
ตอนที่ 40

รถไอ้ไผ่จอดเทียบหน้าบ้านที่ผมคุ้นเคยมาทั้งชีวิต พอดีกับที่ไอ้หวานขับรถไอ้ฉานมาจอดต่อท้าย ผมกับไอ้ฉานร่ำลา ขอบใจกับความช่วยเหลือของเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะแยกตัวเข้าไปด้านใน
“เมฆ มึงพาอันดาไปพักผ่อนนะ เดี๋ยวกูเข้าบ้านไปหาพ่อกับแม่ก่อน แล้วกูจะไปหา แล้วเจอกันนะครับอันดา”
ไอ้ฉานเดินแยกตัวเข้าบ้านมันไปแล้ว หน้าบ้านมีเพียงผมกับอันดา ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมเลือกที่จะเดินนำน้องเข้าไปในบ้าน
แต่แล้ว.......ส่วนลึกสุดของจิตใจสั่งให้ผมต้องหยุดตัวเองแบบกระทันหัน จนคนที่เดินตามมา ใบหน้าชนเข้าจังๆกับแผ่นหลังผม
“ อันดา เลิกกับไอ้อาทซะ พี่ขอร้อง “ แววตาที่มองกลับมาหาผมไหวระริก จนผมเองรู้สึกวูบโหวงในใจ น้ำตาที่ค่อยๆเอ่อล้นออกมาเริ่มรินไหลเหมือนทำนบเขื่อนที่โดนกดดันมานานจนถึงวันที่ต้องแตก ผมรู้ว่าน้องผิดหวังและเสียใจ การถูกสั่งให้ลาจากคนที่รัก ปวดร้าวแค่ไหน ผมรับรู้มันได้จากสีหน้าอันดาในตอนนี้
ถ้าวันนึงผมต้องถูกสั่งห้ามให้เลิกรักไอ้ฉาน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะร้าวรานได้ขนาดนี้มั้ย “ก่อนที่พี่เมฆจะให้อันดาทำอะไร บอกเหตุผลมาได้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “ น้ำเสียงสั่นเครือร้องถาม ผมรู้ว่ามันดูจะใจร้ายที่ผมสั่งอันดาให้ทำอะไรแบบไร้เหตุผล แต่สาเหตุที่ผมไม่ได้บอกไปนั่นเพราะว่า ผมกลัว กลัวว่าน้องจะรับความจริงไม่ได้
รักครั้งแรก เหมือนดอกไม้ ความรักของอันดาเหมือนดอกกุหลาบ อันดาเจอแต่กลิ่นหอมหวานและสีสันสวยงามของกุหลาบ แต่ทว่าวันไหนที่อันดาพลาดพลั้งไปโดนหนามแหลมคมของมันขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าน้องจะทนได้มั้ย
เพราะถ้าผมเอง ต้องเจอกับความเจ็บปวดจากความรัก แค่คิดว่าจะต้องพบเจอ ผมเองยังทนไม่ได้“ถ้าพี่เมฆให้คำตอบอันดาไม่ได้ พี่เมฆก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามให้อันดาเลิกกับพี่อาท “ ผมชะงัก กึก กับเสียงเฉียบขาดที่ออกมาจากปากของอันดา ตาคมบอกถึงความดื้อดึงจนผมเองยังรู้สึกได้ถึงความมั่นคงในน้ำเสียงนั้นชัดเจนทุกคำพูด
ถึงเราจะต่างพ่อกัน แต่สายเลือดของแม่ที่เรามีร่วมกัน ทำให้รู้ว่า สิ่งที่ผมกับอันดามีเหมือนกันคือความมั่นคงในจิตใจ
หากเราทุ่มใจรักใครสักคนไปแล้ว......เหตุผลของการจากลา คงไม่ได้เกิดจากการขอร้องของใครสักคนแน่ๆ
เราจะไม่มีวันเดินออกมาจากชีวิตของคนที่รัก หากเขาไม่เดินออกไปด้วยตัวเอง
นับตั้งแต่นี้ต่อไป พี่ชายที่เคยแสนดีคนนี้ อาจจะเป็นพี่ที่ชั่วช้าที่สุดในสายตาน้องก็เป็นได้“มันไม่ใช่คนดี แล้วก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับอันดาเลยสักนิด เชื่อพี่เถอะนะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีไปกว่านี้ได้ ผมตาขาวเกินไปใช่ไหม
เพียงเพราะผมไม่กล้า กับอีแค่บอกน้องไปว่า คนที่น้องรัก มันชั่วช้าเกินกว่าที่จะได้รับความรักบริสุทธิ์ไป
แค่นี้......ก็แค่พูดความจริงออกไปแค่นี้
คนขี้ขลาดอย่างผม ทำไม่ได้ ผมพูดมันออกไปไม่ได้.......มึงจะปากหนักเอาโล่ห์ให้ได้เลยใช่มั้ยเมฆ
“แล้วพี่อาทไม่ดียังไงค่ะ ถ้าพี่เมฆไม่บอก อันดาก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่มีวันที่จะยอมรับได้ เพราะตลอดเวลาพี่อาทดีกับอันดา ดีมากจนอันดานึกภาพไม่ออกว่า ไม่ดีมันเป็นยังไง ถึงแม้ที่ผ่านไปวันนี้ อันดาก็ไม่เห็นว่าพี่อาทจะทำอะไร นอกจากจะโดนเพื่อนพี่เมฆไม่ต้อนรับแล้ว ยังโดนพี่ฉานทำร้ายไปอีก แล้วแบบนี้พี่เมฆจะให้อันดาเลิกกับพี่อาทได้ยังไงค่ะ” ผมจำภาพที่อันดาเดินจากไปด้วยน้ำตานองหน้าได้ดี ความผิดหวังฉายชัดแม้สองหน่วยตาจะโดนม่านน้ำตาบดบัง
สุดท้ายแล้ว ผมก็เป็นพี่ที่ไม่ดีของน้องจนได้นะ.....
ผมมันแย่ ทำให้น้องต้องร้องไห้
เสียงอันดาทักทายแม่นิ่มลอยเข้ามากระทบโสตประสาทให้ผมต้องเรียกสติตัวเองกลับมา
สาเหตุที่ร้องไห้ อันดาบอกแม่นิ่มว่า เพราะฝุ่นผงพัดเข้าตา
แม่นิ่มผ่านมากี่ร้อนหนาวแล้ว
ทำไมจะไม่รู้ว่า
ไม่มีใครเค้าสะอื้นฮัก ร้องไห้จนตัวโยน เพียงเพราะฝุ่นผงเข้าตากันหรอกนะ
สายตาคาดคั้นความจริงโดนส่งมาที่ผม จนหลบแทบไม่ทัน
ในความโชคร้ายของอิศวรองค์นี้ยังพอมีความโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง!!!
แม่นิ่มไปขลุกอยู่บ้านไอ้ฉาน เพราะร่วมมือกับน้าพิมพ์ทำกับข้าวต้อนรับสมาชิกใหม่
คงเจอกับไอ้ฉานแล้ว ถึงได้มาตามอันดาไปทักทายน้าพิมพ์....... คงจะทำอะไรไว้อวดลูกสาวคนใหม่
ถึงได้พยักเพยิด เร่งรีบลากกันออกไปบ้านนู้นซะขนาดนั้น
แม่นิ่มจูงมืออันดา.........แต่สายตาคาดโทษผมไว้แล้วว่า งานนี้ถ้าไม่เคลียร์
มึงได้ตำแหน่งลูกชั่ว มาครองได้อีกตำแหน่งนึงแน่ๆเมฆ
ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าเกิดเป็นผม ไม่ง่ายเลยจริงๆผมควานหาเบอร์โทรศัพท์ของไอ้อาทจากทุกช่องทางที่ทำได้
เวลาเพียงไม่นาน เบอร์โทรศัพท์ไอ้นรกนั่นก็มาอยู่ในมือผมจนได้
หนทางที่ได้มา ไม่ได้ยากเย็นบุกน้ำลุยไฟที่ไหน ทำให้รู้ว่า ไอ้อาท ก็เป็นที่รู้จักไม่น้อยเหมือนกัน
เรียกว่าดังเลยก็คงจะได้ แต่ดังในเรื่องไหน นี่ผมก็ไม่รู้ และไม่ได้อยากจะรู้.....
ผมมองตัวเลข 10 หลักในมือจนท่องได้ครบทุกตัว
สูดหายใจลึก ก่อนกดโทรออกไปยังปลายสาย
เสียงริงโทนเพลงฮิปพ็อพ ที่ผมไม่เคยชอบฟัง ดังแหวกโสตประสาทรูหูจนผมต้องนิ่วหน้าหนี
ดีหน่อยที่ริงโทนสั่นประสาทยังไม่วนกลับมาให้ผมต้องปวดกบาลดังขึ้นอีกรอบ
“สวัสดีครับ” เสียงตอบรับดูสุภาพจนผมต้องเงียบไปชั่วอึดใจ นี่มึงคงไม่ได้เบอร์มาผิดคนหรอกนะเมฆ
“เมฆ โทรมาทำไมไม่พูดละครับ “ ผมอึ้ง มันรู้ได้ยังไง ว่าเป็นผมที่โทรไปหา
สาบานได้ว่า ระหว่างผมกับไอ้นรกนั่น เราพึ่งติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรก“ทำไมมึงมีเบอร์กู” ไม่ใช่คนที่ต้องได้รับมารยาทจากผม เสียงทักทายถึงได้ป่าเถื่อนสมความแมนแบบนี้แหละ
“เบอร์เมฆ ก็ไม่ได้หายากอะไรนี่ เหมือนที่เมฆตามหาเบอร์อาทอยู่แค่ไม่กี่นาทีนั่นแหละ” น้ำเสียงปลายสายดูอารมณ์ดีจนผมหงุดหงิดใจ
“เอองั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เลิกกับอันดาซะ เข้าใจมั้ย น้องกูยังเด็ก ยังไม่ควรมีแฟนตอนนี้”
“น้องนายยังเด็กเหรอ แล้วถ้าเด็กที่มีสามีแล้วยังเรียกว่าเด็กอยู่อีกมั้ย” กรามผมบดกันแน่นจนคิดว่าเสียงฟันที่มันกระทบกันคงดังให้อีกฝ่ายได้ยิน มือผมกำเข้าหากันแน่น เจ็บที่จิกลงบนฝ่ามือให้ความรู้สึกเจ็บจนชา
ไอ้อาทพูดแบบนี้ หมายความว่า มันกับอันดาลึกซึ้งเกินกว่าจะเรียกว่าปั๊บปี้เลิฟอย่างนั้นเหรอ
“มึงหมายความว่าไง” ผมข่มอารมณ์ให้อยู่ในระดับปกติที่สุด แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวที่ตั้งใจส่งไปก็ยังสั่นไหว
“หึ หึ นายรู้ดีเมฆ ว่าเราหมายถึงอะไร นายจะให้เราเลิกกับอันดาถ้านายขอร้อง เราทำให้ได้ แต่น้องนายจะเลิกกับเราเหรอ”
“ยังไง” ผมรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีรวน แต่ที่ผมอยากรู้คือมันต้องการจะบอกอะไรผมต่างหาก
“อาทไม่ได้ทำผิดอะไร อยู่ๆจะให้อาทไปบอกเลิกอันดา มันจะไม่ดูแปลกๆไปเหรอ ถ้าวันนึงคนที่ทำดีมาตลอดเดินไปบอกแฟนตัวเองว่า เราเลิกกันเถอะ แล้วน้องนายจะรับได้เหรอ” ไอ้อาทมันพล่ามมาอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า มันรู้ดีว่าอันดามีสติและมีเหตุผลพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ......
“ที่อันดาเห็นว่ามึงดี เพราะน้องกูยังไม่เห็นสันดานที่แท้จริงมึงมากกว่า เลิกใส่หน้ากาก หลอกน้องกูสักที อย่าคิดว่าไม่รู้นะ ว่ามึงไม่ได้มีน้องกูแค่คนเดียว” ผมเริ่มจะเหลืออด เริ่มจะทนไม่ไหว อีกฝ่ายดูจะไม่สะเทือนที่ผมสั่งให้มันเลิกยุ่งกับน้องผม
เหมือนกับว่าน้องผม
“ไม่ได้มีความสำคัญอะไร” ให้มันต้องใส่ใจขนาดนั้น
ไม่มีคนรักที่ไหนเค้าจะเฉยชากับการถูกสั่งห้ามไอ้คบกันได้เหมือนไอ้เดรัจฉานนี่แน่ๆ ไม่มีใครบังคับตัวเองให้โต้ตอบเหมือนพูดคุยกันตามปกติได้ ถ้ารู้ว่ากำลังจะเสียคนรักไปตลอดกาล
แล้วตอนที่ผมขอร้องอันดาหละ แววตาปวดร้าว เสียงสะอื้นร้องไห้ กับคำพูดที่พร่ำร้องขอเหตุผลที่ให้น้องต้องแยกออกมาจากคนรัก มันบอกชัดว่า น้องผมรักมันขนาดไหน แล้วผลตอบแทนจากคนที่น้องผมรัก จากที่ผมยื่นคำขาดคำเดียวกันมันคุ้มกันไหม.......ใครก็ได้ตอบผมที...ว่าที่ผมทำอยู่นี้มันถูกต้องแล้วใช่ไหม ที่ผมแยกเค้าสองคนออกจากกัน ผมทำถูกแล้วใช่ไหม ผมคิดว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว สำหรับการเป็นพี่ชายที่ต้องการจะปกป้องน้องสาวคนนึง
“เรื่องนั้นมันก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ เราอยู่ไกลกัน แล้วอาทก็ขาดความรักไม่ได้ คนที่ไม่เคยขาดคนรัก ไม่เคยเหงา อยู่ๆต้องมาเจอสภาพนั้น ถ้าเมฆเป็นอาท เมฆก็ต้องหาใคร มาทดแทนส่วนที่หายไปใช่มั้ย” น้ำเสียงยียวนส่งมาให้ระดับปรอทในการควบคุมสติของผมเข้าใกล้ขีดแดงเข้าไปทุกที
“ไม่มีทาง กูไม่คิดอะไรที่เห็นแก่ตัวแบบมึงแน่ๆ มันไม่ใช่เพราะความไกล แต่มันเป็นเพราะมึงไม่เคยพอต่างหาก อย่าโทษความห่างไกลความเหงาห่าเหวอะไรเลย กูฟังแล้วชวนคลื่นไส้” ผมเป็นคนตรงไหตรงมา รับไม่ได้กับคำพูดที่ฟังแล้วดูดีของอีกฝ่าย
“นั่นสินะ ในเมื่ออาทเป็นคนที่ไม่เคยพอ แล้วทำไมอาทต้องเลิกกับอันดาหละ ในเมื่ออันดา ยังน่ารักเสมอในสายตาอาท ถ้าอาทคิดจะทิ้งของมีค่าสักชิ้นไป อาทก็ต้องได้ของที่คุ้มค่าเสมอกันมาทดแทน เมฆว่าจริงมั้ย “
“มึงอย่าอ้อมค้อม มีงว่ามาเลยว่าต้องการอะไรแลกเปลี่ยนกับการออกไปจากชีวิตน้องกู”
“อะไรดีนะ อะไรที่มีค่าไม่แพ้การมีอันดาอยู่ข้างๆกันนะ ถ้าเลิกกับอันดา ก็จะไม่มีเสียงใสๆมาคอยไต่ถามด้วยความห่วงใย ไม่มีใครออดอ้อนเอาใจ แล้วก็ไม่มีใคร.......(มันเงียบไป)......ให้รัก ถ้าไม่มีอันดาแล้ว อาทก็ต้องเศร้าต้องเสียใจ แล้วอันดาเองก็คงจะเสียใจ ถึงตอนนั้นเมฆจะทำยังไง แล้วอาทจะทำยังไง”
“เรื่องน้องกู มึงไม่ต้องแส่ น้องกู กูดูแลเองได้ ส่วนเรื่องของมึง ผู้หญิงหาได้มากมาย คนที่พร้อมจะรองรับความต้องการมึงแบบไม่คิดจะผูกมัดก็มีมาให้เลือกแทบจะกินไม่ไหว มันก็ไม่น่าจะมีอะไรให้มึงต้องมานั่งเศร้าเสียใจไม่ใช่เหรอ หรือมึงจะบอกกูว่า มึงไม่อยากเลิกกับอันดา เพราะว่ามึง”รัก” หละ ถ้ามึงเป็นลูกผู้ชายมึงกล้าพูดกับกูมั้ยว่ามึงรักอันดา รักแบบคนรักไม่ใช่ รักแต่ปาก.....มึงกล้ามั้ย”
บางทีนะบางที ถ้ามันรักน้องผมจริงๆ รักด้วยความปราถนาดี แล้วถ้ามันกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ผมนี่แหละจะสนับสนุนให้ทั้งสองคนรักกันเอง
“นั่นสินะ กับอันดานี่อาทจะเรียกว่ามันคือรัก ได้มั้ยน๊า แต่เราก็เคยร่วมด้วยช่วยกัน “รัก” มาก็หลายครั้งแล้วนะ ไม่รู้สิ อาทไม่รับปากว่าจำทำตามที่เมฆขอได้มั้ย ในเมื่ออันดาทั้งน่ารักทั้งแสนดีแบบนี้ “
“มึงอย่าโยกโย้ได้มั้ย ในเมื่อมึงไม่ได้รักอันดา มึงมีใครอีกตั้งมากมาย กูถามครั้งสุดท้าย มึงต้องการอะไรกับการออกไปจากชีวิตน้องกู” ผมโพล่งทะลุคำพร่าม ที่ถ้าปล่อยให้มันพูดต่อไป ปรอทความอดทนผมคงระเบิดแน่ๆ
พี่เมฆมีความอดทนนะครับ......แต่น้อย!!! ขึ้นอยู่กับความเกรียนของปัจจัยเร้า
“คนปลอบใจ อาทต้องการคนปลอบใจ “ ไอ้อาทโต้ตอบกลับมารวดเร็วพอกัน
“งั้นสำหรับมึงคงหาได้ไม่ยากเท่าไหร่ จริงมั้ย คนที่อยากจะปลอบใจมึงมีเยอะแยกมากมาย พรุ่งนี้กูจะพาอันดาไปสมัครเรียน ถ้าเป็นไปได้ มึงช่วยบังเอิญพาเด็กในสังกัดมึง คนไหนก็ได้สักคน มาด้วย มันจะได้ง่ายกับการตัดใจของอันดา กุพูดแบบนี้หวังว่ามึงจะเข้าใจ” ผมตัดบทพร้อมวางแผนให้เสร็จสรรพ ผมไม่ได้จัดฉาก ผมรู้ว่าไอ้อาทมีคนอื่นนอกจากอันดา แล้วคิดว่าคงจะมีเยอะกว่า ผู้หญิงที่ไอ้ไม้เห็นมันควงมาในคืนเกิดเรื่องด้วย ผมเชื่อว่า วันนึงเรื่องเลวทรามพวกนี้ของไอ้อาทก็ต้องเฉลยออกมา ผมก็แค่เร่งวันเวลาให้มันเกิดเร็วขึ้นเท่านั้นเอง ผมยอมเป็นพี่ที่ใจร้าย ทนเห็นน้องเจ็บตอนนี้
ดีกว่าทนเห็นน้องต้องเจ็บไปตลอดชีวิต“เดี๋ยวสิเมฆ อย่าลืมสิ อาทบอกแล้วว่า สำหรับอาทอันดาคือของมีค่า เพราะฉะนั้น คนปลอบใจ ก็ต้องเป็นคนที่มีค่าเท่าเทียมกันอันดา ไม่ใช่ใครก็ได้ เมฆเข้าใจใช่มั้ย”
“แล้วยังไง มึงก็หาของมึงไปสิ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา มึงมีเวลาทั้งชีวิต มึงก็หาไปสิ” ผมแนะนำออกไปอย่างรำคาญเต็มที ไอ้เหี้ย เล่นลิ้นอยู่ได้
“ไม่ต้องหาหรอก อาทเจอคนที่มีค่าเท่าเทียมอันดาแล้ว เมฆอยากรู้มั้ยว่าใคร”
“ไม่อยากรู้ แต่ก็ยินดีด้วย ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่นะ เรื่องพรุ่งนี้ตกลงตามนั้น มีอะไรสงสัยอีกมั้ย”
“ถึงเมฆไม่อยากรู้ เมฆก็ต้องรู้ เพราะคนนั้นที่อาทพูดถึง
“คือเมฆ” ถ้าอยากให้อาทเลิกกับอันดา เมฆต้องคอยปลอบใจอาทนะ ถ้าไม่ใช่เมฆ อาทก็เลิกกับอันดาไม่ได้หรอก มันสิ้นคิดเกินไป....คนโง่เท่านั้นที่ทำได้”
“มึง มึงบ้าไปแล้วเหรอ กูให้มึงเลิกกับอันดา เพราะว่าครอบครัวกูต้องไม่การยุ่งเกี่ยวกับมึง แล้วมึงคิดออกมาได้ยังไงว่าจะให้กูอยู่ปลอบใจมึง” มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ มันต้องโรคจิต มันต้องไม่ปกติ ไม่มีคนปกติที่ไหนเค้าคิดแบบนี้ได้หรอก
“งั้นเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ ทำไงดีหละ ตอนอันดามาเรียนเมฆก็คงจะมารับส่งทุกวันไม่ได้สินะ งั้นอาทก็ต้องทำหน้าที่แฟนที่ดีใช่มะ ไม่เจอกับอันดามาก็นานเหมือนกันนะ เป็นเดือน เจอกันคราวนี้ ความรักของเราจะร้อนแรงแค่ไหนน๊า (มันเน้นคำว่าร้อนแรง) แล้ววันนี้จริงๆอาทอารมณ์ไม่ดี รู้มั้ยว่าเพราะอะไร เพราะมีไอ้สัตว์ตัวนึงมันมาต่อยปากอาท(มือผมกำโทรศัพท์แน่น มันมีสิทธิ์อะไรถึงเรียกไอ้ฉานแบบนั้น ) สองหมัดเลยนะรู้มั้ย เกิดมาป๊าอาทยังไม่เคยทำอาทเจ็บขนาดนี้มาก่อน ป๊าโกรธมากเลย อาทได้ยินป๊าบอกว่า จะทำให้มันเป็นบุคคลสาบสูญแบบที่ไม่มีใครสงสัย เค้าเป็นเพื่อนสนิทเมฆนี่ใช่มั้ย นี่อาทเห็นเมฆโทรมา เลยอารมณ์ดี เลยจะห้ามป๊าให้ เห็นแก่เมฆหรอกนะ แต่ตอนนี้ อาทเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้วหละ อาทก็บ่นไปแบบนั้นแหละ เมฆอย่าใส่ใจเลยนะ”
ริมฝีปากผมบดเข้าหากันรุนแรงจนเลือดไหลซิบ หมัดที่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ตอนนี้โดนปล่อยออกไปกระแทกผนังระบายความอัดอั้นที่ระเบิดออกมาเกินที่จะกลั้นต่อไปไหว ความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาตามเส้นเลือด ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บที่บีบอัดอยู่ในใจ
“ไอ้สัตว์นรกนั่น” มันถือไพ่เหนือกว่าพูดจาบีบบังคับผม มันเอาคนที่ผมรัก มาต่อรองถึงสองคน คนนึงคือน้องร่วมสายเลือด อีกคนหนึ่งคือแสงสว่างในชีวิตผม ความมืดมิดที่เข้ามาบดบังความสุขสดใสของเด็กชายคนนึง ตอนอายุห้าขวบ ตอนที่ผู้ให้กำเนิดแท้ๆของผมทั้งสองคนไม่มีใครสามารถดูแลผมได้ เด็กบ้านแตกที่ถูกพรากความร่าเริงสดใส ในวัยที่ควรจะต้องได้รับความรักความเอาใจใส่อย่างที่สุด ต้องมาเจอกับความหม่นหมองอย่างที่เด็กคนนึงไม่ควรจะได้รับ ถ้าไม่นับแม่นิ่มแล้ว
แสงสว่างที่นำพาความสดใส เหมือนกับที่ท้องฟ้าที่ทำให้รู้ว่ามีก้อนเมฆลอยอยู่เพราะมีแสงสว่างของพระอาทิตย์ฉันใด
ชีวิตผมมีความหมายและสว่างสดใสอยู่ได้ เพราะดวงตะวันของผมเองเช่นกันเด็กคนเดียวที่อ่อนแอและได้รับการปกป้องมาทั้งชีวิต เมื่อวันนึง มีน้องให้ตัวเองรู้สึกต้องปกป้องดูแล มันทำให้ชีวิตที่คิดว่าไร้ค่า มีความหมายขึ้นมามากมาย จากที่คิดว่าไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ความสุขที่เกิดจากก้อนเนื้อหัวใจบีบอัดจนเจ็บซี่โครงหน้าอกนั้นบอกได้ชัด การมีแม่ทั้งสอง มีน้อง และมีไอ้ฉาน ความสุขที่หมุนรอบตัวผม แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
แล้วไอ้สัตว์เดรัจฉาน อย่างไอ้อาทมันเป็นใคร มันมีสิทธิ์อะไรถึงได้เอาคนที่ผมรักมาต่อรองสนองความเอาแต่ใจของมัน
หรือเพราะว่ามันรู้ มันรู้ว่าผมไม่กล้าเสี่ยงกับอนาคตและชีวิตของคนที่ผมรัก
นำเสียงแห่งชัยชนะของคนที่ผมเกลียดสุดหัวใจถึงได้หลอกหลอนผมตลอดเวลาแบบนี้
“แล้วถ้ากูต้องเป็นคนปลอบใจมึง กูต้องทำยังไง”
“เริ่มจากง่ายๆเลยนะ พรุ่งนี้อาทจะแวะไปรับกินข้าวตอนเย็น” นั่นหมายถึงหลังจากดำเนินแผนการให้อันดากับมันเลิกกันสินะ
“มะ ไม่ได้ กูไปหามึงเองสะดวกกว่า บอกมาว่าให้ไปหาที่ไหน” ผมอาจจะเป็นพี่ที่ใจร้าย แต่ผมไม่อยากเป็นพี่ที่เลวทรามแบบนั้นนะ
“เมฆ หัดพูดง่ายๆนะ แล้วอาทจะทำตามที่เมฆต้องการทุกอย่าง หกโมงเย็นมารออาทที่ริมรั้วข้างบ้าน เข้าใจมั้ย”
ผมหวังว่า
“หน้าที่คนคอยปลอบใจ” จะมีคนมาแทนที่ได้ในเร็ววันนะ
๐ สวัสดีค่ะ อ่านรีพลายแต่ละคนแล้ว ตื้นตันใจ....
ตอนแรกที่ตัดสินใจแต่งเรื่อง เพราะว่าเป็นนักอ่านมานานแต่ไม่เคยเป็นนักเขียนเลย
โดยนิสัยเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ ชอบหาอะไรทำตลอด วันนึงว่างๆเลยคิดหาอะไรทำ
แต่งนิยาย......เป็นอะไรที่ไม่เคยทำแต่เคยคิดว่า คนที่แต่งเค้าต้องทำยังไงนะถึงแต่งออกมาได้
มันมีโปรแกรมสำเร็จรูปอะไรมั้ย กว่าจะได้นิยายสักเรื่อง แต่ละคนมีเอกลักษณ์การเขียนเป็นของตัวเอง
ยิ่งทำให้อยากรู้ว่า ถ้าวันนึงเราแต่งนิยาย มันจะออกมายังไงนะ
แล้ววันเบิกฤกษ์ก็มาถึง ไม่รู้ว่าการเริ่มนิยายสักเรื่อง ต้องเริ่มนับ 1 ที่ไหน วางพล็อต วางตัวละคร หรืออะไร
แต่นิยายเรา เริ่มจาก ได้ชื่อเรื่องค่ะ มันลอยขึ้นมาเอง เลยไปเคาะ M บอกพี่คนนึงว่า
เรา: พี่.......ๆ(นักเขียนชื่อดังคนนึงที่ทุกคนรู้จักกันดี) อยากแต่งนิยายหวะ ตอนนี้มีชื่อพระเอกนายเอกกับชื่อเรื่องแล้ว
พี่คนนั้น : แล้วอะไรที่ยังไม่มี
เรา: พล็อตเรื่อง
พี่คนนั้น : ไปกระโดดน้ำตายซะ!!
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องนี้ก็ออกมาจนได้ ตามความป่วงของเรา คุยกะนุ้งเซว่า ไม่คิดว่าตัวเองจะทำมาได้ถึงตอนนี้
ยิ่งเขียนก็ยิ่งผูกพันธ์ เราเองก็ใจหายที่คิดว่า อีกไม่น่าจะเกิน 5 ตอนจะให้จบแล้ว กลัวว่าทุกคนจะเบื่อ แต่พอมาเจอรีพลายเข้าไป ยอมรับเลยว่าเราดีใจมาก ที่หลายคนบอกว่ายังไม่อยากให้จบ รู้สึกตรงกันว่าดันผูกพันธ์กับพี่เมฆท่านฉาน
ก็เลยคิดว่า ถ้างั้น เมื่อจบเนื้อเรื่องหลักที่เราวางไว้แล้ว จะส่งตอนพิเศษมดแดงแฝงพวงมะม่วงอย่างพี่ฉานมาสักสองสามตอน แล้วมีน้องที่สนิทกันคนนึงบอกว่าอยากอ่านความป่วนของโลลิคอนถาปัตย์กับเด็กเกรียนปลื้ม เราว่านะกว่าเรื่องนี้จะโดนย้ายไปนิยายจบแล้ว สาวกพี่เมฆทั้งหลาย คงเบื่อกันไปซะก่อนนั่นแหละ
จากเริ่มที่เราไม่เคยวางพล็อตอะไรเลย ก็ค่อยๆวางมากขึ้น ทำไมเมฆกับฉานต้องเป็นเด็กถาปัตย์และศิลปกรรม (ซึ่งนิยายนี่เด็กถาปัตย์เกลื่อนมาก) เราก็เรียนตามตรงว่า เรื่องแรกเราไม่ได้วางอะไรไว้ ไม่ได้หาข้อมูลอะไร สองคณะนี้เป็นอะไรที่ใกล้ตัวเราที่สุดแล้ว ข้อมูลอยู่ในหัว ยังไงก็ต้องขอบคุณสาวกพี่เมฆพี่ฉานทุกคนนะค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะอีกเรื่องคือหลังๆมานี้ต่อช้ากว่าเมื่อก่อน เพราะว่าตอนแรกนั้นเรามีสต็อกไว้ให้นุ้งเซ ประมาณห้าตอนค่ะเลยลงตรงเวลา หลังๆมาสมองปั่นไม่ทันบวกกับยุ่งเหยิงกับงานเลยกลายเป็นว่ามันต้องลงแบบตอนต่อตอนเลยช้าแบบนี้นะ ขอโทษนะคะ ๐.....
