Article 24
ในตอนเช้าของวันเสาร์ที่ดูสดใส แต่มันดูไม่เข้ากับอารมณ์ของผมสักเท่าไหร่ ผมแต่งตัวอย่างเหม่อลอยเพราะมัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานอยู่ พอแต่งตัวเสร็จผมก็ขี่ฟีโน่ไปหาไอ้พี่เต้ที่บ้านแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหามัน ผมอยากจะชั่งใจเเละตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ผมฟังเสียงเพลงรอสายอยู่นาน จนในที่สุดไอ้พี่เต้มันก็รับ
'ว่าไง...
'พี่เต้...ไปเที่ยวกัน'ผมบังคับเสียงให้ดูร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
'ตอนนี้เนี่ยนะ...'
'ใช่'
'แต่วันนี้กรู...'
'นะ...แค่วันเดียวเอง
...ขอแค่วันนี้เท่านั้น
'อืม...เดี๋ยวไปรับ'
'ไม่ต้องหรอก ผมอยู่หน้าบ้านพี่'ผมเห็นไอ้พี่เต้มัน ออกมาดูตรงระเบียงว่าผมอยู่หน้าบ้านมันจริงรึเปล่า ผมเลยโบกมือให้มัน
'มา...ได้ไงเนี่ย'ไอ้พี่เต้มันเดินมาเปิดประตู รั้วให้ผมและถามอย่างงงๆ
หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อย ผมก็ตกลงกับไอ้พี่เต้ว่าจะไป ดรีมเวิล ตอนแรกไอ้พี่เต้มันก็จะไม่ไปแต่ผมก็ทำให้มันยอมพาไปจนได้นั่นแหละ ไปดรีมเวิลวันเสาร์แบบนี้คนก็เยอะเหมือนกัน ผมให้ไอ้พี่เต้มันซื้อตั๋ว ไอ้พี่เต้มันก็ทำหน้าบึ้งๆหน่อย แต่ก็มันก็ยอมไปต่อแถวซื้อตั๋วให้
ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเนี่ย...มันเจ็บกว่าที่คิดอีกนะ
สงสัยผมจะต้องเปลี่ยนจากสวนสนุก มาเป็นสวนเศร้าแทนแล้ว ทั้งที่ควรจะสนุกแต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าแบบนี้นะ
“จะไปเล่นอะไรก่อน”ไอ้พี่เต้มันถามผม ทำให้ผมหลุดจากวังวนความคิดที่วนเวียนไปมาจนน่าปวดหัว
“ไปเล่นไวกิ้งแล้วกัน”
ผมบอกและดึงมือไอ้พี่เต้แล้ววิ่งไปด้วยกัน
ขอความเข้มเเข็งให้ผม...ที่กำลังอ่อนแอด้วยเถอะ“ให้ตายสิเวียนหัวว่ะ”
ไอ้พี่เต้มันบ่นหลังจากที่ลงมาจากไวกิ้ง ผมเลยพามันไปนั่งตรงเก้าอี้แถวบ้านผีสิง ไอ้พี่เต้เอาหมวกของมันมาใส่ให้ผมแล้วนอนหนุนตักผมอย่างหมดสภาพ ผมยิ้มแหยๆให้กับคนที่มองอยู่
นั่งมองหน้ามันทำให้ผมเศร้ากว่าเดิมอีก ความจริงแล้วผมควรจะคุยให้มันจบๆไป ไม่น่ามากรีดหัวใจตัวเองซ้ำแบบนี้เลย บ้าบอ...จริงๆ เเล้วเเบบนี้ผมจะตัดใจได้ยังไง
“ดีขึ้นยัง”ผมถอดหมวกมาพัดให้ไอ้พี่เต้
“อือ...”
พอไอ้พี่เต้มันค่อยยังชั่วแล้ว มันก็ยืนยันกับผมอย่างหนักแน่นว่าจะไม่เล่นอะไรที่มันหวาดเสียวอีกแล้ว ผมกับมันเลยเปลี่ยนไปเดินชมบรรยากาศแทนและผมก็บังคับให้ไอ้พี่เต้ เป็นนายแบบ แต่ละภาพที่ถ่ายออกมาก็ดูประหลาดๆยังไงก็ไม่รู้ เพราะไอ้พี่เต้มันทำหน้าบูดๆบึ้งๆ เพราะว่าไม่ชอบถ่ายรูปเท่าไหร่
ตลกดี...อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
อย่างน้อยขอเเค่เวลานี้เท่านั้น...
ผมเลยตัดสินใจจะทิ้งความเศร้าไว้ข้างหลัง...และใช้เวลาที่เหลือให้สนุกที่สุด
“เอ่อ...น้องครับถ่ายรูปคู่กับพี่ได้มั้ยครับ”ขณะที่ผมรอไอ้พี่เต้ที่ไปซื้อน้ำ ก็มีคนมาขอถ่ายรูปคู่กับผม
“น้องถ่ายกับมันเหอะ”เพื่อนพี่เค้า(รึเปล่า)คะยั้นคะยอผมให้ยอมถ่ายรูปกับคนที่ตัวสูงๆ หน้าออกแนวเกาหลีตี๋อินเตอร์ (ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ป่ะว่าหล่อแน่ๆ)
“อ่ะครับ”ผมตอบอย่างจำใจ เพราะไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ พอผมอนุญาตพี่เค้าก็ดึงผมเข้ามาใกล้ แล้วโอบไหล่ผม
“ยิ้มหน่อยสิครับ”พี่เค้าบอกผมที่ เอ๋อๆงงๆ ก่ง ก๊ก อยู่ ผมก็เลยยิ้มให้กล้อง เมื่อถ่ายเสร็จพี่เค้าก็ขอเบอร์ผม ผมก็เลยบอกไปว่าเดี๋ยวเเฟนโกรธ เเต่พี่เค้าก็ให้เบอร์ผมไว้เเทน
“น้องชื่ออะไรครับเนี่ย”พี่เค้าถามผมตอนที่เขียนเบอร์เค้าในกระดาษ
“ชื่อมีนครับ”
“พี่ชื่อโอโซนนะ น้องน่ารักดี”
“อ่ะ...ครับ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับน้องมีน”
“ครับ”
ผมยิ้มแห้งๆให้พี่เค้า พอพวกพี่เค้าไปแล้ว ผมก็เห็นไอ้พี่เต้มันเดินหน้าบึ้งถือน้ำเข้ามา แล้วดึงเบอร์ที่พี่ต้นเขียนใส่กระดาษไว้ไปฉีก
“ไปถ่ายรูปกับมันทำไม”ไอ้พี่เต้มันดุผม ท่าทีที่บ่งบอกว่ายังแคร์ผมอยู่ยิ่งทำให้ การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ผมลำบากใจเเละเจ็บยิ่งกว่าเดิม
“เชื่อใจผมมั้ย...ผมไม่ได้นอกใจพี่จริงๆนะ”
ไม่เคย...แม้แต่จะคิดไอ้พี่เต้มันก็ชะงักไปหน่อยนึงเหมือนคนมีความผิด แล้วพาผมไปเข้าบ้านหิมะ ผมกับไอ้พี่เต้อยู่ในนั้นนานมาก พอออกมาจากที่นั่นไอ้พี่เต้มันก็บังคับให้ผมกลับบ้าน
ใกล้แล้วสินะ...นาทีสุดท้ายใกล้จะมาถึงแล้ว...ได้เวลาที่ผมต้องตัดสินใจเเล้วสินะมองดูเวลาที่มี ก็รู้ว่ามันคงเป็นนาทีที่เราต้องร่ำลา
มีบางคำที่เตรียมใจมา ไม่รู้ว่ามันจะพอทันเวลาไหมผมมองออกไปข้างนอกระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านและคิดฉากจบของละครวันนี้...ผมรู้สึกเหนื่อยกับการฝืนเต็มทีแล้ว
พอถึงบ้านไอ้พี่เต้มันก็ไปเก็บรถและไปไขกุญเเจเปิดบ้าน
“พี่เต้...ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“อืม”
“เมื่อวานตอนที่โทรหาพี่...ผมนั่งอยู่ในร้านแม็ค...ผมเชื่อใจพี่มาตลอด...แต่สิ่งที่ผมเห็น...”เสียงผมสั่น จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง พอสิ้นคำพูดผม กุญแจที่ไอ้พี่เต้กำลังไขบ้านอยู่นั้นก็ร่วงลงทันที
“...”
“ผมไม่ดีพอเหรอ”น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ เพราะแค่น้ำตามันก็ทำให้ผมดูน่าสมเพชพอแล้ว
“ไม่ใช่...กรู”ไอ้พี่เต้มันดูสับสน เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร
“ผมอยากได้ยินจากปากพี่...ช่วยบอกผมทีว่าทำไม”
“กรูขอโทษ”
“ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ ผมแค่อย่างรู้ว่าทำไม”
“กรูรู้สึกว่ากรูติดมรึงมากเกินไป กรูก็อยากลองมีชีวิตที่ปกติมั่ง เลย...”
“เลยกลับไปคบกับพี่เมย์”
“อือ”มันทำหน้าสำนึกผิด
ต่อไปจากนี้ไม่รู้ว่าฉันจะได้พูดอย่างวันนี้หรือไม่
ให้เธอรู้ไว้ก่อนทุกเรื่องที่เราเคยมีจะเป็นเพียงรูปภาพ“ผมน่ะเชื่อใจพี่มาตลอดและคิดว่าอยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป แต่ผมคงจะบ้าไปเอง เชิญพี่กลับไปมีชีวิตปกติเหมือนเดิมเหอะ ผมจะออกไปเอง”
แม้ในเสี้ยววินาทีนี้...ผมก็ยังอยากจะบอกว่าผมรักมันเป็นครั้งสุดท้าย
ขอพูดคำว่ารักอีกที ขอให้คำๆ นี้แทนกาย
ขอให้แทนทุกลมหายใจ แม้มันเป็นนาทีสุดท้าย
แม้ไม่มีวันพบกันใหม่ ขอให้คำนี้แทนหัวใจ “...”ไอ้พี่เต้ที่เงียบไป ดูเหมือนกำลังสับสนอยู่ จนพูดอะไรไม่ออก
“ผมรักพี่จริงๆนะ เเต่ตอนนี้เราสองคนจะ จบกันตรง เเละพี่ก็กลับไปค้นหาสิ่งที่พี่ต้องการ กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมอย่างที่พี่ควรจะเป็นเถอะ ผมเข้าใจ”อย่าทำร้ายผมด้วยความสับสนของพี่อีกเลย
ผมหันหลังเดินออกไป และข่มใจไม่ให้หันหลังกลับไปอีก
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า ฉันจะได้มีวันได้ดูแลเธออีกหรือเปล่า
ไม่รู้จะมีอะไรเทียบเท่า ได้เกิดมาได้อยู่ได้ทำเพื่อเธอ
ต่อไปจากนี้ ก็รู้ว่าทุกเรื่องที่มีจะเป็นเพียงรูปภาพ
ขอพูดคำว่ารักอีกที ขอให้คำๆ นี้แทนกาย
ขอให้แทนทุกลมหายใจ แม้พรุ่งนี้มันจะหายไป
แม้ไม่มีวันพบกันใหม่ ขอให้คำนี้แทนหัวใจ เป็นคำสุดท้าย“กรูไม่อยากให้มันจบแบบนี้”ไอ้พี่เต้มันดึงแขนผมไว้ และเอื้อมมือมาจะเช็ดน้ำตาให้ผมแต่ผมจับมือมันไว้ซะก่อน
“พี่...เช็ดน้ำตาให้ผมไม่ได้อีกแล้วล่ะ...”....
เขียนเอง เศร้าเอง

ขอบคุณทุกคนนะครับที่เป็นกำลังใจให้

:L1:ทุกคนเหมือนเดิม