ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ เริ่มเขียนยากขึ้นล่ะพอเรื่องเริ่มมาในอารมณ์นี้ แล้วจะเศร้าไปทำไมเนี่ย อิอิ ผม งงกับตัวเอง เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้าบบบ
ตอน ยี่สิบสี่
You look at me and see the boy
Who lives inside the golden world
But don't believe
That's all there is to see
You'll never know the real me
He smiles through a thousand tears
And harbours adolescent fears
He dreams of all
That he can never be
He wades in insecurity
And hides himself inside of me
Don't say he takes it all for granted
I'm well aware of all I have
Don't think that I am disenchanted
Please understand
It seems as though I've always been
Somebody outside looking in
Well, here I am for all of them to bleed
But they can't take my heart from me
And they can't bring me to my knees
They'll never know the real me
ผมตื่นเกือบจะเจ็ดโมง รู้สึกตัวโล่งแต่ยังมึนๆหัวอยู่ ไอ้เอไม่อยู่ข้างตัวแล้วมันคงไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ก็ไปโรงเรียนแล้ว ผมลุกจากเตียงเดินไปเปิดเพลง หยิบแผ่น mp3 ของ Mariah Carey มายัดเข้าไปในเครื่องเล่น ฟังแทรกที่ดังก้องอยู่เบาๆ แต่ก่อนฟังเพลงนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรมาก แค่รู้สึกว่ามันเป็นเพลงช้าธรรมดา แต่วันนี้เหมือนเธอร้องเพื่อผมโดยเฉพาะ ผมยืนนิ่งฟังอยู่อย่างนั้นช่างเศร้าจับใจเหลือเกิน มันกัดกินเข้าไปถึงในหัวใจ น้ำตาไหลซึมออกมาอีกครั้ง เป็นชวงเวลาที่อ่อนแอเหลือเกิน ดูเหมือนอะไรๆมันก็สะกิดใจไปเสียหมด ผมหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกยาวที่สุด คืนที่ผ่านมามันยากลำบากเหลือเกินแล้วเวลาที่เหลือต่อไปผมจะทำยังไงดี
ไอ้เอเปิดประตูเข้ามามันใส่ผ้าเช็ดตัว น้ำเป็นหยดๆยังเกาะอยู่ตามตัวของมันหัวก็เปียก
"ตื่นแล้วเหรอคะ ยังเวียนหัวอยู่ไหม"
มันถามแล้วเดินเข้ามาหา ผมกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาออก
"ตัวเองร้องไห้อีกแล้วเหรอ ยี้แยจัง ไหนเป็นไรคะ"
มันเข้ามาจับหน้าผม ยิ้มให้ ผมปัดมือมันออก
"จะไปอาบน้ำ"
ผมพูดแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วออกจากห้องไป ผมหยิบโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์ตอยู่ติดมืออกไปด้วย เวลานี้ผมควรจะออกจากบ้านได้แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะอาบน้ำ ผมโทรไปหาพล
"นี่ เป็นไรแก ปิดเครื่องตลอด มีอะไรหรือเปล่า"
ทันทีที่พลรับสายมันก็ยิงคำถามมาทันที
"ฉันไม่สบายแก เป็นไข้ โทษที ฝากบอกพี่ภาให้ด้วย อาจจะไปสาย"
"เป็นไข้ แกไปหาหมอหรือยังแก ไข้หวัดนกรึปล่าวยะ"
"บ้าสิ ไม่รู้สิแก อยู่ๆก็ตัวร้อน แต่หายแล้วแค่มึนๆหัว"
"เออ เดี๋ยวฉันไปรับ จะได้แอบอู้"
"ไม่ต้องหรอกแก รถติด"
"แหมแก ถ้าฉันบอกเจ๊แกว่าแกไม่ค่อยสบาย เจ๊แกก็บังคับให้ฉันไปรับแกอยู่ดี รอที่บ้านนั่นล่ะ เออ แก นังจ๋ามันเหมือนมีอะไรเลยนะ มันอยากคุยกับแกนะ เห็นแกปิดเครื่อง มันเลยโทรมาหาฉัน น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลยแก ยังไงแกโทรถามมันหน่อย"
ผมคุยกับพลอีกคำสองคำก็วางตกลงมันจะมารับผมที่บ้าน ดีเหมือนกันจะได้ปรึกษามันเลยว่าควรทำยังไงดี ผมโทรศัพท์ไปหาจ๋า
"เออ แก ว่าไง พอดีฉันเป็นไข้ แกมีอะไรหรือเปล่า"
ผมถามเมื่อจ๋ารับสาย
"ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแก ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี"
จ๋าร้องไห้ ผมอึ้ง
"แก เป็นอะไร มีอะไร เล่ามา ทำไมแกไม่โทรเข้าเบอร์บ้านล่ะ"
"ก็ไม่มีคนรับ แกไปทำงานไหม"
"ไปสิ ด่วนรึเปล่า แก เดี๋ยวฉันลางานก็ได้"
"อย่าเลยแก ไปทำงานเถอะ ฉันรอได้"
"ไม่ต้องมากความ มาหาฉันที่บ้าน พอดีเลย พลมันก็จะมารับ จะได้โทรบอกมัน"
ผมวางสายจากจ๋าแล้วโทรไปหาพลอีกรอบ สรุปผมก็ลางานแล้วอยู่รอจ๋าที่บ้าน พลเองก็จะมาหาที่บ้าน รายนั้นคงสบายใจที่ไม่ต้องทำงาน เพราะเอาข้อที่ว่าผมป่วยเป็นข้อต่อรองกับพี่สาว ผมอาบน้ำอย่างลวกๆ แล้วเข้าห้องไปแต่งตัวเห็นเอมันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เวลามันใส่ชุดนักเรียน มันก็ดูเหมือนเด็ก มัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง กางเกงนักเรียนขาสั้นสีน้ำเงินกับเสื้อขาว มันดูสดใสขึ้นมาไม่เหมือนกับเวลาที่มันอยู่ในชุดปกติ มันดูเด็กก็จริงแต่ดูแก่แดดเหลือเกิน เอเรียนโรงเรียนชายล้วนไม่ไกลจากบ้านมากนักนั่งรถเมล์ต่อเดียวจากบ้านมันก็ถึง แต่บ้านผมต้องนั่งสองแถวออกไปต่อรถเมล์ที่ปากซอยอ่อนนุช แต่นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว ไม่เข้าใจว่ามันไปโรงเรียนภาษาอะไรของมัน มันยืนยิ้มให้ผมอย่างไม่สะทกสะท้านต่ออะไรในโลกนี้
"มาจุ๊บหน่อสิที่รัก ให้กำลังใจเค้าหน่อย"
มันเดินตรงเข้ามาหา ผมรีบเดินหนีไปใส่เสื้อ มันก็รีบมาคว้าเอวไว้ทันที
"ไม่รีบไปเหรอ โรงเรียนน่ะ นี่มันกี่โมงแล้ว"
ผมว่ามัน แต่มันดูไม่เดือดร้อนอะไรเลย
"โอ๊ย ไปสายหน่อยก็ได้ เพิ่งเปิดเทอม อาจารย์เขาไม่ว่าหรอก มาเค้าหอมแก้มหน่อย"
มันไม่พูดแค่ปากมันทำทันที
"นี่ ฉันจะแต่งตัว เร็วๆรีบไปสายแล้ว"
"แหม คนเขาจะขอกำลังใจจากแฟนนี่ สายนิดสายหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า อ่า ชื่นใจ"
ผมเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของมัน แล้วเอามือดันมันไว้ ผมต้องถลึงตาใส่มันถึงยอมหยุด
"เค้ายังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ หิว"
"ก็ตื่นสายเอง ป่านนี้แม่ไปโรงเรียนแล้ว ไปดูเองในครัวว่ามีอะไรเหลือให้กิน"
"ไปกินด้วยกันดิ นะนะ เค้าอยากกินข้าวกับตัวเอง"
"แล้วนี่จะไม่ไปเหรอโรงเรียนน่ะ นี่มันกี่โมงแล้ว คุณ"
"ไม่สนอ่ะ จะกินข้าวกับแฟน"
"อย่ามาท่ามาก ตอนเย็นค่อยกลับมากิน ไปได้แล้ว จะแต่งตัว"
ผมดุมันแล้วดันหลังมันให้ออกจากห้องอย่างยากเย็น
"เออ ตัวเอง วันนี้เค้ากลับค่ำๆ น้า เพราะต้องซ้อมบาส แต่เดี๋ยวจะรีบกลับ พักเที่ยงเดี๋ยวเค้าโทรหา"
มันโผล่หน้ามายิ้ม ผมดันหน้ามันออกแล้วปิดประตู รำคาญมันแต่เช้า ผมแต่งตัวอยู่สักพักก็ลงมาในครัว มันออกจากบ้านไปแล้วผมเิดินเข้าไปดูในครัว ไม่มีร่องรอยของการใช้ครัว แต่เห็นหม้อข้าวต้มหมู แม่คงทำไว้ ผมตักมาครึ่งทัพพี แค่นั้นก็กินไม่หมด กินยาที่ไอ้ตัวดีซื้อมาให้ แล้วนั่งรอพลกับจ๋า เสียงออดหน้าบ้านดัง ผมรีบเดินออกไป จ๋า นั่นเอง มันยังอยู่ในชุดที่ไม่น่าจะออกจากบ้านมาได้ เสื้อยืดใส่นอนกับกางเกงขาสั้น มันใส่แว่นดำอันโต ใส่แว่นดำตั้งแต่เช้าเนี่ยนะ พอจ๋าเห็นหน้าผม มันโผเข้ามากอดทันที มันสะอื้นไ้ห้ จนผมตกใจ
"แก แกเป็นอะไร"
ผมปลอบ ไม่รู้จะทำยังไงดี ลำพังตัวเองก็เอาเสียจนล้มหมอนนอนเสื่อ มาเจอเพื่อนเป็นแบบนี้อีกรู้สึกมึนทึบไปหมด
"แก ฉันจะทำยังไงดี ป๊ารู้ฉันตายแน่ๆ"
"อะไรแก ใจเย็นๆ มีอะไร"
จ๋า มันยังฟูมฟาย ผมลากมันมานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน มันยังคงร้องไห้ ผมเริ่มใจแป้ว มันยังคงไม่ปริปาก ผมเองก็ไม่ถามรอให้มันร้องไห้ให้พอก่อน
"ฉันท้อง แก"
"หา"
ผมร้องเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"ฉันจะทำยังไงดีโย มันพลาด ฉันจะทำยังไงดี"
ผมเหมือนโดนถีบลงเหวลึก เวลาตกจากที่สูงจิตใจก็คงหวิวอย่างนี้ เรามองไม่เห็นพื้นล่าง แต่รู้ว่ามันลึกหนาวเย็นเหลือเกิน ข้างล่างจะหล่นลงไปกระทบกับอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่ามันหวิวใจจะขาด
"ใครรู้บ้าง"
ผมเปล่งเสียงถามออกไปอย่างยากลำบาก
"พี่ป้อม"
จ๋ายังคงร้องไห้ มองหน้าผม ผมทั้งสงสารทั้งเห็นใจ แต่อีกใจก็นึกตำหนิมัน เรียนก็สูงไม่รู้จักป้องกัน ทำตัวดีมาตลอดแล้วทำไมมาพลาด
"แล้วเค้าว่ายังไง"
"พี่ป้อมบอกให้ปล่อย เดี๋ยวพอฉันรับปริญญาเสร็จ เขาจะให้ผู้ใหญ่มาขอ"
"แล้วแกว่าไง"
ผมยิงคำถามต่อไม่ให้มันมีช่องว่าง เสียงผมเครียดกว่าทุกครั้ง
"ฉันไม่รู้ ถ้าป๊ารู้ ป๊าฆ่าฉันแน่ๆ แกก็รู้ ฉันอยากเอาออก"
"บ้าเหรอ คนนะแก คนทั้งคน แกจะฆ่าเขาเหรอ"
"ฉันก็ไม่อยากทำ แต่ ฉันไม่รู้แก ฉันคิดไม่ออก"
"กี่เดือนแล้ว"
"สองเดือนแล้ว"
"สองเดือน"
ผมอุทานเพราะไม่คิดว่า ท้องสองเดือนจะแสดงอาการอะไรออกมาได้
"อืม ก็วันนั้นฉันทะลึ่งไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาเล่นๆ กะจะแกล้งพี่ป้อมเล่น ไม่คิดว่ามันจะจริง"
"สมใจไหมล่ะ"
ผมเหน็บมัน
"แก อย่าว่าฉันเลย ฉันคิดไม่ออกจริงๆ แกว่าฉันควรเอาไว้ หรือปล่อยดี"
"อย่าเพิ่งตีโพยตีพายเลยแก แกยังไม่ได้ไปหาหมอนี่ ไม่แน่หรอก ไอ้เครื่องตรวงเองของแกมันอาจจะไม่จริง"
ผมพยายามให้กำลังใจมัน
"ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันไม่อยากคิดเลย"
"ทำไมแกปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ล่ะ จ๋า แกไว้ใจเขามากขนาดนั้นเลยหรือ"
ผม มองหน้ามัน ไม่เข้าใจว่าเพื่อนที่ผมเคยรู้จัก ที่เคยเข้มแข็งเป็นขุมพลังให้กันและกันมาตลอดจะยอมปล่อยตัวขนาดนี้ เราปรึกษากันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องบนเตียง มันยังเคยเล่าว่าเวลามีอะไรกัน มันจะบังคับให้ผู้ชายใส่ถุงยางตลอดถึงสองชั้น แล้วนี่อะไร
"ฉันขอโทษแก ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ฉันแค่รู้สึกว่ารักพี่ป้อม กว่าใคร"
" พอแกรักกว่าใครต้องยอมปล่อยตัวขนาดนี้เลยเหรอ เอาเถอะ อย่ามาพูดเรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้วเลย มาคิดกันดีกว่าว่าวันพรุ่งนี้แกจะทำยังไงถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ"
ผม รู้สึกเครียด คิดอะไรไม่ออก ไม่อยากด่าว่ามันมาก เพราะไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะพล่ามพรรณายกเอาเรื่องเมื่อวานมาด่าว่าตัวเอง แต่ตอนนั้นกลับไม่คิดเผื่อว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนผมที่ปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นมาไกลถึงขนาดนี้ คิดย้อนไปเรื่องของตัวเองผมยิ่งเครียด เศร้าใจ ยิ่งมาได้ยินเรื่องของจ๋า มันเหมือนโยนหินสองก้อนหนักๆเข้ามาให้ผมแบกพร้อมกัน ผมปวดหัว เครียด ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากทำอะไร แต่ถ้าปล่อยไว้ ผมเองนั่น่ะที่จะทุกข์ใจ หรือไม่ก็ตรอมใจตายไปเอง