โทษทีที่ให้รอนานนะครับ หลายวันที่ผ่านมายุ่งมาก ทั้งเรื่องลูกชายตัวดี เรื่องการบ้านเด็ก เรื่องเตรียมสอบเด็ก และก็เรื่องเร่งงานที่มีคนมาจ้างให้ทำให้ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เงินเมื่อไหร่) แบบว่าไม่ค่อยได้มีเวลาพิมพ์เลยครับ (และชักจะรู้สึกแล้วล่ะว่า ลายมืออีตาคฑาวุธนี่ ถ้าทิ้งไว้นาน ความยากในการอ่านก็เพิ่มขึ้น เลยทำให้พิมพ์ได้ช้า ให้คนอื่นพิมพ์ให้ก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครเก่งพอที่จะทำได้)
เรื่องนี้คงใกล้จบแล้วล่ะ ท่าทางจะมีคนเบื่อแล้วเนี่ย ก็มันไม่ไปถึงไหนซะที คชานนท์เขาก็คงคิดแบบนี้ละมั่ง วนไปวนมาอยู่แต่ที่เดิม เหนื่อยใจเนอะ แต่เรื่องคงจะจบในบทที่ เท่าๆ กับอายุของผู้เขียนล่ะนะคร้าบบบบ

Awoot Chapter 33
อาวุธออกจากสนามบินชาร์ลส เดอ โกลด์ เมื่อเวลาหกโมงเย็นเพื่อเดินทางไปยังโรงแรม Ritz Paris การจราจรเย็นนี้ไม่ติดขัดทั้งที่เป็นวันศุกร์ อากาศในปารีสเย็นสบายไม่เหมือนในนิวยอร์ค เขาเคยเดินทางมาปารีสบ่อยๆ เมื่อครั้งที่เคยเรียนและทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อหลายปีที่แล้ว อาวุธมีเพื่อนเป็นตำรวจซึ่งทำงานในแผนกสืบสวนกลางของฝรั่งเศสอีกสามคน นอกจากนั้นยังรู้จักกับหัวหน้าแผนกสืบสวนคดีฟอกเงินของตำรวจสากลที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองลีอองซึ่งเขาจะเดินทางไปหลังจากเสร็จ 'ธุระ' ในปารีส
...ธุระของเขาคืองานวันเกิดของคชานนท์ ซึ่งมาฉลองไกลถึงปารีสและบังคับเขาให้มาให้ได้...
...ถ้าคุณไม่มางานวันเกิดผม จะถือว่าคุณไม่ต้องการคบกับผมอีกต่อไป...
อาวุธเผลอส่ายหน้าเมื่อนึกถึงข้อความในอีเมล์ที่ได้รับจากคชานนท์เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ในรายชื่อที่คชานนท์ส่งอีเมล์ถึงมีสำเนาส่งไปยังอนุภาพและอธิคมด้วยซึ่งหมายความว่าสองคนนั้นก็ได้รับเชิญ
...เขาอยากจะรู้นักว่าคชานนท์จะทำอะไร ทำไมถึงเชิญอนุภาพกับอธิคมมาด้วย แล้วนี่อนุภาพจะเป็นหนึ่งในทีมงานของคชานนท์หรือเปล่า แต่หากคชานนท์คิดจะใช้วันเกิดของตัวเองเป็น 'โอกาสสุดท้าย' ที่จะจัดการเรื่องรักของเขาแล้วละก็ เขาก็จะใช้โอกาสนี้ล่ะสอนบทเรียนให้คชานนท์เสียเลย...
...ชักจะไม่ไหวแล้ว...
สองอาทิตย์ที่ผ่านมาอาวุธอยู่อย่างสงบเพราะไม่มี 'เรื่องราว' ใดๆ เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเขาคิดว่าคงเป็นเพราะคชานนท์ 'พักเพื่อทำงาน' และคงยุ่งเรื่องธุรกิจการเงินจนไม่มีเวลามาทำหน้าที่เป็นกามเทพ แต่เขารู้ว่าคชานนท์ยังไม่ยอมหยุด
ตอนนี้คชานนท์ว่างแล้ว ถึงได้มีเวลามาจัดงานวันเกิดของตัวเองที่ปารีส
ภาณุวัฒน์ย้ายไปอยู่กับคุณย่าของวินเซนต์ที่นิวซิตี้ ชายหนุ่มโทรศัพท์มาบอกเขาด้วยน้ำเสียงเหงาๆ เมื่อตอนเช้าว่าคุณย่าของวินเซนต์ไม่ค่อยสบาย คุณย่าเวโรนิก้าชอบภาณุวัฒน์มากวินเซนต์จึงขอให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเพราะจะทำให้คนป่วยสดชื่น ส่วนวินเซนต์เองไปทำงานที่กัวเตมาลา
…
“เขาไปไหนไกลๆ นานๆ บ่อยหรือเปล่า” อาวุธถามภาณุวัฒน์
“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ครับ”
“เขาดูแลดีหรือเปล่า”
“ดีครับ” ภาณุวัฒน์ตอบเสียงเบา
“ขาดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นเยอะแล้วครับ แต่ยังเดินกระเผลกอยู่ แต่ว่าพี่วุธไม่ต้องห่วงนะครับ ผมดีขึ้นมากแล้ว ผมดูแลตัวเองดี” ภาณุวัฒน์รีบพูด
…
อาวุธถอนหายใจเมื่อนึกถึงการสนทนาสั้นๆ กับภาณุวัฒน์ทางโทรศัพท์เมื่อเช้านี้ คำพูดของคชานนท์ดังขึ้นมาในหัว ภาณุวัฒน์ผิดหวังจากธงรบจนพยายามฆ่าตัวตาย
...พี่กำลังบีบให้ภาณุวัฒน์ตัดใจจากพี่และพี่ก็ยัดเยียดภาณุวัฒน์ให้กับวินเซนต์ ยิ่งห่างกันยิ่งหมดหวัง ภาณุวัฒน์จะทนไม่ได้ พี่ลองคิดดู จะเกิดอะไรขึ้น...
...คชานนท์ตัวดี นี่คงปั่นหัวภาณุวัฒน์จนรักเขา และบีบให้เขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบภาณุวัฒน์...
...คชานนท์จะรู้ไหม ที่จริงแล้วเขาคิดยังไง...
...สามวันที่เก็บตัวเงียบหลังจากพบกับเอเชีย ทัตสึโคชิ เขาก็ได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง...
...จะให้เขาเปลี่ยนใจอีกยังงั้นหรือ...
อาวุธยืนนิ่งเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูห้องสูทบนชั้นที่ 27 ของโรงแรมหรูกลางกรุงปารีส อนุภาพยิ้มให้เขาอย่างสดชื่น แล้วยื่นมือออกมาเพื่อช่วยถือกระเป๋า
“คุณคชานนท์อยู่ข้างล่างครับ เดี๋ยวก็ขึ้นมา” อนุภาพพูด “สารวัตรเป็นแขกคนที่สอง”
“มาถึงนานหรือยังครับ” อาวุธไม่ยื่นกระเป๋าตัวเองให้อนุภาพ เป็นการแสดงให้รู้ว่าเขาต้องการถือกระเป๋าเอง “คุณนุมาจากเมืองไทยหรือว่า...” อาวุธละประโยคเพื่อถามคำถาม
“บินตรงมาจากเมืองไทยเลยครับ มาถึงหลังเที่ยง”
“แล้ว...”
“สารวัตรอธิคมนอนอยู่ที่โรงแรมครับ หลับสนิทเพราะอาการ jet lag ขั้นโคม่า” อนุภาพหัวเราะเบาๆ “สารวัตรนั่งเครื่องบินเดินทางไกล”
“อธิคมไม่ชอบอยู่ในที่แคบๆ นานๆ เขาจะหงุดหงิดง่าย” อาวุธแสดงความเห็น
“เกือบวางมวยกับผู้โดยสารเยอรันที่นั่งใกล้ๆ กัน โชคดีแอร์โฮสเตสหาที่นั่งที่อื่นให้”
“อยู่กับคุณนุก็ยังกล้าหรือครับ” อาวุธเลิกคิ้ว
“ผมไม่ใช่ ผบ. ตร. นะครับ จะได้คุมเอาไว้ได้” อนุภาพหัวเราะแล้วนั่งลงบนโซฟา
“ไม่นึกว่าคชานนท์จะจัดงานวัดเกิดตัวเองได้ขนาดนี้” อาวุธส่ายหน้า
“สารวัตรอธิคมเล่าให้ฟังว่า คุณคชานนท์เคยเช่าเรือท่องเที่ยวเหมาลำและเชิญคนแปลกหน้าที่ไม่เคยท่องเรือสำราญไปฉลองงานวันเกิดของตัวเอง”
“บางทีคชานนท์ชอบทำอะไรแผลงๆ คาดเดาไม่ได้” อาวุธพูดเสียงราบเรียบ สายตามองเข้าไปในห้องครัวและเห็นเค้กวางอยู่บนโต๊ะ “อันตรายจริงๆ เด็กคนนี้”
“วันนี้อายุครบ 30 ปี ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ” อนุภาพแย้ง “ไม่น่่าเชื่อ อายุแค่นี้ แต่เป็นนักธุรกิจที่ไม่ธรรมดา”
“เขาเป็นคนเก่งครับ ฉายแววตั้งแต่เรียน ม. ต้นแล้ว เก่งเกินเด็กทั่วไป”
“สารวัตรรู้จักคุณคชานนท์มานานมากเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อ” อนุภาพอุทาน “พวกคุณทั้งสี่คนสนิทกันมาก”
“ยังงั้นหรือครับ” อาวุธยิ้มเศร้าๆ “ตอนนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าอธิคมกับธงรบยังคิดยังงั้นอยู่หรือเปล่า สองคนนั้นคงคิดว่าผมแย่งแฟนตัวเอง”
“อย่าคิดมากสิครับ ก็เคลียร์กันไปแล้วที่หน้าโรงพยาบาลคืนนั้น ส่วนสารวัตรธงรบ ผมเชื่อว่าไม่ได้ติดใจอะไร สารวัตรธงรบเป็นคนรักเพื่อน”
“แล้วนี่มาด้วยหรือเปล่าครับ” อาวุธถามถึงธงรบ
“ไม่ได้มาครับ” อนุภาพส่ายหน้า “มีภารกิจสำคัญมาก มาไม่ได้”
“ผมได้แต่หวังว่าธงรบกับอาทิตย์จะไปกันได้ด้วยดี”
“ก็พยายามช่วยๆ กันอยู่ครับ แต่สารวัตรธงรบนี่ต้องเข็นกันหนักหน่อย” อนุภาพตอบยิ้มๆ แล้วหันไปมองประตูเมื่อมีคนเปิดเข้ามา คชานนท์เดินถือขวดเหล้าเข้ามาสองขวดและยิ้มกว้างพร้อมกับทักทายอาวุธ
“วันนี้ขออนุญาตดื่มซักวันนะครับพี่วุธที่รักและเคารพ” คชานนท์พูดแล้วหันไปแนะนำเพื่อนชาวต่างประเทศสองคนที่เดินตามหลังเข้ามา
“เชิญแขกมากี่ร้อย” อาวุธถามคชานนท์
“เฉพาะที่สนิทกันเท่านั้นครับคุณพี่” คชานนท์ทำหน้าทะเล้น “ไม่ต้องห่วง คู่ปรับขอพี่ไม่ได้รับเชิญมาหรอกจะบอกให้”
“เขาไปทำงานที่กัวเตมาลา”
“ใครหรือครับ” คชานนท์ทำหน้าสงสัย
“ขึ้นอยู่กับว่านนท์หมายความถึงใครตอนที่พูดว่าคู่ปรับของพี่ไม่ได้มา” อาวุธพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาราบเรียบ
“พี่วุธชอบลับฝีปากกับผม เคยเป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ไม่ยอมเปลี่ยนซะที” คชานนท์หันไปพูดกับอนุภาพแล้วหัวเราะ ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับมีชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง คนแรกเป็นชายหนุ่มผิวดำ ตามมาด้วยหญิงสาวผมสีแดงรูปร่างสูงโปร่งและหนุ่มไทยร่างเล็กที่กำลังหัวเราะร่า แต่เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็หยุดกึกทันใด
“ท่านสารวัตร” จตุพลพึมพำพร้อมยกมือขึ้นสวัสดี อาวุธรับไหว้แล้วทักทายจตุพลและคนอื่นๆ สั้นๆ ขณะนั้นมีคนเดินเข้ามาอีกสองคนแล้วตามด้วยพันเอกชัยชนะซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวลูกครึ่งรูปร่างบอบบางแต่งตัวด้วยราตรีสีดำ ชัยชนะแนะนำให้ทุกคนรู้จักว่าเป็นตำรวจสากลชื่อเอริก้าและกำลังจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศไทย
อาวุธคุยกับเอริก้า ชัยชนะ และคนอื่นๆ อยู่ครู่ใหญ่แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
คนต่อไปที่เข้าต้องการคุยด้วยคือคชานนท์
คชานนท์จัดของบนโต๊ะอาหารอย่างคล่องแคล่วและเมื่อเห็นอาวุธเดินเข้ามาจึงรีบยกมือขึ้นห้ามไม่ให้อาวุธแตะต้องอะไรบนโต๊ะและพูดว่า
“พี่วุธเป็นแขก ไม่ต้องมาช่วยผมจัด”
“พี่ไม่ได้มาช่วย พี่มาถามว่าทำไมถึงต้องมาจัดงานวันเกิดที่ปารีส” อาวุธถามเสียงเรียบเช่นเคย
“ก็ผมอยากจัด” คชานนท์ตอบกวนๆ ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนจะพูดเสียงจริงจังขึ้นว่า “ก็ผมอยากทำอะไรพิเศษบ้าง เพื่อนๆ ผมอยู่แถวยุโรปกันทั้งนั้น เดินทางมากันสะดวก ผมมีเพื่อนที่เมืองไทยที่ไหนล่ะ ถ้าจัดที่โน่นก็มีคนไปไม่กี่คน พี่ก็ไปลำบากใช่หรือเปล่า เผลอๆ นั่งฉลองกันอยู่ที่บ้าน ฉลองไปทะเลาะกับพ่อกับพี่คมไป ปวดหัวจะตาย”
“แล้วนี่ทำไมอธิคมไม่มา”
“อยากให้มาหรือไง”
“แสดงว่าคนที่มาไกลมีเฉพาะคุณนุกับอธิคม” อาวุธเลิกคิ้วข้างเดียว
“เจสันกับเด็กซ์เตอร์มาจากโมรอคโค” คชานนนท์บุ๊ยปากไปยังนอกห้องครัว “คิรานยังมาไม่ถึง นั่นก็ไกล มาจากตุรกี”
“แต่พี่ชายนนท์ไม่มาร่วมงานวันเกิดน้องทั้งที่อุตส่าห์มาถึงปารีส”
“Super jet lag ครับ หลับตลอดทางตั้งแต่ออกจากสนามบิน คุณนุบอกว่าต้องใช้เข็มแทงให้สะดุ้งถึงลงจากแท๊กซี่ พอเข้าห้องพักก็หลับเป็นตายและไม่มีท่าทางว่าจะตื่นขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ พี่ก็รู้ พี่คมไม่ชอบนั่งเครื่องบินไปไหนไกลๆ ชอบงอแงอยู่เรื่อย ตอนที่ผมกับพ่อพาพี่คมไปเที่ยวออสเตรเลียเหมือนกับฝันร้ายเลยล่ะ”
“พี่รู้” อาวุธแทรกเพราะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแต่คชานนท์ไม่สนใจและเล่าต่อไป
“พ่อกับพี่คมทะเลาะกันตลอดทาง แล้วยังไปหาเรื่องกับผู้โดยสารคนอื่น พี่คมเดินไปเดินมาไม่ยอมหยุดเพราะนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ กว่าจะถึงซิดนีย์กัปตันเกือบเอาเครื่องลงฉุกเฉินกลางทะเลเพราะฤทธิ์พี่ชายผม ดีนะที่เขาไม่แจ้งตำรวจซิดนีย์ให้รอจับที่สนามบิน”
“ไม่ใช่นนท์วางยาอธิคมหรอกนะ” อาวุธถาม ใบหน้าราบเรียบ มองตาคชานนท์
“โธ่ คุณพี่คร้าบ” คชานนท์ทำหน้าอ่อนใจ “คิดกับน้องคชานนท์ด้านลบอีกแล้ว ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นกับพี่ชาย แต่พี่คมไม่มาก็ดีแล้ว ไม่งั้นปวดหัว ผมไม่อยากให้มีการวางมวย”
“พี่ไม่ใช่อันธพาล”
“ผมเปล่าว่าพี่ซักหน่อย” คชานนท์เบ้ปาก
“พี่กับคุณนุจบกันไปแล้ว ทุกอย่างมันเคลียร์แล้ว เข้าใจไหมนนท์”
“เรื่องคุณนุหรือครับ” คชานนท์ทำหน้าซื่อ
“ทุกเรื่องนั่นล่ะ”
“อ๋อ งั้นพี่ก็คงคิดว่า ที่ผมจัดงานวันเกิดตัวเองที่ปารีสแล้วเชิญเพื่อนสนิทๆ กันมาที่นี่ก็เพราะจะมีการโยนพวงมาลัยหาคู่ให้พี่งั้นหรือ พี่จะเลือกใครล่ะ ในนั้นหนุ่มโสดตั้งหลายคน มีทั้งเป็นและไม่เป็น แต่ขอยกเว้นพี่นะไว้คนนะครับ ส่วนจตุพลจะเอาก็ได้ มันมีแฟนแล้วก็จริงแต่ก็ร่ำๆ ว่าจะไปกันไม่รอด ตอนนี้จตุพลเหมือนอยากจะเปลี่ยนรสนิยมมาชอบไม้ป่าเดียวกัน แบบเดิมมันน่าเบื่อ แบบใหม่น่าจะดีกว่า”
“ทำเป็นพูดดีไป ถ้าพี่เลือกขึ้นมาจริงๆ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” อาวุธพูดเสียงเย็น
“อ้อ ลืมไป ขอร้องว่าอย่าเลือกคุณนุด้วย” คชานนท์ยิ้มทะเล้น “คุณนุเป็นของพี่คม ผมไม่อยากยุ่งกับชีวิตพี่คมอีก”
“บอกแล้วไง พี่กับคุณนุจบกันไปแล้ว”
“พี่คมรักคุณนุมาก ไม่น่าเชื่อ พี่คมจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทิ้งอดีตแล้วมาลงเอยกับคุณนุ เคยเจ้าชู้สุดๆ แต่ก็เปลี่ยนไปได้ ทั้งรักทั้งหวงแหน จนผมกลัวความหึงหวงที่เกินพอดีของพี่ชายผม”
“พี่เห็นแล้วว่าคุณนุรักกับอธิคมมากขนาดไหน นี่คงเป็นสาเหตุที่นนท์มาจัดงานวันเกิดที่นี่แล้วเชิญคุณนุมา บอกพี่หน่อยซิ คุณนุเป็นหนึ่งในทีมงานนนท์หรือเปล่า มาโดยสมัครใจหรือโดนหลอกให้มา”
“ทีมงานอะไรครับ” คชานนท์เลิกคิ้วข้างเดียว ทำหน้าตาไม่เข้าใจคำถาม
“นนท์ให้คุณนุมาเพื่อให้พี่ตระหนักว่า อดีตก็คืออดีต มันต้องจบไป อธิคมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ คุณนุตัดจากธนาภพได้ พี่ก็ต้องเปลี่ยนไป”
“หน้ามือเป็นหลังทีนน่าจะถูกกว่า” คชานนท์หัวเราะในลำคอ ลดเสียงพูดคำสุดท้ายของประโยคให้เบา ในใจก็บ่นว่า
...ก็รู้อยู่นี่นา เฮ้อ...
“พี่คงคิดว่าผมขอให้คุณนุมาเพื่อพูดโน้วน้าวใจพี่” คชานนท์ยิ้มแล้วส่ายหน้า “มองคุณนุผิดไปหรือเปล่า คนอย่างคุณนุหรือจะยอมทำตามผมบอก พี่คมกับคุณนุเขาตั้งใจจะไปเที่ยวสวีตกันอยู่แล้ว ผมเลยเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยว ยุโรปโรแมนติกทริบสิบวันให้ก็แค่นั้นเอง”
“คุณนุไม่ต้องพูดอะไรและไม่จำเป็นต้องพูดด้วย แค่แสดงท่าทางรักและมั่นคงกับพี่ชายนนท์ก็พอ”
“ก็พอทำไมหรือครับ” คชานนท์ถามหน้าซื่อ
“พอทำให้พี่ตระหนักว่า เรื่องที่จบก็ต้องจบ ไม่อาจหวนกลับมาได้อีก” อาวุธสรุป
“ถ้าผมจะทำแบบนี้ เชิญนาวาอากาศเอกจักราวุธมาไม่ดีกว่าหรือ”
“แล้วเชิญมาหรือเปล่า” อาวุธถามด้วยนำ้เสียงและใบหน้าราบเรียบเช่นเคย
“ผมไม่กล้าหรอก” คชานนท์เบ้ปากพร้อมกับยักไหล่ ชี้มือไปยังจานที่วางอยู่ทางด้านซ้ายของอาวุธ สื่อสารให้อาวุธยื่นให้ “ผู้ร้ายข้ามแดน ใครจะกล้าเชิญ ยอดตำรวจก็อยู่ที่นี่ พี่นะก็เป็นทหาร เอริก้าเป็นอินเทอร์โพล ผมกลัวผู้การจักราวุธถูกรุม”
“นนท์ไปรู้จักเขาได้ยังไง”
“กับใครครับ” คชานนท์เลิกคิ้วถาม “ผู้การจักราวุธหรือ ยศใหญ่นะ อายุน่าจะพอๆ กับพี่นะ ไม่น่าเชื่อ เป็นถึงนาวาอากาศเอก พี่ชายผมยังเป็นแค่พันตำรวจตรี”
อาวุธพยักหน้า ยืนกอดอกนิ่งอย่างอดทนเพื่อฟังคชานนท์ตอบคำถาม แต่คชานนท์ก็ยังไม่ตอบทันทัน ชายหนุ่มหยิบอาหารออกมาจากถุงกระดาษเพื่อวางใส่จาน จากนั้นพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ผู้การจักราวุธเป็นลูกหนี้ผม”