ตอนที่ 34 Missions complete
“เข้านอนหรือยัง” ผมถามปลายสาย เพราะตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
“กำลังจะนอน” เขาตอบกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝันดีนะ” ผมพูด
“ยังไม่ง่วง คุยก่อนก็ได้ แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาถามผม อย่างที่เคยถามประจำ
“ก็เหมือนเดิม ไปเรียน เลิกเรียนก็กลับบ้าน แล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปประชุมมาไม่ใช่หรอ”
“ยุ่งๆ นิดหน่อย เรื่องเยอะด้วย เพราะมีแผนจะขยายงานออกไปอีก นี่ก็ตั้งใจว่าจะลงไปดูลูกค้าเองด้วย” เขาตอบผม ฟังเสียงแล้วดูล้าๆ อยู่พอสมควร แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังอีกนิดหน่อยว่ามีแผนจะทำอะไรบ้าง และวันพรุ่งนี้ต้องไปไหน ทำอะไรบ้าง ผมฟังแล้วก็เหนื่อยแทน
“กรบอกพ่อกับแม่ เรื่องกันต์ไปแล้วนะ เพิ่งบอกพ่อก่อนจะโทรมาหากันต์นี่เอง” ผมบอกเขา หลังจากฟังเขาพูดจบแล้ว
“ห๊ะ...!!"
"แล้ว...” เจ้าของชื่อที่ผมเอ่ยถึงทำเสียงตกใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำออกมาเหมือนจะถาม แต่ก็ไม่กล้าถาม
“แล้ว... เป็นยังไงบ้างอ่ะ พ่อกับแม่ว่าอะไรหรือเปล่า แล้ว...” เขาถามผมแบบไม่เต็มเสียงนัก แต่ก็เหมือนจะมีอีกหลายคำถามตามมา ผมเลยตัดบทเสียก่อน
“พ่อกับแม่ไม่ได้ว่าอะไร กรรักพ่อกับแม่มากเลยนะกันต์ รักมากๆ” ผมพูด
“อื้ม...”
หลังจากคุยกับแม่ไปแล้ว ผมก็ตัดสินใจที่จะบอกพ่อวันเดียวกันเลย ในเมื่อตัดสินใจบอกแม่แล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าบอกพ่อให้รู้ด้วย จริงๆ ก็ไม่ในใจนักว่าจะดีกว่าหรือเปล่า หลังจากบอกแม่ไปแล้วผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า แม่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อเลยไหม หรือจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนถึงเวลาที่ผมพร้อมจะบอกเรื่องนี้กับพ่อเอง แต่เมื่อคิดดูแล้ว แม่จะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้หรือเปล่าถ้าต้องเก็บเอาไว้ มันก็คงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับแม่ และในเมื่อผมเลือกที่จะทำอะไรแล้ว ผมควรจะยอมรับมันให้ได้
และกับเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมจะหมายความว่า ผมยอมรับได้มากกว่ากันต์ ถึงพูดเรื่องนี้กับคนในครอบครัวได้ หรือเป็นเพราะผมมั่นใจมากกว่าเขาว่า พ่อแม่ของผมจะยอมรับในการตัดสินใจของผม ได้ดีว่าพ่อแม่ของเขา มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะระหว่างผมกับกันต์ เราสองคนยังยืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน
ผมก็แค่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสภาวะที่ยังมีแรงกดดัน ความคาดหวัง หรือการจับตามองจากคนรอบข้างน้อยกว่าเขา มันเลยง่ายกับการที่จะพูดจะทำอะไร ทั้งการงาน หน้าตาทางสังคม รวมทั้งภาระที่ต้องแบกรับ ผมมีน้อยกว่าเขามาก หากวันหนึ่งในอนาคต ผมไปยืนอยู่ที่จุดเดียวกับเขาในตอนนี้ มันก็คงเป็นเรื่องยากมากกว่านี้เหมือนกันสำหรับผม
หรือสุดท้ายแล้วทั้งหมดที่ผมคิด มันอาจจะสรุปได้ง่ายกว่าถ้าผมจะบอกแค่ว่า ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้
แต่สำหรับกันต์สิ่งที่เขาทำให้ผมตอนนี้ มันก็มากพอแล้ว ส่วนพ่อกับแม่ ผมบอกทั้งคู่เอาไว้แล้วว่า จะชดเชยให้ในเรื่องอื่นที่ผมสามารถทำได้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงานที่จะต้องรับผิดชอบ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำมันได้
“แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาไหม” เขาถามผม เฮ้อ !! เจ้าตัวเขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าแต่ละประโยคที่เขาพูดกับผมทางโทรศัพท์ ช่วงสองวันที่ไม่เจอกันเนี่ย มันน่ารักมากแค่ไหน ให้ตายสิ คิดถึงชะมัด ยิ่งเสียงตอนเริ่มง่วง งัวเงียๆ นี่มันเหมือนคนกำลังอ้อนเลย
“กลับสิ กลับไปอยู่ด้วยเหมือนเดิม คราวนี้ถึงบอกไม่ให้อยู่ก็คงไม่ทันแล้ว” ผมบอกเขา แล้วยิ้มกับตัวเองไปด้วย
“อื้อ งั้นนอนแล้วนะ พรุ่งนี้มีประชุมอีก”
“ครับ ฝันดีนะ”
“อื้อ”
.............................................................................
“เฮ้ย! อย่ามาชนดิ” เสียงโวยวายจากคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างผม ผมกลับมาคอนโดฯ แล้ว และตอนนี้เราสองคนกำลังเล่นเกมแข่งรถกันอยู่ คนข้างๆ ผมนี่จริงจังกับทุกเรื่องจริงๆ ให้ตายสิ หลังจากกินข้าว อาบน้ำแล้ว ก็ตั้งต้นเล่นกันตั้งแต่สองทุ่มจนตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ แต่ส่วนใหญ่ผมชนะ เลยมีผู้ใหญ่ดื้อไม่ยอมเลิกเล่น ท่าทางจะเล่นจนกว่าจะเอาชนะผมได้นั่นแหละ แล้วอย่ามาถามว่าทำไมผมไม่ยอมแพ้ไปซะก็แล้ว แต่ก็นะยอมไม่ได้เหมือนกัน ฮาๆ
“จะแพ้แล้วอย่ามาพาลเหอะ” ผมพูดแหย่ แล้วแอบชำเลืองมองเขานิดๆ
“คอยดูเหอะ” คนทำหน้าจริงจังพูดตอบ ส่วนมือนี่ก็กดปุ่มนั้นปุ่มนี้ยิกๆ
“หรอ...” ผมทำเสียงกวนประสาท กะจะให้เขาหันมาสนใจ แต่ก็ไม่เลย คนข้างๆ ผมเขาสนใจแต่ภาพที่อยู่ในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า
“ตาสุดท้าย แพ้ก็ต้องเลิก” ผมพูด เล่นนานแล้ว พอเช้ามาก็ชอบมาบ่นว่าปวดหัวบ้าง ปวดปวดตาบ้าง แล้วทำไมผมไม่ยอมเลิกเล่นก่อน ก็ลองถามคนข้างๆ ผมดูสิ ยอมซะที่ไหน
“............” เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ท่านคุยด้วยในขณะนี้
“ถ้าเอาชนะได้อยากได้อะไรบอกมา แต่ถ้าแพ้ วันนี้ทำเองนะ” ผมพูด แล้วเขาเองก็ดูท่าจะเข้าใจ เพราะหยุดเกมแล้วหันมามองหน้าผมทันทีที่ผมพูดจบเลย
“ไม่ เรื่องดิ นี่คิดอยู่เรื่องเดียวหรือไง” เขาพูด แล้วขยับตัวออกห่างจากผม เขานึกว่าจะหนีพ้นหรือไงกัน
“ป๊อดนี่หว่า” เสียงผมที่ยังคงยั่วเขาไม่เลิก แต่งานนี้ดูเหมือนจะยั่วโมโหซะมากกว่า แต่แบบนี้ล่ะ เข้าทางผม ฮาๆ
“งั้นเริ่มใหม่ ไม่เอาตานี้”
“ตานี้แหละเหลืออีกตั้งหลายรอบ”
“ไม่”
“ก็ได้ๆ ให้เลือกด่านเองด้วยอ่ะ” ผมพูด แล้วแอบยิ้มนิดๆ ตอนเขาหันกลับไปสนใจเกมต่อ
แล้วเกมตาใหม่ของเราสองคนก็เริ่มขึ้น โดยที่เราสองคนนั่งเล่นกันแบบเงียบสนิททั้งคู่ มีแต่เสียงจากโทรทัศน์แค่นั้น งานนี้เดิมพันมันสูงต้องตั้งใจหน่อย
เงียบ......
5 นาที ผ่านไป......
ยังคงเงียบ......
10 นาทีผ่านไป.......
“เยสสส...” เสียงผมคล้ายจะตะโกน แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมาก เดี๋ยวคนข้างผมเขาจะหมันไส้เอา แบบนี้แล้วก็น่าจะรู้ว่าใครชนะ
“มีงานค้างอยู่ พรุ่งนี้ต้องใช้ด้วย เอาไว้ก่อนแล้วกัน” คนข้างๆ ผมรีบพูด แล้วขยับตัวเตรียมลุกไปจากโซฟาที่นั่งกันอยู่ แต่มีหรอที่คนอย่างผมจะปล่อยไป รีบยื่นมือไปคว้าข้อมือของคนที่กำลังเดินออกไปไว้ทัน จากนั้นดึงให้มานั่งอยู่บนตักผม ก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างรัดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน อย่ามาเนียนซะให้ยากเลย
“มานี่เลย ไม่ต้องเอางานมาอ้าง คิดจะเบี้ยวกันหรอ” ผมพูดเบาๆ ที่ข้างหูของเขาอย่างคนรู้ทัน ทำอย่างกับผมไม่รู้นิสัย ถ้ามีงานต้องรีบทำจริงๆ พอกินข้าวเสร็จคงไม่สนอะไรแล้ว ตั้งหลักทำงานเลย บางทีผมเรียกยังไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ
“เปล่านิ” เขาปฏิเสธเสียงอ่อย โอ้ย! ไม่เจอกันสองวัน ทำไมรู้สึกว่าน่ารักขึ้นขนาดนี้ล่ะ
“หรอ...” ผมทำเสียงล้อ แล้วก้มลงไปหอมแก้มเขาดังฟอด
“หอมจัง” ผมบอก
.
.
.
แล้วก็เป็นที่แน่นอนว่า งานนี้ผมรับของเดิมพันไปซะเกินคุ้ม
...........................................
“แล้วเมื่อกี้ถ้าชนะอยากได้อะไร หื้ม...” ผมถาม ส่วนมือก็ลูบหัวลูบหลังของคนที่ยังไม่ใส่เสื้อหลังจากอาบน้ำเสร็จ ใส่แต่กางเกงผ้ายืดขายาวตัวเดียว แถมมานอนเกยทับอยู่บนตัวผมเกือบทั้งตัว
“หึ ไม่มีอ่ะ” เขาพูดเสียงอู้อี้ เพราะซบหน้าอยู่กับอกผม
“อื้อ สอบเสร็จวันไหน” เขาถาม หลังจากยกหัวขึ้นมาจากอกผมนิดนึง เพื่อมองหน้าผม
“วันที่ 22” ผมตอบ ส่วนมือก็ยังลูบหลังเขาไปเรื่อยๆ มันเพลินดี แผ่นหลังมีกล้ามเนื้อนิดหน่อย ไม่ใช่คนตัวนิ่มอะไรมาก ผมชอบนะ ผิวเนียนลูบแล้วลื่นมือ แถมตัวก็หอม ผมก็หอม
“ไปเชียงใหม่กันไหม จะไปหาปู่กับย่าด้วย ไม่ได้ไปตั้งหลายเดือนแล้ว” เขาพูด แล้วซบหน้าลงกับอกผมเหมือนเดิม
“ไปสิ จะไปกี่วัน” ผมตอบ
“อยากไปอาทิตย์นึง ไปอยู่กับย่าสักสองคืน แล้วไปเที่ยวกันต่อ” เสียงพูดของคนที่นอนเกยผมอยู่เริ่มเบาลง
“อื้ม”
“อยากไปไหนบ้าง จะได้จองโรงแรมถูก” กันต์ก็ยังพูดได้เรื่อยๆ แม้ว่าตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยต่อ ตอนนี้นอนได้แล้ว” พอผมพูดจบ คนที่ตั้งท่าจะหลับอยู่แล้วก็ขยับตัวให้เขาที่ ลงมานอนข้างผมแล้วซุกหน้าไว้กับอก ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งมาพาดตัวผมไว้ ผมเองก็รั้งตัวเขามาให้ชิดกับตัวมากขึ้น แล้วค่อยตวัดผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวให้มาคลุมตัวผมสองคนไว้ จากนั้นก็สอดมือไปใต้ผ้าห่มแล้วลูบหลังของคนที่กอดผมไว้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วไม่นานผมก็หลับตามเขาไป
-------------------------------------------------------