Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า

เฉยๆๆ
18 (5.9%)
ชอบ
280 (92.1%)
ไม่ชอบ
6 (2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 181

ผู้เขียน หัวข้อ: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔  (อ่าน 320930 ครั้ง)

ออฟไลน์ sai_dil69

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
«ตอบ #210 เมื่อ31-03-2010 02:14:12 »

 :haun4: :haun4:หวานซะ
 :jul1:

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
«ตอบ #211 เมื่อ31-03-2010 04:42:08 »

สักวันเร็วนี้ก็จะแพ้ใจตัวเอง แต่รำคาญคำว่าค่ะของเจ้าเอจังมันดูกระแดะงัยไม่รู้ขัดๆ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
«ตอบ #212 เมื่อ31-03-2010 07:29:58 »

ขอบคุณทุกเมนต์นะครับ ไม่อยากบอก ตอนต่อไป ยิ่งเพิ่งดีกรีความหวาน นะครับ อิอิ ระวังเบาหวานขึ้นเน้อ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 30, 2010
«ตอบ #213 เมื่อ31-03-2010 07:34:37 »

 ตอนต่อนะคร้าบบบบ  :oo1: :impress3: :-[ :sad11: :monkeysad: o18 :L1: :L2:





                                                ตอน สามสิบ



พอลงจากรถไฟเราต้องเดินย้อนกลับไปทางซอย สุขุมวิท 77 วันนี้คงเป็นวันพิเศษของใครหลายๆคน แม้เราจะเป็นชาวพุทธแต่ก็ซึมซับเอากลิ่นอาย เทศกาลแห่งความอิ่มเอิบใจ แม้จะไม่เคร่งอะไรกับเขานักแต่ก็รู้สึกว่าเป็นสุขเหลือเกิน แค่ได้เห็นไฟแสงสีประดับประดาตามร้านค้าต่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงความสุข มันยังคงเดินกอดคอผมอยู่ไม่ยอมปล่อย ผู้คนในซอยอ่อนนุชมากมายนัก แม้จะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วแต่ถนนไม่เคยเปลี่ยว ผมรู้สึกชินกับการเกาะแกะของมันไม่อายมากเหมือนแต่ก่อน เพราะถ้าผมยิ่งอายมากมันก็ยิ่งแกล้ง พอทำเป็นชินมันก็กลับคุ้นขึ้นมา เราเดินไปขึ้นรถสองแถวต้องยืนอีกแล้ว เราถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม แม่กลับมาแล้วแต่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ
 
"เป็นไงลูกเอ ถ่ายรูปมาให้แม่ดูไหม เสียดายจังที่แม่ไม่ว่างไปดู"
 
แม่ทักตอนที่เราเข้าบ้าน
 
"ถ่ายมาครับ ผมเล่นเป็นะพระคริสต์ด้วยนะแม่ มีแต่คนบอกว่าหล่อ"
 
มันเดินตรง ไปหาแม่แล้วเล่าอย่างมีความสุข
 
"ก็ลูกเอหล่ออยู่แล้วนี่จ๊ะ ให้เล่นเป็นตัวอะไรก็คงหล่อเหมือนเดิมนั่นล่ะจ๊ะ"
 
แม่ชมมัน แล้วหันมาถามผม
 
"ไปไหนกันมาลูก กลับซะค่ำเชียว"
 
"พลพาแวะไป กินข้าวที่เซ็นทรัลน่ะแม่ แวะดูไฟด้วย"
 
ผมตอบแล้ว เดินเข้าครัวไป เผื่อมีอะไรให้ล้าง เสียงแม่กับเอคุยกันอย่างออกรส ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อน สักพักเอก็ขึ้นมาอาบน้ำ กว่าจะลงไปปิดบ้านก็เกือบห้าทุ่ม พอขึ้นเตียงได้มันก็เข้ามากอดทันที
 
"คิดถึงจัง เลย"
 
มันอ้อน
 
"เป็นบ้า เหรอ เจอหน้ากันทั้งวัน จะมาคิดถึงอะไรล่ะ"
 
"ยิ่งอยู่ ใกล้ยิ่งคิดถึงอ่ะ นี่ตัวเองเคยฟังเพลงนี้ไหม
 
I could stay awake just to hear your breathing
Watch you smile while you are sleeping
While you're far away dreaming
I could spend my life in this sweet surrender
I could stay lost in this moment forever"

มันร้องเพลงขึ้นมา เสียงทุ้มใหญ่ไม่มีความไพเราะเลย แต่ชอบฟังรู้สึกจิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกลผมแอบยิ้มไม่ได้

"เวอร์แล้ว รู้เรื่องเหรอ"

"รู้ดิ เค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ"

มันกอดผมแน่นขึ้นเอามือช้อนหน้าผมให้จ้องหน้ามัน มันมองผมแล้วยิ้ม จูบข้างปากที่แสนอุ่น ผมเคลิบเคลิ้มไปในใจตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว มันกอดผมนอนอย่างเคย วันนี้ผมยอมให้มันกอดด้วยความเต็มใจ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศหรืออะไร แต่รู้สึกดีจริงๆ

วันคริสต์มาสต์ ผมตื่นมาเตรียมตัวใส่บาตรตั้งแต่ตีสี่ มันยังคงนอนอยู่ผมลงมาหุงข้าวทำกับข้าวสองอย่างไก่ผัดขิงกับต้มจืดเต้าหู้ ไข่ ขนมหวานแม่ซื้อเม็ดขนุนกับทองหยอดมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมตักใส่ถุงแบ่งเป็นชุดๆไว้สี่ชุด พอเสร็จก็ไปพับดอกบัวเตรียมไว้ทำเสร็จก็ตีห้ากว่าๆขึ้นไปอาบน้ำแล้วปลุกไอ้ ตัวดี เพราะมันเร้าๆอยากจะใส่บาตรด้วย แม่ตื่นอาบน้าเสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จก็เกือบหกโมง ผมเอาโต๊ะออกไปตั้งหน้าบ้านแล้วให้เอขนของออกไปวาง พระก็เริ่มเดินบิณฑบาตรแล้ว แม่นิมนต์พระ ผมก็ส่งถาดให้แม่แล้วก็ให้เอทำตาม ผมใส่เป็นคนสุดท้าย

"ชอบใส่บาตรไหมลูกเอ"

แม่ถามตอนเก็บของเข้าบ้าน

"ชอบครับ สนุกดี"

ที่จริงมันถือคริสต์แต่คงไม่เป็นไรเพราะเจ้าตัว รบเร้า อยากทำเอง อีกอย่างไม่เคยเห็นมันพูดถึงพระเจ้าหรือสิ่งที่มันนับถืออยู่เลย ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ช่างแต่วันนี้ผมเห็นมันน่ารักขึ้นเยอะทีเดียว มันรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านผมเองก็ตัดกุหลาบเอามาใส่แจกันให้แม่ ส่วนมะลิยังไม่ออกดอก แม่กินข้าวก่อนเราเพราะต้องรีบออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ ผมหยุดไอ้เอก็หยุดเราจึงกินข้าวทีหลัง พอแม่ออกจากบ้านผมก็ชวนมันกินข้าว พอเสร็จผมก็นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างล่าง มันก็อ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ

"ตัวเองไปเดินเล่นกันไหม วันนี้วันคริสต์มาสต์นะ"

มัน พูดขึ้นแล้วมองหน้าผมยิ้ม ผมพยักหน้า

"อยากไปไหนล่ะ"

"ไปที่มัน มีไฟสวยๆ แต่มันยังหัววันอยู่เราไปเดินเล่นสวนหลวงก่อนดีไหม"

ผมได้แต่พยักหน้า เราออกจากบ้านเกือบบ่ายสองแดดยังร้อนอยู่ ตอนแรกกะจะไปสวนหลวงเลยแต่ด้วยความที่อากาศร้อนจึงแวะเดินที่ซีคอนสแควก่อน ร้านรวงต่างๆประดับประดาด้วยกระดาษหลากสีทำให้บรรยากาศดูเป็นเทศกาลที่มี ความสุข เราแวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารแล้วเดินไปเลือกของขวัญที่ฝั่งโรบินสัน

"ตัว เอง เสื้อตัวนี้น่ารักไหม"

มันหยิบเสื้อยืดสีเขียวมรกตขึ้นมามีลาย สกรีนเป็นรูปหัวใจเป็นเงาๆ ผมมองแล้วพยักหน้า

"ตัวเล็กไปป่ะ เธอตัวเบ่อเร่อ"

"ก็จะซื้อให้ตัวเองนั่นล่ะ ตัวนี้ของขวัญวันคริสต์มาสต์กับปีใหม่ รวมกันเลย"

"มีเงินเหรอเรา ไม่ต้องหรอก พี่ไม่อยากได้อะไร เก็บเงินไว้ดีกว่า"

"มีดิ เก็บตังค์ค่าขนม เอาน่าอยากซื้อให้แฟนน่ะ อย่าคิดมาก"

ผมยิ้มเขินขึ้น มาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ทนไม่ค่อยได้กับคำหวานของมัน นี่มันเร็วไปหรือที่ผมจะรู้สึกแบบนี้ ผมกำลังทำอะไรอยู่ หักห้ามใจยังไงเหมือนกำลังชี้นำทางให้ใจมันทำในสิ่งที่คัดค้าน

"งั้น พี่ซื้อกางเกงในให้เราดีไหม"

ผมคิดจแกล้งมัน เพราปกติมันใส่แต่กางเกงบอกเซอร์

"อ่า จริงเหรอ เอาๆ จะใส่ตอนอยู่กับตัวเองเท่านั้น"

"อ้าวไม่ใส่ตลอดล่ะ อุตส่าห์ซื้อให้"

"ไม่ เอาอ่ะ เดี๋ยวมันไม่พิเศษ แฟนซื้อให้ทั้งที"

สรุปผมก็ต้องซื้อกางเกง ในให้มันเป็นแพ็กสามตัว มันก็ซื้อเสื้อยืดให้ผม

"ตัวเองเค้าไปห้องน้ำ น้า รอแป๊บเดียวอย่าไปไหนนะ"

มันบอกแล้วเดินไปทันที ผมก็เดินดูเสื้อผ้าต่อไป ผมซื้อบอดี้สเปรย์ของ The Body Shop ให้พลกับจ๋า รวมทั้งกายกับกบด้วย ส่วนแม่ผมซื้อน้ำมันหอมกลิ่นที่แม่ชอบให้

"มา แระ รอนานไหมคะ"

มันเอาคางมาพาดที่บ่า ผมสะดุ้งเบี่ยงตัวออกเพราะคนในร้านไม่ใช่น้อย

"ไปนานจัง"

ผมพูด อ้อมไปแก้เขิน

"ตัวเองซื้อไรอ่ะ เยอะแยะเชียว มาเค้าถือ"

มันแย่งไปถือแล้วเปิดถุงดู เราเดินวนไปวนมาจนเกือบสี่โมงครึ่งแล้วจึงนั่งแท็กซี่ไปสวนหลวง แดดยังจ้าอยู่แต่ก็ไม่ร้อนมากนักเพราะมีต้นไม้เยอะ เราเดินไปยังบึง

"นั่ง เรือกันดีกว่า"

มันเดินตรงไปที่เรือถีบแล้วคุยกับคนให้เช่าเรือ มันจ่ายเงินค่าเช่าเรือเรียบร้อยแล้วลากผมลงไปนั่ง ผมยึกยักเพราะไม่ค่อยชอบบึงหรือน้ำที่เป็นที่กว้างๆไม่รู้ทำไมกลัวนั่นเอง

"ตัว เองไม่ต้องถีบ เดี๋ยวเค้าถีบเอง"

มันพูดแล้วขมักเขม้นถีบเรือออกไป เกือบกลางบึง แล้วมันก็หยุดปล่อยให้เรือลอยไปตามแรงลม

"เหนื่อยเหรอ"

ผม ถามมองหน้ามันที่ยังจ้องหน้าผมอยู่

"ปล่าว แต่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ"

มัน ทำตาหวาน ผมมองผ่านไปไกลแสนไกลเพราะไม่อยากให้มันมาหวานอะไรตอนนี้

"ตัว เองดูกลัวๆน กลัวเหรอ"

มันถาม

"บ้าเหรอ ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ"

"อ่า แล้วก็ไม่บอก"

"มีเวลาให้บอกไหมล่ะ คิดเองเออเองหมด"

ผมประชด

"น่า นะ อยู่กับเค้าตัวเองไม่ต้องกลัวหรอก สวยดีเนอะ พระอาทิตย์กำลังตกพอดี เค้าอยากพาตัวเองมาที่สวยๆแบบนี้บ่อยๆจัง"

"เพ้อ"

มันพูดตาลอย หวานฉ่ำ ผมก็รู้สึกดีเป็นคนชอบพระอาทิตย์ตกดินอยู่แล้วเป็นทุน บึงน้ำที่กว้างใหญ่กระเพื่อมตามแรงลม แดดตอนอาทิตย์อัสดงกระทบพื้นน้ำแสงแวววาวดั่งแผ่นทอง รู้สึกอบอุ่นในใจ รู้สึกอิ่มเอม อยากมองภาพแบบนี้อยู่ตลอดไป ความสวยงามเบื้องหน้า ความอบอุ่นใจในตอนนี้ อยากให้มันอยู่ตลอดไปจังเลย มันโผเข้ามาจูบผมทันที ผมสะดุ้งจนเรือโคลง ตกใจเพราะมัวแต่เหม่อ อีกทั้งกลัวคนที่อยู่รายรอบจะมองเห็น

"อดใจไม่ไหวจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากกอด"

"บ้า คนเยอะแยะ อายคนบ้าง"

"อายทำไม ก็คนเขารักกัน"

มันพูดหน้าตาเฉยยิ้มอย่างพอใจ ผมเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ล่องลอยไปกับมันพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่จิตใจเรานี่มันบังคับยากเหลือเกิน นี่ผมกำลังเป็นอะไรไป

"เอ พี่ถามหน่อยสิ ทำไมถึงชอบพี่"

ผมพูดออกไปลอยไปกับลม ที่จริงไม่ได้อยากจะถามแต่อยากรู้

"ตอนนี้น่ะเหรอ เค้าไม่ได้ชอบตัวเองซะหน่อย ตอนนี้เค้ารักตัวเอง แต่เริ่มชอบตอนไหนน่ะเหรอ น่าจะเป็นวันแรกๆที่เค้าแกล้งตัวเองแล้วตัวเองแก้มแดง น่ารักดี แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่าจะชอบได้มากขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งชอบ ยิ่งอยากแกล้ง"

"โรคจิต"

"ไม่นะ เค้าไม่ได้โรคจิต แต่ตัวเองเคยเป็นไหมล่ะ ยิ่งอยู่ใกล้แล้วยิ่งรู้สึกดี อยากมองหน้าอยู่อย่างนั้น เวลาอยู่กับตัวเองแล้วเค้ามีความสุข เค้ารู้นะว่าตัวเองไม่ได้ชอบเค้า อาจจะเกลียดด้วยซ้ำ แต่เค้าไม่สนหรอก ก็ใจมันรักไปแล้ว อยากจะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเค้าเป็นคนที่ตัวเองจะมอบหัวใจให้รักได้"

มันจ้องหน้าผมสีหน้าจริงจัง ผมมองมันหวั่นๆในใจ นี่มันมาไกลขนาดนี้แล้วหรือ เวลาเพียงไม่นานมันจะรักผมได้ขนาดนี้เลยหรือ

"ค่อยๆ ดูกันไป เอ อย่าเพิ่งใจร้อน"

ผมพยายามดึกสติให้มันรวมทั้งผมเองด้วย บางอย่างสิ่งที่เคลือบฉาบภายนอกนั้นอาจจะเป็นน้ำตาลรสหวานติดใจ แต่ลึกๆภายในมันคือบอระเพ็ดที่ขม

"ไม่อ่ะ ไม่ดูแล้ว ไม่มองใครแล้ว ตัวเองอย่าทิ้งเค้านะ เค้ารักตัวเองมากนะ ช่วยนำทางใจให้เค้าด้วย"

มันกุมมือผมแน่นตามองผมอ้อนวอน ผมเม้มปากรู้สึกชุ่มช่ำในใจ ไม่รู้สิ รู้สึกชอบเวลามันบอกว่ามันรักผมเหลือเกินไม่รู้สึกเบื่อ แต่แทรกมาด้วยความปวดร้าวใจเบื้องลึกที่แปลบขึ้นมาผสมกัน ภาพแม่ภาพอาจารย์ปริศนาแวบโผล่ขึ้นมา ผมเผลอใจไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้หรอก

เราลอยเรืออยู่จนค่ำมันจึงปั่นเข้าฝั่ง เราตกลงไม่ไปดูไฟต่อเพราะขี้เกียจ เวลาอยู่กับมันผมมีความสุข มันเริ่มมีมาตอนไหนไม่รู้ทั้งที่แต่ก่อนไม่อยากแม้แต่จมองหน้า แต่ตอนนี้ ผมอยากจะสัมผัสมือมันตลอดเวลา แม้ผมพยายามจะดึงสติตัวเองให้นิ่ง ผมสุขใจมันสุขใจ แล้วคนที่รักผมที่สุดคนที่รักมันที่สุดอย่างแม่ของเราล่ะ ท่านยังจะสุขใจด้วยไหม ผมสับสนเหลือเกิน ไม่อยากคิดอะไร รู้เพียงว่าตอนนี้ผมหัวใจพองโตมันบดบังความมืดมน แต่เวลาที่อยู่คนเดียวความมืดมนดูมันจะแผ่ปกคลุมทุกตารางนิ้วของหัวใจ ผมไม่อยากอยู่ในภาวะแบบนี้เลย ทรมานใจเหลือเกิน

เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านถึงประมาณทุ่มกว่า แม่ทำกับข้าวรออยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปช่วยแม่ มันเองก็เข้าไปคุยกับแม่ทำเหมือนแม่ตัวเอง ผมเองยังคุยกับอาจารย์ปริศนาไม่เยอะเท่ากับที่มันคุยกับแม่

"เออ ลูกเอ แม่เรากลับมาแล้วนะ วันนี้จะกลับบ้านไหมจ๊ะ"

แม่ถามขึ้นตอนกินข้าว

"ไม่กลับครับ เพราะเดี๋ยวก็ต้องเรียนกับพี่เค้าอยู่ดี ผมขี้เกียจไปๆมาๆ แม่อรไม่ว่านะครับถ้าผมจะขอรบกวนต่อ"

"ตายแล้ว ดูพูดเข้าสิ เป็นเด็กเป็นเล้กรู้จักอ้อนผู้ใหญ่ เข้าใจพูดนะเรา เอาเถอะจ๊ะที่นี่ก็เหมือนบ้านเราเองล่ะ แม่ถามเผื่อว่าเราอยากจะกลับไปที่บ้าน"

แม่พูดอย่างอารมณ์ดี

"ก็ผมอ้อนแต่กับแม่อรล่ะครับ คนอื่นไม่อ้อนหรอกเพราะรู้ว่าแม่อรใจดี"

มันพูดแล้วหัวเราะ แม่เองก็หัวเราะ รู้สึกคุยถูกคอกันเหลือเกินนะ ผมรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

"แล้ววันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอลูก วันคริสต์มาสต์นะวันนี้"

แม่ถามมันเพราะรู้ว่ามันเป็นคริสต์

"ต้องให้พี่โยพาไปครับ รออยู่ว่าจะพาผมไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน"

มันพูดแล้วหันมามองผม

"ไหนบอกขี้เกียจออกแล้ว"

ผมพูดขึ้น

"พาน้องออกไปเดินดูไฟบ้างสิลูก หยุดเรียนกันสักวัน เรียนมากๆเดี๋ยวเครียด"

แม่หันมามองผมสายตายังคงห่วงใยเหมือนเดิม ผมมองหน้าแม่เหมือนจะขอคำตอบ ขอคำตอบอยู่ในที แม่พยักหน้า ผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ พอกินเสร็จก็เก็บกวาดทำความสะอาด พอเสร็จจึงโทรหาพล รายนั้นถ้าชวนออกข้างนอกไม่เคยบอกปฏิเสธ เราตกลงกันว่าจะไปข้าวสารกัน พลจะชวนกายกับกบไปด้วย ส่วนจ๋าท้องอยู่กินเหล้าไม่ได้ เลยข้ามไป ผมให้เอขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวรอเพราะพลจะมารับตอนสี่ทุ่ม พอเออาบน้ำเสร็จผมก็อาบบ้าง ที่จริงไม่ได้อยากจะออกไปเที่ยวไหนเลย อยากจะอยู่บ้าน แต่ทำยังไงได้ เอใส่เสื้อยืดสีเทา สกรีนลายวัยรุ่น กางเกงยีนส์ เสื้อผ้ามันเข้ามาอยู่ในตู้เสื้อผ้าผมเกือบครึ่งแล้ว ท้องรองเท้าชุดนักเรียน มีพร้อม เวลามันอยู่ในชุดปกติมันดูเป็นเด็กวัยรุ่นดูคุ้นตากว่าตอนที่มันใส่ชุดนัก เรียน ผมใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ธรรมดา

"ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ"

มันบอกตอนผมกำลังทาครีมอยู่ มันมายืนมองแต่ก่อนด่ามันเพราะเขินแต่เดี๋ยวนี้ไม่เขินแล้ว

"ผมสั้นแค่นี้ยังจะใส่เยวอีกเหรอ เปลือง"

"อ้าวก็จะได้ดูหล่อๆไง เวลาเดินกับตัวเองจะได้ดูเหมาะสมกัน ทำไงได้ก็มีแฟนน่ารักนี่นะ ต้องทำตัวให้หล่ออยู่ตลอดเวลา"

"เออ มานี่"

ผมรำคาญเรียกให้มันมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ เครื่องแป้ง ผมเอาเจลใส่ผมทาที่มิอแล้วถูจนร้อนค่อยๆลูบผมมันจนทั่ว มันดึงเอวผมไปเกาะไว้แล้วมองหน้าผมยิ้ม

"เสร็จแล้ว พอใจไหม"

ผมบอกแล้วหันไปทำให้ตัวเองบ้าง

"โห เค้าหล่อนะเนี่ย ตัวเองดีใจไหมที่มีแฟนเป็นเค้าน่ะ"

มันพูดแล้วเอาหน้ามาวางที่บ่า

"อย่าถามมากได้ไหม ขอแต่งตัวก่อน ไปนั่งรอข้างล่างไป"

"โห ถามหน่อยก็ไม่ได้ แต่เค้าดีใจมากนะที่มีตัวเองเป็นแฟน โชคดีที่สุด"

มันหอมแก้มผมแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมยืนอายหน้าแดงอยู่หน้ากระจก แล้วก็ต้องถอนหายใจ พอรู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ทำไมผมต้องทุกข์ใจผสมมาด้วยตลอดนะ เสียงพลบีบแตรปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมรีบเดินลงไปข้างล่าง เอออกไปแล้ว ผมเดินตามออกไปเห็นมันคุยกับพลอย่างคุ้นเคย

"อิจฉาคนมีแฟนหล่อโว้ย ดูซิ น่ารักน่ากินไปหมด"

พลพูดขึ้นมันเป็นคำทักทาย

"ผมเหรอพี่ เสียใจด้วยครับ ผมมีแฟนแล้ว แฟนผมน่ารักไม่มีทางเปลี่ยนใจไปมองคนอื่น"

มันพูดขึ้นแล้วหัวเราะ

"จ้า ใช่สิพี่มันไม่น่ารัก แหม แล้วที่ให้ติดต่อเพื่อนให้ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว"

"เฮ้ยพี่ เพื่อนผมมีแต่ผู้ชาย ไม่มีเกย์หรอก"

"อ้าว แล้วเราล่ะ"

"ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่มีแฟนเป็นเกย์"

"นั่นล่ะพ่อหนุ่มเขาเรียกเกย์"

"ไม่รู้ล่ะ ผมรักของผมนี่เป็นอะไรก็เป็น"

มันสองคนเถียงกัน จนผมต้องสอดขึ้น

"จะไปกันหรือยัง ไม่อยากกลับดึก"

"เห็นมั้ยแฟนเราเร่งแล้ว"

"ตัวเองวันนี้มานั่งกับเค้าข้างหลังนะ ให้พี่พลขับ"

"มากไปๆ ชั้นไม่ใช่คนขับรถนะยะ"

"นั่งคนเดียวนั่นล่ะ เดี๋ยวพี่นั่งข้างหน้า"

ผมพูดแล้วเปิดประตูรถด้านหน้าขึ้นไปนั่งทันที

"อ่าใจร้าย"

มันบ่นพึมพัม พอขึ้นรถได้ผมก็เอื้อมมือไปเปิดเพลงทั้งที่ไม่ใช่รถของตัวเอง แต่พลก็ไม่เคยว่าอะไรผมจึงติดเป็นนิสัยเวลาที่นั่งรถมัน เราคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเป็นพลกับเอที่คุยกัน ส่วนผมได้แต่นั่งฟังเพราะหัวข้อมันคือเรื่องของผมกับมันเอง





 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:




ถ้าชอบเมนต์กันเยอะๆหน่อยนะคร้าบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:32:04 โดย eiky »

clubza

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #214 เมื่อ31-03-2010 10:18:28 »

ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ       เจลใส่ผมใช่ไหมครับ

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #215 เมื่อ31-03-2010 10:29:43 »

ไรท์เตอร์ขยันจัง
คนอ่านปลื้มใจ
น้องโยก็แหม.. คิดมากอยู่นั่นแหละ  เคลียร์กับคุณแม่ปริศนากันไปเล๊ยรู้แล้วรู้รอด

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #216 เมื่อ31-03-2010 10:32:24 »

ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ       เจลใส่ผมใช่ไหมครับ

อิอิ เจลคร้าบบบ ภาษาพูดเราเรียกกันว่า เยว ใช่ไหมอ่า อิอิ ขอบคุณค้าบบบ ที่อ่านดดยละเอียด

ออฟไลน์ sweetener

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #217 เมื่อ31-03-2010 10:50:00 »

โยพอเริ่มปล่อยวางบ้าง ก็มีอะไรหวานๆ
แต่น้องเอมันน่ารักเนาะ

jadezii

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #218 เมื่อ31-03-2010 13:05:51 »

กำลังน่ารักเลยอ่าาา :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
อร๊าย ๆๆ

ไรท์เตอร์สุ้ๆ ค่า :a1:

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #219 เมื่อ31-03-2010 13:26:54 »

จริงจะเรียก เยล ก็ไม่ผิดนะ
เพราะในตัวสัทอักษร ตัว j แทน เสียง ย ไม่ได้แทนเสียงตัว จ อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ

นับวันยิ่งทวีดีกรีความหวานมากขึ้นแฮะ
อย่าเอาความกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดมาบั่นทอนจิตใจเลยนะ
มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2010 13:44:53 โดย Vesi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
« ตอบ #219 เมื่อ: 31-03-2010 13:26:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #220 เมื่อ31-03-2010 15:24:39 »

อุปสรรคใหญ่สุด น่าจะเป็นใจโย
น้องเอน่ารักขึ้นทุกวัน
+1 เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #221 เมื่อ31-03-2010 16:24:46 »

จะติดตามต่อไปๆเช่นเดิมนะ

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #222 เมื่อ31-03-2010 17:30:24 »

มาให้กำลังใจคนเขียนจ้า  :L2:
เพิ่งอ่านได้ถึงตอน 5 แต่ขอมาเม้นท์ให้กำลังใจก่อน
เนื้อเรื่องน่ารัีก สนุกดี อ่านแล้วรู้สึกลื่นไหลมากกกกกกกกก
ชอบน้องโย น่าร๊ากกกกกกกกกกก
ส่วนอิเอน่า  :z6: กวนตรีนที่สรวดดดด

รีบไปอ่านก่อน อยากรู้ว่าเอเป็นพระเอกแน่รึ  o22 (ท่าจริงก็เวนกำของน้องโยจริงจิ๊ง)

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #223 เมื่อ31-03-2010 19:34:16 »

หวาน หว๊าน หวาน น่ารักดีค่ะ
โยที่เริ่มปลงได้ กับน้องเอที่เอาแต่ใจน้อยลง
ก้อดูจะเข้ากันได้ดีเนอะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #224 เมื่อ31-03-2010 19:57:35 »

อีป้าแก่อ่านแล้วกระชุ่ทกระชวยหัสใจดีนัก
 :pig4:

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
«ตอบ #225 เมื่อ31-03-2010 20:18:14 »

 :3123:   ตัวเองเอามาลงอีกสิคะเค้ารออ่านอยู่นะ

จากน้องเอตัวจริง

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #226 เมื่อ01-04-2010 07:38:37 »

ตอน ต่อครับ





                                                   ตอน สามสิบเอ็ด





When I first saw you I already knew


There was something inside of you


Something I thought that I would never find


Angel of Mine






I look at you looking at me


Now I know why they say the best things are free


Gonna love you boy you are so fine


Angel of Mine










"เอ้ ย ตัวเอง ชอบเพลงนี้อ่ะ ใครร้องคะ"

มัน ชะโงกหน้ามากอดที่เบาะผมตามเคย ผมกำลังเคลิ้มกับเสียงเพลงต้องสะดุ้ง

"อ้อ น้องเอชอบเหรอ เพลงนี้หวานเชียวนะความหมายมันน่ะ"

"ชอบ พี่ เพราะดี"

"เพลง Angel of Mine จ๊ะ ของ Monica ร้องให้แฟนเราสิ พี่ว่าน่าจะชอบ"

"บ้า แกนี่ก็ชอบพูดอะไรเวอร์"

ผม พูดแก้เขิน ค้อนพลวงใหญ่

"มัน หมายถึงอะไรอ่ะพี่พล"

มัน ถาม หน้ามองพลแต่ยังเกาะเบาะผมอยู่

"ไหนบอก เริ่มฟังรู้เรื่อง แปลเองสิ"

ผม ประชด มันเงียบ แล้วโน้มคอมาหอมแก้มผมทีหนึ่ง

"เอ้ ย"

ผม ตกใจสะดุ้งหนี

"ต๊าย จะหวานกันไปไหนจ๊ะ บอกว่าให้เห็นใจพี่บ้าง"

"แหม พี่ คนมันมีความสุขอ่ะนะ อย่าอิจฉาเลย"

"เพ ลงนี้ก้แปลรวมๆว่านางฟ้าของผมไงเอ เหมาะกับเรานะพี่ว่า ฮ่าๆ"

ไอ้ พลนี่ก็แปลกคุยกับมันแต่ตามองจิกกัดผมอยู่ตลอด มันรู้ว่าผมจะเก็บอาการอายไม่ค่อยอยู่มันถึงรวมหัวกันแกล้งเอาๆ

"นี่ แก แล้วไอ้กายกับกบล่ะโทรหามันรึยัง"

ผม พยายามตัดบทเปลี่ยนเรื่อง

"โทร ก่อนออกจากบ้านแล้วมันบอกจะไปรอที่โน่น เออแล้วเอเข้าเธคได้แล้วเหรอ"

"บ้า เหรอแก ยังไม่สิบแปดเลย"

"ยัง ไม่สิบแปดแค่อายุใช่ไหมเอ แต่อย่างอื่นน่ะคงโตล่วงหน้าไปแล้วเนอะ"

พล หันไปเย้าเอ

"อ่ะ นะพี่ ก็ไม่รู้นะครับ แต่รู้ว่าพอตัว ฮ่าๆๆ"

"โทร หาพวกมันหน่อยสิแก"

ผม เริ่มรำคาญสองคนนี้เต็มทนดูเหมือนมันจะเข้ากันได้ดีเหลือเกิน พลยอมโทรหากายแต่โดยดี กายถึงข้าวสารแล้ว รออยู่ทางเข้า พอบอกว่าเอมันมาด้วยพวกนั้นก็คิดแผนอื่นไว้รอเลย เพราะตอนแรกพวกมันอยากไปร้านชินนะม่อน แต่ท่าทางเอคงเข้าไม่ได้ พลหาที่จอดรถตรงลานด้านหลังถนนข้าวสารทางที่จะไปสนามหลวง เราเดินย้อนกลับมานัดเจอกันใหม่ที่หน้าข้าวสารเซ้นเตอร์

"ไหนบอก ไม่สบายแก หน้าตาดูแจ่มใสเชียว"

กาย ทักมาตั้งแต่ไกล ผมพยักหน้า

"แล้ว นี่ใครอ่ะ อุ๊ยหล่อเชียว"

กบ กระแซะเข้าหาเอ มันขยับตัวมาข้างหลังผมแล้วเกาะเอวทันที

"อย่า บอกนะ ว่า"

"เออ แฟนไอ้โยมัน นี่น้องเอ"

พล ดึงแขนกบไว้ ไม่ให้เข้าใกล้เรามากเกินไป

"หา น้อง เอ"

ทั้ง กายและกบอุทานพร้อมกัน

"เออ น้องเอ อยู่ ม.5 อายุ 17 ปี พอใจไหม"

พล พูดอย่างรู้ดี

"หา"

อุทาน พร้อมกันอีก หน้ามันทั้งสองดูตกใจยิ่งขึ้น

"อะไร อีพวกนี้ จะตะโกนเพื่อ"

พล ปรามไว้ เพราะพวกมันเสียงดังจนคนที่เดินไปมาหันมามอง

"ต๊าย โย ร้ายกาจนะแก ฉันอยากได้แทบตายเด็กๆน่ะ ไม่เคยได้ แต่แกนี่นอนมาเลยนะยะ ต๊าย หล่อด้วยนะ"

กบ แสดงท่าทีจริตเยอะตามปกติ

"นั่น สิ โห แกไปหามาจากไหนเนี่ย หาให้บ้างสิ"

กาย พูดบ้าง ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในใจ ไม่รู้ทำไม ทำไมเหรอมีแฟนเด็ก แล้วมันน่าภูมิใจขนาดนี้เลยหรือ แล้วทำไมจะต้องทำท่ากันแบบนี้ ผมไม่ได้อยากมีมัน ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ พวกมันเข้าใจบ้างไหม

"นี่ พอแล้วแก พูดอะไรเห็นแก่หน้ามันหน่อย"

พล เสียงดุปรามขึ้น มันคงรู้ว่าผมคงหน้างอแล้ว ทั้งกายและกบมองหน้าผมแล้วทำหน้าเจื่อนๆลงทันที พลเข้าไปกระซิบกระซาบมันสองคน แล้วมันทำตาโต ผมเอาศอกสะกิดเอที่มันเกาะเอวอยู่ มันมองหน้าผมแล้วมองหน้ามัน

"หวัด ดีครับพี่"

มัน ยึกยักอยู่พักใหญ่กว่าจะรู้ว่าผมสื่อให้มันไหว้เพื่อนทั้งสอง มันเกาหัวแกรกๆก่อนยกมือไหว้ เพื่อนทั้งสองยกมือไหว้ตอบแทบไม่ทัน

"เออ ว่าแต่จะไปร้านไหนดีแก น้องมันเข้าไม่ได้นะ"

พล ถาม

"ไป หาร้านนั่งนั่งกินเบียร์ก็ได้แก"

"เออ แก ไปชาร์มล็อก ดีไหม นั่งสบายๆ"

กบ กับกายแนะนำ เราก็เห็นด้วยเพราะถึงแม้จะตรวจบัตรแต่กายมันบอกว่ามันรู้จักคนข้างในไม่น่า จะมีปัญหา เราเดินย้อนไปทางต้นซอยแล้วขึ้นไปชั้นบน มีคนอยู่เต็มร้านคงเพราะเป็นวันคริสต์มาสต์ ชาวต่างชาติที่มีจำนวนมากกว่าคนไทยหนาแน่นไปหมด ร้านนี้มีนักร้องเล่นเพลงสดที่นั่งเปิดโล่งมีพัดลมไอน้ำอันใหญ่เป่าอากาศให้ ระบาย เราได้ที่นั่งติดบาร์เพราะกายคุยกับคนที่มันรู้จัก

"เอา อะไรดีแก"

กาย ถามเมื่อนั่งลงที่นั่ง

"กิน เบียร์ดีกว่าแก ง่ายๆเมาเร็วดี"

กบ เสริม พลก็พยักหน้า

"ฉัน ไม่อยากกินเหล้าแก กินค้อกเทลได้ไหม ไม่อยากเมา"

ผม แย้งเพราะปกติไม่ค่อยชอบกินเหล้า เพราะกินแล้วรู้สึกว่าตัวเองเมาแล้วตลก

"แหม แก นานๆที กินหน่อยเถอะ แล้วน้องเอล่ะครับ กินเบียร์ได้ไหมนี่"

กาย หันมาถามมันที่นั่งคลอเคลียผมอยู่

"ได้ พี่"

"ไม่ ได้ บ้าเหรอแก จะให้น้องกินเหล้า เอาน้ำอัดลมพอ"

ผม ขึ้นเสียงขัดขึ้นมา

"โห"

มัน โอดครวญ

"นี่ ล่ะเอ เมียมาคุม เอ้ยมีแฟนมาคุมก็อย่างนี้ล่ะ"

พล กระแนะกระแหน แล้วหัวเราะชอบใจ มันเหมือนคิดอะไรได้ กวักมือให้เอมันโน้มคอเข้าไปหาแล้วกระซิบกระซาบกันอีกรอบ ผมทำท่าไม่สนใจ

"แก นี่กินหน่อยเถอะนะ จิบเบียร์นิดเดียว ไม่เมาหรอกน่า เมาฉันก็ไปส่งให้ถึงห้อง อีกอย่างเอมันก็อยู่ น้องมันไม่ได้กินด้วยนี่"

พล พยายามยุ

"ไม่ เอาหรอกแก ไม่อยากเมา ฉันไม่ใช่ฝรั่งจำเป็นต้องฉลองด้วยเหรอ แกจะกินก็กินไปเถอะ ฉันไม่กิน"

"แหม โย เอาหน่อยเถอะ ไหนๆก็หยุดนี่พรุ่งนี้ ไม่ต้องวิตกอะไรหรอกน่า เพื่อนๆมาสนุกกันแกจะมานั่งทำตัวเป็นนางเอกเหรอยะ"

กบ ประชด ดูพวกมันเข้าขากันยังไงไม่รู้ แปลกๆหวั่นในใจ

"เออ กินก็กิน เมาแล้วรั่วอย่ามาว่ากันล่ะ"

ผม เหวี่ยงเพราะรำคาญ สรุปก็ต้องบยอมกินเบียร์เป็นหลอดกับพวกมัน เสียงนักร้องดังเคล้ากับเสียงสนทนากันจนฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง พวกเราคุยกันสัพเพเหระ พอเบียร์เข้าปากผมก็เมากินไม่กี่แก้ว หน้าก็เริ่มแดง

"เอๆ แฟนเราเมาแล้ว ดูหน้าสิแดงแจ๋เลย"

พล พยักเพยิดมาทางผม

"ม่าย มาว ไหน เอามาอีก"

ผม เริ่มเสียงยาน ควานหาแก้ว ไอ้เอมันยิ้มแล้วกอดเอวผมไว้

"พอ แล้วนะคะ ตัวเองเมาแล้วน้า"

มัน เอาจมูกมาคลอเคลียแถวกกหูผม

"ม่าย มาว จากินอีก อาวมาอีก"

"ฮ่าๆ แกดูมันสิ แหม พอเมาแล้วได้เรื่องเลย เลื้อยแล้ว"

กาย หัวเราะ

"นี่ แก น้องเอ หล่อมาก แกโชคดีนะเนี่ย"

กบ เสริม

"ดู ซิ ดูรักแกออก"

"อ้าว ก็ต้องรักฉันสิ ไม่รักฉันแล้วจะรักคราย"

ผม พูดแล้วหันไปมองหน้ามัน เอยิ้มหวานให้ ผมเลยหอมแก้มมันไปฟอดใหญ่

"โอ้ โห เอาแล้วโว้ย ได้เรื่องแล้วเห็นไหมเอ"

"ตัว เล็ก อายคนนะคะ เดี๋ยวเรากลับไปทำที่บ้าน"

มัน พูดแต่ก็เอาปากมาพุดอยู่เหนือริมฝีปากผม

"ม่าย อาย ก็เป็นแฟนกันนิ ม่ายอาย"

"ฉัน ว่าพามันกลับเถอะพล คนมองใหญ่แล้ว"

กาย พูด ไม่รู้ว่าพวกมันคุยอะไรกันต่อแต่ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนอยู่บนรถ นอนอยู่บนตักมัน ผมงัวเงียขึ้นมา

"ตื่น แล้วเหรอคะ เมานะเรา"

มัน เอาหน้ามาซุกท้ายทอยผม

"อะไร เมาเมิว อะไรล่ะ"

"แหม เมื่อกี้เลื้อยใหญ่เชียว เขาบอกว่าเวลาคนเมามักจะพูดเรื่องจริงที่สุดนะแก"

พล มองกระจกมองหลังพูดขึ้น

"ฉัน พูดอะไรแก ไม่รู้ล่ะตอนเมาไม่รู้เรื่อง"

มัน สองคนรุมผมกันใหญ่ ไอ้ตัวเดียวไม่ยอมปล่อยให้ผมออกห่างคอยกอดอยู่ตลอดเวลา พอถึงบ้านผมก็รีบอาบน้ำแล้วรีบนอนเพราะเกือบจะตีสองแล้ว ส่วนเอมันอ่านหนังสือต่อ เออแปลกดี ผมหลับไปรู้สึกอุ่นใจมากกว่าทุกวัน นี่ผมเริ่มชอบมันแล้วเหรอ ทำไมทุกทีที่มันอยู่ใกล้ๆ หัวใจผมเต้นแรง ลมหายใจมันที่รดหน้าผม ทำไมมันมีพลังร้อนแรงเหลือเกิน นี่ผมเผลอใจแล้วหรือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:32:40 โดย eiky »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #227 เมื่อ01-04-2010 08:31:00 »

อิจฉา อิจฉา
หวานตลอด  :-[ :impress2:
+1 ให้รักมั่นคง

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #228 เมื่อ01-04-2010 09:51:37 »

:)  ชอบๆ  อิอิ

  by น้องเอตัวจริง

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #229 เมื่อ01-04-2010 14:51:52 »

หวานตลอดอ่ะ คู่นี้  :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
« ตอบ #229 เมื่อ: 01-04-2010 14:51:52 »





ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #230 เมื่อ01-04-2010 15:05:12 »

คนเมาโกหกไม่เป็นนะ  :laugh:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #231 เมื่อ01-04-2010 17:38:52 »

มารายงานผลจ้า ว่าอ่านถึงตอน26 แล้วน้า
เกือบทันแระ อิๆๆ
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
ปวดใจแทนน้องโย  :m15: เครียดหลายเรื่องเกิ๊น
อิน้องเอก็ตื้อคร่อดๆ ทั้งหน้ามึน หน้าเป็นตลอดๆ
 :pig4: คนแต่งมากมาย เขียนได้สนุกมาก
อยากนั่งอ่านนิยายอย่างเดียว แต่งานยังทำไม่เสร็จ กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #232 เมื่อ01-04-2010 20:08:46 »

  :-[ น่ารักอ่ะ หวานอ่ะ เขินๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ


ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #233 เมื่อ01-04-2010 20:25:30 »

ยังกล้าเรียกเผลอใจนะคนเรา ทั้งๆที่ถลำไปทั้งใจทั้งตัวแล้ว :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ nidnoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 558
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #234 เมื่อ01-04-2010 20:44:06 »

ตามอ่านอยู่นะคะ

ชอบค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #235 เมื่อ01-04-2010 22:51:51 »

ตามอ่านจนทันแล้ว น่าเห็นใจโยนะ หลายเรื่องประดังประเดเข้ามาเลย ส่วน เอ นี่คงต้องดูไปอีกพักใหญ่ๆ ละมั้ง

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
«ตอบ #236 เมื่อ01-04-2010 23:01:57 »

 :o8:

เมาแล้วรั่วอะโย
 :pigha2:
 :pig4:


ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
 ตอนต่อครับ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน



                         ตอน สามสิบสอง




เผลอ แป๊บเดียวก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ปี ๒๕๕๑ ผ่านไปรวดเร็วนักมีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย เป็นทุกข์เสียส่วนใหญ่ จากชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับแม่ดูแลกันและกันเหมือนทุกวันที่ผ่านมา มีผู้ชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเขาเองว่าแฟนที่คิดว่าซื่อสัตว์ แต่เขาก็ทำร้ายน้ำใจอย่างโหดร้ายที่สุด แต่ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปได้มากจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือ เอ เด้กมัธยมห้า อายุ ๑๗ ปี ฟังดูอาจจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่งไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ไอ้เด็กมัธยมปลายสูง ๑๘๐ กว่าๆ นี่ล่ะที่กวนใจ จากที่ไม่ชอบขี้หน้า เป็นเกลียด พอเกลียดมันมากๆยิ่งได้เจอกัน ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน จนตอนนี้ ผมหวั่นไหวในใจ ทั้งที่พยายามห้ามใจตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ห้ามอะไรฤาจะยากเท่าหักห้ามใจ ยิ่งฝืนใจยิ่งตีกรอบล้อมมัน หัวใจมันยิ่งหาทางไป เป็นอีกปีที่ทรมานหัวใจมากอีกปีหนึ่ง จากที่แต่ก่อนที่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไม่เคยปิดบัง แต่พอมีไอ้เอเข้ามาในชีวิตผมก็ละอายแก่ใจเกินกว่าที่จะบอกใคร แม้แต่ตัวเองผมก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นขึ้นมา มันเสียดแทงใจอยู่ทุกเวลา



คืน ก่อนวันสิ้นปีแม่ทำกับข้าวที่บ้านเพราะมีแขกมาเยอะ อาจารย์ปริศนากับลูกชายทั้งสอง พลกับจ๋า พี่ป้อมติดเรียนภาคปฏิบัติมาไม่ได้ กายกับกบ แล้วก็น้าสาข้างบ้าน น้าสากับจ๋ามาช่วยทำอาหาร ผมตื่นแต่เช้าไปตลาดคลองเตยเพราะของเยอะและถูกกว่าตลาดอ่อนนุช มีน้าสาไปเป็นเพื่อน ขากลับแวะรับจ๋ามาด้วย ดูจ๋าแล้วมันคงท้องจริงเพราะช่วงนี้อ๊วกใหญ่ เข้ามาในรถก็จะอ๊วกเพราะบอกเหม็นน้ำหอมปรับอากาศในรถ ลำบากน้าสาต้องควักยาดมที่พกติดตัวให้ดม กว่าจะมาถึงบ้านก็หน้าซีดเซียว จนแม่เห็นต้องตกใจ หายาลมยาหอมให้กินก็บอกเหม็นอีก จนผมต้องสะกิดบอกให้จ๋าทนกินเอาเดี๋ยวแม่สงสัย มันถึงยอมเห็นแล้วก็สงสาร มันดูแย่มากแทนที่จะได้มาช่วยเตรียมนั่นเตรียมนี่กลับมาให้แม่คอยเฝ้า


"ไหว ไหมลูก นอนสักพักก่อนเถอะ เรื่องอาหารให้น้าสากับโยทำเราพักก่อน"


แม่ ประคบประหงมจ๋าราวกับเป็นลูกตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมแม่กับจ๋าจะติดต่อกันโดยตรง และรู้โดยที่ผมไม่ต้องบอก รอแค่ให้แม่มาถาม จ๋ามันรักแม่ผมเหมือนแม่ของมันเองเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ


"ไหว จ๊ะแม่ หนูนอนดึกค่ะช่วงนี้เลยเวียนหัวบ่อยๆ"


จ๋า แก้ตัว


"เฮ้อ พวกเรานี่ก็แปลก ทำไมนอนดึกนักล่ะลูก รู้อยู่ว่ามันไม่ดี มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก ดูซีดๆไปนะช่วงนี้"


"มี เรื่องให้คิดนิดหน่อยค่ะแม่ เลยติดนิสัยนอนยากไปเลย"


"ปลงๆ บ้างนะลูก คิดไปก็เท่านั้น ปล่อยวางบ้าง เวลาเราวิ่งตามสิ่งที่เราอยากได้ เรามักจะมองไม่เห็นอะไรข้างทางที่เราวิ่งผ่านหรอก เพราะเราไปด้วยความเร็วลองหยุดเดิน อยู่นิ่งๆสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองล่ะ เรานี่ชักจะเหมือนโยขึ้นทุกวัน รายนั้นก็เงียบๆไปช่วงนี้ มีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังนะลูก เผื่อแม่จะคิดหาทางให้ได้"


ผม ยืนมองแม่กับจ๋าอยู่ห่างๆ ในใจก็ลุ้นอย่าให้มันบอกแม่เลย เพราะแม่คงทุกข์ใจคูณสอง ลำพังเรื่องของผมแม่ก็จะแย่แล้ว ถ้าเอาเรื่องจ๋ามารับรู้อีกแม่คงทุกข์หนักกว่าเดิม


"ไม่ มีอะไรหรอกค่ะแม่ ถ้ามีหนูเล่าให้แม่ฟังแล้วค่ะ แค่เรื่องพอจะจบมาหนูอยากจะทำงานส่วนตัว อยากใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ป๊าคงไม่ยอม แค่นี้ล่ะค่ะแม่ หนูเลยเครียด"


จ๋า ทำหน้าม่อยลงทันที ผมรู้สึกโล่งใจ แม่เหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ซักอะไรต่อ ลูบหัวมันทีหนึ่งแล้วก็เดินเข้ามาช่วยในครัว แม่คุยกับน้าสาเรื่องธรรมะ ผมฟังอยู่สักพักก็ยกของออกมาทำหน้าบ้าน จ๋าออกมานั่งด้วย พอบ่ายๆ พล กาย และกบก็มาถึง มีของขวัญมาด้วย เห็นมันบอกว่าอยากจะจับฉลากที่นี่ด้วย ลำบากผมกับจ๋าต้องออกไปซื้อของขวัญ โดยมีพลขับรถออกไปส่ง เพราะรถมันจอดอยู่นอกบ้าน ผมได้ของขวัญมาสองกล่องให้แม่กล่องหนึ่งของตัวผมเองกล่องหนึ่ง จ๋าก็ได้ของมัน พอบ่ายแก่ๆอาจารย์ปริศนากับโอก็มาถึง ไม่ยักมีไอ้ตัวดีมาด้วย


"เอ ไปซื้อของขวัญน่ะลูกโย"


อาจารย์ ปริศนาทักผม งงเหมือนกันนี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ แค่คิดในใจ ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ แต่ดูเจตนาของอาจารย์ปริศนาแล้วคงไม่ได้ระแคะระคายอะไร อาจารย์ปริศนาเอากระเช้าผลไม้มากระเช้าใหญ่ โอดูตัวคล้ำไปมาก แต่ดูตัวโตขึ้นผิดหูผิดตา ผมไม่ได้เจอน้องมันแค่ไม่กี่เดือน ตัวโตขนาดนี้เชียว แววตาของโอดูสดใสมีความมุ่งมั่น อารมณ์ดีเหมือนเคย แม่เอาขนมใส่ไส้ออกมาให้แขกทานก่อน ระหว่างนั้นผู้ใหญ่ก็คุยกัน เด็กๆอย่างเราก็เลยต้องขึ้นไปชุมนุมกันอยู่บนห้องผม ส่วนโอนั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่างกับจ๋า เพราะจ๋ามันรู้สึกหงุดหงิด ไม่อยากจะให้ใครกัด เพราะ กายกับกบยังไม่รู้


"ต๊าย นี่เสื้อใครน่ะแก"


กบ ร้องขึ้นหลังจากมันเห็นเสื้อบาสที่ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมไม่ตอบอ้ำอึ้งอยู่


"ของ ผัวมันสิยะ"


พล พูดขึ้น ผมรู้สึกหน้าชา


"ต๊าย นี่น้องมันย้ายมานอนกับแกแล้วเหรอ"


มัน เสียงดัง จนผมต้องจิ๊ปากบอกให้มันเบาเสียง อายเพื่อนก็อาย พลเองก็ยังไม่ได้ขึ้นมาห้องผมเลยตั้งแต่ไอ้เอเข้ามานอน


"ไหน เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย โอ๊ย ใจจะขาด ฉันว่าแล้วเชียวกลิ่นแบบนี้ มันกลิ่นเด็กผู้ชาย"


"มาก ไปนังกบ แกจะไปอิจฉาอะไรมัน อยากได้เหมือนมันคงยากนะแกน่ะ เพราะหล่อนไม่สวย"


พล แขวะ


"อี นี่ ฉันน่ะอดีตนางงามเขื่อนลำตะคองนะยะ แกพูดอย่างนี้ไม่ด้าย"


กบ ทำเสียงดัดจริตใส่พล


"แหม อีนางงามสันเขื่อนลำตะคอง สวยนักนี่หล่อนน่ะ นั่งรถกับฉันมาผู้ชายมองเข้ามา เห็นตกใจทุกราย วันก่อนผู้ชายโทรมาบอกว่าในรถมีผีนั่งข้างๆ"


กาย กัดกบบ้าง


"อ๊าย หล่อน"


กบ พูดไม่ออก มันทำท่างอนตุ๊บป่อง แต่ก็หันหน้ามาหาผม


"ว่า มาสิแก ฉันอยากรู้"


"อะไร ล่ะ"


ผม ทำท่าเป็นไม่รู้เรื่อง


"ก็ เด็กแกน่ะ มาค้างจริงเหรอ"


มัน จ้องหน้าผมจะเอาคำตอบ ผมได้แต่ก้มหน้าทำท่าทำอย่างอื่น ไม่อยากพูดถึง แต่ก็ต้องพยักหน้าเพราะมันเซ้าซี้อยู่อย่างนั้น กายอีกคน


"กรี๊ด ดด"


"อี บ้า เบาๆหน่อย เดี๋ยวแม่นึกว่าผีเข้าหล่อนนะ"


พล ดุ ทั้งสองคนถึงยอมหุบปาก


"อยาก รู้อะไรถามฉันนี่ ไม่ต้องไปซักมัน เห็นไหมว่ามันอาย"


"แล้ว หล่อนมาอยู่ใต้เตียงเขาเหรอ ถึงจะตอบแทน"


กบ ย้อน


"อ้าว อีนี่ ถ้างั้นหล่อนก็ไม่ต้องรู้ ฉันรู้เยอะกว่าแกอีกก็แล้วกัน ขนาดน้องมันฉันก็รู้"


"ว๊าย เล่ามาๆ"


ผม รู้สึกอายเพื่อนเหลือเกิน ทั้งที่แต่ก่อนเล่าเรื่องพี่ตั้มให้เพื่อนฟัง แม้จะไม่มากแต่ก็ไม่รู้สึกอายขนาดนี้ พลพูดจริงบ้างหลอกบ้าง แต่ก็เบี่ยงเบนความสนใจจากทั้งคนไปจากผมโดยสิ้นเชิง เราคุยกันอยู่นานจนค่ำจึงลงมาข้างล่าง กินข้าวกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกัน อาจารย์เล่าเรื่องโอ อย่างภูมิใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าโอได้เป็นนักกีฬาเขตุไปแล้ว เดือนกุมภาพันธ์ก็จะได้ไปแข่งแล้ว ฟังแล้วก็ปลื้มใจแทน ดูอาจารย์ปริศนามีความสุขมากตอนเล่าเรื่องโอ เรากินข้าวไปสักพักเอก็มาถึง มันหอบกล่องของขวัญมาสามกล่อง มันไม่ได้มองผมเลยทักทายแม่กับน้าสาและเพื่อนๆ กับผมมันยกมือไหว้


"หวัด ดีพี่"


มัน หันไปสนใจคนอื่น แปลกผมรู้สึกแปลบขึ้นในใจ ทั้งที่ผมรอมัน นั้นสิ นี่ผมรอมันอยู่ เวลาคุยโทรศัพท์กันมันก็ดูไม่ห่างเหินขนาดนี้ แต่มันคงไม่อยากให้อาจารย์ปริศนารู้ อืม ใช่สินะ ผมคิดคำตอบให้ตัวเองเสร็จสรรพ มากไปแล้วโย ทำไมถึงหวั่นไหวไปได้มากขนาดนี้ มันคุยกับคนนั้นคนนี้อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ผมบอกตัวเองว่าเข้าใจ แต่ทำไมในใจผมมันรู้สึกแปลกๆ ผมเดินเข้าไปเอาอาหารในครัว


"ทำไม หน้างอๆคะ"


มัน ตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์


"ไม่ มีอะไรนี่ เหนื่อย"


"ไม่ คิดถึงเค้าเลยเหรอ เค้าคิดถึงตัวเองนะ มากด้วย"


มัน อ้อนแล้วลากแขนผมไปข้างหน้าตู้เย็น เพราะมันเป็นมุมที่บังมองไม่เห็นจากข้างนอก


"อะไร"


"งอน อะไรคะ"


"ไม่ ได้งอน สนใจอะไร"


"อ่า งอนนะเนี่ย ทำอะไรหว่าตู"


มัน หอมแก้มผมทีหนึ่ง ใจเต้นแรง ทำไม ผมไม่เข้าใจ


"บ้า เหรอ เดี๋ยวใครก็มาเห็น"


ผม โวย รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมา


"ไม่ มีหรอก หอมหน่อย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว"


ผม ผลักมันออกแล้วยกหม้อออกไปข้างนอก มันหัวเราะชอบใจ ผมเป็นอะไรไป มันเร็วไปไหมโย แค่ไม่กี่วันทำไมปล่อยใจให้มันล่องลอยได้มากขนาดนี้ มันทำอะไรแกไว้ คิดบ้างสิ คิดถึงความจริงบ้าง มันเป็นไปไม่ได้ ผมเถียงตัวเอง นี่ผมกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ใจเต้นแรง ทั้งโกรธ ไม่รู้ว่าโกรธอะไร ทั้งฉ่ำใจอย่างประหลาด โอยผมเป็นอะไร


"เป็น อะไรลูกโย หน้าตาไม่ค่อยดีเลย"


อาจารย์ ปริศนาทัก ผมสะดุ้ง ทุกคนหันมามอง ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ


"อ้อ พอดีหม้อมันร้อนน่ะครับ"


"อุ๊ย ระวังหน่อยนะลุก เดี๋ยวมือพองพอดี"


อาจารย์ ปริศนาร้องแล้วยิ้มให้


"นี่ ต้องขอบใจหนูโยเขานะ ที่ช่วยสอนตาเอ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เรียนก็ดีขึ้นจนอาจารย์ประจำชั้นโทรมาชมกับแม่ ช่วยงานบ้านอีก แม่ปลื้มใจมาก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ให้หนูโยช่วย"


นี่ ล่ะ ที่เป็นมีดอันแหลมคมผ่ากลางใจผม แม่มองหน้าผมมองด้วยความเห็นใจ ผมรู้สึกว่าหัวใจมันร่วงลงมาอยู่บนพื้นดิน เจ็บแปลบขึ้นมา


"โย ไปทำฉลากมาจับสิลูก"


แม่ บอก สายตาแม่น่าสงสารเหลือเกิน ผมพยักหน้า


"อ้าว อิ่มแล้วเหรอลูก เพิ่งกินไปเอง เราก็อะไรอร เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ ฉลงฉลากอะไรนี่ ไม่ใช่จะจับตอนนี้เสียหน่อย"


"โย อิ่มแล้วครับ"


ผม พูดเสียงขาดหาย ไม่รอให้อาจารย์ปริศนาพูดอะไรมากไปกว่านี้ผมทนไม่ได้ นี่คือความจริงนะโย นี่คือสิ่งที่เป็นสัจธรรมที่สุด ผมทำผิดตั้งแต่แรก ผมปล่อยให้ใจมันออกไปนอกลู่นอกทางเอง ผมเดินขึ้นห้องไปทันที ก่อนเดินมาผมปราดตามองไปทางเอ ดูมันครุ่นคิดอยู่เหมือนกัน ผมรู้สึกหดหู่เหลือเกิน เหตุการณ์มันเริ่มส่อแววยุ่งยาก ลำพังผมทุกข์ใจไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่แม่สิ ผมทำไม่ได้ ผมทำร้ายแม่ไม่ได้ ผมเคยเห็นแม่เป็นทุกข์มาแล้วตอนที่พ่อจากเราไป มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ผมยอมเจ็บปวดเองดีกว่า ผมขอทนทุกข์เองเจ็บปวดเอง อย่าไปแบ่งให้แม่เลย ผมใจจะขาด


"อย่า คิดมากนะแก ฉันเข้าใจ"


เสียง จ๋าดังตามหลังมา


"ฉัน สับสนแก ฉันจะทำยังไงดี"


ผม พูดออกไปเสียงเครียด จ๋าเข้ามากอดผม ผมเม้มปากพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา มันไม่แย่ไปกว่านี้หรอกผมปลอบตัวเอง ผมกับจ๋านั่งอยู่บนห้องนานพอสมควรแล้วเราก็ตัดกระดาษมาทำเป็นฉลากจับของขวัญ จ๋าเอาสีเมจิกเขียนหมายเลขบนกล่องของขวัญจนครบตามจำนวนเราจึงออกไปสมทบกับ ทุกคนบอกให้พล กาย กบ และเอมาช่วยยกของขวัญออกไปข้างนอก เอพยายามมองผมอยู่ตลอดเวลา แต่ผมเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้ามัน พอจับฉลากทุกคนไม่ทันสังเกตุ เอมันพยายามจะเข้าใกล้ผมแต่ผมให้จ๋ากันไว้ เห็นจ๋ามันคุยอะไรกับเอไม่รู้ มันก็ยอมอยู่นิ่งๆ ผมจับได้ของกายเป็นน้ำหอม มันยอมลงทุนขนาดนี้เลยหรือ ผมแปลกใจเพราะมันจับได้ของจ๋าซึ่งเป็นผ้าเช็ดตัว แต่ดูมันไม่วิตกกังวลอะไร แม่จับได้ของน้องโอ เป็นครีมอาบน้ำขวดจิ๋วหลายขวดน่ารัก เอมันเข้าใจเลือก น้าสาจับได้ของเอ เป็นหมอนใบใหญ่ลวดลายวัยรุ่น เอจับได้ของผม ดูมันดีใจมาก ทั้งที่ของขวัญเป็นเสื้อยืดสองตัวไม่มีราคาอะไรมาก สีเทากับขาว สกรีนลายใบไม้ตัวหนึ่ง กับตัวอักษรตัวสีเทา ยิ่งไม่อยากให้ความหวังกับมัน เหมือนฟ้ายิ่งแกล้ง


พอ ดึกทุกคนก็แยกย้ายกลับ จ๋ากับพลกลับเป็นรายสุดท้ายเกือบเที่ยงคืน เราคุยกันเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องจ๋ากับเรื่องของผมเอง ผมอาบน้ำนอนเกือบตีสองกว่าจะหลับก็ดึกมากแล้ว ในใจวุ่นวายคิดวกไปเวียนมา ไม่มีข้อยุติ ที่หลับเพราะคิดจนเหนื่อย ล้าในใจ


วัน สิ้นปี ผมตื่นมาตอนเก้าโมงกว่า เห็นแม่นั่งคุยกับน้าสาอยู่ข้างล่าง แม่จะไปนั่งกรรมฐานคืนสิ้นปี ผมก็เห็นดีด้วยไม่ขัดเพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แม่สบายใจขึ้น ดีที่มีน้าสาที่เป็นคอเดียวกันแม่จึงมีเพื่อน แม่ออกจากบ้านบ่ายโมงกว่าๆ ผมนั่งอยู่ม้าหินอ่อนเหม่อมองต้นไม้ คิดเรื่อยเปื่อย ยิ่งคิดยิ่งจม คิดไม่ออก ผมสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูบ้าน ผมแค่สะดุ้งแต่ยังนั่งอยู่ที่เดิม จากเคาะเป็นทุบ ผมจึงค่อยๆเดินไปเปิดประตู เอนั่นเอง มันสะพายเป้ใบใหญ่ ในมือถือกีต้าร์ ใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืด มันยิ้มแป้น


"นึก ว่าไม่อยู่ซะแล้ว"


มัน ทำหน้าทะเล้นใส่


"จะ มาไม่โทรมาก่อนล่ะ"


ผม พูดประชด มันเดินเข้ามาในบ้านแล้ว


"อ้าว ก็มาเซอร์ไพรซ์ ตัวเองไง เค้ารู้นะว่าแม่อรไม่อยู่ อิอิ เลยมา"


"มี ธุระอะไร"


"โห คิดถึงแฟนอ่ะค้าบบ จะให้มีธุระอะไรล่ะ"


มัน อ้อนวางของลงบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว ทำท่าหาของกิน


"ตัว เล็ก เค้าหิวอ่ะ มีอะไรกินไหม"


มัน เปิดนั่นเปิดนี่ดูเหมือนบ้านตัวเอง ผมจึงเดินตามเข้าไป


"ไป นั่งรอ มีแต่ของเหลือเมื่อคืนนะ จะกินไหม"


"กิน ค้าบบ หิวจนตาลายไปหมดแล้ว อะไรๆก็กิน"


มัน ล้อเลียนแล้วไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ผมไปอุ่นแกงกับเอาของทอดมาทอดใหม่ พอเสร็จก็ยกไปให้มัน


"เออ ตัวเล็กเมื่อคืนน่ะ ทำไมทำท่าห่างเหินเค้าจะงล่ะคะ เค้าน้อยใจนะ"


มัน พูดขึ้นมา ผมรู้สึกกระตุกในใจ


"ไม่ นี่ ก็ทำตัวตามปกติ"


ผม พูดเสียงเรียบไม่มองหน้ามัน


"จริง เหรอ แต่เค้าพยายามจะมองตัวเองตั้งหลายรอบ ตัวเองก็หลบหน้าตลอด ใจไม่ดีเลย เนี่ยเค้านอนไม่หลับเลย"


มัน พร่ำพรรณาต่อ ผมไม่อยากจะพูดกับมันในทางให้ความหวัง แต่คิดจะบอกมันตรงๆก็พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาปิดปากเอาไว้


"ไม่ มีอะไรหรอก ผู้ใหญ่อยู่เยอะแยะ"


"เออ นั่นสินะ ตัวเองเค้าว่าจะบอกแม่แล้วนะเรื่องของเรา"


"ไม่ ได้"


ผม ตะคอกใส่มัน จนมันสะดุ้ง


"อ่า ทำไมอ่ะ ตะคอกเค้าด้วย"


มัน ทำเสียงอ่อน รู้สึกใจแป้วไปเหมือนกัน มันทำหน้าเจื่อนๆ ผมรู้สึกผิดขึ้นมา


"อย่า เพิ่งเลยเอ ให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่านี้ก่อน"


เสียง ผมล่องลอยเหมือนออกมาจากส่วนอื่นของร่างกายไม่ใช่ปาก มันเบาดูไร้เรี่ยวแรง เหี่ยวแห้งไม่มีชีวิตชีวา


"เค้า เชื่อตัวเอง รักตัวเองมากนะ ไม่ว่าจะยังไงเค้าก็ไม่ยอมง่ายๆหรอก"


มัน พูดน้ำเสียงเข้มแข็งมุ่งมั่นเหลือเกิน นี่จะอะไรหนักหนากับผม ทั้งที่พยายามออกห่าง ทั้งที่พยายามทำใจ แต่เหมือนมันยิ่งรัดยิ่งบีบให้ไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ผมเหมือนอยู่ในห้องที่ไร้แสงสว่างมองไม่เห็นอะไรเลย ดวงตาไม่รู้สึกชินกับความมืดมิด มันกลับยิ่งมืด ยิ่งน่ากลัว ผมสับสนเหลือเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:33:20 โดย eiky »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ความสุขเพิ่งผ่านมา
เศร้าอีกแล้วเรอะ :serius2:
เข้าใจนะว่าโยสับสน
ใครจะช่วยให้โยดีขึ้นได้บ้างนะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer   :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ sweetener

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
โยคิดมากเกิน
อะไรๆมันอาจจะไม่แย่อย่างที่โยคิดก็ได้
 :L2:
น้องเอน่ารักเนาะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด