้พี่นุ่นคนเก่ง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 05-10-2010 10:31:06
 :o8:
ตำนานรักเทพกับมนุษย์

อิอิ มหาเทพเข้าทางหนุ่มวายอย่างเราเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 05-10-2010 11:01:42
บทเริ่มต้นแห่งความฝันอันแสนหวาน

แม้จะมีองค์เทพมาเตือน แต่ความรักก็ห้ามกันไม่ได้

ยังคงยืนยัน จะรักมั่น มิคลาย

ชอบจังเลยน้องนุ่น เติมเต็มอารมณ์ได้ครบถ้วนจริงๆจ๊ะ

ขอบคุณนะจ๊ะ

+1 ให้ด้วย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-10-2010 11:52:19
เทพเทวดายังไงก็มีกิเลสเช่นเดียวกับมนุษย์ ถึงได้ก่อให้เกิดตำนานเป็นรักข้ามชาติข้ามภพ
แต่องค์เทวราชานี่ก็เหมือนใจดีเนอะ...สาปให้เป็นผู้ชาย  :z1:
ไม่ลงโทษหนักอะไรไปกว่านั้น เออ...จริงๆ ต้องว่าคุณนุ่นใจดีกว่าถึงจะถูกเนอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: humanculus ที่ 05-10-2010 12:36:18
แบบว่า  ไปใหนไม่ได้เลย  จมความหวาน ตายอย่างสนิท
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 05-10-2010 13:11:19
ว้าว...ที่มาของรักแบบหนุ่มวายเป็นแบบนี้นี่เอง...อิอิ
เขียนได้สวยมาก ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบได้แล้ว
ที่บ้านเป็นโรงงานน้ำตาลหรือนุ่น จัดบวกไป
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 05-10-2010 13:13:12
ว้าวๆ ผูกเรื่องได้สุดยอดเลยคะ
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 05-10-2010 15:56:25
คุณนุ่นค่ะ บทอัศจรรย์ของคุณนุ่นเรียกเลือดเจ้หมดตัวแล้วค่ะ :jul1:

สมัยเรียน(มันนานมาแล้ว)พอดีเจ้สนิทกับอาจารย์ภาษาไทยแล้วได้เลขสี่วิชานี้มาครอง

ดังนั้นการจิตนากาลอาจจะกว้างไกลกว่าผู้อื่นมาก :z1: อร้ายส์............. :laugh:

เจขอตัวไปเติมเลือดก่อนนะค่ะ :bye2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetiiez ที่ 05-10-2010 17:49:53
ภาษาที่ใช้สวยมากๆ เลยค่ะ ดึงอารมณ์สมัยก่อนได้ดีมาก

ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งก็ยังรักกันเช่นเดิม อิจฉามากๆ :-[

ตอนล่าสุดเลือดแทบพุ่ง o18 บางคำต้องใช้เวลานึกอยู่นานถึงจะเข้าใจ

แต่ก็พอจะเข้าใจในเรื่อง อ่านนิยายพี่นุ่น รักภาษาไทยขึ้นจมเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 05-10-2010 18:28:53
:a5:
เอ๊ะผู้หญิง
เอ๊ะคุ้นๆนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 05-10-2010 19:48:46
 o13 เริ่ดดดดดดดดดด นี้คือต้นเหตุของเรื่องงทั้งหมดสินะ
สุดยอด ผูกเรื่องได้เยี่ยม เกินคำบรรยายจริงๆ
ยิ่งฉากอัศจรรย์นะ เรียกเลือดแทบหมดตัว
ช๊อบ ชอบอ่ะพี่นุ่น เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 06-10-2010 10:00:47
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ นุ่น  หงิง หงิง รอมานานได้อ่านเเล้ว เป็นความรักที่ลึกซึ้งมากอะ เข้าใจทั้งหมดเลยเเต่ก็ดีที่เค้าเข้าใจกันเเละ ต่อสู้ด้วยกัน ไรเตอร์นุ่น อย่าลืมมาต่อตอนต่อไปนะ

ปล. ไรเตอร์ ตัวนี้   "อคฺนิะ " อ่านว่าอะไรคะ อ่านไม่ออกอะ
"กูณฑ์ "  เเปล ว่าอะไรคะ 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kikipanda ที่ 06-10-2010 10:21:03
บทอัศจรรย์ของไรเตอร์ช่างล้ำเหลือ ขนาดป้าโง่ๆ เรื่องกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ อ่านแล้วยังเขินนนน  :-[

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-10-2010 10:36:25
มาตอบเมนท์ดันตัวเองดีกว่า
แบบว่าขายของมันก็ต้องมีการโฆษณานิดนึง >/////<

เอาแบบรวมๆก่อนแล้วกันนะคะ อย่างที่บอกเลยคือตอนแรกของชุดเรื่องเล่าจากความฝันที่เขียนนี่เขียนไปแล้วอ่านเมนท์ของตอนแรก
ก็เห็นว่ามีเมนท์(น่าจะของพี่แตมนะคะ) บอกว่า แล้วถ้ามีชาติไหนเกิดมาเป็นผู้หญิงล่ะ ก็ไม่ใช่นิยายชาย-ชายสิ

ในใจคนเขียนนี่อยากจะวิ่งบวกสิบเลย เพราะในใจนี่เรื่องราวที่เกิดอะไรขึ้นท่านเทพบุตรถึงรักกับศวัตราได้มันผุดพุ่งขึ้นมาแล้ว
เพียงแต่เป็นทางตรงข้ามกัน คือไม่ใช่ชาติต่อๆไป หรือชาติไหนๆเป็นหญิง แต่เรื่องราวมันเริ่มขึ้นที่เป็นหญิงเลยต่างหาก

ประกอบกับได้คุยกับพี่ๆน้องๆหน้าเชาท์ (หลังลงไปได้สองสามตอน) ก็มีการถามว่า คราวหน้าจะพาไปเที่ยวไหน
แล้วก็คุยกันว่าไปแถบยุโรปบ้างมั้ย ภูเขาหิมะ รึเข้าถ้ำ อะไรก็ว่าไป แต่คนเขียนเนี่ยปลื้มเรื่องราวแถบเอเชียเราเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอินเดียโบราณ เลยคิดว่าต้องมีแน่ๆล่ะเรื่องของฤๅษี ไม่ก็โยคี พราหมณ์ หรือตัวละครแถบๆนี้
ก็เริ่มหาข้อมูลตั้งแต่ตอนนั้นว่าลัทธินิกายสมัยโบราณเป็นอย่างไร สิ่งไหนที่เป็นที่นับถือ
(ตอนเด็กๆชอบดูหนังแขกประเภทเทพเจ้าด้วย แบบเต้นระบำวิ่งข้ามเขา แอบหลังต้นปาล์มก็ชอบ ^^)
เลยไปเจอเรื่องของลัทธิบูชาไฟ ก็หาๆๆว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร วุ่นวายไปหมด ข้อมูลเยอะมากค่ะ
แต่อ่านไปอ่านมาก็นึกขึ้นได้ เราเขียนเรื่องจากความฝันอยู่นะ ไม่ใช่สารคดี ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เลยตัดโน่นนี่ออกไปเกือบหมด
เอาแค่บรรยากาศมาพอได้กลิ่น

ฤคเวท ส่วนบทสรรเสริญเทพเจ้าจากคัมภีร์พระเวทที่ยกมานั่น
อย่าแปลกใจว่าทำไมอ่านแบบบาลีแล้วขัดๆ เพราะว่าเป็นภาษาสันสกฤตค่ะ
ถ้าอยากลองฟังเสียงสวดลองเข้าไปในยูตุ๊บ หาคำว่า Agni Rig veda ดูนะคะ

มาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กัน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีหัวหน้า(เทวราช) คือพระอินทร์ เทวดาที่อยู่บนสัญลักษณ์ประจำกรุงเทพมหานครนี่เอง
ซึ่งพระอินทร์ท่านเป็นเทพที่มีหลายพระนาม ในเนื้อเรื่องใช้อยู่สองพระนามคือ สักกะเทวราช และ สหัสนัยน์ ซึ่งแปลตรงตัวว่า พันตา
เนื่องจากพระอินทร์ท่านมีดวงตาถึงหนึ่งพันจริงๆนะคะ เรื่องนี้ที่จริงก็มีตำนานอยู่ หลายท่านคงทราบแล้ว แต่สำหรับเด็กๆที่ไม่เคยรู้มาก่อน...
ตำนานที่ว่าอยู่ในเรื่องรามเกียรติ์ค่ะ พระอินทร์ท่านเป็นเทวดาที่มีภรรยาเยอะมาก แล้วไม่พอเห็นภรรยาคนอื่นเขาสวยๆก็ถูกตาต้องใจ ไปเก็บเล็กเก็บน้อยตลอด
ทีนี้คราวหนึ่งท่านก็เห็นฤๅษีแก่(จำชื่อไม่ได้ค่ะ)มีภรรยาสาว แถมภรรยายังสวยอีกด้วย
ท่านเทวดาจอมเจ้าชู้ท่านเลยถือโอกาสที่ฤๅษีออกจากอาศรม แปลงร่างให้เหมือนพระฤๅษี แล้วเข้าอาศรมเขาไปยุ่งกับสาวงาม(เมียคนอื่น)
ต่อมาเกิดเรื่องพระฤๅษีจับได้ เลยจัดการสาปซะ ด้วยความโกรธ ให้มีโยนี(อวัยวะส่วนนั้นของผู้หญิงน่ะค่ะ)ติดตัวพระอินทร์ท่านพันอันเลย
พระอินทร์ก็อับอายมาก (ใครไม่อายก็แปลกแล้ว ขนาดผู้หญิงมีแค่หนึ่งยังต้องแอบต้องซ่อนไม่ให้ใครเห็นเลย นี่ท่านเทวราชเล่นมีตั้งพัน กึ๋ยๆๆๆ)
ท่านเลยขอร้องให้พระฤๅษีถอนคำสาป (จำไม่ได้อีกแหละค่ะว่าพระฤๅษีท่านยอมใจอ่อนถอนเอง หรือต้องแบกโยนีพันชิ้นไปขอให้เทวดาท่านอื่นช่วย)
แต่ในที่สุดก็มีคนช่วยพระอินทร์ท่าน ถอนคำสาปไม่ได้ก็จริง แต่ก็เปลี่ยนจากโยนีเป็นลูกตาซะ
ตั้งแต่นั้นมาพระอินทร์ท่านจึงได้ชื่อว่าสหัสนัยน์ หรือท่านท้าวพันตานั่นเอง

ตามวรรณคดีไทย และหนังจักรๆวงศ์ถึงมักจะมีพระอินทร์มาเกี่ยวข้องไงคะ
ว่าเวลาทิพยอาสน์แข็งก็สอดส่องดูความเป็นไปบนมนุษย์โลก ว่าเกิดเหตุอาเพศใดขึ้นรึเปล่า ก็ท่านมีตั้งพันตา ทำไมจะมองเห็นได้ไม่ทั่วโลก ฮี่ๆๆๆๆ


(เผลอเล่ายาวอีกแล้ววววววววววววววว)

มาตอบเมนท์ต่อดีกว่า เห็นว่าจากตอน "นิมิตกลางกูณฑ์"นี่สิ่งดึงความสนใจมากคือบทอัศจรรย์
สำหรับบทอัศจรรย์คราวนี้เริ่มแรกนุ่นก็ตั้งใจจะเขียนเป็นฉันท์แบบเดิมค่ะ กะให้สอดคล้องกับในค่ำคืนแห่งความฝัน แต่นานมากก็ได้แค่บทสองบทเอง
เลยเปลี่ยนใจดีกว่า ไม่งั้นป่านนี้ก็คงยังไม่ได้แปะ บทอัศจรรย์ระหว่างเทพและมนุษย์เลยมาในแบบกาพย์ฉบัง๑๖

ชื่อตอน นิมิตกลางกูณฑ์ สำหรับเด็กๆที่ยังไม่ทราบ คำว่า "กูณฑ์" แปลว่าไฟ กองไฟ นะคะ (บอกเผื่อๆมีเด็กน้อยมาอ่านงิ)

เอาล่ะมาต่อที่กาพย์ฉบังก่อน เห็นมีหลายท่านอ่านแล้วถึงกับเลือดกระฉูด โฮะๆๆๆๆๆๆๆ คนเขียนก็เขียนไปเขินไปค่ะ แบบว่าสิงร่างอยู่แถวนั้นไปเขียนไป
สำหรับบทบนก็เป็นระหว่างชาย-หญิง พอจะพีคๆก็ตามขนบบรรยายถึงแมลงกับดอกบัวในบึงไปโน่น ตั้งใจให้ทั้งเทพทั้งคนสบตากันปุ๊บไฟลุกพรึบปั๊บค่ะ
เลยออกแนวกระโจนเข้าใส่กันอย่างที่เห็น แหะๆๆ ศวัตราแอบใจง่ายเนอะ >//////< แล้วพอทำไปแล้วคิดได้ทีหลังก็มาร้องไห้
แถมที่ไล่ให้หนีไปนั่นคือเป็นห่วงสามีหมาดๆนะคะ กลัวท่านพ่อจะไล่ฆ่าเอา
เป็นเจ้าหญิงอยู่ดีดี หนีออกมาเที่ยวก็ผิดแล้ว นี่ยังมาชิงสุกก่อนห่ามอีก รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น......
(ถ้ามีท่านไหนอยากให้ถอดความก็บอกไว้นะคะ แต่ไม่อยากถอดเท่าไหร่ อยากให้อ่านไปแล้วใช้จินตนาการเยอะๆมากกว่า...ที่จริงคือเขิน)

ส่วนบทหลัง ที่เป็นบทอัศจรรย์เมื่อยอดดวงใจของท่านเทพกลายเป็นหนุ่มน้อยแล้ว อันนี้มั่นใจว่าไม่ต้องถอดความ เพราะใช้คำตรงไปตรงมามาก
(ตรงตั้งแต่เลือกจะใช้เสียงครางเป็นคีย์ >//////<) เอาจริงๆเลยคือคนเขียนพยายามหามุขอื่นๆมาเขียนบทอัศจรรย์ค่ะ
เห็นเรื่องอื่นเวลาอัศจรรย์กันเขาต้องคราง เหมือนว่ายิ่งครางอีกฝ่ายจะยิ่งชอบ เลยเอาเสียงครางใส่มันเข้าไปในกาพย์ฉบังซะเลย
อารมณ์ของบทหลังนอกจากตั้งใจให้ร้อนแรงแล้ว คือตั้งใจให้หวานจนศวัตราเชื่อว่าร่างกายที่เปลี่ยนไปของตนไม่มีผลอันใดต่อความรู้สึกขององค์เทพบุตร
ต้องการให้มั่นใจว่าความรักของทั้งสองจะไม่เปลี่ยนแปลง พยายามสื่อออกมาให้ชัดที่สุด แต่ก็ได้เท่าที่เห็นน่ะค่ะ

หวังว่าคนอ่านจะถูกใจนะคะ แล้วคือขอสารภาพว่าพอข้าพเจ้าเขียนตอนนี้จบปุ๊บ
รู้สึกอยากไปกดโหวตให้ท่านสารถีเทพเป็นพระเอกแห่งปีมาก ท่านแม้นนนนนนแมน  :impress2:

สุดท้ายสำหรับการตอบเมนท์ยืดยาว ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้าไปเสนอชื่อผลงานของคนเขียนในกระทู้โหวตด้วย
แค่เห็นมีชื่อเรื่องที่เขียนขึ้นก็ปลาบปลื้มมากแล้วค่ะ คนอ่านจำนวนไม่มาก แต่ก็ยังอุตส่าห์มีชื่อได้อยู่ในหน้าโหวตกับเขาด้วย ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:


ตอนล่าสุดเลือดแทบพุ่ง o18 บางคำต้องใช้เวลานึกอยู่นานถึงจะเข้าใจ

แต่ก็พอจะเข้าใจในเรื่อง อ่านนิยายพี่นุ่น รักภาษาไทยขึ้นจมเลยค่ะ
ปลื้มใจนะคะที่ทำให้คนอ่านรู้สึกรักภาษาไทยมากขึ้นได้ น้องสวีทตี้ซ์ กอดดดดดดดดดด มารักและรักษ์ภาษาไทยกันค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nookik ที่ 06-10-2010 18:38:45
 :-[  ขอกรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส สักนิด


ชาตินี้จะมีแบบนี้มั่งไม๊เนี๊ยยยย


หวานซ๊าาาาา  เจอกันทุกชาติเลยง่ะ


 :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 06-10-2010 19:15:38
โอย... เป็นครั้งแรกที่อ่านบทอัศจรรย์แล้วเลือดพุ่ง
ปกติมีแต่หลับ(ฮา)
เริ่มต้นมาแบบนี้นี่เอง!! ชอบอารมณ์แบบนี้จัง "เราพบกันแต่ปางก่อน"
ดูเป็นคำมั่นสัญญาดีค่ะ ^__^
ปล. :o8: ถอดความนิสนึงก็ดีนะคะ คำบางคำหาแทบตายยังไม่รู้ว่าคืออะไรเลย มธุธาราเงี้ย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 06-10-2010 22:20:31
รักแรกพบบบบบ
แค่สบตากันก็รู้ใจ

อ่านช่วงเเรกก็งงอยู่ว่าทำไมศวัตราเป็นผู้หญิง
ก็ในเมื่อตอนแรกเลยเป็นผู้ชาย
อ่านไปอ่านมาก็ถึงบางอ้ออ

ปล.เป็นรักมั่นคงจริง
ปล2.ดวงตาทั่งพันของสักกะเทวราชเคยเป็นอันนั้นของผู้หญิงจริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-10-2010 00:52:56
ซึ้งมาก ภาษาสวยเช่นเคย
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 07-10-2010 10:45:07
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ นุ่น สำหรับคำอธิบาย เราก็ว่า กลอนรอบนี้ไม่คุ้นเลย อ่านยาก อ๋อ มันคืออย่างนี้นี่เอง  วิ่งมาหา หงิง หงิง หงิง หลังจากที่ไปเเอบดู พี่หมอปุ่น กับ เสือเเสบ เข้าหอ คุคุคุ  ว่าเเต่ เมื่อไหร่ พี่ฟ้า + ตัวป้วน จะกลับมาล่ะ พักร้อน นานไปเเล้วนะ ...ไรเตอร์ นุ่นไม่พา พี่ฟ้า + ตัวป่วนเที่ยวงาน ฮาโลวีนเหรอ หรือว่าจะไป ลอยกระทง ทีเดียว คุคุคุ + 1 สำหรับคำอธิบาย เเละ เกาเห็บรอตอนต่อไป อยู๋หน้าบ้าน


หงิง หงิง หงิง
 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 07-10-2010 10:45:28
แอบมาบอกอะไรนิดนึง

ตอนแรกมึนๆว่า"โยนี"เนี่ย แปลว่าอะไร
ก็เลยไปแปลจากอากู๋ google ตอนแรกเราแปลจาก
ไทย => อังกฤษ ได้คำว่า Pussy
แล้วค่อยแปลจาก Pussy เนี่ย => ไทย
พอแปลออกมาก็   อุ๊ย!! ไม่อยากจะบอกค่ะแม่คุณ กูเกิลนี่มันตรงขนาดนี้เลยหรอ
ลองเอาไปแปลกันดูนะคะ...
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์ (05/10/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-10-2010 12:56:13
^
^
^
เล่นซะไม่กล้าลองเลยค่ะคุณRinze กร้ากกกกกกกกกกส์


เอาล่ะค่ะ ตามคำเรียกร้อง อยากให้ถอดข้าพเจ้าก็ถอดมาให้ กาพย์ฉบัง๑๖ สองบทอัศจรรย์
มาส่งแล้วค่ะ  :o8:

เริ่มกันที่อัศจรรย์แรก เหตุเกิดกลางวันแสกๆ แสงอาทิตย์ยังกล้า แถมนอกสถานที่บนแท่นหินริมสระอโนดาต
(คาดว่าตาพรานบุญแห่งพระสุธน-มโนราห์ คงได้ตากุ้งยิงกลับไปด้วยแหงๆ)


สองต่างเคลื่อนกายเข้าหา   ไม่ปล่อยเวลา                >> บทแรกไม่ต้องแปล
ให้ผ่านแม้สักนาที

โอษฐ์แย้มยั่วเย้าในที   ไร้ถ้อยพจี                 
สื่อสารแค่เพียงแววตา                       >> โอษฐ์...ปาก พจี...คำพูด (แปลว่าท่านเทพและทางมนุษย์สบตากันราวปลากัด ไม่พูดกันสักแอะ)  

เนตรน้องสบเนตรพี่ยา   เปี่ยมเสน่หา      
ร้อนรนล้นห้วงหทัย                                  >> บทเมื่อกี้ยิ้มยั่วกันอยู่แป๊บๆ พอมาบทนี้สบตากันอีกนิด ก็เลยร้อนๆ (สงสัยหิมพานต์วันนั้นจะอ้าวน่ะค่ะ)

เอื้อมหัตถ์แตะเนื้อเหนือใจ   นิ่มน้องอุ่นไอ                 >> เนื้อเหนือใจ...หน้าอก(เอ่อ..ตั้งเต้าด้วยสิ)
สะท้านซ่านถึงวิญญาณ์     

ร้อนร้อนรุมเร้าราวบ้า   เร่งโลมแก้วตา      
ตามเชิงชำนาญโลกีย์                       >> แค่สบตากันก็ร้อนจะแย่ แล้วยังจะเขยิบมาแตะโน่นนี่กันอีก..เลยยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ แล้วพออะไรๆมันร้อนมากเข้า เลยอยากจะเข้าแอบ “ในร่ม” ท่านพี่ท่านเลยต้อง “เร่งโลมแก้วตา”

ปทุมมาลย์ในสระศรี   บานเหนือนที      
ส่งกลิ่นยวนเย้าภมร                                  >> ก็มันร้อนจัดดอกบัวเลยบาน แถมส่งกลิ่นอีก(อูย...อะไรกันหนอในร่างกายแม่หญิงที่มีรูปลักษณ์ราวดอกบัว?)

ภู่ผึ้งเคล้าคลึงเกสร   ลิ้มชิมเนื้ออ่อน
สั่นสั่นสะท้อนรับลิ้น                                  >> ก็ดอกไม้เล่นส่งกลิ่นยั่วให้กิน เลยแตะลิ้นชิมสักนิด อ้าว...เอ๊ะ ดอกไม้ทำราวมีชีวิต สั่นๆสะท้านสะเทือนได้อีกแน่ะ (แถมสั่นจังหวะเดียวกับที่โดนแตะชิมด้วยซิ โอ๊ะโอว)

ไหวเอนราวจะพังภิณฑ์   ภมรลืมถิ่น
เฝ้าเคล้าแต่เจ้าเยาวมาลย์                        >> ยิ่งถูกแตะชิมมากเข้า แรงสั่นสะเทือนก็มากราวกับว่าจะ”แตกทลาย” เป็นปฏิกิริยาต่อเนื่องสู่เจ้าแมลง ยิ่งดอกไม้สั่น ยิ่งอยากกิ๊น...อยากกิน เลยกินอยู่นั่นแหละจนแทบหาทางกลับบ้านไม่เจอ (>///<)



ต่อไปอัศจรรย์ที่สอง....บทพระแท่นทองรูจี ในวิมานแห่งมาตลีเทพบุตร (แหม...ท่านช่างเชี่ยวแท้ เห็นน้องมันเด็กเลยสอนซะ กึ๋ยๆๆๆ)

อืออื้อเสียงครวญครางลั่น   กายก่ายเกยกัน      
เหนือพระแท่นทองรูจี            >> ไม่รู้เทพกะมนุษย์ทำอะไร เห็นนอนก่ายกันอยู่บนเตียง แล้วก็ร้อง “อือ.....อื้อ...” ซะดังเชียว

เนตรสบเนตรน้องไม่หนี   รักล้นฤดี
ส่งผ่านสู่ห้วงหทัย               >> เอาอีกแล้วสิ คู่นี้ชอบทำตัวเป็นปลากัด สบตากันปิ๊งๆ ไม่ต้องบอกด้วยคำพูดก็รู้แล้วล่ะ ว่ารัก....ร้ากกกกกกกรัก

อะอาเสียงหอบหายใจ   หันเหียนเวียนไล่
รุกเร้าด้วยเล่ห์กลกาม            >> ท่านเทพนี่ก็เชี่ยวแท้ เดี๋ยวกินบนกินล่างกินกลางตลอดตัว เล่นเอาอิหนูของท่านหอบหายใจแทบไม่ทัน (ซาวนด์ประกอบ “อะ.....อา.......”)

โอษฐ์พร้องร้องเรียกเพรียกนาม   โอ้เจ้านงราม
เปิดทางให้พี่ได้ชม                       >>  “ศวัตรา....ศวัตราจ๋า....อย่าหนีบไว้จิคนดี อ้าออกอีกนิดนะ อย่าอายพี่เลย” (แว้กกกกกกกกกก!)

อ๊ะอื้อแล้วขบเขี้ยวคม   ตามห้วงอารมณ์
ฝากรอยเหนือเบื้องอังสา            >> เป็นไงล่ะรุกมากเล่นมาก อิหนูเลยพูดไม่เป็นภาษาไม่พอ ยังครางไม่เป็นภาษาอีก มั่วไปหมดแล้ว ไม่รู้จะเลือกสระอะไร (ว่าแล้วท่านเทพก็พาตัวเอง “เข้าร่ม” สม...โดนกัดบ่าซะจมเขี้ยว)

รุกล้ำดำดิ่งมรรคา   หฤหรรษา
ลืมสิ้นโศกหม่นเศร้าหมอง            >> ก็อุตส่าห์เข้าที่ร่มได้แล้ว เลยเดินหน้าเต็มตัว เอาให้ลึกอีก...แล้วก็ลึกอีก..... อืมๆๆ พอเข้าไปแล้วเลย หฤหรรษ์ ที่เศร้าๆมาม่ารันทดน้ำตาร่วงอยู่เมื่อกี้เลยลืมหมดซะงั้น....แหม่ๆๆ นี่สินะ วิธีคลายเครียด.....เข้าถ้ำนี่เอง!

มธุธาราเจิ่งนอง   ถ้วนกันทั้งสอง
ต่างองค์ต่างเปรมปรีดา            >> มธุ....น้ำหวาน, น้ำผึ้ง, น้ำทิพย์ ธารา....น้ำ เอ่อ....หนึ่งคนหนึ่งเทพเที่ยวถ้ำกันยังไงไม่ทราบ จู่ๆก็มีมธุธาราเจิ่งนองปรี๊ดๆ แล้วก็....เลยสุขสันต์หรรษา (งุงิ)

กอดน้องกล่อมนวลนิทรา   ยอดเสน่หา
หลับเสียแก้วตาขวัญใจ            >> ศวัตราคงเหนื่อยแหละ ถึงท่านเทพท่านจะเทพมาก ไม่มีล่ะที่จะเหนื่อย แต่น้องเหนื่อยแล้วนี่ เลยอืม... “หลับซะนะคนดี ยอดดวงใจของพี่ หลับเถิดพี่จะกล่อม” ว่าแล้วก็กอดประคองไว้ ลูบหลังลูบไหล่ แตะโอษฐ์แผ่วๆที่ขมับน้องน้อย.....





สักนิด ขอขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุนภาพประกอบ ดาด้าแม่ชีต้าห์

                               (http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/smart/101718443copy.jpg)


ปล.ถอดความแบบนี้ จะถูกดุไหมหนอ แต่ๆๆ ถ้าถอดแบบจริงจัง......มันไม่รอดนี่นา เขิน....เขินมากกกกกกกกกกก :-[
ปล.ถ้าภาพประกอบเรทสูงไปเตือนด้วยนะคะ จะได้มาลบออก ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-10-2010 13:11:33
อ่านกลอนแล้วสยิวๆๆๆ แต่พอมาอ่านคำแปล ฮากระจายมาก แต่งกลอนเก่งจังเลย

ปล. ชอบรูปจริง  :pighaun:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 07-10-2010 13:29:25
 :jul1:

เอ่อ น้องนุ่นจ๋า บทแปลนี่ ทำเอาเลือดที่หมดไปครึ่งนึง
อีกครึ่งก็หมดตามไปเรียบร้อยแล้วจ้า

เอิ๊กกกก ...

รูปประกอบก็ได้อารมณ์ตรงกับความรู้สึกมากเลย
สวยงาม อบอุ่น...

ยิ่งได้อ่านคำอธิบายเนื้อเรื่อง ก็ยิ่งซาบซึ้ง

และที่สำคัญ  o13 เก่งมากๆ เลยน้อง
ใช้ภาษาได้สวยงามมาก เนื้อเรื่องก็เยี่ยม
โอ๊ยยยยยย  ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 07-10-2010 13:48:15
จากที่จิ้นเอง  :m25: มาเจอคำแปลแล้ว... :haun4: อารมณ์สุดท้ายคือ  :m20:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 07-10-2010 14:06:00

พี่นุ่นอะแปลซะฮา :m20:หมดกันเลยที่แอบจิ้นไว้   :m25:
ไม่ต้องเขินค่ะพี่นุ่นขอแบบจริงจังเลย
ชอบภาพประกอบมากกก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 07-10-2010 20:54:38
 :-[ บิดๆ
เข้าใจแล้ว... มธุธาราแปลว่าอะไร...
อ่านคำแปลไปก็บิดๆๆๆไปค่ะ
ขอบคุณคุณนุ่นค่ะ!! เป็นหวัดอยู่ กำเดาเลยออกมาพร้อม... น้ำมูกอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 07-10-2010 22:47:17
เล่นถอดความแบบนี้ มันซ่านเสียวน่าดูนะคุณนุ่น ฮ่าๆๆๆ
แต่ภาษาอ่านทั้งบาลี สันสฤตนะคืนครูบาอาจารย์ไปหมดแล้วคะ
เลิกเรียนก็เลิกออกเสียงไป ณ บัดดล อ่านเสียงผิดเสียงถูกก็ขอแค่เข้าใจเรื่องราวไว้ก่อนเป็นใช้ได้ 
ก็มันไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันเนอะ  เลยลืมๆ ไปเยอะเลย
 :กอด1:++++ ให้กะความใจดีของคุณนุ่นอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 07-10-2010 22:51:58
อืมมม

อ่านถอดความแล้ว
ยิ่งกว่าที่จินเองอีกอ่ะ
ถ้าถอดมาแบบตรงๆๆจะขนาดไหนเนี่ย

 :m25:
 :m25:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 08-10-2010 09:16:02
บทแปลนี่  :jul1:และ :laugh:  o13   
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 08-10-2010 09:54:13
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ นุ่น ตอนอ่านก็ จิ้นเองเเล้วอะนะ พอมาอ่านคำเเปล เลยกลายเป็น ฮา + หื่น ไปเลย หงิง หงิง เลือดพุ่ง เจ เเตกเเล้วเรียบร้อย วะ ฮ่าฮ่า  
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 08-10-2010 10:12:43
พี่นุ่นขาตอนอ่านกลอนอย่างเดียวก็อายบิดแล้ว พอพี่นุ่นมาแปลเล่นเอาทั้งฮาทั้งม้วนเป็นโรตีไปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: sweetiiez ที่ 08-10-2010 22:42:44
 :jul1: ถอดความออกมาต้องเตรียมทิชชู่อ่ะคะ

ม้วนเดียวไม่พอสงสัยล่อเป็นโหลเลย

ตอนแรกที่แปลเองว่าพอแปลได้ แต่พี่นุ่นมาช่วยนี่

เลือดหายไปเยอะเลย รูปประกอบนี่ก็สุดๆ :-[

+1 ให้พี่นุ่นจ้า :กอด1:

ปล.กว่าจะเม้นได้ เหงื่อตกเลย เน็ตเน่ามาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-10-2010 23:23:09
คำประพันธ์ที่แต่งประกอบ งามทั้งถ้อยและความเลยค่ะ  o13

ตอนนี้ทำให้ได้รู้ที่มาที่ไปของทั้งคู่แบบละเอียด พร้อมเหตุและผลต่างๆ
เชื่อมโยงให้ความสนุกจากการอ่านตอนที่แล้วๆมาเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ฝีมือจริงๆค่ะ
บวกอีก 1 แต้มนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 10-10-2010 08:19:05
อ่านคห.ที่384 ตอนถอดความกาพย์ ทำเอาอากาศร้อนกำเดาไหลกันถ้วยหน้า ฮ่าๆๆๆๆ :laugh:

กรี๊ดดดดดดดด อยากบอกว่าอ่านแล้วเขินมาก! >///<"  :o8:


ขอบคุณ... พี่นุ่นสำหรับบทความที่อ่านแล้วอ่ะฮ้า~ กับ พี่ดาด้าสำหรับรูปที่ทำให้จิ้นไปไกลซะอะฮู้ววว~ :m10:


 (วิ่งหนีออกนอกกระทู้อย่างรวดเร็ว)  :oni1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-10-2010 10:24:14
เหนื่อยใจจัง อ่านไปแล้วเหนื่อยมาก แอบบอู้สัก 1-2 ชั่วโมงก่อนละกัน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-10-2010 10:55:21
^
^
^
ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อ่านแล้วเหนื่อยหมายความว่างายคร้า

โอวววววววว ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

(แบบว่า..หงุงหงิง เสียความมั่นใจไปสองกระบุงเลยงิ T__T เดี๋ยวตอนหน้าเขียนเรื่องเด็กๆใสๆดีกว่านิ ฮี่ๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-10-2010 11:05:07
^
^
^

เหนื่อยที่ของตัวเองเขียนไม่ออก คิดไม่ออกต่างหากเล่า ไม่ใช่ว่าของตัวเองไม่ดีซักหน่อย

จะเสียความมั่นใจไปใยคนเรา 555

เค้าแค่ นึกประโยคอะไรต่ออะไรไม่ออก วันนี้เลยขีดและเขียน แบบไม่ค่อยได้เรื่อง ของตัวเองเลยยังไม่ได้อัพ 555

ขอโตดที่ทำให้เสียเซวฟ นะคะน้องสาวคนสวย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-10-2010 11:18:10
^
^
^
จิ้มๆกอดๆพี่พีนัท

คริคริ ใจมาเป็นกองโตเลยค่ะ
งั้นคราวหน้า..ก็เรื่องเด็กๆอยู่ดีแหละ กร้ากกกกกกกกกกส์

ถ้าวันนี้เขียนไม่ออกก็อย่าเพิ่งรีบสิคะ นุ่นเข้าไปเห็นแหวนตราในกระทู้พี่พีนัทแล้วยังคิดอยู่เนี่ยว่าจะมาแนวไหน
ตอนแรกเห็นแค่วงเดียวยังคิดอยู่ว่าสงสัยจะ "ของๆข้า ของรักของข้า" แบบว่าสิงร่างสมีกัล
ทีนี้พอมองลงมาอ้าว มีสองสีสองวง รึว่าจะรักสองตระกูล พี่พีนัทจะเขียนแนวโรเมโอกะจูเลียตซะล่ะม้าง
คริคริ สู้ๆนะคร้า กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-10-2010 11:39:39
+1 ให้กำลังใจน้องนุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-10-2010 15:27:28
^
^
^
เข้ามาจิ้มๆพี่ลิตเติ้ลเดวิล แล้วแจกบวกทุกท่านสำหรับกำลังใจ
พร้อมรายงานว่าตอนต่อไปตอนนี้อยู่ในสมองน้อยๆหมดแล้วนะคะ

กำลังตัดสินใจจะเขียนแบบไหนให้เห็นภาพตามง่ายๆดี ^o^
(แอบบอก เราออกนอกประเทศกันอีกแล้วค่ะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-10-2010 16:17:31
^
^
^

จิ้มตรูดนุ่นมั่ง


จะไปเมืองนอกๆๆๆๆๆๆ  5555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: jinni ที่ 15-10-2010 20:47:16
สุดยอดเลยอ่ะ

ในที่สุดก็ได้เจอต้นเรื่องแล้ว ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง

ชอบจัง เขียนดีทุกตอนเลย ชอบมากโดยเฉพาะตอนที่เป็นกลอน

เป็นกลอนที่อ่านไป เขินไป อิอิ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-10-2010 12:51:01
ขอชื่อชมไรท์เตอร์มากๆค่ะ
ใช้ภาษาได้สวยงาม
อ่านแล้วทำให้นึกถึง
นิยาย เรื่องศิวา-ราตรี ของพนมเทียนเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-10-2010 17:34:18
ชอบอะ ถึงจะเป็นเรื่องสั้นจบในตอน แต่ก้ออ่านแล้วประทับใจอะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-10-2010 03:00:21
คำเดียวเลยค่ะ "ยิ่งใหญ่" มาก

เราประทับใจจริงๆ

ข้อแรกคือ ภาษาสวย สองคือเขียนได้โรแมนติกมาก จริงๆแล้ว ถ้าพิจารณาดูแค่ชื่อเรื่อง "เรื่องเล่าจากความฝัน" เนี่ย มันก็โรแมนติกอยู่แล้ว มันเหมือนเป็นอะไรที่มาจากฝัน จากมิติอื่น มันหวาน มันซ่าน กรี๊ด อธิบายออกมาไม่ได้ แต่ปลาบปลื้มค่ะ
ข้อสามคือ นับถือคนเขียนที่ก่อนจะเขียนอะไรก็จะต้องไปค้นคว้าและอ่านข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่ "มืออาชีพ" มากเลยค่ะ ขออนุญาตรอเรื่องสั้นในชุด "เรื่องเล่าจากความฝัน" เรื่องต่อไปนะคะ

ปล. สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่ใช่สวรรค์ชั้นเจ็ดนะคะ เป็นสวรรค์ชั้นสองในสวรรค์หกชั้นค่ะ โดยที่ชั้นแรกคือ จาตุมหาราชิก ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต(ชั้นนี้พระโพธิสัตว์ก่อนจะจุติมาเป็นพระพุทธเจ้าจะอยู่ชั้นนี้) นิมมานรดี ปรนิมมิสวัส...(จำไม่ได้) และสูงกว่านั้นคือสวรรค์ชั้นพรหมซึ่งแบ่งเป็นรูปพรหมกับ อรูปพรหม กรี๊ดดด ใช่หรือเปล่าหว่า แต่นี่คือที่เราเคยอ่านมาอ่าค่ะ
ปปล. ทำไมคุณนุ่นไม่เขียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นโบราณที่(เหมือนจะเคยอ่านมาจากที่ไหนสักแห่ง)องค์จักรพรรดิจะมีภรรยาสองคนคือหญิงกับชาย หญิงก็ปรนนิบัติยามท่านอยู่บ้านเมืองธรรมดา แต่ภรรยาชายจะปรนนิบัติตอนออกรบอ่าค่ะ คือคอยรบเคียงบ่าเคียงใหล่ และหากจำเป็นจริงๆ ก็จะต้อง...ตายแทนได้
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-10-2010 09:11:48
^
^
^
คุณWordslinger ขอบคุณสำหรับข้อมูลเรื่องสวรรค์ค่ะ กอดดดดดดดดดดดดดด
เดี๋ยวไปหาข้อมูลก่อนนะคะ สำหรับเรื่องแนวญี่ปุ่นนี่ตั้งท่าเขียนหลายรอบแล้ว แต่ข้อมูลยังน้อยเกินเลยไม่ได้เขียนสักที แหะๆ

สุดยอดเลยอ่ะ

ในที่สุดก็ได้เจอต้นเรื่องแล้ว ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง

ชอบจัง เขียนดีทุกตอนเลย ชอบมากโดยเฉพาะตอนที่เป็นกลอน

เป็นกลอนที่อ่านไป เขินไป อิอิ

ขอบคุณค่ะ ดีใจที่คนอ่านชอบนะคะ ^o^ ส่วนตัวชอบเขียนกาพย์กลอนค่ะ เพราะชอบอ่าน
เอาไว้ถ้ามีตอนไหนพล๊อตให้อีกจะเขียนให้อ่านอีกนะคะ

ขอชื่อชมไรท์เตอร์มากๆค่ะ
ใช้ภาษาได้สวยงาม
อ่านแล้วทำให้นึกถึง
นิยาย เรื่องศิวา-ราตรี ของพนมเทียนเลย

อ่านบทประพันธ์ของท่านเจ้าของนามปากกาพนมเทียนมาหลายเรื่องค่ะ เก็บเกือบหมดแล้ว ที่นุ่นปลื้มสุดก็ศิวา-ราตรีนี่แหละ >////<
ปลื้มไปหมดทุกอย่างตั้งแต่เนื้อเรื่อง ภาษา กระทั่งความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัว
แม้แต่ตัวร้าย ท่านยังทำให้เราคนอ่านรู้สึกว่าเท่และเลวไปพร้อมๆกันได้เลย ^o^

ชอบอะ ถึงจะเป็นเรื่องสั้นจบในตอน แต่ก้ออ่านแล้วประทับใจอะ
กอดดดดดดดดดดดดดดค่ะ คำว่าประทับใจนี่เป็นคำที่ลึกมากเลยนะคะ
ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องที่เราเขียนมีอะไรสักอย่างแตะหัวใจและความคิดของคนอ่านได้ ขอบคุณมากๆค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-10-2010 11:33:32
^
^
^
จิ้มนุ่น

ถ้างั้นเค้าไปเขียนทางยุโรปดีกว่า นุ่นจะได้เขียนทางเ้อซีย 555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-10-2010 18:05:43
ขออนุญาตเข้ามากรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อีกรอบค่ะ

ประทับใจกาพย์ฉบัง 16 ที่เป็นบทอัศจรรย์มากๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ มันอ่านแล้วกรี๊ดดิ้นขลักๆเลยค่ะ  :serius2: มาตลีเทพนี่ก็ "ลามก" และ "ขี้เล่น" มากเหมือนกันนะคะ เห็นด้วยกับคุณนุ่นที่บอกว่า ปรัมปราแถวเอเชียใต้คืออินเดียโบราณเนี่ยมีเสน่ห์ จริงค่ะ จริงแท้แน่นอน ได้อ่านอย่างนี้แล้ว ยิ่งยืนยันความคิดของดิฉันที่ว่า คุณนุ่นน่าจะแต่งนิยายในเล้าด้วยการใช้ฉันทลักษณ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลอนบทละคร อินทรวิเชียรฉันทร์ กาพย์ฉบัง สิบหก หรือกาพย์ยานีสิบเอ็ด หรือโคลงสี่สุภาพ หรือแม้กระทั่งกลอนสุภาพ...คงน่าอ่านสุดขีดไปเลยอ่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 19-10-2010 05:03:36
แนวเจแปนโบราณๆๆ เชียร์ให้พี่นุ่นเขียนอีกหนึ่งเสียงงงงงงง  :m4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 24-10-2010 22:31:14

มารอตอนใหม่ค่ะพี่นุ่น

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 29-10-2010 00:50:23
พี่นุ่น~~~ หายไปไหนอ่ะ ไออยากอ่านต่ออ่ะ เมื่อไหร่จะมาต่อคะ ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-10-2010 00:57:34
จิ้มทะลุผ่านคุณเกริด้า  :laugh: ผ่านขึ้นไปถึงคุณนุ่น

เข้ามารออ่านเรื่องเล่าจากความฝันตอนต่อไปนะตัวเอง :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 29-10-2010 05:02:54
ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-10-2010 08:21:29
((แอบเข้ามากระซิบบอกไอจัง น้องหนึ่ง และทุกๆท่านเจ้าค่ะ แบบว่ามิได้หายไปไหน แต่ๆๆๆ ตอนต่อไปมาสี่หน้าแล้ว แต่เขียนนานมาก แบบว่าแอบตัดฉากสลับไปมาบ่อย จนสลับสิงร่างไม่ทันน่ะค่ะ))


กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดทุกท่านแนบแน่นแล้วหลบอย่างเร็ว ฟริ้ววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 29-10-2010 09:26:12
เพิ่งได้เข้ามาอ่านตอนแรก...ชอบสำนวนการเขียนแบบนี้นะคะ เข้าใจยากดี (แปลไทยเป็นไทย)  o13

แล้วจะติดตามตอนต่อ ๆ ไปอีกค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 30-10-2010 00:37:49
รอ ร้อ รอ  รอด๊ายยยยยค๊าาาาาาา อิอิ~ ^^ ล้างสมองให้โล่ง(เผื่อมีกลอนยากๆจะได้แปลออกกับเขาบ้าง)รออ่านยาวๆๆอยู่ค๊าาา โฮะๆๆๆ  :oni1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-10-2010 00:58:35
วิ่งชะแว๊บออกจากกระทู้ใช่ไหมคะ อย่าได้เร็วค่ะ ตามตบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :laugh: :laugh:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 18-11-2010 17:02:50
งืมๆๆๆ

ไรเตอร์หายยยยยยไปปปปปปปไหนนนนนนนนนน

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-11-2010 17:24:12
^
^
^
เปล่าหายนะคะ แก้แล้วแก้อีกอยู่ค่ะ
ตอนนี้เปิดเรื่องยาวเรื่องใหม่อีกเรื่อง "พิมตะวัน"

ทดลองเขียนแนวอื่นดูน่ะค่ะ ถ้ายังไงเชิญไปชิมได้ตามลิงค์นะคะ
แหะๆ ตอนนี้ลงไปห้าตอนแล้วค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19610.0 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 19-11-2010 21:43:08
ทราบข่าวจากกระทู้พิมตะวันว่าจะมาลงไม่เกินในเวลาครึ่งชั่วโมงนี้

จึงเข้ามาดันกระทู้ให้นะคะคุณนุ่น


รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรี๊ด วันนี้ก็ไปอ่านหนุ่มบราซิลสวมแว่นอีกรอบ เฮ้อ ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ คุณนุ่น (เค้าเรียกออดอ้อนออเซาะ) โฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 19-11-2010 21:54:07
 พี่นุ่นจะมาต่อแล้ว  (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/mushroom-emo-1-041.gif)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:นิมิตกลางกูณฑ์+ ถอดความกาพย์ฉบัง๑๖ ให้แล้วที่หน้า13 นะคะ (05/10/20
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-11-2010 22:28:43
มาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนาน
แถมคราวนี้ยังมาแบบแสนสั้นด้วย
แต่........ตั้งใจเขียนนะเออ
หวังว่าจะทำให้คนอ่านรู้สึกถึงความแตกต่างได้ งุงิ

**ตอนที่จะลงต่อไปนี้อยากได้คอมเมนท์มากมายค่ะ อยากรู้ว่าคนอ่านอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
..............................................

ตายเสียเถิด....ผัวรัก



   วรรณะแห่งหล่อนราวม่านแห่งราตรีกาลอันไร้แสงจันทร์หรือแม้แต่ประกายวาบเพียงนิดจากหมู่มวลดารกา หากในเพลานี้ เมื่อห้วงแห่งกามอารมณ์ครอบงำความคิดตลอดจนการกระทำให้ดำดิ่งสู่เบื้องต่ำ หลังถักทอสายใยแห่งความใคร่ ร่างเล็กจ้อยหากมีลักษณะบ่งชัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับร่างงามสีความมืดนั้นจึงเคลื่อนกายเข้าหาแม่งามผู้มีแต้มสีแดงชาดกลางหว่างอกอย่างเงียบกริบ
   

   รยางค์ทั้งแปดค่อยขยับสอดคล้องกันอย่างแผ่วเบา หากแต่ความรวดเร็วเพื่อพุ่งเข้าสู่เป้าหมายนั้นแม้แต่วัชระประทีปแห่งองค์อมรินทร์ยังต้องซ่อนหน้าอุธัจขัดเขินด้วยมิอาจเทียมทัน ชั่วกระพริบตาระยะห่างกว้างยิ่งกว่ากว้างกลับกลายใกล้จนร่างทั้งสองแทบจะก่ายเกยกัน


   เพศผู้อันคะนองด้วยวัยฉกรรจ์และด้วยธรรมชาติของเพศที่ธำรงตนเป็นผู้ล่าพลันส่งสัญญาณสำแดงความต้องการแห่งการดำรงเผ่าพันธุ์ระคนกระไอความอยากแห่งการเสพสังวาสที่กำลังพุ่งขึ้นสูง ด้วยการเคลื่อนตัวเป็นจังหวะซ้ำๆ
ท่าร่างราวร่ายรำด้วยนาฏลีลาแห่งการยวนเย้าค่อยเริ่มจากเชื่องช้าแล้วกลับเร่งจังหวะ

เร็วขึ้น.....เร็วขึ้น.........
แรงขึ้น.............แรงขึ้น.......


   และนั่นได้ผล......เรือนกายเกลี้ยงเกลาที่คลุมร่างด้วยความมืดสนิทของราตรีพลันขยับตามท่วงทำนองแห่งผู้ล่า เคลื่อนซ้ายซ้ำย้ายขวา ก่อนจะหมุนวนตามวิถีโคจรแห่งดวงสุริยะ

   ส่ำสำเนียงรอบด้านพลันสงัดเมื่อการหมุนวนรุนแรงนั้นหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน ผู้ล่าร่างน้อยยืดตัวขึ้นจนห่างจากพื้นหินเฉียบเย็นอับชื้น เฝ้ารอเวลาที่แม่งามผู้มีชาดแต้มแต่งซึ่งเพิ่งร่ายระบำสอดคล้องกันเมื่อครู่จักเผยกริยาสุดท้าย อันเป็นการอนุญาตให้การเสพสังวาสแท้จริงเริ่มต้น


   การรอคอยพลันสิ้นสุดเมื่อเจ้าหล่อนทิ้งร่างแนบลงกับผิวหน้าของแท่นหินสะเก็ดดาวอย่างนิ่งสงบราวยอมรับความพ่ายแพ้โดยดุษณี ผู้ล่ากระหยิ่มกับชัยชนะและไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยแม้ห้วงลมหายใจ เคลื่อนกายตามแรงขับจากสัญชาตญาณประกบจากด้านหลัง คลื่นความร้อนโหมกระพือพร้อมกับเสียงหวีดร้องกราดเกรี้ยวเมื่อกระแสธารข้นเข้มฉีดพุ่งเข้าสู่ช่องทางเบื้องล่าง
   
   การพลิกตัวเกิดขึ้นรวดเร็วราวแสงอสนีบาต คมเขี้ยวแหลมคมของเจ้าหล่อนผู้ซึมสงบอยู่เมื่อครู่ฝังลงกับลำตัวแข็งขึงของผู้ล่าซึ่งไม่อาจหลีกลี้หนีหาย

แลทั้งๆที่กระเซ็นกระสายสุดท้ายของหยาดหยดแห่งชีวิตยังถูกถ่ายเข้าสู่เรือนร่างที่ประกอบขึ้นจากวรรณะสีนิล

.......การกลืนกินก็เริ่มขึ้น.......



   แทนการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ผู้ล่าซึ่งเปลี่ยนสถานะเป็นเหยื่อกลับยังเกาะเกี่ยวทั้งร่างของตนกับผู้หยิบยื่นทั้งความสุขสมและมฤตยูมาสู่แนบแน่น รับรู้ถึงเสียงของเหลวจากกายตนไหลเลื่อนลงสู่ช่องปากแหลมเรียวของเจ้าหล่อน พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่เลือนรางลงเนิบช้า และกระไอชีวิตของตนที่ลดน้อยถอยลงทุกที
   
   เสียงกระซิบพร่าต่ำในภาษาของเผ่าพันธุ์ซึ่งครอบครองอาณาจักรแห่งเส้นใยที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้าพลันดังสู่จิตอันกำลังจะลับเลื่อน
   ‘ตายเสียเถิด.....ผัวรัก’
   ‘ตายเสีย.....เพื่อการคงอยู่แห่งข้า’




“แน่ใจนะว่าที่ให้พี่อ่านนี่คือการบ้าน?”

ข้ามภพเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแล็ปท้อปบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ส่งเสียงตะโกนถามคนที่สวมผ้ากันเปื้อนลายทวีตตี้สีเหลืองสดทำเสียงกุกกักอยู่หน้าเตา

“ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบบ เป็นไงบ้างพี่ภพ อ่านแล้วรู้สึกไงบ้าง?”

ศราผลุบออกมาแค่ครึ่งตัวจนมองสบตากับชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นพรมหลังพิงโซฟาแล้วถามความเห็นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ราวกับมีเรื่องสนุกอะไรในใจอย่างนั้น

ขนมปังหน้ากุ้งที่วางบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมันถูกจัดใส่จานแก้วสีฟ้าใสรูปเปลือกหอย แล้วพ่อครัวใหญ่ก็ยกออกไปวางให้บนฟากหนึ่งของโต๊ะกระจกหน้าตัดทรงกลมที่คนช่วยตรวจคำผิดในการบ้านนั่งหน้าแห้งหน้าเหี่ยวรออยู่พร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วยหวานหอมที่คนทำช่างสรรเอาถั่วทองคั่วพอได้กลิ่นหอมมันโขลกหยาบๆโรยหน้า

ร่างโปร่งบางเดินกลับไปทางส่วนครัวพร้อมปลดผ้ากันเปื้อนเจ้าทวีตตี้ไปด้วย พอปลดออกได้ก็พาดไว้ส่งๆบนเคาน์เตอร์ประกอบอาหาร แล้วล้างมือเร็วๆ ก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำหวานกลิ่นมะลิที่ผสมแช่เย็นไว้เรียบร้อยเดินกลับมาที่โซฟาอีกรอบ วางของได้ก็แทรกตัวไปนั่งลงบนตักของคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ง่ายๆ

“ชิมยัง? อร่อยป้ะ?”

“ป้อนหน่อยดิ” จากที่ข้ามภพนั่งพิงแห้งตายอยู่กับโซฟาด้านหลังเมื่อกี้ พอได้ตัวนิ่มๆหอมกลิ่นขนมปังหน้ากุ้งมานั่งแนบอยู่บนตักเลยขยับตัวมาจนแผงอกแนบกับแผ่นหลังของพ่อครัวใหญ่ตรงหน้าแล้วถือโอกาสอ้อนซะเลย

“โห......คนเราน้า พี่ภพรู้ป้ะ เด็กๆอ้อนอะมันน่ารัก..... แต่คนแก่อ้อนเนี่ย มันน่า.........”

“หึๆๆ น่าอะไรครับ?”

นิ้วมือเรียวขาวขยับตักน้ำจิ้มรสหวานเหยาะบนหน้าขนมปังชิ้นพอดีคำ แล้วใช้มือนั่นแหละหยิบขึ้นก่อนจะหันมาป้อนให้คนแก่ด้านหลังตามคำเรียกร้อง พอได้เห็นคนแก่ที่ทำตัวเป็นเก้าอี้เคี้ยวของกินเล่นที่ทำกับมือแล้วมีสีหน้าพอออกพอใจพ่อครัวใหญ่ก็ยิ้มจนแก้มบุ๋ม ตาแทบปิด

“มันน่า.......รัก มากกกกกกกกก ฮ่าๆๆ”

ศราจรดจมูกกับแก้มของคนที่เคี้ยวไปยิ้มไปเบาๆ เล่นเอาข้ามภพตัดสินใจได้ทันทีว่าจะยอมเป็นคนแก่ของหนุ่มน้อยอย่างเต็มอกเต็มใจตั้งแต่ยังไม่สามสิบแบบนี้แหละ ต่อจากนี้ถึงศราจะเลิกเรียกพี่แล้วเรียกปู่ข้ามภพก็จะยอม


“แล้วตกลงว่าไงอ้ะ? การบ้านของศรา พี่ภพเจอคำผิดป้ะ? แล้วอ่านแล้วรู้สึกไงบ้าง? พี่ภพว่าอาจารย์จะให้คะแนนดีป้ะ? ศราเขียนตั้งนาน ถามคุณเกิ้ลเรื่องการสืบพันธุ์คุณแมงมุมตั้งนานแน่ะ เอกสารที่คุณเกิ้ลเปิดมาให้ก็มีแต่ภาษาอังกฤษ นั่งงมตั้งนาน”

“หึๆๆ ศรา.......เลือกสักอย่างซิ จะพูดจะถาม หรือว่าจะเคี้ยวของกิน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”

“เหอะ ศราจะติดคอก็เพราะพี่ภพมาทำอย่างงี้ อย่างงี้หรอก ไม่ใช่เพราะกินไปพูดไป”

พ่อครัวใหญ่หันมาส่งค้อนไปก็สาธิตท่าทางประกอบอาการ ‘อย่างงี้’ ไป ด้วยการซุกไซ้ไปตามซอกคอและลาดไหล่ของร่างหนาด้านหลัง หากพอข้ามภพเริ่มผ่อนคลายร่างกายเคลิบเคลิ้มไปกับปากกับจมูกของเจ้าตัวร้ายบนตัก ศราตัวดีก็จัดการฝังเขี้ยวคมๆลงบนไหล่หนาซะจนขึ้นรอย

“โอ๊ยยยยยยยยย!!”

“หึๆๆ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจอคำผิดตรงไหนบ้าง? แก้ให้น้องแล้วรึยัง? แล้วก็อ่านแล้วรู้สึกยังไง?”

“เจอคำผิดสองสามที่ แก้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ว่ารู้สึกยังไง.....พี่ ขนลุกครับ”

พ่อครัวใหญ่ในชุดเสื้อยืดตัวย้วยกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบพลิกทั้งตัวหันหน้าเข้าหาคนช่วยตรวจทานการบ้าน นิ้วชี้สองข้างจิ้มลงกับแก้มตอบๆที่เริ่มมีเคราเขียวๆของนายข้ามภพ

“โอ๊ะโอว ถึงกับขนลุกเชียว?”

“อื้ม......ก็ มีเซ็กส์กัน แล้วสุดท้ายเสร็จปุ๊บถูกกินปั๊บ อึ๋ยยยยยย”

“หึๆๆ ก็งี้แหละ พี่ภพจะได้ซาบซึ้งไง ว่าผู้หญิงน่ะน่ากลัวมั่กๆ”

“สรุปว่าการบ้านครั้งนี้เขียนเพื่อพี่เลยว่างั้น?” มือใหญ่ๆที่โอบอยู่กับแผ่นหลังของหนุ่มน้อยข้างหนึ่งละมาหนีบจมูกแหลมๆแล้วส่ายไปมาเบาๆอย่างมันเขี้ยว

“แม่นแล้วววววววว ซาบซึ้งถึงใจเลยป้ะล่ะ สม..อยากมองตามสาวอกตู้มห้องริมดีนัก ศราเห็นน้าว่าอ่านจบถึงกับหน้าซีด ฮ่าๆๆๆๆ”

“เด็กร้ายกาจอย่างนี้มันต้องโดน ไม่กงไม่กินแล้วขนมปังหน้ากุ้ง บ่ายนี้พี่ภพจะกินศราให้อิ่มไปยันเย็นเลย ฮึ่มๆๆๆ”

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเพียงครู่ แล้วกลับเงียบลงเมื่อมีเสียงของการต่อสู้ของเด็กร้ายกาจกับคนแก่ขี้อ้อนดังขึ้นมาแทนที่ แต่ศราก็พอใจกับการต่อสู้ที่มีสังเวียนเป็นห้องนั่งเล่นนี้อย่างที่สุด ก็ถ้าทำให้รู้สึกว่ามีเซ็กส์กับเพศเมียแล้วมันน่ากลัว แถมจะต้องถูกกินทีหลัง พี่ภพของศราจะได้ไม่เผลอส่งสายตาไปมองสาวที่ไหนอีกยังไงล่ะ หึๆๆๆ


.............................................

....................จบตอนค่ะ


ปล.จะถูกคนอ่านรุมตบม้ายยยยยยยยยยย วิ่งหนีก่อน ฟริ้ววววววววววววว  :m32:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-11-2010 22:35:35
โอ๊ะโอ แอบแว่บมาอ่าน ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 19-11-2010 22:41:10
ตายเสียเถิด....ผัวรัก

แค่ชื่อก็... :laugh:

ตอนแรกกำลังเพลิดเพลินกับบทอัศจรรย์อยู่เลย แต่อ่านต่อมาได้สักแป๊ปแทบอึ๋ย~  o22

เพราะไม่ใช่แบบแวมไพร์อ่ะ มันกินแบบกินจริงๆ ทำไอนึกถึงแมงมุมเหมือนกัน และก็ใช่จริงๆด้วย

ศราของพี่ภพนี่ช่างร้ายลึกนักนะ :m12:

ว่าแต่มันคือการบ้านจริงเหรอ? หรือศราเขียนขึ้นเพื่อพี่ภพโดยตรงเลย

ถ้าใช่การบ้านภาษาไทยจริง... เอาไปเลยเต็ม! ใช้ภาษาได้ไพเราะ เริดไปเลยค่ะ อ่านแล้วตอนท้ายแอบสยองไปด้วย เหอๆๆ o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-11-2010 22:45:02
ชื่อตอนน่ากลัวเหลือเกินหึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-11-2010 23:00:11
ปลื้มตัวเองอยู่เหมือนกันที่เดาถูกว่าน่าจะเป็นแมงมุม  :m19:
ชื่นชมค่ะ แบบว่าเปิดเรื่องแล้วเดาทางไม่ถูกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ก็ยังคงไม่ทิ้ง คู่รักหวานให้กระชุ่มกระชวย :m3:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-11-2010 23:02:45
เดาไม่ผิด  o18
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 19-11-2010 23:18:36
เคยดูในสารคดีเกี่ยวกับชีวิตแมงมุม แต่พออ่านตอนนี้แล้วมันอีโรติก และน่ากลัวกว่าดูในทีวีอะ  :sad5:
+1 สร้างสรรดีจัง จับเรื่องแมงมุมเข้ากับนิยาย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 19-11-2010 23:29:27
เดาผิด

กรี๊ด คือไม่มีความรู้เรื่องการสืบพันธุ์ของแมงมุมเลยค่ะ อ่านไปทีแรกนึกว่าอ่านเรื่องของเสือ  o22 แต่ก็เริ่มเอะใจว่า เสือที่ไหนตัวเมียกินตัวผู้เป็นอาหาร

ภาษาในบทอัศจรรย์อ่านแล้วราวกับเหมือนนั่งเก้าอี้บุนวมนุ่มยกมือจับแก้วทรงสูงจรดริมฝีปากและวาบหวามไปกับรสของเหลวสีอำพัน คุณนุ่นเขียนดีมากเลยค่ะ (มีหลายคำที่เดี๊ยนไม่รู้ อย่าง...ดารกา...นี่ก็ไม่รู้ แต่เดาเอาว่าหมายถึงหมู่ดาว?) ขนลุกตรงอ่านคำว่า อุธัจ หูยๆๆๆ...ใช้คำเหมือนกระโดดออกมาจากหนังสือวรรณคดี อย่างนี้เดี๊ยน...จอมยุทธหญิงแห่งเกาะดรุณีพรหมจรรย์หง่อมเหงือก...ขอยกสุราหนึ่งจอกเป็นการนับถือ :laugh:

ชอบมากค่ะ ดูจากความยาวของตอน (ที่สั้น) และการใช้คำศัพท์ต่างๆ เห็นได้ว่าคุณนุ่นเขียนใหม่กี่รอบคะ? :laugh:

ศราดูไปก็เหมือนกับแมงมุมสาวเหมือนกันนะ แต่ตอนสุดท้ายนี่ออกแววจะโดนพี่ภพจับกิน(และกดไปด้วย) :laugh:

ถ้าเอามาให้เดี๊ยนตรวจ จะให้คะแนนเต็มเก้าจากสิบ ถามว่าทำไม? คำตอบคือ เดี๊ยนต้องอ่านซ้ำตรงคำศัพท์ยากหลายรอบ  :laugh: :laugh: (อันนี้มันไม่ใช่แล้วค่ะ!!! ไม่ใช่ความผิดของคุณนุ่นแล้ว)

เอาเป็นว่าขอออกตัวรอตอนต่อไปเลยนะคะ

 :กอด1: และบวกหนึ่งนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-11-2010 00:39:06
อ่านช่วงแรก อ่านไปขนลุกไปค่ะ
เนื่องจากเดาไปตั้งแต่แรกแล้วว่ากำลังพูดถึงเรื่องของสัตว์อะไร
และโดยส่วนตัวเป็นคนที่สยองกับแมงมุมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะแมงมุมตััวโตๆ สีดำๆ เหอะๆๆๆๆๆๆๆ ขนลุกๆๆๆๆๆๆๆ

ศราเข้าใจเขียนเรื่องมาขู่พี่ภพเสียจริง ถึงไม่ต้องเป็นฝ่ายกิน แค่เป็นฝ่ายถูกกิน พี่ภพก็คงไม่กล้าวอกแวกไปไหนแน่ๆแล้วมั้ง

สนุกไปอีกแบบค่ะ บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากค่ะ

ถามคุณนุ่นหน่อยค่ะ
คำนี้ >> เมื่อห้วงแห่งกามอารมณ์ครอบงำ
ทำไมถึงเลือกใช้คำนี้แทนคำว่ากามารมณ์ล่ะคะ ต้องการสื่ออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 20-11-2010 00:59:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ,,,
อ่านแล้วหิวขนมปังหน้ากุ้งค่ะพี่นุ่น!
 :laugh:

ปล. นุ้งศราน่ารักเนาะ .. เจ้าเล่ห์ด้วย มิน่าพี่ข้ามภพถึงได้ว่าน่ากินกว่าขนมปังหน้ากุ้ง~~~  :o8:
ปลสอง. ศัพท์หรูอะพี่นุ่น ต้องเปิดอากู๋หาความหมายด้วยแหละ 555 เค้ากลัวแมงมุมล่ะค่ะ TT อ่านจบแล้วขนลุกด้วยคน (เพราะกินผ.นี่ป่ะคะ ถึงได้มีแมงมุมแม่หม้าย?)
ปลสาม. แม่ม่ายกับแม่หม้าย นี่มันเขียนได้สองแบบเลยใช่ปะคะ (555 นอกเรื่องอีกละ)

 :กอด1: กอดคืนน
v
v
v
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-11-2010 01:04:14
^
^
จิ้มคุณน้ำตาล
หงะ นุ้งพาร์มาปาดพี่ (จับกอดซะ นี่แน่ะๆ ศราน่ารักเนอะ)

อยากให้ความรู้สึกว่า "กาม" มันชัดเจนโดดเด้งออกมาเข้าตาคนอ่านค่ะ

อีกอย่างคือตั้งใจให้การบ้านของศราเข้ากันดีด้วย
นอกจากกามอารมณ์ ยังมีอีกหลายคำค่ะ ที่เลือกคำยาวๆมาแทนคำสั้นๆที่ความหมายเดียวกัน


บอกคุณWordslingerก่อนค่ะ
ตอนนี้เขียนเมื่อวานค่ะ ฮี่ๆๆๆ แต่นานเพราะหาเรื่องการผสมพันธุ์ของคุณแมงมุม โดยเฉพาะพันธุ์แม่ม่ายดำอ่านไปด้วย

และ.....ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่เขียนแล้วลบ แล้วเขียนจนจบก็ยังไม่ชอบที่เคยบอกนะคะ
อันนั้นจนตอนนี้ก็ยังแก้ไม่เสร็จค่ะ (เข้าใจว่าคงได้ลบหมดแล้วเริ่มใหม่แน่ๆ ยาวเป็นสิบหน้าเอสี่เลยค่ะ)

ว่าแล้วก็กดบวกทุกกำลังใจเสียหน่อย ^o^
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 20-11-2010 02:21:59
เดาถูกค่าาาา
เป็นการบ้านที่ภาษาสวยมากอ่ะ พรรณาจนเห็นภาพจริงๆ
ศราของพี่ภพเก๊งเก่ง ทั้งการบ้านทั้งหน้าที่พ่อครัว
เชือดไก่ให้ลิงดูแบบนิ่มๆ แต่โหด
เช่นนี้แล้วพี่ภพคงมิกล้าใช้ไหมคะ

ปล.พี่นุ่นคะ แต่งมาณวก 8 บ้างสิคะ
     น้องว่ามันหาคำยากพอๆกับร่ายเลยแต่ก็เพราะทีเดียว
     อีกอย่างมันหาอ่านยากซะด้วยสิ น้องชอบนะคะมันให้ความรู้สึกรื่นเริงดี
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: อนันตกาล ที่ 20-11-2010 02:36:01
  พี่นุ่นขา ภาษาไทยกาลไม่แข็งแรง แรกๆอ่านบางคำไม่ค่อยเข้าใจ ดีนะที่เป็นการบ้านของศรา

พอพ้นแมงมุมสุดเอ็กแสนเซ็กซี่ ไปแล้ว อ่อก็แค่ข้อความมมมมม

ใจลึกอยากเป็นแมงมุมสาวตัวนั้นจังจะได้เขมือบผู้ชายหล่อๆๆ  โฮะๆๆๆๆๆ

ปล.ศรากับก้องภพน่ารัก ฉลาดมากหนูศรา  ทางที่ดีไปหาดีวีดีเรื่อง  teeth มาให้พี่ก้องดูดีกว่าน่ะคะหนู่ศรา รับรองไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวโดนงับขาดแน่ๆๆ   

(http://pirun.kps.ku.ac.th/~b5116260/teeth.jpg)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 20-11-2010 02:37:56
นุ่นย่องมาลงอ่ะ เจ้ไปอ่านก่อน แต่จิ้มไปหนึ่งก่อนอ่านโล้ด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 20-11-2010 07:49:00
 :o11:

อ่านท่อนแรกเกือบตาย เพราะมัน..... :m25: บ๊ะเจ้าาาาาาาาา

พอรู้เฉลย..ปั๊ดโธ่!!! น้องศราตัวยุ่งนี่เอง ว่าแต่ว่าคุณครูที่สั่งการบ้าน เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันล่ะนี่ คึคึ
แอบหมั่นไส้ความน่ารักของปู่ภพกับหลานศรา กร๊ากกกกกก
เค้าอยากกินขนมปังหน้ากุ้งบ้างอะไรบ้าง ยังง่ำ ๆ ข้าวเช้าคาปากอยู่เลย

มีความสุขแต่เช้า แต่แบบ...เอ๊ะ!!!!

ทำม้ายยยยย ทำไมมันจบเร็วเยี่ยงเน้ๆๆๆๆๆ :serius2:

ปล.เลื่อนลงมาข้างล่างเจอโปสเตอร์ของกาล..สยองเกล้า o22 5555

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 20-11-2010 08:10:36
กว่าจะอ่านจบต้องปาดเหงื่อไปหลายที เพราะตีความหมายไม่ออก แต่ถึงอ่านจบก็ยังไม่ค่อยเก็ททุกตัวอักษรหรอกค่ะ แต่ช่วงที่อ่านอยู่ก็เริ่มคิดแล้วว่านี้มันนางแมงมุมหรือเปล่า เพราะมันดูเป็นการเสพสมที่ดุเดือดและอันตรายจังเลย แต่เรื่องนี้สอนใจชีวิตคู่ได้ดีค่ะ คุณสามีอย่าได้คิดออกนอกลู่นอกทางมิเช่นบางอย่างมันอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คุณเห็น คุณอาจไม่ตายอย่างแมงมุมตัวผู้ แต่ปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นแน่หากคุณไม่ซื่อสัตย์กับผม!  o13

ปล1,ยังไม่ได้อ่านเรื่องอื่นเลยค่ะ ไว้จะตามเก็บนะคะ
ปล2,อันนี้ของฝากสำหรับตีสามคืนนั้นค่ะ! :m20:
(http://www.uppicweb.com/x/i/if/clarinsneweyecontourgel1732.jpg)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 20-11-2010 08:52:36
อ่า ตอนใหม่ๆ > <! โฮ่ กว่าจะอ่านจบ ก็นะ เราไม่ค่อยงง เพราะเราก็ชอบอ่านกลอน!

เเต่ว่านะ ตายเสียเถิด...ผัวรัก นี่=[]='' กะเเล้วว่าต้องเป็นคุณเเมงมุม โหดเสียขนาดนั้น!
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-11-2010 09:16:01
เหอะๆ surprise ดีค่ะตอนนี้ :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-11-2010 09:19:00
ใช้ภาษาได้สวยมากเลย
ต้องตั้งใจอ่านอย่างแรง
แต่ชอบค่ะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 20-11-2010 10:06:47
ขอบคุณนะคะ คุณนุ่น ลากเมาท์ผ่านไล่หานิยายพอมาถึงเรื่องนี้ปุ๊บ สะดุ้งเฮือกเพราะชื่อเรื่องเเล้ว 1 อย่าง ผ่านไปไม่ได้เลยต้องพุ่งเข้ามาเลย เเปลกตรงนี้ 1 อย่างไม่เคยเห็นคุณนุ่นตั้งชื่อเรื่องเเบบนี้  พอเข้ามาอ่านก็เข้าใจคร่าวๆว่าเป็นฉากเสียพลังงานสูงเเต่ก็เเอบคิดว่า เอ๋ ผู้ชายทำไมใช้หล่อน พออ่านจนจบ อ๋อ เข้าใจเเระ พ่อหนุ่มน้อยศรานี่เอง ภาษาสวยมากเลยนะคะ มันเป็นภาษาโบราณใช่ไม๊คะ ต้องตั้งใจอ่านค่ะ ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ มาเเบบสั้นๆให้หายคิดถึงใช่ไม๊ค่ะ คุคุคุ จะปราบข้ามภพ ศราเลยใช่เรื่องการสืบพันธุ์ของเเมงมุมมาตักเตือนเเล้ว ถ้าเราจะปราบมั่งเเต่เราเป็นผู้หญิงต้องใช้เรื่องอะไรล่ะคะ คุณนุ่น ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรนะคะ เเค่อยากรู้ 55++

+1 ให้กับการกลับมา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: ppgf ที่ 20-11-2010 13:51:54
- - ชื่อเรื่องเหมาะกับใครบางคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 20-11-2010 14:09:15
แหงะ ชื่อเื่รื่องน่ากลัวอ่ะ
แต่ก็คิดว่า พี่นุ่นไม่น่าจะเขียนเรื่องน่ากลัวหรอกนะ
ซี่รีย์นี้มันไม่น่ากลัวนี่หว่า
แล้วพออ่านๆไปก็แบบ...มองไอ้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำแบฝึกหัดอยู่ข้างๆไปด้วย
แล้วก็...เฮ้อ....

รอดน่าตรู ตรูต้องรอดสิวะ ร้อนตัวทำไมวะเนี่ย
เหอเหอเหอ...

ขอบคุณพี่นุ่นครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 20-11-2010 14:51:14
ชอบคะ บรรยายได้เห็นภาพน่ากลัวดีจ้ะ  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 20-11-2010 15:21:22
นุ่น  o13 คุ้มกะที่รอ
ไจฟ์ น้องทีออกจะน่ารักเหมือนศรานะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 20-11-2010 16:33:24
 :z13:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 20-11-2010 17:33:04
 :a5: เอาการบ้านมาขู่


เลยโดนกินซะเอง  :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: JaJa89 ที่ 20-11-2010 19:03:29
อ่านแล้วประทับใจทุกตอนเลยค่ะ  :really2:
โรแมนติกมากๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 20-11-2010 21:40:06
สนุกทุกตอนเลย

ภาษาสวยมากก อ่านเเล้วไม่มีสะดุด

เก่งจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 20-11-2010 23:55:09
เห็นด้วยกับรีบนค๊า

ภาษาสวยมาก อ่านเพลินเลย o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-11-2010 00:32:19
ขอบคุณคุณนุ่น สำหรับคำตอบจ้า
 :3123:


หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 21-11-2010 13:21:14
ราขึ้นแล้วค่ะคุณนุ่น ดีใจมากๆเลยที่มาอัพ
เอ้อนะ เป็นอะไรที่ภาษาสวยมากๆเลย ทำเอาแทบไม่รู้ว่าเป็นฉากอย่างว่า ฮ่าๆ
ศรา ขู่เค้าดันโดนกินเองซะงั้น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 21-11-2010 14:22:04
โอ้โห

น้องศรานี่ร้ายนะเนี่ย
สอนให้พี่ภพรู้จักกลัวผูหญิงผ่านการบ้านเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-11-2010 14:59:16
แค่ชื่อตอนก็เสียวสันหลังวาบๆแล้วจ้ะพี่นุ่น :a5:
แต่การบ้านศรานี่ไม่ไหวแล้วนะ เทพเกิ๊น!!! คนที่ภาษาไทยอ่อนด้อยอย่างเราเลยอายเลย o17
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 21-11-2010 17:17:00

พี่นุ่นขาชื่อตอน   o22
ภาษาสุดยอดเหมือนเดิมค่ะพี่นุ่น
น้องศราคะการบ้านวิชาอะไรเหรอ
+1ค่ะพี่นุ่น
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-11-2010 18:19:44
^
^
^
จิ้มๆน้องหนึ่งทะลุไปถึงน้องเบียร์

การบ้านของจริงค่ะไอจัง ส่วนวิชาอะไรนั้น
นี่เป็นการบ้านของเด็กปีหนึ่ง วิชาเลือกเสรีหมวด ม
ชื่อวิชา การพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
แบฝึกหัดนี้ชื่อว่า "การใช้ภาษากับสัญลักษณ์ทางสังคม"

ส่วนอาจารย์นั้น....งืมๆๆ อาจารย์ชื่อลูซ ประจำวิชาเวทมนตร์2 จากตอน "ประตูสีขาว" อวาตาร์มาค่ะ

...................................
ยินดีต้อนรับทุกท่าน ทั้งที่เคยเข้ามาทักทายกันประจำ และเพิ่งเข้ามาใหม่นะคะ ^o^

อย่างที่แง้มๆบอกไป ตอนนี้มาสั้นๆ และเป็นแค่ตอนขัดดอก (เผื่อมีท่านไหนคิดถึงน้องแก้มบุ๋มกะพี่ใจดีไรงี้ อิอิ)
ส่วนแนวคิดนั้นมาจากการที่คนเขียนเกิดอยากจะเขียนอะไรที่มันให้ความรู้สึกถึงด้านมืดบ้างน่ะค่ะ
อยากจะให้ตัวละครเกิดอารมณ์ อยาก---ยั่วยวน---ลุ่มหลง---ยอมตาย
ฮี่ๆๆๆๆๆ ตอนแรกจะเขียนอีกชีวิตหนึ่งของศวัตรากับท่านเทพ แต่ก็นะ ยังหาข้อมูลเพศผู้ต่อเพศผู้ที่สุดท้ายกินกันไม่ได้
เลยมาลงตัวกับแค่การทำการบ้านของศราเด็กร้ายกาจแต่ก็ช่างเอาใจ กับเรื่องการสืบพันธุ์ของแมงมุมแม่ม่ายดำค่ะ

ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนเดียวรึเปล่า แต่พอได้ยินหรือได้เห็นข้อความประมาณว่า "แกๆผู้ชายคนนั้นน่ากินจังเนอะ"
(จากหนังหรือละคร หรือโฆษณา หรือข่าวบันเทิง) คนเขียนมักจะคิดเลยเถิดไปถึงสิ่งมีชีวิตประเภทแมลงเสียทุกที
ไม่ได้คิดแค่ "กิน" ที่หมายถึง งาบไปทำสามี หรืออะไรแบบนั้นเลยค่ะ..........
ไม่แน่ใจว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกส่วนลึกๆของคนเขียนที่ต้องการให้ผู้ชายที่หน้ามืดมัวเมาไปตายซะเพราะถูกกินก็ได้
(อา.......ที่แท้แล้วข้าพเจ้าเป็นพวกโหดฝังไนหรือนี่?? โอว ม้ายยยยยยยยยยยยยย)

อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับท่านที่เดาถูกค่ะ เรามีรางวัลเป็นอ้อมกอดแนบแน่นจากคนเขียน  :กอด1:
ถึงคุณไม่อยากได้เราก็จะให้ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ส่วนท่านที่เดาผิด คริคริ โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ ไว้มาร่วมสนุกกับรายการของเราใหม่คราวหน้านะคะ
คุณยังไม่ได้เข้ารอบ20คนสุดท้าย คุณมาใหม่ได้เสมอค่ะ (ท่านไหนดู so you think you can dance บ้างคะ? ฮี่ๆๆๆ)

สำหรับคำถามของคุณบูตะจัง งืมๆๆๆ ตอบไม่ได้ค่ะ ไม่รุ้เหมือนกันอ้ะค่ะ หงิงๆ >///////<

และน้องไจฟ์..... เอ่อ ที่แท้คือกลัวน้องทีว่างั้นเหอะ กร้ากกกกกกกกกกกกกส์ (พี่นุ่นขออนุญาตขำอย่างรุนแรง)

แต่รายนี้.....คุณน้อง แว้กกกกกกก อยากอ่าน มาณวกฉันท์หรือคะ???
โอ๊ะโอว รีเควสท์ของยากซะด้วยสิ เอาไว้ถ้ามีเนื้อหาตอนไหนเข้ากับมาณวกพี่นุ่นจะลองเขียนดูนะคะ พี่นุ่นก็ชอบมาณวกค่ะ
แต่ตั้งแต่ยังไม่โตจนตอนนี้ใกล้แก่ยังไม่เคยเขียนเองเลยสักครั้ง แต่ลีลาแบบมาณวกตอนนั้นคงต้องเป็นตอนที่ตัวละครในเรื่องลั้ลลากันน่าดูเลยนะคะ

ว่าแต่.....บุ้งกี๋เอ้ย มาจิ้มจนคนด้านบนดิ้นพราดๆแล้วจะไม่พูดอะไรหน่อยเร้อ? สงสัยตายเสียเถิด..ผัวรักจะสั้นไปจริงๆแฮะ คริคริ

สำหรับคำถามลอยๆของนุ้งพาร์ พี่นุ่นก็เคยเห็นเขาใช้กันทั้งแม่ม่าย และแม่หม้ายนะคะ แต่คุ้นๆว่าตามราชบัณฑิตจะเป็นแม่ม่าย
ส่วนแม่หม้ายนี่เหลือแค่ในชื่อเฉพาะแล้วค่ะ (อันนี้ไม่ชัวร์เหมือนกัน แหะๆ)

พี่มาร์คขาาาาาาา นุ่นอยากได้ภาพประกอบแบบน้องเคะใส่ชุดหนังนางแมงมุม แล้วก็พี่เมะถูกพันอยู่ในใยสีขาวไม่ก็สีแดงไรงี้อ้ะค่ะ พอมีมิ?
(ถ้ามีในคอลเล็คชึ่นอย่าลืมมาเผื่อแผ่นุ่นนะคะ กี๊ดตึง....จุ๊บุๆ)

ตอบเมนท์รายตัวไม่หมด แต่รักหมดจายยยยยยยยยยนะคร้าาาาาาาาาาาา :m13:

ปล. อีกสักนิด มาช่วยกันขูดรากันค่ะคุณรินเซ่ ชีสราเกาะแบบนี้พอขูดด้านนอกออกแล้วก็กินได้อร่อยดีนักแลนะคะ ^3^

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-11-2010 01:55:46
^
^
^
จิ้มๆๆๆ


ไม่แน่ใจว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกส่วนลึกๆของคนเขียนที่ต้องการให้ผู้ชายที่หน้ามืดมัวเมาไปตายซะเพราะถูกกินก็ได้
(อา.......ที่แท้แล้วข้าพเจ้าเป็นพวกโหดฝังในหรือนี่?? โอว ม้ายยยยยยยยยยยยยย)


 :laugh: ไอไม่เคยคิดอ่ะ พี่นุ่นเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 22-11-2010 02:12:22
 :impress2:

ชอบค่ะไม่ได้อ่านนิยายที่ใช้คำคัพท์แบบนี้มานานแล้ว

รุสึกดีที่ได้อ่าน

 :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 22-11-2010 18:08:58
ขอบคุณนะคะ คุณนุ่น ตอบเมนท์เเล้ว ไปกรี๊ดกับพี่ดอนมา คุคุคุ เลยตามกลิ่นมาดูเมนท์ ซะหน่อย ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ เเต่สงสัยเพิ่มนะคะ อันนี้ "มาณวกฉันท์" คืออะไรเหรอคะ ไม่เคยได้ยินน่ะคะ ชื่ออ่านยากด้วยค่ะ อ่านให้ฟังด้วยก็ดีนะคะ

ปอล้อ.(เครดิต .ดาด้า ณ ข้างใจ )  รอเรื่องสั้นตอนต่อไป พร้อมกับเรื่องยาวด้วยความตั้งใจ เเละความคึดฮอด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetiiez ที่ 23-11-2010 02:11:23
o22 ชื่อตอนเห็นแล้วตกใจ
เป็นการบ้านที่ภาษาสวยมากค่ะ แต่ก็ขนลุกจริงๆ
ตอนท้ายๆ เล่นเอาแบบน่าหวาดเสียว แมงมุมนี่มันแบบว่า :sad4:
น้องศราเล่นซะให้พี่ข้ามภพไม่กล้ามองหญิงคนไหนแบบนี้
พี่ข้ามภพคงไม่กล้าแล้วละค่ะ ออกจะรักจะหลงน้องขนาดนั้น :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 24-11-2010 02:59:30
การบ้านของศราเนี่ย ภาษาสวย เหมือนได้อ่านกลอนเลยอ่ะ
อ่านไปขนลุกไป ความสุขที่แลกมาด้วยความตาย
ขนลุกอ่ะ ศรานี้โหดเหมือนกันนะเนี่ย
เอ๋ หรือว่าความจริงแล้วคนที่โหดจริงๆคือพี่นุ่นกันแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-12-2010 16:46:25
ขอบคุณนะคะ คุณนุ่น ตอบเมนท์เเล้ว ไปกรี๊ดกับพี่ดอนมา คุคุคุ เลยตามกลิ่นมาดูเมนท์ ซะหน่อย ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ เเต่สงสัยเพิ่มนะคะ อันนี้ "มาณวกฉันท์" คืออะไรเหรอคะ ไม่เคยได้ยินน่ะคะ ชื่ออ่านยากด้วยค่ะ อ่านให้ฟังด้วยก็ดีนะคะ

ปอล้อ.(เครดิต .ดาด้า ณ ข้างใจ )  รอเรื่องสั้นตอนต่อไป พร้อมกับเรื่องยาวด้วยความตั้งใจ เเละความคึดฮอด

แหะๆ ตั้งท่าจะมาตอบนานแล้ว แต่ลืมซะงั้น
มาณวกฉันท์ เป็นฉันท์ประเภทหนึ่งค่ะคุณบูตะจัง
(อ่านว่า มา-นะ-วก-กะ-ฉัน)
จากพี่เกิ้ลบอกว่าเป็นฉันท์ที่มีลีลาประดุจหนุ่มน้อย (มานพ=หนุ่มน้อย)

อันนี้จากวิกิพีเดียค่ะ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เธอจรตาม พราหมณไป
โดยเฉพาะใน ห้องรหุฐาน
จึงพฤฒิถาม ความพิสดาร
ขอ ธ ประทาน โทษะและไข
จาก สามัคคีเภทคำฉันท์ - ชิต บุรทัต

กำหนดวรรคละสี่พยางค์ ครุ ลหุ ลหุ ครุ เหมือนกันทั้งสี่พยางค์
ซึ่งนี่แหละ ทำให้ข้าพเจ้าไม่เคยเลือกใช้มาก่อนเพราะส่วนตัวเป็นคนเวิ่นเว้อ
มักจะเยอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ตามที่ได้รับปากคุณน้องไว้ ถ้ามีพล๊อตแบบไหนเหมาะๆพี่นุ่นจะลองๆเขียนดูนะคะ
สำหรับตอนนี้ ใครอยากอ่านอีทิสังฉันท์ หรืออยากรู้จัก เชิญไปอ่านที่เรื่องยาวเรื่อง "พิมตะวัน" ค่ะ
คนเขียนไปลงขัดดอกไว้ เพราะตอนต่อยังเขียนไม่เสร็จและคาดว่าจะอีกยาว

ท่านไหนยังไม่ได้ไปอุดหนุนเรื่องยาวของคนเขียนก็เชิญนะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19610.msg1225899#msg1225899
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 02-12-2010 18:32:55
ขอบคุณค่ะคุณนุ่นมาตอบให้เเล้ว ทำให้รอยหยักในสมองเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ไม่เคยได้ยินจริงด้วยเเถมยากต่างหาก เรื่องยาวไปอ่านมาเเล้วนะคะ เเค่ตอนขัดดอกนะ รอต่อนต่อไป เเล้วจะไปรวบยอด คุคุคุ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 02-12-2010 23:24:31
รอค่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 02-12-2010 23:25:10
กลัวแมงมุมมาก เจอแล้วสาวแตก  :o12: :o12:

โหยภาษาสุดยอดมากครับชื่อชมคนแต่งมากไม่ผิดหวังซักตอนเลย การันตีคุณภาพ o13 o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 02-12-2010 23:59:06
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องเลยนะเนีย ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 03-12-2010 23:08:31
อ่ะ ขอเม้นอีกที

ที่จริงพึ่งได้ตามมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ หลังจากที่อ่านเรื่องรัก ไม่กล้าบอกไป อ่านที่ทำเอาน้ำตามพุ่งปรู๊ด

ทุกเรื่องที่ไรท์เตอร์แต่งทั้งภาษาและเนื้อเรื่องเหมือนมืออาชีพมากๆเลยค่ะ

อ่านแล้วสุดยอดมากๆเลย ไรท์เตอร์เก่งจริงๆค่ะ o13 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 04-12-2010 20:46:43
เข้ามาเพราะชื่อตอนเลยนะค่ะเนี่ย แหม~~!! ผิดหวังนิดๆ นึกว่าจะได้อ่านเรื่องมันส์ๆ ซะอีก แต่กลายเป็นสยองขวัญเล็กๆ ไปเสียได้ คิกๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-12-2010 13:29:49
ฮึบๆ ดันตัวเองเอามาไว้ให้หาง่ายๆสักหน่อยนะคะ
เพราะกำลังเขียนตอนต่อไปอยู่ ถ้าไม่มีอะไรด่วนเข้ามาคืนนี้น่าจะได้มาส่งให้อ่านกัน

เข้ามาเพราะชื่อตอนเลยนะค่ะเนี่ย แหม~~!! ผิดหวังนิดๆ นึกว่าจะได้อ่านเรื่องมันส์ๆ ซะอีก แต่กลายเป็นสยองขวัญเล็กๆ ไปเสียได้ คิกๆ
ฮี่ๆๆๆ เขียนเรื่องสยองขวัญบ้างอะไรบ้างค่ะ ทดลองๆ

อ่ะ ขอเม้นอีกที

ที่จริงพึ่งได้ตามมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ หลังจากที่อ่านเรื่องรัก ไม่กล้าบอกไป อ่านที่ทำเอาน้ำตามพุ่งปรู๊ด

ทุกเรื่องที่ไรท์เตอร์แต่งทั้งภาษาและเนื้อเรื่องเหมือนมืออาชีพมากๆเลยค่ะ

อ่านแล้วสุดยอดมากๆเลย ไรท์เตอร์เก่งจริงๆค่ะ o13 
ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วตัวจะลอย เขินเลย :o8: ไม่มืออาชีพขนาดน้านนนนนนนนนนนนนนนน

กลัวแมงมุมมาก เจอแล้วสาวแตก  :o12: :o12:

โหยภาษาสุดยอดมากครับชื่อชมคนแต่งมากไม่ผิดหวังซักตอนเลย การันตีคุณภาพ o13 o13
ขอบคุณคนอ่านเหมือนกันนะคะสำหรับกำลังใจ อืม.....กลัวแมงมุม เหมือนนายโรนัล วีสลีย์เล้ยยยยยยยยย

รอค่าาาาาาาาา
มาค่ะ อย่างเร็วคืนนี้ อย่างช้าพรุ่งนี้นะคะ กอดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:ตายเสียเถิด....ผัวรัก (19/11/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 13-12-2010 20:11:41
คุณนุ่นเก่งภาษาไทยมากมาย
ไอ้เราก็ไม่รู้เรื่องซักอย่าง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
กลอนสี่ยังกระท่อนกระแท่น ฮ่าๆ
อ่านแล้วชื่นชมฝีมือ ทั้งวิธีใช้ภาษา ทั้งสำนวนการแต่งเลยค่ะ
^______^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-12-2010 03:35:04
ตอนนี้ไม่ไหวแล้วค่ะ
ถ้ายังไงพรุ่งนี้(ซึ่งก็คือวันนี้)จะมาแปะภาคผนวกให้นะคะ

แจ้งก่อนเลื่อนลงไปดูเนื้อหา
ตอนนี้เป็นร้อยกรองทั้งหมด และทั้งหมดเป็นคำฉันท์ค่ะ

คนเขียนเห็นมีเสียงเรียกร้องอยากอ่านฉันท์ เลยสนองซะ
ลองเขียนมาให้อ่านกันเล่นๆเป็นนิทานแนวแฟนตาเซียจักรๆวงศ์ๆ
เพราะถ้าเรื่องไปไกลจากแถบนี้ก็ไม่รู้จะดึงให้เข้ากับลีลาของฉันท์ทั้งหลายได้อย่างไร
มีฉันท์อยู่หลายชนิดนะคะ ไว้พรุ่งนี้มาคุยกันเนอะว่าอะไรยังไง

กอดทุกท่านแน่นๆ ขอบคุณจริงๆค่ะที่ติดตามกันมาตลอด
หลังนิทานคำฉันท์เรื่องนี้คงพักจากการเขียนฉันท์อีกนาน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.......................................................

เรื่องเล่าจากความฝัน
: เบื้องบรรพกาล


   แต่บพกาล   นานกปกัลป์
ในวนอัน         สุดพิสดาร
มีพระฤษี      ฑีฆรฌาณ
ตั้งตบะญาณ      กว่าศตปี
วรรณะก็กลืน   คืนอคนี
โภชนมี         เพียงมธุชล
อันภุมริน      บินจรดล
วันละก็หน      นิจถวาย
ล่วงวษหนึ่ง   ผึ้งจะละกาย
กลัวพระฤสาย      พลอยมรณา


   โอ้องค์มุนีเจ้า   ดนุเฝ้าบรีบาล
เอมโอษฐ์ ณ ก่อนกาล   ลุ ณ ปัจจุสมัย
   โปรดฟังนะซึ่งถ้อย   ดนุน้อยจะขานไข
ด้วยข้าจะลาไป      ยมโลก ณ สายาณห์
   
       ว่ามาสิภมร             นวพรจะบันดาล
เกื้อหนุนก็ช้านาน      ตถคตจะแทนคุณ
   
      ข้าน้อยมิหวังใด   พระสิใครจะค้ำจุน
หวังผู้แสวงบุญ      รึก็คงจะเนิ่นช้า
   อ้าองค์พระโยคี   ธ ก็มีตบะกล้า
โปรดเถิดละทุกขา      และก็หาสิอาหาร
      ด้วยข้ารึเป็นห่วง   จะละล่วงนะสังขาร
เกรงองค์พระทรงญาณ   นะจะวายชิวาตาม


           โยคิสดับ      รับวจนา
จึ่งตริและว่า      นี่นะภมร
   เราจะมิตาย   วายชิพิก่อน
เจ้าจุติพร         สมกะกุศล


   ณ สายัณห์ก็วันนั้น      ภมรพลันจะแบหลา
ก็โผผินและบินมา         ทะทอดร่าง ณ กลางธาร
   พระโยคีก็ตั้งจิต      มโนฤทธิลือชาญ
กุมุทใหญ่ก็แย้มบาน      ผลิออกรับภมรพลัน
   มุนีโอมและอ่านเวทย์   สะท้านเขตคิรีขัณฑ์
สะเทือนพฤกษ์พนาวัน      สะท้อนลั่นสวรรค์ครืน

       จากกาลบัดนั้น      จวบวันใหม่เยือน
ส่ำสัตว์ในเถื่อน         ล้วนตื่นลืมตา
ร่วมเป็นสักขี         ฤๅษีสิทธา
รังสรรค์กายา         มานพรูปงาม
   แสงทองเยือนหล้า      ฟากฟ้าสีใส
ลมโบกโยกไกว         ยอดไม้ไหวตาม
กลางกลีบโกมุท         พลันผุดแสงวาม
พร้อมหนุ่มน้อยงาม      สามโลกต้องชม


     มานพก็เยื้องลุ ณ พระที่   ก็มุนีสถิตอยู่
ยอกรประณตและศิระลู่      ณ พระบาทพระฤๅษี
   โอ้คุณ ธ ล้นดนุจะทด   และจะแทนก็เหลือที่
แม้ข้าอุทิศก็ชิวินี้         ก็มิอาจจะแทนได้
   โยคีก็ชมวรสะอาง      พิศพลางก็เผลอไผล
สูญเสียสมาธิตบะไป      บ่มิทันจะตั้งตัว
   พลันกายทิเชื่อมกะอคนี   ก็ปริร้าวกะเทาะทั่ว
สำนึกสิสายจิตะก็มัว      สละร่างมิช้าที



      ปางนั้นมิลันทา      ยุพราชะทรงเดช
แห่งมัลละแคว้นเขต      ธ สุบิน ณ ราตรี
   เห็นเป็นกุมุทแก้ว      มละแววเมลืองศรี
ผ่องผุด ณ ธาตรี         และก็ลอยละล่องลับ
   ลืมตาผวาตื่น      พระก็ฝืนจะคว้าจับ
กลิ่นกรุ่นระรินรับ         จะแตะต้องก็พลันหาย
   เจ้าชายเทวษราว      อุระร้าวและเปล่าดาย
ด้วยจิตถวิลหมาย         นะจะได้กุมุทนั้น
   เข้าเฝ้าพระมารดา      เพราะจะลาสิโดยพลัน
ด้วยลูกจะจรจรัล         หิมวันต์วนาลี


      พระนางกษัตรีย์      อุระราวจะสุมไฟ
ผิทราบวะปล่อยไป         ก็จะลับมิคืนหวน
   พระลูกจะร้างห่าง      และหทัยจะแปรปรวน
ผิล่ามสิด้วยตรวน         ก็มิอาจจะรั้งไว้
   ปะเนตรปุโรหิต      กลล้วนจุความนัย
ก็เคยนะทายไว้         ณ ประสูติกาลนั้น
   มิลันทราชเจ้า      จะฉลาดละออพรรณ
ผิเข้าวัยฉกรรจ์         จะละเมืองและวงศา
   จะทิ้งสิหน้าที่      และละทิ้งนะยศถา
มิพักจะโศกา         และมิคิดจะกลับคืน


   จำใจจะกล่าวลา      ชลนาก็หลั่งนอง
จูบปรางคะทั้งสอง      และก็อวยพระพรให้
   จงปราศจากโศก      และวิโยครึโรคภัย
ลูบหลังและโอบไว้         ผละลาสะอื้นตรม


   แรมทางกลางไพรพฤกษ์      พระเฝ้าตรึกคะนึงหา
แต่ดอกบัวงามตา            ผกาแก้วนะที่ปอง
   ลึกเข้าในป่าใหญ่         ระเรื่อยไปลุเดือนสอง
จึงขับเหล่านายกอง         สิกลับคืนบุรีรมย์
   แล้วออกเดินเท้าต่อ      มิทดท้อรึทุกข์ตรม
ด้วยหวังจักได้ชม            กุมุทงาม ณ ปลายทาง


      จวบวสันต์ฤดูสิเยือนพิภพ      มิลันทราชก็มาประสบ
กะบึงใหญ่
   แผ่นนทีก็ดูระรินละไหล      และฆานก็ฉมกะกลิ่นหทัย
คะนึงหา
   แฝงสรีระร่างกะพุ่มพนา      พระค่อยยะเยื้องผะแผ่วและตา
ก็ได้ยล
   ร่างลออสะอ้านประจักษ์ ณ ชล   ประทับ ณ กลางกุมุทและดล
ฤดีรอน
   พลันพระเผยพระองค์และยื่นพระกร   จะคว้าจะไขว่มิต่างภมร
เสาะน้ำหวาน
   นัยเนตรก็ราวจะเคลือบกะตาล   และโอษฐ์ก็เอื้อนวจีประสาน
นะสัมพันธ์

        โอ้โฉมประโลมหล้า      ดนุมาประสบพักตร์
ให้หวั่นและไหวหนัก      มนวาง ณ หัตถา
   เพียงพิศก็รู้ได้      วธุไซร้ประทับตรา
ตรึงในหทัยข้า         และก็คงมิอาจเลือน
   ยินความ ธ เอ่ยไซร้      รึก็ใครจะแชเชือน
คงคบ ธ เปนเพื่อน         ดุจมิตรสนิทหมาย
   ควรแล้วรึเยาว์เรศ      ปฏิเสธสิโดยง่าย
ไม่รักจะลาตาย         สละสิ้นล่ะชีวิต

   ว่าพลางขยับขรรค์      และก็พลันจรดจ่อ
แนบปลายกะส่วนศอ      ขณะก้าวประชิดน้อง
   มานพมิเท่าทัน      กะอุบายก็เร่งร้อง
ควรหรือจะทิ้งน้อง         และจะกลับสวรรค์เสีย
   น้ำเนตรก็เอ่อคลอ      และก็พ้อ ธ ลืมเมีย
น้องรอพระจนเสีย         ชิพิหนึ่งก็ไม่มา
   ชาติก่อนภมรน้อย      รึก็คอยชะแง้หา
เร่งทำสิกรรมา         และก็ล้วนกุศลกรรม์
   หวังเพียงจะได้พบ      และประสบกะเทวัญ
องค์ภัสดานั้น         จะมิทิ้งมิขว้างน้อง


   เจ้าชายสดับนึก      พระระลึก ณ ก่อนกาล
ทิ้งขรรค์กะท้องธาร         และถลันประคองเคียง
   โอ้นี่ศวัตรา      ภสดาจะร่วมเรียง
หยุดร้องนะยินเสียง      วะสะอื้นก็ปวดใจ
   เชยปรางค์และจุมพิต   วรมิตรอย่าร้องไห้
แต่นี้และต่อไป         จะมิพรากรึจากกัน

   โอบตระกองยิหวาและดอมและดม   พระกรก็ไล้ระเรื่อยและพรม
ก็จุมพิต
   รั้งสรีระนวลและแนบประชิด      วธูจะหนีก็ตามและติด
กระสันหา
   ฟ้าก็ครืนและครวญประดุจนภา   จะแตกทะลายสลายกะตา
ณ ครานี้
      วิหคถลาระร่อน ณ กลางนที      และมัสยาก็แหวกระรี้
ระริกสั่น
   เสียงคระครืนก็ยิ่งประโคมและลั่น   สะท้านสะท้อนสะเทือนสวรรค์
และโยกคลอน
   คมนขาก็กรีดนะอ้อมพระกร      ณ ยามพิรุณกระเซ็นและย้อน
ประดุจคลั่ง
   ลมสงบมิทันจะได้ระวัง      ก็กลับกระแทกกระทั้น ณ ฝั่ง
นทีธาร


   แต่นั้นภมรน้อย      ก็มิคล้อย ณ หนไหน
อิงแอบและแนบใน         กะมิลันทะราชา
   สองสมประคองคู่      ดุจอยู่ ณ ชั้นฟ้า
ลืมสิ้นนะโลกหล้า         มนมุ่ง ณ ที่รัก      
         
....................................................................................
.......จบตอนค่ะ

ปล. เชื่อกันเถิดนะคะว่าฉันท์ก็โรแมนติคคอเมดี้ได้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

.
.
ท่านไหนที่อ่านแล้วไม่กระจ่างใจยังไงเชิญตามไปอ่านภาคผนวกนะคะ
ภาคผนวก๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16808.msg1241088#msg1241088)

ภาคผนวก๒ เรื่องเกี่ยวกับชนิดฉันท์ที่มีในเนื้อเรื่องจะตามมาค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-12-2010 04:24:49
 :L2:..
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-12-2010 05:15:56
เชื่อแล้วว่าโรแมนธิกคอมเมอร์ดี้
แต่ คำสาปแรงจริงๆ จะเกิดใหม่สักกี่ภพก็เป็นชายทุกชาติไป (เกย์ทุกชาติว่างั้น)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 14-12-2010 07:50:06
 :กอด1:

คุณนุ่นคะ!

ชอบมากค่ะ เป็นการรวมฉันท์ไว้หลายแบบมาก (?) อ่านแล้วหวานเข้าไปถึงใจเลย อยากถามว่าใช้เวลาเขียนนานไหมคะ? เพราะมันคงยากมาก

อ่านตอนเขาออดอ้อนกันแล้วอยากกรี๊ด พ่อคุณ ถ้าไม่ยอมรับรักก็จะลาตาย? แอร๊ย พ่อคุณเจ้าชายร้ายเหลือเกินนะ แต่ฉากอัศจรรย์ตอนท้ายๆนี่มัน :haun4:

อ่านแล้วคิดถึงบทเรียนวรรณคดีสมัยอยู่มัธยม (ซึ่งได้ผ่านมานานแล้ว) อ่านแรกๆเหมือนจะยาก แต่พอได้จังหวะแล้วก็อ่านเพลินเลย ไม่อยากให้จบ น่าจะแต่งยาวๆให้เหมือนขุนช้างขุนแผน หรือรามเกียรติ์เนอะคุณนุ่น ( :laugh:)

ปล. ภาคผนวกเรื่องชื่อของฉันท์ต่างๆจะมาแปะทีหลังใช่ไหมคะ? จะรอนะคะ

ปปล. กดบวกให้คุณนุ่นนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 14-12-2010 07:56:48
 :z13: มาแต่เช้า ขอแปลก่อนนะ... :m17:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 14-12-2010 09:55:52

ชอบตอนท้ายค่ะพี่นุ่น  :z1:
ที่เหลือรอภาคผนวกดีกว่า
+1 สุดยอดค่ะพี่นุ่น  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 14-12-2010 10:16:38
อ่อยยยย  :เฮ้อ: ยอมรับว่าใช้เวลาในการอ่านนานมาก
กลัวจะแปลผิดแปลถูก....

สุดท้ายก็ยังได้อรรถรสจ๊ะน้องนุ่น ยังคงไว้ซึ่งความหวานปนหื่นได้ไม่มีตก 555

+1 ให้เลยจ๊ะ สุดยอดมาก

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 14-12-2010 15:38:17
กรี้ดให้นุ่นก่อนแล้วเอาไปหนึ่งบวก

ไม่ไหวแล้วค่ะมัน.....มัน........ :haun4: เสียเลือดอย่างรุนแรง ชอบมากๆอร้ายส์

ไม่มีรายจะเม้นแล้วเสียเลือดไปเยอะ ไปเติมเลือดก่อนนะค่ะนุ่นเจ้จะเป็นลม
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-12-2010 16:28:19
ภาคผนวก๑

เนื้อเรื่อง


ในอดีตกาลนานนมกาเล ยังมีฤๅษีตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าใหญ่
พระฤๅษีนั้นนั่งบนแท่นหินโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย ทั้งยังไม่ลุกไปหาอาหารใดๆ
จนเวลาล่วงไปกว่าร้อยปี ร่างกายและผิวหนังก็เชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกับแท่นหิน

ทุกๆวันจะมีแมลงน้อยตัวหนึ่งบินมาหยดน้ำหวานใส่ปากให้พระฤๅษีวันละครั้ง
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าแมลงก็รู้ตัวว่าถึงเวลาจะสิ้นอายุในเย็นวันนี้แล้ว
เมื่อบินมาป้อนหยดน้ำหวานให้พระฤๅษี จึงบอกท่านไปว่าเย็นนี้ข้าน้อยจะลาไปยมโลกแล้วนะ

พระฤๅษีได้ฟังจึงถามเจ้าแมลงว่า
"เช่นนั้นรึ แล้วเจ้าอยากได้สิ่งใดเล่า ขอพรมาเถิด ข้าจะบันดาลให้แทนบุญคุณที่เจ้าได้ส่งอาหารดูแลข้ามาทุกวัน"
เจ้าแมลงจึงตอบว่า
"ข้าน้อยไม่ต้องการสิ่งใด แต่ข้าเป็นห่วงพระฤๅษี กลัวว่าถ้าข้าตายไปแล้วท่านจะพลอยอดอาหารจนมรณภาพตามไปด้วย
จึงอยากจะขอให้ท่านเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาแล้วออกหาอาหารเสีย"

พระฤๅษีฟังดังนั้นก็เกิดเมตตาเจ้าแมลง จึงบอกกับเจ้าแมลงว่า
"ข้าจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้ส่งเจ้าไปเกิดในภพภูมิที่ดี สมกับที่เจ้าได้ทำกุศลมาตลอดชีวิตนี้"

พอตกเย็น เจ้าแมลงก็บินมาตายที่กลางสระบัวกว้างใหญ่ตรงหน้าแท่นหินที่พระฤๅษีนั่งบำเพ็ญตบะอยู่
พระฤๅษีก็เริ่มโอมอ่านคาถาเพ่งจิต ก็ปรากฏเป็นดอกบัวใหญ่เบ้งผุดขึ้นมาแล้วบานออกรับร่างของเจ้าแมลงไว้
และตลอดคืนนั้นจนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน พระฤๅษีก็ร่ายเวทย์ตลอดเวลาจนเสียงมนตรานั้นสะเทือนไปถึงโลกสวรรค์

ในเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง ก็ปรากฏร่างหนุ่มน้อยแสนงามขึ้นที่กลางดอกบัวใหญ่
(โป๊ด้วย คิดดูสิคะว่าเป็นแมลงก็โป๊ไม่ได้มีเสื้อผ้าเลยสักชิ้น >///<)
เจ้าหนุ่มผิวขาวที่งามจนทั้งสามโลกยังต้องชม(สามโลกก็หมายถึง โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ โลกบาดาล)
ก็ค่อยๆลุยน้ำขึ้นมาที่ริมพระแท่น แล้วทรุดกายลงนั่งกราบเคารพพระฤๅษี
พระฤๅษีเห็นเด็กๆเอ๊าะๆแถมขาวจั๊วะน่ากึ๋ยๆเลยเผลอจิตหลุด เรียกง่ายๆว่าท่านก็เกิดอาการตบะแตก(แบบจริงๆ)
ที่บำเพ็ญเพียรมากว่าร้อยปีก็พังซะ แถมร่างที่เป็นหินยังปริแตกกะเทาะร่อนจนกลายเป้นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แล้วท่านก็จิตลอยไปสู่ภพภูมิอื่นง่ายๆแบบนั้นเอง (โถ...............)


ส่วนด้านแคว้นมัลละ มีเจ้าชายหนุ่มรูปงามแถมเก่งกล้าอยู่องค์ ทรงพระนามเจ้าชายมิลันทราช
มีตำแหน่งเป็นพระยุพราช(หมายถึงผู้จะขึ้นเป็นพระราชาคนต่อไป)
คืนหนึ่งกำลังหลับสบายเจ้าชายก็ทรงฝันว่ามีดอกบัวแก้วดอกหนึ่งลอยลงมาหา หากเมื่อจะเอื้อมคว้าดอกบัวนั้นก็กลับลอยหาย
เจ้าชายผวาตื่นมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็น แต่กลิ่นหอมรวยรื่นของดอกบัวนั้นก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก
ทรงทนอยู่ไปไม่ไหวก็เข้าเฝ้าสมเด็จแม่(ผู้สำเร็จราชการ) และขอลาออกไปเที่ยวป่าหิมพานต์
เพื่อจะเสาะแสวงหาดอกบัวแก้วตามความฝัน

สมเด็จแม่ท่านก็นึกถึงคำทำนายที่ปุโรหิตดูดวงเจ้าชายไว้ตั้งแต่เกิด
ว่าพอโตเป็นหนุ่มเจ้าชายจะละทิ้งทุกสิ่งอย่างแล้วเข้าป่าไปไม่กลับมาอีก
พระนางก็เศร้าสร้อยแต่ก็ต้องยอมให้ลูกไป เพราะเห็นอาการแล้วรู้ว่าถึงจับขังผูกโซ่ตีตรวนไว้ก็เอาไม่อยู่แน่

เจ้าชายมิลันทราชเข้าป่าเดือนไปได้สองเดือนก็สงสารทหารนายกองที่ตามเสด็จว่าต้องห่างลูกเมีย ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับ
เพราะตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าไม่เจอดอกบัวตามความฝันก็จะไม่ยอมถอยหลัง เจ้าชายจึงไล่นายกองเหล่านั้นให้กลับไปจนหมด
จากนั้นก็เดินป่าต่อไปลำพัง จนล่วงเข้าฤดูฝน
(นึกสภาพตอนนั้นสภาพหล่อๆขาวๆใสๆล่ำๆก็คงหมดไปแล้ว นึกภาพพี่ติ๊กตอนเข้าป่าแล้วไม่รับงานละครนะคะ)
เจ้าชายที่กระดำกระด่างแต่ยังเก่งกล้าอยู่ก็เดินเข้าสู่อาณาเขตของสระบัวใหญ่
พลันนั้นก็ทรงได้กลิ่นหอมคุ้นเคยที่ตามหามาตลอดลอยมาแตะจมูก เจ้าชายก็แฝงตัวกับพุ่มไม้ ลอบมองเข้าไปกลางบึงน้ำ
แล้วก็ได้เห็น.....ชายงาม( :-[)กำลังนั่งเล่นปล่อยกายปล่อยใจตามสบาย(โป๊ด้วยนะคะอย่าลืม)อยู่กลางดอกบัวขนาดเท่าเตียงคิงไซส์

พอเห็นปุ๊บก็ทรงปิ๊งปั๊บ แล้วก็ไม่รอรี เดินลุยน้ำเข้าไปหาทันทีแถมจีบกันตรงๆ

 โอ้โฉมประโลมหล้า      ดนุมาประสบพักตร์
ให้หวั่นและไหวหนัก      มนวาง ณ หัตถา
   เพียงพิศก็รู้ได้      วธุไซร้ประทับตรา
ตรึงในหทัยข้า         และก็คงมิอาจเลือน
   ยินความ ธ เอ่ยไซร้      รึก็ใครจะแชเชือน
คงคบ ธ เปนเพื่อน         ดุจมิตรสนิทหมาย
   ควรแล้วรึเยาว์เรศ      ปฏิเสธสิโดยง่าย
ไม่รักจะลาตาย         สละสิ้นล่ะชีวิต

สองบทแรก(สี่บรรทัด)เป็นคำจีบซื่อๆของเจ้าชาย มาถึงก็ชมเลยว่า
"คนงามโลกตะลึงจ๊ะ พี่นี้ได้มาพบหน้าเจ้าก็ให้รู้สึกอกใจมันหวั่นไหว หัวใจพี่ขอวางไว้ในอุ้งมือน้อง
แค่พี่ได้เห็นเจ้าพี่ก็รู้แล้วว่าน้องได้เข้ามาจับจองจนเต็มห้องใจของพี่ และจะเป็นเช่นนี้ชั่วกัลปาวสานนะจ๊ะ"
บทต่อมา(อีกสองบรรทัด)เป็นคำตอบโต้แบบแอบไว้ตัวของน้องหนูในดอกบัว
"ข้าได้ฟังคำท่าน ก็คงจะตัดสัมพันธ์ไม่ได้ จะขอคบไว้เป็นเพื่อนก็แล้วกันนะท่านนะ  :o8:"
และบทต่อมา พี่เจ้าชายก็รุกฆาตกันแบบเอาแต่ใจสุดขั้ว (ชริๆๆๆ)
"โธ่ถังน้องจ๋า ทำไมถึงปฏิเสธพี่อย่างนั้นล่ะจ๊ะ.....พี่ไม่ย้อมมมมมม ถ้าน้องไม่รับรัก พี่ก็จะขอลาตาย ฮึ่ย!"

ว่าแล้วเจ้าชายจอมมารยาสาไถยแถมเอาแต่ใจสุดขีดก็ดึงมีดสั้นที่เหน็บไว้ในซองมาจ่อเข้าที่คอตัวเอง
พร้อมกับที่เดินเข้าไปจนชิดกับเจ้าหนุ่มคนงาม

เด็กป่าหรือจะมีมารยาสู้เด็กเมือง!! น้องคนงามก็ตกหลุมพรางที่ตั้งใจเก๊กทำหยิ่งก็เลยหลุดมันง่ายๆ
ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหลบอกไปว่า "คนใจร้ายลืมได้กระทั่งเมียตัวเอง โฮวววววววววว"
ดังนี้
มานพมิเท่าทัน      กะอุบายก็เร่งร้อง
ควรหรือจะทิ้งน้อง         และจะกลับสวรรค์เสีย
   น้ำเนตรก็เอ่อคลอ      และก็พ้อ ธ ลืมเมีย
น้องรอพระจนเสีย         ชิพิหนึ่งก็ไม่มา
   ชาติก่อนภมรน้อย      รึก็คอยชะแง้หา
เร่งทำสิกรรมา         และก็ล้วนกุศลกรรม์
   หวังเพียงจะได้พบ      และประสบกะเทวัญ
องค์ภัสดานั้น         จะมิทิ้งมิขว้างน้อง

คนงามก็ตัดพ้อต่อว่ายาวเลย
"จำเมียตัวเองไม่ได้ ทิ้งให้ข้ารออยู่ตั้งนาน จนข้าตายจากชาติเป็นแมลงแล้วถึงมาหาได้
ตอนเป็นแมลงนะ ข้าก็รอร้อรอ...พยายามทำบุญเผื่อจะได้เจอท่านผู้เป็นสามี แล้วไงล่ะ ทำจนถึงคราวตายก็ยังมิได้เจอเลย ฮืออออออ"

เจ้าชายท่านฟังแล้วเลยพลอยระลึกชาติได้ตาม เลยรู้ว่าตัวเองเคยเป้นมาตลีเทพแล้วให้สัญญาไว้กับที่รักนะอย่างโน้นอย่างนี้
แล้วเลยเข้าไปกอดปลอบกอดโอ๋ เช็ดน้ำตา "อย่าร้องไห้นะจ๊ะเบบี๋ เห็นน้ำตาน้องแล้วพี่เจ็บไปด้วย จุ๊ๆๆไม่ร้องนะจ๊ะ"
ว่าแล้วก็เลย...นั่นแหละ แบบว่างุ้งงิ้งจุ๊งจิ๊งกัน สะเทือนเลื่อนลั่นกันทั้งสระแถมหงส์ร่อนมังกรระริกระรี้กันซะ (>///////<)

แล้วสองคนก็อยู่ด้วยกันในป่าเป็นทาร์ซานกับเจน ไม่ออกไปสู่โลกภายนอกอีกเลย............


ปล.เดี่ยวขอพักก่อนนะคะ เรื่องฉันท์ชนิดต่างๆขอมาทีหลัง โอย พิมพ์สด เหนื่อยมาก ต้องไปข้างนอกแล้วด้วย :m32:
และ......ท่านไหนสนใจบทไหน ไม่เข้าใจตรงไหนเป็นพิเศษบอกไว้ได้นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 14-12-2010 16:37:44
 :m15: ในที่สุดก็เข้าใจแจ่มแจ้งซะทีตูข้า หลังจากที่พยายามมานาน...มันสมองมีไม่ถึง  :sad4:

ว่าแต่...ดอกบัวแถวไหนมันมีขนาดคิงไซต์ กร๊ากกกกกกก
(จะเอากล้องไปส่อง แล้วกดอัดโช้ะ!! เผื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น :z1: )
คำแปลฮาได้อีก กร๊ากกกกก (จะตายแระ ดันแอบอ่านในเวลางาน)
 :m20:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 14-12-2010 17:44:05
  โอบตระกองยิหวาและดอมและดม   พระกรก็ไล้ระเรื่อยและพรม
ก็จุมพิต
   รั้งสรีระนวลและแนบประชิด      วธูจะหนีก็ตามและติด
กระสันหา << มาปุ๊บก็ฉุดเค้าลงดอกบัวคิงไซส์เลยรึ  
   ฟ้าก็ครืนและครวญประดุจนภา   จะแตกทะลายสลายกะตา
ณ ครานี้  << ซาวเอฟฟเฟต์1 "อะ...อ๊า"
      วิหคถลาระร่อน ณ กลางนที      และมัสยาก็แหวกระรี้
ระริกสั่น  << ระริกสั่น....น้องเค้าสั่นกลัวหรือสั่นสู้น่ะ=.,=
   เสียงคระครืนก็ยิ่งประโคมและลั่น   สะท้านสะท้อนสะเทือนสวรรค์
และโยกคลอน << ซาวเอฟฟเฟต์2 "เสียงกายเปล่ากระทบกัน" >[]<
   คมนขาก็กรีดนะอ้อมพระกร      ณ ยามพิรุณกระเซ็นและย้อน
ประดุจคลั่ง <<< แน่ใจนะว่าแค่....ฝน "พิรุณกระเซ็น"
   ลมสงบมิทันจะได้ระวัง      ก็กลับกระแทกกระทั้น ณ ฝั่ง
นทีธาร <<<  มีต่อก๊อกสอง 0[]0!!

This is บทอัศจรรย์????
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 14-12-2010 17:55:42
แปลด่วนนนนนนนนนนน

คนอ่านตกภาษาไทยอย่างแรงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 14-12-2010 18:04:14
โอ้!!!!

เข้าใจซะที
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 14-12-2010 18:09:05
เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ทั้งหมด ฮ่าๆๆ อ่านแล้วแปลไม่ออกเป็นบางท่อนอ่ะ แต่เรื่องรวมๆ แล้วก็เข้าใจนะ คิกๆ เหมือนจะงงๆ เจ้าชายมันมาจากไหนหว่า แล้วฤาษีอ่ะไปไหน ช่วงตรงแถวๆ นี้แหละที่แปลความไม่ออก ฮ่าๆ แต่ใช้ภาษาได้งามมากเลย เก่งจริงๆ T^T นับถือๆ

( ด้านบนคืออ่านจบแล้วและเม้นท์ โดยยังไม่เห็นที่ท่านแปลความมาแล้ว )

ตรงนี้คือเห็นแล้วนะ

เก็ทล่ะว่าฤาษีไปไหน และเจ้าชายมาจากไหน คิกๆ นั่นสิ เด็กป่ามีรึจะสู้มารยาเด็กเมือง ฮ่า~~~!!
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-12-2010 20:24:21
ยกนิ้วโป้งให้เลยอะพี่นุ่น o13 สุดยอดมากกกกกกกก
แต่แบบต้องรื้อฟื้นวิชาภาษาไทยกันเล็กน้อย บางคำไม่รู้ความหมาย แต่ก็เดาๆเอาอ่าค่ะ :try2:
ถึงจะเป็นฉันท์ แต่ก็มิอาจกั้นจินตนาการวายได้ ฮ่าๆๆๆๆ
+1 ให้เลย สุโค่ยจริงๆอะ แบบอ่านไปก้นึกภาพตาม เหมือนตอนอ่านวรรณคดีสมัยเรียน :o8:
(แต่อันนั้นไม่วาย เลยเฉยๆ 555)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-12-2010 21:29:55
คนแต่งเก่งภาษาไทยมากเลย

ต้องใช้เวลา+สมาธิ อย่าแรงในการอ่านและแปลความหมาย
แต่ชอบจ้า

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-12-2010 21:58:43
เท่าที่สมองซึ่งผ่านการใช้งานมานานเนิ่น
ก็คุ้นชื่ออยู่ในใจอยู่บางฉันท์  เช่น อินทรวิเชียรฉันท์ กับ วสันตดิลกฉันท์
แต่จำไม่ได้แล้วแต่ละประเภทมีครุ ลหุ ยังไง
ชื่นชมคุณนุ่นนะคะ เก่งมากๆๆ o13
เวลาคุณนุ่นแต่งฉันท์ที รู้สึกตัวเองเป็นอีเย็นยังไงไม่รู้ แบบว่าเกินเอื้อม :m23:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-12-2010 22:08:17
สุดยอดเลยอะ คุณนุ่น มะกล้าแปลอะ แต่บอกได้ว่าไพเราะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 14-12-2010 22:09:17
สุดยอดดดด  อ่านแล้วทึ่งมากเลยค่ะ ไรท์เตอร์เก่งมากๆๆเลย กราบงามๆได้เลยค่ะ

+1 ไปเลยย แถมกด Like ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 14-12-2010 22:11:23
สุดยอดมากๆค่ะพี่นุ่น  หนูเเต่งเเค่สาลินีฉันท์ก็จะตายอยู่เเล้ว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 15-12-2010 01:10:20
อยากกดไลค์สักร้อยรอบ!!! แจ่มจริงอะไรจริงค่ะพี่นุ่นขา o13
บ้างคำก็ไม่รู้ความหมายนะ แต่เห็นภาพชัดเจนอ่ะ โอ้ววววว :-[

ถ้าน้องจำไม่ผิดฉันท์นี่มีทั้งหมด24แบบใช่ไหมคะ(ไม่ชัวร์แฮะ)
บางอันก็แยกไม่ออกอ่า น้องเจอบ่อยๆไม่กี่แบบ
ที่อ่านทำนองเพราะสุดก็วสันตดิลกรึป่าว?
น้องชอบมาณวกแปดนะทำนองสนุกดี สาลินีก็แต่งได้มากกว่าอันอื่นนะ
แต่ไม่เคยแต่งสัททุลวิกกีฬิตได้สักที หาคำลงยากจังค่ะ ไม่เคยจบเลย
ไว้วันหลังน้องเอาที่เคยแต่งมาให้พี่นุ่นวิจารณ์บ้างนะคะ :m19:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 15-12-2010 09:13:59
ตะกี้แอบไปลองของด้วยการไปอ่านฉันท์มาก่อนแล้วจึงมาอ่านภาคผนวก (อารมณ์เหมือนทำพรีเทสต์ก่อนแล้วมาตรวจคำตอบ  :laugh:) พอเข้าใจอยู่บ้างค่ะ แต่อ่านภาคผนวกแล้วสนุกถึงใจมาก ยิ่ง มีเสียงเอคโค่ของคุณนุ่นคอยเตือยสติว่าน้องโป๊อยู่ก็ยิ่งได้อรรถรส  :o8:
แต่น่าสงสารพระฤาษีจังเลยค่ะ เจอน้องคนงามโป๊เข้าไปถึงกับแตกสลายไปเลย 5555
ขบอคุณค่า
 :กอด1:

เท่าที่สมองซึ่งผ่านการใช้งานมานานเนิ่น
ก็คุ้นชื่ออยู่ในใจอยู่บางฉันท์  เช่น อินทรวิเชียรฉันท์ กับ วสันตดิลกฉันท์
แต่จำไม่ได้แล้วแต่ละประเภทมีครุ ลหุ ยังไง

รกรก็จำได้แค่สองฉันท์เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นบทเรียนช่วง ม.4 หรือ ม.5 นี่แหละ ถ้าจำไม่ผิด
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-12-2010 22:15:15
กลับมาอ่านบทพากย์ (ไม่อยากเรียกว่าบทแปลเลยเพราะมันยิ่งกว่าฮา)
 :m20:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 16-12-2010 00:22:49
ยอดเยี่ยมมากค่ะคุณนุ่น
ทั้งเนื้อเรื่องและลีลาวรรณศิลป์ ไม่ว่าจะการใช้โวหาร การเลือกสรรคำมาใช้ การเรียบเรียงคำ และจินตนาการ o13
เป็นฉันท์แบบวายๆที่เก๋ไก๋มากๆ

กดบวกสัก 1000 แต้มเลยได้มั้ยเนี่ย

ขอบคุณมากๆนะคะ
 :3123:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 16-12-2010 15:44:59
โหยยยย พี่นุ่นจ๋า เขินมว๊ากกกก  :o8:
แม้มันสมองจะไม่ถึง (ต้องอาศัยอ่านภาคผนวกช่วยก็ตามที 55555)

แถมมาอ่านเม้นคุณ Rinze แล้วก็ฮาได้อีก 555

อยากได้บ้างอะไรบ้าง ดอกบัวคิงไซส์ งิงิ   :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 16-12-2010 20:09:03

ภาคผนวก อ่านแล้วเขินค่ะพี่นุ่น  :o8:
อยากได้เหมือนกันดอกบัวคิงไซส์เนี่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 17-12-2010 09:12:45
ชอบบรรยากาศสมัยร.5-6 ขอเป็นทานสักตอนได้ไหม

จำพวกเจ้าพระยา คุณหลวง อะไรเทิอกนี้ อ่านแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 22-12-2010 00:57:12
อยากจะกดไลท์ซักพันครั้ง
ช๊อบ ชอบอ่ะ อ่านรอบแรกอย่างมึน
แถมอ่านในโทรศัพท์อีก  :serius2:
เลยมาอ่านรอบสองในคอมแบบชัดๆ
ว้าวววว ชอบบทสุดท้ายสุดๆ :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 22-12-2010 09:57:45
ขอบคุณนะคะ คุณนุ่น ขอเเอบโกง ไปอ่านภาคผนวกมาก่อน เเล้วค่อยมาอ่านฉันท์ค่ะ เข้าใจเเละรู้เรื่องอย่างเเรง 55++ เเต่สงสัย นิดหน่อยค่ะ ที่ ฤษี บอกว่าจะให้ภมร น้อยไปสวรรค์ ก็ไม่ได้ไปใช่ไม๊คะ เเล้วก็มาคอย เจ้าชายที่กลางป่าใบบัว ส่วน ฤษีก็ตายถูกต้องไม๊คะ เท่าที่เข้าใจ เเต่สนุกค่ะ ชอบ เเปลกดี 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 22-12-2010 09:59:48
 :o8: ชอบครับ
ยิ่งอ่านตอนแปลยิ่งน่ารัก
น้องนุ่นของพี่มาร์คขาบรรยายได้ฮามาก
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-12-2010 11:10:48
มาแล้วค่ะ ภาคผนวกสอง
เหนื่อยมาก กรีดร้อง แว้กว้ากกกกกกกกกกกกก
เขียนเสร็จแล้วก็ยาวได้อีก หงิงๆ

กอดพี่มาร์คขา กอดคุณบูตะจัง กอดแม่นางยามินาร์ของพี่ กอดรวบๆทุกคนเล้ยยยยยยยยย

ชอบบรรยากาศสมัยร.5-6 ขอเป็นทานสักตอนได้ไหม

จำพวกเจ้าพระยา คุณหลวง อะไรเทือกนี้ อ่านแล้ว  :-[
ได้ตามรีเควสท์ค่ะ แต่ยังไม่น่าจะเป็นคิวนี้นะคะ แหะๆ หลายพล๊อตวุ่นวายมากมายค่ะ
แต่นุ่นมีพล๊อตสมัยนั้นอยู่ในสมองน้อยๆแล้วล่ะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒(22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-12-2010 11:29:23
ภาคผนวก๒
เรื่องของฉันท์ชนิดต่างๆที่มีในตอน


ขอขอบพระคุณคุณครู อาจารย์ ที่ให้ความรู้ทุกๆท่านนะคะ
รวมทั้งผู้เผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับฉันท์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเท่าที่ค้นเจอทางพี่เกิ้ลด้วย ธุค่ะ /l\

ลืมแปะรูปค่ะ เอาซะหน่อย อิมเมจได้มาจากดาด้า ขอบคุณนะคะ ^o^
(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/test/CorsairDoujin1111.jpg)
ก่อนอื่นมาคุยเรื่องชื่อตอนกันก่อนนะคะ
ชื่อตอนตอนนี้จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ถูกใจคนเขียนเลยค่ะ แบบว่าอยากได้ชื่อที่บ่งบอกว่าเป็นแนวโรมานติค-คอเมดี้
แต่ก็ไม่ล่อลวงผู้บริโภคว่าเป็นนิยายที่เล่าเรื่องแบบธรรมดาอะค่ะ
ตอนแรกกะตั้งชื่อเลียนแบบพวกนิทานจักรๆวงศ์ๆ แบบที่เอาชื่อพระเอกนายเอกมาตั้ง
ก็จะเป็น “มิลันทราช” (เลียนแบบ พระอภัยมณี อิเหนา ลักษณวงศ์ อะไรแนวนั้น) แต่ก็รู้สึกจะเป็นการให้ความสำคัญกับฝ่ายท่านเจ้าชายมากไป ทั้งที่เนื้อเรื่องจริงๆให้ความสำคัญกับน้องนายเอกมากกว่า
ส่วนจะใช้ชื่อ “ศวัตรา” ก็กลัวจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหาให้คนอ่านทั้งหลายเดาได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องว่านี่ศวัตราแน่แท้ หงิงๆ

พอจะใช้ชื่อแนวเกาหลีอินเทรนด์ก็เกรงจะถูกดุได้ว่าหลอกลวงผู้บริโภค ..... “ผึ้งน้อยใจบุญ กับ คุณเจ้าชาย”
ชื่อนี้ก็เลยตกไปอีก โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพราะงั้น....จนเดี๋ยวนี้ชื่อ เบื้องบรรพกาล (ที่แปลว่า แต่โบราณปู๊นนนนนนนน) นี่ก็ยังไม่ถูกใจเลยค่ะ เพราะมันไม่บ่งบอกถึงความเป็นโรมานติค-คอเมดี้ตรงไหนเลย
........................................................................
มาเข้าเรื่องของฉันท์กันดีกว่านะคะ
ฉันท์เป็นหนึ่งในประเภทของร้อยกรองของไทยค่ะ (โคลง กลอน กาพย์ ร่าย ฉันท์) ทั้งนี้ เรารับมาจากอินเดียซึ่งสมัยโบราณเขียนในภาษาสันสกฤตและบาลีอีกต่อหนึ่ง
จุดเด่นของฉันท์นอกเหนือจากสัมผัสระหว่างวรรคแล้ว (สัมผัส – การที่เสียงของสระและตัวสะกดพ้องกัน)
ก็คือการกำหนด ครุ ลหุ หรือเสียงหนักเบานั่นเอง ซึ่งเวลาอ่าน(แม้จะไม่ออกเสียง) ถ้าหากอ่านให้ถูกหลัก ครุ ลหุ เราจะได้รับรสไพเราะของแต่ละชนิดที่ต่างกัน
-   ครุ หมายถึงคำที่มีเสียงหนัก อาจจะประกอบจากสระเสียงยาวหรือคำที่มีตัวสะกด เช่น กา ไก่ กอด กล้วย
-   ลหุ หมายถึงคำที่มีเสียงเบา ประกอบขึ้นจากสระเสียงสั้นค่ะ เช่น ก็ กะ จะ ณ ตริ
ยกตัวอย่างคำว่า สวัสดี อ่านออกเสียง สะ-หวัด-ดี ...... ลหุ-ครุ-ครุ

(ต่อไปนี้ในส่วนของผังฉันทลักษณ์ให้สังเกตสัมผัสตามสีตัวอักษรนะคะ)
เริ่มที่ชนิดแรกที่ปรากฏในตอนนะคะ
มาณวกฉันท์ – ฉันท์ที่มีลีลาราวหนุ่มน้อย งืม....จากชื่อนะคะเราก็มาดูว่าหนุ่มน้อยนี่มีลีลายังไง เอร๊ยยยย มิใช่ๆๆๆ
หมายถึงว่า คล่องแคล่ว รวดเร็ว ลั้ลลาบ้าง อะไรแนวนั้นน่ะค่ะ (ไม่ใช่ลีลาแบบ เอ่อ นั่นแหละ งุงิ)
ดังนั้น ฉันท์ชนิดนี้จึงมักใช้เมื่อต้องการบรรยายความทั่วๆไป บรรยายสิ่งที่เกิด บรรยายการเดินทาง

แต่บพกาล   นานกปกัลป์         ครุ ลหุ ลหุ ครุ      ครุ ลหุ ลหุ ครุ
ในวนอัน     สุดพิสดาร             ครุ ลหุ ลหุ ครุ      ครุ ลหุ ลหุ ครุ
มีพระฤษี     ฑีฆรฌาณ         ครุ ลหุ ลหุ ครุ      ครุ ลหุ ลหุ ครุ
ตั้งตบะญาณ    กว่าศตปี      ครุ ลหุ ลหุ ครุ      ครุ ลหุ ลหุ ครุ

คำอ่านนะคะ
แต่-บะ-พะ-กาล  นาน-กะ-ปะ-กัน  ใน-วะ-นะ-อัน  สุด-พิ-สะ-ดาน  มี-พระ-รึ-สี  ที-คะ-ระ-ชาน  ตั้ง-ตะ-บะ-ยาน  กว่า-สะ-ตะ-ปี  
(กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกแปลกประหลาด มีพระฤๅษีตนหนึ่งตั้งตบะบำเพ็ญเพียรมากว่าร้อยปี)

ชนิดต่อไปค่ะ
อินทรวิเชียรฉันท์ – ฉันท์ที่มีลีลาประดุจสายฟ้าของพระอินทร์ (เผื่อท่านไหนไม่ทราบ สายฟ้าคืออาวุธของพระอินทร์ค่ะ)
สายฟ้ามีลักษณะอย่างไร ก็คือ สวย สว่าง ปรากฏกลางฟ้าแล้วก็แวบหาย น่ามองไปพร้อมๆกับน่าเกรง
ดังนั้น ฉันท์ชนิดนี้จึงมักใช้ในการชม การคร่ำครวญ การเล่าเรื่อง และต่างๆนานาค่ะ อีกอย่างฉันท์ชนิดนี้เป็นที่นิยม เพราะความไพเราะนั่นเอง ใครไม่รู้จักฉันท์ยังไงส่วนใหญ่ก็ต้องคุ้นเคยกับฉันท์ชนิดนี้มาบ้างแน่ๆ
(ท่านไหนนึกไม่ออก ให้นึกถึงตอนที่พระเอกนางเอกเรื่องมัทนะพาธาเจอกันครั้งแรก เจอปุ๊บปิ๊งปั๊บ ท่านก็รำพึงเป็นอินทรวิเชียรฉันท์นี่แหละค่ะ)

        โอ้องค์มุนีเจ้า   ดนุเฝ้าบรีบาล      ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
เอมโอษฐ์ ณ ก่อนกาล   ลุ ณ ปัจจุสมัย      ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
   โปรดฟังนะซึ่งถ้อย   ดนุน้อยจะขานไข      ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
ด้วยข้าจะลาไป      ยมโลก ณ สายาณห์   ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ

คำอ่านค่ะ โอ้-อง-มุ-นี-เจ้า  ดะ-นุ-เฝ้า-บะ-รี-บาน  เอม-โอด-นะ-ก่อน-กาล  ลุ-นะ-ปัด-จุ-สะ-ไหม  โปรด-ฟัง-นะ-ซึ่ง-ถ้อย  ดะ-นุ-น้อย-จะ-ขาน-ไข  ด้วย-ข้า-จะ-ลา-ไป  ยะ-มะ-โลก-นะ-สา-ยาน
(ตรงนี้มีคำว่า บรีบาล ซึ่งแผลงมาจากบริบาลค่ะ เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดฉันทลักษณ์ และคำว่า สายาณห์ มาจากคำว่า สายัณห์ เพื่อให้ไปสัมผัสกับพยางสุดท้ายของบาทต่อไป คำว่า บันดาล นะคะ)

ต่อไป (ชักเหนื่อยแฮะ งุงิ)
ภุชงคประยาตฉันท์ – ฉันท์ที่มีลีลาประดุจงูเลื้อย ก็มานึกว่างูเลื้อยเป็นยังไงกันนะคะ
เป็นจังหวะต่อเนื่อง พลิ้วไหว บางครั้งก็หลอกล่อรวดเร็ว และเนื่องจากมีท่วงทำนองสละสลวยจึงมักใช้บรรยายฉากสวยงาม ฉากต่อสู้ หรือแม้แต่ฉากที่เน้นความรู้สึกสนุกสนาน รวมถึงพวกบทสดุดี บทถวายพระพร และอาจใช้บรรยายความที่ต้องการรวบให้รวดเร็วได้
     พระโยคีก็ตั้งจิต      มโนฤทธิลือชาญ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
กุมุทใหญ่ก็แย้มบาน          ผลิออกรับภมรพลัน   ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ       ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
   มุนีโอมและอ่านเวทย์       สะท้านเขตคิรีขัณฑ์   ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
สะเทือนพฤกษ์พนาวัน      สะท้อนลั่นสวรรค์ครืน   ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ

คำอ่านค่ะ พระ-โย-คี-ก็-ตั้ง-จิต  มะ-โน-ริด-ทิ-ลือ-ชาน  กุ-มุด-ใหญ่-ก็-แย้ม-บาน  ผลิ-ออก-รับ-พะ-มอน-พลัน  มุ-นี-โอม-และ-อ่าน-เวด  สะ-ท้าน-เขด-คิ-รี-ขัน  สะ-เทือน-พรึก-พะ-นา-วัน  สะ-ท้อน-ลั่น-สะ-หวัน-ครืน

(มีอีกนะคะ ขอแปะก่อน กลัวพิมพ์ๆเด้งหายอีก)

ฮึบๆๆ ชนิดต่อไปค่ะ
วิชชุมมาลาฉันท์ – ระเบียบแห่งสายฟ้า หมายถึงฉันท์ที่มีลีลาแบบสายฟ้าแลบนั่นเอง
วิชชุมมาลาฉันท์เป็นฉันท์ที่มีแต่คำครุล้วนค่ะ ด้วยเสียงที่หนักตลอดและคำที่ใช้ก็หนักตามเลยทำให้มักใช้ในการบรรยายความธรรมดาทั่วๆไป
ชนิดนี้พิเศษที่สี่บาท(สี่บรรทัด)เป็นหนึ่งบทค่ะ ชนิดอื่นเขาสองบาทเป็นหนึ่งบทกัน

    จากกาลบัดนั้น      จวบวันใหม่เยือน      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
ส่ำสัตว์ในเถื่อน         ล้วนตื่นลืมตา      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
ร่วมเป็นสักขี         ฤๅษีสิทธา      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
รังสรรค์กายา         มานพรูปงาม      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
   แสงทองเยือนหล้า      ฟากฟ้าสีใส      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
ลมโบกโยกไกว         ยอดไม้ไหวตาม      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
กลางกลีบโกมุท         พลันผุดแสงวาม      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ
พร้อมหนุ่มน้อยงาม      สามโลกต้องชม      ครุ ครุ ครุ ครุ      ครุ ครุ ครุ ครุ

สังเกตสัมผัสนะคะ เป็นฉันท์ที่สัมผัสบังคับเยอะอย่างเวอร์เลย สงสัยทดแทนกับที่ไม่มีคำลหุ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คำอ่านอันนี้ตรงตัวค่ะ ง่ายๆเนอะ ^o^

มาต่อกันค่ะ สู้ๆๆๆๆๆๆๆ
วสันตดิลกฉันท์ – ฉันท์ที่ท่วงทำนองงดงามราวรอยแต้มที่กลีบเมฆยามฤดูฝน
แค่ชื่อก็หรูแล้ว >//////< และก็สวยจริงๆค่ะ แถมจากความสวยงามนี้ ฉันท์ชนิดนี้จึงมักถูกใช้เมื่อต้องการชื่นชมความงาม ความรัก และสดุดีของสูง

     มานพก็เยื้องลุ ณ พระที่   ก็มุนีสถิตอยู่      ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ลหุ ลหุ ครุ    ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
ยอกรประณตและศิระลู่      ณ พระบาทพระฤๅษี   ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ลหุ ลหุ ครุ    ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
   โอ้คุณ ธ ล้นดนุจะทด   และจะแทนก็เหลือที่   ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ลหุ ลหุ ครุ    ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
แม้ข้าอุทิศก็ชิวินี้         ก็มิอาจจะแทนได้      ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ลหุ ลหุ ครุ    ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ

ตรงนี้ข้าพเจ้าแอบมีลักไก่ ที่บาทแรกของบทที่สองเห็นมั้ยคะ พยางสุดท้ายของวรรคแรกคำว่า “ทด” ที่ถูกต้องสัมผัสกับ พยางค์ที่สามของวรรคหลัง แต่หาคำตรงใจไม่ได้ เลยเป็นอย่างที่เห็น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
คำอ่านค่ะ มา-นบ-ก็-เยื้อง-ลุ-นะ-พระ-ที่  ก็-มุ-นี-สะ-ถิด-อยู่  ยอ-กร-ประ-นด-และ-สิ-ระ-ลู่  -นะ-พระ-บาท-พระ-รือ-สี


อุเปนทรวิเชียรฉันท์ – รองอินทรวิเชียร ฉันท์ชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายกับอินทรวิเชียรฉันท์ค่ะ
สัมผัสบังคับน้อยกว่า ดังนั้น....ก็หาคำมาใส่ง่ายกว่านั่นเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

     พระนางกษัตรีย์      อุระราวจะสุมไฟ      ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ   ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
ผิทราบวะปล่อยไป         ก็จะลับมิคืนหวน      ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ   ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
   พระลูกจะร้างห่าง      และหทัยจะแปรปรวน   ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ   ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
ผิล่ามสิด้วยตรวน         ก็มิอาจจะรั้งไว้      ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ   ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ


สาลินีฉันท์ - ฉันท์ที่ประกอบไปด้วยครุเป็นส่วนมาก พยายามหาความหมายของคำว่าสาลินี แต่ก็ไม่เจอค่ะ ท่านไหนทราบช่วยข้าพเจ้าทีเน้อ แหะๆ
ตามพจนานุกรมเช่นฉบับท่านอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ก็แปลไว้ว่า เป็นชื่อของฉันท์ชนิดหนึ่ง *o*
แต่เท่าที่ผ่านๆตามา บทที่มักใช้ฉันท์ชนิดนี้มักเป็นบทที่อ้างถึงคำสอนนะคะ ไม่ก็เรื่องหนักๆแบบแนวทางดำเนินชีวิตไปเลย
แต่ตามหลักการใช้ท่านก็ระบุว่ามักใช้ในการบรรยายความทั่วๆไปน่ะค่ะ

       แรมทางกลางไพรพฤกษ์      พระเฝ้าตรึกคะนึงหา   ครุ ครุ ครุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
แต่ดอกบัวงามตา            ผกาแก้วนะที่ปอง           ครุ ครุ ครุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
   ลึกเข้าในป่าใหญ่         ระเรื่อยไปลุเดือนสอง        ครุ ครุ ครุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
จึงขับเหล่านายกอง         สิกลับคืนบุรีรมย์                    ครุ ครุ ครุ ครุ ครุ      ลหุ ครุ ครุ ลหุ ครุ


(ถึงกับต้องแวะเข้าห้องน้ำก่อนมานั่งเขียนต่อกันเลยทีเดียว เป็นภาคผนวกที่กินแรงงานเยอะเหลือเกินวุ้ย)

อีทิสังฉันท์ – ฉันท์ที่มีลีลางดงามคล้ายๆข้างบนนั้นแล (กร๊ากกกกกกกกก เขาแปลงี้จริงเน้อ)
คือว่าด้วยความที่ถ้าสังเกตจะเห็นว่าฉันท์ชนิดนี้เล่นเสียงหนักเบาสลับกันทุกพยางค์ จึงเป้นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น เหมือนเน้นให้ผู้อ่านรู้สึกตามเสียทุกตัวอักษร
ดังนั้น ฉันท์ชนิดนี้จึงเหมาะจะใช้เมื่อต้องการบรรยายอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะอารมณ์รัก เศร้าโศก คร่ำครวญ โกรธ วิตกกังวล
(ซึ่ง ถือเป็นฉันท์ที่เวิ่นเว้อ เข้ากับลีลาแบบข้าพเจ้ามาก เลยถือเป็นชนิดที่ปลื้มที่สุด ฮี่ๆๆๆ)

ร่างลออสะอ้านประจักษ์ ณ ชล   ประทับ ณ กลางกุมุทและดล
ฤดีรอน
   พลันพระเผยพระองค์และยื่นพระกร   จะคว้าจะไขว่มิต่างภมร
เสาะน้ำหวาน
   นัยเนตรก็ราวจะเคลือบกะตาล   และโอษฐ์ก็เอื้อนวจีประสาน
นะสัมพันธ์
   ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ      ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ
ลหุ ครุ ครุ
   ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ      ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ
ลหุ ครุ ครุ

ลงคำอ่านสักนิดด้วยความปลื้มส่วนตัวค่ะ
ร่าง-ละ-ออ-สะ-อ้าน-ประ-จัก-นะ-ชน  ประ-ทับ-นะ-กลาง-กุ-มุด-และ-ดล  รึ-ดี-รอน  พลัน-พระ-เผย-พระ-อง-และ-ยื่น-พระ-กร  จะ-คว้า-จะ-ไขว่-มิ-ต่าง-พะ-มอน  เสาะ-น้ำ-หวาน  ใน-ยะ-เนด-ก็-ราว-จะ-เคลือบ-กะ-ตาน  และ-โอด-ก็-เอื้อน-วะ-จี-ประ-สาน-นะ-สำ-พัน (>/////<)

เย้ๆๆๆๆๆ ในที่สุดก็ครบแล้วค่ะ ถ้ามีท่านไหนอ่านแล้วยังไม่เคลียร์ตรงไหนก็ทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ


งืมๆตอบคุณบูตะจังก่อนเลย
คำถามที่บอกว่าอ่านแล้วรู้สึกว่าพระฤๅษีต้องการส่งเจ้าแมลงไปสวรรค์
ตรงนี้รึเปล่าคะ?   โยคิสดับ      รับวจนา
         จึ่งตริและว่า      นี่นะภมร
            เราจะมิตาย          วายชิพิก่อน
         เจ้าจุติพร         สมกะกุศล
........ตรงนี้พระฤๅษีบอกว่าจะส่งให้แมลงตายแล้วไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น สมกับที่ได้ทำกุศลไว้
แล้วพอแมลงตายท่านก็ชุบให้เกิดในร่างคน(โตเป็นหนุ่มทันที) แล้วก็ยังไม่ทันจะทำอะไร แค่มองระยะใกล้ตบะท่านก็แตกเลยค่ะ
ไม่ได้คิดว่าจะให้เจ้าแมลงไปสวรรค์นะคะ (เอ...หรือมีประโยคไหนทำให้เข้าใจไปอย่างนั้นคะ?)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 22-12-2010 11:39:21
 :z13: จิ้มนุ่นที่รัก บอกได้อย่างเดียวว่า  o13
แถมให้ความรู้อีก แบบนี้ไม่รักได้ไง เนอะ อิอิ
+ไปเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 22-12-2010 11:54:27


แต่งเก่งจังเลยค่ะ

สนุกดี

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 o13

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 22-12-2010 12:06:12
Ohhhh myyyyy Goooood  o22
คุณนายสิงร่างคุณครูสอนภาษาเจ้าค่ะ  :m5: (ตุ๊คุณครูก่อน)
บอกได้เลยว่า "สุดยอดมาก" ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายสรรพคุณท่านพี่ได้ดีกว่านี้แล้ว
 :a9:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล (14/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 22-12-2010 12:18:21

:z13:จิ้มคุณด้า
สุดยอดค่ะพี่นุ่น  o13
เก่งจัง ขยันด้วย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-12-2010 13:20:01
^
^
^
กรี๊ดดดดดดดดดดด แอลกะไลท์
ชอบเดธโน้ตมาก >/////<



แต่งเก่งจังเลยค่ะ
สนุกดี
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 o13
ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 22-12-2010 13:30:28
 :z2: ได้ความรู้ที่คืนคุณครูภาษาไทยไปกลับมาเยอะครับ

อยากกดบวกให้แต่กดไปเมื่อเช้าแล้วติดไว้ก่อนนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 22-12-2010 14:09:35
น้องนุ่นสุดยอด o13
+1
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-12-2010 16:17:49
คำอธิบายของคุณนุ่น
ปลุกจิตใต้สำนึกที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นโดยพลัน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 22-12-2010 18:55:54
เอิ่ม

ภาษาไทยช่างเมพจริงๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 22-12-2010 21:45:34
กระโดดจิ้มคุณนุ่น  :z13:
จะเทพไปแล้วนะตัวเอง เราคืนครูไปหมดแล้วล่ะค่ะ
คนเค้าเก่งนี่เนอะ
ภาคผนวกแบบนี้ รักตายเลย  :กอด1: :กอด1:
ปล. หา"สาลินี" ไม่เจอเหมือนกัน เจอแต่บอกเรื่องครุทั้งอันอย่างนี้
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 22-12-2010 22:35:54
สนุกจังค่ะ ชอบโครงเรื่องจังมีคำสัญญา นึกถึงอดีตได้ ทั้งการใช้คำได้ดีมากๆเลนค่ะคล้องจองกันหมด  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 26-12-2010 14:19:01
ขอบคุณค่ะ คุณนุ่น มันเป็นการเล่นสำนวนไม่รู้พูดถูกรึเปล่านะคะ คือสวรรค์ในเรื่องหมายถึงไปเกิดภพภูมิที่ดี ที่ไม่ใช่เเมลงอย่างชาตินี้ เเต่เราเข้าใจว่าสวรรค์ คือขึ้นสวรรค์จริงๆ อาย อะ หงิง หงิง หงิง ภาษาไทยไม่เเข็งเเรง ภาษาอังกฤษ ก็ไม่กระดิก 55+++ ส่วนภาคผนวก2 ชอบค่ะ มีหลายเเบบเเท้ว่าอยู่ ว่าทำไมอ่านเเล้วรู้สึกว่ามันเเตกต่าง ขออนุญาติ ปริ๊นท์เก็บเลยนะคะ ชอบอย่างเเรง

ปล. คุณนุ่นไม่ทำบล็อคเกี่ยวกับ สอนภาษาไทยมั่งเหรอค่ะ คุณนุ่น อธิบายสนุกดีนะคะ เราไม่ใช่คนชอบด้านนี้เเต่มาอ่านของคุณนุ่นก็เลยสนใจน่ะค่ะ  +1 นะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetiiez ที่ 11-01-2011 18:05:28
พี่นุ่นเยี่ยมมาก สุดยอดจริงๆค่ะ o13
นับถือสุดๆ เก่งไทยเวอร์
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 16-01-2011 19:28:58
รายงานตัวว่ากำลังเขียนตอนต่อไปของเรื่องสั้นชุดนี้อยู่ค่ะ
แต่คืนนี้คงยังไม่เสร็จแน่ๆ แหะๆ อลังการงานสร้างออกนอกประเทศไปทวีปอื่นค่ะ
รุ้สึกเหมือนไม่ได้พาไปเที่ยวนานเลยเอาซะหน่อย ^o^

..........................

แอบตอบเมนท์นิด
อย่าบอกว่าคนเขียนเก่งภาษาไทยเลยค่ะ
ไม่ได้เก่งขนาดจะไปเขียนบล๊อกอะไรแบบนั้นได้หรอกเน้อ เขียนไปได้เพราะชอบ...แค่นั้นเองจริงๆค่ะ
ลืมอะไรไปบ้างก็พึ่งพี่เกิ้ล พึ่งวิกิพีเดียเป็นหลักเลย >///////<

เพราะฉะนั้น ท่านไหนมาอ่านแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจ คนเขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ นะคะ


..............คาดว่าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนจะมาส่งตอนต่อไปนะคะ กอดทุกท่านแล้วรับกองกำลังใจมาหม่ำๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-01-2011 23:39:28
รอจ้า .............. กอด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 16-01-2011 23:55:02
^
^
^
^
^

โอบกอดทั้งพี่นัทไปถึงนุ่นเลยค่ะ รออยู่นะขอให้เสร็จไวๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน:เบื้องบรรพกาล+ภาคผนวก๑และ๒ (22/12/2010)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-01-2011 19:14:19
^
^
จิ้มๆแล้วกอดรวบ
มาส่งแบบครึ่งๆนะคะ เขียนแล้วยาวมากมาย
ยังไงก็ต้องแบ่งแปะสองโพส
เพราะงั้นเลยขอมาแปะครึ่งหนึ่งก่อน
ครึ่งหลังยังแก้โน่นแก้นี่ ไม่พอใจเสียที แต่น่าจะไม่เกินสองชั่วโมงจะมาแปะให้ค่ะ
ไปค่ะ ไปประเทศนอกกันดีกว่า ขึ้นไทม์แมชชีนแล้วเปิดประตูเลือกไปโรมาเนียกันโลด โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ
................................................................................

เรื่องเล่าจากความฝัน
: ทาสหัวใจซาตาน

‘ตึกตึก.....ตึกตึก.......ตึก ตึก ตึก ตึกตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึก’


เสียงเต้นของหัวใจ ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า.......
หึๆ เด็กน้อยเอย......คิดหรือว่า เพียงแต่วิ่งจนสุดฝีเท้า ทุ่มเททุกพลังแรงกายลงไปแล้วจะช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือนี้ได้
วิ่งเข้าเถิด......จงออกแรงให้เต็มที่ ให้พลังงานที่เหลืออยู่เพียงนิดนั้นเหือดหาย
แล้วเมื่อใดที่เธอหมดแรงเฮือกสุดท้าย.......เธอจะได้กลับสู่อ้อมอกของเรา........อีกครั้ง
................................................................................

รถเทียมม้าสีดำสนิทค่อยเคลื่อนไปตามถนนโรยกรวด ฝ่าละไอหมอกยามเช้าที่กำลังจะระเหยหายไปเพราะความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ที่เริ่มลอยขึ้นจนสูงพ้นยอดทิวสน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อและเพลาดังสอดคล้องกับเสียงกุบกับจากเกือกม้าที่กระทบพื้นเป็นจังหวะซ้ำไปซ้ำมาอย่างเอ้อระเหยราวท่วงทำนองแห่งความเกียจคร้าน

เสียงเคลื่อนไหวแผ่วเบาดังขึ้นภายในส่วนเกวียนที่รูดม่านปิดสนิทกั้นอากาศหนาวเย็น ก่อนที่ม่านด้านหน้าจะถูกแง้มเปิดพร้อมกับใบหน้ากลมป้อม พวงแก้มและปลายจมูกแดงเพราะอากาศหนาวค่อยโผล่ออกมาทักทายกับบรรยากาศยามเช้าตรู่

“ซอรีนน์ อย่าทำอย่างที่หลานกำลังคิดอยู่เชียว!”
เจ้าของใบหน้ากลมเพียงตอบโต้ด้วยการอมลมจนแก้มป่องแล้วเสือกตัวปีนป่ายออกทางช่องเปิดที่เล็กพอดีตัวกระทั่งสามารถไปนั่งหน้าแป้นอยู่เคียงข้างชายร่างใหญ่ที่ถือบังเหียนทำหน้าที่บังคับม้าทั้งสองตัว

“ท่านอาก็กังวลเกินไปนะขอรับ ม้าไม่ได้กำลังควบแท้ๆ”
เสียงตอบโต้ในลำคอแสดงความเอาแต่ใจของผู้มีศักดิ์เป็นหลานทำให้ท่านโยเนล...คหบดีหนุ่มใหญ่ต้องละมือจากบังเหียนขึ้นข้างหนึ่งเพื่อขยี้ลงกลางกระหม่อมน้อยๆของซอรีนน์อย่างหมั่นไส้

แทนที่จะไม่พอใจ เจ้าซอรีนน์น้อยกลับหัวเราะระรื่น ก่อนจะเริ่มร้องเพลงแห่งพงไพรที่เป็นมรดกเพียงสิ่งเดียวจากบิดาผู้ล่วงลับ

‘กุบกับกุบกุบกับ      เจ้าม้าขยับก่อเกิดเสียง
นกน้อยเจื้อยจำเรียง   สำเนียงเพียงดนตรีไพร
อาทิตย์โผล่เยี่ยมฟ้า   ม่านเมฆาก็แย้มใหญ่
กวางน้อยเลาะเล็มไล้   เจ้ายอดอ่อนที่หวานหวาน
หวีดหวิวหวิวหวิววี้ด   เสียงลมกรีดซอกหินดาน
สูงต่ำร่ำคำขาน      เป็นตำนานแห่งพงพี
โยเล....โยโล้เล      เราเที่ยวเตร่ไปทุกที่
โยละเลเถิดน้องพี่      ตามวิถีพเนจร....’
..................................................................................................


มิฮาอิล กราฟ์คนใหม่แห่งบราโซฟยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่หย่านมเมื่อได้พบกับ ‘ซาลิม’ ทาสเด็กชายผิวดำที่พ่อบ้านของปราสาทซื้อมาจากตลาดค้าทาสเป็นครั้งแรก

ซาลิมถูกซื้อมาพร้อมมันดิซาพี่สาวที่อายุมากกว่าสองปี แต่โตพอที่จะเลิกเล่นซนและถูกจัดให้ช่วยงานครัวในตำแหน่งผู้ช่วยแม่ครัวของปราสาท ในขณะที่ซาลิมถูกส่งไปช่วยงานหัวหน้าคนสวนและทำให้ตัวเองบาดเจ็บจากมีดดายหญ้าจนต้องถูกอุ้มเข้ามาปฐมพยาบาลในโรงนอนคนงานตั้งแต่วันแรก

“เสียงเอะอะอะไรกัน”
ท่านหญิงแห่งบราโซฟที่จูงบุตรชายวัยไม่เต็มสองขวบเดินเล่นรับแดดเช้าอุ้มมิฮาอิลตัวจ้อยตามเข้าไปในโรงนอนคนงาน แล้วถึงกับเบ้หน้าเมื่อมองเห็นเลือดซึมออกมาตามบาดแผลบริเวณน่องของเด็กชายที่นอนกัดฟันหน้าซีดอยู่

เมื่อท่านหญิงอิเรเน่วางมิฮาอิลลงกับพื้นเพื่อเข้าไปดูอาการคนงานใหม่ใกล้ๆ นายน้อยของปราสาทแทนที่จะโผเข้าหาพี่เลี้ยงที่คอยท่าก็กลับเดินเตาะแตะเข้าไปทางศีรษะของซาลิม ยื่นปลายนิ้วเล็กจ้อยสีชมพูแตะลงกับริมฝีปากหนาตามเชื้อชาติที่เป็นเพียงส่วนประกอบเดียวบนใบหน้าของทาสคนใหม่ที่เป็นสีชมพูซีด
ซาลิมเหลือบมองใบหน้าของตุ๊กตามีชีวิต แล้วทั้งๆที่ยังเจ็บแผลแทบตายแต่เจ้าอาการตกใจที่ทำให้ร้องไห้โวยวายในตอนแรกกลับเลือนหายไปหมดสิ้น ริมฝีปากที่ถูกเจ้าของขบไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นและเสียงครางจากความแสบร้อนเมื่อแผลถูกทำความสะอาดด้วยน้ำละลายเกลือค่อยๆคลี่ออกเผยรอยยิ้ม

“ซ....ซ..โซล......โซลลลล”
เสียงใสดังขึ้นตะกุกตะกักราวกับไม่แน่ใจในคราวแรก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเรียกซาลิมด้วยนามแปลกหูพร้อมกับทั้งสองมือที่พ้นจากแขนเสื้อเนื้อหนาระดมปาดซับน้ำตาให้

“คุณหนู......”

“โอ๋ๆๆๆๆ โซล.....โอ๋.....”

และจากวันนั้นซาลิมก็ได้รับหน้าที่ใหม่ หน้าที่ที่ทำให้ช่วงชีวิตวัยเด็กทุกวันมีความสุข.....เพื่อนเล่นของนายน้อยมิฮาอิล
ไม่ใช่แค่เพราะท่านหญิงอิเรเน่สงสารเจ้าเด็กที่ไม่รู้แม้แต่อายุตัวเอง แต่เพราะมิฮาอิลแสดงอาการถูกชะตาซาลิมอย่างชัดเจน แถมยังติดเจ้าทาสคนใหม่ขึ้นมากะทันหัน

“คุณหนู กระผมชื่อซาลิม ซาลิมนะขอรับ......ลองเรียกสิขอรับ ซา-ลิม”
เจ้าซาลิมแบกมิฮาอิลขึ้นหลัง ทำตัวเป็นม้าตามคำสั่งไปก็สอนให้คุณหนูวัยสองขวบออกเสียงเรียกตัวเองไป

“ซา....ลิม เด็กดี”

“ฮะๆๆๆ ขอรับ คุณหนูมิฮาอิลก็เป็นเด็กดีนะขอรับ”

มิฮาอิลน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่บนหลังม้า แล้วขย่มตัวขึ้นลงเร่งให้เจ้าม้าควบไปข้างหน้า พอซาลิมเร่งเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นตามใจก็ได้รับคำชมและเสียงหัวเราะร่วนเป็นรางวัล
“ฮะๆๆๆ ซาลิม เด็กดี......ม้าดี ฮะๆๆๆ กั้บๆๆๆๆๆ เร็วอีก กั้บๆๆๆ”

“เกาะแน่นๆนะขอรับ”
.................................................................................................


ยอดแหลมสีแดงอิฐเรียงลดหลั่นสามยอดโผล่พ้นแนวป่า ส่วนสูงสุดประดับด้วยโลหะเก่าคร่ำคร่า หากยังมีบางส่วนส่องประกายล้อแดดกระทบลานสายตา เรียกให้เจ้าของพวงแก้มสีชมพูที่ส่งเสียงร้องเพลงแห่งพงไพรอยู่เมื่อครู่ตื่นเต้นจนอดรนทนไม่ไหว หันกลับไปรูดม่านเปิดให้แดดสายส่องเข้าไปด้านในเกวียน แล้วยื่นปลายกิ่งโอ๊คสดที่มือซนหักเล่นมาเมื่อกี้เขี่ยเข้าไปที่กองผ้าซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่ามีอาลินและบิอังก้า น้องชายกับน้องสาวฝาแฝดบุตรของท่านโยเนลที่อายุน้อยกว่าซอรีนน์เพียงปีเดียวนอนขดตัวกลมอยู่ด้านใน

“ซอรีนนนนนนนนนนนน!!”

“จุ๊ๆๆ อาลิน เดี๋ยวน้องตื่น”
ท่านหญิงทาเทียน่าผู้เป็นมารดาของบุตรสามคน และยังทำหน้าที่เสมือนมารดาของหลานชายที่เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็กอย่างซอรีนน์จุ๊ปากห้ามการถกเถียงที่มีเค้าจะเริ่มขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มแรงกอดกระชับทารกน้อยในห่อผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อละเอียดให้แนบกับอก

ในขณะที่อาลินส่งเสียงโวยวายบิอังก้ากลับลุกขึ้นนั่ง เส้นผมสีอ่อนหยิกยุ่งยาวเคลียไหล่ สาวน้อยใช้หลังมือทั้งสองข้างขยี้ตาก่อนจะอ้าปากหาวอีกครั้ง หรี่ตาขึ้นมองถึงเห็นว่าพี่ชายคนเดียวในบ้านที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มจัดกำลังอ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงบุ้ยใบ้ให้มองตามปลายกิ่งโอ๊คในมือไปที่ยอดปราสาทอย่างตื่นเต้น ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างแล้วก้มลงยื้อแย่งผ้าขนสัตว์เนื้อหนาออกจากฝาแฝดที่หลังจากลุกขึ้นมาโวยวายโดยไม่ยอมลืมตาก็กลับเข้าไปคลุมโปงใหม่ออกโดยไร้เสียง

อาลินยอมย้ายศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีฟางแห้งออกจากโปงผ้าในที่สุด แล้วค่อยๆกระดืบไปจนยื่นหน้ามองออกไปทางช่องเปิดด้านหน้าเคียงข้างน้องสาว ท่านคหบดีบังคับม้าให้เร่งฝีเท้าขึ้นอีกเพื่อเร่งให้ไปถึงจุดหมายของการเดินทางที่เห็นอยู่ข้างหน้าตามคำเร่งเร้าของเด็กๆในปกครอง......บ้านใหม่ของครอบครัวที่เพิ่งประมูลมาได้ในราคาถูกเหมือนได้เปล่า....ปราสาทหลังงามริมทะเลสาบกลางโอบล้อมของขุนเขาที่ส่วนยอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี

หมอกเช้าระเหยไปหมดแล้วเมื่อรถม้าสีดำล่วงผ่านเสาหินสูงลิ่วที่ส่วนยอดสกัดเป็นรูปม้ามีปีกในตำนานปรัมปรา ความเก่าแก่ทำให้ไม่สามารถบอกถึงสีที่แท้จริงของเนื้อหินได้ เพราะผิวนอกที่ผุกร่อน และส่วนฐานที่โผล่พ้นผิวดินขึ้นไปจนเกือบเท่าความสูงของผู้ชายร่างใหญ่อย่างท่านโยเนลก็ปกคลุมไปด้วยมอส ตะไคร่ เป็นคราบเขียวคล้ำ
ฉับพลันมีลมเย็นจัดหอบใหญ่พัดสวนออกมาปะทะกับใบหน้าจนม้าทั้งสองตัวชะงักฝีเท้าแล้วโผนขาหน้าพร้อมส่งเสียงครางยาวตอบรับ

ซอรีนน์รู้สึกว่าตนได้ยินเสียงบางอย่าง ราวกับเสียงกระซิบแผ่วหวิวของสายลมเย็นยะเยือกดังอยู่ริมหู
‘........เด็กดี....ยินดีต้อนรับกลับบ้านของเรา’

เด็กชายเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาต้นเสียง แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าจะพูดภาษามนุษย์ได้ก็มีเพียงท่านอา ท่านอาหญิง และพี่น้องอีกสามคนที่เดินทางมาพร้อมๆกันเท่านั้นเอง
............................................................................................


“คุณหนู......ท่านแม่รู้เข้าจะถูกทำโทษเอานะขอรับ”

 เรือนร่างกำยำล่ำสันของทาสหนุ่มออกวิ่งตามการเคลื่อนไหวประเปรียวของนายน้อยในความดูแลที่ปีนี้อายุครบสิบปีแล้ว แต่เมื่อว่างเว้นจากเวลาเรียนที่ต้องอยู่ในห้องหนังสือกับท่านอาจารย์ และพ้นสายตาของท่านหญิงมารดา นายน้อยมิฮาอิลก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยแสนซนที่มักเอาแต่ใจกับซาลิมอยู่เสมอ

“แน่จริงก็จับให้ได้สิ ฮะๆๆๆๆๆๆ”

ซาลิมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อมองเห็นแผ่นหลังภายใต้เสื้อผ้าป่านสีขาวขุ่นกำลังจะลับไปตามพงไม้น้ำอันแสดงว่านายน้อยผู้ดื้อดึงวิ่งล่อนำมาทางทะเลสาบในป่าหลังปราสาทอีกแล้ว

“ท่านแม่ท่านพ่อสั่งห้ามไว้นะขอรับ แฮ่ก.....แฮ่ก”

ออกแรงวิ่งจนเหนื่อยหอบ หากเมื่อพ้นแนวละเมาะโปร่งที่มีไม้น้ำขึ้นรกเรื้อไม่เป็นระเบียบมาได้และเห็นผืนน้ำกว้างใหญ่นิ่งสนิทราวแผ่นกระจกอยู่ตรงหน้าแล้วเหลียวหาไปโดยรอบ ซาลิมกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของนายน้อยมิฮาอิล


ทาสหนุ่มยิ้มบางก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อพอก้มหน้าลงก็เห็นรอยเท้าที่คุ้นเคยกดลึกที่ส่วนปลาย หากรอยกดบริเวณส้นเท้ากลับบางเบาจนแทบจะไม่เห็นในบางรอยเมื่อเจ้าหนุ่มเริ่มย่องเงียบสะกดรอยตามไปอย่างใจเย็น ร่องรอยแบบนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว และเมื่อมาถึงใต้ไม้ยืนต้นที่แผ่กิ่งก้านออกเป็นร่มเงาที่ชายน้ำรอยเท้าของเด็กดื้อที่ซาลิมถือว่าอยู่ในความดูแลก็หายไปเสียเฉยๆ


“คุณหนูมิฮาอิล......ซาลิมเหนื่อยเหลือเกินแล้วขอรับ ขอข้านอนพักสักหน่อย พอหายเหนื่อยแล้วจะวิ่งตามต่อแล้วกันนะขอรับ”
จบประโยคที่ตะโกนออกไป ซาลิมก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจเสียงดังราวกับเหน็ดเหนื่อยเสียเต็มประดา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งพิงเข้าไปในร่องตรงโคนไม้ระหว่างรากใหญ่หนาที่ผุดอยู่เหนือพื้นดินราวกับธรรมชาติจงใจออกแบบให้เป็นที่วางแขนของเก้าอี้อย่างแสนสบาย ปลายเท้าของทาสหนุ่มไขว้ทับกันแล้วกระดิกเป็นจังหวะช้าๆ พร้อมกับปิดตาลงราวกับพร้อมจะหลับพักตามที่พูดไปจริงๆ


---ตุบ---

ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันที่ซาลิมจะหลับตาลงสนิทด้วยซ้ำ เสียงตุบหนักๆก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างเด็กชายผมสีบลอนด์อ่อนจัดที่แขนขาเริ่มยาวจนดูเก้งก้างแทรกตัวมานั่งคร่อมทับอยู่บนตัก แล้วระดมหมัดน้อยๆรัวเข้าใส่แผงอกหนาของเจ้าทาสผิวดำแบบไม่ยั้ง

ซาลิมก็ปล่อยให้นายน้อยปล่อยหมัดแมวเข้าใส่ไปพอเจ็บๆคันๆโดยไม่ได้ห้ามปรามจนเจ้าตัวเหนื่อยไปเอง แล้วเปลี่ยนจากหมัดเป็นโอบแขนไว้รอบคอแล้วซบหน้ากับบ่าหอบแฮ่กๆนั่นแหละ

“.......ใครอนุญาตให้พัก?”

“หึๆๆ ใครว่าพักล่ะขอรับ.......ข้าจับนายน้อยได้แล้วตะหาก”

.............................................................................



“ซอรีนน์!! ทำไมมานั่งหลับอยู่ตรงนี้?”

“ช่าย......ปล่อยให้แม่ดุพวกเราฐานทำพี่หาย ที่แท้ก็มาแอบหลับอุ่นสบายอยู่นี่เอง”

ซอรีนน์ลุกขึ้นยืนตามแรงพยุงจากท่านหญิงทาเทียน่าอาสะใภ้ ยกหลังมือขึ้นขยี้ตาแล้วมองไปรอบๆอย่างงุนงง ที่ที่เขามานอนซุกขดตัวหลับอยู่คือบ่อพักน้ำชั้นใต้ดินของปราสาทที่ต่อท่อมาจากห้องครัว ซึ่งเป็นน้ำจากการหุงต้มที่จะอุ่นอยู่เสมอ พอมองไปด้านหน้าจึงเห็นนัยน์ตาสีฟ้าใสของน้องแฝดชายหญิงจับจ้องมาอย่างล้อเลียน

“พี่ละเมอเป็นหนที่สามแล้วซอรีนน์ พวกเรารู้ทันแล้วล่ะว่าจะมาเจอพี่ได้ตรงนี้.....ไว้คราวหน้าอย่าลืมชวนเราสองคนมานอนด้วยล่ะ ข้าว่ามันต้องอุ่นแน่ๆเลย”
อาลินก้าวเข้ามาตบหลังตบไหล่แล้วยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนจนซอรีนน์นึกอยากจะกระโดดเตะสักป้าบ ติดที่ท่านอาหญิงยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“ขอโทษนะขอรับท่านอา......ข้าไม่ได้ตั้งใจจะละเมอ.......”

“จ้ะ.....อารู้ คนเราไม่มีใครตั้งใจละเมอหรอก เพียงแต่อาเป็นห่วง เจ้าแฝดนี่ก็หลับเป็นตาย ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าพี่ชายหายออกไปจากห้อง เฮ้อ......”



ท่านหญิงทาเทียน่ากลับไปตั้งโต๊ะอาหารที่ห้องครัวพร้อมกับผู้ช่วยอย่างบิอังก้าแล้ว อาลินที่เดินกอดคอกับซอรีนน์มาจนถึงห้องนอนที่ชั้นบนปีกตะวันออกของปราสาทจึงถามขึ้น
“พี่ฝันว่าอะไรน่ะซอรีนน์......ฝันว่าเล่นไล่จับอีกรึเปล่า?”

“อื้ม......แล้วพี่ก็ชนะ พี่จับคนหนีได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“แล้วใครเหรอ ที่เล่นกับพี่น่ะ”

“เด็กผู้ชายอายุประมาณพวกเราแหละ ผมของเขาเป็นสีทองยาวจนใช้ริบบิ้นรวบไว้ด้านหลังได้ แล้วก็มีดวงตาสีฟ้าเข้มเหมือนกับท้องฟ้าหน้าร้อนในวันที่ไม่มีเมฆน่ะ นึกออกหรือไม่?”

เจ้าอาลินลูกพี่ลูกน้องพยักหน้าหงึกหงักรับคำแล้วก็หมดความสนใจ เมื่อพี่ชายเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงชวนกันลงไปกินอาหารเช้าที่ห้องครัวชั้นล่าง



บ่ายวันนั้นการทำความสะอาดปราสาทที่ไล่ทำกันมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ พร้อมด้วยแรงงานลูกจ้างชายหญิงอีกสองคนก็มาถึงส่วนสุดท้ายบนหอคอยตะวันตก ห้องเก็บสมบัติเก่าของท่านเจ้าของเดิมก่อนสมัยสงครามเมื่อแปดสิบปีที่แล้ว

---โครม---

“อูยยยยยยย”
เสียงครางเบาๆของจอมซุ่มซ่ามอย่างซอรีนน์ดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเหยียบเอาชายผ้าฝุ่นเขรอะจนพลาดล้มลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นพรมสีเลือดเก่าคร่ำและมีรอยขาดเป็นรูอันน่าจะเกิดจากสัตว์เล็กๆจำพวกหนูอยู่ประปราย

กรอบรูปไม้ทาทับด้วยสีทองที่ซีดจางตามกาลเวลาถูกเจ้าตัวนั่นแหละที่พอลุกขึ้นมาได้เลยดึงขึ้นมาด้วยเพ่งมองจนดวงตาสีเขียวเข้มแทบถลนออกจากเบ้า

“มีอะไรรึเปล่าซอรีนน์?”
ท่านหญิงทาเทียน่าที่สาละวนกับการพยายามเลื่อนเตียงลูกกรงสำหรับทารกออกไปไว้ตรงพื้นที่ว่างหันมาเห็นอาการหลานชายเข้าพอดี

“เอ่อ......ท่านอา ข้าขอภาพนี้ได้หรือไม่ขอรับ?”

“ภาพใครก็ไม่รู้ อยากได้ก็เอาไปเถิดซอรีนน์ แต่ถ้าจะเอาไปไว้ในห้องเจ้าก็ควรทำความสะอาดเสียก่อน ของเก่าเก็บฝุ่นเขรอะเชียว เดี๋ยวจะพลอยไม่สบายกันไปหมด”



หากเมื่อจะเอาภาพเขียนเด็กชายวัยรุ่นที่น่าจะมีอายุไม่เกินสิบหกปีซึ่งมีโครงหน้างดงามราวภาพปั้น ผมบลอนด์ซีดจางรวบไปด้านหลังโดยมีปอยหยักศกบางส่วนระอยู่ข้างแก้มเข้าไปไว้ในห้องนอน เพื่อนร่วมห้องอย่างอาลินก็กลับต่อต้านสุดชีวิต

“ข้ารู้นะ ว่านั่นเป็นภาพเหมือนของผี......ผีตนนี้หรือไม่ใช่ที่มาชวนพี่วิ่งเล่นอยู่ทุกคืน”

“เขาไม่ใช่ผี!!”


“ไม่รู้ล่ะ ท่านแม่บอกว่าเจ้าของเก่าเป็นตระกูลขุนนาง ตายกันไปหมดตั้งแต่สมัยสงครามโน่น ถ้าไม่ใช่ผีก็แสดงว่าเป็นปีศาจมาเข้าฝันพี่น่ะสิ.....ไม่เอา ยังไงข้าก็ไม่ให้เอาภาพปีศาจเข้ามาในห้องนอนของข้าแน่”

“งั้นพี่จะไปนอนห้องอื่น ปราสาทนี้ออกกว้างมีห้องเยอะแยะ หึๆๆ ทีนี้อาลินขี้แยก็ต้องนอนคนเดียว.....ถ้าผีมาหักคอก็ไม่มีใครรู้......เฮ้อ....ดีเหมือนกัน ท่านอาก็บอกให้นอนแยกห้องกันมาตั้งนานแล้ว จะได้โตเป็นผู้ใหญ่.....”

“มะ......ไม่เอา.....ข้ายอมแล้ว แต่พี่ต้องให้ลูกตานั่นมองไปที่พี่คนเดียวนะ ห้ามตั้งให้รูปผีนั่นมองเห็นข้าเชียว ไม่งั้นข้าจะขโมยไปทิ้งเสียเลย.......ฮึ่ย...ไม่เข้าใจเลย ทำไมพี่ยอมเป็นเพื่อนกับผี ถ้าวันหนึ่งผีนั่นเกิดอยากพาพี่ไปอยู่ด้วยขึ้นมาล่ะ....”


เสียงบ่นพึมพำของลูกพี่ลูกน้องไม่ทำให้ซอรีนน์เปลี่ยนใจ แม้ใจจะเริ่มกังวลว่าถ้าผีมาเอาตัวไปอยู่ด้วยจริงๆจะทำอย่างไร แต่ความยินดีและปลื้มเปรมเมื่อได้มองที่ดวงตาสีฟ้าล้ำลึกในภาพวาดที่ราวจะเรียกร้องให้เขาตามหาอยู่ตลอดเวลาราวได้พบสหายเก่ากลับทำให้เด็กชายไม่อาจตัดใจจากภาพวาดนั้นได้เลย
..................................................................................


 

“คุณหนู!!”

ซาลิมในวัยฉกรรจ์รีบโจนลงทะเลสาบที่เย็นจนผิวหน้าเริ่มจับเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆตามนายน้อยที่แม้จะเพิ่งอายุครบสิบหกปีแต่ก็มีความสูงเกือบเท่ากันแล้ว

เมื่อครู่ท่านหญิงอิเรเน่มารดาของนายน้อยมิฮาอิลเรียกเจ้าทาสหนุ่มไปคุยเรื่องการรับสาวน้อยที่นางมองๆไว้ให้มาเป็นภรรยา ยังไม่ทันจะปฏิเสธเป็นเรื่องเป็นราวซาลิมก็เหลือบเห็นนายน้อยมายืนกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าประตูพออ้าปากจะปฏิเสธการรับสาวนางนั้นก็เห็นว่ามิฮาอิลกลับหลังหันวิ่งหนีออกไปเสียแล้ว

ซาลิมรีบขอตัวออกมาโดยไม่ทันฟังคำอนุญาตจากท่านหญิงแห่งบราโซฟ พุ่งตามร่างโปร่งที่เห็นหลังไวไวว่ามุ่งหน้าไปทางทิศที่ตั้งของทะเลสาบ จิตใจร้อนรนเพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับนายน้อยที่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของตน เนื่องด้วยนี่เพิ่งต้นฤดูหนาว สัตว์ร้ายที่ยังล่าเหยื่อเพื่อเก็บกักอาหารก่อนเข้าฤดูจำศีลในป่าละเมาะนั้นยังมีอยู่ แล้วยังผืนน้ำบางส่วนที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งอีกเล่า......นายน้อยมิฮาอิลยิ่งถนัดนักกับการเล่นแผลงๆหาอันตรายใส่ตัว

แล้วพลาดไปที่ไหน ซาลิมได้แต่ตั้งใจแน่วแน่.....คราวนี้ถ้าจับตัวได้จะต้องลงโทษเด็กดื้อให้หลาบจำเสียบ้าง!!



ร่างอ่อนปวกเปียกที่ลากขึ้นมาจากทะเลสาบเย็นเฉียบถูกเจ้าทาสหนุ่มจับพาดบ่าแล้วโหย่งตัวขึ้นลงแรงๆเพื่อกระตุ้นให้คายน้ำที่คงกลืนเข้าไปไม่ใช่น้อยออกมาให้หมด

“อึ้ก.......แค่กๆๆ”
เมื่อรู้สึกตัวหนุ่มน้อยที่ถูกแบกอยู่ก็ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบ แต่ซาลิมก็ไม่ยอมปล่อย เจ้าทาสใช้วิธีนอนลงแล้วกดทับคนที่กำลังแสดงความดื้อรั้นพาลพาโลไว้ทั้งตัว

“คุณหนู หยุดดิ้นนะขอรับ......บอกให้หยุดไงขอรับ!!”

“ไม่!! ฮือ.....ฮึก...ซาลิมจะ...ฮึก..จะทิ้งเรา...แล้ว.....ฮึก ใช่มั้ย?”
น้ำตาหยดโตๆหยาดออกมาจนคนมองตกใจ คุณหนูมิฮาอิลเลิกร้องไห้มานานมากแล้ว อย่างน้อยก็สิบปีตั้งแต่เริ่มปีนต้นไม้ได้ด้วยตัวเองนั่นแหละ แล้วนี่จู่ๆมาร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ซาลิมที่เป็นยิ่งกว่าพี่เลี้ยงเลยตกใจจนไอ้ความคิดที่จะทำโทษมันเลือนหายไปจนหมดสิ้น

“คุณหนู.....คนดี ไม่เอานะขอรับ ซาลิมไม่ไปไหน อย่าร้องไห้นะขอรับ”
ทาสหนุ่มผิวดำพลิกตัวเองลงนอนหงายแล้วเปลี่ยนให้มิฮาอิลขึ้นมานอนซบอยู่ด้านบนแทน สองมือที่ออกแรงยึดไว้ไม่ให้ดิ้นเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นปลอบประโลมโดยการลูบขึ้นลงอยู่บนแผ่นหลังเปียกชุ่มเย็นเฉียบจนเริ่มรู้สึกถึงไออุ่นทีละน้อย

“เราไม่เชื่อ....ฮือ...ซาลิมจะมีเมีย ทีนี้ก็จะรักเมีย.....ฮึก....จะรักคนอื่นนอกจากเรา.....”
เล็บคมที่เปื้อนโคลนทั้งสองมือกำขยำผ่านเนื้อผ้าบนอกเสื้อเปียกปอนของเพื่อนเล่นที่ตามใจกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก จิกผ่านลงบนเนื้อหน้าอกแกร่งแน่นของซาลิมจนเจ็บแสบไปหมด

“ไม่มีวัน.....คุณหนู....เชื่อซาลิมนะขอรับ ชีวิตนี้ซาลิมเป็นของคุณหนูมิฮาอิลคนเดียว โอ๋ๆๆไม่ร้องนะขอรับ ซาลิมรักคุณหนูของซาลิมคนเดียว”

“ฮึก.....จะ...จะไม่มีคนอื่นนะ.....”

“ขอรับ....”

“แล้ว......จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเรา ทั้งชีวิตเลยใช่มั้ย?”

“ขอรับ.....ต่อให้มีอีกกี่ชีวิต มันก็จะเป็นของคุณหนูขอรับ.....”

คำสัญญาหนักแน่นจากปากได้รับรางวัลเป็นรอยยิ้มหวานทั้งน้ำตาของหนุ่มน้อยเอาแต่ใจ หากเมื่อซาลิมใช้แขนทั้งสองยันกับพื้นเพื่อจะลุกขึ้น มิฮาอิลที่แม้จะตัวบางกว่าแต่ก็สูงทันกันกลับออกแรงยันไหล่กำยำล่ำสันของเจ้าทาสไว้ไม่ให้ลุกขึ้นได้

ทาสหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองหน้านายน้อยก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาพร้อมประกายตาเหมือนกับสมใจนักหนา ก่อนจะต้องตาค้างเมื่อมิฮาอิลเริ่มปลดเชือกหนังที่ร้อยสาบเสื้อทั้งสองให้ประกบกันออก แล้วก่อนที่จะทันห้ามปรามก็ถอดเสื้อออกแล้วเหวี่ยงไปกองอยู่บนพื้นด้านข้างเสียแล้ว

“คุณหนู ลุกก่อนแล้วค่อยถอดก็ได้นะขอรับ แล้วเราจะได้รีบเข้าไปในปราสาท ตรงนี้ลมเย็นจัด เดี๋ยวจะ.....เอ่อ..ได้ไข้...”

ริมฝีปากบางเฉียบที่เริ่มจะมีสีสันด้วยความอบอุ่นจากกายที่กอดเกี่ยวถ่ายเทให้กันฉกจูบลงที่ริมฝีปากหนาสีชมพูซีดของคนที่ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างตั้งใจ

ซาลิมรู้สึกถึงกระแสไฟวิ่งปราดสู่ร่างกายจนชาวาบไปทั้งร่าง มือที่กำลังจะยันพื้นของเจ้าทาสหนุ่มกลับวางลงราบกับพื้นดินราวไร้เรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน ปล่อยให้เจ้าชีวิต และที่รับรู้โดยไม่ต้องพูดออกไปเป็นยิ่งกว่าเจ้าหัวใจค่อยและเล็มตั้งแต่ริมฝีปาก แนวสันกราม.....ไปจนถึงกกหู และไล้เลียราวจะดื่มกินไปทั่วร่าง

“เป็นของเรา.....เป็นของเราคนเดียวนะซาลิม....”
..............................................................................


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-01-2011 19:32:30
 
 :z13:

เริ่มจะวาบหวามแล้ว 555

นิดนึงนะนุ่น จนเจ็บแสบ เจ็ บ ใบไม้หายค่ะ

รออีก 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ได้จ้าาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 17-01-2011 20:09:47
เข้ามารอครึ่งหลัง :o8:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 17-01-2011 20:11:27
มากันเร็วเนอะ จองด้วยคน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 17-01-2011 20:12:03
เย้ๆๆ เรื่องใหม่มาเเล้ว เร้าใจไปไกลเลย ขอบคุณนะคะ คุณนุ่นว่าเเต่ เรื่องนี้มี 2 คู่ใช่ไม๊คะ 1.คือ ซอรีนกับ เอ่อคุณ เจ้าของตึก 2. คือ ทาสผิวคล้ำกับ นายน้อยใช่ไม๊ เเต่ นายน้อย ร้อนเเรงเเท้ คุคุคุ มีข้อสงสัยค่ะ อันนี้  "มานอนซอบ" มันอย่างเดียวกับ ซบใช่ไม๊ค่ะ เเล้วก็ "เพื่อจะลุกขึ้นมิฮาอิลที่แม่จะตัวบางกว่า"เเม่จะ อันนี้ คุณนุ่น เล่นคำเปล่าคะ เเหะ  ๆๆ รอท่อนหลังอยู่นะคะ +1 ไปก่อน ถ้าไม่ทัน พรุ่งนี้จะมาตามนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-01-2011 20:15:03
^
^
^
กรรม คำผิด เดี๋ยวมาแก้ค่ะ

(กะแล้วเชียวต้องมีคนงงกับเนื้อเรื่อง หวังว่าอีกครึ่งมาแล้วจะไม่งง ไปแก้ไขต่อก่อนนะคะ ใกล้แล้วค่ะ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-01-2011 20:29:26
รอจ้า


กำลังสนุกเลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 17-01-2011 21:12:14
มาอ่านเรื่องสั้นค่ะ พึ่งมาใหม่นะ อ่านไปสองเรื่องและ เอ่อ...เขียนเก่งอย่างนี้ทำไมไม่เขียนเรื่องยาวไปเลยคะ  หุหุ  จะได้อ่านนานๆง่ะ(แอบโลภ)  เดี๋ยวจะมาอ่านต่อเรื่อยๆนะ เอาให้ทันให้ได้ :a2:
 :L2:

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 17-01-2011 21:20:44
ง่ะ  ครบ 2 ชั่วโมงแล้วนา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 17-01-2011 21:59:52
ง่า ค้าง

สารภาพว่าเค้าอ่านตอนก่อน มะรู้เรื่อง  :laugh:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-01-2011 22:11:26
มาอ่านต่อค่ะ
..............................
.
.


ซอรีนน์ตื่นขึ้นในตอนเช้าและพบว่าตัวเองมานอนอยู่ข้างบ่อพักน้ำตามเคย ที่น่าอายก็คือมีบางสิ่งเกรอะกรังอยู่ในกางเกงจนรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะเมื่อขยับตัว

“ผีทะลึ่งนี่!”

ลากสังขารระโหยโรยแรงขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าน้องชายลูกท่านอายังคงซุกตัวสงบนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่มีวี่แววจะรับรู้อะไรด้วยสักนิด ก่อนจะมองไปที่ผนังด้านในที่แขวนภาพของเพื่อนเล่นในฝันไว้ก็เห็นดวงตาสี้ฟ้าเข้มจัดนั้นยังมองตรงมาราวกับมีชีวิต

ซอรีนน์รู้สึกใบหน้าร้อนวาบราวกับเหตุการณ์ในฝันนั้นเกิดขึ้นจริง แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะแรงๆไล่ความรู้สึกแปลกๆออกไป ก่อนจะเข้าห้องน้ำจัดการทำความสะอาดร่างกายตัวเองตามปกติ ส่องกระจกบานใหญ่ดูก็ไม่พบร่องรอยใดๆที่ควรจะเกิดขึ้นบนร่างกายหากเรื่องในฝันที่ตนเองถูกคนในภาพทั้งดูดดุนทั้งขบกัดจนทั่วในร่มผ้าเป็นความจริงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
‘เรานี่ท่าจะบ้า....สงสัยฟังเรื่องผีปีศาจจากอาลินมากไปหน่อย....ถ้าฝันคราวหน้าต้องปฏิเสธบ้างแล้วมั้งเรา’



‘ซาลิม.....ซาลิม....’
‘หืม.....’
‘ลุกสิ.....ตามเรามาทางนี้’
‘ไม่เอาหรอก หนาวออกนะ.....อีกอย่างเราชื่อซอรีนน์ ไม่ใช่ซาลิมของท่าน’

‘เด็กดื้อ ลุกขึ้น!’
‘ไม่.....อ๊ะ!!! จะทำอะไร?!’


ซอรีนน์รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองไม่ทำตามคำสั่งของเจ้าของอีกต่อไป ทั้งๆที่ใจสั่งว่าไม่ แต่ขณะนี้เขาก็กลับมายืนอยู่ตรงบ่อพักน้ำที่เดียวกับที่เคยตื่นขึ้นมาทุกเช้าอีกแล้ว
และนั่นไง จู่ๆร่างโปร่งของเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุมากกว่าไม่เกินห้าปีที่เดินนำมาตลอดก็หายไป ทิ้งไว้แต่ช่องทางลับหลังกำแพงหินที่อยู่ข้างบ่อพักน้ำซึ่งถูกเปิดออกด้วยมือของเด็กชายที่เคลื่อนไหวไปตามอำนาจเหนือธรรมชาตินี่เอง

เมื่อซอรีนน์ลองขยับแขนขาดูก็พบว่าขณะนี้ร่างกายกลับมาเป็นของตนอีกครั้ง เด็กชายหมุนตัวจะกลับขึ้นไปนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มขนสัตว์ให้สบาย แต่ช่องทางลับที่เพิ่งได้พบซึ่งมีคบไฟส่องสว่างจนเห็นว่าคงจะลึกลงไปไม่น้อยก็ยั่วตายั่วใจที่มีธรรมชาติอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดาของเด็กวัยนี้จนห้ามตัวเองไม่ให้ก้าวล่วงเข้าไปไม่ไหว

เด็กน้อยเงยหน้ามองด้านบนของประตูหินเพื่อความแน่ใจว่าระหว่างที่ก้าวผ่านจะไม่มีการหล่นลงมาทับจนขาดใจตายอยู่ตรงนี้แน่ แล้วจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปหาแสงสว่างด้านใน และเพียงพ้นส่วนโถงและหย่อนเท้าลงวางบนบันไดขั้นแรกเท่านั้น เสียงครืดเบาๆก็ดังขึ้น

เมื่อซอรีนน์หันกลับไปดูประตูหินหนาหนักก็กำลังเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กจ้อยของเด็กชายถีบเท้ากระโจนไปทางช่องเปิดที่ยังพอจะรอดตัวผ่านเพื่อกลับไปได้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เด็กชายเอื้อมมือสั่นเทาทุบแรงๆไปบนแผ่นหิน พยายามออกแรงดันแต่แม้จะโถมแรงจนสุดตัวก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดเกิดขึ้นเลย

ความหวั่นกลัวครอบงำจิตใจจนสั่นไปทั้งร่าง ซอรีนน์รู้สึกว่าฝ่ามือตัวเองเย็นเฉียบเมื่อยกมือมาป้ายน้ำตาแห่งความกลัวที่ไหลพรากออกมาไม่ยอมหยุด เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปรอบตัวก็เจอแต่ความว่างเปล่า บันไดวนที่ทอดลึกลงต่ำกว่าระดับผิวดินลงไปเรื่อยๆไม่รู้จะพาไปถึงจุดสิ้นสุดตรงไหน แต่กระนั้นนี่ก็ดูจะเป็นทางเดียวที่เด็กชายเหลืออยู่

ซอรีนน์ตัดสินใจก้าวเดินอีกครั้งทั้งน้ำตา ค่อยๆก้าวไปทางบันไดที่มีแสงสว่างจากไต้ส่องให้เห็นทางอยู่เป็นระยะอีกครั้ง เสียงฝีเท้าของตัวเองสะท้อนก้องกับผนังหินยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว

  
‘มาเถิด.....เด็กน้อย จงมาสู่ข้าตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้.....’
น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่เคยสัมผัสด้วยจิตมาบัดนี้ซอรีนน์รู้สึกเหมือนผู้พูดจะมายืนกระซิบอยู่ข้างๆจนรับรู้แม้กระทั่งกระแสลมแผ่วๆที่กระทบใบหูจนเผลอหันหน้าไปมองหาพร้อมทั้งยกมือขึ้นแตะใบหูของตัวเอง

แต่แม้จะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่มันแปลกพิสดารแค่ไหน เด็กชายก็ยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด อาการหวาดกลัวเมื่อคิดได้ว่าตนเองอาจจะต้องตายอยู่ในอุโมงค์ลับใต้ดินเริ่มถูกความกระหายใคร่รู้ซ้อนทับ ซอรีนน์อยากรู้นักว่าบันไดเวียนนี่จะพาเขาไปโผล่ที่ไหน

เดินมายังไม่ทันเหนื่อยขั้นบันไดก็เริ่มไม่สม่ำเสมอ จนในที่สุดพื้นก็เปลี่ยนเป็นทางลาดปูหิน ผนังที่เคยเรียบกลับกลายเป็นผนังหินธรรมชาติตะปุ่มตะป่ำ มีหินงอกหินย้อยซึ่งบางจุดก็มีหยดน้ำสะท้อนจับกับแสงไฟจนทำให้ตาพร่าเมื่อเผลอตัวมองนาน
เด็กชายสังเกตว่าคบไฟที่ตามไว้ตามผนังเริ่มห่างขึ้น และในที่สุดเมื่อก้าวพ้นหลืบหินที่มีลักษณะเหมือนฉากกั้นห้องธรรมชาติ ห้องโถงกว้างขนาดใหญ่กว่าห้องนอนที่เขาใช้ร่วมกับบุตรชายของท่านอาโยเนลก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

แท่นหินความสูงระดับอกของเด็กชายตั้งโดดเด่นอยู่กลางห้อง เป็นส่วนประกอบเดียวที่ทำให้ห้องหินนี้ดูแตกต่างจากห้องนอนด้านบนเพราะริมผนังที่แสงไต้ส่องไปถึงมีทั้งโต๊ะ ตู้ หรือแม้แต่กระจกบานยาวรูปวงรีที่ฝังอย่างลงตัวอยู่ในเนื้อหินริมผนังด้านขวาของห้อง

ซอรีนน์ตัดสินใจก้าวเข้าไปหาแท่นหินลักษณะคล้ายเตียงสีดำสนิทนั้นช้าๆ เข้าไปจนใกล้จนได้ระยะเอื้อมมือถึง บนพื้นหินสีดำสนิทปรากฏรูปดาวห้าแฉกขีดเป็นรอยลึกตรงกึ่งกลาง มือขาวอมชมพูค่อยเอื้อมไปแตะไล้ตามรอยขีดรูปดาวอย่างเผลอไผล แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีฝ่ามือแข็งแกร่งหากเย็นเฉียบดุจเดียวกับเนื้อหินคว้าหมับตรงข้อมือข้างนั้น

“อื๊ออออออ!!!”
ซอรีนน์อุทานไม่เป็นภาษาเมื่อหันหน้ากลับมาแล้วได้เผชิญกับใบหน้าคุ้นเคย ใบหน้าของเพื่อนเล่นในความฝันและเป็นใบหน้าเดียวกับเด็กหนุ่มในภาพวาด หากที่ต่างออกไปคือดวงตา......ดวงตาสีแดงเข้มไม่ต่างจากสีของเลือดสด และอุณหภูมิเย็นชืดที่ข้อมือไม่ต่างจากแท่นหินที่นั่งซ้อนกันอยู่ตอนนี้สักนิด

เด็กชายสะบัดมือสุดแรงแล้ววิ่งไม่คิดชีวิตไปทางออกใกล้ที่สุดที่เหลือบตาไปเห็น เสียงหัวเราะเยียบเย็นที่ดังไล่หลังราวกับปีศาจร้ายยิ่งกระตุ้นให้การเคลื่อนไหวของซอรีนน์เร็วขึ้นอีก หากแต่ยิ่งออกห่างจากห้องโถงใหญ่นั้นแสงจากคบไฟก็เริ่มน้อยลง

‘ตึกตึก.....ตึกตึก.......ตึก ตึก ตึก ตึกตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึก’

มิฮาอิล กราฟ์คนสุดท้ายแห่งบราโซฟในรูปลักษณ์ที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อแปดสิบสามปีก่อนเลยยังคงนั่งอยู่บนแท่นหินสีดำนั้น เอียงคอน้อยๆพลางเงี่ยหูฟัง

‘เสียงเต้นของหัวใจ ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า.......
หึๆ เด็กน้อยเอย......คิดหรือว่า เพียงแต่วิ่งจนสุดฝีเท้า ทุ่มเททุกพลังแรงกายลงไปแล้วจะช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือนี้ได้
วิ่งเข้าเถิด......จงออกแรงให้เต็มที่ ให้พลังงานที่เหลืออยู่เพียงนิดนั้นเหือดหาย
แล้วเมื่อใดที่เธอหมดแรงเฮือกสุดท้าย.......เธอจะได้กลับสู่อ้อมอกของเรา........อีกครั้ง’



ในที่สุดทางที่ซอรีนน์วิ่งมาก็ไม่มีคบไฟตามไว้อีกต่อไป ซอรีนน์พยายามเพ่งมองในความมืด หากในความมืดสนิทนั้น แม้แต่จะมองเห็นฝ่ามือตัวเองยังแทบเป็นไปไม่ได้ เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยออกเดินต่อโดยคลำไปตามฝาผนัง หนทางคดเคี้ยววกวน และยังความมืดยิ่งกว่ามืด ทำให้ความหวังของค่อยเหือดลงทีละน้อย

เด็กชายไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ในทางที่คดเคี้ยวราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กระเพาะเริ่มครวญครางประท้วงว่าร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตต้องการอาหาร พร้อมๆกับที่เรี่ยวแรงที่มีอยู่หมดลงจนต้องทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าซุกตัวแนบผนังหินเย็นชืดแล้วปล่อยน้ำตาแห่งความสิ้นหวังให้รินไหล

แต่ยังไม่ทันจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาตามที่เคย ซอรีนน์ก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวและเสียงราวกับเนื้อผ้าเสียดสีเบาๆดังขึ้นใกล้ๆห่างไปไม่ถึงช่วงแขน และฝ่ามือเรียวขาวหากเย็นชืดก็ยื่นมาดึงร่างของเด็กชายเข้าไปกอดรัดจนแนบแน่นแล้วในความมืดนั้นเองที่ซอรีนน์รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่ออกแรงดันให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะมีบางสิ่งที่แม้จะเย็นชืดหากนุ่มละมุนสัมผัสเพียงแผ่วหวิวที่เปลือกตาทีละข้าง

“ซอรีนน์....เด็กดี อย่าหนีอีกเลย.....มาอยู่กับเราเถิดนะ เรารอเธอมานานเหลือเกินแล้ว”

“มิ....มิฮาอิล.....”

“เด็กดี.....จำได้แล้วสินะ”
อ้อมแขนแข็งแกร่งยกตัวเด็กชายขึ้นอุ้มเข้าเอวราวกับอุ้มเด็กที่ไร้น้ำหนักก่อนจะก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาราวลอยละล่องอยู่เหนือพื้น
“ครั้งนั้นเธอผิดสัญญา.....หลอกเรามาขังไว้ในอุโมงค์นี้ แล้วยังออกคำสั่งให้รักษาชีวิตไว้รอเธอ.....”

ซอรีนน์ซบหน้าเข้ากับซอกคอที่ขยับไปมาพร้อมๆกับจังหวะการพูดของเจ้าของร่างเย็นชืดราวแผ่นหินไร้ชีวิต พร้อมกับเปลือกตาที่หรี่ปรือลงด้วยฤทธิ์ของความเหนื่อยอ่อน การเคลื่อนไหวแผ่วเบาหากว่องไวของผู้ที่โอบอุ้มเป็นดั่งการไกวเปลกล่อมให้เข้าสู้ภวังค์แห่งความหลับกระนั้น
..........................................................................


ความโกลาหลเกิดขึ้นตั้งแต่บ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาวที่อีกเพียงสามสัปดาห์เท่านั้นมิฮาอิลก็จะมีอายุครบสิบเจ็ดปี ข่าวจากข้างในส่งมาว่ากองทัพของจักรวรรดิทางตอนใต้กำลังรุกเข้ามาจนใกล้จะถึงผืนแผ่นดินแห่งขุนเขาอันเป็นถิ่นพำนักที่เคยสงบร่มเย็นมาตลอดนี้เสียแล้ว

เด็กและผู้หญิงถูกสั่งให้ซ่อนตัวในหลุมหลบภัย หรือห้องลับตามปราสาทและบ้านเรือน ในขณะที่ชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ให้ถืออาวุธคอยต้านทานศัตรู

ความเอาแต่ใจของนายน้อยแห่งปราสาทไม่สามารถยึดยื้อซาลิมไว้กับตัวได้อีกต่อไป และเมื่อมิฮาอิลแสดงเจตจำนงจะออกไปถือโล่ถือดาบด้วยก็ไม่มีใครยินยอม
เสบียงและเครื่องใช้จำเป็นที่พอจะขนย้ายได้ในเวลาจำกัดถูกถ่ายโอนเก็บตุนในช่องทางลับใต้ปราสาทอย่างรวดเร็ว สิบเอ็ดชีวิตในห้องลับใต้ดินของปราสาทบราโซฟรอคอยสัญญาณที่นัดกันไว้อย่างกระวนกระวาย

คนอื่นอาจจะสวดมนต์ หรือเรียกร้องหาพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเวลาล่วงผ่าน หากสิ่งเดียวที่หนุ่มน้อยมิฮาอิลใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือคำสัญญาจากเจ้าทาสผิวดำที่ไม่เคยแยกจากกันเกินวัน นับตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อมิฮาอิลอายุเพียงสิบแปดเดือน
‘อยู่ที่นี่ รอซาลิมนะขอรับคุณหนู’
‘สัญญาว่าจะปลอดภัยกลับมาสิ......ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะนานแค่ไหน จะกลับมาหาเรา’
‘ขอรับ.....ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ทาสคนนี้จะกลับมาหาคุณหนูให้จงได้ คุณหนูต้องรักษาชีวิตไว้รอซาลิมนะขอรับ’

ประตูหินหนาหนักถูกเปิดขึ้นหลังเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน อาหารที่กักตุนไว้หมดไปตั้งแต่สองวันก่อนพร้อมกับความหวังที่จะได้พบคนที่ถูกทิ้งให้ทำหน้าที่ต่อสู้อยู่ข้างนอกหมดลง

เสียงร่ำไห้ของมันดิซาผู้เป็นพี่สาวของซาลิมเทียบไม่ได้กับเสียงกู่คำรามราวหัวใจกำลังแตกสลายของมิฮาอิล เมื่อเพียงออกมาจากประตูหิน ร่างไร้ชีวิตของซาลิมเป็นสิ่งแรกที่ได้เห็น
มิฮาอิลหมดความสนใจกับสิ่งอื่นอีกต่อไป หมดเรี่ยวแรงและพลังใจ นายน้อยแห่งบราโซฟไม่รับรู้แม้ร่างไร้วิญญาณของซาลิมจะถูกคนอื่นๆเคลื่อนย้ายไปกองรวมกับร่างอื่นๆแล้วจุดไฟเผาเนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

กองทัพจากไปนานแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแต่ร่องรอยของการทำลายล้าง คนที่เหลือประชุมกันแล้วตัดสินใจเดินทางซอกซอนเข้าป่าเพื่อไปสมทบกับชาวบ้านที่เมืองใกล้ๆ ความเศร้าโศกของท่านหญิงมารดาที่มีต่ออาการราวขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัวของมิฮาอิลไม่สามารถกระทบกับเนื้อใจของบุตรชายอันเป็นที่รักได้ และเมื่อทั้งหมดออกเดินทาง มิฮาอิลก็หลบหนีออกจากคณะย้อนกลับไปซ่อนตัวอยู่หลังประตูหินหนาหนัก ทางลับใต้ปราสาทอีกครั้ง
.................................................................................


ซอรีนน์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงหินสีดำที่เย็บเฉียบ เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นว่าดวงตาสีแดงจัดคู่เดิมที่บรรจุประกายแห่งความปรารถนาจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว

“มิฮาอิล.....คุณหนู”

“หึๆๆ ไม่ต้องเรียกเราว่าคุณหนูหรอก เจ้าคือซอรีนน์มิใช่หรือ?”


ความหวาดกลัวปลาสนาการไปหมดแล้ว เด็กชายยื่นมือที่สั่นน้อยๆขึ้นแตะต้องใบหน้างามเกินบุรุษนั้นเพียงแผ่วเบา ก่อนจะไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบโครงหน้าที่เย็นชืดขาวซีดนั้นช้าๆ ดวงตาสีแดงหรี่ปรือลงอย่างเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่ไร้เดียงสาและความอบอุ่นที่ใฝ่หามาแสนนาน

กลิ่นหอมของชีวิตและเสียงตุบ...ตุบ จากแอ่งชีพจรที่ข้อมือน้อยกระตุ้นให้ความกระหายอยากในบางสิ่งตื่นตัวขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ดวงตาสีแดงจัดกระตุกลืมขึ้นพร้อมกับที่มิฮาอิลเคลื่อนไหวอยากรวดเร็วจนมองไม่ทันไปยืนอยู่ในมุมมืดของซอกหินไกลออกไปในทันที เสียงขบกรามอย่างรุนแรงดังมาจากมุมนั้นจนแม้แต่ร่างน้อยที่อยู่ห่างออกมาไม่ต่ำกว่าสิบก้าวยังได้ยิน

“มิฮาอิล......” ซอรีนน์ยันตัวลุกขึ้นแล้วเริ่มก้าวเข้าไปหาร่างสูงในมุมมืด

“อย่าเพิ่ง...เข้ามา เรา....ไม่อยากทำร้ายเธอ”
เสียงห้ามตะกุกตะกักทำให้เด็กชายรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามห้ามใจตัวเองแค่ไหน หากเด็กชายไม่ยอมหยุด

“มิฮาอิล......อยากอยู่กับเราไม่ใช่หรือ....เรายินดีถ้าจะต้องถูกกิน เป็นเราเองที่ปล่อยให้ท่านรอนานขนาดนี้.....อย่าห้ามตัวเองอีกต่อไปเลยนะ”

“เธอรู้หรือว่าเรา....อึก...ในตอนนี้เป็นอะไร? มันไม่สนุกหรอกนะซอรีนน์ มันทั้งโดดเดี่ยว เงียบเหงา....การพรากชีวิตอื่นแม้จะเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กๆ....อึก...มันเจ็บปวด......”

มือเล็กที่ปลายเล็บเป็นสีชมพูอ่อนของเด็กชายยื่นออกไปกุมมือขาวซีดไร้สีเลือดที่สั่นเทาของชายหนุ่มที่ยกปิดปากปิดจมูกราวกับไม่ต้องการให้กลิ่นใดๆเล็ดลอดเข้าไปได้ ออกแรงเพียงนิดดึงมากุมไว้ก่อนจะแนบเข้ากับผิวแก้มนุ่มนิ่มของตนเอง

“แล้วไม่ต้องการจะอยู่กับเราแล้วหรือ? มิฮาอิล.....คนดี....ลืมไปแล้วหรือว่าหากมีซอรีนน์อยู่ด้วยท่านจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป หากท่านดูดกินจากสัตว์เล็กๆก็เพียงพอจะอยู่ได้ แล้วถ้าเป็นจากซอรีนน์.....ท่านจะต้องดื่มกินจนพรากชีวิตเราเชียวหรือ?”

“แต่เธอจะต้องตัดขาดจากคนอื่น ญาติของเธอ.....อึก....พี่น้องของเธอ......เราเพียงต้องการให้เธอ...อึก....มาอยู่กับเราในตอนกลางคืน เมื่อปราศจาก...อึก....สายตารู้เห็นของคนอื่น....เราไม่..ต้องการจะทำลายชีวิตของเธอเลย....ถ้าเธอกลายเป็นแบบเรา เป็นปีศาจ.....ร่างกายของเธอจะเปลี่ยนไป เธอจะหยุดการเติบโต....อึก....ไม่นาน เมื่อพี่น้องของเธอโตขึ้นตามวัย....ทุกคน...จะรู้....”

ซอรีนน์จูงข้อมือใหญ่หนาให้ก้าวตามมาถึงแท่นหินสีดำอีกครั้งแล้วดันให้ชายหนุ่มนั่งลง ก่อนจะนั่งซ้อนลงบนตักโดยหันหน้าเข้าหาแล้วกดใบหน้าที่เริ่มมีเขี้ยวแหลมคมยื่นออกมาตามระดับความกระหายอยากที่พุ่งขึ้นสูงให้ซบลงกับซอกคอ

“เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยคิดกันอีกทีเถิดนะมิฮาอิล.....สำหรับตอนนี้..กินเถิดนะ ดื่มกินจากซอรีนน์....ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน....ทั้งชีวิตและหัวใจของทาสคนนี้จะเป็นของท่านเสมอ.....อึ่ก....ซื้ดดดดดด....อืม...ดีแล้วมิฮาอิล....เด็กดี...กินซะนะ”


เสียงของเหลวข้นหนืดที่ไหลลงคออย่างต่อเนื่องหยุดชะงักลงเมื่ออดีตกราฟ์แห่งบราโซฟรับรู้ว่าร่างเล็กของเด็กชายอ่อนปวกเปียกจนทรงตัวไม่ไหว ปลายลิ้นที่ยังคงอาบชุ่มด้วยสีแดงแห่งโลหิตแลบเลียริมฝีปากตนเองก่อนจะประคองให้ร่างบนตักเอนลงนอนบนเตียงหิน

“ซอรีนน์.....หวานเหลือเกิน.....”
มิฮาอิลโน้มตัวคร่อมร่างของเด็กชายไว้ โลมลิ้นไล้เลียหยดเลือดที่ยังซึมออกมาจากรอยแผลที่เส้นเลือดตรงซอกคอของซอรีนน์ราวจะกวาดทุกหยาดหยดไม่ให้เสียเปล่า

เปลือกตาที่หลับสนิทของผู้ตกเป็นเหยื่อโดยเต็มใจค่อยหรี่ปรือขึ้น รอยยิ้มหวานละมุนแต่งแต้มทั้งริมฝีปากสีชมพูระเรื่อและดวงตาสีเขียวเข้มที่เลื่อนลอยราวหลุดไปอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

“ซอรีนน์.....ซอรีนน์ของข้า......”

แขนเรียวขาวที่วางทิ้งอยู่ข้างตัวถูกยกขึ้นโอบที่รอบคอของคนด้านบน แล้วรั้งให้ลงมาหาก่อนจะมอบจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากบางจัดที่เริ่มมีสีชมพูไม่ต่างกันเมื่อได้รับความอบอุ่นจากร่างที่ทอดกายอยู่เบื้องล่าง ผละออกประสานสายตา ก่อนที่ปลายลิ้นสีชมพูสดจะยื่นออกแตะกับริมฝีปากของแวมไพร์หนุ่มผู้กำลังจะคลั่งกับความยั่วยวนของร่างน้อยตรงหน้า

ซอรีนน์แตะปลายลิ้นเข้ากับริมฝีปากที่เผยอน้อยๆราวจะลิ้มชิมรสของขนมหวานที่วางล่อ จะกินเสียให้หมดในคำเดียวก็เสียดาย จึงต้องค่อยละเลียดชิมให้รสหวานกำซาบสู่ปลายลิ้นทีละนิด

มิฮาอิลปล่อยให้เด็กน้อยขี้เล่นทำทุกอย่างตามใจชอบ ในขณะที่ตนเองลงมือปลดอาภรณ์ที่สวมติดตัวอยู่ออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแก้เชือกที่รัดอยู่ตรงขอบกางเกงนอนของซอรีนน์ออกอย่างเบามือ แล้วล้วงมือเย็นๆเข้าไปรุกเร้าที่บางสิ่งที่เริ่มแข็งขืนขึ้นช้าๆ


เสียงครางแผ่วเครือของซอรีนน์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผสมปนเปกับเสียงคำรามในลำคอจากมิฮาอิล ยามที่ห้วงอารมณ์ไต่ระดับขึ้นจนถึงจุดสูงสุด หลักฐานแห่งบทรักที่เพิ่งจบลงถูกแวมไพร์หนุ่มไล้เลียดูดกินจนไม่มีเหลือ

เมื่อเลื่อนตัวขึ้นมาหวังจะมอบจูบให้กับเด็กดีที่ยอมตามใจทุกอย่างอีกครั้งมิฮาอิลก็พบว่าซอรีนน์หลับสนิทไปเสียแล้ว.........

แวมไพร์หนุ่มเอนตัวลงนอนหงายเคียงข้างร่างน้อยที่หลับใหลไม่ได้สติด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะดึงรั้งให้ซอรีนน์เข้ามาซบหน้าหนุนอยู่บนอก กระซิบเบาๆที่ข้างหูอีกครั้งก่อนจะปิดเปลือกตาลงเป็นครั้งแรกในรอบแปดสิบสามปี
“หลับเสียนะ....เด็กดี ต่อไปนี้ เราจะไม่พรากจากกันอีก......”

..........................................................

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/test/Orville_and_Arman_by_phoenixlu.jpg)
......................จบตอนค่ะ......................

ปล.ขอโทษที่มาสายนะคะ กอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปล.อีกที ที่จริงอยากได้ภาพที่น้องทาสเด็กน้อยกว่านี้แต่หามิได้ ขอบคุณท่านเจ้าของภาพและพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันหานะคะ จุ๊บุๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 17-01-2011 22:39:38
ชอบจังงงงงงงงงงงงงง  :man1:

ได้กลิ่นอายปราสาทโบราณจริงๆ

 :z13: จิ้มเลยคร่า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-01-2011 22:46:30
หวามหวาน กันแบบ
เสียเลือดเสียเนื้อ
กันเลยเชียว
แต่กินใจแต้ๆนะเจ้า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-01-2011 23:08:10
.. :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-01-2011 23:22:06
^
^
โอ๋ๆๆๆๆๆ ไม่ร้องนะคร้าาาาาาา
แฮปปี้เอนดิ้งออกน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ปล.จะมีคนอ่านเขวี้ยงขวดใส่หัวข้าพเจ้ามั้ยหนอ รู้สึกชื่อตอนแอบหลอกลวงผู้บริโภค ประมาณว่าฉุดกระชากลากถู ตบจูบ แต่.....ซาตานของข้าพเจ้าแปลว่าซาตานจริงๆเน้อ มิใช่คนไรงิ แถมทาสก็แปลว่าทาสจริงๆด้วยสิ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆ


ท่านไหนอ่านครบทั้งสองช่วงแล้วยังงงๆ ไม่แน่ใจในเนื้อหาทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ


ถึงคุณ Wherever it is .........ตอนที่แล้วนุ่นมีภาคผนวกไว้ให้นะคะ ภาคผนวกหนึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ถอดไว้ให้ แบบบทพากย์ไรงิ แต่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่หน้าแรกค่ะ
ตอนไหนไม่ใช่แนวก็เปิดข้ามๆไปโลด เรามีของเล่นมาให้ลองเยอะค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 17-01-2011 23:46:17
อ้างถึง
ปราสาทหลังงามริมทะเลสาบกลางโอบล้อมของขุนเขาที่ส่วนยอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี
อยากเห็นจังค่ะพี่นุ่น จะสวยขนาดไหนน้า~

สงสัยอยู่เชียวว่าทำไมต้องเป็นบ่อพักน้ำ อยู่ติดกับทางลับนี่เอง
“ผีทะลึ่งนี่!”  น้องแอบขำเล็กน้อย หึหึ

แต่พี่นุ่นอ่ะหลอกกันหนิ น้องนึกว่าจะตบจูบไรงี้ซะอีก ชื่อตอนซะส่อเชียว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 18-01-2011 01:24:47
ทาสจริงๆด้วย ไอ่เราก็คิดว่าพี่นุ่นจะแต่งตบจูบให้อ่านเสียแล้ว
ที่ไหนได้ หว๊าน หวาน
มีแวมไพร์ด้วย ชอบอ่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 18-01-2011 03:57:33
พาไปโรมาเนียก็ต้องเป็นแวมไพร์สิเน๊อะ ไปถึงต้นกำเนิดตำนานแวมไพร์กันเลยอ่ะ

อ่านแล้วอยากมีซาตาลมารับตัวเองเป็นทาส(หัวใจ)สักคนบ้างจัง

เพราะว่าแอบฝันบ่อยๆว่าตัวเองคือเบลล่า อร้ายส์......
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 18-01-2011 06:05:12
ขออ่านเรื่องสุดท้ายก่อนนะ...ชอบอ่ะ เป็นอะไรที่classic มาก
 :L1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 18-01-2011 09:34:32
ลึกลับ ตื่นเต้น เร้าใจมากมาย มือไม้สั่น :m3:
ดีนะที่มาเก็บอ่านเอาวันนี้ ถ้าเป็นเมื่อวานวิญญาณได้หลุดเข้าไปในเรื่องแน่ 555
ฉากดูดเลือด...เลือดสาดมาก :m10:
บร๊ะเจ้า!!! ข้าน้อยถึงขั้นหมดแรง..(แค่เพียงแอบดูนะนั่น :o8:)
คุณแวมไพร์ทำข้าน้อยกรี๊ดกร๊าดมากมาย

ปล.เจเจ้..เอาตอนนี้ด้วยนะ อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 18-01-2011 11:09:40
เย้ มาต่อจบเเล้วขอบคุณค่ะ คุณนุ่นเเต่ว่ามีเรื่องสงสัย (อยู่กับคุณนุ่น สงสัยตลอดอะ 55++) 3 ท่อนนี้มันเเปลกๆค่ะ "เด็กชายสังเกตว่าคบไฟที่ตามไว้ตามผนังเริ่มห่างขึ้น"/ ที่ตามไว้ตาม /" ทำให้ความหวังของค่อยเหือดลง"/ความหวังของค่อยเหือดลง/"มิฮาอิลเคลื่อนไหวอยากรวดเร็ว"/เคลื่อนไหวอยาก/ เเค่นี้อะค่ะ ไม่รู้ว่าคุณนุ่นเล่นคำรึเปล่า เเล้วก็ มิฮาอิล กราฟท์เเห่งบราโซฟ  "กราฟท์ นี่คือตำเเหน่งใช่ไม๊คะ มันเเปลว่าอะไรค่ะ เเล้วก็ทำไมมิอาอิลกลายเป็นเเวมไพร์ได้ล่ะค่ะ เเล้วสุดท้ายเข้าใจเรื่องเเล้วนะคะ มันเป็นเรื่องทับซ้อนนี่เอง คุคุคุเเต่ก็คือ ท่านเทพกับศวัตรา ใช่ไม๊ล่ะคะ คุณนุ่น คุคุคุ บวกไม่ได้เเล้วนะคะ เก็บไว้คราวหน้าเนอะ คุคุคุ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 18-01-2011 11:54:43
สนุกมากอ่ะน้องนุ่น
นึกภาพตามเป็นฉากๆเลย
ตัดสลับกันระหว่างอดีตกับปัจจุบัน (ซึ่งก็ยังไม่ห่างกันมากนิ 83 ปีเอง)

ในที่สุด มิฮาอิล ก็รักษาชีวิตไว้รอ ซาลิม ตามสัญญาสินะ
โรแมนติกปนเสียเลือดนิดหน่อย แต่ชอบนะ

เอ่อ  ว่าแต่ คุณหนูกลายเป็นแวมไพร์ได้ไงอ่ะนุ่น...
สงสัยนิดนิงนะ

+1 ให้กับภาคผนวกของเรื่องที่แล้ว
ฮาปนหื่นจริงๆ นุ่นเอ๊ย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-01-2011 14:43:51
รอตอนต่อไป

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: i1_to*pp ที่ 18-01-2011 14:56:50

นึกว่าพี่นุ่นจะเขียนแนวตบจูบซะอีก
คุณหนูรักษาสัญญากับซาลิมว่าจะรอ โรแมนติกค่ะ   :-[
พี่นุ่นสงสัยเหมือนกันค่ะว่าคุณหนูเป็นแวมไพร์ได้ไง
+1 ค่ะพี่นุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 18-01-2011 15:13:19
 :L2: สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องนี้ก็สนุกมากกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-01-2011 17:36:37
เก่งจังๆ

ชอบฉันท์ที่แต่งอ่ะ รู้สึกถึงความเหนือชั้น^^

แต่ละเรื่องโยงกันได้ดีมากเลย ถึงเป็นเรื่องสั้น แต่อ่านแล้วไม่ขัด ไม่รู้สึกเหมือนตัดจบเลย เก่งมากๆๆ
ปล.อ่านแล้วหลายเรื่องอยากให้ทำเป็นเรื่องยาวสุดๆ555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-01-2011 19:15:06
แวมไพร์กะทาสหนุ่ม หุหุ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 18-01-2011 21:50:29
สารภาพ...
อยากอ่านฉากแบบนี้มานานแล้ว...
แบบว่าดูดเลือดอะไรอย่างงี้ มันดู เอ่อ... นั่นแหละ!! สรุป

ชอบมาก!!

โอ๊ยๆ ... นอนตาย  แนวนี้มันสะใจคนอ่านจริงเน้อ...

+1 คุณนุ่นสำหรับความสะใจ และรู้ใจแบบไม่ต้องขอ !!

ปล. ตอนแรกก็คิดๆจิ้นๆแนวนี้อยู่ แอบนึกว่าตัวเองซาดิสต์คนเดียวซะแล้วล่ะ...
ชอบฟีลกัดคอดูดเลือดจังเลย~
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 18-01-2011 22:31:12
น้องนุ่นแล้วมิฮาอิลกลายเป็นแวมไพร์ได้งัยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 19-01-2011 00:00:10
ง่า ซึ้งปนเศร้า ยังดีจบ happy เนอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจน้อยสีชมพู ที่ 19-01-2011 11:04:06
เจอเรื่องนี้แล้วค่ะพี่นุ่น  เดี๋ยวขออ่านก่อนค่า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 19-01-2011 18:52:32
มาตามอ่านด้วยคร่า อ่านเรื่องนี้แล้วอืมมม เก่งอ่าาาา พี่อ่านฉันท์สารพัดที่คุณนุ่นแต่งแล้ว...โคตรได้อารมณ์เรย~!!!(โดยเฉพาะบทอัศจรรย์ กร๊ากกกกก (>///<)b ซู๊ดยอดจริงๆผู้หญิงคนนี้!!! อ้อ...สรุปแวมไพร์หนุ่มของเราคงไม่มาม่าใช่มั้ยคะ? พี่แอบหวั่นเล็กๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 19-01-2011 20:50:14
555 มาซะทีนะ รอจนลืมแล้ว
จิตที่มุ่งมั่นในการรอคอย จนได้พบเจอกันอีก อมตะมาก
ชอบแวมไพร์ อ่านแล้วนึกถึงฟอเรนท์กะเวสต์เลย อิอิ(แวมไพร์เพื่อนบ้าน)

 
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetiiez ที่ 19-01-2011 21:37:11
พี่นุ่น นู๋อยากจะกรี๊ดลั่นบ้านมากค่ะ
ชอบนิยายแนวนี้อ่ะ แวมไพร์ซาตาน โหยยยย
จินตนาการตามแล้วแบบ มิฮาอิลจะหล่อไปไหน
จะคลั่งเสียให้ได้เลย คู่นี้ไม่ว่ายังไงจะรักกันทุกชาติไปสินะ
อยากเจอแบบนี้บ้าง :-[ +1 ให้ค่ะ ชอบ!!
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-01-2011 23:23:19
ฮ่าๆ ชอบทุกตอนเลย แบบว่าต่อกันได้เนียนๆ ไม่ต้องมีอะไรมาขัด อิอิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 21-01-2011 23:44:59
เอาเพลงนี้มาฝากครับ คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรื่องนี้

http://www.youtube.com/watch?v=g4FI3APEj6s

เอาลงไม่เป็นอะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-01-2011 02:03:00
^
^
^
ขอบคุณคุณหมอตัวเปียกมากค่ะ
ถือว่าโดน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ไว้ไปเปิดหาวิธีแปะแล้วจะมาแปะนะคะ(มีคนใจดีเคยสอนแล้ว แต่คนเขียนก็ลืมไปแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้แปะนาน หงิงๆ)
หรือถ้าใครผ่านมาช่วยแปะให้จะขอบคุณมากเลยค่ะ แหะๆๆ
..........................

สำหรับคำถาม ตอนนี้ที่ถามมากันเยอะคือเรื่องที่ว่า "ทำไมนายน้อยมิฮาอิลถึงกลายเป็นแวมไพร์ไปได้?"
อืม เรื่องมันไม่ยาวมาก แต่มันก็ไม่สั้นพอจะตอบให้ชัดเจนได้ในสองประโยคค่ะ
เพราะงั้น ไว้ว่างๆข้าพเจ้าจะเขียนมาให้อ่านกันนะคะ  :กอด1:

และคำถามจากคุณบูตะจัง กราฟ์ (graf) เป็นตำแหน่งค่ะ ใช่เลย แต่นุ่นเอามาจากภาษาเยอรมัน คือแบบว่าไม่มีความรู้เรื่องภาษาโรมาเนียเลยแม้แต่นิดเดียว
ตำแหน่ง graf ของเยอรมันเทียบเท่ากับ count (ท่านเคานต์) ของอังกฤษค่ะ

เดี๋ยวไว้มาเก็บตกคำถามอีกทีนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-01-2011 10:59:52
ขอบคุณคุณหมอตัวเปียกค่ะ
มีน้องใจดีมาสอนวิธีลงให้แล้ว....เลยได้เพลงประกอบเรื่อง
ถือว่าโอเคเลยนะคะ หรือท่านไหนว่ายังไงบ้าง?

.
.
http://www.youtube-nocookie.com/v/g4FI3APEj6s?fs=1&amp;hl=en_US
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: IsamarE ที่ 22-01-2011 19:12:58
เรื่องนี้สนุก แปลก และหลากหลายมาก อืม...โรแมนติกมากด้วย
แอบงงกับตอนสุดท้ายว่า "โซล" นี่ใช่จากตอนประตูหรือเปล่าหว่า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 22-01-2011 19:21:15
เพลงนี้ตรงเนอะ MV เศร้ามากเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-01-2011 19:53:57
แวบๆมาตอบเม้นท์ค่ะ
ตอนนี้มีเด็กแถวนี้มาใช้งานคนเขียน คนเขียนเลยยังเขียนตอนต่อไปไม่ถึงไหนเลย(อ้างไปเรื่อย)

แอบสปอยล์ว่าเรื่องเล่าจากความฝันตอนต่อไป ไม่ได้ไปไหนไกลนะคะ แต่ได้นั่งไทม์แมชชีนค่ะ แหะๆ

เพลงนี้ตรงเนอะ MV เศร้ามากเลย
ใช่ค่ะ MV ทั้งเศร้าทั้งซึ้ง ชอบโน้ตแรกกับภาพน้ำหยดมากเลยนะคะ  :กอด1:

เรื่องนี้สนุก แปลก และหลากหลายมาก อืม...โรแมนติกมากด้วย
แอบงงกับตอนสุดท้ายว่า "โซล" นี่ใช่จากตอนประตูหรือเปล่าหว่า
เอร๊ยยยยยยยยยยย ดีใจที่จำได้ค่ะ ใช่แล้วค่ะ "โซล" โซเล็มแห่งตอน ประตูสีขาว นั่นเอง ^o^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 27-01-2011 20:55:20
หึหึหึหึหึหึ

หลอกล่อจนได้เรื่องเลยเเฮะ
ตกลงใครเป็นคนหลอกล่อใครกันแน่เนี่ย

ปล.อยากรู้มากว่ามิฮาอิลกลายเป็นแวมไพร์ได้ยังไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: aimaim ที่ 27-01-2011 22:08:44
อ๊าง~~~ แอบงงตั้งนาน ที่แท้มีใน 1 ตอนกลับมี 2 ชาตินี้เอง คิกๆๆ รักแท้ดีเน้อ ว่าแต่มิฮาลิมกลายเป็ฯแวมไพรืได้ไงอ่ะ อยากรู้~~!!!
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-01-2011 00:10:07
เรื่องนี้ก็เยี่ยมอีกแล้ว

สนุก ตื่นเต้น ลุ้นและเร้าใจลึกๆ

ทำให้อยากรู้เบื้องหลังของการเป็นแวมไพร์ และเบื้องหน้าต่อไปของคู่นี้ค่ะ ^^

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณนุ่นมากค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: expressyourself ที่ 31-01-2011 12:22:08

สนุกทุกตอนเลยคับ   o13

รออ่านตอนต่อไปนะคับ

หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 08-02-2011 14:19:11
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ ^ ^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-02-2011 07:13:22
ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ
ตอนต่อไปกำลังเขียน แต่คาดว่าจะใช้เวลานาน

เลยมารายงานตัวก่อนว่าคนเขียนไม่ได้หายไปไหนนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นและกำลังใจค่ะ /l\
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-02-2011 17:59:49
 :z13:

แวะมาบอกนุ่นว่า ควายแดง เอิ่ม แดงได้ใจมากเลย 555

กับรูปของนุ่นกับพี่ อืท... 2 คนล้นกล้องค่ะ กร๊าาาาาาาาาาาาาาาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: sanook ที่ 18-02-2011 22:27:49
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ
ชอบเรื่อง"เบื้องหลังประหลังประตูขาว"จัง

เขียนบทอัศจรรย์ได้สุดยอดมากเลยค่ะ โดยเฉพาะที่เป็นบทกลอน
อยากให้ทำเป็นหนังสือจัง(หาเรื่องให้คนแต่งซะงั้น=*=) ถ้าทำรับรองว่าซื้อแน่นอนค่ะ( :monkeysad:(ทำตามีความหวัง))

รอตอนต่อไปค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-02-2011 22:39:50
^
^
^
เข้ามาจิ้มบวกต้อนรับค่ะ

พร้อมแปะป้ายโฆษณา ไปตามลิงค์ ตอนนี้คนเขียนกำลังวุ่นวายกับสิ่งนี้อยู่ค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14565.msg1317285#msg1317285

(ขอขอบคุณพื้นที่โฆษณา ลองไปอ่านเรื่องดูก่อนนะคะ ถ้าชอบ ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ แค่เข้าไปส่งยิ้มให้กำลังใจก็พอ ^o^)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 19-02-2011 12:00:17
หึหึหึ  o18
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: pandaๅ123 ที่ 19-02-2011 12:11:51
หึหึหึ  o18

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/Emo/emotion38.gif) ตุ๊!! ขออัญเชิญ ออก!!  :jul3:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 20-02-2011 07:24:22
อ่านไปอ่านมาร้องอ้าวเหมือนกันเลยอ่ะ

แบบผมแอบย่องมาอ่านได้ทีละหน่อย แล้วก็เลยต้องกลับไปอ่านใหม่ แล้วก็ร้องอ๋อ...เรื่องนี้ที่แอบขโมยอ่านนี่เอง
วะฮะฮะฮะฮะ  :z2:


ขอบคุณพี่นุ่นครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-02-2011 08:03:19
แวมไพร์รูปหล่อ กีสสสส ชอบบบบบ  :o8:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-02-2011 14:08:14
^
^
^
จิ้มทะลุเด็กหญิงเบียร์เด็กชายไจฟ์ แทงตลอดร้อยพวงถึงนู๋หม่าและโลโล่

ดีแล้วที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ตอนต่อไปยังไม่ถึงไหนเลย
ว่าจะพาไปชมซากุระก็ยังไม่ถึงฤดู ว่าจะย้อนเวลาแบบอยู่มันที่พระนครนี่ก็เดี๋ยวจะดูอิงเหตุบ้านการณ์สงครามเกินไปอีก
สองจิตสองใจมากเลยค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ชอบไม่ชอบยังไง
หรือถ้าอ่านแล้วมันไม่เข้าใจ แบบว่าบรรยายไม่ชัดเจนบอกได้เน้อ
ข้าพเจ้ายอมรับตามตรงว่าเรื่องเล่าจากความฝัน
ส่วนหนึ่งเขียนเพื่อทดลองเขียนงานออกมาหลายๆแนว เอาแนวที่ไม่ถนัดบ้างไรบ้างงิ
ฮี่ๆๆๆ ว่าแล้วก็กอดแน่นๆ แล้วจุ๊บุๆด้วย ^3^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 22-02-2011 15:59:00
ชอบค่ะ

ชอบทุกตอน

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก

น้องนุ่นขาสุดยอด   o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ArCaNiNe ที่ 25-02-2011 17:44:46
อ่านแล้วสนุกมากเลยครับ หลากหลายดี
พอจะมีพล็อตเรื่องเกี่ยวกับโจรสลัดมั้ยครับ ผมว่าน่าสนใจดี
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-02-2011 19:14:29
^
^
^
พล็อตเกี่ยวกะโจรสลัดก็น่าสนค่ะ
เคยคิดๆไว้เหมือนกัน แต่ว่าภาพพี่เมะชัดมากเลย
ส่วนภาพตัวนายนี่ยังรึกไม่ออก คยเขียนเลยพับซ้อนๆไว้ก่อนน่ะค่ะ

ขอบคุณที่มาจุดประกายนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-02-2011 20:30:51
จิ้ม เฉย ๆ 555
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SenSei ที่ 26-02-2011 14:06:31
เย้ๆ

เราอ่านทันแล้ว

กว่าจะตามทัน

ลึกซึ้งในภาษาไทยหนักโขเลย (แต่คิดว่าคงไม่ได้ใช้แล้วล่ะ) เหอะๆ

เป็นกำลังใจให้

รอติดตามอยู่นะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 01-03-2011 08:25:50
ชอบทุกตอน หวานมาก ภาษาสวยมาก ยิ่งบทกลอนน่ะ ละลายยยยยย
 เอาอีกๆ อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 02-03-2011 11:20:04
 :m32: ย่องมารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 20-03-2011 20:55:53
สนุกอ่ะ ชอบๆ
มาต่ออีกน๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-03-2011 21:27:20
ก็ยังขอยืนยันอยากอ่านเรื่องของญี่ปุ่นโบราณค่ะ เอาสมัยเอโดะก็ได้นะคะ คลาสสิคดี

กอดคุณนุ่น พร้อมกดบวก :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 22-03-2011 21:01:33
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
เป็นบุญตามากที่เห็นนิยายถูกรังสรรค์ด้วยบทกวี

เนื้อเรื่องยอดเยี่ยม
อารมณ์หลากหลาย
ภาษาบรรเจิด

ขอติดตามเป็นแฟนคลับด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 16-04-2011 14:57:36
มีหลายตอนและเรื่องน่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 18-04-2011 01:39:41
โอ้วววว อ่านต่อเนื่อง ต้องมาตีความทีละเรื่อง ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-04-2011 14:21:40
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-04-2011 16:06:43
ขอโทษที่ไม่ได้มาต่อนานค่ะ
แล้วก็ยังไม่มาด้วย
แค่มารายงานตัวว่ายังไม่หนีหายไปไหน

และ มีของมาอวด ตอนนี้ข้าพเจ้า(คนเขียน) กำลังวุ่นวายกับสิ่งนี้อยู่ค่ะ

(http://i620.photobucket.com/albums/tt285/yyza/0270copy.jpg)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 18-04-2011 18:54:55
โอ้ กรี๊ดดดดดดด พี่ฟ้าขราาาาาาาาาา หงิงๆๆๆ(สติเเตก ฉับพลับ ) พีนุ่น เรื่องสั้น นานเล้วนิ ซากุระ คงไม่ได้ไปดูอะ ตอนนี้เอาเเบบ ปฏิกรณ์คุงเเล้วกันนะ 55+ คิดถึงพี่ฟ้า +ตัวป่วน
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: mo-no ที่ 24-04-2011 22:25:29
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
รวดเดียวหมดเลย หลากหลายอารมณ์ดี
สนุกมากค่ะ ภาษาก็สวย
ขอบคุณค่ะที่ทำให้มีเรื่องดีๆได้อ่าน
ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(พร้อมภาพประกอบ^^) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-04-2011 03:38:58
^
^
^
ขอบคุณมากค่ะ
ดีใจที่ชอบนะคะ

จะ...พยายามเขียนตอนต่อไปมาให้อ่านกันอีกค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-04-2011 12:51:57
เมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาค่ะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 25-04-2011 17:29:13
เขียนได้ดีจริงๆค่ะ
ทั้งการใช้ภาษา การผูกเรื่อง สุดยอดมากมาย  o13
รูปประกอบ เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก สวยจัง
แต่เรายังไม่เคยอ่านเลย เดี๋ยวต้องตามไปอ่านบ้างซะแล้ว
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 25-04-2011 22:49:47
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ชอบทุกตอน

จะว่าไงดี คืออธิบายไม่ถูกอ่ะ รู้แต่ว่าชอบ ชอบ ชอบ ชอบของโคตรชอบ

เราชอบอะไรที่มีความสุข
เพราะชีวิตจริงนี่เศร้าพอเเหล่ะ
อ่านนิยายก็เลยอยากให้มีแต่ความสุข ครองรักกันทุกชาติไปเหมือนเรื่องนี้เลย

คนเขียนสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ เขียนตอนที่มีความสุขอีกเยอะๆๆๆๆๆน้า

จะรอจ้า

+1 (ถ้าให้เยอะกว่านี้ได้จะให้เลย)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 26-04-2011 23:50:41
 :L2: อยากบอกว่าชอบทุกเรื่องทุกชาติเลยค่ะ มันต่อกันไปเลื่อยๆ
โซลนี้มาจากประตูขาว ใช่ไมค่ะ อ่านเเล้วสะกิดใจมาก อ่านง่ายทุกเรื่องค่ะเข้าใจดี เเม้จะติดขัดการถอดคำประพันนิดหน่อยๆ เเต่ชอบมากๆเลยค่ะ
มีหลายเเบบ ชอบสอนกับมั่น อยากอ่านที่นัดกันไหว :laugh: ชอบทุกเรื่องเลย

รูปภาพนี้ ตัวป่วนกับพี่ฟ้าใช้มิค่ะ

+1 ค่ะ  บวกสิบได้จะบวกให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน(ครบแล้วนะคะ) (17/01/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 27-04-2011 04:04:58
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ  แล้วก็เพิ่งอ่านแค่เรื่องสุดท้าย ทาสหัวใจซาตาน
อ่านตอนครึ่งแรกตอนแรกๆก็งงค่ะ  แต่พออ่านไปเรื่อยๆถึงได้เริ่มเข้าใจ
ดีใจที่ตอนจบไม่น่ากลัว  แต่กลับออกจะหวานแทน  กลัวจบแบบสยองๆมากเลย
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ  แล้วจะไปอ่านเรื่องก่อนๆด้วยค่ะ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: jellyfish ที่ 03-05-2011 00:11:03
โฮกกกกก อลังการงานภาษามากๆเลยค่ะ
อ่านแล้ว ซึมซับความงามของภาษาสุดๆ
ตอนอ่าน ฉันท์ที่เป็นตัวแมลง ให้อารมณ์เหมือนกำลังอ่านเรื่องมัทนะพาธาอยู่เลยคะ
แต่ที่สุด คือ ทาสหัวใจซาตาน อ๊ากกกกก แวมสุดหล่อ หลอกเด็ก หุหุหุ

ปล. แอบสงสัยเรื่องในป่าอ่ะค่ะ (ขอโทษนะค่ะที่จำชื่อเรื่องไม่ได้)
คือ แม่น้ำอะมาซอนนี้ อยู่ใกล้ อะเมซอน หรือไนล์มากกว่าอ่ะคะ ถึงได้มีการ์ มี อามันรา มาเอี่ยวด้วย

ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 24-05-2011 22:45:22
ขอบอกเลยค่ะว่าผู้เขียนเก่งกลอนมากเลย ชอบม๊ากมากค่ะ อ่านได้ตลอด แต่แปลถูกแปลผิดเข้าใจไม่เข้าใจไปบ้างตามเรื่องตามราว ชอบทุกเรื่องเลย แต่สงสัยนิ๊ดนึง คือ ระหว่างแวมไพร์กับซอรีน ใครคือ ศวัตรา คะ แอบคิดว่าคือซอรีนน์ ???
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-05-2011 00:18:21
ใช่แล้ววววววววววววว
เข้าใจถูกต้องค่ะ
ซอรีนน์คือศวัตรานั่นเอง :กอด1:

(กอดไปรู้สึกผิดไป ไม่มีตอนใหม่มาส่งสักที หงิงๆ)
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 31-05-2011 22:54:56
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
อยากบอกว่าชอบมากกกกกเลยค่า~
ภาษาสวย แต่งกลอนก็เก่ง เรื่องก็สนุกอะ
คุณanajulia เป็นหนึ่งในนักเขียนในดวงใจเลยนะเนี่ย อ๊ายยย  :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-06-2011 17:29:02
 :laugh:

ชอบบมากกกกกก

ญ่าชอบสุดๆเลยอ่ะ

อารมณ์แบบรักกันทุกชาติภพไป  อิอิ

คุณนุ่นแต่งเก่งมากครับ

แถมแต่งฉันท์เก่งมากตอนนี้เรียนยุม.4 ครูสอนให้แต่งฉันท์โครตงงเลย  555

รอเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 21-08-2011 00:23:59
ชอบทุกๆเรื่องเลย :mc4:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆมาให้อ่าน :L1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 21-08-2011 14:50:05
เข้ามาอ่านเพื่อจะเสียวคออีกรอบ. เรื่องนี้ได้บรรยากาศแถวยุโรปมาก. นึกจินตนาการถึงดินแดนโรมาเนียที่ให้กำเนิดตำนานท่านเคานท์แดรกคิวล่า. ตอนนี้ดิฉันกำลังอ่านนิยายเรื่องนี้ของท่านแบรม สโตกเกอร์นะคะ.

คุณนุ่นเขียนได้เศร้า ซึ้ง น่ารัก และโรแมนติกมากมายเลยทีเดียว.

ขอบคุณค่ะ.
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-08-2011 23:01:14
^
^
^
ตอนต่อไป

แบบว่า เดินทางผ่านมิติแห่งเวลากันนะคะคุณแป้งจี่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 09-09-2011 09:23:15
ยังรอตอนต่อไปอยู่นะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 12-09-2011 19:26:15
ข้ามเวลามารอตอนต่อไป แต่เหมือนจะข้ามเวลามายาวนานเกินไปแล้วนะครับ แงๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Devil_Angle ที่ 24-09-2011 01:27:37
ซึ้งอ่ะ ชอบมากมาย ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Dongmin ที่ 24-09-2011 05:20:13
เราข้ามเวลามาอ่านจากอดีตสินะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 04-10-2011 18:42:53
อยากอ่านตอนต่อไปจัง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-10-2011 22:51:52
^
^
^
^
อ๋าาาาาา จิ้มพรวดไปถึงรีบนปู๊นนนนนนนน

พล็อตน่ะมีแล้วค่ะ แต่เดี่ยวข้าพเจ้าขอเคลียร์ตอนแถมตอนแทรกเรื่องยาวที่เพิ่งจบไปให้เรียบร้อยก่อนนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ยังคอยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: boran ที่ 13-10-2011 12:46:21
คนแต่งเจ๋งจังค้าบ ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ ที่แต่งมานะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae_yusoo_min ที่ 14-10-2011 20:26:18
อยากอ่านต่ออ่า

น่าจะมาต่ออีกนะคะ

ชอบมาก

ประทับใจสุด ๆ เลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-10-2011 03:04:30
^
^
^
ย่องๆแอบๆมาจิ้มไข่ใหม่

มาอีกแน่ๆค่ะ แต่อาจจะช้าไปมาก ถนนเข้าบ้านงุบงิบน้ำท่วม ตอนนี้รถเข้ามิได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 15-10-2011 21:47:24
เพิ่มอ่านจบ ชอบมาก
ภาษาสวยเหลือเกิน

ปล.อยากให้รวมเล่มจัง
 :sad4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 16-10-2011 01:21:08
อ่านจนครบทุกตอนแล้ว

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    o13    o13

ภาษาสวยมากค่ะ  อ่านแล้วอินในเรื่องเลยที่เดียว 

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 31-10-2011 00:19:54
เข้ามารอค่ะ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 13-11-2011 14:47:15
ชอบมาก

ประทับใจสุด ๆ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: k_roro ที่ 20-02-2012 10:34:59
มาอ่านทีเดียวรวดเลยค่ะ

อยากบอกว่า ชอบมากกกกกกก ไม่นึกเลยว่าเรื่องสั้น(แต่มีความเกี่ยวพัน)จะสนุกได้มากขนาดนี้

ชอบทุกเรื่องเลยโดยเฉพาะเรื่องที่ออกแนววรรณคดี ความรักของทั้งคู่ดูเป็นรักปาฎิหารย์ที่เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน

ดูลึกซึ้งมากเลยค่ะ นี่ถ้ามีแบบรักต่างสายพันธ์อีกทำนองครุฑกะนาค หรือทำนองลิงกะยักษ์(ที่มีไปแล้ว)อีกก็น่าสนนะคะ

จะรอติดตามผลงานต่อไปค่ะ

ชอบมากๆๆ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 24-02-2012 01:06:36
สนุมากมากๆๆๆๆจ้า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 24-02-2012 02:19:59
ว้าว~~~สนุกจัง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-02-2012 15:25:05
อ่านจบทุกเรื่องแล้ว
คุณนุ่นจินตนาการบรรเจิดมาก ภาษาสวยอีกต่างหาก
ต้องขอขอบคุณนะคะที่รังสรรค์ผลงานดี ๆ อย่างนี้มาให้อ่าน
แต่หายไปนานจังเลย คิดถึงนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Mathew ที่ 28-02-2012 05:43:41
It is aesthetically beautiful  :impress2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: ~@Alice@~ ที่ 02-03-2012 08:36:14
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกเลยค่ะ สนุกมากกกก
โรแมนติกสุดๆ ขอให้เกิดมารักกันทุกๆชาติไป อ้ากกก ไม่ไหวแล้วววววว 555
โอ้ย บางตอนอ่านแล้วเขิน เขินแล้วเขินอีก  :-[
ยิ่งตอนบทมหัศจรรย์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ อ้ากกกกกก :pighaun:
ไม่คิดว่าจะอ่านกลอนแล้วจะเขินขนาดนี้ พี่นุ่นสามารถจริงๆค่ะ เทพมาก แต่งได้ไง!!

เพลงก็เพราะจังเลยค่ะ ตรงจริงๆ ฟังแล้วซึ้งเลยอ่ะ

ปอลิง. อยากได้แบบเทพเจ้ากรีกมั้งอ่ะ *O* ได้ม้าาาาาา ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 02-03-2012 10:22:33
โรแมนติกมากค่ะ  :o8:

ขอให้ได้รักกันทุกชาติไป  :L2:

ขอบคุณผู้เขียนด้วยนะคะ  :pig4:

(ชอบฉันท์อ่ะ เพราะดี )  o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 08-08-2012 23:22:11
คิดถึง
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 09-08-2012 09:42:41
 o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 09-08-2012 10:41:17
ขอบคุณค่ะ สนุกทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 13-08-2012 14:00:09
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 30-01-2013 15:07:36
 :-[   เขินแถบทุกตอน บท nc ที่ไนี้ นั่ง :impress2: บิดยังกะบิดผ้า

ภาษา งามมาก
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 17-03-2013 20:03:16
ยังอ่านไม่จบนะคะ แต่ขอเม้นท์เพื่อให้กำลังใจผู้เขียนก่อน
สนุกมากๆทุกตอน แต่ละตอนมีไอเดียเก๋มาก ผูกเรื่องกันไปมาเยี่ยมคะ เริดทุกตอนเลย   :L2:
แต่งกลอนเล่าเรื่องเก่งจังคะ (มีถอดความให้ด้วย น่ารักกับคนอ่านที่สุดเลย)
ประทับใจกับความรักของคู่นี้มากๆ ภาพประกอบก็ถูกใจคะ

ขอบคุณผู้เขียนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 18-03-2013 00:18:47
+1 ค่ะ o13
นี้เป็นนิยายเรื่องที่สองที่คนแต่งมีการแทรกกาพย์และกลอนเข้าไปในเนื้อเรื่อง
ตั้งแต่อ่านตอนแรกแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องสั้น รู้สึกเสียดายมากยังไม่อยากให้จบเลย ดีจริงๆที่มีเรื่องสั้นในภพอื่นมาต่อ
ชอบที่คนเเต่งเขียนกลอนมาก เพราะและสละสลวยมาก
ถึงคนอ่านจะต้องย้อนความไปเอาความรู้เรื่องภาษาไทยสมัยมัธยมมาใช้ในการอ่านก็เถอะ
ยอมรับว่าอ่านอย่างอื่นไม่ค่อยตรงวรรคตรงคำเหมือนอ่านกาพย์แต่ก็ยังดีที่เข้าใจได้ ฮ่าๆ
ชอบการผูกเรื่องของคนเขียนมากค่ะ  น่าสนใจและน่าตื่นเต้นสุดๆ
ชอบตอนที่เป็นคนป่า กับตอนทะเลทรายมาก ตรงแนวที่ชอบพอดี :-[
แอบสะดุ้งที่เห็นภาพประกอบของเพลิงรักโจรสลัดเพราะเป็นนิยายเล่มหนึ่งที่ชอบมาก
แนะนำให้หลายคนไปอ่านเพราะคานาเร่ย์น่ารักมาก(ขออภัยที่นอกเรื่องค่ะ)
อยากอ่านเรื่องแบบนี้อีกหวังว่าคนเขียนคงยังไม่หายไปไหน คิดนิยายดีๆให้อ่านได้เรื่อยๆนะค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-03-2013 00:22:02
กลับมาอ่านซ้ำ อยากอ่านอีก อยากให้คนเขียนกลับมาเขียนอีก  :m5:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-03-2013 20:46:49
สนุกทุกตอนเลยค่ะ o13
ชอบตอนยักษ์กับวานร
ดูวานรน้อยตามเล่ห์เหลี่ยมไม่ทัน :-[
ใสซื่อน่ารักมาก
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
รีบมาลงเร็วๆนะ :call:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 06-05-2013 23:32:38
ชอบแวมไพร์ที่สุดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย

แล้วรองลงมาก็ที่นายเอกหลงป่าอ่ะ  หวานที่สุด  กรี๊สสๆ

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 02-04-2015 21:55:10
ชอบมากกกกกกกก
มีหลายเรื่อง หลายแนว สุดยอดดดดด o13 o13
อ่านๆไป ก็คิดอยากให้เป็นเรื่องยาวๆๆๆๆเลยอ่ะ
แต่คิดอีกทีแบบนี้ก้ดีนะ ไม่ค้างคาดี อิอิ :hao3:
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 21-05-2015 05:56:32
 o13
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 21-05-2015 12:44:46
เป็นเรื่องที่แปลกมาก5555 แต่มันคือการรอคอยที่หวานนะค่ะ
รอคอยใครคนนึงที่จะเวียนมาพบกัน ถึงรู้ว่าสุดท้สยจะทรมาน แต่ระหว่างทางมันสุขเน้อ

แอร้ยยยยยยย ชอบทุกตอนเลยค่ะ ภาษาดีมากอ่านแล้วไม่ชวยปวดหัว
หลายเรื่องนี้อยากให้เอามาเขียนเป็นเรื่องยาวมากเลยค่ะ
มันต้องหวานหยดแน่นอน  :katai5:

ขอบคุณที่สร้างนิยายแจ่มๆนะค่า
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: nao16 ที่ 12-09-2015 17:11:41
 :katai2-1: :katai2-1: อ่านรวดเดียวจบ สนุกจริง ๆ เลยค่ะ

ภาษาสวยเว่อร์ แต่งเก่งจริง ๆ เลยค่าาา
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 29-04-2016 20:13:52
เรามาตามช้าไป....อยากให้นักเขียนกลับมาเขียนอีกค่ะ ;(
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 03-05-2016 04:21:54
สนุกมากกกก อ่านจนแทบละสายตาไม่ได้เลย
เรื่องสุดท้ายอ่านแล้วเหงาจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดี(มากๆ)ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-05-2016 11:40:44
ขอบคุณค่ะ ชอบทุกเรื่องเลย
ใช้ภาษาได้ดีมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 04-12-2016 12:15:53
สนุกทุกเรื่องครับ ............... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 13:01:17
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae_yusoo_mi ที่ 01-07-2018 16:05:38
ชอบเรื่องนี้มากมาย อ่านไว้นานมากแล้วเกิดอยากอ่านอีก  :-[ นึกว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว
นี่ไล่หาทีละหน้าเลยเพราะจำชื่อเรื่องไม่ได้ รอบนี้จะบุ๊คไว้เลย  :mew1:  :mc4:  :mc4:  :mc4:
ว่าแต่อยากให้คนเขียนกลับมาเขียนอีกจัง  :mew2:
หัวข้อ: Re: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 08-07-2018 10:54:31
  :hao6: :hao6: