ตอนที่ 35

“ เมฆ ระหว่างเรา ยังมีเรื่องที่กูไม่รู้อีกมั้ย หึ๊” เสียงซาตาน กระชากวิญญาณครั้งที่หนึ่ง ทำเอาสะดุ้งตกใจ
“ หืมม ว่าไง มีอะไรปิดบังกูอยู่รึเปล่า” หูยย แยะแยะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่มึงอยากรู้หรอกเชื่อองค์อิศวรสิ ผมคิดในใจ ตอบอะไรไม่ได้ ตอนนี้ผวาอยู่....ตัวสั่นด้วย
“พี่เมฆรู้จักไอ้ฆาตกรคนนั้นด้วยเหรอครับ” สะดุ้งตกใจครั้งที่สอง จากน้องข้างบ้านไอ้ไม้ เห็นเงียบๆที่ไหนได้ ร้ายไม่เบานะเนี่ย
“เออ มึงไปรู้จักบักห่านั่นตอนไหนวะ ทำไมมึงทั่วถึงขนาดนี้” สะดุ้งตกใจอีกที ไอ้ห่านที แมร่ง มาช้าที่สุด รู้เรื่องหลังสุด แต่เสนอหน้า แขวะกูก่อนใครเลยนะมึง แล้วข่าวว่ามึงคนใต้ บักห่า เค้าใช้กันที่อีสานไม่ใช่เรอะ
“ เฮ้ย หรือว่า ที่ไอ้เหี้ยนั่นบอกกระทืบคนผิด จริงๆแล้ว คือมันต้องการจะกระทืบไอ้เมฆ กูว่าใช่แน่ๆอ่ะ เมฆ มึงยิ่งเสร่อๆ อยู่ด้วย คงไปขัดหูขัดตามันอ่ะ “ เหยดดดดเป็ด ไอ้ไผ่ กูตกใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วมึงรู้มั้ย สงสารกูกันบ้างเถอะครับฟาย
คำตอบที่พวกมันทุกคนได้รับจากผมคือ
“ส่ายหน้า” ใช่ครับ ผมทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้กวนตีน แต่อย่างใด แต่ผมยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ ยิ่งแรงกดดันรอบข้างทั้งหลาย โดยเฉพาะ สายตาที่ไอ้ฉานมองมาด้วยแล้ว หนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจเลยครับ ..... ตาย คราวนี้กูต้องอวตารใหม่แน่ๆ
“ อ้าว เฮ้ยยย ไอ้ห่าเมฆ มึงมัวแต่ส่ายหน้า แล้วกูจะรู้คำตอบมั้ยหา” ไอ้หวาน มันโพล่งขึ้นมา แน่นอนครับ สะดุ้งตกใจอีกแล้วผม วินาทีนี้ ขวัญอ่อนถี่ยิบ .....กูแมนนะกูแมน ขวัญขนาดนี้ สาวแตกเท่านั้น ท่องไว้ พี่เมฆแมนนนน...
“เมฆ กูว่าเรากลับไปคุยกันหน่อยมั้ย หืม “ คราวนี้ ผมไม่ได้ส่ายหน้าแล้วครับ แต่ผมเปลี่ยนเป็น
“มองหน้า” คนถามแทน ไอ้ฉานรอคำตอบด้วยสายตาแบบไหนคงไม่ต้องบอก มันมีอะไรที่เจ็บกว่า สายตา ที่มันมองผมครับ เพราะตอนนี้ มันขยับเข้ามาประชิดตัวผม มือมันจับแขนผมไว้ข้างนึง สิ่งที่ทำให้ผมร้องซี๊ดจนต้องนิ่วหน้าคือ แรงที่มือไอ้ฉานกดลงบนแขนผมสิครับ มันเจ็บจนบอกไม่ถูก ..... กูน้ำตาไหลตอนนี้ เพื่อนล้อยันลูกบวชแน่มึง...
มันโกรธ มันรอคำตอบ แล้วมันก็หงุดหงิด ที่ผมไม่มีคำตอบอะไรให้มัน....เพราะผมกำลังรวบรวมความกล้า และเรียบเรียงคำตอบอยู่....เหมือนเตรียมตัวสอบ ออรัลเทส...แต่มันแย่กว่านั้นตรงที่หน้าอาจารย์กับหน้าไอ้ฉาน ให้ความรู้สึกกดดันต่างกันมาก
“ เฮ้ยๆ พวกมึงจะรุมอะไรไอ้เมฆมันมากมาย เป็นกู กูก็ไม่มีคำตอบให้ แมร่ง รัวถามกันมาขนาดนี้ กูไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี แล้วเมื่อกี้ ถ้าพวกมึงสังเกตุ ตอนไอ้เมฆเห็นหน้าไอ้เชี่ยนั่น มันก็หน้าซีดตัวสั่นแล้วมั้ย “ เสียงสวรรค์จากไอ้หน่าครับ ผมแทบถลาไปกอดมันไว้ ครั้งนี้มันช่วยชีวิตผมไว้จริงๆ
“เออ กูว่ามึงใจเย็นก่อนเหอะหวะฉาน พวกเรายังต้องร่วมกันจัดการอะไรอีกเยอะ จะมาตีกันตอนนี้ทำไมวะ เมฆมึงก็เคลียร์กับผัวมึงซะนะ มึงก็รู้ว่า ไม่มีอะไรมากวนใจไอ้ฉานเท่าเรื่องมึงอีกแล้ว ถ้ามันไม่สบายใจ เรื่องที่เราจะทำอาจพลาดได้นะมึง “ ไอ้หวาน กูก็อยากถลาไปซบหน้ากับอกมึงอยู่หรอกนะ ถ้าประโยคท้ายๆ ไม่ส่งกูไปตายหนะ
ผมมองหน้าไอ้ฉานแล้วก็ต้องหลบวูบ มันจ้องผมอยู่ตลอดเวลา แล้วเหมือนกับว่า มันรอคอยคำตอบอยู่...
“กูไม่ได้รู้จักกับไอ้เหียกนั่นหรอก คืนนั้นที่ร้านอ่ะ มันอยู่ร้านเดียวกับเรา แล้วตอนกูไปเข้าห้องน้ำ มันก็มาขอบุหรี่กะไฟแชคกู ก็แค่นั้น “ ผมเล่าความจริง (ที่ไม่หมด) ให้พวกมันฟังครับ
“แค่นั้น” น้ำเสียงไอ้คนซัก เหมือนมันยังไม่ปักใจเชื่อว่าวันนั้น จะมีเรื่องระหว่างผมกับไอ้บ้าอาทนั่น แค่นั้น
สำหรับผมแล้ว ไอ้ฉาน ก็ยังเป็นไอ้ฉานอยู่วันยังค่ำ คนที่รู้จักตัวผมดียิ่งกว่าผมเอง.....
แต่เรื่องนี้ เป็นตายยังไง ผมก็ต้องปิดบัง ไม่ใช่ว่าเรื่องเสียจูบคืนนั้น ผมเต็มใจ แต่ที่ไม่อยากให้ไอ้ฉานรู้ เพราะแค่เรื่องไอ้ไม้ ไอ้ฉานมันยังโกรธแค้นขนาดนั้น ถ้ามันรู้ว่า นอกจากมันจะกระทืบไอ้ไม้แล้ว มันยังกระชากจูบรสชาติแย่ไปจากผมอีก
มีหวังไอ้ที่มันพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อาละวาดจนโรงพยาบาลพัง จะแตกกระเจิงก็คราวนี้
ถ้าไอ้ฉานผลีผลาม วู่วามทำอะไรลงไป ด้วยอารมณ์ มันคงต้องแย่แน่ๆ เท่าที่ผมเห็น ไอ้บ้าอาทมันมีพ่อที่ป้องปีกช่วยเหลือลูกชั่วแบบผิดๆอยู่ แล้วก็ดูว่าฝ่ายนั้นมีอิทธิพลไม่น้อย เค้าถือไพ่เหนือกว่าเราเยอะ แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะส่งแมงเม่าไปเข้ากองไฟหละ
“แค่นั้นจริงๆ ถ้ามากกว่านั้น มันคงเรียกชื่อกู แทนมาโบโล่ไลท์ อย่างที่พวกมึงได้ยินกันไปแล้ว”
“แล้วมึงไปกวนตีนอะไรมันรึเปล่า “ ไอ้หวานยังซักต่อ แค่นี้กูก็หงอแล้วนะเว้ย
“ ปล่าว กูจะไปกวนตีนมันทำไม ไม่ได้รู้จักกัน กูไม่โง่ทำแบบนั้นหรอก” ผมยืนยัน
“ มันก็ไม่แน่ มึงยิ่งโก๊ะๆ อยู่” อ้าวไอ้หน่า เมื่อกี้หมาตัวไหน มันยังเข้าข้างกูอยู่เลยวะ
“ใช่คนที่น้องฟางกับน้องกราฟเถียงกันป่าววะ...ที่ว่ามองมาทางโต๊ะเราตลอดอ่ะ..” โห เพื่อนยอน กูว่าให้มันจบเห๊อะ
“ที่สุดท้ายกลายเป็นว่า มันมองไอ้เมฆอะเหรอ...” ดิว มีดปอกผลไม้อ่ะ มึงเอามาเสียบกูเลยนะ เอาตรงๆ ตัดขั้วหัวใจ ให้กูตายไปเลย ไม่ต้องทรมาน แค่นี้ก็สุดๆแล้ว
“จริงเหรอเมฆ ไอ้เหี้ยนั่นมองมึงเหรอคืนนั้น ทำไมกูไม่รู้ ทำไมไม่มีใครบอกกู มันมองมึงแบบไหน” ไอ้ฉานมันโวยวายเลยสิครับ สายตามันหนะ แข็งกร้าวราวกับหมาบ้า...ผมหวาดผวาตัวสั่น กลัวมันมากเลยนะ เวลามันโกรธหนะ..ช้างที่ชนะสงครามยุทธหัตถี ยังเอาไอ้ฉานไม่อยู่เลยนะผมว่า.....
“ว่าไงเมฆ หรือต้องให้กู เดินไปเอาคำตอบจากไอ้เหี้ยนั่นเอง...” ไอ้ฉานรุกคืบผมเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็ถอยร่นเรื่อยๆเหมือนกัน
“ กูไม่รู้ มึงอย่ากดดันกูได้มั้ยฉาน มันมองกูรึเปล่ายังไม่รู้เลย ไม่ใช่กูจะบิดบังอะไรนะ แต่กูไม่รู้จริงๆ” ผมเค้นคำตอบได้แค่นี้ อยู่ที่มันแล้วหละ ว่าจะตัดสินผมยังไง ผมมันเป็นบริวารของไอ้ดวงตะวันอยู่แล้วนี่
“อะๆ กูว่าเรื่องนี้พอได้แล้ว มันจะมองใครก็ช่างแม่งมันจะตั้งใจกระทืบ หรือกระทืบผิดคน หรือห่าเหวอะไรกูไม่สนใจ ที่กูอยากรู้คือ เราจะเอาไงต่อ ฉานกูขอร้อง ตอนนี้พวกมึงอย่าตีกันเลยหวะ มึงแค้นมัน กูเอาคืนมันรวบยอดไปเลยแล้วกัน ”
ไอ้ดิวรีบตัดบทก่อนที่พวกผมจะตีกันหนักกว่านี้....กูขอบใจมึงจริงๆหวะดิว ผมเหลืบมองไอ้ฉาน เห็นมันสงบลงบ้างแล้วนิดหน่อย มันนั่งลงที่โซฟาเหมือนเดิมแล้ว...แต่สีหน้าและท่าทางที่มันเอามือเสยผมแรงๆนั้น ทำให้ผมไม่ได้สบายใจขึ้นเลย
“ผมเอาด้วยนะครับพี่ๆ มีอะไรให้ช่วยบอกผมมาเลย อาป๊าผมซ่อนปืนไว้ตรงไหน ผมรู้” โห ไอ้น้องข้างบ้านไอ้ไม้ นี่มันได้ใจพวกผมอย่างแรง
“อย่าเลย เด็กอยู่ พวกที่จัดการกันเองดีกว่า แต่ว่าต้องวางแผนเล่นงานมันดีๆ เอาให้เจ็บจนจุก “ ไอ้หวานทิ้งท้ายได้น่าขนลุกมาก
“แล้วเราอ่ะ เย็นมากแล้วไม่กลับบ้านรึไง เดี๊ยวที่บ้านเป็นห่วง” ไอ้ไผ่น้องชายปริศนาข้างบ้านไอ้ไม้ครับ ดูน้องมันเป็นห่วงไอ้ไม้มากมาย แต่ผมจำได้ว่าไอ้ไม้ไม่เคยพูดถึงนะ เอ๊ะ!! หรือว่ามันมีอะไรปิดบังพวกผมอยู่
“โอ้ย ผมเป็นผู้ชายนะพี่ ไม่ต้องมีใครมาเป็นห่วงหรอก คืนนี้ผมก็ว่าจะนอนเฝ้าพี่ไม้ นี่ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย”
“เซี้ยวนะเราอ่ะ จะนอนเฝ้าทั้งชุดทหาร ทั้งคอมแบท อย่างงี้อะเหรอ” ไอ้หน่ามันไม่ได้ถามอย่างเดียวนะครับ มันนิ่วหน้าอยด้วย ไอ้หน่าไม่เคยเก็บอาการเล้ยยยย
“หูยยย ชุดนี้นะ หนักแล้วก็อึดอัดจะตาย ใครจะใส่นอนได้พี่ ผมมีชุดเตรียมไว้ในเป้ ผมตะลอนนอนบ้านเพื่อนบ่อยอยู่แล้ว มีติดเป้ไว้ตลอดแหละ” น้องปลื้มบรรยายซะไอ้หน่าไปไม่ถูกเลยครับ
“ร้ายนะเราเนี่ย ตอนแรกเห็นเงียบๆ เรียบร้อย ไม่คิดว่าจะซ่าขนาดนี้ จริงๆแล้วคืนนี้มีพี่ๆเค้านอนเฝ้าพี่ไม้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราอยากนอนด้วย พี่จะไปเอาถุงนอนในรถมาให้ จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับไอ้หมีควายพวกนี้ “ ผมเสนอด้วยความใจดี รู้สึกถูกชะตาในความสดใสของเด็กข้างบ้านคนนี้ของไอ้ไม้อยู่ไม่น้อย
“ขอบคุณครับพี่เมฆ รักกับพี่ฉานไปนานๆนะครับ” เอ้าไอ้นี่ ชมอยู่แหมบๆ ลามปามแล้วมั้ยหละ ผมอยากเอานิ้วดีดปากแดงๆที่ พล่ามออกมาตอนนี้ชะมัด
“รู้เยอะนะเราอะไร รู้อะไรแค่ไหนเนี่ย” ผมซักไอ้เด็กกะล่อนนี่ต่อ
“ก็รู้เท่าที่พี่ไม้รู้แหละมั้ง ไม่แน่ใจ ไว้พี่ถามพี่ไม้แล้วกัน แต่เห็นที่พี่ฉานซักพี่เมื่อกี้แล้ว ผมก็เข้าใจ ว่าพี่ไม้เล่าไม่เกินไปจริงๆ”
โห ไอ้ไม้ มึงฟื้นขึ้นมาตอนไหนนะ กูจะกระทืบให้สลบต่อเลยมึง เอาเรื่องเพื่อนไปขาย
“ยังไงวะที่ว่าไอ้ไม้เล่าไม่เกินไปหนะ” ไม่ใช่เสียงพี่เมฆนะครับ เป็นเสียงไอ้ฉานต่างหากหละ
“ก็ตรงที่ว่า พี่ฉานขี้หึง ขี้หวง ขี้ห่วง พี่เมฆมาก ทั้งๆที่พี่เมฆก็ธรรมดาจะตาย แต่พี่ไม้มันพูดผิดอยู่เรื่องนึงนะครับ ที่ว่าพี่เมฆธรรมดา ผมว่าพี่เมฆอ่ะ หล่อแล้วก็น่ารักมากกกเลยนะครับ พอมาเจอตัวจริงเลยไม่แปลกใจ” ไอ้ฉานไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากที่น้องปลื้มตอบคำถามจบ นอกจากยักคิ้วกวนตีนผม......ยักคิ้วใส่กูทำไม กริ้วกูอยู่ไม่ใช่เหรอ เป็นไงหละมึง น้องบอกว่ากูหล่อมากเชียวนะ ผมยักคิ้วยียวนกวนตีนมันกลับ....ไม่ใช่ไม่กลัวมันนะครับ แต่เพื่อนอยู่กันเยอะ ไอ้ฉานไม่กล้าทำอะไรผมหรอก...แต่กลับห้องผมต้องอยู่ในสภาพไหน อย่าไปคิดต่อนะครับ...อนาคตยังมาไม่ถึง...T_T
“เฮ้อ ถ้าน้องรู้จักมันไปนานๆ น้องก็จะรู้ว่า ไอ้เมฆมันมีดีที่หล่ออย่างเดียวแหละครับ” อ้าวไอ้แกละ มึงพูดแบบนี้ มึงด่าลูกพี่มึงว่าตาต่ำเลยดีกว่า
“แกละๆ พอๆ ชักเยอะแระ เมียกู กูวิจารณ์ได้คนเดียว เข้าใจ๋” ไอ้ฉานมันเดินไปจิ้มหน้าผากไอ้แกละแค่เบาๆนะครับ แต่ไอ้แกละมันโอเวอร์แอคเอาใจลูกพี่ หงายหลังหัวแทบคะมำ สมน้ำหน้า.....!!!! ก่อนที่ไอ้ฉาน จะเดินมาโอบไหล่ผม ตกใจเบี่ยงตัวหนีสิครับ มีน้องข้างบ้านไอ้ไม้ยืนมองพวกผมตาแป๋วอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้วยขนาดนั้น ถ้ามันเล่นพิเรนท์หอมแก้มโชว์น้องข้างบ้านไอ้ไม้นะ ผมนี่แหละจะกระทืบไอ้ฉานโชว์
“เอากุญแจรถมา กูจะไปเอาถุงนอนให้น้อง” ผมศอกพุงแน่นๆของมันไปทีนึง หมั่นไส้
“มึงปล่อยเมียให้ไปผจญโลกภายนอกได้แล้วเหรอวะฉาน ระวังเทศบาลเก็บผิดไปนะมึง” ไอ้หน่ากับไอ้แกละมันแตะมือกันทันทีที่แขวะไอ้ฉานจบครับ ลูกสมุนไอ้ฉานแปรพักต์กันเห็นๆ
“เออ ไปได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้วนี่ ซื้ออะไรมากินด้วยก็ดีนะเมฆ กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะเว้ยที่รัก” ไอ้ฉานมันยังไม่วายหันมากวนตีนสั่งนู่นวั่งนี่กับผม
“ไม่ลงไปกินเป็นเรื่องเป็นราวเลยวะ ซื้อมานี่กูไม่ต้องเหมา เซเว่นมาเลยเหรอวะ พวกมึงอยู่กันตั้งกี่ชีวิต” ผมโวยครับ อยู่กันเยอะขนาดนี้ ซื้อมาให้ทุกคนนี่แขนพี่เมฆหย่อนถึงพื้นแน่ๆ
“เฮ้ย เดียวไอ้ไม้ตื่นมาไม่เจอใคร กูว่าสั่งพิซซ่า หรือสั่งอะไรง่ายๆมากินก็ได้มั้ง เค้าให้มาส่งในโรงบาลมั้ยหละ” ไอ้ยอนออกความเห็นที่ดูจะเป็นประโยชน์ขึ้นมา
“งั้นก็ตามนั้นนะ สั่งเผื่อกูด้วย เดี๊ยวกูมา”
ระหว่างทางไปที่จอดรถผมเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมคิดตามคำพูดไอ้ไผ่ ว่าจริงๆแล้ว ไอ้สารเลวอาทอะไรนั่น มันจ้องจะกระทืบผม แต่พลาดท่าไปโดนไอ้ไม้ ที่วันนั้นผมกล้าขัดขืนเรื่องที่มันวิปริตมากระชากจูบจากผมไปแล้วผมไม่ให้มันดีๆ มันเลยแค้นใจ แต่จะว่าไปมันก็รู้จักหน้าผมแล้วนี่ เป็นไปได้ยังไงที่มันจะกระทืบผิดคน ผมเดินออกจากลิฟท์ เลี้ยวไปที่จอดรถ กำลังคิดอะไรเพลินๆ
“จะไปไหน รู้มั้ย ว่ารอตั้งนาน” มีมือปริศนา มาดึงแทนผมจากทางข้างหลัง
แต่แค่ได้ยินเสียงผมก็รู้แล้วว่าใคร ผมสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการจับกุมของไอ้อาทได้ในที่สุด
ผมลูบแขนตรงรอยที่มันจับ แสดงออกให้รู้ว่ารังเกียจสัมผัสนั้นจนเข้าใกล้ขยะแขยง
“อะไร แค่นี้รังเกียจเหรอ จูบก็รังเกียจ นี่จับมือเฉยๆก็รังเกียจเหรอ รู้มั้ยว่ารอนายอยู่ตั้งนาน” กูไม่ได้รังเกียจ แต่กูขยะแขยง
“รอกูทำไม กูคงไม่มีอะไรให้มึงต้องรอหรอกมั้ง หรือเกิดสำนึกว่าอยากกราบตีนเพื่อนกูขึ้นมา เอามั้ยหละ กูจะพาไป”
“ไม่เอาสิ พูดกับอาทเพราะๆหน่อย อุตส่าห์มายืนเมื่อยขารอ อยากเห็นหน้า แล้วมาเจอตัดเยื่อใยแบบนี้เหรอ” มันแกล้งทำสายตาละห้อยพูดกับผมทอดเสียงอ่อย แต่ผมไม่หลงกลมันหรอกครับ
“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย กูไปแล้วนะ รีบ” ผมหาทางปลีกตัวออกมาจากคนตรงหน้า ไปจากที่นี่เร็วที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี
“เดี๋ยวสิ” ไอ้เชี่ยอาท จับแขนผมเอาไว้ (อีกแล้วนะมึง) ผมมองหน้ามัน ไม่พอใจ
“ปล่อย” ผมกัดฟันพูด เริ่มจะอดทนต่อไปไม่ไหว
“ถ้าเรื่องเพื่อนนาย อาทขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นายยกโทษให้อาทได้มั้ย” มันปล่อยมือผม พร้อมกับอ้อนวอนขอความเห็นใจกันง่ายๆ
“เห็นทีว่ากูจะให้มึงไม่ได้หรอกวะ เพื่อนกูปางตายขนาดนั้น มึงบอกว่าไม่ตั้งใจ ถ้าตั้งใจ เพื่อนกูไม่ตายไปแล้วเหรอ”
“แล้วอาทต้องทำยังไง นายถึงจะพูดด้วยดีๆ เหมือนที่นายพูดกับเพื่อนนายคนนั้น”
“เพื่อนคนไหน กูพูดดีกับเพื่อนทุกคน ที่พูดไม่ดีด้วยอ่ะมีแต่คนที่กูเกลียดมากๆเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องต้องทำยังไง กูไม่รู้หรอก คนที่ให้คำตอบมึงได้ คือเพื่อนกูที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง แต่ทางที่ดี มึงกะกูต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ”
จะว่าผมตัดเยื่อใย ผมก็ยอมรับนะครับ แต่คนใจดำขนาดนี้ มาเป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักผมไม่ได้หรอกครับ
“อาทพูดดีๆกะนายแล้วนะ อย่าบีบบังคับให้ต้องใช้ความรุนแรงได้มั้ย มันจะพินาศกันทุกฝ่ายนะ”
“มึงพูดเรื่องอะไรของมึง กูไม่เข้าใจ “ ผมสงสัย แล้วผมก็ต้องได้คำตอบ
ขู่อะไรมา อย่าคิดว่าคนอย่างพี่เมฆจะกลัว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็เหมาะกันดีแล้ว
ยังไม่ทันที่ไอ้บ้ากวนประสาทนั่นมันจะตอบคำถามอะไรให้ผมหายสงสัยมันก็ต้องปลีกตัวไปรับโทรศัพท์ที่ฟังจากเสียงเรียกเข้าแล้ว คนโทรมาต้องเป็นผู้หญิงในฮาเร็มของมันแน่ๆ ผมเลิกสนใจจะอยากรู้คำตอบ สำหรับผมแล้ว ยังไงก็ได้ ผมเดินไปเอาของท้ายรถ ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ก็ต้องชะงักมือไว้แค่นั้น
“ครับ ครับ อันดาพี่อาทรับช้าที่ไหนครับ นี่พอโทรศัพท์ดัง พี่อาทก็รีบรับเลยนะ ดีใจแค่ไหนรู้มั้ย ที่ ที่รักโทรมาอ่ะ คิดถึงอันดาจะตายอยู่แล้ว”
เอ๊ะ เสียงรับโทรศัพท์ ของไอ้บ้านั่นที่ผมได้ยินแว่วๆ ว่าผู้หญิงที่โทรมา ชื่ออันดา
โลกคงไม่กลมไปกว่านี้แล้วใช่มั้ย...คนชื่ออันดาคงไม่ได้มีคนเดียวในประเทศไทยแน่
หวังว่า พระเจ้าคงไม่เล่นตลก ทำร้ายชีวิตผมมากไปกว่านี้แล้วนะครับ
พระเจ้าครับ ผมขอร้อง!!!!!!
------> กลุ้มใจคนอ่านรู้ทันไปหม๊ดดดดดด.....

------>พี่ยู แม่ยกเมฆ-ฉาน หายไปนานกลับมาแล้ว ปรบมือต้อนรับ

------>ส่วนคนกันเองที่แอด FB มา ตอนแรกคิดว่าเป็นหนุ่มน้อยวัยใส หัวใจหลั่นหลั่นล้า ที่ไหนได้ กลายเป็น หนุ่มใหญ่วัยใกล้ฝั่งเสียนี่....หน้าแตกเรียกน้องไปแล้ว แว๊กกกก!!!! สุดแสนอับอาย

------> นี่รีบปั่นตอนตอไปมือสั่นเลยนะ เดี๋ยว anterosz จุดธูปเรียกมากไป ไฟจะไหม้เล้า...แอดมินเอาระเบิดมาปาบ้านคนเขียนแน่ๆ
๐ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนเดิมนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ตามกันมาตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนนี้
ขอบคุณค่ะ...... 
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนด้วยนะค่ะ ๐.....
๐ใครที่มองไม่เห็นชื่อตัวเอง ในป้ายขอบคุณดิ้นได้ ยกมือลงชื่อไว้นะ....จะได้แอดใหม่ให้ค่ะ คนเขียนจะเก็บแฟนคลับเมฆฉานไว้เป็นที่ละลึก๐ 

=====================

งานเข้าพี่เมฆชุดใหญ่เลย น้องสาวคนงาม อยาก

ช่างหาเรื่องดีแท้ คบใครไม่คบ
อย่าบอกนะว่างานนี้ พี่เมฆจะปิดพี่ฉานแล้วยอมใอ้เชี้ยนิ

คนแต่งไม่ชอบฉากแบบนี้