จ่มก่อนเรื่อง
อันนี้เป็นเรื่องเล่าเรียกน้ำย่อยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อสองวันก่อนผมได้ไปงานบวชของเพื่อนซี้นะครับ ก็ตามประเพณีแหละครับ งานนี้มีเมาอย่างเดียว แต่มันคงไม่เป็นประเด็นให้เอามาเล่าหรอกครับถ้ามันไม่เกิดเรื่องมาเสียก่อน บอไว้นิดนะ เรื่องนี้ไม่มีเสียว มีแต่....อ้วก
เมื่อผมเดินทางมาถึงงานก็เจอเพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมจนจบมัธยมมาด้วยกัน นั่งกินเหล้ากันอยู่วงใหญ่เลย เมื่อพวกมันเห็นผมมันก็พากันเรียกให้ไปร่วมวงกับพวกมัน ผมก็ขี้เกรงใจครับ ขัดไม่ได้ก็ไปกินกับพวกมัน พวกเราก็กินกันไปเรื่อยๆ ในวงก็พูดคุยกันถามข่าวว่าไปทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง ตามประสาคนไม่เจอกันนาน อันนี้เรื่องจริงบางคนไม่เจอกันเกือบสิบปีแล้ว มาเจออีกที่ลูกมันยั่วเยี๊ยไปหมด
พอตกดึกไอ้พวกมีครอบครัวก็พากันกลับไป ก็เหลือแต่คนโฉดอย่างพวกผมอีกสี่ห้าคน แต่ผมก็คิดเอาไว้แล้วล่ะครับว่าจะค้างที่นี่เพราะว่าบ้านของผมมันอยู่ไกลมาก ดังนั้นงานนี้เต็มที่
พวกที่เหลือก็กินกันไปเรื่อยๆ จนสลบคาวงไปเลย ไอ้พวกที่หลับก็ปล่อยมันไป พวกที่ยังไหวก็กินกันต่อไป จนกระทั้งตายครบทุกคน เหตุการณ์สำคัญมันมาเกิดตอนเช้าครับเมื่อตื่นขึ้นมา
เสียงเพื่อนคนนึงที่ชื่อไอ้กรีนมันโวยวายขึ้นมาว่าใครกินของที่อยู่ในถ้วยหมด แล้วมันก็ชี้มาที่ถ้วยที่วางอยู่ข้างตัวมัน ที่ตอนนี้ว่างเปล่า
แล้วก็มีผู้กล้ายอมรับขึ้นมาครับว่ามันเป็นคนกินเข้าไปเอง มันบอกว่าตื่นขึ้นมาแล้วหิวเห็นมีข้าวต้มอยู่ในถ้วยมันก็เลยกิน มันขอโทษไม่นึกว่าเป็นของไอ้กรีน ไอ้กรีนถึงกับกลืนน้ำลายดังเอือกแต่ก็ไม่พูดอะไร
ด้วยความขี้สงสัยของผมทำให้ผมต้องลากไอ้กรีนมาถามตัวต่อตัวหลังจากส่งพ่อนาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนที่ผมถามมันก็ทำท่าจะไม่ยอมพูดอะไรแต่ก็ทนความหน้าด้านของผมไม่ได้ที่อยากรู้เต็มที่ มันเลยบอกว่าถ้าผมรู้แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ไอ้นุฟังนะ ไอ้นุก็คือผู้กล้าเมื่อเช้าไงล่ะครับ ผมก็รับปากมันอย่างดีครับ
เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ครับ หลังจากที่ทุกคนเมาได้ทีแล้ว มันก็เกิดอาการอยากคายของเก่าออกมา แต่จะคายใส่บ้านของพ่อนาคมันก็ไม่ดี มันมีมารย่ทครับ มันเลยไปอ้วกใส่ถ้วยเอาไว้ กะว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยเอาไปถิ้ง แล้วมันก็ไปนอน จนเมื่อเช้านี้แลหะมันถึงรู้ว่าอ้วกของมันไปหายไป.....แล้วคุณรู้หรือยังล่ะว่าอ้วกของไอ้กรีนมันหายไปไหน.....ทุกวันนี้ผมยังไม่อยากกินข้าวต้มอีกเลย...
มันเหมือนมีความสุขขึ้นมาเล็กๆ ความอึดอัดใจที่มีมาหลายวัน พลัดหายไปอย่างรวดเร็วดังสายหมอกยามเช้า มันหายไปพร้อมกับรอยยิ้มของชายตรงหน้า พร้อมคำถามที่แสดงความห่วงใย แม้จะเป็นการเสแสร้งแกล้งทำหรือเปล่าผมก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ผมก็ยินดีที่จะอยู่กับความสุขนี่
“น้องบีม....คิดถึงพี่กันต์หรือเปล่าครับ”
คำทักทายที่มาพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นบนใบหน้า แม้อยากจะหลบเลี่ยงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าร่างกายของผมเองก็ถูกรัดไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่งของผู้ชายตรงหน้า หัวใจที่อับเฉาเหมือนจะพองฟู่ขึ้น แต่มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าผมกับมันเจอกันในสถานที่อื่นและสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่อย่างเมื่อหลายวันก่อน ผมคิดว่าผมคงคบกับผู้ชายตรงหน้าอย่างพี่ชายน้องชายได้อย่างสนิทใจมากกว่านี่ แต่การเริ่มต้นของเรามันเหมือนมีเยื่อบางๆ มากั้นเอาไว้เสียแล้ว เมื่อผมคิดได้อย่างนั้นมือของผมจึงผลักอกของคนตรงหน้าออก
ไอ้กันต์มันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรมันเพียงแต่ทำหน้าสงสัยเท่านั้น แล้วมันก็ยิ้ม และเพราะการที่ผมได้อยู่ใกล้มันทำให้ผมเห็นว่ามันหน้าตาดีมากที่เดียวผิวหน้าที่เนียนละเอียดปราศจากริ้วรอยของสิวหรือแผลเป็นอื่นๆ จมูกและดวงดาสีดำสนิทตอบรับกับใบหน้าที่เรียวยาวรับกับปากรูปกระจับสีชมพู่ที่แสดงว่าเจ้าของปากนี่สุขภาพดียิ่ง
ผมคงมองมันนานไปหน่อยมันเลยยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับถามว่า
“น้องบีมเป็นอะไรไปครับ มองหน้าพี่อย่างนั้นมีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่า”
มือเรียวยาวข้างนั้นรีบยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองไปมาด้วยความกังวล จนทำให้ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ แต่ความสุขมันก็เหมือนกับฟองสบู่ ที่มันแตกง่ายไปหน่อย เมื่อเสียงจากด้านหลังดังขึ้น
“เมื่อไรจะไปกันสักทีว่ะไอ้กันต์ มาหวานอะไรกันอยู่ที่นี่ นี่มันห้องของกูนะแล้วนั้นนะมันก็ของกู หรือมึงติดใจว่ะกันต์”
น้ำเสียงที่แสดงความหงุดหงิด มันบ่งบอกถึงอารมณ์ของคนพูดว่ารู้สึกอย่างไง และคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของคนฟังได้อย่างดี แต่ก็คงมีแต่ผมที่ร้อนไปกับคำพูดเหล่านั้น ไอ้กันต์มันเพียงยิ้มเล็กๆ ไม่บ่งบอกถึงอารมณืไปมากกว่านี้ หรือไม่บางที่ไอ้กันต์เองมันก็คงจะเคยชินกับคำพูดของเพื่อนมันก็ได้ มันจึงไม่แสดงอะไรออกมา
“ถ้ากูบอกว่าติดใจล่ะ มึงจะยอมปล่อยบีมให้กูหรือเปล่าล่ะไอ้เฟค”
ไอ้กันต์มันตอบเพื่อนของมันไป พวกมันคงคิดว่าผมเป็นเพียงแค่ของใช้ชิ้นหนึ่งหรือไงที่ใครจะเอาไปใช้อย่างไรก็ได้ พวกมันคงลืมไปว่าผมก็เป็นคนเหมือนกับพวกมัน ผมมีหัวใจเหมือนกับคนอื่นนั้นแหละ แต่ผมคงพูดหรือทำอะไรไปมากกว่านิ่งเฉยไม่ได้
“กูปล่อยให้ก็ได้แต่ขอกูเล่นสนุกก่อนแล้วกัน ถ้ากูเบื่อเมื่อไรแล้วกูจะยกให้มึงเหมือนที่ผ่านมานะไอ้กันต์ แล้วพวกมึงก็ไปกันได้แล้ว เดี่ยวฟ้าเขาจะมาหากู ถ้าเขาเห็นพวกมึงในห้องเขาจะเข้าใจผิดได้”
นี่ซินะเหตุผลของความใจดีของมัน มันคงจะพาแฟนหรือใครมาที่ห้องล่ะซิมันถึงยอมให้ผมออกไปข้างนอกได้แม้เหตุผลในการออกไปข้างนอกของผมจะดูดีในคำพูดของมันแต่เหตุผลหลักก็คือ มันไม่ต้องการให้ผมมาเป็นตัวขัดขวางความสุขของมัน เมื่อไม่มีเหตุผลในการอยู่ในห้องแล้วไอ้กันต์มันก็เดินจูงมือของผมออกมานอกห้อง แม้ตอนแรกผมจะพยายามบิดมือหนีจากมือของมัน แต่มันก็ไม่หลุด เมื่อผมมองหน้ามัน มันก็เพียงแต่ยิ้มให้ผมแต่ไม่ยอมปล่อยมือ สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องยอมมันอีกเช่นเคย ระหว่างทางก็มีคนมองอยู่เหมือนกัน แต่ไอ้กันต์มันก็ไม่ได้สนใจ
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่คอนโดของไอ้เฟคจนมาถึงคอนโดของผม ผมกับไอ้กันต์ก็เงียบมาตลอดทาง ไอ้กันต์มันก็ขับรถของมันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้ถามทางจากผมแต่ผมก็มั่นใจว่ามันจะพาผมไปถูกทางแน่ๆ ผมเองพอขึ้นรถได้ก็นั่งเงียบมาตลอดเช่นกัน ผมมองทิวทัศน์สองข้างทางเหมือนสนใจเสียเต็มประดา แต่ความจริงผมแค่ไม่อยากมองหน้ามันเท่าไร มันเหมือนความคิดกับความรู้สึกของผมจะตีกันไปมาระหว่างรู้สึกดีกับรู้สึกเกลียดไอ้กันต์
“เมื่อยมั้ยน้องบีม”
อยู่ดีๆ ไอ้กันต์มันก็หันมาถามผมขณะที่รถติดไฟแดง แล้วคำถามของมันก็ทให้ผมงงจึงต้องหันไปมองหน้ามัน ที่ตอนนี้ก็มองมาทางผมเหมือนกันพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่เปื้อนบนใบหน้าของมันตลอดเวลา
“เมื่อย?....”
“ก็พี่เห็นเราหันหน้าไปทางนั้นตลอดพี่เลยคิดว่าคงเมื่อยคอแย่...ข้างนอกมีอะไรน่าดูเหรอครับ”
คำพูดที่ฟังเหมือนประชดประชันออกมาจากปากของมันพร้อมกับมือหนาของมันก็มาลูบที่หัวของผม มันถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบเท่าไร เมื่อผมไม่ยอมตอบมันก็ไม่เซ้าซี้อะไรผมต่อ จนเรามาถึงคอนโดของผม ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเท่าไรที่มันพาผมมาถูก ผมว่าพวกมันต้องไปสืบข้อมูลของผมมาจนหมดนั้นแหละ
เมื่อผมเดินมาถึงหน้าห้องไอ้กันต์มันก็หยิบกุญแจห้องผมส่งมาให้ ผมเข้ามาในห้องเพื่อเก็บของใช้และเสื้อผ้าที่จำเป็นจนเสร็จไอ้กันต์ก็เดินมาถือกระเป๋าให้ผมพร้อมกับถอนหายใจและแสดงสีหน้าที่กังวลออกมาให้ผมได้เห็นเป็นครั้งแรก ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีอาณมณืที่หลากหลายมากขึ้นแทนที่จะแสดงสีหน้าที่มีรอยยิ้มเท่านั้น มันเอามือของมันมาจับที่ไหล่ของผม
“อันที่จริงพี่ก็ไม่อยากทำอย่างนี้หรอกนะน้องบีม แต่มันเป็นความต้องการของไอ้เฟคที่จะเอาตัวเราไปอยู่ใกล้ๆ มัน พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำมั้ยทั้งที่ทุกครั้งคนที่มันซื้อมาด้วยเงิน มันจะเล่นสนุกด้วยไม่กี่ครั้งแล้วมันจะปล่อยไป พี่อยากช่วยเราเหมือนกันนะแต่พี่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ บีมต้องเข้าใจพี่นะครับ”
แค่เพียงคำพูดที่แสดงความห่วงใยของมันก็ทำให้ความคิดที่เคยสับสนของผมหายไปทันที ผมคงเปิดใจรับไอ้กันต์ได้ง่ายขึ้นอย่างน้อยก็ในถานะพี่ น้อง
“ครับ...ผมเข้าใจ”
“อืม...ดีแล้วงั้นตอนกลับเดี๋ยวพี่พาเราไปทานข้าวก็แล้วกัน กลับไปที่ห้องบีมคงจะเบื่อ เอางี้มั้ยพอทานข้าวเสร็จแล้วเราไปซื้อแผ่นหนังไปดูกันที่ห้องพี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่โทรบอกไอ้เฟคเอง”
ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่เพียงพยักหน้า ดูเหมือนว่าผมกับมันระยะทางที่อยู่ห่างกันแสนไกลค่อยๆ ย่นเข้ามาอีกครั้งโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามันใกล้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร การเดินทางไปทานข้าวดูเหมือนบรรยากาศจะดีกว่าตอนขามา แม้จะไม่มีใครพูดอะไรแต่ความเกร็งของผมก็ลดลง
และข้าวมื้อนั้นก็ดูเหมือนจะอร่อยขึ้นมาหลังจากที่ผมทนกินไปอย่างแกนๆ มาหลายวัน ไอ้กันต์มันพาผมมาทานข้าวที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพ มันให้เหตุผลว่าพอทานอิ่มแล้วจะได้ไปเดินเลือกหนังไปดูกัรที่ห้อง ซึ่งผมก็ไม่ขัด ซึ่งถ้าพูดตามจริงผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ทุกอย่างเหมือนจะดีจนจบรายการอยู่แล้ว ผมค้นพบว่าไอ้กันต์เองมันก็ชอบหนังแนวเดียวกับผม หรือชอบอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน จนกระทั้งตอนที่เราเดินออกมาจากร้านที่ขายแผ่นหนังผมก็เจอคนที่ผมคิดถึงอยู่ทุกวัน นั้นก็คือ”ขิง”นั้นเอง หลายคนแปลกใจว่าขิงคือใคร ขิง คือแฟนของผมเองและอย่างที่รู้คนที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะเขา แต่ผมก็อดที่จะคิดถึงเขาไม่ได้ ถ้าคุณลองรักใครสักคนดู แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่สามารถลืมเขาได้ง่ายๆ หรอก แต่ถ้าถามว่าผมโกรธเขามั้ยที่ทำกับผมอย่างนี้ ผมตอบได้ว่าโกรธ แต่มันคงน้อยกว่าความรักที่ผมมอบให้เขา
“ขิง”
ด้วยความดีใจที่ได้พบเขาอีกครั้งทำให้ผมเรียกเขาเสียงดัง จนเจ้าตัวเองก็หันมา ไอ้กันต์เองก็หันมองตามเสียงของผม ผมขยับเท้าเพื่อเข้าไปหาเขา แต่สิ่งที่ผมได้รับคือแรงดึงจากผู้ชายที่มากับผม และขิงเองก็รีบเดินหนีผมออกไป
“ปล่อยผมนะพี่กันต์ ผมจะไปหาขิง”
ไอ้กันต์ส่ายหน้าพร้อมกับบีบที่ข้อมือของผมแน่นขึ้นอีก เพราะตอนนี้ผมเริ่มดิ้นแล้ว
“น้องบีมครับหยุดดิ้นนะถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่พี่จะไม่พาไปไหนอีกแล้วนะครับ แล้วเรื่องนี้ก็จะไปถึงหูไอ้เฟคด้วย น้องบีมลองคิดให้ดีนะครับว่าถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูไอ้เฟค เรื่องมันจะจบอย่างไง แล้วดูซิแฟนน้องบีมรีบเดินหนีไปขนาดนั้นน้องบีมจะตามทันเหรอครับ เอาอย่างนี้มั้ยเดี๋ยวพอไปถึงลานจอดรถพี่จะให้น้องบีมโทรไปหาเขาดีมั้ยครับ”
ผมไม่รู้ว่านั้นเป็นคำโกหกหรือคำปลอบใจ แต่มันก็ทำให้ผมหยุดนิ่งได้ ผมยอมเดินตามไอ้กันต์ไปที่รถ ไอ้กันต์เองก็เงียบจนผิดปกติเมื่อมาถึงรถไอ้กันต์มันก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม แต่เมื่อผมโทรไปหาขิง พอเขารู้ว่าเป็นผมที่โทรไปหาเขา เขาก็บอกว่าอย่าโทรมาหาเขาอีก เขาไม่ชอบแล้วก็เลิกมาตามเขาเสียที เขารำคาญ แล้วขิงก็กดสายถิ้งไป เมื่อทุกอย่างยังไม่กระจ่างผมจึงโทรเข้าไปอีกเพื่อที่จะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง แต่เขากับไม่รับสายผม จนโทรไปถี่ขึ้นเขาจึงปิดเครื่องหนีผม
ผมยืนเบลออยู่ตรงนั้นสักพักไอ้กันต์ก็เดินมาจูงมือผมให้ขึ้นไปบนรถแล้วมันก็พาผมออกไปจากห้างแห่งนั้น ผมทำตามทุกอย่างที่มันนำผมไป ไม่ขัดขืน ไม่ดิ้นร้น ผมคงช็อคกับสิ่งที่คนที่เราเรียกว่าแฟนพูดกับเราคำว่าเลิกตามเขาเสียที เขารำคาญมันยังคงก้องอยู่ในสมองของผมไปมา
ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไง ผมรู้แต่เพียงว่าห้องที่ผมก้าวเท้าเข้ามานี่ไม่ใช่ห้องของไอ้เฟคอย่างแน่นอน แม้ว่าการตบแต่งจะหรูเหมือนกัน
“ห้องของพี่เอง ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเอามาหลอกขายอีกหรอก ถึงพี่จะเลวอย่างไงพี่ก็ไม่เอาคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนมาขายเพื่อชดใช้หนี้หรอกครับ”
ไอ้กันต์รีบตอบหลังจากที่ผมหันไปมองหน้ามัน สีหน้าตอนที่ตอบผมนั้นมันดูเครียดยิ่งกว่าเดิมเสียอีกและตอนที่มันพูดว่าไม่เอามาขายอีกหรอก สีหน้ามันยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
“อืม....”
ผมตอบรับสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ไอ้กันต์มันจูงมือให้ผมมานั่งที่โซฟาในห้องของมันแล้วมันก็เดินหายไป ผมคิดว่ามันคงจะเข้าไปในครัวของมัน และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด มันเดินกลับมาพร้อมขนมและน้ำเย็นเต็มสองมือของมัน
“ไหนน้องบีมอยากดูเรื่องไหนครับ พี่จะได้เปิดให้ดู”
มันเดินมาหาผมหลังจากที่มันวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้ว
“เรื่องไหนก็ได้ครับพี่กันต์”
ถ้าถามผมว่าผมอยากดูหนังหรือเปล่าตอนนี้ผมตอบได้คำเดียวเลยครับว่า “ไม่” ผมไม่มีจิตใจจะสนอะไรอีกแล้ว แม้แต่ตอนนี้หนังจะเริ่มฉายแล้วผมก็ยังนั่งนิ่งอยู่ จนคนข้างๆ คงอดสงสารไม่ได้ดึงให้ผมไปซบอยู่ที่อกของมันพร้อมกับเอามือลูบไปมา
“ไม่เป็นไรนะครับน้องบีม เข็มแข็งเอาไว้ พี่ไม่รู้หรอกว่าระหว่างน้องบีมกับแฟนของน้องบีมพูดคุยอะไรกัน แต่ถ้าคำพูดของแฟนน้องบีมมันทำร้ายน้องบีมขนาดนี้ พี่ว่าน้องบีมลืมมันไปเถอะครับ”
ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ปล่อยให้มันลูบหัวอยู่อย่างนั้น
การที่เรามอบความรู้สึกดีๆ ให้ใครสักคน แล้วเขาปฎิเสธความรู้สึกที่เรามอบให้ มันคงเจ็บปวดอย่างนี้ซินะ ผมไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้กับใครผมรู้เพียงแต่ว่า ตอนนี้ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะที่หัวใจ เจ็บจนรู้สึกอึดอัด มันพาลทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่ไอ้กันต์มันให้ผมทำอะไรผมก็ทำตามมันหมดทุกอย่าง
ผมอยู่ที่ห้องของมันอีกพักใหญ่เพราะว่าผมเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งผมก็นอนหลับอยู่บนโซฟาหน้าทีวีนั้นเอง บนตัวของผมมีผ้าห่มคลุมเอาไว้ นี่คงเป็นความใจดีของผู้ชายคนนี่ซินะ
“ตื่นแล้วหรือครับน้องบีม เดี๋ยวไปล้างหน้านะครับพี่จะได้ไปส่ง”
คำพูดพร้อมการกระทำ ไอ้กันต์มันเดินมาดึงให้ผมลุกขึ้นแล้วดันหลังผมให้เข้าไปในห้องน้ำ
“หรือน้องบีมอยากอาบน้ำครับ พี่ช่วยอาบให้เอามั้ย”
คำพูดและสายตาอันเจ้าเหล์ ผุดขึ้นมาเต็มหน้าของมันไปหมด มันพยายามขุดหลุมเพื่อให้ผมตกลงไป แต่คนอย่างผมคงไม่มีวันตกลงไปในหลุมของมันหรอก
“ไม่...ไม่มมมมม่...ดีกว่าครับ ผมแค่ล้างหน้าก็พอครับ”
ไอ้กันต์มันไม่ว่าอะไรเพียงแต่มันปิดประตูห้องน้ำให้ผม
ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ
จากใจต้นไผ่ ความคิดที่สับสนก่อให้เกินสิ่งที่เรียกว่ารัก