ขอกราบขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามมาตลอดนะครับ ขอบคุณคอมเมนนท์ทุกโพสและคำแนะน้ำเรื้องเนื้อเรื่องและภาษา
หากทุกคนที่อ่านและรู้สึกอึดอัด ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำงานเขียนของตัวเองได้สำเร็จสมประสงค์แล้ว เพราะชีวิตรักของสารวัตรอาวุธเป็นอะไรที่อึดอัดมากถึงมากที่สุด (คชานนท์คนเก่งก็คงคิดแบบนี้ล่ะมั๊ง)
จบแล้วก็อาจมีบทส่งท้ายนะครับ
ขอความกรุณาห้ามค้างกันนะครับนะครับ ค้างมากเดี๋ยวมีปัญหาทางสมรรถนะทางเพศกันนะเออ
แต่ต้องพึงระลึกไว้นะว่า การสนทนาระหว่างอาวุธกับคชานนท์นี่เขาคุยกันไม่เหมือนคนทัวไปนะ เพราะเขามี subtext เยอะมาก ยอมรับว่าเวลาเขียนฉากคชานนท์กับอาวุธนี่รู้สึกเขียนยากกว่าฉากธงรบกับอาทิตย์หรือฉากอื่นๆ คขานท์กับอาวุธสื่อสารกันระดับ pragmatics เพราะฉะนั้นจะมีความนัยซ่อนอยู่พอสมควรซึ่งเขาสองคนเท่านั้นที่จะเข้าใจได้ดี ส่วนผมคนโพสกับคนอ่านก็ต้องอ่านดีๆ หน่อยนะ (ส่วนอีตาค
คฑาวุธคนเขียนนั่นน่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ ตอนนี้กำลังยุ่งกับสารพัดเรื่องลูกสอบ ลูกร้องจะไปดูคอนเสริร์ท ลูกทะเลาะจะเอาชอปเปอร์ไปขับ ลูกติดเกมส์ติดการ์ตูนไม่ยอมอ่านหนังสือ ลูกกำลังริอ่านจะมีแฟน และพ่อมันก็พยายามกีดกันทุกวิถีทางเพราะรู้เช่นเห็นชาติเด็กผู้หญิงคนนั้นดี (แต่ลูกเราไม่เห็นเพราะมันตาบอดและหูหนวก)
บ่นเสร็จแล้ว ก็โพสซะเลย
ใจจินตนาการช่วยในการอ่านนะคร้าบ

Awoot Chapter 37
ตอนแรกอาวุธคิดไว้ว่าจะรอจนกว่าเสร็จงานเรื่องจักราวุธเสียก่อนจึงจะตามไปเอาเรื่องกับคชานนท์ แต่ครั้นกลับถึงที่พักและได้รับข้อความจากพนักงานต้อนรับของอพาร์ตเมนต์เขาก็อยากจะรีบไปที่สนามบินและตามไปจัดการคชานนท์ที่อิตาลี่ทันที
พนักงานบอกว่าคนที่ฝากข้อความเอาไว้จะกลับมาอีกวันพรุ่งนี้
...คราวนี้จะทำอะไรอีก ส่งรุ่นน้องเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาหาเขาถึงอพาร์ตเมนต์ คิดจะให้เป็นกษิดิษฐ์ภาคสองหรือยังไง ชักจะไม่ไหวแล้ว...
เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟท์ อาวุธหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดหมายเลขของคชานนท์แต่ไม่มีสัญญาณ ขณะนั้นมีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ กลิ่นน้ำหอมกรุ่น และกระแอมเสียงเบา อาวุธจึงเงยหน้าหันไปมอง เห็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มคนหนึ่งในชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำลังส่งยิ้มมาให้ สายตาแสดงความพึงพอใจเขาอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับ คุณพักอยู่ที่นี่หรือครับ” ชายหนุ่มคนนั้นถามเป็นภาษาอังกฤษ อาวุธพยักหน้าและยิ้มตอบบางๆ ตามมารยาท สจ๊วตหนุ่มจึงพูดต่อว่า “ผมก็มาพักกับเพื่อนที่นี่บ่อยๆ ไม่เคยเห็นคุณเลย แต่วันนี้โชคดีเป็นอย่างมาก ผมชื่อเอเดรียน ห้อง 19B คุณล่ะครับ”
“เอลวิสครับ” อาวุธโกหกโดยแกล้งบอกชื่อเป็นชื่อภาษาอังกฤษ แต่ไม่บอกหมายเลขห้อง
“แต่คุณเป็นคนไทยแน่ๆ ใช่หรือเปล่าครับ ผมมีเพื่อนเป็นคนไทยหลายคน” เอเดรียนยื่นมือมาทักทาย
“ใช่ครับ” อาวุธจับมือกับอีกฝ่าย ในใจอดคิดไม่ได้ว่า
...รวมถึงเพื่อนคนไทยชื่อคชานนท์ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้...
“ดีจังเลยจะได้เพื่อนคนไทยเพิ่มอีกคน คุณอยู่ห้องไหนหรือครับ หลังทริปนี้ผมได้หยุดตั้งสามวัน ว่างๆ จะขอไปเยี่ยม ผมอยากฝึกภาษาไทย” เอเดรียนพูดหน้าตาเฉย
“7A ครับ” อาวุธตอบไปตามความเป็นจริง “แต่พรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางไปอิตาลี่”
“ว๊า เสียดายจัง ผมเพิ่งบินกลับจากอิตาลี่” เอเดรียนทำหน้าเสียดายและก้าวเข้าไปในลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก “ผมทำงานอยู่ที่แอร์อิตาเลีย คุณไปเที่ยวหรือไปทำงานครับ ท่าทางคุณไม่เหมือนนักธุรกิจ”
“ไปทำงานครับ ผมเป็นตำรวจ ไปตามจับผู้ร้ายข้ามแดนเจ้าแผนการ” อาวุธพูดเสียงเข้ม เอื้อมมือไปกดลิฟท์หมายเลขชั้นที่ 19 และชั้นที่ 7 เพราะสจ๊วตหนุ่มยืนนิ่ง ไม่สนใจจะกดหมายเลขชั้นของตัวเอง
“ว๊าว” สจ๊วตหนุ่มอุทาน มองอาวุธด้วยด้วยสายตาชื่นชมแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้จนไหลแทบจะชิดกัน “ผมนึกแล้วเชียวว่าคุณต้องเป็นคนในเครื่องแบบ มาดคุณให้”
“หรือครับ” อาวุธยิ้มมุมปากเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“คุณมีนามบัตรหรือเปล่าครับ” เอเดรียนถาม “เสียดายคุณต้องเดินทางกระทันหัน กว่าคุณจะกลับผมก็คงมีบินไปบราซิล”
“ขอโทษนะครับ เผอิญผมไม่ได้ติดมาด้วย”
“แค่บอกเบอร์โทรศัพท์มาก็พอ” เอเดรียนพูดเสียงต่ำ “ผมจำได้ ผมความจำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบอร์โทรศัพท์”
อาวุธอมยิ้มแล้วบอกหมายเลขโทรศัพท์ของคนอื่นให้สจ๊วตหนุ่มฟังช้าๆ ซึ่งฝ่ายนั้นทวนสองรอบเพื่อให้จำได้ ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้น 7 เขาจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วเดินออกไปเงียบๆ ในใจนึกเข่นเขี้ยวคชานนท์เพราะสงสัยว่าสจ๊วตหนุ่มคนนี้ก็คงเป็นคนที่คชานนท์ส่งมาจีบเขาเหมือนเพื่อนรุ่นน้องจากฮาร์วาร์ดที่คชานนท์ส่งมาเมื่อตอนบ่ายแต่โชคดีที่เขายังไม่กลับบ้าน
...ภายในวันเดียว ส่งคนบุกเข้าโจมตีเขาถึงสองคน...
...คชานนท์! จะมากไปแล้ว...
เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างรถBMWสีขาวซึ่งจอดอยู่หน้าศูนย์ประชุมในเมืองฟลอเร็นซ์ มือทั้งสองข้างถือโทรศัพท์ข้างละเครื่อง
“เอ๊า โทรเข้าไป คนเขาไม่อยากจะพูดด้วยก็โทรอยู่นั่นล่ะ ได้เบอร์โทรเรามาจากไหนวะ บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ พูดไม่รู้เรื่อง” คชานนท์บ่น ปิดโทรศัพท์ iPhone 4G ในมือซ้ายอย่างหงุดหงิด แล้วกดรับโทรศัพท์ในมือขวาเมื่อมีเสียงดังขึ้น
“”ทำไมโทรศัพทไม่ว่างซักที พี่โทรหาตั้งหลายครั้ง” คนที่โทรมาเปิดฉากต่อว่าทันที่โดยไม่รอให้เจ้าของโทรศัพท์ทักทายเมื่อรับสาย
“ผมก็มีเรื่องคุยมั่งสิ แล้วนี่พี่วุธได้เบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานผมมาได้ยังไง” คชานนท์ตอบ
“พี่เป็นตำรวจนะนนท์ ไม่ใช่ตำรวจโง่ด้วย” อาวุธหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามว่า “รถเป็นอะไร”
“พี่วุธ” คชานนท์อุทานเสียงดังหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนที่โทรมาซึ่งอาจจะยืนอยู่แถวนั้น
“ทิ้งไว้นั่นล่ะ พี่จะไปรับ” อาวุธพูดต่อ
“พี่สะกดรอยผมหรือ”
“เปล่า พี่ผ่านมาแถวนี้ และคิดอยากจะพบกับนนท์และคุยเรื่องนั้นให้จบ”
“เรื่องนั้นเรื่องไหน” คชานนท์ถาม ขมวดคิ้ว พยายามใช้ความคิดอย่างรวดเร็วเพราะโดน 'โจมตี' แบบไม่ให้ตั้งตัว เขารู้ว่าอาวุธกำลังโต้กลับ ตอนนี้ตั้งใจจะปั่นหัวเขา
...ถ้ายังงั้น คนที่โทรมาตื๊อเขาก็คงจะเป็นคนของพี่วุธ แหม แกล้งบอกว่าโทรผิด จะพูดกับเอลวิส แต่พอรู้ว่าไม่ใช่คนที่ตัวเองต้องการคุยด้วยกลับไม่ยอมวางสาย มาพูดทำเป็นจะจีบคนแปลกหน้า พี่วุธกะจะใช้ยุทธวิธีแบบเดียวกันที่เราเคยใช้ ไม่ได้กินคชานนท์หรอก มือคนละชั้นแล้วพี่วุธ...
“พี่มาอิตาลี่ มาตกลงกับคม เลยคิดจะถือโอกาสตกลงกับนนท์ให้จบไป”
“พี่คมกับคุณนุยังอยู่ที่ฝรั่งเศส”
“คุณนุพาอธิคมมาเที่ยวอิตาลี่ บ่ายวันนี้เพิ่งแยกกัน พี่ก็เลยรู้ว่านนท์อยู่ที่ฟลอเรนซ์” อาวุธตอบ
“พี่ก็เลยมา แล้วรู้ด้วยว่ารถผมเสีย ที่ยางแบนก็คงเพราะโดนมือดีปล่อยลม”
“พี่ไม่เล่นสกปรกแบบนั้นหรอกนนท์” อาวุธตอบ “เราก็รู้ว่าพี่เป็นตรงไปตรงมา กล้าทำก็กล้ารับ”
“แล้วพี่ไปตกลงอะไรกับพี่คม” คชานนท์เปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องระหว่างพี่ชายสองคน นนท์ไม่ต้องรู้หรอก” อาวุธตอบกลัวเสียงหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะ ขึ้นรถได้แล้ว แท็กซี่คันนี้ล่ะ”
คชานนท์ลดโทรศัพท์ลงเมื่อมีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดลงตรงหน้าและประตูเปิดออก อาวุธนั่งอยู่บนเบาะหลัง มองออกมาด้วยสายตาเยือกเย็น ใบหน้านิ่งเฉย ต่างจากเสียงในโทรศัพท์ที่ฟังดูสบายๆ เหมือนคุยเรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป
...ถูกจี้ให้ขึ้นรถโดยไม่ต้องใช้ปืน นี่เขากำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่หรือเนี่ย วิ่งหนีเลยดีไหม ดูซิว่าพี่วุธจะกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งตามจับหรือเปล่่า...
“แล้วรถผมจะเอายังไงพี่วุธ” คชานนท์ชี้มือไปยัง BMW สีขาว
“รถของ AVIS ไม่ใช่รถของนนท์” อาวุธตอบ “โทรไปเรียกให้เขามาเอารถไปแล้วไปเอากุญแจที่โรงแรม ขึ้นมาเร็วเข้า พี่หิวข้าวแล้ว พาพี่ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานหน่อย”
“ผมไมใช่คนอิตาเลี่ยนครับคุณพี่ตำรวจ”
“นนท์มาฟลอเรนซ์บ่อย พี่รู้” อาวุธตอบเสียงเข้ม “นนท์คล่องฟลอเรนซ์พอๆ กับปารีสและนิวยอร์ค”
“รู้ทุกอย่างเลยนะ” คชานนท์หันไปมองรถ BMW ที่ตัวเองเช่าขับแล้วยื่นมือไปกดรีโมทเพื่อล๊อครถ ก่อนจะขึ้นนั่งบนเบาะหลังข้างอาวุธเพราะไม่มีทางเลือก จากนั้นจึงแกล้งยิ้มยิงฟันให้อีกฝ่าย “เฮ้อ ดีใจจังที่เจอพี่”
“ดีใจจริงหรือ เมื่อกี้ทำหน้ายังกะเจอผี”
“มันต๊กกะใจนิดหน่อย” คชานนท์ยิ้มทะเล้น “แต่พี่วุธก็น่าจะรู้ว่า เวลาเจอหน้าพี่ ผมดีใจทุกครั้งไป”
“ดีแล้วที่คิดได้ยังงั้น ต่อจากนี้จะได้ดีใจบ่อยๆ” อาวุธยิ้มมุมปากแล้วพูดเบาๆ ว่า “เราไม่เคยไปเที่ยวไหนด้วยกันนานแล้วนะนนท์”
“พี่วุธ ผมต้องไปแวนคูเวอร์ต่อ แล้วกลับกรุงเทพฯ นะครับ งามผมรออยู่ มีอะไรต้องไปจัดการอีกเยอะแยะ” คชานนท์ทำหน้าตาตื่น
“เก่งๆ อย่างนนท์สั่งงานทางโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตได้ไม่ใช่หรือ เรื่องแค่นี้ ทำไมคชานนท์คนเก่งจะทำไม่ได้” อาวุธพูดยิ้มๆ “อืม อีกอย่าง ที่พี่มานี่ก็เพราะเรื่องซื้ออพาร์ตเมนต์”
“อพาร์ตเมนต์อะไรอีก” คชานนท์โวย
“พี่อยากจะซื้ออพาร์ตเมนต์นอกประเทศที่แรกซะที ก็เลยอยากให้นนท์ช่วยดู”
“ผมไม่ได้ทำอสังหาริมทรัพย์ ผมทำเรื่องเงิน” คชานนท์ปฏิเสธ “แต่ฟลอเร็นซ์นี่ไม่น่าอยู่นะพี่วุธ มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ราคาก็แพงเกินเหตุ”
“ทำไมรู้ว่าราคาแพง”
“โธ่พี่ ฟลอเรนซ์กับดอนหอยหลอดมันก็ต้องต่างกันสิคร้าบ ที่ดินเมืองท่องเที่ยวที่ไหนก็แพงทั้งนั้นล่ะ เหมือนที่ใครๆ ก็รู้ว่าที่ดินฮ่องกงกับโตเกียวแพงกว่าวิเชียรบุรีนครไก่ย่าง ผมอยู่ในวงการการเงิน ผมก็ต้องรู้ข้อมูลพวกนี้บ้าง”
“แล้วทำไมต้องปฏิเสธพี่ว่าตัวเองไม่ได้ทำอสังหาริมทรัพย์เลยช่วยพี่เรื่องซื้ออพาร์ตเมนต์ไม่ได้” อาวุธถาม
“ใครว่า” คชานนท์เบ้ปาก
“นนท์พูดอยู่เมื่อกี้”
“ผมไม่ได้พูดว่าผมไม่ได้พูด ผมว่า ใครจะไม่ช่วย”
“จะช่วยก็ดีแล้ว ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ไปเลย” อาวุธยิ้มมุมปาก
“ไปไหน”
“ไปดูบ้าน”
“ไหนพี่ว่าอพารต์เมนต์” คชานนท์ทักท้วง
“บ้านริมทะเลสาบ นนท์ก็รู้ว่าพี่ชอบอยู่เงียบๆ พี่ชอบกระท่อมเล็กๆ ในป่า ริมแม่น้ำหรือทะเลสาบ”
“เอาริมห้วยหนองคลองบึงที่อื่นไม่ได้หรือ ทำไมต้องเป็นฟลอเรนซ์ ที่นี่ไม่น่าอยู่ เชื่อผมเถอะ” คชานนท์ทำหน้ามุ่ย ไม่เห็นด้วย
“พี่นัดเขาไว้แล้ว”
“อะไรกัน” คชานนท์โวย “ทำไมพี่ชอบเที่ยวไปนัดพวกนายหน้าให้เสียเงินเปล่าๆ พวกนี้กินเปอร์เซ็นต์ จะซื้อก็ซื้อจากเจ้าของเขาโดยตรงสิ อะไรกันพี่วุธนี่ บอกไม่ฟัง”
“พี่รู้เรื่องธุรกิจที่ไหน พี่เป็นตำรวจ ถึงต้องให้นนท์ช่วย” อาวุธให้เหตุผล
“กระท่อมริมห้วยที่อเมริกาก็หนนึงแล้ว” คชานนท์บ่นอุบอิบ “ถามจริง พี่อยากได้เคบินริมน้ำจริงๆ หรือ แล้วทำไมต้อง...”
“พี่จะเอาไว้เป็นเรือนหอ” อาวุธพูดแทรก เอนตัวมาหาหาคชานนท์จนไหล่เกือบชิดกัน “นนท์รู้จักพี่ดีที่สุด รู้ว่าพี่ชอบอะไรแบบไหน น่าจะช่วยพี่ได้”
“เอาไว้ให้ผมว่างก่อนสิ แล้วจะดูให้ แต่ตอนนี้ไม่เหมาะ ผมต้องเดินทางไปแวนคูเวอร์แล้วก็กลับเมืองไทย” คชานนท์พูดเสียงราบเรียบ
“ไปดูเดี๋ยวเดียว กลับถึงโรงแรม ทานข้าว เก็บกระเป๋าแล้วไปเลย”
“ทำไมต้องเก็บกระเป๋า” คชานนท์เลิกคิ้ว
“มันอยู่ไกล”
“ตกลงมันอยู่ไหน ฟลอเร็นซ์หรือที่ไหน” คชานนท์ทำหน้าคาดคั้น
“พี่อยากลองค้างที่บ้านหลังนั้น ดูว่าจะชอบหรือเปล่า อีกอย่าง นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ไปถึงก็เย็นๆ ถ้าจะกลับเลยก็เหนื่อยเกินไป พักซักคืน” อาวุธตอบ
“ทำยังกับว่าจะไปไกลถึงเนเปิลส์” คชานนท์หน้ามุ่ย “แล้วจะให้แท็กซี่คันนี้พาไปหรือไง รถผมที่จอดทิ้งไว้ล่ะ”
“โทรบอกให้ AVIS ไปเอารถแล้วส่งคันใหม่มาเปลี่ยนให้ที่โรงแรม คชานนท์คนเก่งทำได้อยู่แล้ว” อาวุธแนะนำ “โทรเลยซินนท์ โทรเดี๋ยวนี้ จะได้ไม่เสียเวลา ยิ่งช้าก็ยิ่งไปถึงเลท พี่จะเป็นคนขับเอง”
“พี่วุธ” คชานนท์เสียงเข้ม หรี่ตาอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก
“นนท์ช่วยพี่หน่อยเถอะ” อาวุธทำเสียงข้อร้อง มองหน้าคชานนท์ด้วยสายตาเยือกเย็นผิดกับคำพูด “พี่ไม่มีใครแล้วจริงๆ”
“โบรกเกอร์ก็เยอะแยะ ให้เขาทำให้สิครับ ทำไมต้องตระเวนหาซื้อบ้านเองก็ไม่รู้” คชานนท์ตอบ มองตาอาวุธแล้้วแปลความได้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้สื่อสารอย่างที่พูดเลยซักนิด สิ่งที่อาวุธสื่อออกมาไม่ใช่ 'นนท์ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่ไม่มีใครแล้วจริงๆ' แต่ทว่า ความจริงแล้วอาวุธบอกว่า 'นนท์ต้องไป ห้ามปฏิเสธ'
“บ้านเป็นของเรา จะให้คนอื่นมาจัดการให้ทำไม เราก็ต้องทำของเราเอง”
“ผมก็เป็นคนอื่น ถ้ายังงั้น ทำไมพี่ไม่ทำเอง” คชานนท์แย้ง
“พี่ไม่เคยคิดว่านนท์เป็นคนอื่น” อาวุธตอบ “หรือนนท์คิดว่าพี่เป็นคนอื่น”
“คุณนุก็อยู่อิตาลี่ ทำไมไม่ให้มาช่วย” คชานนท์หาทางออก
“คุณนุอยู่กับอธิคม ไม่่ว่างซะแล้ว ถ้าดึงตัวมาให้ช่วยพี่ นนท์คิดหรือว่าพี่ชายอันธพาลของนนท์จะยอม มีนนท์คนเดียวล่ะที่ว่าง” อาวุธตอบเสียงเรียบ
...พี่วุธกำลังบอกอะไรนี่...
“ให้ผมช่วยก็ใช่ว่าพี่คมจะยอมหรอก พี่ก็รู้” คชานนท์ตอบกลับ
“แค่ช่วยซื้อบ้านเล็กๆ เอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ คมไม่ว่าอะไรหรอก”
“พี่แค่จะใช้เป็นที่พักตากอากาศแค่นั้นหรือ ลงทุนขนาดนี้ แค่จะเอาไว้นอนพักค้างคืนชั่วคราวเป็นครั้งๆ ไป ไม่ได้คิดจะอยู่จริงจังงั้นหรือครับ”
“ถ้าพี่ชอบก็อาจอยู่เลย นนท์ก็รู้ พี่ไม่ค่อยชอบอยู่เมืองไทยอยู่แล้ว พี่อยากไปอยู่ที่ไหนไกลๆ ที่เงียบสงบ” อาวุธตอบ
“ผมนึกว่าพี่ชอบทะเล อยากมีบ้านริมทะเล”
“นั่นก็ใช่” อาวุธพยักหน้า
“อยู่ที่ไหนจะเหมือนเมืองไทย”
“เอาไว้หลังเสร็จงาน กลับเมืองไทย พี่อาจจะไปดูที่ที่พังงาหรือตรัง”
“ใกล้กระบี่ไป” คชานนท์ส่ายหน้าช้าๆ “โรงแรมพ่อก็อยู่ที่กระบี่ พี่คมก็ไปพักบ่อยๆ เดี๋ยวได้มีเรื่องกันอีก”
“งั้นก็สมุย”
“สมุยมีแต่ฝรั่ง” คชานนท์แย้ง
“งันเอาปึกเตียนที่เพชรบุรีไหมนนท์ จะได้มีแต่คนไทย” อาวุธทำเสียงหงุดหงิด แต่นัยน์ตาฉายแววขำๆ “ไม่ก็หาดแม่พิมพ์ ระยอง หรือจันทบุรีซะเลย ใกล้กรุงเทพฯ ดี ถ้ามีเรื่องงานจะได้รีบขับรถเข้ากรุงเทพฯ”
“มอเตอร์เวย์รถติดตายชัก” คชานนท์เบ้ปาก
“ตินั่นตินี่ อะไรๆ ก็ไม่ถูกใจซักอย่าง บ้านที่จะซื้อนี่บ้านพี่นะ ไม่ใช่บ้านนนท์”
“แล้วมาให้ผมช่วยทำไมเล่า” คชานท์ทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ถ้าจะให้นนท์เลือกจริงๆ นนท์จะเลือกที่ไหน”
“มอริเชียส” คชานนท์ยิ้ม “ไกลหน่อย แต่สวย”
“เวลาทำงานจะทำยังไงล่ะ” อาวุธแย้ง
“อ้าว ก็ไหนพี่ว่าจะใช้เป็นที่ตากอากาศ”
“พี่เปลี่ยนใจแล้้ว จะเอาไว้เป็นที่อยู่ซะเลย” อาวุธยักไหล่
“งั้นชะอำก็พอ” คชานนท์ยักไหล่เช่นกัน
“แล้วถนนเพชรเกษมมันไม่รถติดเหมือนมอเตอร์เวย์หรือนนท์” อาวุธถาม
“ติดมันก็เลี่ยงไปทางราชบุรีได้ แต่ระยองจะเข้ากรุงเทพฯ มันไม่ไหว เลี่ยงได้ก็จริง แต่ก็เลี่ยงไปติด ชลบุรีเข้ากรุงเทพฯ ก็ติด ไปทางแปดริ้วก็ติด เข้ามาเจอรามอินทราก็ติดอีก เมื่อไหร่จะถึงบ้าน จากชะอำพอมาถึงเราก็วิ่งเข้าวงแหวนตะวันตก ขึ้นทางด่วนมาลงพระราม 3 เดี๋ยวเดียวก็ถึงบ้าน”
“อืม ความคิดนนท์นี่ดีจริงๆ” อาวุธพยักหนา “งั้นมาจัดการเรื่องนี้ให้พี่ที”
“ไหนว่าไม่ชอบให้ผมมายุ่งกับชีวิต” คชานนท์เลิกคิ้ว
“ก็ถ้าทำแล้วถูกใจพี่ใครจะไปว่าอะไร ก่อนทำก็ให้ปรึกษากับเจ้าตัวเขาก่อนสิว่าเขาโอเคด้วยหรือเปล่า” อาวุธตอบ
คชานนท์นั่งนิ่งเงียบ เลิกตอบโต้อาวุธเพราะกำลังใช้ความคิด ตามองออกไปข้างนอก แท็กซี่กำลังเลี้ยวเข้าเขตของโรงแรม คชานนท์จึงสั่งแท็กซี่และชี้ไม้ชี้มือสั่งการให้แท็กซี่จอดในจุดที่ตัวเองต้องการ
“นนท์ ปล่อยให้เขาขับของเขาเถอะน่า จะไปบอกเขาทำไม” อาวุธอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ชอบเจ้ากี้เจ้าการจริงๆ เชียว”
“ผมไม่อยากให้เขาจอดหน้าล๊อบบี้”
“ทำไม” อาวุธถาม
“พี่อย่่ารู้เลย”คชานนท์หันมาตอบแล้วหันไปควบคุมคนขับแท็กซี่ซึ่งฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
“หยุด จอดตรงนี้ล่ะ” คชานนท์สั่งคนขับเสียงดังเป็นภาษาอิตาลี่สำเนียงแปร่งๆ แล้วหันมาหาอาวุธและพูดว่า “พี่เป็นคนจ่ายเงิน”
อาวุธลงจากรถและเดินตามคชานนท์ช้าๆ คชานนท์ไม่เดินเข้าทางด้านหน้าของโรงแรมแต่กลับเดินอ้อมไปอีกทาง ชายหนุ่มเดินเร็วมาก และเมื่อเห็นอาวุธทิ้งระยะห่างก็หันมาพยักหน้าเร่ง
“หลบหน้าใครหรือเปล่่านนท์” อาวุธพูดขึ้นเมื่อเดินมาทันคชานนท์ที่ประตูทางเข้าด้านข้างโรงแรม
“ผมไม่อยากให้กล้องวงจรปิดบันทึกว่าพาพี่เข้าโรงแรม” คชานนท์ยักไหล่
“ขำมากเลยล่ะ อาวุธหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “กลัวอะไร กลัวใคร กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไง”
“ประวัติศาสตร์อะไรครับ” คชานนท์เลิกคิ้ว ทำหน้าสงสัย มือที่กำลังดันประตูค้างอยู่ไม่ขยับ
“พี่ขอโทษสำหรับคืนนั้น พี่ไม่อยากรบกวนนนท์ พอลงจากเตียงก็หอบเสื้อผ้ามาที่โต๊ะเพื่อเขียนโน๊ตทั้งที่มืดๆ” อาวุธพูดเสียงจริงจัง
“พี่รู้ไหมว่าทิ้งอะไรไว้”
“บอกแล้วไงว่าพี่ขอโทษ มันอาจทำให้นนท์ตกใจ มันคงหล่นไปตอนที่พี่หาปากกา พี่ไม่ได้เปิดไฟเพราะไม่อยากให้นนท์ตื่น”
“คงตื่นได้หรอก” คชานนท์เบ้ปาก
“แต่พอออกมาจากห้องก็ถึงนึกได้ว่านนท์ตื่นยาก ต่อให้เปิดไฟ อาบน้ำ แต่งตัว เดินไปเดินมา หรือทำอะไรนนท์ ก็คงไม่รู้สึกตัว” อาวุธยิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ “แต่ก็อย่างว่า มันเป็นไปโดยธรรมชาติ”
“หมายความว่ายังไงพี่วุธ” คชานนท์หรี่ตา
“พอเราตื่นก่อนก็ต้องค่อยๆ ย่องออกไป เพราะไม่อยากรบกวนทำให้คนข้างๆ ตื่น” อาวุธพูดเบา
“พี่วุธ นี่...”
“นนท์ก็รู้จักพี่ดี” อาวุธพูดเสียงแผ่วเบาแล้วใช้มือผลักประตูและเดินเข้าไปในโรงแรม
“ยุ่งกันไปใหญ่แล้ว พี่คมเอาตายแน่เลย” คชานนท์พึมพำตามหลัง
“พี่ไม่กลัวอธิคมหรอกนนท์ พี่ไม่เคยกลัว อธิคมเป็นกระทิง ชอบวิ่งชน คุณนุเป็นมาธาดอร์ถือหอก พี่เป็นราชสีห์ นนท์เป็นเลียงผา ธงรบกับชัยชนะเป็นรถเทียมม้าพาขี่หนีเวลาฉุกเฉิน”
“พี่ธงเป็นม้าแน่เลย”
“พี่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้างนะนนท์ เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆ หรอก แต่พี่ก็ตัดสินใจแล้ว” อาวุธพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบเช่นทุกครั้ง
“ตัดสินใจไปคนเดียวหรือเปล่าพี่วุธ” คชานนท์เร่งความเร็วเดินให้ทันอาวุธ
“มีคนชอบมาตัดสินใจให้พี่ มาจัดการ มายุ่ง มาวุ่นวายกับชีวิตพี่ คราวนี้พี่จะเป็นคนควบคุม จัดการ และบริหารเองบ้างแล้ว ใครก็หยุดพี่ไม่ได้ นนท์รู้จักพี่ดี น่าจะรู้ว่า ถ้าพี่เอาจริงขึ้นมา ใครหน้าไหนก็ขวางไม่ได้” อาวุธพูดเสียงเข้มขึ้น ลดความเร็วของการเดินลง ปล่อยให้คชานนท์เดินนำหน้า
“งั้นก็...”
“ใครก็ไม่รอดมือพี่ไปหรอก”
“งั้นก็” คชานนท์ก้าวเท้ายาวกว่าเดิม “ไปกันเถอะ เดี่ยวจะเสียเวลา กินเที่ยงกันที่โรงแรมก็แล้วกันนะพี่วุธ พี่จะได้ไปถึงกระท่อมน้อยริมห้วยของพี่เร็วๆ”
อาวุธล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง มองดูคชานนท์ที่เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังลิฟท์ ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไปช้าๆ
เขารู้ว่าคชานนท์ยังไม่หมดฤทธิ์ ที่รีบก็เพราะว่าไม่ต้องการเสียเวลา คชานนท์ยังคงจะต้องต่อรองกับเขาเรื่องไม่ต้องการพักค้างคืนด้วยกัน หรือถ้าจวนตัวจริงๆ ก็จะเล่น 'สกปรก' หน้าตาเฉยเช่นแกล้งทำเป็นป่วยหนักเดินทางไม่ได้ และที่เลี่ยงไม่ต้องการเดินเข้าประตูด้านหน้าโรงแรมก็เพราะอนุภาพกับอธิคมนั่งอยู่ที่ล๊อบบี้
จะยังไงไม่รู้ แต่อนุภาพกลายเป็น 'ทีมงาน' ของเขาโดยไม่รูัตัวเข้าแล้วล่ะ ไหนจะจตุพลที่โดนเขาขู่จนกลัวและยอม 'หักหลัง' เพื่อแลกกับการไม่ถูกเขาขุดคุ้ยเรื่องการเลี่ยงภาษี รวมถึงชัยชนะซึ่งยินดีที่จะทำหน้าที่เป็น 'ข่าวกรอง' ให้เมื่อเขาบอกถึงแผนการตัดสินใจของตัวเอง และหากเขาต้องการให้วินเซนต์ช่วย ฝ่ายนั้นก็ยินดีเต็มที่ เพียงแต่เขาไม่อยากให้วินเซนต์เข้ามายุ่งเท่านั้นเอง ส่วนพ่อของเขากับพ่อของคชานนท์นั้นจัดการไม่ยาก
...คราวนี้คนที่จะโดน 'จับคู่' คือคชานนท์นี่ล่ะ ทำกับคนอื่นไว้มาก คราวนี้ต้องโดนเข้ากับตัวเอง...
'คู่' ของคชานนท์นั้นพร้อมแล้วที่จะมี 'คู่'
เขามั่นใจว่าคชานนท์ไม่รอดแน่
...รู้จักพี่วุธน้อยไปแล้วล่ะน้องนนท์คนเก่ง ยกนี้พี่วุธต้องชนะเท่านั้น...
...ยืดเยื้อมานาน เรื่องจะได้จบลงเสียที...
อาวุธอมยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย สายตาจับอยู่ที่ร่างด้านหลังของคชานนท์
...อดีตจบสิ้นไป ต่อจากนี้จะมีแต่อนาคตเท่านั้น...
::: THE END :::