ตอนที่ 63 พวกฉันกลับมาถึงบ้านกันก็เย็นมากแล้ว คืนนั้นก็หลับเป็นตายเลย เพราะเหนื่อยมากมาย คืนนั้นฉันเลยฝันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เป็นฝันที่ฉันไม่คิดว่า มันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อยากคิดถึงมันเลย
หลังจากที่ช่วงปิดเทอมหมดไปแล้ว โรงเรียนเปิดเทอมสองพอดี ผลสอบออกมาก็ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่เสียแรงที่อ่านหนังสือมาอย่างดี แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ดูแปลก ๆ ไปนะ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองรึปล่าว ฉันว่า อาร์ทดูซึม ๆ ผิดปกติ ฉันหาเวลาว่าง ๆ ที่จะถามเขา
“อาร์ท” ฉันเรียกเขา ในช่วงเวลาพักเที่ยงหลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อยแล้ว
“หืม” อาร์ทดูฝืน ๆ ยิ้มยังไม่รู้ เล่นเอาฉันใจไม่ดีเลย
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึปล่าว” ฉันต้องถามเขา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้างล่ะนะ
“ปล่าวนี่ ทำไมจืดถึงคิดว่าเรามีเรื่องไม่สบายใจล่ะ” ฉันก็สะอึกเลย
“แน่ใจเหรอ หน้าอาร์ทมันฟ้องนะ” ฉันยังไม่ยอมแพ้
“งั้นเหรอ” ฉันรู้ว่าอาร์ทแกล้งยิ้ม มันต้องมีอะไรแน่ ๆ
“อืม ถ้าไม่อยากบอกเรา ก็ไม่เป็นไร” ฉันไม่ควรเซ้าซี้ให้มาก รอเขาบอกมาเองจะดีกว่า
“จืด อาทิตย์ไปเที่ยวงานวัดกันมั้ย” อยู่ ๆ อาร์ทก็พูดขึ้นมา
“เอ๋ งานวัด มีด้วยเหรอ ที่ไหนกันเหรอ” ฉันงง ๆ
“อื้ม มีสิ ไปนะ จดที่วัดในเมืองนี่แหละ ใหญ่มากเลยนะ” ฉันก็ตื่นเต้นสิ น่าเที่ยวจะตายไป
“ไปสิ ๆ อาทิตย์ใช่มั้ย ไปแน่นอน” ฉันนั่งฝันหวานเลย ว่าจะต้องขึ้นชิงช้าสวรรค์ให้ได้ (ฝันเด็ก ๆ อีกแล้วน่ะสิ)
“แล้วเจอกันนะ จืด...” อาร์ทเรียกฉัน โดยที่เขายังก้มหน้าก้มตาอยู่
“อะไรเหรอ” ฉันพยายามมองหน้า ทำไมมันดูเศร้าจังเลยนะ ไม่ชอบแบบนี้เลย
“ป่ะ ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นเรียนกันเถอะนะ” ฉันก็เออออไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้เลยว่ามันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
อีกอาทิตย์ต่อมา อาร์ทกับฉันก็ไปเที่ยวกันแค่สองคน เพราะอาร์ทขอเอาไว้ ว่าอยากไปเที่ยวกับฉันแค่นั้น เขาขี่รถมารับที่บ้านตอนประมาณ 6 โมงเย็น จากนั้นเราสองคนก็ขี่รถเข้าไปในเมืองกัน งานใหญ่อยู่เหมือนกัน มีการออกร้านมากมาย ยาวเหยียดเลยล่ะ มีตักไข่ปลา ยิงปืน สาวน้อยตกน้ำ ปาลูกโป่ง โอ เยอะแยะเลย และที่สำคัญก็ชิงช้าสวรรค์ (ต้องนั่งให้ได้)
อาร์ทชวนฉันไปเล่นตามร้านต่าง ๆ ฉันสนุกมากเลยล่ะ เราเดินซื้อของกัน และแล้วฉันก็ไปเจอกับเพื่อนสาวจนได้ นังเป้ยนั่นเอง มากะตาเบสอีกแล้วแถมยังมีสาวน้อยหน้าใสเดินตามมันมาด้วยล่ะ ใช่ย่อยเลยนะแก (มี ๆ ไปซะก็ดีแล้วล่ะ)
“อ้าว มาเที่ยวกันแค่สองคนเหรอ” นังเป้ยเป็นคนทักทายมาก่อน
“อืม แล้วพวกเธอล่ะ เที่ยวสนุกมั้ยล่ะ” ฉันเลยถามกลับไปบ้าง สายตาก็มองเลยไปทางตาเบส มันก็ยังกล้าสบตาอีกนะ
“สนุกสิ ผู้ชายนะ จีบฉันเยอะแยะเลยล่ะ” มันพูดจาดูกระแดะน่าดู
“หรอ แล้วได้ป่ะล่ะ” ฉันเลยกัดนิดนึง
“ได้สิจ้ะ แต่เราไม่ชอบน้ะ ก็เลยไม่เอา” อื้ม สวยเลือกได้จริง ๆ หมั่นไส้จริง ๆ
“เอ่อ ฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ ยังเดินไม่ทั่วเลย ป่ะอาร์ท” ฉันเดินนำหน้าไปก่อน ปล่อยให้อาร์ทเดินตามมาเอง ฉันเบื่อพวกนั้นเต็มทีละ ไม่อยากเสวนาด้วยเท่าไหร่หรอก ขัดเวลาคนกำลังมีความสุขกันอยู่ได้
“จืด ๆ ไปนั่งชิงช้าฯกันนะ” ว้าว นั่นแหละที่จืดต้องการเลยล่ะ
“ไปสิ ๆ อยากขึ้นอยู่พอดีเลย” แล้วเราสองคนก็เดินไปซื้อตั๋ว อาร์ทออกให้หมดทุกอย่าง ฉันล่ะนั่งฟรีอีกแล้ว อิอิ
พอขึ้นไปนั่งกันบนนั้นแล้ว ฉันนั่งมองหน้าอาร์ทแล้วอมยิ้มให้ อาร์ทก็ยิ้มให้เหมือนกัน แต่ทำไมมันดูฝืนนักล่ะเนี่ย ฉันเห็นตั้งแต่ตอนมารับแล้วนะ หน้าอมทุกข์เนี่ย มันขัด ๆ ยังไงไม่รู้นะ
“อาร์ท ยิ้มแบบนั้น เราว่ามันดูฝืน ๆ ยังไงอยู่นะ” เหมือนจะจี้ใจอาร์ทยังไง ไม่รู้
“จืด.... เรา.... เอ่อ....” ฉันนั่งมองหน้าที่กำลังสับสนไปมาของอาร์ทอยู่
“อะไร....เหรอ จะบอกอะไรเราเหรอ” ฉันเริ่มใจไม่ได้เสียแล้ว อาร์ทมาแนวไหนเนี่ย
“จืด คือว่า เรา.... เราต้องไป....” อาร์ทพูดตะกุกตะกัก จนฉันชักจะรำคาญแล้วสิ
“ไปไหน บอกมาเร็ว ๆ สิอาร์ท จะไปไหนยังงั้นเหรอ”
“เราต้องย้ายโรงเรียนแล้วจืด” เหมือนมีอะไรมากรีดอกของฉันในตอนนั้น มันบอกไม่ถูกเลย
“อะไรนะ ย้าย โรงเรียน เหรอ พูดจริงเหรอ” ฉันพยายามฝืนพูดออกไป ตอนนั้นยังไม่ตกใจมากมายนัก อาจจะย้ายไปใกล้ ๆ นี่ก็ได้มั้ง ทั้งที่ใจตัวเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่
“ใช่ เราต้องย้ายตามพ่อแม่ไป” อาร์ทดูเหมือนไม่อยากพูดอะไรอีก
“ไป ที่ไหนเหรอ” ฉันเองก็ไม่อยากถามเลย กลัว กลัวว่ามันจะไกลเกินไป
“เชียงใหม่” เท่านั้นเอง น้ำตาฉันที่คลอเบ้าอยู่แล้ว ก็ร่วงพรูออกมาไม่ขาดสาย ฉันไม่ได้สะอึกสะอื้น แต่ปล่อยให้มันไหลออกมาอย่างนั้นเอง
“ไปเมื่อไหร่” เสียงมันเบลอไปหมด ในหัวมันไม่อยากจะรับรู้อะไรเลย
“อาทิตย์หน้าแล้ว จืด เรา เราไม่อยากไปเลยนะ เรา.....” อาร์ทพูด พูดอะไรออกมาตอนนั้นฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย ฉันรู้แต่ว่า ฉันเจ็บ เจ็บที่อกตัวเองมาก ๆ ไม่ไหวเลย เหมือนมันจะหายใจไม่ออกเลยล่ะ แย่ที่สุด ทำไมฉันถึงไม่เข้มแข็งเอาเสียเลยนะ แต่ที่เจ็บที่สุดก็ตอนที่อาร์ทบอกว่า
“จืด ถ้าเราไปแล้ว จืดจะคบกับใครใหม่ก็ได้นะ ไม่ต้องรอเราก็ได้” เท่านั้นเองฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว ฉันเอาแต่ร้องไห้ ร้อง แล้วก็ร้อง จนคนเขามองกันเต็มไปหมดแล้ว
พอชิงช้าหยุดหมุน มาจนถึงที่นั่งของเราแล้ว ฉันก็เดินออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ฉันวิ่ง วิ่งออกมาจากที่ตรงนั้น ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน ฉันมองไม่เห็นทางเพราะน้ำตามันไหลท่วมตาไปหมดแล้ว ได้ยินเสียงอาร์ทเรียกตามมาทางด้านหลัง แต่ก็ห่างออกไปแล้ว
ฉันวิ่งมาหยุดในมุมมืดที่หนึ่ง ไม่มีคนเดินผ่านไปมานัก ฉันนั่งลงเอาหลังพิงต้นไม้ แล้วก็นั่งร้องไห้อีก นี่ฉันทำเวรกรรมอะไรมางั้นเหรอ ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็คิด ๆ เอาไว้ก่อนแล้วแท้ ๆ แต่พอมาเจอแบบนี้ มันก็ทำใจให้รับไม่ไหวเหมือนกัน
แต่ที่เห็นจะทำให้ฉันเจ็บมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นที่อาร์ทบอกว่า ให้ฉันไม่ต้องรอเค้า ทำไมล่ะ ทำไม่ถามฉันล่ะ ว่าฉันจะรอได้มั้ย ฉันจะรักเดียวใจเดียวไม่ได้เลยงั้นเหรอ ไม่ใช่เพราะเขาจะไปเจอใครที่ดีกว่า แล้วก็ลืมฉันไปงั้นหรือ คงเป็นยังงั้นล่ะสินะ ฉันนี่มันบ้าจริง ๆ เลย
***************************************************