ตอนต่อ ภาษา ค่อนข้างแรง นะครับ ยังไงช่วยกัน วิจารณ์ด้วย
ขอบคุณทุกกำลัง ใจ
ตอน สิบเอ็ด ค้าบบบบบบ
เรากอดคอกันเดินข้ามแยกมาฝั่งสีลม พอข้ามฝั่งมา โลกก็เหมือนเปลี่ยนไปอีกโลก เป็นโลกที่รังสรรค์ไว้เพื่อชาวเรา แม้แต่ของขายที่อยู่ต้นซอย ก็เหมือนจะเตรียมไว้สำหรับเรา ผู้คนขวักไขว่ไปมาแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม พลพาเราเลี้ยวเข้าซอยสอง ที่จริงไม่น่าจะเรียกว่าซอย น่าจะเรียกว่าตรอกมากกว่า เพราะเป็นซอยที่ตัน จากปากทางเข้าท้ายซอย ไม่ถึงห้าสิบเมตร หน้าซอยมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ก่อนเข้าซอยมีพนักงานตรวจบัตรประชาชน กายบอกก่อนตอนที่กำลังข้ามแยกแล้ว ผู้คนที่มีเที่ยวที่นี่ ต่างหน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น แต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอม ต่างกลิ่นเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ตลบอบอวล
จ๋าเองที่ดูเป็นคนแปลกแยก เพราะ น้อยนักที่ผมจะมองเห็นผู้หญิง กายดันหลังผมให้เดินตามพล โดยมีกบกุมมือจ๋าตามมา เสียงเพลงกระหึ่ม ไม่รู้เสียงไหนเป็นมาจากร้านใด เพราะร้านที่รายเรียงกัน ต่างเปิดเพลงแข่งกัน คนที่ยืนออกันอยู่ตรงทางเดินเยอะจนจะเดินไม่ได้ ร้านที่เราเข้าอยู่ท้ายซอยสุดทางขวามือ ก่อนเข้าร้านมีพนักงานตรวจบัตรประชาชนอีกด่านหนึ่ง ที่จริงต้องเสียค่าเข้าด้วย แต่พลกับกาย มีเหล้าเปิดไว้จึงไม่ต้องเสียค่าเข้า อีกทั้งดูเหมือนเป็นสมาชิกพิเศษ เพราะพนักงานหน้าร้านยกมือไหว้มันสองคน เข้าไปในร้าน คนแน่นจนเดินไม่ได้ ต้องกุมมือกันตลอด เพราะถ้ามือหลุดจากกัน คงหลงกันเป็นแน่ เสียงเพลงดังกว่าร้านเดิมที่เราเพิ่งออกมา แนวเพลงก็เป็นแนวที่เปิดตามวิทยุ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่เอามาทำดนตรีให้เข้ากับจังหวะการเต้น พลคุยกับพนักงาน แล้วก็เดินฝ่าคนเข้าไปเกือบจะกลางฟอร์ ที่มีรั้วคล้ายบาร์ แต่ใช้เป็นที่ยืนเต้นของหนุ่มๆ ที่เปลื้องท่อนบน เผยให้เห็นมัดกล้าม ตรงด้านหน้ามีเวทีใหญ่ คนที่เต้นอยู่ข้างบนก็เปลือยส่วนบน รูปร่างดีๆกันทั้งนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจกับผู้ไม่เคยพบเห็น
"ต๊ายแก เปิด Tamia ด้วย"
จ๋าตะโกน เพราะเพลงที่เขากำลังเปิด เป็นเพลงที่มันชอบ ผมเองก็ชอบ แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่เคยได้ยิน
"There's a stranger in my house
It took a while to figure out
There's no way you could be who you say you are
You gotta be someone else
Cuz he wouldn't touch me like that
And he wouldn't treat me like you do
He would adore me, he wouldn't ignore me
So I'm convinced there's a stranger in my house "
จ๋า ร้องตามเสียงดัง แต่เสียงเพลงที่ดังกว่าก็กลบเสียงมันจนแทบจะไม่ได้ยิน พอเด็กเอาเหล้ามาให้ เราก็ดื่มกันอีก ผมรู้สึกเมา กว่าเดิม ผมกับจ๋าโดนตีวงล้อมจากทั้งสาม เพราะคงไม่เคยมา อีกทั้งคนก็แน่นจนเกินไป ผู้คนทั้งเดิน ทั้งเบียดกันไปมา ความจริงเต้นแทบจะยังเต้นไม่ได้ แต่คนก็ดูเหมือนยิ่งอัดกันเข้ามา
"ชอม มั้ยแก"
พลตะโกนถาม
"นี่ ถ้าชอบเดี๋ยวพามาอีกแก"
ผมพยักหน้าแล้วกอดคอมันเต้น เราดูมีความสุขมาก นานๆได้เที่ยวกับเพื่อนๆ แทบลืมเรื่องต่างๆไปหมด ให้เพลงนำพาอารมณ์ไป ความจริงไม่ได้ชอบสถานที่ที่คนเยอะแย่งกันเที่ยวแบบนี้ แต่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นวันที่ผมไม่ควรจะคิดเรื่องอะไรอีก นอกจากสนุกกับเพื่อนๆ
ผมเห็นพลพยักเพยิดให้กายดูอะไรข้างหน้ามัน แล้วสีหน้ามันก็ดูกร้าวขึ้นมาทันที ผมจะหันไปมองด้วย แต่กายก็จับตัว หันกลับไปทางหน้าเวที พลางส่ายหน้า ว่าไม่มีอะไรให้ต้องดู
แต่ผมชักสงสัย
"แก ผู้ชายถอดกางเกง"
ผม ตะโกนบอกมัน ได้ผล เพราะมันต่างมองไปที่เวทีทันที ผมได้โอกาศจึงหันไปทางที่มันบุ้ยปาก ผู้คนที่แน่นเกินจะมองออกว่าใครเป็นใคร ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันมองอะไรกัน ยิ่งคนเบียดเสียดกันเข้ามาอีก
แต่ คนที่คุ้นหน้าเหลือเกิน เหมือนเป็นคนที่เพิ่งจะมีเรื่องกันไปเมื่อวันก่อน กำลังกอดจูบ นัวเนียอยู่กับผู้ชายอีกคน อย่างไม่แยแสสายตาใคร ไอ้นัท นั่นเอง ดูมันกำลังดูดดื่ม กับสิ่งที่มันทำอยู่ กายรู้ตัวว่าโดนผมหลอกเข้าแล้ว
"เฮ้ยแก หันกลับมา"
มัน พยายามจะจับตัวผมเบี่ยงหันกลับไปทางเดิม แต่ ช้าไปแล้ว ผมยืนนิ่งมองไปข้างหน้า อีกคนที่ผมคุ้นกว่าไอ้นัท ผมจำได้แม้คนจะเยอะมากเพียงใด แม้คนจะแน่นที่ทำให้เราอยู่ห่างกันแค่เพียงสามก้าว แต่มันเหมือนห่างไกลออกไปหลายโยชน์ คนที่ผมคุ้นเคยดี
"พี่ตั้ม"
ผม พูดออกจากคอ ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวผมเอง ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาป รู้สึกใจหล่นหายลอยไปไกล ตัวสั่น หน้าร้อนชาเหมือนมีคนกดหัวผมลงน้ำแข็งให้แช่อยู่อย่างนั้น พลเข้ามาช่วยจับผมหันกลับ แต่ผมก็ฝืนแรงเพื่อน ทั้งจ๋ากับกบเห็นแล้ว
"ไอ้เชี่ย สาด ไม่รู้จักพอ"
จ๋า กรี๊ด พลางโผเข้าไปหาเขา หวังจะตบ แต่กายดันตัวเอาไว้ก่อน ผมเห็นสีหน้าเขาตกใจ แต่ไอ้นัท ยิ้มอย่างสะใจ มันยังกอดเขานัวเนียอยู่ เขาเหมือนกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไร
"อีกบ พามันออกไป"
เสียง กายสั่ง พลันผมก็โดนกบฉุดออกมาทันที คนที่เยอะแน่นเบียดเสียดกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะฝ่าออกมาได้ ต่างคนต่างเมา ยิ่งคนนั้นดันเข้า คนนี้ก็ยิ่งดันออก ผมไม่รู้ว่าออกมายืนอยู่นอกร้านได้ยังไง ผมหายเมาไปเลย กลับรู้สึกหวั่น หวิว ในใจ ก้าวขาแทบไม่ออก มันรู้สึกหนัก มันหนักที่ไหน ที่ใจผมเอง พอออกมายืนนอกร้าน กบก็ฉุดมือผมออกไปยืนหน้าซอย รอเพื่อนที่กำลังตามออกมา
"โยๆ ฟังพี่ก่อน"
เสียงที่คุ้นเคย พูดกึ่งตะโกน เพราะข้างนอกเสียงเพลงไม่ดัง อีกทั้งคนที่ออกันอยู่ก็ไม่น้อย เขาคงอาย
"หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ไอ้เชี่ย มึงไม่ต้องเข้ามาใกล้มันเลย ไอ้สาด คนไม่รู้จักพอ"
กบชี้หน้าด่า ผมใจหายไปแล้ว รู้ว่าสั่น หน้าชา รู้สึกอายขึ้นมา ตอนนี้ เบ้าตาเริ่มร้อน ผมกำลังจะร้องไห้
"พาฉันกลับบ้าน กบ"
ผมพูดเสียงสั่น มันลากมือผมเดินไปทางที่เรามา กบกอดบ่าผมไว้ เสียงจ๋าตวาด ไล่หลังมา พอเราข้ามฝั่งไปยืนอยู่ฝั่งโรงพยาบาลจุฬาฯแล้ว
"โย ฟังพี่อธิบายก่อน"
เขายังตามมา พร้อมกับ ไอ้นัท และ สมุนทั้งสามของมัน ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก
"ไอ้สาด ไหนมึงสัญญาแล้วมึงจะไม่ทำแบบนี้อีก ไอ้เชี่ย"
จ๋าโผเข้าไปตบหน้าเขาดังฉาด พลต้องฉุดตัวเอาไว้ จ๋าร้องไห้ออกมา ไอ้นัทเองก็ทำท่าจะโผเข้าตบ จ๋า แต่พล ชี้หน้ากันเอาไว้
"มึงเข้ามา อีนัท ถ้ามึงอยากตาย อีสาด"
"อีเชี่ย มึงมาตบพี่เขาทำไม"
"มึงนั่นล่ะเชี่ย แค่นี้มันยังโดนน้อยไป อีห่า ไม่มีปัญญาหาผัว รึไง ถึงมาแย่งของชาวบ้าน"
กายสวนกลับบ้าง
"กูไม่ได้แย่ง ก็ผู้ชายเขาไม่เอามันเอง ช่วยไม่ได้"
มันทำสีหน้า ยียวนเหมือนคนที่กำลังมีชัย "เขาไม่เอามันเอง" มันย้ำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมา
"เดี๋ยวกูไปเอารถ ฝากด้วยนะกาย"
พลบอกมองมาทางผมอย่างห่วงใย แล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
"แหม อีสาด พูดออกมาได้ มึงแร่ด น่ะสิ"
กบชี้หน้าด่า เสียงดังกว่าใคร
"ไอ้สันดาน มึงทำแบบนี้ได้ยังไง"
จ๋ายังคงสบถ พร้อมกับสะอื้น มันเสียใจ ผมรู้ เพราะ วันที่เราจะคบกัน จ๋าเป็นคนขอเขาเรื่องเที่ยว กับเจ้าชู้
"อีงูพิษ อีสาด มึงเก่งแต่แย่งของชาวบ้านเขาใช่ไหม ไม่มีปัญญาหาเอง"
กบดันผมให้ไปข้างหลังแล้วมัน ก็ออกมายืนหน้ากระดาน บังผมเอาไว้
"พี่อยากคุยกับโยนะ เราไม่เกี่ยว"
"ไม่เกี่ยวห่าอะไร มึงยังมีอะไรจะคุย"
กายตวาด
"อ้าว อีเชี่ย มันหนักหัวพ่อมึงเหรอ มึงถึงมาเสือก"
ไอ้นัทด่า สิ้นคำด่า มันก็โดน เท้าของกายยัดเข้าไปที่กลางอก มันเซล้มลง กลิ้งอยู่กับพื้น
"นี่ไง พ่อมึง อีสาด มึงจำไว้นะ อีนัท ถ้ามึงเห่าอีกคำเดียว กูเอาตีนลูบปากมึงแน่ๆ"
สมุนทั้งสามของมัน ทั้งพี่ตั้ม ไม่มีใครช่วยมัน มีแต่เสียงร้องกรี๊ดๆ
"ผู้ชายเขาไม่เอามันแล้ว แล้วกูผิดเหรอ"
นัทยังด่ากราด ทั้งที่ตัวเอง ล้มอยู่
"พอเถอะแก กลับบ้าน"
ผมดึงเสื้อกบ เพราะรู้สึกเริ่มอายขึ้นมา ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างมองดู
"โย โยอย่าเข้าใจผิดนะ"
"พอเถอะพี่ตั้ม พอแล้ว"
ผมพูดทั้งน้ำตา ไม่ได้อยากคุยกับเขา แต่ก็พุดออกไป เสียงของเขาตอนนี้เหมือนผสมยาพิษ ผมไม่อยากได้ยินเลย
"ก็มันไม่ได้เรื่อง พี่เขาถึงเบื่อมัน พี่เขาบอกว่ามันเซกส์ก็ไม่ได้เรื่อง เหมือนมีอะไรกับขอนไม้ เขามาหาชั้นมันก็ไม่แปลกหรอก"
นัท กรี๊ด พูดเย้ยหยันในที ผมรู้สึกเหมือนมันไม่ได้ด่าหรือพูด แต่มันกำลังเอาเท้า ตบหน้าผมอยู่ เรื่องของผมกับเขา เรื่องบนเตียง เรื่องที่รู้แค่เรา แต่ นี่ เขาบอกมัน
"มึงอยากได้ มึงก็เอาไปเถอะนัท กูให้ทาน"
"แหม อีสาดให้ทาน คนไม่เอาไหนอย่างมึงน่ะ"
"หุบปากนะอีเชี่ย"
กาย ยกเท้าขึ้นอีก ก่อนที่มันจะพูดต่อ ผมต้องดึงไว้มันถึงหยุด พอดีกับที่พลบีบแตร กบรีบลากผมไป มันเปิดประตูรถแล้วยัดผมเข้าไปนั่ง มันตามเข้าไปแล้วปิดประตู จ๋าถูกกายยัดเข้าไปเบาะหน้าข้างพล
"แกไปรอที่บ้านมันนะ เดี๋ยวตามไป"
กายบอกแล้วปิดประตู พลออกรถทันที ผมยังคงร้องไห้อยู่ จ๋าก็เหมือนกัน
"แกรู้อยู่แล้ว ใช่ไหม พล"
ผมเขย่าเบาะคนขับ
"แกรู้อยู่แล้ว ทำไมแกไม่บอก ทำไมแกไม่พูด"
ผมร้องไห้เสียงดัง รู้สึกโกรธมันขึ้นมา
"ฉันก็รู้แก"
กบสารภาพเสียงอ่อย ผมมองหน้ามันทันที กบก้มหน้า
"ทำไมพล ทำไมแกไม่บอกมัน แกยังเห็นมันเป็นเพื่อนอยู่ไหม"
จ๋าตะคอกใส่พล
"ถ้าเป็นแก แกจะพูดมั้ย ใครจะอยากเห็นเพื่อนเสียใจ"
พลขึ้นเสียง ร้องไห้ออกมา
"ใช่ แกก็รู้ว่าพวกเราไม่ชอบมันอยู่แล้ว ถ้าพูดไป แกจะเชื่อมั้ย"
กบเอาบ้าง มันก็จริงของมัน เจอแบบนี้ล่ะสะใจดี เห็นกับตา หลักฐานมัดดิ้นไม่หลุดแบบนี้
"ฉันรู้ว่าแกเสียใจ โย ฉันเองก็เสียใจ"
พลพูดทั้งน้ำตา
"ไอ้เชี่ยนั่นมันเลว มันไม่รู้จักพอ"
กบเสริม
"แล้วแก รู้เรื่องเมื่อไหร่"
ผมถาม ด้วยเสียงสะอื้น
"ก็สามวันก่อน มาเที่ยวที่นี่ล่ะ เห็นแล้ว คุยกันอยู่ว่าจะบอกดีหรือเปล่า แต่แกก็มาเจอเอง"
ผม นั่งนิ่ง มันไม่ได้จะปิดผมหรอก มันคงกลัวผมเสียใจ ผมสะอื้นอยู่ รู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปในอก ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะเสียใจน้อยกว่านี้ แต่นี่เป็น ไอ้นัท คนที่เคยว่าแม่ เสียงโทรศัพท์ ดัง กบรีบแย่งเอาไปดู
"ให้ฉันด่าให้ไหมแก"
ผมนิ่ง แล้วส่ายหน้าขอโทรศัพท์คืน
"ครับ พี่ตั้ม"
ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วบังคับให้เสียงไม่สั่นเครือ เรียกสติกลับมาให้ได้มากที่สุด
"โย พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ทำไปเพราะเมา"
เขาพยามแก้ตัว
"พอเถอะครับ พี่ตั้ม"
"พี่ทำไปเพราะเราไม่มีเวลาให้พี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังกับเขานะ โย โยอย่าเข้าใจผิด พี่รักโยคนเดียวนะ"
ผมกลืนน้ำลายลงคอ อย่างยากเย็น เหมือนคนมาหว่านทรายอยู่เต็มคอ
" พี่ตั้ม ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้เรื่องในเรื่องอย่างว่า แต่ กรุณาอย่าติดต่อผมอีก ผมขออณุญาติลบเบอร์ เราไม่เคยรู้จักกัน เจอกันที่ไหนก็ไม่ต้องทัก ของที่พี่ให้ รบกวนไปรับคืนที่วัดใต้ นะครับ ผมจะเอาไปทำทาน ให้สัมพเวสี"
ผมเน้นประโยคสุดท้ายแล้วกดสายทิ้ง ปิดเครื่องไปเสีย รู้ว่าพูดกับเขาแรงไป แต่ ตอนนี้เขาไม่ควรจะพูดอะไร เพราะมันยิ่งทำให้ผมเกลียดเขามากกว่าเดิม เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าคนที่เขาโดนเขี่ยทิ้ง มันเจ็บเหลือเกิน เสียดแทงเข้าไปในใจ แม่เคยสอนเสมอว่าให้อภัย ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน ครับ ผมให้อภัยแล้ว อโหสิ ให้ทุกอย่าง ปล่อยให้เขาไปตามทางที่เขาชอบเถอะ
"ต๊าย แอบแรงนะยะ คำฮิตเลยนะเนี่ย จะได้จำเอาไปใช้กับผู้ชายบ้าง"
กบ พูดออกมา ผมอดอมยิ้มไม่ได้ น่าแปลก ทั้งที่เจ็บ ร้องไห้อยู่ แต่พอเห็นท่าทางของมัน ผมกลับรู้สึกอยากหัวเราะ ออกมา เราหัวเราะออกมาเพราะท่าทางของกบ ผมเองก็หัวเราะ แต่เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ ยิ่งหัวเราะ เหมือนยิ่งกรีดหัวใจตัวเอง ในความสว่าง ผมกลับหลับตา ดำดิ่งเข้าสู่ก้นเหว รู้สึกเศร้า จน แทบจะทนไม่ไหว
จบตอนนี้ ขอเวลา ทำใจเศร้า รื้อฟื้นตอนที่โดนทิ้งหน่อยนะครับ เดี๋ยวมาต่อ เป็นกำลังใจให้ด้วย น้าาา