และแล้วมาต้องมาเทคะแนนให้ทาน ว่างๆคลิ๊กเทคะแนนให้ผมบ้างนะ
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน ข้อความจากทานตะวัน
ทานตะวันนั่งเงียบ ๆ อยู่ภายในรถเพียงลำพัง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาหลาย ๆ อย่างแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นปิดที่ริมฝีปากของตัวเองไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาได้
กลัวที่สุดคือกลัวไม่มีใครรัก เลยไม่คิดจะแคร์และไม่คิดจะรักใคร
แต่สุดท้ายก็พลาด
พลาดไปมีความรักเข้าจนได้ ทั้งที่ไม่รู้ว่ารักคืออะไร แต่สิ่งที่รู้ในเวลานี้ คือปวดใจ
เจ็บร้าวไปหมด ไหนใครว่าความรักทำให้โลกเป็นสีชมพู ความรักทำให้มีความสุข
แต่สิ่งที่ได้เจอไม่ใช่เลยสักนิด แล้วทำไมคนที่มาทำให้รัก มาหลอกให้รักกันได้ง่าย ๆ
ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ ทำกันได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
หนูน้อยแก้มแดงคนนั้น คนที่ทำหน้าใสซื่อ ทำไมถึงได้ทำกันได้ลงคอ
ทำไมถึงได้หลอกลวง เหมือนถูกหักหลัง ถูกหักหลัง ถูกหลอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา
ที่ยิ้มให้ ที่ทำให้ยิ้ม ที่ทำให้มีความสุข สิ่งที่ผ่านไปนั้นมันคืออะไร แค่สายลมงั้นเหรอ
แค่มาทำให้รักแล้วก็มาทำให้เสียใจอย่างนั้นเหรอ
น้ำตายังคงรินไหลพร้อมหัวใจที่เจ็บร้าว
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในความเงียบทำให้ทานตะวันต้องรีบคว้ามานั่งดูหมายเลขที่โทรเข้ามา
โทรมาแก้ตัวแล้วสินะ อะไรล่ะ เหตุผลคืออะไร
อยากฟัง แต่ก็ไม่อยากฟัง
อยากจะฟังคำพูดจากปากของอ้อน
แต่ก็ไม่อยากฟังสิ่งที่จะได้รับรู้
ไม่อยากยอมรับความจริง
ไม่อยากรับรู้สิ่งที่จะได้ยินในวันนี้แต่ฝ่ามืออันสั่นเทาก็เอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถือเอาไว้
และกลั้นใจกดดูข้อความอย่างช้า ๆ
....กลับก่อนได้เลย...เดี๋ยวตามไปทีหลัง.....
สั้น ง่าย ได้ใจความ
แต่บาดลึกไปถึงหัวใจ แค่จะโทรมาบอกกันสักคำว่าจะไปกับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ยอมโทร
กลับส่งข้อความเพียงแค่บรรทัดเดียวมาให้ ใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะที่ข้างแก้มของตัวเอง และค่อย ๆ เอื้อมมือไปเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ
ได้นะ ให้ทำอะไรให้ตอนนี้ก็จะทำ
จะอดทน จะเป็นคนใจเย็น จะทำให้ได้ จะรอ
ทำไมต้องรอด้วย ไม่อยากรอ อยากจะย้อนกลับไปอีกครั้งแล้วก้าวเดินเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แล้วก็จบทุกอย่างลงซะ
แต่ทำไม่ได้ ไม่กล้าทำ กลัว ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นคนขี้ขลาดได้ขนาดนี้
รถเคลื่อนออกจากลานจอดรถอย่างช้า ๆ
ทานตะวันไม่รู้ว่าตัวเองขับรถกลับบ้านได้ยังไง แต่รู้ว่าขับรถไปร้องไห้ไปพร้อมกับหัวใจที่ร้าวราญ
สุดท้ายเมื่อจอดรถแล้วก็ได้แต่เดินก้าวเท้าเข้าบ้านอย่างช้า ๆ
เกลียดที่บ้านกว้าง แต่ไม่มีคนอยู่ เกลียดที่ต้องอยู่คนเดียว
เกลียดที่บ้านมืด มีเพียงแสงไฟจากข้างนอก เกลียดทุกสิ่งทุกอย่ารอบตัว
ขายาว ๆ ก้าวเดินมาทิ้งกายลงนั่งที่โซฟา ที่ ๆ ต้องมาพักพิงก่อนจะเผลอหลับไปในแต่ละคืนเพราะความอ่อนเพลีย
รายการโทรทัศน์ยังคงหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกัน
มือยังคงกดรีโมท ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
กดไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้จะดูอะไร รู้แต่กดไปร้องไห้ไป เหมือนไม่รู้สึกตัว
สุดท้ายรีโมทโทรทัศน์ถูกขว้างลงบนพื้นจนแตกกระจาย ทานตะวันใช้ฝ่ามือกวาดทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าทิ้งลงกับพื้นและตะโกนโวยวายเสียงดัง
"เกลียดโลกนี้โว้ยยยยยยยยยยยยยยย เกลียด เกลียด เกลียด"
ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร รู้แต่ว่าข้าวของทรัพย์สินในบ้านพักพินาศ คว้าอะไรได้ก็คว้า เตะอะไรได้ก็เตะ
ทั้งแจกัน สมุดหนังสือ โต๊ะ ตู้ ถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นขยะไปในเวลาไม่กี่นาทีเพราะการอาละวาดของทานตะวัน
ร่างกายที่หอบเหนื่อย พาตัวเองมานั่งขดตัวอยู่ข้างบันไดทางขึ้นห้องนอน นั่งขดตัวกอดเข่าสะอื้นไห้เสียงดังอยู่คนเดียงเงียบ ๆ
ในเวลานี้มองไม่เห็นใคร รู้เพียงแต่ว่าตัวเองอยู่คนเดียวและถูกทำร้ายจิดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทานตะวันเอนกายลงนอนตรงทางเดินขึ้นบันไดไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน และยังคงปล่อยให้หยดน้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสาย
ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าหัวใจที่แตกร้าวจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
ไม่รู้สึกตัว ไม่รับรู้เรื่องราวรอบ ๆ ตัวอีก สุดท้ายคนตัวโตที่ไม่เคยคิดจะสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว กลับต้องปล่อยให้ความเหนื่อยอ่อน ในเวลาช่าวงกลางวัน ช่วยพาให้ร่างกายหลับใหลลงไปพร้อมหยดน้ำตา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
............................
"ทาน....."
เสียงกระซิบเรียกที่ข้างหู ทำให้ทานตะวันปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ฝ่ามือเย็นชื้นที่แตะที่ข้างแก้มทำให้สะดุ้งสุดตัวและค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่ง เมื่อรู้ว่าเวลานี้ใครมาอยู่ตรงหน้า
"อาบน้ำหรือยัง...ยังใส่ชุดเดิมอยู่นี่นะ...อาบน้ำก่อนดีมั้ยแล้วค่อยขึ้นไปนอน"
ทานตะวันค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และก้าวขาเดินขึ้นบันไดทั้งที่แทบไม่มีเรี่ยวแรง
ใครอีกคนก้าวเท้าเดินตามขึ้นมาพร้อม ๆ กัน และมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเข้าไปภายในห้องนอน
ไฟกลางห้องถูกเปิดขึ้นเพื่อขับไล่ความมืด
ทานตะวันปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด ทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
นัยน์ตาคมแดงก่ำเหม่อลอยเหมือนคนไม่ได้สติ ท่าทางที่เหมือนคนไม่มีชีวิตยิ่งทำให้อ้อนรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของคนตรงหน้า
แต่ก็ทำได้แค่ยืนมอง ยืนอยู่เงียบ ๆ ไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ
"ทาน"
ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีการหันมาตามเสียง มีเพียงร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งที่ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า เจ้าของร่างเหมือนคนไม่มีชีวิตและไร้วิญญาณ ไม่มีความรู้สึกไม่มีหัวใจ
"ทานตะวัน"
อีกครั้งที่ชื่อของคนตรงหน้าถูกเรียก อีกครั้งที่อ้อนพยายามจะเรียกให้คน ๆ นั้นรู้สึกตัว แต่ไม่มีการขานรับแม้แต่คำเดียว
"ทาน...ทาน...ทาน...ทาน...ขอโทษ..ขอโทษ..เราขอโทษ เรามันเลวเอง เราขอโทษ"
เพราะรู้ถึงความผิดที่ก่อเอาไว้ รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ทานตะวันต้องกลายเป็นแบบนี้
รู้ทุกอย่าง ทั้งที่รู้ว่าจิตใจของคนตรงหน้าเปราะบางยิ่งกว่าใคร ๆ แต่ก็ยังทำร้ายได้ลงคอ
ทำไมถึงได้เป็นคนเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ ทำไมถึงได้ทำร้ายจิตใจทานตะวันได้ขนาดนี้
อ้อนโผเข้ากอดรัดร่างของคนที่ยืนนิ่งเฉยเหมือนไม่รับรู้สิ่งใดรอบตัว
กอดเอาไว้ กอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าซีดขาวแนบลงบนแผ่นหลังกว้างและซบใบหน้าของตัวเองลงอย่างช้า ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก
นอกจากการพร่ำพูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนที่ยืนนิ่งเงียบ ต้องปล่อยให้น้ำตาที่เหือดแห้งหลั่งรินลงมาอีกครั้ง
ใช่......ที่จิตใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี
เพราะถูกหักหลัง
แต่เพราะรักมากอย่างที่ไม่เคยรักใคร จึงทำให้ความเจ็บปวดทวีคูณสูงขึ้นอย่างไม่มีขอบเขต
"อ้อน...ใจร้าย...กับเรามากเลยนะ..."
เป็นแค่ข้อความสั้น ๆ เป็นแค่คำพูดสั้น ๆ ที่มาพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นสะท้านยากที่จะควบคุม
"เราใจร้ายนะทาน...ร้ายมากเลย..ร้ายกาจแล้วก็เลวที่สุดอย่างไม่น่าให้อภัย...เราเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุด"
งั้นเหรอ
ไม่แก้ตัวหน่อยเหรอ
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยใช่มั้ย
ยอมรับง่าย ๆ แบบนี้.........เลยสินะ
นั่นสินะ ทำร้ายกันได้ง่าย ๆ ขนาดนี้ ไม่แก้ตัว ไม่ปลอบใจ ไม่ทำอะไรเลยใช่มั้ย
ยอมรับทุกอย่างเลยใช่มั้ย
......................................
"อ้อน...ทานรักอ้อนว่ะ...มันก็เลยเจ็บ...ถ้าไม่รักคงไม่ต้องเจ็บหรอกเนอะ"
แค่คำพูดเลื่อนลอย แค่คำพูดที่ดังแผ่ว ๆ เหมือนสายลม แค่คำพูดช้า ๆ แต่เหมือนมีดปลายแหลมที่กรีดลึกลงมาบนหัวใจ และยิ่งทำให้รู้สึกว่าความเลวร้ายที่ตัวเองก่อเอาไว้เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขอโทษ
คงเป็นคำที่เอ่ยช้าไป
ถ้ารู้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าจะรักคน ๆ นี้ได้มากถึงขนาดนี้ คงไม่ทำสิ่งที่ทำ
"ทาน...เรารักทาน..."
ไม่ได้ขอให้เชื่อ ไม่ได้บังคับให้เชื่อ ไม่ได้ต้องการให้เชื่อ แต่แค่อยากให้เชื่อ
"เรารักทาน...ยิ่งตอนนี้ยิ่งรัก....รักมากเลยนะ...รักแบบบ้า ๆ เลย รักทานจริง ๆ ว่ะ"
อ้อนเอ่ยบอกเสียงเบากับแผ่นหลังของร่างตรงหน้า
ทั้งที่รู้ความผิดของตัวเองแต่ก็กล้าที่จะพูด พูดในเวลาที่ไม่ควรจะพูด
ทานตะวันคงจะสะบัดมือหนี คงจะอาละวาด คงจะเกลียดไปจนวันตาย แต่ก็จะพูดออกไป
เพราะมันอาจเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะต้องเอ่ยคำลา
"รักทานเหรอ...."
สิ่งที่ได้ยินคือคำว่ารัก....คำว่ารักแบบไม่นึกถึงสถานการณ์ ไม่นึกถึงความเป็นจริง
คำว่ารักที่มาไม่ถูกเวลามักทำให้จิตใจปวดร้าวมากขึ้น
แต่ไม่ใช่กับทานตะวันคนนี้
ใบหน้าที่หมองเศร้า ค่อย ๆ มีรอยยิ้มเจือจางบนใบหน้า
ไม่ได้อยากได้อะไรที่มากกว่านี้ แค่อยากได้คำว่ารัก ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่านี้
แค่อยากได้ความใส่ใจจากใจจริง โดยไม่มีเงื่อนไข
"อ้อนส่งผู้หญิงคนนั้นกลับบ้านดีหรือเปล่า.....บ้านเขาอยู่ไกลจากบ้านทานมากมั้ยกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ดึกแล้ว นั่งรถเมล์มาเหรอ ขาไม่ดีอยู่ไม่ใช่หรือไง แล้วมายังไง ทำไมไม่โทรบอกให้ไปรับล่ะ จะได้ออกไปรับ...เนี่ยทานนั่งรออยู่ตั้งนานแน่ะ เห็นแต่ข้อความมาแค่ข้อความเดียว เลยไม่รู้จะทำยังไง...เลยได้แต่นั่งรอ..รออ้อนกลับมาบ้าน รอตั้งนาน นึกว่าจะไม่กลับมาแล้วซะอีก....ทานนึกว่าอ้อนจะไม่ยอมกลับมา..."
เจ้าชายน้อย อย่าใจดีนักเลย อย่าทำหน้าแบบนี้ อย่าทำเสียงแบบนี้ อย่า อย่า อย่า อย่าร้องไห้
อย่ายิ้มทั้งน้ำตา อย่าฝืนยิ้มเวลาที่พูด อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้เจ็บ ยิ่งทำให้รู้ว่าตัวเองเลวร้าย
ทานตะวันปลดมือของอ้อนออก และหันกลับมาส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้า
รอยยิ้มที่ที่ต้องใช้ความพยายามในการฝืนที่จะยิ้ม
เพียงแค่นั้น เพียงเท่านั้น
แล้วใครจะทนได้
ไม่อาละวาดไม่โวยวาย ไม่ตะโกนด่าทอ ทั้งที่ควรจเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นทานตะวันในเวลาปกติคงทำแบบนั้น
"ทาน...อย่ายิ้มแบบนี้ อย่ายิ้มแบบนี้ อย่าทำอย่างนี้"
อ้อนได้แต่โผเข้าหาร่างที่ยืนนิ่ง และกอดรัดร่างที่สั่นเทาเอาไว้แนบแน่น
ร่างกายสูงใหญ่ทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างช้า ๆ และนิ่งร้องไห้เงียบ ๆ โดยมีคนตัวเล็กกว่ากอดรัดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
"เรารักทาน...รักมาก ๆ เรารักทานนะ...รัก...เรารักทาน"
อ้อนยังคงพร่ำพูด อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่ยอมหยุดพัก
ไม่ได้ขอความเห็นใจ ไม่ได้ต้องการอะไรที่มากกว่านี้ ขอแค่เพียงคำตอบคำเดียว
ขอแค่คำเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินทุกอย่าง
ไม่ได้หวังคำว่าให้อภัย ไม่ได้หวังให้หายโกรธ ไม่ได้ขอให้ยกโทษให้ หวังเพียงแค่คำ ๆ เดียว คำพูดแค่คำ ๆ เดียวจากปากของคน ๆ นี้ ขอเพียงคำยืนยันอีกสักครั้ง ขอเพียงคำเดียวเท่านั้น
"งั้นก็รู้ไว้เถอะ..ถึงตอนนี้จะทั้งโกรธทั้งช็อคและเสียใจมากแค่ไหน....ตอนนี้ทานก็ยังรักหนูน้อยแก้มแดงเหมือนเดิม"
TBC
โดย aoikyosuke