ป้าฝากมาลง อิอิ
---------------------------------------ตอนที่ 15 ผมยืนกอดอกจ้องเขานิ่งๆ ส่งสายตาไปบอกให้เขารู้ว่านั่นมันไม่ตลกเลยที่เขาทำมันอยู่
“ไม่เอาน่าที่รัก คุณเรียกผมมาเราก็น่าจะคุยกันนะไม่ใช่ยืนจ้องกันแบบนี้” เขาหยิบบุหรี่ในกล่องขึ้นมาจุดสูบ
“เรากำลังจะไปได้สวย แต่คุณกำลังจะทำมันพัง” เขาหันมามองผมอย่างแปลกใจ
“คุณหมายความว่าไงครับ” เขากลับมาเป็นโอลิเวอร์แบบเรียบๆอย่างที่ผมเคยตกหลุมรัก ไม่ใช่โอลิเวอร์แบบไอ้งั่ง
“ผมคุยกับแบรต เขาดูอ่อนลงเล็กน้อย” ผมยักไหล่เล็กน้อยแล้วก้มมองรองเท้าตัวเอง ให้ตายสินี่ผมใส่รองเท้าผ้าใบเข้าร้านมิลลิงตันเหรอเนี่ย
“โอ้ยตายแล้วที่รัก ผมควรทำไงดี” เขาจับไหล่ผมทั้งสองข้างและยืนจ้องตาผม ผมเผลอยกมือขึ้นลูบคางเขาเบาๆ และเขย่งจูบคางเขาราวกับต้องมนต์
“คุณรักผมไหมครับ” หน้าเราอยู่ใกล้กันมากจนผมได้กลิ่นบุหรี่จางๆจากลมหายใจของเบา มันทำให้ผมอยากจูบเขาจริงๆ โอ้วพระเจ้า! เรายืนกันอยู่หน้าร้านนี่นา ผมรีบผละออกและหันไปมองรอบๆข้าง โชคยังดีที่ ที่ๆเรายืนมันค่อนข้างอยู่ตรงมุมหากจะเห็นก็คงต้องสังเกตกันหน่อย เขาหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของผม ผมชกเข้าที่ท้องของเขาเบาๆ
“โอ้! มันเจ็บนะที่รัก ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลย” เขารวบมือผมทั้งสองข้างขึ้นมาจูบเบาๆ
“คุณยังไม่ตอบผมเลย” ผมยอมปล่อยมือให้เขาไล่วนนิ้วไปเรื่อยๆ มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากที่สุด ผมชอบให้เขาทำแบบนี้จัง
“ผมรักคุณ เนท แมคเทอเนอร์” เขาบอกพร้อมจับมือผมไปจูบอีกครั้ง เขาพยายามจะดึงผมไปจูบแต่ผมยกมือขึ้นห้ามเขาไว้
“เราควรจะเข้าไปข้างในกันแล้วนะ” ผมบอกเรียบๆ เขายิ้มให้ผมเล็กน้อย และจูงมือผมเข้าไปในร้าน ให้ตายสิผมชอบมือใหญ่ที่ทำให้ผมอบอุ่นของเขาจัง นั่นยังไม่รวมถึงตาคู่สวยสีฟ้าอมเทา เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาจ้องมองผมมันทำให้ผมใจเต้นตึกตักทุกครั้ง ริมฝีปากที่สวยสีสุดที่ผมเคยจูบมา และจมูกโด่งๆที่ชอบไซร้ซอกคอของผม ผมหลงเขาจริงๆให้ตายสิ
ทันทีที่เราเดินมาถึงโต๊ะก็พบว่าแบรตกับวิคตอเรียกำลังจูบกันอยู่อย่างดูดดื่ม โอลิเวอร์กระแอมเล็กน้อยก่อนขยับให้ผมเข้าไปนั่งที่ติดกระจก วิคตอเรียลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมคิดว่าเธอคงอยากเช็คลิปสติกที่เธอแบ่งส่วนนึงไปให้แบรต
โอลิเวอร์ยกมือขึ้นปิดปากของเขา ผมคิดว่าเขาคงกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นริมฝีปากของแบรตที่มีลิปสติกสีส้มของวิคตอเรียติดอยู่ ผมหันไปมองเขาตาขวางเขารีบหุบยิ้มและลดมือลงทันที
"เอ่อ แบรต บางทีนาย..." อ่า ผมไม่รู้จะบอกเขายังไงจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าของผมที่โอลิเวอร์ให้ผมไว้ ยกขึ้นมาเช็ดริมฝีปากให้เขาเบาๆ ผมยิ้มขำเขาเล็กน้อย เขาหัวเราะออกมาและดึงผ้าเช็ดหน้าจากมือผมขึ้นไปเช็ดเอง ผมทำตัวเป็นกระจกให้เขาคอยแตะที่ริมฝีปากของผมเองให้เขารู้ว่าควรจะเช็ดตรงไหน และทันทีที่แบรตจัดการริมฝีปากเขาเสร็จ วิคเตอเรียก็เข้ามานั่งลงพร้อมกับริมฝีปากที่สวยเหมือนเดิม
“ห้ามล้อฉันล่ะ” ผมและโอลิเวอร์ยิ้มให้เธอเล็กน้อย แบรตยกมือขึ้นโอบเธอเพื่อปลอบ ผมว่าเขาควรจะปลอบตัวเองด้วยนะ
“เนทนายดู...เอิ่ม นายจะโกรธฉันไหมถ้าฉันจะบอกว่าเธอน่ารักจริงๆ” เธอบอกผมหลังจากเราลงมือจัดการฟรัวกราส์ของเราแต่ละคนจนเกือบหมด ผมยิ้มเขินๆให้เธอ
“วิค เธอห้ามแซวเนทเด็ดขาดเลยนะ” โอลิเวอร์หันไปบอกเธอ
“งั้นฉันแซวนายได้น่ะสิ แบรตฉันว่าพวกเขาน่ารักดีนะ” เธอหันมาถามแบรตดื้อๆ นั่นทำให้เขาเงียบลงและวางมีดกับส้อมลงทันที มันอาจจะบังเอิญเพราะเขาทานมันเสร็จ ผมพยายามคิดในแง่ดี
“ฉันขอโทษ เอาล่ะฉันพร้อมจะกินของหวานแล้วล่ะ” เธอหันไปบอกพนักงานให้พวกเราเสริฟของหวานต่อ
“อ้อใช่! เราจะไปปารีสกันสุดสัปดาห์นี้ นายจะไปกับเราไหมเนท” เธอหันมาถามผม
“ผมอาจจะต้องบอกว่าเสียใจด้วยนะครับวิคตอเรีย ผมมีนัดกับเพื่อนของผมแล้วล่ะครับ” ผมมีนัดกับเอบิเกลและไมเคิล เราจะไปลอสแองเจิลลิสกัน เธอทำหน้าเสียใจเล็กน้อย
“น่าเสียดายจริงๆ เราจะจัดปาร์ตี้กันที่นั่น บางทีเธอน่าจะลองชวนเพื่อนๆของเธอไปกับเรานะ” เธอเสนอแนวทางให้ผม มันทำให้ผมยิ้มกว้างและรู้สึกว่าเธอดูเป็นมิตรจริงๆ
“เยี่ยมครับ บางทีผมอาจจะลองถามพวกเขาดู” ผมบอกเธอแม้ในใจผมจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าเอบิเกลไม่มีทางไปฝรั่งเศสแน่นอน เพราะเธอเกลียดฝรั่งเศส ส่วนไมเคิลเขาน่ะติดลิบบี้อย่างกับอะไร และผมขอตายดีกว่าถ้าต้องไปกับเธอด้วย
“อ้อ โอลิเวอร์ เธอไปปาร์ตี้กับเราได้นะ” เธอหันไปมองแบรตที่ยักไหล่เล็กน้อยแต่ไม่หันไปมองเขา
“ว้าว นั่นเยี่ยมมาก แต่ผมคงไปไม่ได้ล่ะ ผมกำลังจะเปิดบาร์เร็วๆนี้” ผมหันไปมองแบรตและเห็นเขาเหยียดยิ้มเล็กน้อยแม้ว่าเขากำลังก้มหน้าลงก็เถอะ นั่นดูเป็นสัญญาณที่ไม่ดีใช่ไหมนะ
“นายทำธุรกิจเยอะจริงๆเลย นายควรจะพักบ้างนะ” เธอบอกเขาเรียบๆ มันทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าสามวันที่ผ่านมาอาจจะเพราะเขายุ่งเรื่องงานของเขา เราพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกตัวกันกลับ วิคตอเรียทำให้ผมได้กลับไปพร้อมกับโอลิเวอร์ นั่นน่ะดีมากจริงๆ
ผมถามถึงเรื่องที่เขาหายไปสามวันในรถเขาบอกขอโทษผมเพราะเขายุ่งเรื่องงาน และอาจจะยุ่งอีกนานจนถึงสิ้นเดือนนี้ นั่นทำให้ผมห่อเหี่ยวเล็กน้อย หากทำให้เราไม่ได้เจอกัน ผมเดินไหล่ตกลงจากรถก่อนที่เขาจะจอดรถหน้าอพาร์ทเมนท์
ผมแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาเดินตามผมลงมาด้วย เขาดึงผมให้หยุดเดินและโอบกอดผมไว้ ผมสูดลมหายใจลึกๆและโอบกอดเขาตอบ เขาผละผมออกและจ้องตาผม
“ผมว่าเราเข้ากันได้ดีนะ” เราบอกผมเรียบๆ มันทำให้ผมงงเล็กน้อย เขาหมายความว่าไงกันนะ
“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดถึงผม” เขาดึงบัตรเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันมีตัวเลขยาวพรืดหลังบัตรที่เขียวไว้อย่างหวัดๆ
“คุณ..เอ่อ มาหาผมได้ไหม” เขายกมืออีกข้างมาถูจมูก ผมว่าเขากำลังเขินนะ ผมยิ้มให้เขาและดึงบัตรนั่นออกมาจากมือเขา
“หรือผม...ผมหมายถึงผมมานอนห้องคุณได้ใช่ไหม คือเราอาจจะได้เจอกันแค่หลังเลิกงาน...ผมหมายถึงมันยุ่งจนผมอาจจะมาหาคุณดึกๆ...โอย ให้ตายสิ คุณช่วยพูดอะไรหน่อยสิ” ผมยิ้มให้เขา ผมอยากเห็นเขาเขินต่อหน้าผม มันทำให้ผมรู้สึกดี
“.....”
“คุณจะไม่รำคาญผมใช่ไหมถ้าผมมาหาคุณตอนดึก...ผมหมายถึงคุณอาจจะนอนไปแล้ว และคุณอาจจะโมโหแล้วไล่ผมกลับไป ผมไม่อยากให้คุณไล่ผม....” เขาก้มหน้าลง ให้ตายสิเขาน่ารักเป็นบ้าเลย ตั้งแต่ผมรู้จักเขาผมบอกว่าเขาน่ารักไปกี่ครั้งแล้วนะ
“ผมพร้อมจะออกมาเปิดประตูให้คุณตลอด คืนนี้คุณจะนอนห้องผมไหม” ผมใช้ความกล้าทั้งหมดที่ผมมีลองถามเขาออกไป เขาไปตอบแต่ดึงผมไปจูบและยกแขนขึ้นให้ผมควงเขาทันที
---------------------------------------------