:::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 39 บทส่งท้าย 2 The End" (UP 5/10/2010)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 39 บทส่งท้าย 2 The End" (UP 5/10/2010)  (อ่าน 286399 ครั้ง)

yellowriver

  • บุคคลทั่วไป
ยังลุ้นนนท์อยู่ดี เฮ้อ เหมือนความหวังเลือนรางมากมาย

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
เย็นชาจังเลยนนท์


ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอให้นนท์อยู่คนเดียว ไม่มีคู่ด้วยเถิด สาธุ :call:

aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
สงสารนนท์ก้อตอนนี้เรย

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
อยากอ่านต่อแล้วอ่า  :m13:

~+1  :a1:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมพากันรุมคชานนท์ยังงั้นอ่ะ
(แต่คชานนท์คนเก่งรึจะกลัว)

Awoot Chapter 31

อาวุธเดินมานั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่เขายกมาตั้งไว้อยู่ข้างประตูกระจกของระเบียงห้องนั่งเล่น เก้าอี้ตัวนี้เคยตั้งอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ภาณุวัฒน์ชอบไปนั่งขดตัวดูหิมะตก แต่ตอนนี้หิมะตกหนักมากกว่าเดิมเขาจึงย้ายมาไว้ข้างใน
เขาเพิ่งคุยกับภาณุวัฒน์เมื่อตอนบ่ายเกี่ยวกับรายละเอียดที่ภาณุวัฒน์ขาหักเพราะแอบไปฝึกสกี ชายหนุ่มพูดกับเขาเสียงเบามากราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน อาวุธอดคิดไม่ได้ว่าภาณุวัฒน์ไม่อยากจะให้วินเซนต์รู้ว่าโทรศัพท์มาหาเขา

...ผมยังยุ่งๆ เรื่องงาน เลยยังไปเยี่ยมไม่ได้...
อาวุธจำต้องโกหกภาณุวัฒน์
...ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่นี่ไกลจะตาย เดินทางไม่สะดวก แค่ได้ยินเสียงและรู้ว่าพี่เป็นห่วงผมที่ขาหัก ผมก็ดีใจแล้วครับ ผมไม่อยากให้พี่วุธลำบากเดินทางมาหรอกครับ...
ภาณุวัฒน์ตอบเสียงเบา

อาวุธยอมรับว่าวินเซนต์เหมาะสมกับภาณุวัฒน์ เขาเห็นว่าสองคนนั้นท่าทางจะเข้ากันได้ดี หากวินเซนต์ไม่ได้ทำงานที่กำลังทำอยู่ เขาอาจจะสนับสนุนให้ได้รักกัน
...แม้ภาณุวัฒน์จะไม่ได้มีใจให้วินเซนต์ แต่อีกหน่อยก็คงจะรักวินเซนต์ได้ เพราะหากภาณุวัฒน์ตัดใจจากธงรบได้ ก็น่าจะตัดใจจากเขาได้เหมือนกัน อย่างน้อยก็รู้จักกันได้ไม่นาน ไม่มีอะไรกันลึกซึ้งเหมือนกับธงรบด้วยซ้ำ...

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อาวุธหันไปมอง รู้สึกไม่อยากจะเดินไปรับสาย แต่คนที่โทรศัพท์มาไม่ละความพยายามเพราะปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่เป็นนานสองนาน ในที่สุดอาวุธก็ลุกขึ้นและเดินไปรับโทรศัพท์อย่างเนือยๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นมาก่อน
“ผมรู้ว่าพี่อยู่บ้าน ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจังเลยครับ”
“นนท์ นี่รู้หรือเปล่าว่ากี่โมงแล้ว” อาวุธถามคนที่โทรศัพท์มาด้วยเสียงราบเรียบแต่ก็ดุอยุ่ในที
“กี่โมงก็ช่าง ผมอยากคุย”
“ดื่มหรือเปล่านี่”
“แค่ไวน์ไม่กี่แก้ว”
“เมาก็ไปนอน”
“ใครว่าผมเมา ถ้าเมาผมจะโทรศัพท์ข้ามทวีปมาหาพี่ได้หรือ” คชานนท์เถีียง “แต่ถึงผมจะเมา ก็เมาไวน์ ไม่ใช่เมารัก”
“นนท์ว่าใคร”
“ใครอยากรักก็รับไปสิ” คชานนท์หัวเราะ “พี่วุธ ทำไมพี่ไม่ไปเยี่ยมภาณุวัฒน์ซะที ไม่ห่วงน้องบ้างหรือไง คนป่วยต้องการกำลังใจ สงสารเด็ก”
“เพิ่งคุยกัน ภาณุวัฒน์สบายดี อีกหน่อยก็คงกลับนิวยอร์ค” อาวุธตอบเสียงเย็น
“แน่ใจหรือว่าวินเซนต์จะยอมพาตัวกลับมา”
“บ้านเขาอยู่นิวยอร์ค ยังไงก็ต้องกลับ”
“เดี๋ยวก็เสร็จวินเซนต์หรอก จะหาว่าคชานนท์คนเก่งไม่เตือน”
“นนท์”
“พี่คงตกใจไม่อยากจะเชื่อละสิว่าผมยุพี่แบบซึ่งๆ หน้าอย่างโจ๋งแจ้งแจ๋วแหวว” คชานนท์หัวเราะเบาๆ “ในเมื่อแผนลับไม่คืบหน้า ผมก็จะจับคู่ให้แบบตรงๆ แบบนี้ล่ะ ตอบมาเดี๋ยวนี้ พี่จะรักโจโจ้โคล่าน้อยหรือเปล่า”
“ไปกันใหญ่แล้ว เอาไว้คุยกันวันหลังนะนนท์ ไปนอนซะ” อาวุธพูดเสียงเข้ม
“ถ้าพี่ไม่เอาภาณุวัฒน์ก็เอาคนอื่น” คชานนท์ไม่ยอม
“อะไรนะ” อาวุธอุทานเสียงดัง “ใครอีกล่ะนนท์ มีใครอีก”
“จตุพล”
“จะบ้าหรือ” อาวุธโวย
“หรือเอเชีย เพื่อนของนที”
“ไปนอนเดี๋ยวนี้เลยนนท์ พี่ไม่อยากพูดกับคนเมา” อาวุธลดเสียงลง
“ผมไม่ได้เมา” คชานนท์เถียง “ตกลงพี่จะไม่เอาใคร ไม่ตกลงปลงใจกับใครเลยใช่ไหมเนี่ย ทำไม่พี่ไม่อยากมีคู่ ไม่เข้าใจจริงๆ”
“พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนนท์อยากให้พี่มีคู่นัก”
“มีคู่แล้วมันมีความสุขจะตายพี่ไม่รู้หรือ ตัดใจจากนทีแล้วเริ่มต้นกับคนใหม่ซะที นะพี่วุธนะ ถ้าพี่ไม่เอาคนที่ผมเสนอให้ก็เอาใครก็ได้ ใครซักคน ใครที่พี่สบายใจและมีความสุขเวลาอยู่กับเค้า เดี๋ยวพี่ก็รักเค้าไปเองล่ะ”
“พี่กับนทีจบส้ินกันไปแล้ว ทำไมยังจะต้องมาร่ำไรเรื่องนี้อีก นทีตายไปแล้วนะนนท์ มันจบไปแล้ว”
“ไม่” คชานนท์ตอบเสียงแข็ง “สำหรับพี่ นทียังอยู่ในหัวใจพี่ตลอด เมื่อไหร่พี่จะใส่กลอนล๊อคเขาไว้ในห้องใดห้องหนึ่งในหัวใจของพี่ซะทีนะ คนอื่นจะได้เข้าไปในหัวใจห้องใหญ่ของพี่ได้”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“โรม อิตาเลีย” คชานนท์ตอบ แกล้งออกสำเนียงแบบภาษาอิตาลี่แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่อาวุธได้ยินเสียงดื่มดังอึกใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงคชานนท์ซู๊ดปากแล้วพูดว่า
“โอ๊ย ไวน์บ้าอะไรเนี่ย แรงจริงๆ”
“นนท์ มีเรื่องอะไร เป็นอะไรขึ้นมาถึงได้คิดจะเมา ดื่มไวน์จริงหรือเปล่า หรือว่าดื่มอย่างอื่น”
“ไวน์จริงแท้แน่นอนคร้าบคุณพี่ แต่ผมไม่ได้คิดจะเมาหรอก ถ้าเมาก็ดื่มเหล้าไปแล๊ว พี่วุธไม่ชอบคนเมาไม่ใช่หรือ ผมไม่อยากถูกด่า”
“แล้วที่โทรมากวนพี่ดึกๆ นี่ไม่กลัวถูกด่าหรือ”
“ใครว่ากวน แต่แล้วพี่รับโทรศัพท์ทำไมล่ะ แสดงว่าพี่ก็ยังไม่ได้นอน พี่วุธคร้าบ น้องชายโทรมาคุยกับพี่ชายมันผิดกฏหมายข้อไหน เรารู้จักกันมาตั้งนาน สนิทกันก็ปานนั้น พี่จำได้ไหม คนเคยบอกว่าเราเหมือนกันมาก เหมือนผมเป็นน้องชายพี่จริงๆ แต่ผมว่าไม่เหมือนนะ ผมไม่ซับซ้อนซ่อนปมเหมือนพี่ ผมเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ถูกใจก็คบกันไป” คชานนท์ฮัมเพลงแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับเมืองไทย” อาวุธไม่เออออตาม
“อีกสองสามวัน”
“แล้วเรื่องซื้ออพาร์ทเมนท์ที่ออสโลว์ว่าไง”
“เอาไว้ก่อน ไม่มีเวลาแล้ว ผมต้องกลับเมืองไทยไปหาเงินให้ได้ซักห้าร้อยล้าน นี่ใกล้ฤดูกาลเลือกตั้ง ลูกค้าเยอะ” คชานนท์ตอบ
“ระวังตัวให้ดีเถอะ เดี๋ยวพี่จับข้อหาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ”
“พี่จะทำผมลงคอหรือคร้าบพี่วุธที่รักและเคารพ พี่ไม่รักไม่เอ็นดูไม่สงสารคชานนท์น้องชายพี่หรือไง ผมแค่ทำมาหากิน” คชานนท์พูดไปหัวเราะไป
“ทำมาหากินแบบนี้ระวังโดนลูกหนี้ลงขันกันจัดการนนท์เพื่อล้างหนี้นะ”
“ผมไม่กลัว ผมรู้จักคนมีสี มีแบ็คอัพเป็นคนในเครื่องแบบเยอะแยะ ง่ายๆ ก็พี่นี่ไง เป็นคนคุ้มครองผม” คชานนท์ตอบ “ตอนเป็นเด็กพี่คอยปกป้องผมจากพี่ชายอันธพาล จำได้หรือเปล่า เวลาพี่คมไล่เตะผมทีไร ผมชอบวิ่งไปแอบหลังพี่”
“ให้คมด่าพี่ว่าปกป้องไอ้เด็กกวนประสาท”
“ใครว่าผมกวนประสาท ผมแค่เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา พี่คมยอมรับความจริงไม่ได้ต่างหาก” คชานนท์แย้ง
“ก็ชอบไปยุ่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพี่เขานี่นา”
“เรื่องของพี่คมตอนนั้นมีเรื่องใคร่ๆ อย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องรักๆ”
“แล้วตอนนี้ก็มายุ่งเรื่องของพี่” อาวุธประชด
“เรื่องของพี่มีเรื่องใคร่ๆ ด้วยหรือ เรื่องของพี่ผมยุ่งเรื่องรักๆ อย่างเดียว” คชานนท์ตอบเล่นลิ้นแล้วหัวเราะเช่นเคย
“เป็นเด็ก เลิกยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ได้แล้ว”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่” คชานนท์โวย “ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กของพี่ชายแล้วนะคร้าบ ผมโตแล้ว อีกไม่นานก็จะอายุสามสิบ ใครจะรู้ไหมเนี่ย”
“ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ”
“พี่ว่าผมแกงั้นสิ”
“เปล่า”
“พี่ว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่หรือเปล่า ไม่ใช่ไอ้นนท์ตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมพี่วุธ”
“นนท์” อาวุธพูดเสียงเรียบ “นนท์โตเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้ว ใครจะไปว่าเป็นเด็ก”
“พี่นั่นล่ะ เมื่อกี้พี่ก็ยังพูด พี่วุธยังคิดว่าผมเป็นเด็ก” น้ำเสียงคชานนท์ฟังดูน้อยใจ “โอ๊ย ไม่เอาแล้้ว ผมง่วงนอน ผมไปนอนก่อนนะพี่วุธนะ อ้อ แล้วอย่าลืมไปเยี่ยมภาณุวัฒน์ล่ะ”
“เลิกพูดเรื่องนี้เสียที” อาวุธดุ
“ก็ได้ งั้นก็...เลิกคิดเรื่องงานซะที ให้คิดแต่เรื่องรัก จะรักจะชอบใครอะไรยังไงเมื่อไหร่ก็รีบๆ เข้าซะ เดี๋ยวได้กินแห้ว” พูดเสร็จคชานนท์ก็วางสายไปเฉยๆ ปล่อยให้อาวุธยืนถือโทรศัพท์นิ่งหลายอึดใจก่อนจะวางลงบนแป้นช้าๆ ในใจนึกถึง 'ความหมายแฝง' ที่คชานนท์ทิ้งท้ายเอาไว้เช่นทุกครั้งที่คุยกัน เขารู้ว่าคชานนท์เป็นคนซับซ้อน การสื่อสารตรงไปตรงมาแบบที่คชานนท์ชอบอ้างนั้นความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย คำพูดของคชานนท์นั้นต้องตีความเสมอเพราะมักจะมีอะไรแฝงอยู่เป็นชั้นๆ คชานนท์มัก 'บอก' อะไรคู่สนทนาอีกอย่างผ่านทางการสื่อสารที่ตัวเองอ้างว่าตรงไปตรงมา คู่สนทนาที่ฉลาดเท่านั้นจะเข้าใจ 'สารจริงๆ' ของคชานนท์

ในที่สุดวินเซนต์ก็ตัดสินใจย้ายภาณุวัฒน์กลับนิวยอร์ค อาการของภาณุวัฒน์ดีขึ้นมาก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ความจริงภาณุวัฒน์ไม่ได้อาการหนักขนาดที่ไม่ควรเคลื่อนย้าย เขาเพียงต้องการเอาชนะคชานนท์
แต่ตอนนี้เขากลับแพ้!
เขาไม่ได้แพ้คชานนท์คนเดียว แต่เขาแพ้ใจตัวเองด้วย เขาแพ้ภาณุวัฒน์ เขาแพ้อาวุธ!
อาวุธใจแข็งมากที่ไม่มาเยี่ยมภาณุวัฒน์เลย ส่วนภาณุวัฒน์ก็ใจแข็งที่ไม่ยอมอ้อนวอนให้เขาพากลับนิวยอร์คทั้งที่รู้ว่าอาวุธกลับถึงนิวยอร์คแล้วและคงไปเยี่ยมตัวเองได้สะดวกมากกว่ามาถึงแอสเพ็น
“วินเซนต์ ถ้าคุณต้องไปทำงานก็ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมช่วยเหลือตัวเองได้สบายมาก” ภาณุวัฒน์พูดขึ้นมาขณะที่วินเซนต์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร
“บอกให้ไปอยู่ที่บ้านคุณย่าก็ไม่เชื่อ”
“ผมไม่อยากรบกวน”
“ตอนนี้คงออกไปไหนมาไหนไม่ได้ พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงาน เย็นนี้ผมจะออกไปซื้อของมาไว้ในตู้เย็น”
“คุณจะไปไหนหรือครับ ไปกี่วัน” ภาณุวัฒน์ถาม
“ก็ไปทำงาน”
“ที่ไหน”
“ที่ทำงาน”
“คุณไม่อยากให้ผมรู้” ภาณุวัฒน์ทำหน้ามุ่ย
“NYU” วินเซนต์ตอบยิ้มๆ
“นั่นมันมหาวิทยาลัย”
“ผมทำงานที่มหาวิทยาลัย งานผมคือเป็นนักศึกษา ผมบอกคุณได้แค่นี้”
“คุณเป็นสายลับเหมือนในหนังจริงๆ ด้วย” ภาณุวัฒน์เบิกตากว้างแล้วกระโดดขาเดียวเข้ามาหาวินเซนต์
“สายลับมีหลายระดับนะโจโจ้” วินเซนต์จับไหล่ของภาณุวัฒน์ มองตานิ่ง “ในหนังมันเกินจริง ผมไม่ได้ทำขนาดนั้น ความจริงมันก็มีกลุ่มที่ต้องทำขนาดนั้น แต่ก็มีพวกทำงานั่งโต๊ะ วิเคราะห์ข้อมูล เจ้าหน้าที่เทคนิค พวกกึ่งๆ ทำงานนอกออฟฟิสบ้าง แต่ไม่ถึงกับต้องปกปิดสถานะของตัวเองแบบลับสุดยอด แม้แต่สามีภรรยาหรือลูกๆ ก็บอกไม่ได้ เอาเป็นว่า ผมเป็นพวกที่อยู่กลางๆ”
“คุณก็ยังลึกลับอยู่ดี”
“อย่าคิดมากสิครับ เชื่อมั่นในตัวผมหน่อย ผมรู้ว่าคุณลำบากใจที่ผมทำงานแบบนี้ แต่เชื่อผมหน่อยนะโจโจ้” วินเซนต์พูดเสียงหนักแน่น “อย่างน้อยก็เชื่อว่าผมรักคุณ”
“คุณรักผม” ภาณุวัฒน์ทวนคำเสียงเบา
“ผมจะยังไม่ถามหรอกว่าคุณรักผมหรือเปล่าเพราะผมรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่คุณต้องให้โอกาสตัวเองนะโจโจ้ คุณพี่ชายของคุณเขาก็มีโลกของเขา คุณเข้าไปอยู่กับเขาไม่ได้หรอก ผมเป็นคนที่จะทำให้คุณมีความสุข คุณต้องก้าวเข้ามาหาผม การที่ไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นจะทำให้คุณมีแต่ความทุกข์ ถึงคุณจะยังไม่รักผม ก็ขอให้อยู่กับผม ซักวัน ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้”
“วินเซนต์”
“ผมพูดตรงเกินไปไหม” วินเซนต์ยักคิ้วแล้วอมยิ้ม “ที่นี้อย่ามาว่าผมลึกลับ ผมน่ะเป็นคนที่เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ผมคิดยังไงก็พูดยังงั้น ส่วนเรื่องงาน คุณต้องแยกออกจากตัวตนของผม รายละเอียดเรื่องงานผมบอกมากนักไม่ได้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนแบบนั้น เข้าใจหรือเปล่าโจโจ้ซัง”
ภาณุวัฒน์สูดลมหายใจเบาๆ มองหน้าวินเซนต์อย่างครุ่งคิดแล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะกระโดดไปที่โซฟาแล้วหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม วินเซนต์มองตามร่างเล็กๆ ที่กระโดดขาเดียวไปมาตลอดเวลาและเมื่อภาณุวัฒน์กลับมายืนที่เดิมข้างเขาจึงพูดขึ้นว่า
“ขี้หนาวจริงๆ เลย ใส่อีกแล้วเสื้อตัวนี้ ผมจะซื้อให้ใหม่ เอาตัวที่หนาๆ แต่พอดีตัว นี่มันใหญ่เกินไป เหมือนลูกใส่เสื้อพ่อ”
“อุ่นดี” ภาณุวัฒน์ยิ้ม
“อ้อมอกของผมอุ่นกว่า” วินเซนต์พูดแล้วทันใดก็ดึงภาณุวัฒน์เข้ามากอด
“วินเซนต์ อย่า...”
“ขอกอดหน่อยเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว” วินเซนต์พูดเสียงสั่นพร่า
“คุณ...”
“เงียบ ชูวส์ ถ้าไม่เงียบผมจะปล้ำคุณเดี๋ยวนี้ ผมขอกอดเฉยๆ ไม่ทำอะไรหรอก อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ จะได้ไม่เกิดอารมณ์”
ภาณุวัฒน์นิ่งเงียบไปในทันใดและยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตา ปล่อยให้วินเซนต์กอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก อ้อมอกของวินเซนต์อบอุ่นอย่างที่พูดจริงๆ
...แต่อ้อมอกของสารวัตรอาวุธล่ะ จะอบอุ่นเหมือนกันหรือเปล่า...
..แล้วจะมีวันไหม ที่พี่วุธจะดึงเราเข้าไปกอดแน่นๆ แบบนี้...
...ทำไมเขายังเอาแต่คิดถึงพี่วุธอยู่ได้ ทำไม...
::: end of chapter 31 :::

ออฟไลน์ thboy_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตามลุ้นต่อไปครับ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

เพี้ยง!!!
:m16:


Zepher

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นต่อว่าสารวัตรอาวุธจะรักใคร
แต่ที่แน่ ๆ น้องโจ้รักพี่วุธ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 31" (UP 5/9/2010)
« ตอบ #999 เมื่อ: 05-09-2010 22:38:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
อ้อมกอดคนที่รักเราและเรารักเขาย่อมอบอุ่นเกินธรรมดา โจ้อยากรู้ลองให้พี่วุธกอดเดี๋ยวก็รู้

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นพี่วุธ จนเริ่มเบื่อ
สงสารน้องโจ้แล้ว

^ - ^A s A v I n * o *

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีครับ แต่งได้ดี

แต่ผมว่าเนื้อเรื่องดำเนินช้าไปนิดรึป่าวครับ - -

ออฟไลน์ reneisance

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
คุณนายอะไรยังไง เหมือนทิศทางเริ่มมาทาง วุธ กับ นนท์ แล้ว ฟันะงว่า นนท์ ต้องเป็น รับ แน่เรย ห้าๆๆๆก็เหมาะกับ วุธ ดีนะ
แต่อะไรยังไงตอนท้ายยังมี ระหว่างวุธ กับ โจ้ซะอีก

dragonfly08

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นพี่วุธ จนเริ่มเบื่อ
สงสารน้องโจ้แล้ว

ช่ายๆ ลุ้นจนเมื่อยแหละ

yellowriver

  • บุคคลทั่วไป
 :z3:ลุ้นมาก พี่วุธซักเรื่อง ได้โปรดเถอะ...

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 :man1:  นนท์กะวุธ น่ารักจังงงง>__<


“พี่ว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่หรือเปล่า ไม่ใช่ไอ้นนท์ตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมพี่วุธ”


อร้าย!  หวังอะไรอยู่รึเปล่าน้องนนท์ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2012 21:23:43 โดย วิหคท่องนภา »

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาแล้วไง ขว้างงูไม่พ้นคอจริง ๆ นนท์คนเก่ง ซ่อนเล้นสิ่งที่มีอยู่ในใจ
พี่วุธ เริ่มเปิดแนวรุก หาตัวตนที่น้องชายปกปิดเอาไว้  อย่างงี้ก็มีลุ้น  :z1:
ส่วนอีกคู่จะลงเอยหรือไม่อย่างไร คงต้องตามอย่างใกล้ชิด ว่าผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงจะว่าไง
+1 เป็นกำลังใจให้ผู้มีอธิพลตัวจริง ครบ 1800 แล้ว เมื่อไหร่จะเปิดตัวแม่ของลูกละครับ  :m11:

ออฟไลน์ emmybblood

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
นนท์ของเจ๊   :impress2: ถึงจะแสบๆ แต่ก็น่าเอ็นดูอ่ะน้า

โจโจ้  ไปดีมาดีกะเค้าคนนั้นเถอะหนู  :bye2: แต่รู้สึกเด็กนี่จะไม่จำ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
โจโจ้รักอาวุธแน่หรือ  มันดูไม่ค่อยน่าจะใช่ความรักเลย

ที่พูดมาคือยังไงก้รักนนท์เสมอ 55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 31" (UP 5/9/2010)
« ตอบ #1009 เมื่อ: 06-09-2010 16:04:28 »





i3igM

  • บุคคลทั่วไป
คนนึงก็รัก อีกคนก็แอบเชียร์

เอาไงดีน้า พี่วุธจะรักใครดี

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
แปะ ไว้ก่อนเด๋วมาดิท

ขอบคุณที่มาต่อติด ๆ กันสองวันเลยค่ะ ชอบ ๆ

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แล้วทำไมล่ะคับ แค่นี้ก้อคิดไม่ได้เหรอ โจโจ้ :really2:

yellowriver

  • บุคคลทั่วไป
ดันๆ อยากอ่านต่อมากๆ เลย : 222222:

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 :m13:ปูเสื่อนั่งรอตอนใหม่ อิอิ

casperko

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นกันไปอีกหลายๆตอน พี่วุธเมื่อไหร่จะจัดการน้องนนท์คะ จับกดไปเลยน้องกำลังเมาๆมึนๆด้วย :z1:

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
เมาได้ที่  o13
น้องนนท์แอบส่งสารอะไรถึงพี่วุธรึป่าว
ยั่ว???
 :laugh:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นจนเหนื่อยเช่นกันค่ะ

aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
อย่าไปรอสิ่งที่ไม่รู้เลย เลือกคนที่อยู่ตรงนี้ รู้แน่ ๆ อยู่แล้วว่าคิดยังไง

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Awoot Chapter 32

อาวุธเก็บเอกสารทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทำงานของอลิซาเบธ สจ๊วต เจ้าหน้าที่สืบสวนคดีพิเศษของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา วันนี้เขาได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับคดีนักการเมืองระดับสูงของไทยค้ายาเสพติดข้ามชาติและเรื่องขายบริการของนางแบบและนายแบบของ FashionEmpire
แต่เรื่องของจักราวุธกลับไม่ค่อยคืบหน้า!
ข้อมูลเกี่ยวกับจักราวุธมีน้อยมาก ความจริงเขาอยากจะย้อนกลับไปที่บ้านของคุณย่าของวินเซนต์ หญิงชรารู้เรื่องเกี่ยวกับจักราวุธหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของนที
...แต่เขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้...
...หากเขาไปที่บ้านของคุณย่าเวโรนิก้า เขาอาจจะพยายามรื้อฟื้นเรื่องนที ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้องกับจักราวุธ...
...เขาต้องแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว..
...แต่ทว่า นี่เป็นโอกาสที่จะได้รู้เรื่องของนทีมากขึ้น...
...เพื่ออะไร นทีจากไปแล้ว ให้นทีอยู่ในความทรงจำ ขังและล๊อคเอาไว้อย่างที่คชานนท์พูด อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาพยายามทำตลอดไม่ใช่หรือ...
...แต่คุณย่าโวโรนิก้าบอกว่าเรื่องของนทีกับจักราวุธเป็นเรื่องเศร้า หมายความว่ายังไง ส่วนเอเชียผู้เป็นทั้งเพื่อนและญาติห่างๆ ของนทีบอกว่าเขาเป็นเงาของจักราวุธ...
...นทีรักกับจักราวุธนานแค่ไหน ก่อนหรือหลังจากที่รักกับแอนโทนี่ และหากเที่ยบกับเขา นทีรักใครมากกว่ากัน...
อาวุธถอนหายใจออกมาดังๆ พยายามที่จะขจัดความคิดสับสนวุ่นวายและขัดแย้งกันอยู่ในหัวให้หายไป ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมภาณุวัฒน์
...อย่างน้อย คชานนท์จะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที...
...แต่ว่านี่หายไปนานพอสมควร ทำไมจู่ๆ คชานนท์ก็เงียบไป มัวแต่ยุ่งกับการหาเงินห้าร้อยกว่าล้านมาเพื่อเตรียมให้ผู้สมัคร ส.ส. ยืม หรือว่านี่คือความเงียบก่อนพายุครั้งใหญ่...

ภาณุวัฒน์นั่งอยู่บนพื้นห้อง ตามองรูปภาพเคลือบพลาสติกที่ถืออยู่ในมือด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ผู้ชายในรูปสวมเสื้อกันหนาวที่อาวุธให้เขายืมใส่ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่เสื้อตัวคล้ายกันแต่ครั้นพิจารณาอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็นตัวเดียวกัน อักษรปักมือเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษ ILU บนอกซ้ายที่ปรากฎอยู่ในรูปทำให้เขายิ่งแน่ใจ
แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือว่า ทำไมรูปภาพผู้ชายท่าทางเศร้าๆ คนนี้ซึ่งสวมเสื้อกันหนาวของอาวุธมาอยู่ในห้องของวินเซนต์ หากเขาไม่กระโดดขาเดียวไปมาจนไปชนชั้นหนังสือของวินเซนต์ก็คงไม่เห็นรูปภาพใบนี้หล่นลงมา
หลังภาพถ่ายเขียนด้วยลายมือลงเส้นหนักๆ ว่า
I luv u W.
...W. คือใคร หรือว่าจะเป็น...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภาณุวัฒน์หันไปมองแล้วพยายามพยุงตัวลุกขึ้นช้าๆ รู้สึกลังเลว่าควรจะไปเปิดประตูดีหรือไม่ เขารู้ว่าคนที่อยู่หน้าประตูไม่ใช่วินเซนต์เพราะวินเซนต์มักจะเปิดประตูห้องเข้ามาเองทุกครั้ง แต่วินเซนต์ก็ไม่เคยห้ามไม่ให้เขาเปิดประตูให้ใคร เขาเห็นเพื่อนนักศึกษาของวินเซนต์มาหาอยู่บ่อยๆ
เสียงเคาะหนักๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ภาณุวัฒน์เดินกระโผลกกระเผลกไปที่ประตูแล้วลองถามเป็นภาษาไทยเพราะคิดว่าหากคนที่มาหาพูดภาษาอังกฤษเขาก็จะไม่เปิดให้เพราะคงคุยกันไม่รู้เรื่อง
“อาวุธ” เสียงห้าวๆ ตอบคำถามของภาณุวัฒน์เบาๆ พอให้ได้ยิน ภาณุวัฒน์ตัวแข็ง ไม่คาดว่าจะได้ยินเสียงนี้
“พี่วุธ” ภาณุวัฒน์รีบเปิดประตู แหงนหน้ามองชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าห้อง
“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม” อาวุธถามเสียงอ่อนโยน
“ดีครับ” ภาณุวัฒน์พยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง “ผมเดินได้ตั้งนานแล้ว อาการไม่หนักหรอกครับ พี่วุธไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขาหักเรียกว่าไม่หนักงั้นหรือ” อาวุธเดินเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองไปรอบๆ
“วินเซนต์ไม่อยู่หรอกครับ ไปทำงาน” ภาณุวัฒน์พูดขึ้นเบาๆ
“ถึงอยู่ก็จะมาเยี่ยม” อาวุธตอบ “แต่ที่ไม่ได้มาก่อนหน้านี่เพราะต้องไปทำงานเรื่องสำคัญ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่วุธมาเยี่ยมผมวันไหนก็ดีทั้งนั้นครับ”
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่” อาวุธก้มลงมองหนังสือที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นหน้าชั้นหนังสือแล้วมองขาของภาณุวัฒน์ที่เข้าเฝือกสีขาว มีตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือโย้เย้เป็นภาษาอังกฤษว่า “ผมดื้อและซุ่มซ่าม ผมเลยขาหัก”
...วินเซนต์เป็นคนมีอารมณ์ขันและคงสร้างเสียงหัวเราะให้ภาณุวัฒน์ได้ทุกวัน และอีกไม่นานภาณุวัฒน์ก็คงจะลืมเขา และ...
ความคิดของอาวุธหยุดลงเมื่อมองไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของภาณุวัฒน์ เขามองนิ่งจนภาณุวัฒน์รู้สึกถึงความผิดปกติจึงก้มลงมองตามแล้วยกมือขึ้น ชายหนุ่มมองภาพคนที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นอีกครั้งก่อนจะยื่นให้อาวุธ
“ผมเห็นอยู่ในชั้นหนังสือของวินเซนต์ครับ” ภาณุวัฒน์พูดเสียงเบา “ใครหรือครับพี่วุธ ทำไมเขาใส่เสื้อพี่ ใช่เสื้อพี่ที่ให้ผมยืมใส่ไหมครับ”
“นที พี่ชายของวินเซนต์”
“แล้วทำไม...”
“เขาตายไปแล้ว” อาวุธยื่นรูปภาพคืนให้ภาณุวัฒน์
“วินเซนต์ไม่เคยพูดถึง แล้วพี่วุธรู้จักกับเขาหรือครับ”
อาวุธไม่ตอบแต่กลับเดินไปที่โซฟากลางห้องแล้วนั่งลงช้าๆ ราวกับเหนื่อยอ่อน
“พี่รู้จักกับวินเซนต์มาก่อนหรือครับ” ภาณุวัฒน์เปลี่ยนคำถามถาม
“เปล่า” อาวุธตอบแล้วตบมือลงบนเบาะโซฟาข้างตัวและพยักหน้าให้ภาณุวัฒน์ประหนึ่งจะบอกให้ชายหนุ่มมานั่งข้างๆ ภาณุวัฒน์จึงรีบกระโดดขาเดียวไปหาเพราะไม่อยากให้อาวุธรอ แต่เท้ากลับสะดุดพรมผืนใหญ่หน้าโซฟา ทำให้เซถลาไปข้างหน้าและล้มลง แต่ทว่าอาวุธรับตัวเอาไว้ได้
“ซุ่มซ่ามจังเลยโจ้” อาวุธเอ็ด มือจับไหล่ภาณุวัฒน์ดันออกห่างตัวช้าๆ เพราะภาณุวัฒน์ล้มทับเขา แต่ภาณุวัฒน์กลับสอดมือเข้าไปใต้เสื้อโค้ทของอาวุธแล้วกอดเอาไว้แน่น
“พี่วุธครับ ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยมผม ขอบคุณที่เป็นห่วงผม”
“คนเจ็บ ผมก็ต้องห่วง”
“ผมขอโทษที่ไม่ระมัดระวัง พี่วุธอย่าไปว่าวินเซนต์นะครับ”
“ผมจะไปว่าเขาทำไม”
ภาณุวัฒน์ปล่อยมือจากเอวของอาวุธและดันตัวออก แหงนหน้ามองอาวุธด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะก้มหน้า ตอบอาวุธในใจว่า
...ผมนึกว่าพี่ฝากให้วินเซนต์คอยดูแลผม แต่นี่วินเซนต์กลับปล่อยให้ผมเป็นอะไร...
ภาณุวัฒน์เบี่ยงตัวออกเพื่อนั่งลงบนโซฟาข้างอาวุธ แต่นายตำรวจยังรั้งตัวภาณุวัฒน์เอาไว้เพราะกลัวว่าคนเจ็บจะเผลอตัวทำให้ขาของตัวเองกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะหน้าโซฟา แต่ทันใดทั้งสองก็สะดุ้งเมื่อประตูห้องเปิดออกพร้อมเสียงสดชื่นของวินเซนต์ดังขึ้น
“โจโจ้ที่รัก ผมกลับมาแล้วครับ ซื้อบลูเบอรรี่มาฝากด้วย”
ภาณุวัฒน์หันขวับไปมองประตูแล้วขยับตัวออกจากอ้อมอกของอาวุธ ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่กล้าสบตาวินเซนต์
“ผมมาเยี่ยมภาณุวัฒน์” อาวุธพูดขึ้นเบาๆ ทำหน้านิ่งเรียบ ปล่อยมือจากไหล่ทั้งสองของภาณุวัฒน์ช้าๆ
“ผมเห็นแล้ว” วินเซนต์ตอบเสียงเย็น ใบหน้าบึ้งตึง แล้วเดินไปวางถุุงกระดาษลงบนโต๊ะทานอาหารหน้าแพนทรี่ จากนั้นจึงเดินไปหยุดยืนก้มลงมองหนังสือที่กระจายอยู่บนพื้นห้อง
“ผมขอโทษนะครับวินเซนต์ ผมเดินไม่ระวังก็เลยชน” ภาณุวัฒน์รีบพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ” วินเซนต์พูดโดยไม่หันไปมองภาณุวัฒน์ พลางก้มลงเก็บหนังสือ แต่ไม่กี่อึดใจก็หันมาหาชายหนุ่มและถามว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมโจโจ้ ยังเจ็บขาอยู่ทำไม่กระโดดไปกระโดดมา”
“ผมจะไปหยิบโทรศัพท์” ภาณุวัฒน์ตอบ
“ถ้าคุณล้มลงขากระแทกพื้นเดี๋ยวก็เจ็บหนัก”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” ภาณุวัฒน์ส่ายหน้า
“ผมไม่อยากให้ใครมาว่าผมว่าดูแลคุณไม่ดี” วินเซนต์ปรายตาไปมองอาวุธซึ่งนั่งนิ่งใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วเมื่อไหร่จะถอดเฝือกได้” อาวุธหันไปถามภาณุวัฒน์ ไม่สนใจที่โดนวินเซนต์พูดกระทบกระเทียบ
“อีกไม่นานครับ” วินเซนต์ตอบแทนพร้อมกับลุกขึ้นและเก็บหนังสือเข้าชั้น ภาณุวัฒน์หันไปมองอาวุธแวบหนึ่งแล้วหยิบภาพถ่ายของชายหนุ่มที่สวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ยื่นให้วินเซนต์
“รูปนี้หล่นลงมาด้วยครับ” ภาณุวัฒน์พูดขึ้น มองวินเซนต์ด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม วินเซนต์เดินเข้ามาใกล้และมองรูปภาพในมือของภาณุวัฒน์แล้วตวัดสายตามองอาวุธที่ยังคงนั่งทำหน้าเรียบนิ่ง
“ใครครับ” ภาณุวัฒน์ถามเบาๆ
“นที” วินเซนต์ตอบเสียงเบาเช่นกัน “พี่ชายผมเอง”
“คุณไม่เคยพูดถึงเลย” ภาณุวัฒน์พึมพำเสียงเบามาก แต่วินเซนต์ได้ยินจึงตอบว่า
“นทีเสียชีวิตไปแล้วครับ ผมขอโทษ ผมไม่อยากจะเล่าเรื่องเศร้าๆ ให้คุณฟัง”
“แล้ว...” ภาณุวัฒน์หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอาวุธแล้วหันมามองวินเซนต์ สายตายังคงเต็มไปด้วยคำถามเช่นเคย เขาอยากจะถามว่าเสื้อที่นทีสวมเป็นเสื้อตัวเดียวกันที่อาวุธให้เขายืมใส่หรือไม่
“อ้อ ผมซื้อเสื้อตัวใหม่มาให้คุณด้วย” วินเซนต์เปลี่ยนเป็นสีหน้าสดชื่น น้ำเสียงร่าเริง “พอดีตัวเป๊ะ คราวนี้คุณก็คืนเสื้อสารวัตรอาวุธได้แล้ว”
“แต่ว่า...” ภาณุวัฒน์หันไปมองอาวุธอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร จะเก็บไว้ก็ได้” อาวุธพูดกับภาณุวัฒน์แล้วลุกขึ้นยืน
“พี่วุธจะกลับแล้วหรือครับ”
“ผมไม่รบกวนแล้ว จะได้ทานข้าวกัน” อาวุธตอบ
“อยากเก็บไว้ไหมครับสารวัตร” วินเซนต์ยื่นภาพถ่ายให้อาวุธ สายตาของชายหนุ่มทั้งสองประสานกัน อาวุธไม่ตอบอะไร วินเซนต์จึงพูดต่อว่า “ผมว่ารูปนี้คุณคงไม่เคยเห็นมาก่อน นทีถ่ายที่มอนทรีออล ตอนไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่สนิทกันมาก”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ ผมมีรูปนทีเยอะแล้ว”
“นทีเป็นแฟนเก่าสารวัตร” วินเซนต์หันมาพูดกับภาณุวัฒน์ยิ้มๆ “คุณไม่เคยรู้หรือโจโจ้”
“หยุดพูดซะทีวินเซนต์” อาวุธพูดเสียงเบากับวินเซนต์เป็นภาษาอังกฤษ แต่เป็นนำ้เสียงแข็งกร้าว นายตำรวจจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“คุณต้องลืมพี่ชายผม ไม่งั้นผมจะให้คนที่ผมรักไปอยู่กับคุณไม่ได้” วินเซนต์ตอบเสียงเข้ม
“คุณไม่ต้องเสียสละหรอกวินเซนต์ ไม่จำเป็น” อาวุธตอบเสียงเย็นชา “ผมไม่ประทับใจในสิ่งที่คุณคิดว่าตัวเองคิดจะทำหรอก ขออย่างเดียว ดูแลเขาให้ดี”
“อ๋อ แต่คุณเสียสละได้งั้นสิ”
“หรือไม่อยากให้ผมทำ” อาวุธเลิกคิ้วแล้วขยับตัว หันไปมองภาณุวัฒน์ซึ่งค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนและมองมาที่อาวุธด้วยสายตาเศร้าๆ
“โจ้ ดูแดตัวเองดีๆ หายเร็วๆ” อาวุธพูด
“ครับ” ภาณุวัฒน์พยักหน้า มองตามอาวุธที่เดินออกไปจากห้องเงียบๆ ในใจอยากถามวินเซนต์ยิ่งนักว่าคุยอะไรกับอาวุธเป็นภาษาอังกฤษ
...เข้าเข้าเพียงคำว่า take good care...
...หมายความว่ายังไง หมายความว่าพี่วุธยอมให้วินเซนต์เป็นฝ่ายดูแลเขางั้นหรือ...
...แล้วพี่วุธไม่อยากดูแลเขาแล้วหรืออย่างไร...
...เพราะอะไร เพราะพี่วุธลืมแฟนเก่าไม่ได้ใช่หรือเปล่า...
...นที แฟนเก่าพี่วุธ เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เพ่ิงรู้จักกับพี่วุธไม่นานและคงไม่อยู่ในสายตาของพี่วุธ และคงไม่มีทางแทนที่นทีในหัวใจของพี่วุธได้ มิน่า วินเซนต์ถึงบอกว่าปล่อยให้พี่วุธอยู่ในโลกของตัวเอง เขาคงก้าวเข้าไปไม่ได้ และที่บอกว่าเสื้อตัวนี้ไม่ใช่เสื้อของพี่วุธ แต่ให้เขาใส่เสื้อเพราะอยากเห็นเสื้อ ก็คงเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง...
...แต่ทำไมถึงให้เขามาใส่เสื้อของแฟนเก่าด้วย...ทำไม...ถ้ารักและหวงแหนมาก ก็น่าจะเก็บเอาไว้ให้ดี ไม่ให้ใครมาแตะต้องได้ถึงจะถูก...
...พี่วุธคิดอะไรเขาไม่เข้าใจเลย จริงๆแล้วพี่วุธรู้สึกยังไงกับเขา...

...ยกสุดท้าย ต้องน๊อคพี่วุธให้ได้ ปล่อยให้ยืดเยื้อไม่ได้อีกแล้ว ให้พักระหว่างยกจนสมควรแก่เวลา คราวนี้จบเกมเสียที เขาจะได้ไปจัดการกับคู่อื่น...
คชานนท์ยิ้มมุมปากแล้ววางมือลงบนแป้นคีย์บอร์ดเพื่อพิมพ์ข้อความสั้นๆ ก่อนจะกด 'ส่ง' ไปยังผู้รับหลายคนพร้อมกัน รวมถึงอาวุธ
“ถ้าคราวนี้สำเร็จ แผนบีก็คงไม่ต้องใช้ ส่วนเจ้าวินเซนต์ ฮื่อ จะทำยังไงดี คิดๆ ไปก็น่าสงสารภาณุวัฒน์ ถ้าผิดหวังคราวนี้ไม่รู้จะฆ่าตัวตายเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่ ภาณุวัฒน์จะเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งขึ้นและต้องขอบคุณคชานท์ด้วยซำ้” คชานนท์พูดอยู่คนเดียว แล้วปิดหน้าจอจดหมายอิเลกทรอนิกส์แล้วเปิดแฟ้มข้อมูลบัญชีการเงินขึ้นมาแล้วอมยิ้มด้วยความพอใจ
“สามร้อยห้าสิบล้าน กำไรเห็นๆ” คชานนท์พยักหน้าแล้วพิมพ์ตัวเลขลงไปในช่องแล้วสั่งในโปรแกรมคำนวณ และเมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จจึงพูดพึมพำว่า “ฮื่อ น้อยไป ต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกหน่อย ซัก 0.02 เปอร์เซ็นต์ แค่นี้ก็ได้กำไรเอาไปซื้ออพาร์ตเมนต์เป็นห้องหอให้พี่วุธไปฮันนี่มูน”
คชานนท์เอนตัวพนักเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ กอดอกมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างครุ่นคิดแล้วป้อนตัวเลขชุดใหม่ลงในช่องเดิมแล้วสั่งให้โปรแกรมคำนวณอีกครั้ง
“กำไร กำไร กำไร” คชานนท์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วเปลี่ยนตัวเลขไปเรื่อยๆ “ทำอะไรก็ได้กำไร แล้วมาหาว่าคชานนท์ขี้โกง โชคมันเข้าข้างเราต่างหาก อืม เพิ่มอีกซัก 0.01 เปอร์เซ็นต์ มันจะได้อีกกี่ล้านหว่า...”
หลังจากชื่นชมกับตัวเลขแล้วคชานนท์ก็ปิดแฟ้มข้อมูลและเปิดโปรแกรมอื่น คราวนี้ขมวดคิ้ว จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ชั่วครู่ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนเมาส์เพื่อกดเลือกรายการบนหน้าจอ
“ซื้อ ซื้อ ซื้อ ส่วนรายการนี้ bid อันนี้ไม่เอา อันนี้ซื้อ รวมซื้อสี่รายการ เงินพ่อกับเงินพี่คมคนละครึ่ง แล้วโอนเงินปันผลไปสวิส หักห้าเปอร์เซ็นต์ ค่าเหนื่อยคชานนท์” คชานนท์หัวเราะเบาๆ แล้วหยิบปากกาเขียนบันทึกความจำลงบนสมุดเล่มเล็กๆ สีดำซึ่งวางอยู่ข้างคอมพิมเตอร์
คชานนท์ชอบทำงานและพูดทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำไปด้วยเพราะเป็นวิธีการจดจำสิ่งต่างๆ แบบที่เคยทำมาตั้งแต่เป็นเด็ก พ่อของเขาชอบบ่นว่ารำคาญเวลาเขานั่งทำงานที่โต๊ะอาหารหรือที่โต๊ะในห้องดูโทรทัศน์ อธิคมจะชอบแกล้งเขาด้วยการเพิ่มเสียงโทรทัศน์ให้ดังเพื่อรบกวนสมาธิ แต่หารู้ไม่ว่า นั่นยิ่งทำให้เขาได้ฝึกสมาธิมากขึ้น
“โอนเงินพี่คมเข้า mutual fund อีกสองล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นสามพันสี่ร้อยหกสิบห้าบาท ยี่สิบสองสตางค์ เฮ้อ จะมีติ่งเกินมาทำไมเนี่ย งั้นตัดแปดหมื่นกว่าๆ ออกไป เอาตัวเลขกลมๆ สองล้านเจ็ด แปดหมื่นบริจาคให้หมด พี่คมจะได้ทำบุญกับเขาซะบ้าง” คชานนท์ป้อนข้อมูลแล้วอุทานเบาๆ ว่า “เฮ้ย เงินสะสมพี่ชายเราเยอะขนาดนี้หรือเนี่ย อืม ทำไงดี ทำไงดี”
คชานนท์หรี่ตามองตัวเลขบนจอ นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างใช้ความคิดก่อนจะพึมพำเบาๆ ว่า
"ภารกิจจัดการชีวิตรักพวกพี่ชายยังต้องใช้เงินอีกเยอะ"

::: end of chapter 32 :::
นิยายของนายคฑาวุธไม่ค่อยมีสาระอะไรหรอกนะครับ
(มีแต่ผู้ชาย - หล่อ รวยเว่อ คือมาตรฐานของนิยายผม 555)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด