
....
กฤษณะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อรถสามารถเคลื่อนตัวไปได้อีกครั้ง หากไม่เพราะเกิดอุบัติเหตุกีดขวางการจราจรป่านนี้เขาคงถึงบ้านนานแล้ว
“เร็วๆหน่อยดอน” ชายหนุ่มเร่งคนสนิทอย่างหงุดหงิด วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรใจคอเขาไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว พอรู้ว่าลูกค้ารัสเซียขอเลื่อนนัดชายหนุ่มก็รีบกลับบ้านทันที
นายดอนขับรถเร็วเป็นประวัติการณ์ วันนี้เขาตาขวาเขม่นยิบๆมาตั้งแต่เช้า จึงไม่ต้องรอให้กฤษณะสั่งซ้ำสองก็เหยียบคันเร่งจนมิด...และมาชะลอเอาตอนถึงหน้าประตูบ้าน คนรับใช้ที่วิ่งมาเปิดประตูหน้าซีดเหมือนไก่ต้มเมื่อเห็นรถของกฤษณะ
“อะไรของมัน ทำไมไม่รีบเปิดประตู” นายดอนกดแตรถี่ๆเร่งจนเจ้าหมอนั่นต้องรีบลนลานเปิดประตูให้ ยังไม่ทันจะเปิดอีกบานจนสุด นายดอนก็พารถเข้าไปก่อนแล้วกดกระจกลงชะโงกมองหน้าคนเปิดประตูอย่างแปลกใจ หมอนี่ไม่ใช่คนงานของบ้านใหญ่ แล้วทำไมถึงมาเปิดประตูให้ได้
“ทำไมแกมาเปิดประตู...แล้วต้อยไปไหน?”
“เอ่อ...พี่ต้อยไป...คือว่า...”
“อะไรวะ อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นแหละ แล้วนี่หายไปไหนกันหมด?”
“คือว่า…”
“เดี๋ยวค่อยเรียกไปถามเถอะน่า” กฤษณะเตือนอย่างรำคาญ นายดอนจึงรีบเลี้ยวรถไปยังลานจอดด้านหลัง ยังไม่ทันจอดรถสนิท สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้าน ทั้งที่มือยังถูกมัดติดกันอยู่
เจ้าคนที่เปิดประตูตาเหลือกแล้ววิ่งหนีไปทันที
“น๊าย!...นายช่วยด้วย!”
“เฮ้ย...อะไรของเอ็ง?” นายดอนเห็นอาการวิ่งหน้าตาตื่นก็รีบลงจากรถและคว้าปืนติดมือลงไปด้วย กฤษณะเองก็ดึงปืนออกมาเตรียมพร้อมไว้ ยังไม่ทันทำอะไรก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้น3
“กรี๊ด!!!คุณเน!!!”
กฤษณะเงยขึ้นมองตามสัญชาติญาณ ภาพที่เห็นคือร่างหนึ่งร่วงลงมาปะทะเข้ากับกิ่งตะแบก แล้วหล่นลงไปบนยอดของกอหมากสี ก่อนจะตกหายลงไปในพุ่มของเทียนทอง
เลือดในกายเหมือนจะจับแข็งไปชั่วขณะก่อนที่กฤษณะจะได้สติ ชายหนุ่มกระโจนพรวดเดียวถึงพุ่มเทียนทอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เห็นเพียงนิดเดียวก็จำได้ เพราะเขาเป็นคนเลือกมันมากับมือ
“เน!...เน!...” กฤษณะเรียกเสียงสั่น ชายหนุ่มแหวกพุ่มไม้ออก ใบหน้าที่พาดอยู่บนพุ่มเทียนทองมีรอยถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนมีแผลกระจายไปทั่ว บวกกับรอยแตกช้ำบนใบหน้าที่เหมือนถูกฟาดด้วยของแข็งหลายแห่งจนแตกยับ และที่สำคัญคือรอยเลือดแดงฉานที่หน้าท้อง
ชายหนุ่มช้อนร่างบางในพุ่มไม้ออกมาวางพาดบนตัก ค่อยๆยื่นนิ้วสั่นระริกไปรอที่จมูก วูบแรกหัวใจเขาเหมือนหล่นหายเมื่อไม่รู้สึกถึงลมหายใจ แต่เมื่อพยายามตั้งสติและลองดูอีกครั้งก็พบว่าเนติยังมีลมหายใจอยู่
ชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนมือไปสัมผัสศีรษะของเนติก่อน หยาดข้นเหนียวที่ติดมือมาทำเอาใจเสีย แต่เขาก็ยังไม่เลิกตรวจสอบไปตามอวัยวะที่สำคัญๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีที่ใดแตกหักอีก
“นายครับ” นายดอนวิ่งกระหืดกระหอบตามมาด้วยความตกใจ
“เรียกฮอที่โรงพยาบาลมาเร็ว” เสียงของกฤษณะยังคงนิ่งทั้งที่หนาวเยือกไปทั้งตัว พยายามเตือนตัวเองให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
“ครับนาย” ขณะที่นายดอนโทรตามเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาล กฤษณะก็เงยขึ้นจ้องระเบียงชั้น3เขม็ง
“นายครับฮอจะมาถึงใน10นาทีครับ”
“โทรหาอโนทัย...ให้ส่งคนมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ฉันต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนนั้น”
“ครับนาย”
เฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาแค่10นาทีก็มาถึง เพราะบ้านของกฤษณะกับโรงพยาบาลของเขาอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่กิโลเมตร หมอวิทยามากับเฮลิคอปเตอร์ด้วย ทำให้กฤษณะค่อยอุ่นใจขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มกุมมือเรียวขาวไว้แน่นจนกระทั่งถึงห้องฉุกเฉิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าที่เหมือนไร้ชีวิตของชายหนุ่มชวนให้ขนลุกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ มีเพียงหมอวิทยาเท่านั้นที่คอยตบไหล่กว้างเบาๆไปตลอดทาง
.........................................
‘ทิ้งชื่อนามสกุลและตัวตนเดิมของแกไปให้หมดไอ้หนู ต่อไปนี้แกคือเนติ และชีวิตแกเป็นของฉัน แกต้องอยู่กับฉันไปจนตาย เข้าใจไหม?’
เสียงคาดคั้นแกมบังคับที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เนติรีบหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นคือตัวเองในวัย15ปีนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเบื้องหน้ากฤษณะ โดยมีดอนที่ดูยังหนุ่มยืนระวังอยู่หลังเก้าอี้ วันนั้นเป็นวันที่เขากลายเป็นเนติ ทาสผู้ภักดีของ กฤษณะ เพราะเขาได้ขายชีวิตของตัวเอง แลกกับหนี้สินก้อนโต และชีวิตของมารดากับน้องสาว
‘ครับคุณกฤษ ผมจะอยู่กับคุณกฤษไปจนตาย’ จำได้ว่าเขาพูดประโยคนั้นด้วยความจำยอมในสภาพที่ต้องแบกรับ แต่ลึกๆในหัวใจเขายังโหยหาอ้อมกอดของมารดา และหวังว่าสักวันเขาจะได้กลับไปหาท่าน แต่เมื่อถึงวันที่เขามีโอกาสกลับไป เขากลับเลือกที่จะแอบดูเพียงห่างๆ ให้แม่และน้องคิดว่าเขาตายไปแล้ว และมีความสุขกับครอบครัวใหม่คงจะดีกว่าที่เขาจะกลับไปเป็นส่วนเกินในชีวิตใครอีก...
แสงสว่างรอบตัวพลันดับวูบไป เนติพยายามจะวิ่งวนหาแสงสว่างนั้น จนในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงสลัวจากที่หนึ่งชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
‘สุดท้ายแกก็เหมือนคนอื่น แกกำลังจะไปจากฉันใช่ไหมเนติ แกรับเงินรุจีราเพื่อจะไปจากฉันใช่ไหม!’
ภาพที่ร่างสูงใหญ่นั่งหลังคู้ค้อมด้วยความเจ็บปวดและผิดหวังปรากฏตรงหน้า เนติถลาเข้าไปคุกเข่าเบื้องหน้ากฤษณะด้วยความเสียใจ เสียใจที่เขาเป็นสาเหตุให้กฤษณะต้องเจ็บถึงเพียงนี้
‘ผมเปล่านะครับคุณกฤษ ผมไม่ได้คิดจะไปจากคุณกฤษเลยนะครับ’
‘โกหก...แกก็เหมือนทุกคน สุดท้ายก็หนีฉันไปกันหมด ไม่มีใครรักฉันจริงๆสักคน’
‘ผมนี่แหละครับที่รักคุณกฤษ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทิ้งคุณกฤษไปไหน ผมจะอยู่กับคุณกฤษไปจนวันตาย’
‘งั้นก็กลับมาหาฉันสิ...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว’
ใบหน้าซีดสลดด้วยความทุกข์ทำให้ใจของเนติจะขาดรอนๆ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหมายจะกอด แต่ร่างกายของเขากลับถูกกระแสลมดึงลอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองตามเขามาอย่างตกใจและวิงวอน
‘ผมจะกลับไปหาคุณ ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน...รอแป๊บนะครับ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ’ เนติพยายามจะตะเกียกตะกายไปหา แต่แล้วทุกอย่างก็กลับดำมืดอีกครั้ง
………………………..
แสงสว่างทำให้ดวงตาพร่าจนต้องกระพริบถี่ๆอยู่หลายครั้งกว่าจะมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ฝ้าเพดานสีเขียวครีมที่สั่งมาเป็นพิเศษทำให้เนติรู้ทันทีว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลในเครือบริษัทของกฤษณะ และคนที่เป็นเจ้าของก็นั่งพิงเก้าอี้นวมหลับอยู่ข้างเตียงเขานี่เอง
ใบหน้าคร้ามยามหลับดูอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยเหมือนกับในความฝันไม่มีผิด
“ในที่สุดผมก็กลับมาหานายได้แล้วครับ” เนติพึมพำบอกอย่างยินดี ที่เขายังมีชีวิตอยู่จนได้เจอกฤษณะอีกครั้ง
กฤษณะขยับตัวทันทีที่ได้ยินเสียง ดวงตาแดงก่ำเพราะความอดนอนเปล่งประกายยินดีขึ้นมาทันทีที่สบตากัน
“ฟื้นแล้ว! เธอทำให้ฉันใจเสียเลยนะเน...เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหน?” กฤษณะขยับเข้ามาจนชิด มือใหญ่ลูบไล้เส้นผมนุ่มแผ่วเบาอย่างระมัดระวัง ขณะที่ดวงตาคมกวาดไปทั่วใบหน้าขาวซีดอย่างยินดีล้นพ้น
“...ท้องครับ”
“หมอผ่ากระสุนออกแล้ว โชคดีที่กระสุนไม่โดนอวัยวะที่สำคัญเลย...หิวไหม?”
“หิวน้ำมากกว่าครับ”
“เดี๋ยวนะ” กฤษณะลุกขึ้นไปรินน้ำใส่แก้วเสียบหลอดมาจ่อให้ถึงปาก เนติรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็น ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันที่กฤษณะรู้จักดูแลคนอื่น ปรกติเขาแทบไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเองด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ดึงความสนใจของทั้งคู่ไป กฤษณะวางแก้วลงแล้วหยิบมือถือมากดรับสาย
“ว่าไงอโนทัย...เหรอ...ขอบใจมาก” ดวงตาคมเป็นประกายเย็นเฉียบ กฤษณะวางสายแล้วหันไปกดปุ่มคอร์เนิส ครู่เดียวหมอกับพยาบาลก็เข้ามา หมอวิทยายิ้มร่าเมื่อเห็นว่าเนติฟื้นแล้ว
“ดีจริง...ฟื้นตัวเร็วอย่างเหลือเชื่อ ตกลงมาจากชั้น3แต่กลับไม่มีอวัยวะภายในแตกหัก นอกจากแผลถูกยิง แต่หมอเอากระสุนออกให้แล้วนะ...แกนี่ยังไงวะกฤษ คราวที่แล้วผ่ากระสุนออกจากขา คราวนี้ผ่าออกจากท้อง หวังว่าคงไม่มีคราวหน้าอีกแล้วนะ”
“ไม่มีเด็ดขาด จะไม่มีใครทำให้เนเจ็บอีกแล้ว พอกันที” กฤษณะสัญญาหนักแน่นขณะกุมมือขาวไว้มั่น
“อะฮะ...ไอ้กฤษเอ๊ย ปากพาจนแล้วแก เน...หมอเป็นพยานให้นะว่าวันนี้มันสัญญาอะไรไว้”
หมอวิทยาคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกฤษณะ และเป็นคนเดียวที่กล้าต่อล้อต่อเถียงด้วย ท่าทางสะอกสะใจเหมือนถือไพ่เหนือกว่านั้นไม่ได้ทำให้กฤษณะหวั่นไหว ชายหนุ่มลูบผมของเนติอย่างอ่อนโยนและห่วงใย
“หายเร็วๆนะเน...แล้วกลับบ้านเรากัน”
เนติรู้สึกเหมือนในอกปรี่แน่นด้วยความเต็มตื้นจนแทบร้องไห้ออกมา เขาเหนี่ยวมือใหญ่ที่เกาะกุมมือเขาไว้ขึ้นมาจูบ ขณะที่หมอวิทยาส่ายหน้าอย่างระอาแล้วต้อนพยาบาลออกไปจากห้อง
“แล้วแม่ผิวละครับเป็นไงบ้าง?” เนติอุทานออกมาอย่างตกใจ เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่ผิวเองก็โดนทำร้าย
“เจ็บไม่มากนัก แต่ยังไม่ค่อยสบายใจ พอรู้ว่าเธอปลอดภัยเลยขอไปถือศีลที่วัด 4-5 วัน”
“แล้ว.....สายชลละครับ?” เนติถามอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก....แม้จะไม่รู้ว่ากฤษณะมาเห็นเหตุการณ์ตอนไหน แต่คิดว่าคงรู้เรื่องทั้งหมดจากแม่ผิวแล้ว
“หึ...ไว้ถามดอนมันแล้วกัน” กฤษณะยิ้มเย็นจนเนติหนาวหลังเยือก ไม่อยากคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายชล
วันที่ออกจากโรงพยาบาลเนติก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ได้ครึ่งของความจริงจากปากคำของดอน ลูกน้องของสายชลถูกบังคับให้รุมข่มขืนสายชลจนสลบไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่พวกมันจะถูกตัดอาวุธมาปั่นเป็นน้ำกรอกให้กินกันถ้วนหน้า แล้วเอาไปถ่วงทิ้งทะเล
สายชลเคยทำงานรับใช้กฤษณะมาหลายครั้ง จึงได้รับการเว้นโทษตาย แต่ถูกส่งไปทิ้งไว้ที่เกาะรังนกของ กฤษณะ เพื่อเป็นนางบำเรอประจำเกาะ และหากไม่มีคำสั่งของกฤษณะ สายชลจะต้องอยู่ที่นั่นไปจนตาย
เนติถึงกับหลับตาอย่างสยอง เขาไม่ได้ต้องการให้สายชลโดนถึงขนาดนั้น แต่ใครเลยจะกล้าขวางกฤษณะได้ และยิ่งสายชลบังอาจคิดแตะต้องคนสำคัญ...ยิ่งไม่มีทางที่กฤษณะจะยอมอภัย เนติจึงไม่พูดอะไรให้กฤษณะขุ่นใจอีกเลย
แต่เมื่อวันหนึ่งที่อโนทัยมาหากฤษณะพร้อมกับที่อยู่ของรุจีราเขาก็อดใจหายไม่ได้ เนติเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องทำงานของกฤษณะอย่างกระวนกระวาย จนอโนทัยกลับไป เขาถึงได้กล้าเข้าไปในห้องทำงานของกฤษณะ
“อ้าวเนมาพอดี...ดูนี่สิ...อโนทัยเอาผลกำไรรีสอร์ทที่เชียงรายมาให้ดู ตัวเลขสวยอย่างไม่น่าเชื่อเลย”
“คุณกฤษครับ...เอ่อ...”
“อยากไปเที่ยวที่นั่นไหม เราไม่ได้ไปพักผ่อนกันนานมากแล้วนี่นะ หรือจะไปยุโรบ?” กฤษณะพูดพร้อมกับดึงร่างเพรียวให้นั่งลงบนตัก จมูกโด่งซุกไซ้ที่ซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างหลงใหล
“คุณกฤษครับ...ปล่อยคุณรุจีราไปได้ไหมครับ?” เนติกระซิบขออย่างขลาดๆ ไม่เพราะคำขอร้องของเขาหรอกหรือ รุจีราถึงมีโอกาสพาลูกหนีกฤษณะไป
“ห่วงว่าฉันจะฆ่าเขาละสิ?” กฤษณะย้อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ขึ้งโกรธ
“ผมทราบว่าคุณคงไม่ทำอย่างนั้น แต่คุณรุจีราเธออยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ เธอ...ต้องหาทางฆ่าตัวตายอีกจนได้”
“...ฉันตัดสินใจไปแล้วเน”
“หมายความว่า...คุณจะบังคับให้คุณรุจีรากลับมา” เนติครางออกมาอย่างใจหาย เขาไม่อยากให้รุจีรากลับมาทุกข์ทรมานเหมือนอย่างเดิม
“เปล่า...ฉันจะให้หย่าให้รุจีราต่างหาก และจะยอมให้เธอเลี้ยงลูกอย่างที่ต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าทุกซัมเมอร์ลูกต้องมาอยู่กับฉัน ห้ามรุจีราตัดขาดหรือพาลูกหนีไปอีก”
“ทำไมครับ ทำไมคุณถึงยอม?” เนติถามเสียงสั่นอย่างยินดี การปล่อยรุจีราไปอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การที่กฤษณะยอมให้รุจีราเอาลูกไว้ต่างหากที่คาดไม่ถึง
“ฉันได้บทเรียนมาแล้วเน...วันที่เกือบเสียเธอไป วันที่เห็นเธอร่วงลงมาจากชั้น3ต่อหน้าต่อตา...เหมือนหัวใจฉันถูกกระชาก...หากต้องเสียเธอไปแล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง...รุจีราเองก็คงไม่ต่างกัน หากต้องเสียลูกที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวไป เขาคงแตกสลายเป็นชิ้นๆเหมือนกัน...ในเมื่อฉันมีเธอแล้ว ฉันก็ไม่ควรพรากลูกมาจากรุจีรา ทำแบบนี้ลูกก็ยังมีทั้งพ่อและแม่ครบ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หากฉันกับรุจีรายังมีความรู้สึกดีๆให้แก่กัน ฉันแน่ใจว่าทั้งฉันและเขาจะทำให้ลูกมีความสุขได้”
“คุณกฤษ...” เนติโอบแขนรอบลำคอแข็งแรงแน่นด้วยความยินดี ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากกฤษณะ ถึงจะไม่ได้บอกรักตรงๆ แต่ทุกคำที่กฤษณะพูดออกมาก็แสดงถึงความรักอันมหาศาลที่เขาได้รับ
“ผมรักคุณกฤษ...ผมสัญญาว่าผมจะอยู่กับคุณกฤษไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะออกจากร่าง”
“ไม่!...ห้ามตายก่อนฉันนะเน สัญญาสิ ฉันมันคนเห็นแก่ตัว ฉันทนเห็นเธอตายไปก่อนไม่ได้แน่ๆ”
“ครับๆ...ผมจะไม่ยอมตายก่อนคุณกฤษ...เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า อยู่ดูคุณนราโตขึ้นมา จนคุณนราแต่งงานมีลูกมีหลานให้คุณกฤษ โอเคไหมครับ?”
“แน่นอน...เธอกับฉัน เราจะอยู่ด้วยกัน แก่ไปด้วยกัน” กฤษณะรับคำเสียงหนักแน่น ขณะที่กอดรัดร่างในอ้อมแขนกระชับ เนติหลับตาพริ้มอยู่กับอกกว้างอย่างเป็นสุข
“อ้อ!เน...วันก่อนตอนที่เธอนอนอยู่โรงพยาบาล ฉันเข้ามานั่งทำงานแล้ว...เห็นรีโมทอันนี้”
เนติผละออกมามองตามก่อนจะหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นรีโมทอันนั้นถนัดตา มันคืออันเดียวกับที่เคยล่วงล้ำเข้าไปในตัวเขานั่นเอง
“ไหนๆก็อยู่ในห้องทำงานแล้ว...ลองติดคลิปเหมือนวันนั้นก็ดีนะ อีกอย่างฉันก็ซื้อชุดหนังมาฝากแล้ว...ไม่ใช่อะไรหรอก เผื่อเธอจะติดใจไง”
“คุณกฤษ...” เนติครางออกมาอย่างอ่อนใจ แต่พอลูกนัยน์ตายิ้มๆนั่นก็รู้ว่าถูกล้อ จึงโผเข้าไปซุกหน้ากับอกกว้างแน่นอย่างเขินๆ แม้จะชอบการร่วมรักด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ไม่แน่ว่านานๆครั้งเขาอาจจะลองเล่นแบบวันนั้นดูก็ได้...เผื่อจะทำให้กฤษณะหลงเขายิ่งกว่านี้……………….
THE END
ขอบคุณมากคะ

หวังว่าคงสนุกนะรอติดตามเรื่องต่อไปจาก ใบปอ ได้ในเร็วๆนี่นะคะ