ตอนต่อนะคร้าบบบบ
ตอน สามสิบ
พอลงจากรถไฟเราต้องเดินย้อนกลับไปทางซอย สุขุมวิท 77 วันนี้คงเป็นวันพิเศษของใครหลายๆคน แม้เราจะเป็นชาวพุทธแต่ก็ซึมซับเอากลิ่นอาย เทศกาลแห่งความอิ่มเอิบใจ แม้จะไม่เคร่งอะไรกับเขานักแต่ก็รู้สึกว่าเป็นสุขเหลือเกิน แค่ได้เห็นไฟแสงสีประดับประดาตามร้านค้าต่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงความสุข มันยังคงเดินกอดคอผมอยู่ไม่ยอมปล่อย ผู้คนในซอยอ่อนนุชมากมายนัก แม้จะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วแต่ถนนไม่เคยเปลี่ยว ผมรู้สึกชินกับการเกาะแกะของมันไม่อายมากเหมือนแต่ก่อน เพราะถ้าผมยิ่งอายมากมันก็ยิ่งแกล้ง พอทำเป็นชินมันก็กลับคุ้นขึ้นมา เราเดินไปขึ้นรถสองแถวต้องยืนอีกแล้ว เราถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม แม่กลับมาแล้วแต่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ
"เป็นไงลูกเอ ถ่ายรูปมาให้แม่ดูไหม เสียดายจังที่แม่ไม่ว่างไปดู"
แม่ทักตอนที่เราเข้าบ้าน
"ถ่ายมาครับ ผมเล่นเป็นะพระคริสต์ด้วยนะแม่ มีแต่คนบอกว่าหล่อ"
มันเดินตรง ไปหาแม่แล้วเล่าอย่างมีความสุข
"ก็ลูกเอหล่ออยู่แล้วนี่จ๊ะ ให้เล่นเป็นตัวอะไรก็คงหล่อเหมือนเดิมนั่นล่ะจ๊ะ"
แม่ชมมัน แล้วหันมาถามผม
"ไปไหนกันมาลูก กลับซะค่ำเชียว"
"พลพาแวะไป กินข้าวที่เซ็นทรัลน่ะแม่ แวะดูไฟด้วย"
ผมตอบแล้ว เดินเข้าครัวไป เผื่อมีอะไรให้ล้าง เสียงแม่กับเอคุยกันอย่างออกรส ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อน สักพักเอก็ขึ้นมาอาบน้ำ กว่าจะลงไปปิดบ้านก็เกือบห้าทุ่ม พอขึ้นเตียงได้มันก็เข้ามากอดทันที
"คิดถึงจัง เลย"
มันอ้อน
"เป็นบ้า เหรอ เจอหน้ากันทั้งวัน จะมาคิดถึงอะไรล่ะ"
"ยิ่งอยู่ ใกล้ยิ่งคิดถึงอ่ะ นี่ตัวเองเคยฟังเพลงนี้ไหม
I could stay awake just to hear your breathing
Watch you smile while you are sleeping
While you're far away dreaming
I could spend my life in this sweet surrender
I could stay lost in this moment forever"
มันร้องเพลงขึ้นมา เสียงทุ้มใหญ่ไม่มีความไพเราะเลย แต่ชอบฟังรู้สึกจิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกลผมแอบยิ้มไม่ได้
"เวอร์แล้ว รู้เรื่องเหรอ"
"รู้ดิ เค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ"
มันกอดผมแน่นขึ้นเอามือช้อนหน้าผมให้จ้องหน้ามัน มันมองผมแล้วยิ้ม จูบข้างปากที่แสนอุ่น ผมเคลิบเคลิ้มไปในใจตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว มันกอดผมนอนอย่างเคย วันนี้ผมยอมให้มันกอดด้วยความเต็มใจ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศหรืออะไร แต่รู้สึกดีจริงๆ
วันคริสต์มาสต์ ผมตื่นมาเตรียมตัวใส่บาตรตั้งแต่ตีสี่ มันยังคงนอนอยู่ผมลงมาหุงข้าวทำกับข้าวสองอย่างไก่ผัดขิงกับต้มจืดเต้าหู้ ไข่ ขนมหวานแม่ซื้อเม็ดขนุนกับทองหยอดมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมตักใส่ถุงแบ่งเป็นชุดๆไว้สี่ชุด พอเสร็จก็ไปพับดอกบัวเตรียมไว้ทำเสร็จก็ตีห้ากว่าๆขึ้นไปอาบน้ำแล้วปลุกไอ้ ตัวดี เพราะมันเร้าๆอยากจะใส่บาตรด้วย แม่ตื่นอาบน้าเสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จก็เกือบหกโมง ผมเอาโต๊ะออกไปตั้งหน้าบ้านแล้วให้เอขนของออกไปวาง พระก็เริ่มเดินบิณฑบาตรแล้ว แม่นิมนต์พระ ผมก็ส่งถาดให้แม่แล้วก็ให้เอทำตาม ผมใส่เป็นคนสุดท้าย
"ชอบใส่บาตรไหมลูกเอ"
แม่ถามตอนเก็บของเข้าบ้าน
"ชอบครับ สนุกดี"
ที่จริงมันถือคริสต์แต่คงไม่เป็นไรเพราะเจ้าตัว รบเร้า อยากทำเอง อีกอย่างไม่เคยเห็นมันพูดถึงพระเจ้าหรือสิ่งที่มันนับถืออยู่เลย ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ช่างแต่วันนี้ผมเห็นมันน่ารักขึ้นเยอะทีเดียว มันรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านผมเองก็ตัดกุหลาบเอามาใส่แจกันให้แม่ ส่วนมะลิยังไม่ออกดอก แม่กินข้าวก่อนเราเพราะต้องรีบออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ ผมหยุดไอ้เอก็หยุดเราจึงกินข้าวทีหลัง พอแม่ออกจากบ้านผมก็ชวนมันกินข้าว พอเสร็จผมก็นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างล่าง มันก็อ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ
"ตัวเองไปเดินเล่นกันไหม วันนี้วันคริสต์มาสต์นะ"
มัน พูดขึ้นแล้วมองหน้าผมยิ้ม ผมพยักหน้า
"อยากไปไหนล่ะ"
"ไปที่มัน มีไฟสวยๆ แต่มันยังหัววันอยู่เราไปเดินเล่นสวนหลวงก่อนดีไหม"
ผมได้แต่พยักหน้า เราออกจากบ้านเกือบบ่ายสองแดดยังร้อนอยู่ ตอนแรกกะจะไปสวนหลวงเลยแต่ด้วยความที่อากาศร้อนจึงแวะเดินที่ซีคอนสแควก่อน ร้านรวงต่างๆประดับประดาด้วยกระดาษหลากสีทำให้บรรยากาศดูเป็นเทศกาลที่มี ความสุข เราแวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารแล้วเดินไปเลือกของขวัญที่ฝั่งโรบินสัน
"ตัว เอง เสื้อตัวนี้น่ารักไหม"
มันหยิบเสื้อยืดสีเขียวมรกตขึ้นมามีลาย สกรีนเป็นรูปหัวใจเป็นเงาๆ ผมมองแล้วพยักหน้า
"ตัวเล็กไปป่ะ เธอตัวเบ่อเร่อ"
"ก็จะซื้อให้ตัวเองนั่นล่ะ ตัวนี้ของขวัญวันคริสต์มาสต์กับปีใหม่ รวมกันเลย"
"มีเงินเหรอเรา ไม่ต้องหรอก พี่ไม่อยากได้อะไร เก็บเงินไว้ดีกว่า"
"มีดิ เก็บตังค์ค่าขนม เอาน่าอยากซื้อให้แฟนน่ะ อย่าคิดมาก"
ผมยิ้มเขินขึ้น มาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ทนไม่ค่อยได้กับคำหวานของมัน นี่มันเร็วไปหรือที่ผมจะรู้สึกแบบนี้ ผมกำลังทำอะไรอยู่ หักห้ามใจยังไงเหมือนกำลังชี้นำทางให้ใจมันทำในสิ่งที่คัดค้าน
"งั้น พี่ซื้อกางเกงในให้เราดีไหม"
ผมคิดจแกล้งมัน เพราปกติมันใส่แต่กางเกงบอกเซอร์
"อ่า จริงเหรอ เอาๆ จะใส่ตอนอยู่กับตัวเองเท่านั้น"
"อ้าวไม่ใส่ตลอดล่ะ อุตส่าห์ซื้อให้"
"ไม่ เอาอ่ะ เดี๋ยวมันไม่พิเศษ แฟนซื้อให้ทั้งที"
สรุปผมก็ต้องซื้อกางเกง ในให้มันเป็นแพ็กสามตัว มันก็ซื้อเสื้อยืดให้ผม
"ตัวเองเค้าไปห้องน้ำ น้า รอแป๊บเดียวอย่าไปไหนนะ"
มันบอกแล้วเดินไปทันที ผมก็เดินดูเสื้อผ้าต่อไป ผมซื้อบอดี้สเปรย์ของ The Body Shop ให้พลกับจ๋า รวมทั้งกายกับกบด้วย ส่วนแม่ผมซื้อน้ำมันหอมกลิ่นที่แม่ชอบให้
"มา แระ รอนานไหมคะ"
มันเอาคางมาพาดที่บ่า ผมสะดุ้งเบี่ยงตัวออกเพราะคนในร้านไม่ใช่น้อย
"ไปนานจัง"
ผมพูด อ้อมไปแก้เขิน
"ตัวเองซื้อไรอ่ะ เยอะแยะเชียว มาเค้าถือ"
มันแย่งไปถือแล้วเปิดถุงดู เราเดินวนไปวนมาจนเกือบสี่โมงครึ่งแล้วจึงนั่งแท็กซี่ไปสวนหลวง แดดยังจ้าอยู่แต่ก็ไม่ร้อนมากนักเพราะมีต้นไม้เยอะ เราเดินไปยังบึง
"นั่ง เรือกันดีกว่า"
มันเดินตรงไปที่เรือถีบแล้วคุยกับคนให้เช่าเรือ มันจ่ายเงินค่าเช่าเรือเรียบร้อยแล้วลากผมลงไปนั่ง ผมยึกยักเพราะไม่ค่อยชอบบึงหรือน้ำที่เป็นที่กว้างๆไม่รู้ทำไมกลัวนั่นเอง
"ตัว เองไม่ต้องถีบ เดี๋ยวเค้าถีบเอง"
มันพูดแล้วขมักเขม้นถีบเรือออกไป เกือบกลางบึง แล้วมันก็หยุดปล่อยให้เรือลอยไปตามแรงลม
"เหนื่อยเหรอ"
ผม ถามมองหน้ามันที่ยังจ้องหน้าผมอยู่
"ปล่าว แต่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ"
มัน ทำตาหวาน ผมมองผ่านไปไกลแสนไกลเพราะไม่อยากให้มันมาหวานอะไรตอนนี้
"ตัว เองดูกลัวๆน กลัวเหรอ"
มันถาม
"บ้าเหรอ ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ"
"อ่า แล้วก็ไม่บอก"
"มีเวลาให้บอกไหมล่ะ คิดเองเออเองหมด"
ผมประชด
"น่า นะ อยู่กับเค้าตัวเองไม่ต้องกลัวหรอก สวยดีเนอะ พระอาทิตย์กำลังตกพอดี เค้าอยากพาตัวเองมาที่สวยๆแบบนี้บ่อยๆจัง"
"เพ้อ"
มันพูดตาลอย หวานฉ่ำ ผมก็รู้สึกดีเป็นคนชอบพระอาทิตย์ตกดินอยู่แล้วเป็นทุน บึงน้ำที่กว้างใหญ่กระเพื่อมตามแรงลม แดดตอนอาทิตย์อัสดงกระทบพื้นน้ำแสงแวววาวดั่งแผ่นทอง รู้สึกอบอุ่นในใจ รู้สึกอิ่มเอม อยากมองภาพแบบนี้อยู่ตลอดไป ความสวยงามเบื้องหน้า ความอบอุ่นใจในตอนนี้ อยากให้มันอยู่ตลอดไปจังเลย มันโผเข้ามาจูบผมทันที ผมสะดุ้งจนเรือโคลง ตกใจเพราะมัวแต่เหม่อ อีกทั้งกลัวคนที่อยู่รายรอบจะมองเห็น
"อดใจไม่ไหวจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากกอด"
"บ้า คนเยอะแยะ อายคนบ้าง"
"อายทำไม ก็คนเขารักกัน"
มันพูดหน้าตาเฉยยิ้มอย่างพอใจ ผมเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ล่องลอยไปกับมันพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่จิตใจเรานี่มันบังคับยากเหลือเกิน นี่ผมกำลังเป็นอะไรไป
"เอ พี่ถามหน่อยสิ ทำไมถึงชอบพี่"
ผมพูดออกไปลอยไปกับลม ที่จริงไม่ได้อยากจะถามแต่อยากรู้
"ตอนนี้น่ะเหรอ เค้าไม่ได้ชอบตัวเองซะหน่อย ตอนนี้เค้ารักตัวเอง แต่เริ่มชอบตอนไหนน่ะเหรอ น่าจะเป็นวันแรกๆที่เค้าแกล้งตัวเองแล้วตัวเองแก้มแดง น่ารักดี แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่าจะชอบได้มากขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งชอบ ยิ่งอยากแกล้ง"
"โรคจิต"
"ไม่นะ เค้าไม่ได้โรคจิต แต่ตัวเองเคยเป็นไหมล่ะ ยิ่งอยู่ใกล้แล้วยิ่งรู้สึกดี อยากมองหน้าอยู่อย่างนั้น เวลาอยู่กับตัวเองแล้วเค้ามีความสุข เค้ารู้นะว่าตัวเองไม่ได้ชอบเค้า อาจจะเกลียดด้วยซ้ำ แต่เค้าไม่สนหรอก ก็ใจมันรักไปแล้ว อยากจะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเค้าเป็นคนที่ตัวเองจะมอบหัวใจให้รักได้"
มันจ้องหน้าผมสีหน้าจริงจัง ผมมองมันหวั่นๆในใจ นี่มันมาไกลขนาดนี้แล้วหรือ เวลาเพียงไม่นานมันจะรักผมได้ขนาดนี้เลยหรือ
"ค่อยๆ ดูกันไป เอ อย่าเพิ่งใจร้อน"
ผมพยายามดึกสติให้มันรวมทั้งผมเองด้วย บางอย่างสิ่งที่เคลือบฉาบภายนอกนั้นอาจจะเป็นน้ำตาลรสหวานติดใจ แต่ลึกๆภายในมันคือบอระเพ็ดที่ขม
"ไม่อ่ะ ไม่ดูแล้ว ไม่มองใครแล้ว ตัวเองอย่าทิ้งเค้านะ เค้ารักตัวเองมากนะ ช่วยนำทางใจให้เค้าด้วย"
มันกุมมือผมแน่นตามองผมอ้อนวอน ผมเม้มปากรู้สึกชุ่มช่ำในใจ ไม่รู้สิ รู้สึกชอบเวลามันบอกว่ามันรักผมเหลือเกินไม่รู้สึกเบื่อ แต่แทรกมาด้วยความปวดร้าวใจเบื้องลึกที่แปลบขึ้นมาผสมกัน ภาพแม่ภาพอาจารย์ปริศนาแวบโผล่ขึ้นมา ผมเผลอใจไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้หรอก
เราลอยเรืออยู่จนค่ำมันจึงปั่นเข้าฝั่ง เราตกลงไม่ไปดูไฟต่อเพราะขี้เกียจ เวลาอยู่กับมันผมมีความสุข มันเริ่มมีมาตอนไหนไม่รู้ทั้งที่แต่ก่อนไม่อยากแม้แต่จมองหน้า แต่ตอนนี้ ผมอยากจะสัมผัสมือมันตลอดเวลา แม้ผมพยายามจะดึงสติตัวเองให้นิ่ง ผมสุขใจมันสุขใจ แล้วคนที่รักผมที่สุดคนที่รักมันที่สุดอย่างแม่ของเราล่ะ ท่านยังจะสุขใจด้วยไหม ผมสับสนเหลือเกิน ไม่อยากคิดอะไร รู้เพียงว่าตอนนี้ผมหัวใจพองโตมันบดบังความมืดมน แต่เวลาที่อยู่คนเดียวความมืดมนดูมันจะแผ่ปกคลุมทุกตารางนิ้วของหัวใจ ผมไม่อยากอยู่ในภาวะแบบนี้เลย ทรมานใจเหลือเกิน
เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านถึงประมาณทุ่มกว่า แม่ทำกับข้าวรออยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปช่วยแม่ มันเองก็เข้าไปคุยกับแม่ทำเหมือนแม่ตัวเอง ผมเองยังคุยกับอาจารย์ปริศนาไม่เยอะเท่ากับที่มันคุยกับแม่
"เออ ลูกเอ แม่เรากลับมาแล้วนะ วันนี้จะกลับบ้านไหมจ๊ะ"
แม่ถามขึ้นตอนกินข้าว
"ไม่กลับครับ เพราะเดี๋ยวก็ต้องเรียนกับพี่เค้าอยู่ดี ผมขี้เกียจไปๆมาๆ แม่อรไม่ว่านะครับถ้าผมจะขอรบกวนต่อ"
"ตายแล้ว ดูพูดเข้าสิ เป็นเด็กเป็นเล้กรู้จักอ้อนผู้ใหญ่ เข้าใจพูดนะเรา เอาเถอะจ๊ะที่นี่ก็เหมือนบ้านเราเองล่ะ แม่ถามเผื่อว่าเราอยากจะกลับไปที่บ้าน"
แม่พูดอย่างอารมณ์ดี
"ก็ผมอ้อนแต่กับแม่อรล่ะครับ คนอื่นไม่อ้อนหรอกเพราะรู้ว่าแม่อรใจดี"
มันพูดแล้วหัวเราะ แม่เองก็หัวเราะ รู้สึกคุยถูกคอกันเหลือเกินนะ ผมรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา
"แล้ววันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอลูก วันคริสต์มาสต์นะวันนี้"
แม่ถามมันเพราะรู้ว่ามันเป็นคริสต์
"ต้องให้พี่โยพาไปครับ รออยู่ว่าจะพาผมไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน"
มันพูดแล้วหันมามองผม
"ไหนบอกขี้เกียจออกแล้ว"
ผมพูดขึ้น
"พาน้องออกไปเดินดูไฟบ้างสิลูก หยุดเรียนกันสักวัน เรียนมากๆเดี๋ยวเครียด"
แม่หันมามองผมสายตายังคงห่วงใยเหมือนเดิม ผมมองหน้าแม่เหมือนจะขอคำตอบ ขอคำตอบอยู่ในที แม่พยักหน้า ผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ พอกินเสร็จก็เก็บกวาดทำความสะอาด พอเสร็จจึงโทรหาพล รายนั้นถ้าชวนออกข้างนอกไม่เคยบอกปฏิเสธ เราตกลงกันว่าจะไปข้าวสารกัน พลจะชวนกายกับกบไปด้วย ส่วนจ๋าท้องอยู่กินเหล้าไม่ได้ เลยข้ามไป ผมให้เอขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวรอเพราะพลจะมารับตอนสี่ทุ่ม พอเออาบน้ำเสร็จผมก็อาบบ้าง ที่จริงไม่ได้อยากจะออกไปเที่ยวไหนเลย อยากจะอยู่บ้าน แต่ทำยังไงได้ เอใส่เสื้อยืดสีเทา สกรีนลายวัยรุ่น กางเกงยีนส์ เสื้อผ้ามันเข้ามาอยู่ในตู้เสื้อผ้าผมเกือบครึ่งแล้ว ท้องรองเท้าชุดนักเรียน มีพร้อม เวลามันอยู่ในชุดปกติมันดูเป็นเด็กวัยรุ่นดูคุ้นตากว่าตอนที่มันใส่ชุดนัก เรียน ผมใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ธรรมดา
"ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ"
มันบอกตอนผมกำลังทาครีมอยู่ มันมายืนมองแต่ก่อนด่ามันเพราะเขินแต่เดี๋ยวนี้ไม่เขินแล้ว
"ผมสั้นแค่นี้ยังจะใส่เยวอีกเหรอ เปลือง"
"อ้าวก็จะได้ดูหล่อๆไง เวลาเดินกับตัวเองจะได้ดูเหมาะสมกัน ทำไงได้ก็มีแฟนน่ารักนี่นะ ต้องทำตัวให้หล่ออยู่ตลอดเวลา"
"เออ มานี่"
ผมรำคาญเรียกให้มันมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ เครื่องแป้ง ผมเอาเจลใส่ผมทาที่มิอแล้วถูจนร้อนค่อยๆลูบผมมันจนทั่ว มันดึงเอวผมไปเกาะไว้แล้วมองหน้าผมยิ้ม
"เสร็จแล้ว พอใจไหม"
ผมบอกแล้วหันไปทำให้ตัวเองบ้าง
"โห เค้าหล่อนะเนี่ย ตัวเองดีใจไหมที่มีแฟนเป็นเค้าน่ะ"
มันพูดแล้วเอาหน้ามาวางที่บ่า
"อย่าถามมากได้ไหม ขอแต่งตัวก่อน ไปนั่งรอข้างล่างไป"
"โห ถามหน่อยก็ไม่ได้ แต่เค้าดีใจมากนะที่มีตัวเองเป็นแฟน โชคดีที่สุด"
มันหอมแก้มผมแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมยืนอายหน้าแดงอยู่หน้ากระจก แล้วก็ต้องถอนหายใจ พอรู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ทำไมผมต้องทุกข์ใจผสมมาด้วยตลอดนะ เสียงพลบีบแตรปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมรีบเดินลงไปข้างล่าง เอออกไปแล้ว ผมเดินตามออกไปเห็นมันคุยกับพลอย่างคุ้นเคย
"อิจฉาคนมีแฟนหล่อโว้ย ดูซิ น่ารักน่ากินไปหมด"
พลพูดขึ้นมันเป็นคำทักทาย
"ผมเหรอพี่ เสียใจด้วยครับ ผมมีแฟนแล้ว แฟนผมน่ารักไม่มีทางเปลี่ยนใจไปมองคนอื่น"
มันพูดขึ้นแล้วหัวเราะ
"จ้า ใช่สิพี่มันไม่น่ารัก แหม แล้วที่ให้ติดต่อเพื่อนให้ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว"
"เฮ้ยพี่ เพื่อนผมมีแต่ผู้ชาย ไม่มีเกย์หรอก"
"อ้าว แล้วเราล่ะ"
"ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่มีแฟนเป็นเกย์"
"นั่นล่ะพ่อหนุ่มเขาเรียกเกย์"
"ไม่รู้ล่ะ ผมรักของผมนี่เป็นอะไรก็เป็น"
มันสองคนเถียงกัน จนผมต้องสอดขึ้น
"จะไปกันหรือยัง ไม่อยากกลับดึก"
"เห็นมั้ยแฟนเราเร่งแล้ว"
"ตัวเองวันนี้มานั่งกับเค้าข้างหลังนะ ให้พี่พลขับ"
"มากไปๆ ชั้นไม่ใช่คนขับรถนะยะ"
"นั่งคนเดียวนั่นล่ะ เดี๋ยวพี่นั่งข้างหน้า"
ผมพูดแล้วเปิดประตูรถด้านหน้าขึ้นไปนั่งทันที
"อ่าใจร้าย"
มันบ่นพึมพัม พอขึ้นรถได้ผมก็เอื้อมมือไปเปิดเพลงทั้งที่ไม่ใช่รถของตัวเอง แต่พลก็ไม่เคยว่าอะไรผมจึงติดเป็นนิสัยเวลาที่นั่งรถมัน เราคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเป็นพลกับเอที่คุยกัน ส่วนผมได้แต่นั่งฟังเพราะหัวข้อมันคือเรื่องของผมกับมันเอง
ถ้าชอบเมนต์กันเยอะๆหน่อยนะคร้าบบบ