ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม คร้าบบบ ไปเล่นน้ำสีลม มา ไม่มันเท่าไหร่ อิอิ กลับมามึนหน่อยๆ
อัพให้ตามสัญญาคร้าบบบ
ตอน สี่สิบแปด
ปลายเดือน มีนาคม กว่าจะผ่านไปแต่ละวันช่างยากเย็นแสนเข็ญ เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตดังมรสุมลูกใหญ่โถมกระหน่ำซัดใจให้แหลก ราญ แต่ในความมืดมิดนั้นก็ยังพอมีแสงสว่างเล็ดลอดมา การที่ผมได้เจอเอ ได้อยู่ด้วยกันเพียงไม่นานมันก็ผสานใจให้มีหวังขึ้นมาบ้าง หัวใจที่บอบช้ำยังพอมีแสงแห่งหวัง ยังมีแรงแห่งใจให้ก้าวเดินต่อไปในวันที่มืดมน ผมใช้ชีวิตแต่ละวันเกือบจะเป็นปกติไม่ซึมเศร้าล่องลอยไร้สติเหมือนก่อน เพราะเอมันโทรมาหาทุกวันแม้จะคุยกันไม่นานแต่เสียงของมันได้ต่อแรงใจให้ผม ได้มาก งานการก็เข้ารูปเข้ารอยกว่าแต่ก่อน เวลาเรามีความสุขไม่ใช่มีเพียงเราที่มีความสุข คนรอบข้างเองก็เป็นสุขไปด้วย แต่เวลาทุกข์คนที่รักเราเขาก็จมไปกับเราด้วยเช่นกัน จ๋าเองกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าสาว มันเดินสายหาโรงแรมจัดงาน ไปเฉพาะวันที่พี่ป้อมไม่มีเรียน ส่วนพลเองก็เจอกับบอมเกือบทุกวันเพราะบอมมันยังรู้สึกผิด แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะนัดเจอกันทำไมในเมื่อเวลาเจอกันมันก็กัดกันตลอดเวลา ไม่เคยถูกกันเลย วันนี้ก็เหมือนกันพลมาเร้าตั้งแต่บ่ายว่าจะไปเจอบอม ให้ผมไปเป็นเพื่อน
"เดี๋ยวนี้แกเจอมันทุกวันเลยเหรอ"
ผมถาม ขึ้นระหว่างทางหลังเลิกงาน
"ก็ไม่หรอกแก ก็มันบอกว่าอยากระบายที่ทำเรื่องเอาไว้ มันเสียใจนะแก มันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แม้เอจะคุยกับมันแล้ว แต่เอมันก็ไม่เหมือนเดิม"
"มัน ไม่น่าคิดมากเลยนะ ที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวกับมันเลย เอมันเปลี่ยนไปก็คงเพราะมันโดนบีบบังคับล่ะมั้ง มันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก"
ผม ออกความคิด แล้วเลื่อนมือไปกดเพลงฟังเหมือนเคย
"ก็บอกมันแล้ว แต่มันก็ยังคิดมากอยู่ ฉันก็เข้าใจมันนะแก เพื่อนที่เคยสนิทเพราะความลืมตัวของเราทำให้เพื่อนเปลี่ยนไปเลย ว่าไปก็สงสารมันเหมือนกันนะ"
"เริ่มใจอ่อนแล้วสิ ระวังนะแก จะรักมันเข้าสักวัน"
"ไม่มีทางแก เด็กปากเสียแบบนี้ กวนตีนอีกต่างหาก"
พลเถียงแต่ก็หน้าแดงๆ
"แหมแล้วเอล่ะแก ตัวพ่อมันเลยนะนั่น ฉันยังเป็นได้มากขนาดนี้เลย อย่าว่าไป คอยดูเถอะ"
"โอ๊ย ไม่เอาแล้ว แกนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ เอมันน่ารักนี่ กวนตีนแค่ไหนใครๆก็ต้องละลายล่ะ แต่ไอ้นี่หน้าตาก็กวนตีน ไม่มีอะไรดีสักอย่าง"
"แหม ว่าไป บอมมันก็น่ารักดีออก ขี้คร้านจะติดงอมแงม"
ผมพยายามยุมัน
"ไม่เอาหรอกรักเด็กแล้ว เดี๋ยวมีปัญหา"
ผมสะท้อนลึกลงไปในใจ นั่นสินะ พลหันมามองมันหน้าเสียไปทันทีเพราะผมหน้าเจื่อนลง
"เฮ้ย แก ฉันขอโทษ ไม่เกี่ยวหรอกที่จริงน่ะ จะเด็กจะผู้ใหญ่ มันก็มีปัญหาทั้งนั้นล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะแก"
พลเสียงอ่อยลงท้ายประโยค ผมพยักหน้า ไม่อยากให้เพื่อนคิดมากอีกแค่นี้พลก็แบกรับเรื่องของผมมามากพอแล้ว ผมไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้ความทุกข์ในใจผมอีก ขอทรมานเจ็บปวดแค่คนเดียว เรามาถึงที่เดิมเกือบจะห้าโมง พอถึงก็ตรงไปที่นัดหมาย เห็นบอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันลุกขึ้นไหว้ทักทาย
"หวัดดีพี่"
"เป็น ไงบ้างบอม หล่อเชียววันนี้"
ผมแซวเพราะมันใส่กางเกงยีนส์วัยรุ่น ขากระบอกเสื้อยืดสีสดใส ผมตั้งใส่เจล มันทำหน้าเขินๆ
"แหมชมหน่อย ยิ้มเชียวนะ ทีเจอชั้นเห็นใส่ขาสั้นมาตลอด พอรู้ว่าพี่โยมาแต่งซะหล่อ"
พล แขวะแล้วนั่งลงข้างๆผม
"อ้าว ก็เป็นเรื่องธรรมดา คนมันหล่อ ไม่แต่งยังไงก็หล่อ"
"จ้า หล่อมาก อดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย"
"ผม ไม่เอาพี่หรอก เสียใจ"
"ฉันประชดเว้ย แล้วคิดเหรอว่าฉันจะเอาแก หลงตัวเอง"
"แหม เจอหน้ากันก็เอาเลยนะ คุยกันดีๆไม่ได้เหรอ"
ผม แทรกขึ้นกลางปล้องเพราะคงทะเลาะกันอีกนาน ทั้งสองเชิดหน้าใส่กัน ผมได้แต่ส่ายหน้า นี่มันจะรอดเหรอเนี่ย
"เรียนพิเศษเป็นไงบ้างบอม"
ผม ถามขึ้นก่อนที่คอมันจะหักเพราะเชิดหน้าหักมุมเสียเหลือเกิน
"ก็ดีพี่ นี่ก็เพิ่งเรียนเสร็จ"
"แล้วไม่ไปไหนบ้างเหรอ ปิดเทอมทั้งที"
"ไม่ หรอกครับ อยากติวเยอะๆ จะได้ทันเพื่อน กลัวสอบไม่ได้ ผมหัวไม่ค่อยดี"
"เห็น มะ ในที่สุดก็ยอมรับว่า หัวไม่ดี"
"อ้าวพี่ กวนนะ หัวไม่ดีแต่มีความพยายาม ไม่ผิดนี่"
"จ้า ไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่คิดจะสอบอะไรที่มันยากๆอ่ะนะ อย่างเธอน่าจะเรียนอะไรที่มันสอบง่ายๆ แต่เอ๊ะ ไม่ค่อยมีนะที่ว่าง่ายน่ะ แล้วจะเรียนอะไรล่ะเนี่ยหนักใจแทน"
"พี่"
"พล แกนี่ก็เหลือเกิน พยายามน่ะดีแล้วบอม พี่เองก็หัวไม่ดี เรื่องตัวเลขน่ะไม่เอาไหนเลย"
ผมปรามขึ้นเพราะบอมมันถลึงตาใส่พลแล้ว ผมหันไปพูดกับมันเสียงอ่อนโยน มันค่อยลดดีกรีลงมาหน่อย พอคุยกันสักพัก ก็ไปกินข้าว ที่จริงไม่น่าจะเรียกว่าคุยเพราะสองคนคอยจะกัดแทะกันตลอดเวลา ผมคอยห้ามอยู่ไม่รู้กี่รอบ พอเสร็จพลก็มาส่งที่บ้าน แล้วค่อยไปส่งบอม ผมเองพอถึงบ้านก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่เอจะโทรมาใจจดใจจ่อ แต่คืนนี้แปลก รอนานจากสี่ทุ่มเป็นห้าทุ่ม ผมยังคงกุมโทรศัพท์ไว้ในมือ จากห้าทุ่มล่วงเที่ยงคืน ใจผมเริ่มกระสับกระส่าย เอมันมีอะไรหรือเปล่า คำถามต่างๆนานาผุดขึ้นกลางสมอง ผมนอนกลิ้งไปมา พยายามคิดว่ามันคงง่วงหรือไม่ก็ไม่มีเงินค่าโทรแล้ว หรือมันอาจจะไม่สบาย แล้วจะกินยาหรือยัง ใครจะคอยดูแลมัน แต่คงไม่เป็นไรเพราะอาจารย์ปริศนาคงไม่ปล่อยให้ลูกชายป่วยไข้ไม่สบายไป หรือมันจะไม่สบายมากจนเข้าโรงพยาบาล ผมหาคำตอบให้คำถามตัวเองไม่ได้สักอัน ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา ดูภาพบนหน้าจอที่เราสองถ่ายคู่กัน ขออย่าให้มีอะไรเลยนะ อย่าได้มีอะไรอีกเลย ใจฉันต้านทานรับมันไม่ไหวแล้ว ผมหลับไปตอนค่อนคืนแล้ว ไร้เสียงใดจากโทรศัพท์ ผมหลับไหลไปด้วยความกังวลใจ พอตื่นขึ้นมาโทรศัพท์ยังกุมไว้ในมือ สิ่งแรกที่ทำคือกดดูเผื่อว่าเอจะโทรเข้ามา แต่ก็เปล่าเลย ไม่มีอะไรบนหน้าจอ มันยังเป็นรูปผมกับมันอยู่อย่างเดิม ผมเดินลงมาข้างล่าง วันนี้วันเสาร์ แต่แม่ไม่ได้ไปวัดเพราะน้าสาไปต่างจังหวัด แม่เลยไม่มีเพื่อน ผมเห็นแม่ง่วนอยู่ในครัวผมจึงไปช่วย
"หน้าตาไม่ดีเลยลูก มีอะไรหรือเปล่า"
แม่ถามแล้วลูบหัวอย่างห่วงใย
"อ้อ ไม่มีอะไรครับแม่ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย พอดีได้นิยายเรื่องใหม่มา"
เอา อีกแล้วผมโกหกแม่อีกแล้ว ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้เลย แต่ถ้าบอกว่ารอโทรศัพท์จากเอทั้งคืนแม่คงไม่สบายใจ ผมไปล้างผักที่แม่แช่น้ำไว้ก่อนแล้ว
"แม่ใส่บาตรแล้วเหรอครับ"
ผม ถามเพราะผมเองตื่นสายลงมาก็เกือบจะแปดโมงแล้ว
"จ๊ะ เห้นเราหลับอยู่แม่ก็เลยไม่ปลุก วันนี้ไปไหนไหมลูก"
"ยังไม่รู้เลย ครับแม่ ไม่อยากไปไหน อยากอ่านหนังสือ แล้วก็ว่าจะขัดหลังบ้านซะหน่อย"
ผม ล้างผักต่อไปใจก็ขุ่นมัว นี่ถ้าให้รออีกถึงคืนนี้ผมต้องเก็บอาการไม่อยู่แน่ๆ ผมจะทำยังไงดี พอดีเสียงโทรศัพท์ดัง ผมรีบคว้าออกมาดู บอมนั่นเอง มันมีอะไรนะทำไมโทรมาแต่เช้า ผมกดรับสาย
"ว่าไงครับบอม โทรมาแต่เช้าเลย"
ผมกรอกเสียงไปตามสาย
"ตัวเอง นี่เค้าเองนะ"
ผม อึ้ง มึนชาอยู่ พอได้สติก็ใจเต้นดีใจที่เอโทรมาเสียที
"เอ"
"ตัว เอง แม่บังคับให้เค้าไปอยู่เชียงใหม่อ่ะ ตัวเอง เค้าไม่อยากไป เค้าไม่อยากจะไปจากตัวเอง เค้าจะทำยังไงดี"
มันร้องไห้ ผมเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นความหนาวเหน็บนั้นวิ่งตรงไปที่ขั้วหัวใจ
"เค้า เกลียดแม่ เค้าจะทำยังไงดี ตัวเอง เค้าไม่อยากจะไป เค้าจะหนี"
มัน ร้องไห้พูดเสียงเครือน้ำตา ผมยังนิ่งอยู่เพราะพูดอะไรไม่ออก พอได้สติผมจึงพยายามรวบรวมพลังที่มีอยู่ในใจน้อยนิด
"เอ ใจเย็นๆนะ มันต้องมีทางออก เอ"
จบประโยคน้ำตาก็ทะลักออกมา สะอื้น จนแม่ตกใจ
"อะไร โย มีอะไรกัน"
แม่เข้ามาโอบไว้ ผมยืนร้องไห้อยู่
"เค้าเสียใจ ตัวเอง เค้าเกลียดแม่ เค้าเกลียดแม่"
มันร่ำไห้ปานใจจะขาด มันยิ่งทำให้ผมอ่อนไหว ผมไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม่แย่งเอาโทรศัพท์ไปจากมือ
"เอ เอเหรอลูกนี่แม่อรนะ"
แม่กรอกเสียงไปตามสาย น้ำเสียงเป็นกังวล
"ไม่ เอานะลูกอย่าพูดแบบนั้น อดทนไว้นะเอ อย่าทำอะไรแบบนั้นนะ แม่ขอร้อง"
เสียง แม่อ้อนวอน
"แม่เข้าใจลูกเอ พี่โยเองก็เสียใจ แต่อย่ายอมแพ้นะลูก อดทนไว้ สักวันแม่เขาต้องเข้าใจ ไม่เอาเอ ไม่เอาลุกอย่าพูดแบบนั้น ทำใจเย็นๆไว้นะลูก"
เสียงแม่ขรึม ผมสะอื้นไห้อยู่ข้างๆ อยากได้ยินเสียงมัน
"เอ ฟังแม่อรนะลูก ถือว่านี่เป็นบทพิสูจน์ความรักของลูกเอนะจ๊ะ อย่าคิดว่าแม่เขาไม่รัก เพราะแม่รักเขาถึงทำแบบนี้ แม่อรเชื่อว่าสักวันแม่เขาจะเข้าใจ แล้วยอมให้เอได้รักพี่เขาแบบเต็มใจ แต่ตอนนี้ลูกเอ ต้องเข้มแข็งนะ เข้มแข็งอดทนไว้นะลูก"
เสียงแม่นิ่งเย็นอย่างน่าประหลาด แม่ยังไม่หันมามองผมที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น สะอื้นไห้อยู่
"ลูกเอ แม่อรเห็นใจเราสองคนมาก แต่เราต้องสู้นะลูก เพื่อตัวเราเอง เพื่อพี่เขา อย่าเสียใจเลยลูก ทุกอย่างมันมีอุปสรรคทั้งนั้นล่ะ คิดให้มันเป็นกำลังใจอย่างน้อยสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันก็เป็นแรงใจให้เรา ทั้งสองคน ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ได้ลูกเอ แป๊บนึงนะจ๊ะ"
แม่หันมา มองที่ผมแล้วเอามือปิดโทรศัพท์เอาไว้
"โย น้องอยากจะคุยด้วย เลิกร้องไห้ได้แล้ว"
แม่ดุ ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นกลืนมันลงคออย่างยากลำบาก ผมพยายามอยู่นานแต่ก็ยังไม่หยุด ผมเอากำปั้นทุบอกตัวเองทุบหนักแรงให้มันคลายหายสะอื้น
"โย ทำอะไรน่ะลูก หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
"โย.....ฮึก......อยาก....คุย กับ.....เอ"
ผมตอบออกมาทีละคำเพราะผมสะอื้นหนักเหลือเกิน พูดไม่เป็นคำผมกัดปากตัวเอง มือยังทุบหน้าอกตัวเองอยู่ แม่เข้ามาคว้ามือไว้
"อย่า ทำแบบนี้นะโย อย่าทำแบบนี้ แม่เจ็บ รู้ไหม"
แม่เสียงเครือแต่ยังดุ อยู่ ผมก้มหน้าลงซบกับพื้นครัว ไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมบังคับตัวเองไม่ได้ ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดในใจ
"ลูกเอ รอพี่เค้าแป๊บนึงนะลูก"
"พี่เขาทำใจอยู่ รอพี่เขาหน่อยนะลูก"
แม่ หันไปพูดโทรศัพท์กับเอ ผมสะอื้นอยู่ไม่ยอมลงเสียที ในใจก็อยากจะคุยกับมันอยากได้ยินเสียงมัน แต่ทำไมผมหยุดไม่ได้ ผมลากตัวเองไปที่ก๊อกน้ำเปิดน้ำสาดเข้าหน้าตัวเอง พอโดนน้ำเย็นที่ไหลออกมา ผมพอดึงสติกลับมาได้บ้าง แม่คอยลูบตามหัวตามตัวผมอยู่ตลอดเวลา
"เอ นี่ฉันเองนะ"
"ตัวเอง เค้าคิดถึงตัวเอง เค้าอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวเอง เค้าไม่อยากไป"
มันยังคงคร่ำครวญอยู่ ผมเม้มปากกัดมันเอาไว้ไม่อยากจะสะอื้นออกมาอีก แม่มองหน้าให้กำลังใจ
"เอ ฉันจะไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้ จะรอเธอ เอ.......ไหนบอกว่าจะสู้ด้วยกัน ไหนบอก...........จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน"
ผมพยายามเปล่งเสียงพูด ให้มันกลบเสียงสะอื้นออกมา
"เค้าเสียใจเหลือเกิน เค้าอยากจะอยู่กับตัวเอง"
"เอ ฟังนะ ถึงเราจะอยู่ไกลกัน ใช่ว่าใจเราจะห่างกัน อย่าใจร้อน เอ ต้องอดทนนะ อดทนเพื่อนฉันได้ไหม เอ"
น้ำตา ไหลออกมา ผมกัดปากตัวเองจนเจ็บ
"ตัวเอง รอเค้าน้า ตัวเองอย่าลืมเค้าน้า เค้ารักตัวเองมากน้า"
ใจผมสลาย น้ำตาไหลออกมา เสียงอึกๆดังอยู่ในลำคอ
"ฉันสัญญา เอ ฉันสัญญา"
"เอ ไปได้แล้วลูก สายแล้ว"
เสียงอาจารย์ปริศนาดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ เสียงลงทัณฑ์จากผู้เป็นเจ้าชีวิตสั่งให้หยุดการสนทนา
"ตัวเอง รู้ไว้นะ เค้ารักตัวเองมาก รักตัวเองหมดหัวใจ รอเค้าน้า"
เสียงมัน เครือปวดร้าวเหลือเกิน ผมไม่ทันจะได้พูดอะไรไป มันตัดสายไปแล้ว ผมสะอื้นจนตัวสั่นไหว แม่เข้ามากอดไว้
"โย ใจเย็นๆลุก มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ใจเย็นๆลูก"
แม่กอดปลอบประโลม แต่ผมไม่ได้ยินเสียงของแม่แล้ว น้ำตากลบสายตามองไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงความเจ็บปวดที่สุมอยู่ในอก ทรมานเหลือเกิน เรื่องราวแบบนี้มันจะจบลงเมื่อไหร่กัน ผมไม่มีที่พอให้เจ็บปวดอีกแล้ว บาดแผลจากใจมันยิ่งลุกลามเต็มหัวใจ ยิ่งหลับตาภาพของเอยิ่งกระจ่างขึ้นมา ในใจผมโดนเผาวายวอดไปแล้ว ไม่มีแรงใจ ไม่มีกำลังใจ
"พี่ปริศนาใจ ร้ายเหลือเกิน ตัวเองเจ็บปวดคนเดียวเสียเมื่อไหร่กัน"
แม่พูดขึ้นมา พลางลูบหลังกอดผมอยู่ไม่ยอมห่าง ผมซึมซับได้แห่งความอบอุ่นจากอกแม่ แต่ผมดึงตัวเองขึ้นมาจากบ่อลึกเหวร้ายนี้ไม่ได้เลย แม่ปลอบอยู่นานจนผมสงบลง ผมนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่สักพัก พลกับบอมก็มาถึงบ้าน พลวิ่งเข้ามากอดทันที แม่ผละขึ้นบ้านไป ผมรู้ว่าแม่ไปทำอะไร แม่กำลังสวดมนต์ภาวนาให้ลูกชายของตัวเองให้พ้นจากห้วงทุกข์นี้เสียที แต่อานิสงส์มันไล่กิเลสหนาในใจไม่พ้นเลย กรรมเวรแต่เบื้องหลังมันถึงเวลามาทวงคืนผมแล้ว ยิ่งเห็นหน้าเพื่อน หนังเศร้าเรื่องเดิมก็กลับวนฉายได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ พลพลอยร้องไห้ไปด้วย บอมเองก็ยืนน้ำตาไหลอยู่ พลปลอบผมต่างๆนานา ผมร้องไห้จนน้ำตามันไม่มีจะออกมา พอปวดใจมากๆก็กรีดร้องออกมา พลกอดผมแน่น ผมกำลังเสียสติ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ความเจ็บปวดที่สะสมมานานมันเกินใจจะทนไหว แค่ร่ำไห้มันก็ระบายความเจ็บปวดออกมาไม่พอ
เขียนโดย eiky
![เฮ้อ :เฮ้อ:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sang.gif)
กว่าจะเค้นแต่ละตอน ยากน้าาา