เสื้อกาวน์เก่าๆ.....กับเราสองคน ตอนที่ 7007:54 on 29/6/2010
ด้วยความเคารพ.....อาจารย์ใหญ่เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นในตอนค่ำวันหนึ่ง หลังเลิกงาน
'' ดีคร้าบบบ ว่าไงหมอติ๊บ ''
เสียงผมเจื้อยแจ้วไปตามสายขณะกำลังถอดถุงมือออกล้างมือในห้องพักหลังจากได้เวลาเลิกงานแล้ว
'' พี่ไม้ วันนี้เดี๋ยวติ๊บเทรนด์แลปกับเพื่อนที่ห้องกลอสน่ะ จะกลับก่อนก็ได้เดี๋ยวติ๊บให้บอยไปส่ง ''
แหม ช่างกล้าบอกเนอะติ๊บเนอะผมคิดในใจ เจ้าตัวคงคิดคำนี้ไว้เพื่อไม่ให้ผมสามารถปฎิเสธได้แน่ๆ
ก็ในเมื่อเจ้าตัวเล็กรู้อยู่ว่าผมเกรงกลัวห้องกลอสที่ว่ามากมายแค่ไหน
แต่ก็ดันมาขู่ว่าจะให้ไอ้หมอบอยหน้าจืดเป็นคนไปส่ง ผมก็เลยต้องตอบไปแบบไม่เกรงกลัวและไม่ได้คิดกลัวซะด้วย
'' อ๋อ เดี๋ยวพี่ไปรอติ๊บที่ห้องกลอสแล้วกัน จะได้กลับพร้อมกันไม่ต้องรบกวนบอยเค้า ''
ผมตอบในอารมณ์พระเอกสุดๆ แต่ที่จริงแอบหวงอะดิและก็แอบกลัวนิดๆเมื่อรู้ว่าต้องไปรับที่ไหน
'' งั้นพี่ไม้ทำธุระอะไรให้เรียบร้อยก็ได้ เดี๋ยวค่อยมารับติ๊บก็ได้คับ ''
'' อ่อ พี่เสร็จเรียบร้อยหมดแล้วละ เดี๋ยวพี่ไปหาที่ห้องกลอสแล้วกัน ''
ผมตอบติ๊บก่อนจัดการทำธุระในส่วนของผมจนเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมุ่งหน้าสู่ตึกคณะ
แพทยศาสตร์ กดลิฟท์ไปชั้นห้า
บรรยากาศที่ผมคุ้นเคยยังไม่เปลี่ยนแปลง
ผมคิดค้านคณะบดีและเจ้าหน้าที่คณะนี้เหลือเกินทำไมไม่ติดไฟหรือเปิดไฟให้ทางเดินมันสว่างจ้าๆไปเลยซักกะที
มาติดให้เป็นเงาสลัวๆตะคุ่มๆทำไมก็ไม่รู้ จะประหยัดอะไรกันหนา
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกกลิ่นที่แสนจะรัญจวนใจให้ขนพองสยองเกล้าก็ปะทะเข้าจมูกผมเต็มๆ
โอย.....ได้เจอบรรยากาศแบบนี้ กลิ่นแบบนี้ โรคเก่ากำเริบเลยคับ ปอด….....
ขายาวๆของผมสั่นพั่บๆๆๆ ไม่ต่างจากมือที่สั่นเทา เหงื่อแตกพลั่กๆพานจะเป็นลมซะให้ได้
ทั้งๆที่ผมก็เคยผ่านการเรียนวิชานี้มาแล้ว แต่ทำไมผมไม่มีทีท่าว่าโรคปอดที่เคยเป็นของผมมันจะหายไปแต่อย่างใดเลย
ผมก้าวออกจากลิฟท์ เดินฉับๆไปทางห้องกลอสที่ตอนนี้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อได้ยินเสียงเด็กๆเจื้อยแจ้วมาจากในห้อง
ผมค่อยๆเปิดประตูออกและแม้จะทำใจกับกลิ่นฟอร์มาลีนมาแล้ว
แต่พอมาเจอของจริงก็ทำเอาผมแสบตาแสบจมูกไปเลยเหมือนกัน กลิ่นแรงมาก
ผมเดินเข้ามาและเลือกที่นั่งเป็นเก้าอี้เหล็กตัวติดพัดลม จะได้ไม่ต้องทนกับกลิ่นที่แสนทรมานใจ
ผมนั่งรอหมอติ๊บที่โต๊ะได้ซักพักเจ้าตัวเล็กในชุดเสื้อกาวน์ และแมสปิดจมูกก็เดินตรงมาทางผม
แต่ที่ทำเอาผมใจแป้วนิดนึงก็คือ มีดที่หมอติ๊บถือในมือและตอนนี้ทำท่าขู่จะเจี๋ยนน้องชายผมซะด้วยอ่ะดิ น่ากลัวววว
'' วันนี้อาจารย์เปิดห้องให้เทรนด์กันก่อนสอบวันพรุ่งนี้ เพื่อนๆเขาเลยอยู่กันจะได้จำได้แม่นๆ ''
'' ตามสบายเหอะ เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้ ''
ผมบอกติ๊บก่อนปล่อยให้เจ้าตัวเดินดุ่มๆไปยังเตียงเหล็กที่ตอนนี้มีเด็กนิสิตแพทย์มุงกันอยู่เต็ม ส่วนผมก็นั่งดมยาดมต่อไป
ตอนนี้ในห้องกลอสคราวนี้แตกต่างไปจากคราวก่อนที่ผมเข้ามาแบบไม่ตั้งใจอยู่เล็กน้อย
อุปกรณ์ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ร่างอาจารย์ใหญ่ที่คราวก่อนมีแค่ร่างเดียวและผ่านการชำแหละไปเรียบร้อยนี่ซิ
มาคราวนี้มีทุกเตียง ในห้องแม้จะมีบางเตียงที่ใช้ผ้าคลุมร่างอาจารย์ใหญ่ไว้แล้วก็เหอะ
แต่ก็มิได้ช่วยให้ผมคลายความหวาดกลัวลงไปแต่อย่างใด
เด็กๆเดินจากเตียงนั้นไปเตียงนี้เพื่อศึกษาอาจารย์ใหญ่ทีละร่างทีละระบบ
ผมพยายามจะไม่มองเด็กๆพวกนี้ที่ดึงอวัยวะส่วนนั้นส่วนนี้ขึ้นมา
แต่ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนเพราะในนี้ก็มีแต่ร่างอาจารย์ใหญ่เต็มไปหมด ครั้นจะออกไปนอกห้องก็มืดยังกะอะไรดี
ไม่เอาดีกว่ารอตรงนี้แล้วกัน ดมยาดม ซักปื้ดสองปื้ด หลับตาซักพักจะได้ไม่เห็นอะไรสยดสยอง
'' พี่ไม้คับ หวัดดีคับ '' เสียงคุ้นๆผมค่อยลืมตาขึ้นมามองหลังจากหลับตาทำใจอยู่ซักครู่
'' อ้าว หมอบอย เทรนด์กะเพื่อนเสร็จแล้วเหรอ '' ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้าตัวเดินมานั่งลงข้างๆเก้าอี้ข้างๆผมที่อยู่ริมห้อง
'' ยังไม่เสร็จหรอกคับแต่ผมไม่ไหวแล้ว แสบตาแสบจมูกไปหมดแล้วคับ '' ไอ้หมอบอยตอบ
'' อ่าวยังไม่ชินอีกเหรอ '' ผมถาม
'' ก็ยังหรอกคับมันก็ยังมีแสบตาแสบจมูกอยู่ทุกทีแหละ ''
'' แล้วพี่ไม้มารอติ๊บเหรอคับ '' ไอ้หมอบอยเอ่ยถามก่อนจะถอดหมวกถอดถุงมือออกล้างมือในซิงค์น้ำข้างๆผม
'' ครับ พอดีพี่เลิกงานแล้วเจ้าตัวให้มารอที่นี่ พี่เลยมานั่งรอจะได้กลับพร้อมกัน ''
'' ที่จริงพี่ไม้กลับก่อนก็ได้นะคับ เดี๋ยวผมไปส่งติ๊บเองก็ได้ เพราะดูท่าแล้วคืนนี้คงดึก ''
'' อ่อ ไม่เป็นไรคับพี่รอได้ '' ผมยืนยันหนักแน่นว่ายังไงก็จะรอกลับพร้อมติ๊บไม่ว่าจะดึกแค่ไหน
จะว่าไปไอ้เรื่องความกลัวมันก็มีส่วนแต่กลัวว่าหมอติ๊บจะต้องกลับพร้อมหมอบอยนี่ซิ มันมากกว่ากลัวอาจารย์ใหญ่เป็นไหนๆ
ผมนั่งทนข่มความกลัวอยู่ในห้องนั้นร่วมสองชั่วโมง จนตอนนี้ได้เวลาที่ตึกจะปิดแล้วในเวลาสี่ทุ่ม
เด็กๆจึงเริ่มแยกย้ายกันกลับไปบ้างแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวเล็กที่ยังอยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายก็เดินปลีกตัวออกมาก่อนเพื่อนๆคนอื่นๆใน
กลุ่มจะทยอยกันออกมาเช่นกัน
เด็กพากันถอดเสื้อกาวน์ ล้างไม้ล้างมือกันหลายรอบเพราะต่างรู้ดีว่ากลิ่นฟอร์มาลีนนี่รุนแรงแค่ไหน และติดตัวกลับห้องได้
เป็นอย่างดี เพราะสมัยที่ผมเรียนเวลาเย็นๆหลังเลิกเรียนพวกผมมานั่งเม้าท์กันหลังเลิกเรียนใต้ตึก
เวลาพวกเด็กแพทย์ที่เพิ่งเลิกเรียนกลอสเสร็จแล้วนี่เดินมาผมแทบอยากจะเดินไปทางอื่นเพราะมันแรงมากๆ
.
.
.
.
.
แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไรก็ปรากฏว่าไฟในห้องกลอสตอนนี้ดับสนิท
มืดไปหมดเพราะตอนนี้บริเวณรอบๆตึกเป็นเวลาที่เขาจะปิดตึกกัน แล้วไฟในส่วนอื่นจึงปิดกันไปก่อนหน้าเหลือแต่ไฟจาก
ห้องแลปกลอสเท่านั้น เมื่อไฟจากห้องกลอสดับลงก็เหลือแต่ความมืดสนิทแบบนี้นี่เอง
ทันทีที่ไฟดับเสียงกรี๊ดจากเด็กก็ดังตามมา เฮ้ยพี่ก็กลัว น้องจะกรี๊ดทำไมละคร้าบบบบ
หลังจากไฟมืดสนิท
ตอนนี้ทุกคนมารวมกลุ่มกระจุกกันอยู่ตรงมุมห้องซึ่งเป็นที่เก็บของที่มีเก้าอี้วางอยู่เรียงรายและล๊อคเกอร์ที่เก็บสัมภาระของ
แต่ละคนก็อยู่ในมุมนี้ด้วย เมื่อทุกคนมายืนรวมกันที่อยู่ที่มุมของห้อง
'' ที่ตึกนี้คงไฟตกอะ เดี๋ยวก็คงมา '' เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเพื่อขับไล่ความเงียบงัน
'' แล้วทำไมจะต้องมาไฟตกตอนที่เราจะกลับกันแล้วด้วยละ '' เสียงผู้หญิงในกลุ่มทักท้วง
'' ว้าย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ''
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันจนทุกคนแตกตื่นและ
ตอนนี้ทุกคนก็ถึงกับอ้าปากค้าง บางคนก็กรี๊ดร้องลั่น
เมื่ออีกมุมหนึ่งของห้องที่มือสนิท
ตอนนี้มีวัตุสีขาวล่องลอยผ่านพวกเราไปมาราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วคับหมอไม้หลับตาปี๋ ใจเต้นตูมตามราวกับจะหลุดออกมาจากทรวงอก
พ่อแก้ว แม่แก้ว เกิดมาก็พึ่งได้พบได้เจอได้โดนผีหลอกก็คราวนี้ สาธุๆๆ
.
.
.
.
.
ยังไม่ทันที่ผมจะทันได้ตั้งสติหรือทำอะไรก็รู้สึกว่าไฟในห้องมันสว่างจ้าขึ้นมา
'' เฮ้ย ชิบหายแล้ว '' เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งอุทานขึ้นเมื่อไฟในห้องสว่าง พร้อมกับรีบคว้าเสื้อกาวน์มาสวมใส่
'' ไอ้ท็อป ''
ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันถึงสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจกลัว
เมื่อปรากฏว่ามีไอ้หมอคนหนึ่งไปแกล้งดับไฟแล้วลงทุนด้วยการถอดเสื้อผ้า คนอื่นจะได้มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเจ้า
ตัว ก่อนเจ้าตัวจะถือเสื้อกาวน์เดินไปมา
เมื่ออยู่ในความมืดก็จะเสมือนว่าเสื้อกาวน์ลอยได้
แต่โชคดีที่มีเพื่อนคนหนึ่งไปห้องน้ำเมื่อกลับมาเห็นไฟดับและได้ยินเสียงกรี๊ดจึงเปิดไฟ
เมื่อแผนการไม่ได้ตระเตรียมกะเพื่อน นายท๊อปจึงยืนแก้ผ้าเกือบจะเป็นชีเปลือยต่อหน้าประชาชีเมื่อไฟสว่างขึ้น
ดูไอ้เด็กแพทย์มันแกล้งกันครับคุณผู้อ่านลงทุนมากๆ
เพื่อนๆกรี๊ดกร๊าดกันถูกใจเมื่อไอ้เจ้าคนแกล้งคนอื่นถูกกรรมตามทันในชั่วพริบตาเพราะไม่ได้ตระเตรียมกับคนอื่นๆ
เจ้าตัวจึงต้องอับอายแถมถูกเพื่อนๆสรรเสริญด้วยภาษาสุภาพเป็นการใหญ่
หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกใจจากการแกล้งกันของเด็ก( ที่เล่นเอาผมเกือบฉี่แตก )ไปเรียบร้อยแล้ว
ผมก็พาติ๊บลงไปยังที่จอดรถก่อนมุ่งหน้าออกไปหาอะไรกินกันก่อนเดินทางกลับหอเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
จะได้เก็บแรงไว้ต่อสู้กับวันพรุ่งนี้
ปล.และนับจากวันนั้นมาผมก็ไม่เคยมีความคิดว่าจะไปรับติ๊บที่ห้องกลอสอีกเลย