“พี่หมอ...หอมขอร้อง ฟังหอมหน่อยนะ อย่าเพิ่งไป”
ข้าวหอมเอื้อมตัวไปฉวยมือใหญ่มากอดแนบอก ใจสั่นระรัว มองใบหน้าคมคายก้มมาใกล้
“หอมเป็นอะไร ค่อยๆพูด ไม่ต้องรีบ ฉัน...พี่จะคอยฟัง”
ทิเบตรีบเปลี่ยนสรรพนาม ใจเต้นระทึกไปกับคำพูดหวานๆปนเศร้า ก่อนพินิจมองคนตรงหน้าดูไม่ต่างกับเด็กเล็กๆที่กำลังเสียขวัญ ซึ่งมันทำให้ใจเขาอ่อนยวบ ทั้งๆที่ทำใจไว้แล้วเชียว หากชายหนุ่มสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เขาจะใจอ่อนไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดกันทั้งคู่
ร่างสูงยกมือข้างที่ว่างตบเบาๆบนมือเล็กซึ่งกำลังยึดมืออีกข้างของเขาไว้แน่น จากนั้นจึงค่อยๆดึงออกอย่างนุ่มนวล ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น น้ำตาเจ้ากรรมจึงทะลักทลายออกมาเป็นท่อประปาแตก พร้อมกับยึดมืออบอุ่นนั้นไว้แน่น
“อย่าไปได้มั้ย ฮือๆ”
ภาพด้านหน้าพร่าเลือน แต่เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายส่ายศีรษะปฏิเสธ พร้อมกับตอกย้ำด้วยคำพูด
“ไม่ได้หรอก พี่ต้องไป หอมมีอะไรกับพี่หรือเปล่า ถึงมาหาที่นี่ อีกเดี๋ยวพี่จะต้องไปหน้าประตูผู้โดยสารขาออกแล้ว”
“พี่หมอ...” ข้าวหอมคราง สะอื้นไห้
มันหมดแล้วจริงๆน่ะหรือ เยื่อใยที่มีให้กัน หมดแล้วจริงๆหรือ
เหมือนใจจะขาดรอนๆร่างเล็กกลั้นสะอื้นเอ่ยเสียงขาดๆหายๆ ตอนนี้ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนยังไง อีกฝ่ายก็ไม่มีวันเชื่อใจเขาอีกแล้ว
เพราะฉะนั้น
ถึงเวลาที่เขาจะต้องพิสูจน์หัวใจตัวเองบ้างแล้ว
“หอมจะคอยพี่หมอ ถึงจะเกลียดหอมแล้ว แต่ก็ต้องกลับมานะ นานแค่ไหนก็ต้องกลับมา หอมจะคอยพี่หมออยู่ที่นี่ ที่บ้านของเรา ตลอดไป”
ร่างโปร่งกอดมืออุ่นชุ่มน้ำตาตัวเองแน่น ไม่นึกอับอายผู้คนที่เริ่มมามุ่งดู
“ขอโอกาสให้หอมบ้าง ครั้งเดียวเท่านั้น พี่หมอ...พี่...หมอ”
แรงสะอื้นกลบเสียงพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง ทิเบตจึงค่อยๆยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเม็ดโตอย่างนุ่มนวล ทว่าในอกกลับเหมือนมีใครเอากลองมาใส่ไว้ มันถึงได้เต้นดังจนเขาไม่ได้ยินเสียงใครอื่น นอกจากคนตรงหน้า และจากที่งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าอีกฝ่ายมาทำไม ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว
ร่างสูงกลืนความข่มขื่นลงคอ มองใบหน้านองน้ำตาอีกครั้ง
“จะคิดถึงพี่มั้ย?”
ข้าวหอมไม่ตอบเสียงทุ้มนุ่มถามแผ่วเบา หากพยักหน้ารับแรงๆ ยิ่งทำให้หัวใจคนถามพองโต คุมตัวเองไว้ไม่อยู่
เพราะแค่เพียงร่างโปร่งบางมาให้เห็นถึงสนามบิน เขาก็ใจกระตุกแล้ว ความตั้งใจที่มีแทบพังทลาย อยากเข้าไปกอดให้หายคิดถึง อยากสูดกลิ่นอายสดชื่นให้เต็มปอด ดับความทุรนทุรายที่เขาไม่สามารถสลัดมันไปจากใจได้เลยสักวัน นับแต่ตัดสินใจจากมา แล้วจะไปนับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่คำพูดอ่อนหวานออดอ้อนเพียงไม่กี่คำก็ทำให้เขาละลาย ลืมความตั้งใจไปสิ้น
แต่เขาไม่อยากกลับไปสู่วังวนเดิมๆอีกแล้ว
ทิเบตกระเถิบตัวติดราวเหล็ก จ้องมองดวงตาชุ่มน้ำตาเต้นไหวระริก ก่อนตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตอีกครั้ง
“แล้วรักพี่มั้ย”
ข้าวหอมพยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิด เพราะเขาคิดมาแล้ว แล้วจะไม่ลังเลอีก
คำตอบรับแม้ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ทำให้ทิเบตนิ่งตะลึงกว่าครั้งไหนๆที่เคยได้ยินอีกฝ่ายตะโกนบอกด้วยแรงอารมณ์
เพราะครั้งนี้ร่างโปร่งมาด้วยความตั้งใจของตัวเอง
ชายหนุ่มมองพวงแก้มใสเย้ายวนตรงหน้า จากนั้นจึงฝังจมูกลงแรงๆทั้งสองข้าง
เหมือนได้ยกภูเขาเหล็กกล้าออกจากอก
“ถ้าหอมยังยืนยัน พี่จะกลับมา”
ข้าวหอมเบิกตากว้าง จับต้นแขนอีกฝ่ายแน่น
“จริงๆนะพี่หมอ” ศีรษะทุยซบลงบนแผงอกกว้าง ยิ้มทั้งน้ำตา “หอมจะคอย จะคอยพี่หมอกลับมา”
สองมือเล็กโอบรอบลำตัวใหญ่แน่น ไม่อับอายสายตาผู้คนบริเวณนั้นแม้แต่น้อย หากอีกฝ่ายกลับค่อยๆยันตัวออกห่าง
“พี่ทิ จวนได้เวลาแล้วนะ”
โรมซึ่งมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆเดินกลับเข้ามาเตือนพี่ชาย
ทิเบตพยักหน้ารับ “ฝากหอมด้วยนะโรม” ก่อนก้มหน้ามองใบหน้านวลอีกครั้ง แล้วตัดใจหันหลังเดินไปยังประตูผู้โดยสารขาออก
“จะรอจริงๆนะ!”
ร่างโปร่งร้องบอกไล่หลัง เมื่อชายหนุ่มหายลับเข้าไปภายในประตู
แม้อีกฝ่ายบอกว่าจะกลับมา แต่ก็มีเงื่อนไข เงื่อนไขที่เขาก็ตอบไม่ได้ว่าจะเอาอะไรมาวัด วัดความจริงใจที่เขามี
เขารู้แต่ว่าถ้าเขายังมั่นคง พี่หมอของเขาจะกลับมาแน่นอน และเขาจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น
วันที่เขาทั้งสองคนจะได้มีชีวิตร่วมกันจริงๆเสียที
ร่างโปร่งมองเหม่อไปยังทิศทางที่ทิเบตหายลับไปพักใหญ่ จากนั้นจึงค่อยๆหันกลับมามองคนข้างๆ ซึ่งไม่มีทีท่าจะลำบากใจเลยซักนิด
“มืดแล้ว ไปค้างบ้านแม่นะ”
โรมเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล วันนี้มีเรื่องตกใจมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นคนตรงหน้าไม่ควรขับรถกลับสุพรรณทั้งที่มีสภาพกระปลกกระเปลี้ยเช่นนี้ เดี๋ยวพี่ชายเขาจะอยู่ไม่เป็นสุข
ข้าวหอมพยักหน้ารับพลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลวกๆ จนหายจากอาการพร่าเลือนก็พบดวงตาหลายคู่รอบตัวกำลังจับสังเกตเขาตลอดเวลา
ศีรษะทุยหันซ้ายหันขวา หน้าร้อนวูบ นึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนีก็ครานี้เอง
ร่างโปร่งขับรถตามน้องชายสามีมาถึงบ้านศุภอมร ก็เจอป้านิภาออกมารับด้วยตัวเอง
“โรม น้องไม่เป็นอะไรนะ” นิภาถามย้ำ ด้วยรู้ความจากที่โรมโทรศัพท์มาบอกไว้ก่อนแล้วว่า วันนี้ข้าวหอมจะมาพักด้วย หลังส่งทิเบตขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว ยังความแปลกใจให้เธอไม่น้อย ก็ช่วงที่ผ่านมาทั้งคู่ระหองระแหงกันจนเธอยังคิด
ทั้งคู่อาจไปกันไม่รอด!
แต่นั้นกลับไม่ได้ทำให้เธอดีใจ การเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าตอนนี้ต่างหากที่ทำให้เธอดีใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“แม่ล่ะตกใจ อยู่ๆน้องหอมมา กลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นอีก”
โรมยิ้มให้แทนคำตอบ ก่อนจะหันมาร่างโปร่งบางเดินเข้ามาหา
“หิวมั้ย มืดแล้ว ทานอะไรกันมาหรือยัง” นิภามองใบหน้าอ่อนเพลียของเด็กหนุ่ม
“ขอบคุณครับป้า หอมไม่หิวเลยครับ”
“แสดงว่ายังไม่ได้ทาน เดี๋ยวป้าให้แม่บ้านหาอะไรเบาๆรองท้องหน่อยดีกว่า เดี๋ยวเจ้าทิกลับมาจะหาว่าแม่เลี้ยงน้องไม่ดี”
“ไม่หรอกครับ หอมต่างหากที่มารบกวน พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว”
นิภาเบิกตากว้าง “มีธุระหรือจ้ะ ป้าก็นึกว่าจะอยู่รอพี่เขากลับมา แล้วค่อยกลับไปด้วยกัน”
ข้าวหอมเงยหน้ามองป้านิภาทันควัน
“พี่หมอ...พี่หมอจะกลับมาเมื่อไรหรือครับ” ดวงตาคู่ใสเบิกกว้าง รอคำตอบด้วยความประหลาดใจ
ทำไมป้านิภาถึงพูดเหมือนกับไปแค่วันสองวัน?
“สองอาทิตย์เองจ้ะ หอมอยู่เที่ยวทางนี้ เผลอแป๊บเดียวพี่เขาก็กลับมาแล้ว”
“อ๊ะ! ดะ...เดี๋ยวครับ พี่หมอเปลี่ยนใจไม่ไปอยู่ที่โน้นแล้วเหรอครับ” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ
“เปลี่ยนใจอะไรกันลูก” นิภาทำท่าฉงน “พี่เขาไปดูงานเท่านั้นเอง ขืนไปอยู่ทางโน้นนาน งานทางนี้คงกองเป็นภูเขา”
คนตอบยิ้มอบอุ่น เห็นดวงตาคู่ใสยังคงงุนงง “นี่พ่อกำนันไม่ได้บอกหรอกรึ แย่จริง ป้าก็นึกว่าบอกแล้ว เห็นเมื่อวานโทรมาถามละเอียดยิบ”
“เมื่อวาน? แล้ววันนี้ล่ะครับ” ต้องมีอะไรบางอย่างผิด เขามองข้ามอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย?
“วันนี้?”
“วันนี้ป้านิภาไม่ได้คุยกับพ่อกำนันหรอกหรือครับ”
“เอ...เปล่านี่จ้ะ”
“หือ” ข้าวหอมเลิกคิ้วสงสัย ก็วันนี้พ่อบอกว่าจะมาหานี่นา “ไม่เจอพ่อกำนันด้วย? วันนี้?”
“จ้ะ ทำไมหรือจ๊ะ”
“พี่หมอไปดูงานสองอาทิตย์ก็กลับ?”
“จ้ะ”
อ๊าก! เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในหัวร่างบางทันที
เขาถูกพ่อต้มซะเปื่อยแล้ว หลอกว่าพี่หมอจะไปอยู่เมืองนอก ที่แท้ก็ไปดูงาน เดี๋ยวก็กลับ
ข้าวหอมอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ก็เจ็บแสบดีแท้ ถูกพ่อดัดนิสัยเข้าจนได้
นิภาขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มน้ำตาคลอเบ้า ทำหน้าเหมือนกินยาขม “มีอะไรหรือเปล่า แล้วจะอยู่รอพี่เขาไหมลูก”
ไม่ต้องคิดอีกแล้ว ร่างโปร่งรีบพยักหน้าตอบหงึกๆ
“ครับ” จะอยู่ให้พ่อมาตามกลับเลยล่ะ
พ่อนะพ่อ ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น
ร่างโปร่งปาดน้ำตาลวกๆ ยิ้มให้กับนิภา โอกาสมาถึงแล้ว และคราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปอีก
อีกฝากหนึ่งของความมืดมิด ผู้สูงวัยที่ทำให้บุตรชายน้ำตาเช็ดหัวเข่า ออกมายืนตากลม ทอดอารมณ์อยู่ที่ชายเรือน พลางจิบเหล้าขาวที่ไอ้ขันคอยรินให้
“พ่อกำนัน” ไอ้ขันเอ่ยเสียงอ่อย
“อะไรไอ้ขัน ข้าเห็นเอ็งอ้ำๆอึ้งๆมาเป็นพักแล้ว”
“ก็ฉันกลัวนี่พ่อกำนัน”
“กลัวอะไรของเอ็ง”
“ก็กลัวว่าถ้าพี่หอมรู้ว่าถูกหลอก บ้านแตกแน่พ่อกำนัน”
“มันจะเอาอะไรมาแตกวะไอ้ขัน ข้าอุตส่าห์ลงทุนเป็นกามเทพให้มันแท้ๆ แล้วถ้าครั้งนี้มันยังไม่สำเร็จ ก็เลิกกันไปเถอะ ข้าทำใจได้”
กำนันสิงห์ยกยิ้มหนวกกระดิก เพราะเมื่อครู่แม่นิภาโทรมา ทำให้รู้ว่า สิ่งที่คาดหวังไว้ มันสำเร็จแล้ว
แต่กว่าจะเรียบร้อยลงได้ ก็เกือบตัดใจไปแล้วเหมือนกัน ผู้สูงวัยระลึกถึงตอนที่ทิเบตมาขออนุญาตลากลับบ้าน ท่าทางเหมือนคนซักกะตาย ตัดใจไปแล้วกับทุกสิ่งทุกอย่าง และเหตุก็เพราะลูกชายตัวแสบของตนเอง ทว่ายังเห็นแสงริบหรี่จึงได้รั้งชายหนุ่มตรงหน้าไว้
“วันนี้ไอ้หอมมันเปิดใจให้พ่อทิแล้ว แล้วทำไมพ่อทิถึงจะทิ้งมันไปซะล่ะ ทำไมไม่ใช้โอกาสที่มีนี้ลองเปิดใจให้กันอีกครั้ง”
“หอมเขารู้สึกผิดกับผมมากกว่า ถึงได้ยอมทำดีด้วย วันหนึ่งข้างหน้าเขาคงจะรู้ว่า เขาไม่ได้รักผม”
“พ่อทิ พ่อทิจะตัดสินใจยังไงฉันไม่ห้ามหรอก แต่ฟังคำฉันซักนิดเถอะนะ วันที่พ่อทิแต่งงานกับไอ้หอม พ่อทิคิดว่าจะรักมันหรือเปล่า”
ทิเบตส่ายหน้า
“แล้วทำไมวันนี้ถึงได้คิดแทนมันเสียล่ะ ไม่คิดว่าไอ้หอมมันจะเปลี่ยนใจมารักพ่อทิ เหมือนที่พ่อทิรักมันบ้างหรือ”
“วันนี้จะรักด้วยอะไรก็ตาม แต่รักก็คือรักนะพ่อทิ”
“ในเมื่อใจตรงกันแล้ว จะจากกันไปให้เจ็บช้ำเพื่ออะไร”
“ลองกลับไปตรึกตรองดู ระยะเวลาที่พ่อทิไปดูงานต่างประเทศก็ทบทวนดูเองเถอะนะ แล้วกลับมาบอกฉัน”
“ถึงวันนั้นฉันเคารพการตัดสินใจของพ่อทิ”
แต่วันนี้กำนันสิงห์ไม่ต้องรอให้ทิเบตกลับจากต่างประเทศมาให้คำตอบ ด้วยคำตอบมันมีอยู่แล้ว จากที่ไอ้หอมไม่กลับบ้าน อยู่รอผัวที่โน่นเป็นนานสองนาน
“พ่อกำนัน”
“อะไรอีกวะไอ้ขัน ไม่ดีรึไงที่ลูกพี่เอ็งจะได้มีความสุขกับเขาเสียที”
“ก็ดีสิจ๊ะ แต่มุกไปอยู่เมืองนอก มันไม่เชยไปหน่อยหรือพ่อกำนัน”
“มาชงมาเชยอะไรวะ มุกนี้ล่ะอมตะสุด ข้าเห็นในละครหลังข่าวมันใช้แล้วได้ผลทุกที”
“โธ่พ่อกำนัน นั่นมันในละคร”
“แล้วชีวิตจริงมันต่างจากละครตรงไหนวะไอ้ขัน” กำนันสิงห์จับผ้าข้าวม้าปัดแมลงตามตัว “ข้าเจอคนที่จะมาดูแลลูกข้าได้แล้ว แค่มันเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็คิดว่ามีลูกเพิ่มอีกคนก็แล้วกันวะไอ้ขัน”
ผู้สูงวัยก้มมองเด็กในบ้านตาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ก่อนยิ้มแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน
ไอ้ขันมองใบหน้าผู้มีพระคุณพลางถอนหายใจยาว
ความรักของพ่อกำนันที่มีต่อพี่หอมนั้นมากถึงขนาดที่ต่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้ พ่อกำนันก็คงจะพยายามทำทุกอย่างให้ลูกตัวเองมีความสุขถึงที่สุดจนได้ล่ะ
เด็กหนุ่มจุดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าตามจอมวางแผน ซึ่งพร่างพราวด้วยดวงดาวน้อยใหญ่ แข่งกันเปล่งประกายเต็มผืนฟ้า
วันนี้พี่หอมคงหลับฝันดีกับเขาซักที
TBC
ขอโทษที่มาช้า เค้ามา reply ไว้เเล้วนะ ว่าขอเที่ยวเเป๊บนึงอาจจะมาเลทนิดๆๆ
เจอกันวันเสาร์ค่ะ
เเจกสบู่คนละ 1 ก้อนเตรียมไว้ตอนหน้า นอนหลับฝันดีนะทุกคน